. [Oneshot] Christmas Song
. Kise Ryouta x Haizaki Shougo
. PG
. Composed by CoffeeMate in D
Note :: เหลืองเทาหลังจบ Winter Cup ปีแรกที่ไฮซากิแพ้ให้กับคิเสะ ไม่มีอะไรมาก ไม่รู้ด้วยว่าจะมีคนอ่านหรือเปล่า แต่แค่เขียนฉากน่ารักๆ ของเหลืองเทาบ้าง นิมิตในหัวชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เขียนตอนนี้ก็ไม่รู้จะเขียนตอนไหน ทั้งหมด 18 หน้า ใช้เวลาเขียนวันเดียวเสร็จ อยากแต่งโดยใช้เพลงนี้เป็นตีมมานาน ขออนุญาตแทรกอาคาฟุริหน่อยนะคะ
“ขอโทษนะฮะ แต่คนนี้เขามากับผมล่ะ”
โตเกียวเอกิ….คริสต์มาส
ไฮซากิ โชโงะที่ถึงแม้บ้านเกิดจะอยู่ที่นี่แต่ตอนนี้ไปเรียนม.ปลายไกลถึงชิซึโอกะไม่ได้อินกับวันเทศกาลที่บนถนนมีแต่ไฟโง่ๆ ให้คนที่แต่งตัวโง่ๆ ใส่ที่คาดผมเขากวางมาเดินดูพร้อมกับเปิดเพลงที่ได้ยินจนเบื่อลั่นถนนแบบนี้เท่าไหร่หรอก เพียงแค่วันอย่างนี้น่ะนอกจากต้องทนรำคาญเพราะคนเยอะหน่อย ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้างคือผู้หญิงเยอะ แถมแต่ละคนก็ค่อนข้างง่าย ชีวิตที่รายล้อมแต่พวกตัวผู้ที่น่ารำคาญของไฮซากิ โชโงะอยากได้ผิวนุ่มๆ ตัวหอมๆ ของผู้หญิงมาทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยบ้าง ไม่จำเป็นจะต้องไปจบที่เตียงก็ได้ แค่ได้และเล็มนิดๆ หน่อยๆ พอหอมปากหอมคอก็พอใจแล้ว
แล้วตรงหน้าเขาก็กำลังมีผู้หญิงแบบที่ว่ายืนอยู่ด้วยถึง 2 คน เป็นพี่สาวเรียนมหาลัยที่รูปร่างหน้าตาแบบเดียวกับที่เขาชอบทั้งคู่ คนนึงผมยาวม้วนเป็นลอนสวย หน้าอกขนาดพอดีมือ ส่วนอีกคนตัดผมสั้นดูทะมัดทะแมง นมเล็กไปหน่อยแต่เอว สะโพก กับขายาวเรียวนั่นก็พอจะแทนกันได้ หลังจากนี้ไฮซากิกำลังจะพาเธอทั้งคู่ไปคาราโอเกะ ถ้าสถานการณ์เป็นใจอาจจะได้ไปต่อกับคนใดคนหนึ่งในนั้น หรือถ้าโชคดีมากๆ ก็อาจจะได้ทั้งสองคนเลยก็ได้ แต่พอถึงช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังจะเริ่มสนุกขึ้นมาแล้วแท้ๆ ก็ดันมีแขนของใครก็ไม่รู้ยื่นเข้ามาพาดคอเขาจากด้านหลัง น้ำเสียงที่ต่างจากปกติที่เคยได้ยินเพราะมันถูกทำให้ทรงเสน่ห์ด้วยความตั้งใจของเจ้าตัวทำให้ผู้หญิงสองคนนั้นเงยหน้ามองแล้วนิ่งค้างไปเหมือนต้องมนต์เลยทีเดียว เฮ้ย! ไม่ตลก นี่มันเหยื่อของเขานะเว้ย!!
“แค่มาสายไปหน่อยเดี๋ยวเอง อย่าโมโหจนเทนัดไปเที่ยวกับคนอื่นอย่างนี้สิโชโงะคุง”
“......เรียวตะ!”
เด็กหนุ่มตัวสูงไล่เลี่ยกัน ผมสีทองเป็นประกาย โครงหน้าเรียวได้รูป ปากบางเหมือนผู้หญิงพอๆ กันกับดวงตาที่ขนตายาวเฟื้อยอย่างกับปัดมาสคาร่า แต่สีอำพันที่อยู่ด้านในนั้นกลับคมกริบจนคุมความหวานเอาไว้ได้อยู่หมัด ต่างหูสีเงินที่ใส่ไว้แค่ข้างเดียวให้ทั้งความรู้สึกขี้เล่นและเป็นผู้ใหญ่ในคราวเดียวกัน อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในชุดนักเรียนหรือชุดวอร์ม แต่เป็นกางเกงยีนส์ขายาวกับเสื้อเชิ้ตทับด้วยคาร์ดิแกนกับโค้ทตัวยาวอีกชั้น คอมบิเนชั่นเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสาร แค่หน้าตาก็โดดเด่นอยู่แล้ว รูปร่างยังสูงลิ่วเพราะเป็นนักบาส บวกกับดวงตาที่เปลี่ยนสีได้ตามแสงตกกระทบ บางทีเป็นสีน้ำผึ้ง บางทีก็เป็นสีอำพัน เพราะไอ้หมอนี่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังไฮซากิจึงมองเห็นแค่เสี้ยวใบหน้าที่น่าแกว่งหมัดไปกระทบเสียจริงๆ เขาไม่รู้ว่ายัยโง่ 2 คนตรงหน้านี้มองเห็นคิเสะ เรียวตะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ดูจากดวงตาที่เยิ้มไปหมดนั่นก็พอจะรู้ได้ว่าเหยื่อของเขากำลังจะหลุดมือไปแล้ว
“ใครเขานัดอะไรกับแกวะ!!”
“น่าๆ โชโงะคุง เลิกโวยวายแล้วไปกันเถอะ หนาวจะตายอยู่แล้ว”
“เฮ้ย!! ปล่อยสิเว้ย!!”
“เอ่อ…..”
พอถูกแขนที่ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักลากให้หันหลังกลับไปด้วยกัน เสียงหวานๆ ที่ไฮซากิอุตส่าห์คิดว่าคืนนี้ทั้งคืนคงดังเจื้อยแจ้วอยู่ข้างตัวเขาให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยก็เอ่ยแทรกขึ้นมา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเอสแห่งทีมบาสไคโจเหมือนจะกระชับวงแขนที่ล็อคคออีกฝ่ายแน่นขึ้นไปอีกแล้วตั้งท่าจะเดินไปเลยโดยไม่สนใจ แต่ไฮซากิขืนตัวเอาไว้สุดชีวิต ใครจะไปกับแกฟระ ฉันจะไปเที่ยวกับแม่พวกนี้ ส่วนแกน่ะจะไปตายที่ไหนก็ไปไป๊!!
“เป็นเพื่อนกันเหรอคะ ทางนี้ก็มี 2 คนเหมือนกัน ครบคู่พอดี ถ้ายังไงไปเดินเที่ยวด้วยกันไหมคะ”
บอกแล้วว่าพี่สาวพวกนี้น่ะรู้งาน ไฮซากิหันกลับไปก็เห็นใบหน้าสวยหวานที่แต่งแต้มเครื่องสำอางในปริมาณที่พอเหมาะเรื่อด้วยสีเลือดฝาดอย่างน่ามองแล้ว บวกเพิ่มเข้าไปอีกด้วยกิริยายกมือขึ้นปัดปลายผมไปทัดหู พวกหล่อนช่างรู้จักตัวเองเป็นอย่างดีและรู้ว่าทำยังไงถึงจะดูน่ารักในสายตาคนอื่นได้ นับว่าเป็นเหยื่อประเภทที่ให้ความรู้สึกดีที่สุดเวลาเคี้ยว คนที่ไม่ยอมปล่อยมือออกจากคอเขาเสียทีก็ต้องรู้เหมือนกัน ถ้าไอ้เวรนี่เป็นผู้ชาย ยังไงก็ต้องจับความรู้สึกได้สิวะ
แต่นอกจากแขนที่แข็งเหมือนคีบจะหนีบคอเขาแน่นจนหันไปไหนมาไหนแทบไม่ได้แล้ว คิเสะ เรียวตะยังปฏิเสธสะพานที่ทอดมาให้เห็นชัดๆ ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสว่างไสวอีกต่างหาก
“ขอโทษนะฮะ แต่วันนี้มีธุระสำคัญที่ต้องไปทำกับคนๆ นี้แค่ 2 คนน่ะ ไปเที่ยวด้วยไม่ได้จริงๆ ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน”
“เอ๋…..”
ไฮซากิน่ะได้ยินเสียงร้องอย่างเสียดายดังมาจากด้านหลังในตอนโดนคนที่จำไม่เคยได้ว่านัดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ลากให้เดินไปด้วยกันต่อ ร่างสูง 188 cm ดิ้นขลุกขลักแต่ดันสู้แรงคนที่สูงกว่ากันแค่เซนเดียวไม่ได้ เสียงของสองสาวที่ความจริงต้องมาเดินอยู่ข้างๆ เขาแล้วตอนนี้ดังตามหลังมา
“เท่จัง ตัวก็สูงด้วย เป็นนักกีฬากันหรือเปล่านะ”
“คนนึงเป็นนายแบบไม่ใช่เหรอ ฉันจำได้ คิเสะเรียวที่ยูมิจังชอบพูดถึงบ่อยๆ ไง”
“เอ๊ะ!! จริงเหรอ!!?? มี Instragram รึเปล่าน่ะ ”
“ลองหาดูเร็ว ว่าแต่สองคนนั้นเป็นเพื่อนกันเหรอเนี่ย สุดยอดไปเลยเนอะ หล่อทั้งคู่เลยจริงๆ”
“หึๆๆๆ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังอยู่ข้างหูทำเอาเปลือกตาไฮซากิกระตุกยิกๆ ยังไม่ทันได้ไหวตัวทำอะไรก็มือไอ้เวรตัวที่เดินอยู่ข้างๆ ก็ไหลจากไหล่ไปโอบอยู่ที่เอวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้ว เสียงของผู้หญิงสองคนที่ได้ยินจากด้านหลังเงียบกริบ ไฮซากิขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า กำหมัดฟาดหัวทองๆ ของอีกฝ่ายแบบไม่แม้แต่จะยั้งแรง
“โอ๊ย!! เจ็บนะ โชโงะคุง”
“ทำบ้าอะไรของแกวะ!! จะอ้วก!! ขนลุก!! ไปห่างๆ เลย!!!”
“ใจร้ายยยยยย ฉันเป็นนายแบบนะ ถ้าหน้ามีแผลขึ้นมาจะทำยังไง”
“เรื่องของแกสิวะ!!”
ไฮซากิ โชโงะเป็นคนจุดเดือดต่ำ เรื่องนี้ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดี แถมยังเป็นคนไม่เคยควบคุมตัวเอง ทั้งความรุนแรงและเรื่องอื่นๆ ที่ปกติไม่มีใครทำ เขากล้าที่จะทำทั้งหมดโดยไม่เคยสนหัวใคร ไอ้ผู้ชายหัวทองนี่มันกวนประสาทไฮซากิมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว เสียงของอดีตคนเกือบจะได้เป็นคิเซกิเซไดพูดหลังจากโดนลากออกมาจาก Hunting ground อย่างไม่เต็มใจนั้นทั้งแหบและต่ำ ดังรอดไรฟันเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้าย ใครที่ไม่ใช่คนโง่ก็ควรจะรู้แล้วว่าตอนนี้ไฮซากิโมโหจริงๆ ปกติแล้วคนในทีมฟุคุดะโซโกคนอื่นๆ ได้ยินอย่างนี้ไม่ว่าใครก็รีบหนีให้ห่างจากไฮซากิแล้ว มีแต่ไอ้หมาขนทองตัวนี้เท่านั้นแหละที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเอาเสียเลย
“น่าๆ อย่าเพิ่งโมโหสิฮะ โชโงะคุง”
“เห็นหน้าแกใครมันจะอารมณ์ดีได้วะ แม่ง เสียอารมณ์ จะไปไหนก็ไปเลยไป!!”
“เอ๋~ นานๆ จะได้เจอกันทั้งที อ่ะ…..แต่ฉันกับโชโงะคุงก็เพิ่งจะเจอกันไปนี่นา ได้ดู Winter Cup รอบสุดท้ายมั้ยฮะ อาคาชิจจิกับคุโรกจจิน่ะสุดยอดไปเลยเนอะ”
“ใครจะสน ฉันเลิกเล่นบาสแล้ว”
“จริงเหรอ?”
คำถามที่ไม่มีใครตอบ ไฮซากิจิ๊ปากเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างของคิเสะที่หางตา ตอนแรกว่าจะเดินเที่ยวให้หนำใจสักหน่อย เพราะอยู่ดีๆ ไอ้หมอนี่ก็โผล่มานั่นแหละ นอกจากจะเสียผู้หญิงไปตั้งสองคนแล้ว แค่เห็นหน้าคนที่เกลียดที่สุดในโลกก็ทำให้อารมณ์ดีๆ กลับตาลปัดไปหมด ไม่เอาแล้ว ช่างหัวคริสต์มาสแม่งสิ
ขายาวๆ ของไฮซากิเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน จากที่เดินไปตามทางเดียวกันกับที่ทุกคนมุ่งหน้าไป ไฮซากิกลับตั้งใจจะตัดผ่านกลุ่มคนเพื่อกลับสถานีรถไฟเสียอย่างนั้น เล่นเอาอีกคนที่อยู่ข้างๆ รีบคว้าแขนเอาไว้แทบไม่ทันเลยทีเดียว
“เดี๋ยวก่อนสิ! จะไปไหนน่ะ โชโงะคุง”
“ใครใช้ให้แกบังอาจเอามือมาจับฉันวะ ฉันจะกลับแล้ว!”
“เอ๋~~ เพิ่งจะ 2 ทุ่มเองนะ โชโงะคุง คริสต์มาสมันเพิ่งจะเริ่มต้นเองไม่ใช่เหรอ”
“หมดอารมณ์แล้ว”
“อยู่ด้วยกันก่อนสิ โชโงะคุง”
“แกเลือกเอาระหว่างให้ฉันกลับดีๆ ตอนนี้ หรือให้ฉันลากแกไปซ้อมจนพอใจก่อนค่อยกลับ เอาแบบไหนดี หา เรียวตะคุง”
“ไม่เอาทั้งสองแบบเลยไม่ได้เหรอ”
ยิ้มบางๆ ของไอ้คนตรงหน้านี่ทำให้เขาขนลุกแล้วขนลุกอีก มันอะไรกันวะ คิเสะ เรียวตะมันช็อคแพ้ Winter cup มาจนสมองกลับเลยหรือไง ปกติเขากับอีกฝ่ายเป็นเหมือนไฟกับน้ำมัน อยู่ใกล้กันทุกอย่างก็ไหม้เป็นจุล ทั้งๆ ที่สไตล์การเล่นบาสเรื่อยไปจนถึงความสามารถพิเศษก็คล้ายกันเกือบทั้งหมด แต่ดันเป็น 2 คนที่เกลียดกันมากที่สุด เขายังคงไม่ยอมรับอีกฝ่ายแม้จะแพ้ให้กับไคโจไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ก็ตาม ไม่ว่ายังไงคิเสะ เรียวตะก็เป็นคนที่ไฮซากิ โชโงะเกลียดขี้หน้ามากที่สุด ทั้งในอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่นี่ และในอนาคตต่อจากนี้ไป และไฮซากิเองก็เคยมั่นใจว่าอีกฝ่ายก็คิดแบบเดียวกัน
แต่ไอ้การตามติดเป็นเห็บเกาะตูดหมานี่มันคืออะไรวะ ต่อยไปทีนึงแล้วยังไม่ยอมถอยอีก มันต้องให้จับมาซ้อมจริงๆ ใช่ไหม ต้องให้ลงไม้ลงมือให้ได้ใช่ไหม หา เรียว~ตะ~คุง~~
“ถ้าโชโงะคุงกลับตอนนี้ ฉันจะส่งรูปนี้ไปให้กับเพื่อนร่วมทีมของโชโงะคุงทุกคนเลยนะ”
คำพูดที่อยู่ดีๆ ก็โพล่งออกมาของคิเสะทำเอาคนฟังปรับอารมณ์ไม่ทันไปวูบหนึ่ง อีกฝ่ายแย้มรอยยิ้มการค้า ชูโทรศัพท์มือถือที่กำลังเปิดภาพของใครสักคนให้เห็นในระดับที่สายตาจะมองถนัด ไฮซากิจะไม่สนใจแล้วในตอนแรก แต่เพราะความรู้สึกคุ้นๆ เลยยอมเสียเวลาเพ่ง ทันทีที่ตาโฟกัสเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายโชว์ให้ดูได้ถนัด ดวงตาสีเทาก็เบิกกว้าง
“เฮ้ย!!”
มันคือภาพของเขาที่กำลังก้มหน้าเล่นกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ อะไรสักอย่าง มองดีๆ แล้วมันคือหมาสีดำที่อยู่ในกระบะหลังรถซาเล้งคันหนึ่ง จำได้แล้ว ก่อนแข่ง WC ไฮซากิกลับบ้านที่อยู่โตเกียวก่อน ตอนที่กำลังเดินผ่านร้านขายเบอร์เกอร์ร้านนึงเขาเห็นไอ้รถประหลาดคันนี้จอดอยู่ด้านหน้า หูเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่างตะกุยไม้กระดานดังแกร่กๆ พอชะโงกหน้ามองก็เจอหมาตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง ที่หยุดยืนมองก็เพราะมันหน้าตาเหมือนเท็ตสึยะต่างหาก ไม่ใช่ว่าไฮซากิจะเกิดมีใจเมตตาปราณี รักสัตว์และสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ขึ้นมาเสียเมื่อไหร่ แต่ภาพที่ถ่ายออกมาได้นั่น…..ถ้ามันแพร่ออกไปล่ะก็ รับรองว่าชื่อเสียงแยงกี้ของเขาจะต้องเละเทะไม่มีชิ้นดีอย่างแน่นอน
เพราะมุมมองที่ดูก็รู้ว่าแอบถ่ายนั่นมันทำให้มองเห็นเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แม้จะตัวสูงแต่ก็ยอมย่อขาลงมาให้เจ้าสุนัขตัวเล็กกว่าเงยหน้ามองได้ถนัด มือที่กำลังยื่นออกไปดูยังไง๊ยังไงก็เหมือนกำลังจะลูบหัวปุกปุยนั่นด้วยความเอ็นดู ยังไม่นับแสงของพระอาทิตย์ที่มีเมฆบังซึ่งส่องลงมาอย่างนุ่มนวล ตกกระทบเสี้ยวหน้าของเขาในมุมที่พอดิบพอดี ทำให้โครงหน้าที่เหมือนตัวร้ายในละครดูอ่อนโยนขึ้นหลายเท่า แม้แต่ไฮซากิเห็นตัวเองแล้วยังตกใจ พวกคนอื่นนอกจากเขาได้เห็นภาพนี้แล้วคงช็อคจนเป็นลมแน่ๆ
“เขาบอกว่าคนที่รักสัตว์ไม่มีใครเป็นคนไม่ดีนะฮะ โชโงะคุง”
“ไม่ได้รักโว้ย!! แค่จะก้มหยิบมันมาดูใกล้ๆ เฉยๆ ว่าแต่แกไปเอารูปนี้มาจากไหน แล้วนี่มันรูปแอบถ่าย….เฮ้ย!! นี่แกเป็นพวกสตอล์กเกอร์เหรอวะ!!!”
“ไม่ใช่สักหน่อย!......รูปนี้ถ่ายมาได้ยังไงน่ะฉันไม่รู้หรอก แต่ถ้าถามว่าไปเอามาจากไหนล่ะก็….ฉันได้รูปนี้มาจากอาคาชิจจิล่ะ ส่วนอาคาชิจจิก็น่าจะได้มาจากโมโมจจิอีกที”
“หนอย…...โมโมอิ!! แล้วแกจะเก็บรูปฉันเอาไว้ในโทรศัพท์มือถือทำไมวะ ขนลุก!”
“ก็แค่คิดว่าน่าจะมีโอกาสเอามาทำประโยชน์อะไรได้ในอนาคตบ้าง ไม่น่าเชื่อเลยนะฮะว่าโอกาสนั้นมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้”
หนอยยยยย ไอ้สารเลว
ไฮซากิกำหมัดแน่น อยากคว้าโทรศัพท์เครื่องนั้นมาโยนลงพื้นแล้วกระทืบให้หน้าจอแตกละเอียด เอาแบบที่มันจะเปิดขึ้นมาไม่ได้อีกเลย แต่เหมือนนกรู้ เจ้าของมือถือขยับมือวูบเดียว โทรศัพท์เครื่องนั้นก็หายกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของอีกฝ่าย หมดโอกาสที่ไฮซากิจะแย่งมาได้อีกต่อไป
“ถ้ายอมมาด้วยกันดีๆ ก่อนกลับบ้านฉันจะลบรูปนั้นให้ก็ได้ แต่ถ้าไม่ยอมมาด้วยกัน รูปนั้นจะโดนส่งเข้าอีเมลของสมาชิกทุกคนในทีมฟุคุดะโซโกทันทีไม่ว่าจะเป็นเรกูล่าหรือไม่ก็ตาม ตกลงไหมฮะ”
“...........แกต้องการอะไรกันแน่ เรียวตะ”
“ไม่มีอะไรมากหรอกฮะ แค่อยากจะเดินเที่ยววันคริสต์มาสกับโชโงะคุงก็เท่านั้นเอง ไม่นานหรอก แค่สักชั่วโมงเดียวก็ได้”
หมาป่าสีเทามองรอยยิ้มบางๆ ของคนตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก
“แค่ชั่วโมงเดียวก็พอใช่ไหม”
“ฮะ แค่ชั่วโมงเดียว ฉันสัญญา”
“..........ถ้าเกินจากนั้นฉันต่อยแกตามจำนวนวินาทีแน่”
แล้วไฮซากิก็เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ทก่อนเริ่มต้นออกเดินไปทางเดิมโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายรีบวิ่งตามมาจากด้านหลัง ประสาทหูที่ค่อนข้างดีจับเสียงพึมพำว่าขอบคุณฮะได้เบาๆ แต่ไฮซากิทำเป็นไม่ได้ยิน
“ว่าแต่ มือหนักจริงๆ เลยนะฮะ กลับบ้านไปมันต้องบวมแน่เลย นี่เท้าที่โดนโชโงะคุงเหยียบตอนแข่งก็ยังไม่ค่อยหายดีเลยนะ เพราะใครก็ไม่รู้ฉันถึงไม่ได้ลงแข่งกับมิโดริมัจจิ WC ปีนี้ไคโจได้แค่ที่ 3 ซะอย่างงั้น”
“อ้อเหรอ สมน้ำหน้าด้วยนะ”
“มันเจ็บจริงๆ นะฮะ โชโงะคุง”
“ก็ตั้งใจจะทำให้เจ็บไงล่ะวะ อย่างแกน่ะวิ่งไม่ได้ไปตลอดชีวิตเสียเลยก็ดี”
“แล้วโชโงะคุงเจ็บหรือเปล่าฮะ”
“.....................”
“ตรงมุมปาก….ยังมีรอยแตกอยู่เลย”
ไฮซากิเงียบกริบ
แผลที่มุมปากนี่เป็นฝีมือของอาโอมิเนะ ไดกิ ความจริงแล้วหลังจบแมทซ์ที่แข่งกับไคโจ ไฮซากิตั้งใจดักรอคิเสะที่หน้าโรงยิม อยากจะต่อยหน้าสักหมัดให้หายแค้น แต่ดันโดนไดกิที่เดาทางออกมาเจอเข้าแล้วซัดหน้าเขาไปหนึ่งหมัดเต็มๆ เสียก่อน มึนจนเห็นดาว ความอยากแก้แค้นคิเสะหายวูบ สุดท้ายเขาก็เดินกลับไปพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิด ล้มเลิกความคิดที่จะเล่นนอกกติกาไปโดยปริยาย
ไม่คิดว่าคิเสะ เรียวตะจะถามคำถามนั้น ถ้าหมอนี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างเดียว….ไดกิเล่าให้ฟังสินะ เหอะ แล้วหมอนี่ยังมีหน้ามาเดินดูไฟวันคริสต์มาสกับคนที่เกลียดตัวเองจนถึงขั้นจะดักทำร้ายร่างกายอย่างเขาอีก ถ้าไม่ใช่มองโลกในแง่ดีจนในสมองมีแต่ทุ่งดอกไม้ ก็ต้องเป็นคนหน้าด้านหน้าทนอย่างไม่แพ้ใครในโลกนี้แล้ว
“ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เหรอ ขอโทษนะฮะ ทำให้อึดอัดเลย”
“จะพูดหรือไม่พูดอะไรแค่อยู่กับแกก็รู้สึกอึดอัดทั้งหมดนั่นแหละ”
“เหรอฮะ แย่จัง แต่สาวๆ คนอื่นเขาบอกว่าชอบอยู่กับฉันกันนะ?”
“ถ้าอย่างงั้นก็ไปอยู่กับแม่พวกนั้นเสียสิ!! ฉันเองก็อยากเดินเที่ยวกับผู้หญิงมากกว่าแกเหมือนกันโว้ยยยย คริสต์มาสทั้งทีทำไมต้องมาเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับตัวผู้อย่างแกด้วยวะ”
นั่นแหละคือเรื่องที่ไฮซากิไม่เข้าใจมากที่สุด อันที่จริงเขาเกลียดคิเสะมากเกินกว่าจะเสียเวลาทำความเข้าใจ ไม่ว่าสิ่งที่อยู่ในหัวของหมอนี่จะเป็นเพราะเหตุผลอะไรเขาไม่อยากรู้ ตอนนี้ต้องการเพียงอย่างเดียวคือขอให้หนึ่งชั่วโมงมันจบลงเร็วๆ แล้วเขาจะได้กำจัดคิเสะ เรียวตะไปให้พ้นจากคลองสายตาเสียที
“โชโงะคุงนี่น้า ไม่ได้เจอกันนาน อย่าทำตัวเหินห่างกันขนาดนี้สิฮะ”
“จำไม่เห็นจะได้ว่าเคยไปสนิทกับแกตอนไหน”
“ช่วงม.ต้นก็ 1 on 1 กันตั้งหลายรอบนี่นา”
“ที่แกแพ้ทุกรอบน่ะเหรอ เรียวตะ”
“แต่รอบนี้ชนะแล้วนะ”
คิเสะพึมพำเบาๆ ไฮซากิร้องเหอะ! กะอีแค่ชนะได้ครั้งเดียว เขาไม่เป็นเดือดเป็นร้อนหรือเจ็บใจอะไรขนาดนั้นหรอกน่ะ ความจริงสำหรับเขาบาสเก็ตบอลก็เป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาอยู่แล้ว ไม่ได้คิดจะเป็นจริงเป็นจังอะไร หลังจากนี้ก็ตั้งใจว่าจะเลิกเล่นแล้วด้วย เพราะฉะนั้นไอ้หมาขนสีทองนี่จะชนะหรือแพ้ใครอีกสักกี่ครั้งก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาทั้งนั้นแหละ
“โชโงะคุงจะเลิกเล่นบาสแล้วจริงๆ เหรอฮะ”
“เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก”
“อย่าเพิ่งเลิกเลยฮะ มาเล่นด้วยกันอีกเถอะ”
“นั่นก็ไม่เกี่ยวกับแกเหมือนกัน”
“ฉันน่ะชอบ….บาสเก็ตบอลของโชโงะคุงนะ ถึงแม้ว่าจะดูนิสัยไม่ดีไปหน่อย แต่นอกจากฉันแล้ว ตอนที่อยู่ในสนามโชโงะคุงก็ไม่เคยทำร้ายใครจริงๆ เลยนี่นา”
“ก็ถ้าอัดอีกฝ่ายด้วยบาสเก็ตบอลได้ ก็ไม่ต้องลงมือต่อยให้เสียเวลาไม่ใช่เรอะ”
รอยยิ้มของโชโงะคุงน่ะเห็นกี่ทีก็รู้สึกเหมือนเป็นตัวร้ายที่หลุดออกมาจากในละครจริงๆ ไฮซากิได้ยินอีกฝ่ายพูดพึมพำ ฉันจะยิ้มแบบไหนก็ไม่ใช่ธุระอะไรของแก เขาตอบกลับ
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับมาอัดฉันด้วยบาสเก็ตบอลอีกสักครั้งสิ”
“...................”
“รอโชโงะคุงอยู่นะฮะ”
ไฮซากิไม่ตอบ ไม่รู้ว่าทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รับรู้ ไม่รับฟัง หรือว่ายังไม่มีคำตอบให้จริงๆ คิเสะยิ้มบางๆ อีกครั้งก่อนจะยอมเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่ เท้าที่โชโงะคุงเหยียบน่ะมันเจ็บจริงๆ นะฮะ โค้ชบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลารักษาตัวอีกนานเลยกว่าทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม ทุกวันนี้โดนสั่งห้ามวิ่ง ห้ามซ้อม ให้หยุดพักจนกว่าจะเปิดปีใหม่เลยด้วย แม้แต่สตรีทบาสยังห้ามแอบไปเล่นเลย”
“ใครถาม”
“ไม่มีหรอกฮะ แค่อยากบอกไว้ เผื่อมีคนรู้สึกผิดเฉยๆ”
“อา…..คนรู้สึกผิดเหรอ มีสิ ฉันเอง รู้สึกผิดมากๆ เลย รู้สึกผิดที่รู้งี้วันนั้นน่าจะเหยียบให้แรงกว่านี้ เอาให้แกเดินออกมาสร้างความวุ่นวายให้คนอื่นแบบนี้ไม่ได้ วันนั้นที่เหยียบเบาไปน่ะฉันรู้สึกผิดจริงๆ”
คิเสะฟังแล้วก็ส่ายหน้า
คนๆ นี้นี่….ไม่น่ารักเอาซะเลย
“ยังจะกล้าพูดอีกนะ โชโงะคุง”
มือใหญ่ยกขึ้น ตั้งใจจะวางลงบนศีรษะที่เต็มไปด้วยผมถักสีดำของอีกฝ่ายแล้วขยี้แรงๆ ให้สมใจอยากแต่กลับถูกปัดทิ้งดังเพี้ยะเสียก่อน
“จะทำอะไร”
“เอ๋? ขอจับหน่อยก็ไม่ได้เหรอ”
“ใครจะให้แกบังอาจมาจับซี้ซั้วจนผมฉันเสียทรงวะ กว่าจะถักได้แต่ละเส้นนี่มันลำบากนะโว้ย”
“เอ๊ะ? โชโงะคุงทำผมทรงนี้เองเหรอ”
“ทำเองก็บ้า พี่ชายทำให้ต่างหาก”
“หา? พี่ชาย?”
“เออน่ะสิ”
“โชโงะคุงมีพี่ชายด้วยเหรอ”
คนถูกถามจิ๊ปากอีกรอบเมื่อผู้ชายผมสีทองที่เดินอยู่ข้างๆ ทำหน้าเหมือนมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ลำดับ 8 ของโลก ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย แค่เขาบอกอีกฝ่ายว่ามีพี่ชายก็เท่านั้นเอง
“เออ! เป็นช่างทำผม บอกแค่นี้พอใจหรือยังล่ะ คิเสะ เรียวตะซามะ”
“เห….แบบนี้ก็ดีเลยนะ จะเปลี่ยนทรงผมบ่อยแค่ไหนยังไงก็ได้ ว่าแต่ ผมสีดำนี่ย้อมเอาเหรอ จำได้ว่าผมจริงๆ ของโชโงะคุงเป็นสีเทาใช่ไหมฮะ”
“เออ”
“จะย้อมทำไมก็ไม่รู้ ผมสีเดิมก็สวยดีออก”
ไฮซากิเหลือบตามองคนข้างๆ พวกเขากำลังเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย รอบด้านเป็นดวงไฟนับแสนล้านดวงที่ประดับประดาอย่างสวยงามสมกับที่เป็นวันคริสต์มาส แต่ทั้งคิเสะและไฮซากิต่างก็ไม่มีใครสนใจจะหยุดถ่ายรูปเลย สงสัยเหมือนกันว่าไอ้หนึ่งชั่วโมงนี่คิเสะ เรียวตะตั้งใจจะทำอะไร ไม่ใช่ว่าไม่มีแผนอะไรเลยหรอกนะ
“ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับแก”
พูดคำนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
“จับไม่ได้เลยเหรอฮะ มันจะหลุดเหรอ”
“ก็ไม่ได้หลุดง่ายขนาดนั้น แต่มีโอกาสจะหลุด ถ้าหลุดต้องไปเก็บเข้าช่อใหม่ นาน รำคาญ”
“ดูรักษายากเนอะ”
“เออสิ จะสระก็ต้องใช้เวลา เป่าไม่ดีก็ชื้นอีก ต้องไล่เป่าทีละช่อ ทำไปเรื่อยๆ ผมหลุดออกมาก็ต้องนั่งถักเก็บเข้าไปใหม่ เวลานอนก็เจ็บหัวด้วย”
ไฮซากิได้ยินเสียงคิเสะพึมพำว่า ลำบากขนาดนี้แล้วจะทำทำไม
“ทุกวันนี้ก็ต้องใช้ไดร์เป่าผมเหรอ”
“เออ”
“โชโงะคุงที่ดูแลตัวเองมากขนาดนั้น….พูดอีกแง่นึงก็น่าจะเป็นภาพที่เกินคาดเหมือนกันนะ”
ทีแรกอิมเมจในหัวเกี่ยวกับไฮซากิของคนหลายคนอาจจะเป็นผู้ชายที่ไร้ระเบียบแบบแผน ไม่ดูแลตัวเองให้สมกับคุณลักษณะที่ไม่เข้ารีดเข้ารอยของอีกฝ่าย แต่การเลือกทำทรงผมที่ต้องเสียเวลาดูแลเป็นอย่างมากไม่งั้นจะทำให้ดูสกปรกได้ในทันทีแบบนี้เปลี่ยนความคิดของคิเสะไปได้นิดหน่อย โชโงะคุงที่นั่งอยู่หน้ากระจกเป็นชั่วโมงๆ เพื่อค่อยๆ ใช้ไดร์เป่าผมแต่ละช่อให้แห้งเหรอ…..จะว่าไปแล้วก็อยากลองเห็นดูสักครั้งเหมือนกัน
“แล้วผมทรงนี้ ถ้าไม่อยากทำแล้วมันจะแก้ได้ไหม”
“หา? แก้หมายถึงแกะออกน่ะเรอะ”
“อืม”
“แกออกมาก็ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว การทำผมเดรดร็อคมันต้องยี ต้องขูดผมออกมาเป็นก้อนๆ ต่อให้คลายเปียออกแล้วรีดยังไงผมก็ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม”
“แล้วแบบนี้ต้องทำยังไงน่ะ”
“ตัดอย่างเดียว”
“เอ๋!!?? หมายความว่าถ้าจะเปลี่ยนทรงโชโงะคุงก็จะต้องหัวเกรียนเหรอ”
“มันก็ต้องเป็นอย่างงั้นแหละ”
“ทำไมก่อนทำไม่ปรึกษาใครเลยล่ะฮะ โถ่”
ก็บอกแล้วนะว่ามันเป็นเรื่องของฉัน ไม่! ใช่! เรื่อง! ของ! แก!
เวลายังไม่ทันจะถึงหนึ่งชั่วโมง ไฮซากิก็ต้องพูดประโยคนี้แล้วเป็นล้านครั้ง ถึงได้บอกไงว่าไม่อยากจะเห็นหน้าหมอนี่ ครบชั่วโมงเมื่อไหร่ คอยดูนะ เขาจะลบไอ้รูปอัปปรีย์นั่นแล้วเผ่นขึ้นรถไฟแบบไม่หันหลังกลับเลย
กำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ ประมาทไปหน่อย รู้ตัวอีกทีอีกฝ่ายที่เคยอยู่ข้างๆ มาตลอดก็เข้ามาใกล้เสียจนจะเอนตัวออกก็ไม่ทันเสียแล้ว ขาที่ตอนแรกก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมายของไฮซากิหยุดนิ่งเหมือนมีใครกด Pause รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่เป่ารดอยู่กลางหัว
คิเสะ เรียวตะกำลังชะโงกหน้าเข้ามาหาเขา กดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมกลางกระหม่อมอย่างอุกอาจที่สุด…..และขณะนี้เขาสองคนกำลังเดินอยู่บนถนนด้านหน้าสถานีรถไฟโตเกียว!!!
“ไอ้!!!!.....ทำอะไรของแกวะ!!!!!”
“อืม….หอมจริงๆ ด้วย ไม่มีกลิ่นอับเลย ความจริงตอนแรกก็ได้กลิ่นแชมพูจางๆ อยู่แล้วล่ะ แต่พอได้ดมใกล้ๆ แล้วกลิ่นมันชัดมากกว่าจริงๆ ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเลยสินะฮะ โชโงะคุง”
“ขนลุก!! จะอ้วก!!! เรียวตะ….ออกไปห่างๆ เลยนะ ไม่ต้องมาเดินใกล้ฉัน คิดว่าเป็นพระเอกนิยายหรือไงวะ ไอ้การกระทำแบบเมื่อกี้น่ะเก็บไว้ทำกับผู้หญิงโง่ๆ พวกนั้นของแกเถอะโว้ย”
ผู้ชายตัวสูงๆ สองคนมาหอมหัวกันหน้าโตเกียวเอกิ แค่คิดก็ผะอืดผะอมแล้ว ถ้าเขาเป็นคนเห็นภาพแบบนั้นล่ะก็คงอยากควักลูกตาตัวเองออกมาล้างแน่ๆ แต่ไอ้คนที่บอกว่าตัวเองเป็นนายแบบที่มีคนรู้จักมากมายมันกลับดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเลย
“คนอื่นเขาจะหันมามองก็เพราะโชโงะคุงเสียงดังนั่นแหละ เดินต่อเถอะ จะได้ไม่มีใครสงสัยไง”
“แล้วแกจะทำอะไรฉันอีกหรือเปล่า ออกไปเดินไกลๆ เลยนะ ไม่ต้องเข้ามาใกล้!!”
“คนเยอะขนาดนี้ จะให้เดินไกลกันได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ นู่นเลย ไปเดินอยู่ตรงนู้นไป!!”
“เดี๋ยวก็หลงกันหรอก โชโงะคุง”
“ดี! ให้มันหลงไปเลย ฉันจะได้กลับบ้าน!”
“ไม่ครบหนึ่งชั่วโมงรูปจะโดนปล่อยนะ”
“โธ่โว้ย!!”
สุดท้ายก็เป็นคิเสะที่ฮัมเพลงในลำคอขณะเดินไปเรื่อยๆ บนฟุตบาทที่เต็มไปด้วยแสงสีทอง ที่อยู่ข้างๆ ในระยะไหล่แตะโดนกันคือผู้ชายที่ในอดีตมีผมสีเทาสวย สวยเหมือนดวงตา ไฮซากิ โชโงะนั้นแม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูเป็นนักเลงหัวไม้ แต่หากจับมานั่งเงียบๆ แล้วพิจารณาเครื่องหน้าแต่ละชิ้นดีๆ แล้วจะพบว่าอีกฝ่ายประกอบไปด้วยความหล่อเหลาลงตัวไปหมด ทั้งผิวขาวจัดแบบลูกคนรวย ดวงตาเย่อหยิ่งสีเทาสวย ปลายจมูกเชิดรั้น ริมฝีปากสีอมส้มอย่างคนสุขภาพดีที่มักมีรอยยิ้มเย้ยหยั่นปรากฏอยู่ตลอดเวลา
พอตอนนี้เปลี่ยนเป็นย้อมดำทั้งหัวแล้วถักผมเป็นเปียติดหนังหัวแบบพวกคนดำชอบทำแล้วยิ่งเพิ่มความถ่อยเถื่อนให้อีกฝ่ายได้มากขึ้นหลายเท่า ทว่าภาพลักษณ์อีกด้านที่คิเสะเพิ่งได้รู้ในวันนี้ก็ทำให้อดจะยิ้มขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ไฮซากิ โชโงะที่ทุ่มเทเวลาดูแลรักษาทรงผม ที่คิเสะบอกว่าอยากเห็นสักครั้งน่ะ เขาไม่ได้พูดเล่นหรอกนะ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราทั้งสองคนเริ่มพูดว่าเกลียดกัน อาจจะเป็นตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยังไม่ทันได้เจอกันเลยก็ได้ มิโดริมัจจิเคยเล่าให้ฟังว่าโชโงะคุงบอกว่าเกลียดเขาตั้งแต่ได้ยินชื่อครั้งแรก พูดตรงๆ ว่าสัญชาตญาณสัตว์ป่าของอีกฝ่ายน่ะน่าประทับใจมากจริงๆ แต่คิเสะก็เหมือนกัน ตอนที่ได้ยินคนอื่นเล่าถึงสมาชิกทีม 1 ที่ชอบโดดซ้อม เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น มีปัญหาเรื่องการใช้ความรุนแรง เป็นคนที่ทำให้กัปตันทีมอย่างนิจิมุระเซมไปกับรองกัปตันอย่างอาคาชิจจิหนักใจมากที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นความสามารถที่มีก็มากพอที่จะทำให้ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้เล่นตัวจริง ได้ยินแบบนั้น ในใจของคิเสะก็ปักธงไว้แล้วว่าเขาจะต้องแย่งตำแหน่งเรกูล่ามาจากคนๆ นี้ให้ได้ ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ทันได้เห็นหน้าผู้ชายที่ชื่อไฮซากิ โชโงะเลย
แล้วยิ่งเวลาผ่านไป เขากับโชโงะคุงก็ยิ่งแตกหักกันมากเข้าไปอีกเรื่อยๆ (ทั้งๆ ที่ตั้งแต่ตอนแรกก็ไม่ได้เข้ากันได้แต่อย่างไรก็ตาม) เหมือนคิเสะเองก็มีอคติแต่เฉพาะกับไฮซากิ ส่วนอีกฝ่ายก็จ้องแต่จะหาเรื่องเขา ผู้หญิงคนแล้วคนเล่าที่อีกฝ่ายแย่งไปเป็นของตัวเองนั่นคิเสะไม่ได้ซีเรียสอะไรเท่าไหร่หรอก เพราะความจริงก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรอยู่แล้ว แต่ที่เจ็บใจมากที่สุดคืออีกฝ่ายถูกไล่ออกจากชมรมไปในทันทีที่อดีตกัปตันทีม..นิจิมุระ ชูโซไปเรียนอเมริกา และหลังจากนั้นไฮซากิก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอีกเลย หมาป่าสีเทาตัวนี้หายไป….ทิ้งตำแหน่งตัวจริงคนสุดท้ายของคิเซกิเซไดเอาไว้ให้เขา ทั้งๆ ที่คิเสะยังไม่เคยเอาชนะไฮซากิในการแข่ง 1 on 1 ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลังจากนั้นก็เกิดอะไรขึ้นหลายอย่าง จนกระทั่งได้มีโอกาสมาเจอกับไฮซากิอีกครั้งในการแข่ง Winter cup รอบนี้ ตอนนั่งดูวิดีโอการแข่งขันกับทีมในห้องชมรมแล้วมองเห็นผู้ชายผมสีดำวิ่งอยู่ในสนาม คิเสะยังจำไม่ได้ในทันทีว่าคนๆ นี้เป็นใคร เพราะไฮซากิที่เขาคุ้นตาเป็นคนตัวสูงที่มีผมสีเทาสวย เวลาโดนแสงในโรงยิมส่องกระทบมามันเป็นประกายดูศักดิ์สิทธิ์แบบที่คนละขั้วกันกับเจ้าของเลย แต่ตำแหน่ง Power Forward ของฟุคุดะโซโกเป็นผู้ชายผมดำ ถักผมเปียติดหนังหัว คิเสะจำไม่ได้ในทีแรกก็จริง แต่หลังจากที่ได้เห็นความสามารถกับรอยยิ้มที่คุ้นตาแล้ว เขาถึงกับลุกขึ้นยืนพรวดพราดจนเก้าอี้ด้านหลังแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น
‘คนๆ นี้’
ยังจำเสียงของตัวเองในวันนั้นได้ดี เมื่อได้เจอแล้วถึงเพิ่งจะรู้สึกว่า….ที่ผ่านมาเขารอที่จะได้เห็นโชโงะคุงบนสนามอีกครั้งมาตลอด โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้รู้ตัวเลย
อีกฝ่ายน่าจะเริ่มกลับมาเล่นบาสเก็ตบอลอีกครั้งตอนเทอม 2 ของม.ปลาย ฟุคุดะโซโกนั้น ตอนแรกก็เป็นโรงเรียนที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร อยู่นอกสายตามาโดยตลอด แต่แค่มีโชโงะคุงเข้าไปร่วมอยู่ในทีมเท่านั้น ถึงแม้จะมีสไตล์การเล่นที่ไม่สนหัวใครแม้แต่เพื่อนที่อยู่ทีมเดียวกัน ชอบทำเหมือนทุกคนขัดแข้งขัดขาตัวเอง บุกลุยเดี่ยวและใช้ความสามารถของคนๆ เดียวนำทีมขึ้นมาตลอด แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ารอบ Winter cup จนกระทั่งมาแข่งกับไคโจอย่างพวกเขาในรอบรอง 4 ทีมสุดท้าย
ผู้เล่นคนอื่นๆ ของฟุคุดะโซโกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่นัก แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือฝีมือไม่ถึงขั้นจะพาตัวเองมาจนถึงระดับนี้ได้แน่ ถ้าไม่มีอดีตหนึ่งในทีมปาฏิหาริย์อย่างไฮซากิ โชโงะอยู่ด้วย แต่โชโงะคุงก็โชโงะคุงเถอะ เดาได้เลยว่าตามสไตล์ของอีกฝ่ายล่ะก็ ไม่มีทางแน่ที่จะมาซ้อมบาสเก็ตบอลอย่างเข้มงวดและจริงจังรวมกับสมาชิกคนอื่นๆ เขา โชโงะคุงคงยื่นขอเสนอแข่ง 1 on 1 กับทุกคนในทีมตัวเอง….อาจจะไม่ใช่ 1 on 1 แต่เป็น 4 on 1 ก็ได้…..การแข่งขันที่ทุกคนรวมทีมกันสู้ไฮซากิคนเดียว ซึ่งไม่เหลือบ่ากว่าแรงอะไรที่อีกฝ่ายจะชนะหรอก พอชนะแล้วก็บอกว่าทุกคนความสามารถน้อยกว่าตัวเอง ไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งหรืออะไรได้ แล้วหลังจากนั้นก็โดดชมรมเป็นว่าเล่น โผล่มาแต่เฉพาะวันที่มีแข่ง แล้วก็อาจจะแข่งแค่แมทช์สำคัญๆ ที่จะทำให้ตัวเองได้สู้กับคิเซกิเซไดก็ได้ ก็เป้าหมายของโชโงะคุงคือการขโมยตำแหน่งทีมปาฏิหาริย์มาจากพวกเขาคนใดคนหนึ่งแล้วเอากลับไปเป็นของตัวเองเหมือนเดิมนี่นา
คิเสะคาดเดาความหละหลวมในการฝึกซ้อมของอีกฝ่ายได้จากกล้ามเนื้อร่างกายที่ลดน้อยลง เมื่อครู่นี้ได้กอดไหล่กับโอบเอวไปจึงได้รู้ โชโงะคุงตัวบางลงมาก แต่ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนั้นก็ยังไล่ต้อนไคโจไปจนเกือบจะจนมุม สมแล้วที่เคยได้ชื่อว่าเป็นอดีตทีมปาฏิหาริย์ คนที่เคยเป็นเจ้าของเก้าอี้นั่งของเขา ทั้งๆ ที่ไม่ได้ฝึกซ้อมจริงจังยังเก่งขนาดนี้ แล้วถ้าไฮซากิ โชโงะเกิดเอาจริงเรื่องบาสเก็ตบอลขึ้นมา มันจะขนาดไหน เรื่องเซนส์และสัญชาตญาณต่างๆ ของอีกฝ่ายอยู่ในระดับที่เป็นเลิศอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถขโมยท่าชู้ตของคนอื่นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นอย่างนี้หรอก สกิลของคิเสะน่ะยังเป็นแค่การลอกเลียนแบบ แต่ของไฮซากิไม่ใช่แค่นั้นแต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงท่าต่างๆ ที่ลอกมาให้เป็นแบบอย่างของตัวเอง ทำให้เจ้าของท่าที่มองเห็นท่านั้นผิดจังหวะไปชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งไม่สามารถใช้ท่าดังกล่าวได้อีก หรือต่อให้ใช้ความแม่นยำก็ไม่มีวันเท่าเดิม
เห็นอีกฝ่ายกลับมาวิ่งอยู่ในสนามบาสแบบนี้อีกครั้ง คิเสะก็รู้สึกดีใจยิ่งกว่าอะไร
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง แต่ไฮซากิยังคงไม่ทิ้งกีฬาบาสเก็ตบอล ถ้าเป็นไปได้….หลังจากนี้เขาก็อยากแข่งกับอีกฝ่ายอีกครั้ง….หลายๆ ครั้ง สู้กันจนกว่าจะล้มลงไปข้าง ไม่ว่ากี่รอบต่อกี่รอบ ถ้าเป็นไฮซากิ โชโงะล่ะก็ เขาคงแข่งด้วยได้ทั้งชีวิตโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย
คิเสะน่ะ….ขึ้นชื่อในเรื่องของความสดใส
ไม่ว่าใครที่ชอบเขาต่างก็พูดเป็นเรื่องเดียวกันว่าคิเสะคุงเหมือนพระอาทิตย์ ร่าเริง สดใส คาแรกเตอร์ของเขาที่คนทั่วไปเห็นก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าเป็นคนที่ตัวเองยอมรับก็จะกระดิกหางเข้าหาเหมือนโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ทั้งอ้อนทั้งน้วยจนโดนอาโอมิเนะกับคุโรโกะหาว่าน่ารำคาญอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับกัน ถ้าเป็นคนอื่นที่คิเสะไม่ได้รู้สึกอะไร ดวงตาสีอำพันก็จะเย็นชาและฉายแววดูถูกอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าเจ้าตัวจะตั้งใจแสดงออกแบบนั้นจริงๆ หรือไม่ก็ตาม
แต่ไฮซากิ โชโงะเป็นตัวตนที่อยู่ตรงกลางระหว่างนั้น
จะถามว่าคิเสะ เรียวตะนับถือไฮซากิ โชโงะไหม….ก็น่าจะตอบได้ว่าไม่ใช่ เพราะคนที่คิเสะนับถือเขาจะเรียกอีกฝ่ายด้วยนามสกุลแล้วลงท้ายว่าจิ แต่ไฮซากิเป็นคนเดียวที่เรียกด้วยชื่ออย่างไม่มีความรู้สึกตะขิดตะขวงอะไรเลย แต่ไฮซากิเป็นตัวตนที่คิเสะรู้สึกดูถูกอยู่ตลอดเวลาไหม? ก็ไม่อีกเช่นกัน เพราะตลอดระยะเวลาที่อยู่ชมรมบาสเก็ตบอลเทย์โค คนอย่างคิเสะไม่เคยท้าแข่งแล้วเอาชนะไฮซากิได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ถ้าอย่างนั้น สำหรับคิเสะแล้ว ไฮซากิคืออะไรล่ะ
ลองถามคำถามนั้นออกมาตอนนี้ นายแบบหนุ่มคงจะตอบว่า “เป็นคนที่สามารถเป็นตัวของตัวเองด้วยได้โดยไม่ต้องสนใจอะไร” ล่ะมั้ง
เพราะอยู่กับไฮซากิ เขาไม่ต้องพยายามทำตัวให้เป็นที่รักก็ได้ ไม่ต้องยิ้มอยู่ตลอดเวลา หรือไม่ต้องกลัวว่าถ้าแสดงกิริยาที่ไม่ดีออกไปจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัดใจหรือเปล่า คิเสะสามารถแสดงด้านที่ไม่ดีของตัวเองให้ไฮซากิเห็นได้ ถือเป็นการปลดปล่อยความเครียดที่ดีทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นเมื่อมานึกย้อนดูแล้ว คิเสะจึงพบว่าเขาค่อนข้างชอบช่วงเวลาที่ได้อยู่กับไฮซากิสองต่อสองมากทีเดียว
ในวันที่อีกฝ่ายหายตัวไป มันเหมือนกับทิ้งรูบางอย่างเอาไว้ในใจเขาอย่างที่เจ้ารูนั่นไม่มีวันถูกถมให้เต็มได้ ไม่มีใครทำได้ทั้งนั้น นอกจากตัวไฮซากิเอง คิเสะเพิ่งรู้ซึ้งว่าตัวเขามองเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบไหน แต่ยังไม่ค่อยอยากจะยอมรับมันเท่าไหร่นัก จนกระทั่งได้เห็นหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้งใน DVD บันทึกการแข่งขันที่ผ่านมาของฟุคุดะโซโกนั่นแหละ
เสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความยินดีทำให้คิเสะรู้สึกตกใจไปด้วยในเวลาเดียวกัน ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะรู้สึกอย่างนี้ แต่เหมือนที่ใครๆ เขาว่า…..ความรู้สึกนี้คือความรู้สึกที่ไร้เหตุผลมากที่สุดในโลก ครั้งหนึ่งที่คิเสะเคยได้ยินโมโมอิพูดประโยคนั้นออกมา เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันหมายความว่ายังไง จนกระทั่งได้เจอเองกับตัวจึงรู้ มันช่างไร้เหตุผลมากจริงๆ เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงรู้สึกกับผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆ อย่างนี้ มันเริ่มต้นจากตรงไหน ก่อกำเนิดมาได้ยังไง คิเสะตอบไม่ได้เลย เพียงแต่รู้ตัวอีกทีมันก็ปรากฏอยู่ตรงนั้น ชัดเจนจนไม่สามารถเบือนสายตาหนีไปตรงไหนได้อีกแล้ว
หลังจบการแข่งขัน Winter cup รอบนั้น ไม่ว่าจะพยายามมองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจออีกฝ่ายบนที่นั่งไหนในอ้ฒจรรย์เลย คนอย่างไฮซากิน่ะนะ คิเสะคิดไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องไม่มาดูแมทช์ของคิเซกิเซไดคนอื่นแน่ๆ เมื่อพิธีรับรางวัลในวันสุดท้ายจบลง และคิเสะได้รับการปลดปล่อยจากระยะเวลากักตัวเพื่อให้เท้าที่เจ็บดีขึ้นได้อย่างเร็วที่สุด สิ่งแรกที่เขาทำคือโทรศัพท์ไปหาอาคาชิ บอกสิ่งที่อยากได้ แลกกับการติดหนี้บุญคุณลูกชายคนเดียวของอดีตไซบัตสึที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งเกาะญี่ปุ่น อาคาชิชอบบอกว่าไม่ต้องการสิ่งตอบแทนของความช่วงเหลือในตอนนี้ แต่ในอนาคตข้างหน้าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่เมื่อไหร่ก็อย่าลืมแล้วกันว่าติดหนี้อะไรเอาไว้
น่ากลัว….น่ากลัวจริงๆ
ไม่รู้ว่าในวันที่อาคาชิต้องการให้เขาใช้หนี้ขึ้นมาจริงๆ คิเสะจะต้องสูญเสียอะไรบ้าง แต่อยากให้ไฮซากิรู้เอาไว้….รูปแอบถ่ายอีกฝ่ายเล่นกับเท็ตสึยะนิโกะหน้าร้านมาจิบะน่ะ เขาต้องยอมขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อแลกมันมาเชียวนะ ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางยอมลบไปง่ายๆ หรอก คิเสะจะลบรูปนี้ที่มีอยู่ในมือถือของเขาต่อหน้าอีกฝ่ายตามสัญญา แต่ถึงจะหายไปจากมือถือ แต่ในคอมพิวเตอร์ มือถือสำรอง อีเมล Twitter Instragram สารพัดที่เก็บข้อมูลต่างๆ คิเสะก็คัดลอกรูปนี้ไปใส่ไว้ในนั้นหมดแล้ว ถ้าไฮซากิไม่จ้างแฮกเกอร์มากวาดล้างรูปใบนี้ให้ครบทุกสื่อโซเชียล ก็ไม่มีวันที่มันจะหายไปแน่นอน คิเสะเอาหัวตัวเองเป็นประกันเลย
ได้เดินข้างๆ อีกฝ่ายในวันคริสต์มาสแบบนี้รู้สึกเหมือนเป็นความฝัน ไฮซากิที่ยอมเป็นเด็กดีเดินอยู่ข้างๆ เขาอย่างไม่ดื้อ ไม่วุ่นวาย ถ้ามีอีกฝ่ายอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนอย่างตอนนี้ก็คงจะดี แต่หลังจากหนึ่งชั่วโมงนี้ผ่านไป คิเสะต้องกลับคานาซาวะ ส่วนไฮซากิก็อยู่ชิสึโอกะ ระยะทางไม่ไกล แต่ทว่าก็ไม่ได้ใกล้ โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกทีแบบนั้น….จะมีอีกทีเมื่อไหร่กันนะ
ยิ่งดึก จำนวนคนที่ออกจากบ้านมาดูไฟวันคริสต์มาสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น คู่รักหลายสิบหลายร้อยคู่ที่เดินผ่านพวกเขาไป คิเสะพยายามอยู่ใกล้ๆ ไฮซากิให้มากที่สุด แต่ก็ระมัดระวังไม่ให้ใกล้จนทำอีกฝ่ายอึดอัดด้วย ไหล่สองข้างแตะกันเบาๆ หลายครั้ง นายแบบหนุ่มช่วยดึงอีกฝ่ายให้หลบกลุ่มคนบ้างเมื่อเดินผ่านบริเวณที่การจราจรหนาแน่น ไม่ค่อยมีใครพูดอะไร เขาไม่รู้ว่าไฮซากิกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว แต่กับคิเสะนั้น เขากำลังพยายามเก็บบรรยากาศ ภาพที่เห็น เสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่สัมผัส ไออุ่นที่เหมือนจะสัมผัสได้แต่ก็สัมผัสไม่ได้ที่รู้สึกอยู่ตรงหัวไหล่ข้างที่อยู่ติดกัน จดจำทุกอย่างเอาไว้ เพื่อให้หลังจากหมดหนึ่งชั่วโมงนี้ไป เขาจะได้นำความทรงจำนี้กลับมาเล่นซ้ำใหม่ในความฝันได้ตราบนานเท่านาน
ทั้งสองคนหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าต้นคริสต์มาสใหญ่โตต้นหนึ่ง แหงนหน้ามองจนคอตั้งบ่า มันถูกประดับประดาด้วยไฟดวงเล็กๆ จนสว่างไสวสวยงาม บรรยากาศคืนวันคริสต์มาสนั้นไม่เหมือนคืนในฤดูหนาวธรรมดาๆ คืนอื่น มันทั้งมีความศักดิ์สิทธิ์และเต็มไปด้วยเวทมนต์ คิเสะโตเกินกว่าจะเชื่อเรื่องซานต้าคลอสแล้ว แต่บางครั้งบางส่วนในใจก็ยังมีความรู้สึกว่า….หากเขาอธิษฐานกับต้นคริสต์มาสต้นนี้อย่างจริงจัง ความปรารถนาที่ต้องการอาจเป็นความจริงขึ้นมาได้ก็ได้
เสียงเพลงที่เหมาะกับวันคริสต์มาสถูกเปิดจากลำโพงของร้านค้าร้านหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากนั้น เพราะตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็หยุดเดินเหมือนกันพอดี จึงได้ยินคำร้องและท่วงทำนองของมันอย่างชัดเจน คิเสะยืนนิ่ง….ไฮซากิเองก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกัน
ทว่าเมื่อเพลงจบลงผู้ชายที่มีผมสีทองกำลังจะเอ่ยปาก ไฮซากิก็รีบแทรกขึ้นมาในทันที
“อย่าพูดออกมาเชียวนะ”
“................”
คำพูดที่ตั้งใจจะเอ่ย….ยังไม่ได้เปล่งเสียงออกมาเป็นอักษรตัวแรกก็ต้องเก็บกลับลงไปในลำคอเหมือนเดิม คิเสะยิ้มบางๆ
“ทำไมล่ะ”
“เอาเป็นว่าอย่าพูดก็แล้วกัน”
รู้ด้วยว่าเขาจะพูดอะไร
สมกับที่เป็นโชโงะคุง สัญชาตญาณเฉียบคมไม่เปลี่ยน คิเสะยังคงยิ้มบางๆ เหมือนเช่นเดิม แต่ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นอีกแล้ว
ยืนดูต้นคริสต์มาสด้วยกันสักพัก ต่างคนต่างก็หันหลับแล้วเดินกลับทางเดิมโดยไม่ต้องมีใครพูดอะไร ขากลับนี้เงียบกว่าขาไปมาก ทั้งคิเสะและไฮซากิต่างก็มองตรงไปด้านหน้า สีเขียวที่เป็นสัญลักษณ์ของ JR Line เริ่มปรากฏขึ้นในคลองสายตา และขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คิเสะเหลือบตามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่อยู่บนเสาไฟด้านข้าง
หนึ่งชั่วโมงใกล้จะหมดลงแล้ว
“เลิกทำหน้าแบบนั้นเสียทีได้ไหม”
อยู่ดีๆ คนที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมาอีกรอบ คิเสะกระพริบตาปริบๆ
“หน้าแบบไหนเหรอฮะ”
“หน้าเหมือนหมาหงอย เหมือนคนไม่มั่นใจ เห็นแล้วแม่งโคตรคิโม่ย ฉันน่ะเกลียดแกตอนที่ชอบทำสีหน้ามั่นๆ ไม่สนหัวใครที่สุด แต่หน้าตาเหมือนกลัวอะไรก็ไม่รู้อยู่ตลอดเวลานี่เกลียดมากกว่าอีก”
ไฮซากิดูหงุดหงิดมาก แต่ในขณะเดียวกันคิเสะก็ไม่รู้ตัวว่าเขาทำสีหน้าแบบนั้นออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่
ทั้งที่ตั้งใจแต่งตัวเท่ๆ มาเดทกับอีกฝ่ายเพื่อให้โชโงะคุงไม่ต้องรู้สึกอายคนอื่นเขาแท้ๆ เชียว
ใช่…..ที่คิเสะอยู่กับไฮซากิวันนี้มันคือการเดท
คน 2 คนเดินเที่ยวด้วยกันในวันคริสต์มาส ถ้าไม่ใช่เดทแล้วมันจะเรียกว่าอะไร คิเสะเป็นคนลากไฮซากิออกมาจากกลุ่มสาวๆ พวกนั้น ความเป็นจริงถ้าไม่มีเขาอีกฝ่ายคงได้ทำอะไรๆ กับใครสมใจอยากไปแล้ว เพราะฉะนั้น……..
ก่อนจะครบกำหนด 1 ชั่วโมง ยังเหลือเวลาอยู่อีก 10 นาที
“เฮ้ย!!”
โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีทองที่หลายคนบอกว่าใต้แผ่นหนังนั้นคือหมาป่าคว้าข้อมือคนตัวสูงไล่เลี่ยกันลากเข้าไปหลบในตรอกเล็กๆ ข้างทางที่เกือบจะมืดสนิทเพราะไฟถนนส่องเข้ามาไม่ถึง ผลักอีกฝ่ายเบาๆ ให้แผ่นหลังแนบกับกำแพงเย็นๆ มือข้างหนึ่งยันผนังใกล้กับใบหน้าของไฮซากิเอาไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหนี
“จะทำอะไรวะไอ้---------”
ก็เดทน่ะ….เวลาที่มันใกล้จะจบลงแล้ว ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะบอกลากัน มันก็ต้องปิดท้ายด้วยจูบใช่ไหม
‘ถ้าไม่จูบ จะรู้สึกกังวล’
ผู้หญิงที่คิเสะเดทด้วยคนหนึ่งเคยพูดกับเขา หลังจากนั้นคิเสะก็จูบผู้หญิงทุกคนหลังจากเดทเสร็จตลอดมา ไม่ว่านั่นจะเป็นการเจอกันแค่ครั้งเดียว หรือเป็นคนที่กำหนดไว้แล้วว่าจะไม่สานต่ออะไรมากไปกว่านี้ก็ตาม มันเหมือนเป็นมารยาทที่ผู้ชายต้องทำให้ผู้หญิง เหมือนเป็นหน้าที่ โชโงะคุงเที่ยวเล่นกับคนอื่นมามากกว่าเขา คิเสะคิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะรู้ธรรมเนียมนี้และปฏิบัติอยู่ด้วยเช่นกัน
วันนี้เขากันตัวไฮซากิให้มาเดทด้วย ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับคนอื่น ดังนั้นการกระทำอะไรที่ไฮซากิควรได้รับในวันนี้ เขาก็น่าจะต้องเป็นฝ่ายมอบให้แทน
จูบนี้ก็เช่นกัน
“อึก!”
เสียงอึกอักที่ดังในลำคอของคนตรงหน้าทำให้คิเสะบดริมฝีปากของตัวเองลงบนกลีบปากสีอมส้มของอีกฝ่ายหนักหน่วงขึ้น จูบกับผู้หญิงคนอื่นอาจจะแค่เป็นมารยาท แต่กับไฮซากิน่ะต่างออกไป หัวใจเขาเต้นเร็วเหมือนมีมือมาทุบอก คิเสะพยายามไม่แนบลำตัวเข้ากับอีกฝ่ายมากนักเพราะไม่อยากให้จับได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นจะตายอยู่แล้ว ต่อให้ก่อนหน้านี้จะจูบใครต่อใครมาเป็นร้อยก็ตามเถอะ
แนบฝ่ามือลงกับผิวแก้มของอีกฝ่าย เพราะไฮซากิถักผมเปียสั้นติดหนังหัว ปลายนิ้วทุกนิ้วของคิเสะถึงสัมผัสกับผิวเนื้อของอีกฝ่ายได้อย่างถนัดถนี่ รู้สึกได้ว่าคนในอ้อมแขนสะดุ้งเฮือก อากาศหนาวทำให้นิ้วของคิเสะเย็นเฉียบ ซึ่งนั่นคงทำให้ไฮซากิรู้สึกตกใจ
น่ารัก……
ริมฝีปากผละออกมาแค่อากาศกั้นก่อนจะเอียงใบหน้าปรับองศาแล้วแนบจูบเข้าหาใหม่ ปลายลิ้นกวาดไล่ไปตามกลีบนุ่มหยุนก่อนจะอาศัยช่องว่างเล็กๆ ที่อีกฝ่ายเผยอออกเพื่อรับอากาศหายใจสอดเข้าไปควานหาความหวานล้ำด้านในบ้าง ไฮซากิเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่เพียงไม่นาน เมื่อวิธีการขยับริมฝีปากของคิเสะนั้นทั้งหวานเชื่อมและแฝงไปด้วยความท้าทาย ศักดิ์ศรีของคนที่คิดว่าตัวเองเป็นหมาป่าเหมือนกันก็ทำให้ไฮซากิ โชโงะตกหลุมพรางที่ขุดเอาไว้ดังโครม ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าคิเสะแค่ 1 เซนขยับริมฝีปากจูบตอบ ปลายลิ้นที่ถูกดูดอยู่ฝ่ายเดียวจนชาเริ่มตอบโต้บ้างอย่างไม่มีใครยอมใคร
นายแบบผมสีทองสว่างได้แต่หัวเราะในใจเบาๆ
แบบนี้มันก็มีแต่จะทำให้รู้สึกดีขึ้นไปอีกเท่านั้นล่ะฮะ โชโงะคุง
ทั้งที่เดินออกห่างจากร้านขายเสื้อผ้าใกล้ๆ กับต้นคริสต์มาสมาไกล แต่ด้วยความที่วันนี้เป็นวันคริสต์มาส และเพลงของวง Back Number ก็เป็นชื่อเดียวกันกับวันนี้พอดี มันถึงได้ถูกเปิดให้ได้ยินอีกครั้งโดยลำโพงของร้านไหนสักร้านไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ ท่วงทำนองที่คุ้นเคยดังเข้าหู ต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนคลับมาก่อน แต่เพลงที่ถูกเปิดวนทุกครั้งที่ถึงวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีก็ทำให้จำเนื้อร้องได้แม่นโดยปริยาย
จำนวนครั้งที่คิดถึงเธอ
หัวใจนี้ที่เจ็บปวดเมื่อเราไม่ได้พบกัน
ทุกอย่างมันพยายามบอกให้รู้ว่าฉันคิดกับเธอยังไง
ไม่ต้องหรอก เรื่องแค่นี้ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ
ต่อให้ขอพรกับซานต้าไปก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เธออยู่ข้างๆ
อยากให้อยู่ตรงนี้ไม่ต้องไปไหน
อยากให้คิดแต่เรื่องของฉันโดยไม่ต้องคิดถึงใคร
แต่ถ้าพูดเรื่องนี้ออกไปก็คงจะดูไม่ดีสินะ
แถมมันจะยาวเกินไปอีกต่างหาก ถ้าอย่างนั้นสรุปให้ฟังเลยแล้วกัน
ฉันชอบเธอ
เข็มนาฬิกาขยับไปข้างหน้า 1 นาที
เงา 2 ร่างในตรอกที่ไม่มีใครสนใจยังคงแนบกันสนิท
เหลืออีก 9 นาทีจึงจะครบหนึ่งชั่วโมง
END
Christmas Song - Back Number
เหลืองเทาควรแมสได้แล้ว
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเช็คคำผิดให้นะคะ วันนี้ขอนอนก่อน
#CmficS
อดใจไม่เม้นไม่ได้เลยค่ะ ขอบคุณที่แต่งฟิคเรื่องนี้มานะคะ💜💜 ถึงไฮซากิจะดูเกลียดคิเสะแค่ไหนแต่ชั่วโมงเดียวนี่ก็มีค่าสำหรับเจ้าโกลเด้นเขามากนา ทำๆไปเถอะ นี่ไง ได้จูบด้วย โอ้ย เขิน
ส่วนตัวเราชอบการบรรยายว่าโกลเด้นห่มหนังหมาป่าของไรท์มากเลยค่ะมันแบบว่าเห็นภาพ ดูสดใสนะ แต่ก็ไม่ได้ว่าสดใสสุด มีเย็นชา มีอะไรด้วย แล้วก็ชอบการบรรยายลักษณะตัวละครรวมถึงเรื่องที่อยากจะหยุดเวลาไม่ให้เดินไปต่อ มีเวลาเพียงชั่วโมงเดียวมากๆเลยค่ะ แต่ทำไมถึงเขินตอนเขาแข่งจูบกันล่ะเห้ย มันแบบ โอ้ย
ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ ทีมเมะลูกหมาต้องแมสค่ะ
ขอบคุณที่แต่งนะคะ