Title : Catch me if you can
Fandom : KnB
Paring : Liu x Fukui
Rating : PG
หมายเหตุ : คิดว่าน่าจะ OOC เยอะอยู่ค่ะ ฟฟฟฟ
ปึ่ก!
แรงกระแทกตรงหัวไหล่บอกให้รู้ว่ามีใครสักคนพุ่งชนเขาด้วยแรงที่มากพอจะทำให้รู้สึกได้แต่ก็เบาเกินกว่าจะทำให้เจ็บ ก้มหน้าลงมาทันมองเห็นร่างเล็กสูงแค่อกใส่ฮู้ดสีเข้มพึมพำขอโทษเป็นภาษาจีนกวางตุ้งสำเนียงแปร่งหู ก่อนเจ้าตัวจะเบี่ยงไหล่เดินหายวับไปกับผู้คนคลาคล่ำ เขาคงไม่ได้ติดใจสงสัยและคิดว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั่วไป หากไม่ใช่ว่าสัญชาตญาณและความระวังตัวที่ถูกสั่งสอนมาด้วยประสบการณ์ทำให้ฉุกใจคิด มือใหญ่ตะปบหมับในตำแหน่งซึ่งควรจะมีกระเป๋าสตางค์ ก่อนนัยน์ตาสีเข้มจะโชนแสงวาบเมื่อพบว่ามันเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ
“มีอะไรหรือครับ ท่านเหว่ย”
ชายในชุดสูทสีดำค้อมตัวเข้ามาถามเมื่อเห็นร่างสูงหยุดนิ่งแล้วหันกลับไปมองในทิศทางที่เพิ่งเดินจากมา เจ้าของร่างสูง 203 เซนติเมตรกำหมัดแน่น นัยน์ตาสีเข้มคมกริบดุจตาพยัคฆ์โชนแสงจ้าจนคนรอบข้างที่ได้มองถึงกับต้องขนลุก ใบหน้าหล่อเหลาขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน พึมพำเป็นภาษาจีนดังลอดไรฟัน
“ไอ้หมอนั่น!!”
ร่างโปร่งที่สวมฮู้ดสีเข้มคลุมหน้าวิ่งลัดเลาะผู้คนจนมาหยุดหน้าตรอกแคบๆ แห่งหนึ่งถึงได้ราฝีเท้า ยันมือข้างหนึ่งเข้าเกาะที่กำแพง มืออีกข้างเท้าอยู่ตรงหัวเข่าโน้มตัวลงหอบแฮ่ก หัวใจยังเต้นแรงจากการกระทำอุกอาจที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่นี้ ทิ้งระยะพักใหญ่พอให้หายเหนื่อย ก่อนเสียงหัวเราะจะดังขึ้นเบาๆ
ทำได้เว้ยเฮ้ย!!
มือขาวล้วงเอากระเป๋าสตางค์สีดำที่เพิ่งฉกจากอกเสื้อของอีกฝ่ายหมาดๆ มาโยนเล่นอย่างอารมณ์ดี
ฟุคุอิเป็นเด็กกำพร้า เกิดที่ญี่ปุ่น ผู้ปกครองเพียงคนเดียวที่เลี้ยงเขามาคือตาลุงชาวจีนคนหนึ่ง สภาพความเป็นอยู่ที่ผ่านมาไม่ได้ดีเด่อะไรนัก เขาไม่ได้เรียนหนังสือ อาศัยหาความรู้เอาเองด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์จนพอจะอ่านออกเขียนได้ วุฒิการศึกษาไม่มี ความรู้เพียงอย่างเดียวที่สืบทอดติดตัวมาคือวิชาลักทรัพย์ซึ่งเขาเพิ่งมารู้เอาทีหลังว่าตาลุงที่เก็บเขามาเรียกได้ว่าเป็นถึงขั้นปรมาจารย์ในหมู่อาชญากร ตอนอายุ 15 ลุงพาเขาเดินทางจากญี่ปุ่นกลับมาเกาะฮ่องกง (แน่นอนว่าเข้าเมืองมาอย่างผิดกฎหมาย) ก่อนที่พวกเราจะแยกทางกัน ลุงของเขาหายเข้ากลีบเมฆอย่างตามหาข่าวไม่ได้ ส่วนฟุคุอิก็ใช้ฝีมือเข้าเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งค์ลักทรัพย์แก๊งค์ใหญ่จนได้มีพื้นที่เล็กๆ เป็นอาณาเขตหากินของตัวเอง ใช้ชีวิตฉกชิงวิ่งราวตบกระเป๋าเงินคนอื่นอย่างมีความสุขตามอัตภาพ
ตอนที่ได้ยินว่าเหว่ย หลิว...มาเฟียใหญ่ที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีใครในแผ่นดินจีนไม่รู้จักเดินทางมาเกาะฮ่องกงด้วยภาระการประชุมอะไรสักอย่าง แถมยังมีคนพบเห็นอยู่ในแหล่งทำมาหากินของเขาอีกต่างหาก ความตื่นเต้นก็แล่นพล่านไปทั่วทั้งกระแสเลือดอย่างรู้สึกได้ เนื้อตัวมันร้อนไปหมดด้วยความกระหายอยากจะลองของ มาเฟียทรงอำนาจที่ไปไหนมาไหนท่ามกลางบอดี้การ์ดนับสิบ หากคนอย่างเขาสามารถฉกกระเป๋าเงินของผู้ชายคนนั้นได้คงดังไปอีก 10 ชาติ นักล้วงกระเป๋าทั่วทั้งเกาะฮ่องกงจะต้องขนานนาม ชื่อของเขาคนนี้จะต้องกลายเป็นตำนาน
คิดพลางหัวเราะหึๆ อย่างสาแก่ใจนัก กระเป๋าเงินหนักๆ ยังอุ่นอยู่ในมือ ใครจะไปรู้ว่าการกระตุกหนวดมังกรมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย แค่ใช้เทคนิคธรรมดายังไม่ทันวาดลวดลายอะไรเท่าไหร่เลย ของที่เขาหมายตาไว้ก็มาอยู่ในมือแล้วเรียบร้อย อีกอย่างบอดี้การ์ดพวกนั้นก็ดูจะโง่เสียด้วย มีอย่างที่ไหนปล่อยให้คนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าอย่างเขาเข้าใกล้มาเฟียใหญ่ได้ถึงขนาดนั้น นี่ถ้าสิ่งที่อยู่ในมือเขาไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นมีดสักเล่มหรือปืนสักกระบอกละก็ ป่านนี้เหว่ย หลิวคงได้สิ้นชื่อด้วยน้ำมือนักล้วงกระเป๋าที่เจ๋งที่สุดในเกาะฮ่องกงคนนี้ไปแล้ว
โยนกระเป๋าเงินเล่นขึ้นลงอีก 2-3 ครั้ง แล้วหูก็แว่วได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ร่างโปร่งไหวตัวหลบวูบเข้าไปในเงามืด ยัดกระเป๋าสตางค์ใบสีดำเก็บเข้าที่ ขยับฮู้ดปิดหน้าให้มิดชิดแล้วถึงสังเกตเห็นชายชุดดำจำนวนหนึ่งวิ่งตรงมาทางนี้ด้วยสีหน้าถมึงทึง หันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังตามหาใครบางคน
“ชิ!”
สบกับที่เป็นมาเฟีย อย่างน้อยก็ไม่ได้ความรู้สึกช้าอะไรเท่าไหร่นัก แต่ว่า.....
ร่างโปร่งแลบลิ้นเลียปากนิดๆ
ฮ่องกงเต็มไปด้วยตรอกซอกซอยใหญ่น้อยเต็มไปหมด โดยเฉพาะเขตหากินเขตนี้ของเขาที่เต็มไปด้วยถนนทางเดินเชื่อมต่อกันนับร้อย ฟุคุอิรู้จักมันดียิ่งกว่าใคร ที่สำคัญ เรื่องเล่นไล่จับนี่เขาก็ถนัดและชอบนัก
มุมปากยกยิ้ม นัยน์ตาหรี่ลง
เอาล่ะ....แล้วคุณแมวตัวใหญ่จะไล่จับเจ้าหนูสกปรกได้ไหมนะ
แต่ขอบอกเอาไว้ก่อนอย่างนึงว่า
หนูอย่างเขา...ไม่เคยถูกแมวตัวไหนจับได้ไล่ทันเสียด้วยสิ
แต่ฟุคุอิก็ประมาทอำนาจของมาเฟียมากเกินไป
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น แทบทุกถนนก็มีแต่ชายชุดดำที่เสียบสมอลทอล์คสื่อสารยืนดักอยู่เต็มไปหมด เขาสบถพรืดออกมาอีก 2-3 คำเมื่อโผล่หน้าไปมองอีกครั้งแล้วพบว่าเส้นทางหลบหนีที่เปลี่ยนเป็นครั้งที่ 5 นั้นก็ถูกปิดตายด้วยกลุ่มคนชุดดำอีกแล้ว
ไอ้บ้านั่น มันจะเอาจริงเอาจังอะไรนักหนา
ฟุคุอิคิดอย่างหัวเสีย กับอีแค่กระเป๋าสตางค์ใบเดียว มันถึงขนาดต้องขนคนมาไล่ล่าเขายิ่งกว่าคดีโจรปล้นธนาคารขนาดนี้เชียวหรือ หรือว่าในกระเป๋าใบนั้นมันมีอะไร?
คิดพลางสงสัยจนต้องเอื้อมมือไปด้านหลังหยิบกระเป๋าเงินที่ยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมาเปิดดู แล้วก็แทบจะอยากเขวี้ยงทิ้งเมื่อพบว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลยนอกจากบัตรเครดิต แม้แต่เงินสดสักดอลล่าฮ่องกงเดียวก็ยังไม่มี
“บัดซบเอ๊ย!! เสียเวลาชะมัด”
ร่างโปร่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สมองปั่นอย่างเร็วจี๋หาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เริ่มจะไม่สู้ดีเบื้องหน้า ทำยังไงถึงจะหนีไปได้....จะปล่อยให้ตัวเองโดนจับไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น นอกจากจะเสียชื่อนักลวงในตำนานที่กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเขามาแล้ว แม้แต่ชีวิตน้อยๆ นี้ก็อาจจะเอาไม่รอด ข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้นอาจต้องลงว่าพบชายชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองเป็นศพโดนยิงอยู่ตรงที่ทิ้งขยะที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
เอายังไงดี....
ก่อนอื่น คงต้องกำจัดไอ้กระเป๋านี่ออกไปให้พ้นตัว ไม่มีของกลางเสียอย่างใครจะมาเอาผิดได้ แถมในนี้ยังไม่มีอะไรที่มีค่าให้เอาไปแลกข้าวกินได้เลยแม้แต่อย่างเดียว แต่เดี๋ยวก่อนนะ....ถ้าทิ้งไปทั้งแบบนี้ ใครมันจะเชื่อล่ะว่าเขาเคยล้วงกระเป๋าเจ้าพ่อมาเฟียชื่อดังแห่งแดนมังกร อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตถึงขนาดนี้แล้ว ให้กลับไปทั้งมือเปล่าโดยไม่ได้อะไรเลยน่ะก็ไม่ไหวหรอกนะ
ชายหนุ่มเดาะลิ้นอย่างครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจหยิบนามบัตรที่อยู่ในนั้นออกมาใบหนึ่ง พับเป็นชิ้นเล็กใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ ก่อนจะโยนกระเป๋าตังค์ที่เหลือทั้งใบทิ้งอย่างไม่ใยดี จากนั้นก็ถอดเสื้อฮู้ดออก ม้วนเป็นกลมๆ แล้วยัดลวกๆ ไว้ในซอกแถวนั้นพลางคิดว่าไว้อีกสัก 2-3 วันจะกลับมาเอาคืน ทันทีที่ถอดเสื้อ รูปร่างจริงๆ ที่เคยปกปิดเอาไว้ก็ปรากฏสู่สายตา
ฟุคุอิเป็นชายหนุ่มวัยรุ่นที่รูปร่างผอมเพรียว กล้ามเนื้อพอจะมีอยู่บ้างตามประสาคนที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่เด็ก ผมสีบรอนด์เทายาวระต้นคอค่อนข้างยุ่งเหยิงและชี้ไปมาเนื่องจากเจ้าตัวไม่ค่อยได้ใส่ใจที่จะดูแล ผิวขาว นัยน์ตาโตๆ ที่แตกต่างจากคนจีนทำให้แยกแยะได้ไม่ยากว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ สวมเสื้อคอวีสีเข้มกับกางเกงยีนส์เข้ารูป ดูไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวธรรมดาที่พบเห็นได้เกลื่อนกลาดในฮ่องกง เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมแผนที่ ทำทีเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินหลงทางแล้วก้าวฉับออกไปอย่างกล้าหาญ
ชายชุดดำยืนจับกลุ่มรวมตัวกันอยู่ตรงหน้า แต่คนที่เป็นเป้าหมายในการตามล่ากลับเดินตรงเข้าไปใกล้อย่างไม่มีท่าทีจะเกรงกลัว ร่างโปร่งทำทีเป็นก้มลงมองแผนที่ในโทรศัพท์มือถือสลับกับป้ายร้านค้าที่อยู่รอบด้านเหมือนเป็นเพียงนักท่องเที่ยวธรรมดา ฟุคุอิรู้สึกได้ถึงสายตาคนพวกนั้นที่มองมาทางเขาอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติจึงละความสนใจไป
ไอ้พวกโง่
ยกยิ้มแวบหนึ่งอย่างรู้สึกขบขัน แต่ก่อนที่เขาจะลอยละล่องผ่านกลุ่มชายเหล่านั้นแล้วหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างลอยนวล มือหนึ่งก็คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนให้ต้องสะดุ้งโหยงเสียก่อน
“เดี๋ยว”
ภาษาจีนกวางตุ้งที่ได้ยินทำให้ต้องหันกลับไปมอง แล้วก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวตอนที่เมื่อหันกลับไปเจอแต่อกเสื้อของคนตรงหน้า เขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นแล้วสบเข้ากับนัยน์ตาเรียวยาวสีดำสนิทแทน
เหว่ย หลิว!!!!
ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่
คนที่ตัวสูงเกือบ 30 เซนต์ก้มลงมามองเขา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างพิจารณา
“นาย.....”
ในวินาทีนี้...หากฟุคุอิยึดหน้ากากนักท่องเที่ยวธรรมดาไว้ให้แน่นพอ ทำหน้าตาเหรอหราไม่รู้เรื่องอะไรก็คงสามารถผ่านด่านของมาเฟียตัวสูงหลุดรอดออกไปได้โดยไม่มีปัญหา แต่ประเด็นคือเขาดันแสดงพิรุธออกไปเสียแล้ว นับตั้งแต่แวบแรกที่เงยหน้าขึ้นไปสบนัยน์ตาคู่นั้น คงเป็นเพราะสัญชาตญาณสัมผัสได้ถึงความอันตราย ฟุคุอิจึงเกร็งตัววูบ ดึงแขนออกโดยไม่รู้ตัวจนดูเหมือนกำลังขืนตัวหนี แม้แต่สีหน้าก็ยังดูตื่นตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แม้หลังจากนั้นจะกลบเกลื่อนให้เป็นเหมือนเดิมได้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
นัยน์ตาของมาเฟียหนุ่มที่โชนแสงขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็นทำให้เขาสบถลั่นอยู่ในใจ
ฉิบหาย!!
ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ ฟุคุอิอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ทำอะไรยกเท้าขึ้นกระทืบลงไปบนรองเท้าขัดมันเงาวับเต็มแรง สะบัดตัวให้แขนหลุดจากการเกาะกุมแล้วสับเท้าวิ่งโดยไม่รอสัญญาณปล่อยตัวนักกีฬา เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเบื้องหลัง ฟุคุอิรู้ดีว่าคนชุดดำพวกนั้นต้องวิ่งตามเขามาแน่ ที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าคือเขาถูกเห็นหน้าเข้าแล้วเต็มๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือทำยังไงให้เอาตัวรอดได้มากกว่า
ร่างโปร่งออกวิ่งแทรกไปกับกลุ่มนักท่องราตรีที่ดูเพิ่มจำนวนขึ้นยิ่งกว่าตอนหัวค่ำเสียอีก เสียงร้องด้วยความตกใจที่ดังตามมาทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายคงวิ่งไล่หลังเขามาติดๆ นึกอยากด่าตัวเองเป็นกำลังว่าทำไมถึงเผลอหลุดพิรุธออกไปได้ ทั้งที่อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ....อีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะรอดออกไปได้แล้ว
ต้องโทษหมอนั่น!
มาเฟียแดนมังกรที่เขาเพิ่งจะได้สังเกตเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆ ความสูง 2 เมตรที่ทำให้เขาซึ่งเคยมั่นใจความสูงของตัวเองมาตลอดกลายเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนนึงเลยทีเดียว ผิวขาวแบบผู้ดี นัยน์ตาเรียวเล็กบอกเชื้อคนจีนสีเข้มคมกริบที่ทำให้รู้สึกขนลุก อะไรบางอย่างที่อยู่ในดวงตาคู่นั้นทำให้เขาขยับออกห่างโดยอัตโนมัติ ไม่อยากอยู่ใกล้นานกว่านั้นอีกแม้แต่สักนาที ต้องรีบร้อนลนลานหนีจนหน้ากากที่ควรแปะติดหน้าราวทากาวตาช้างเลื่อนหลุดไม่เป็นท่าอย่างที่ไม่เคยเป็น ฟุคุอิสบถซ้ำอีกครั้ง
ที่เขาต้องลำบากวิ่งหนีอยู่แบบนี้เป็นความผิดหมอนั่น...หมอนั่นคนเดียว
หนีหัวซุกหัวซุนมาอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้จนวิ่งต่อไปไม่ไหว ร่างโปร่งหยุดยืนหอบในตรอกแคบๆ อีกแห่งซึ่งอยู่ไกลจากจุดเดิมพอสมควร มั่นใจแล้วแน่ๆ ว่าคงไม่มีใครตามมาทัน แต่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกระซิบข้างริมหู
“ยอมให้จับดีๆ ได้เสียทีนะ”
“เหวออออออ!!!!!”
หันหลังกลับไปก็เจอเข้ากับกำแพงมนุษย์ที่มาอยู่ใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะวิ่งหนีก็ไม่ได้เมื่อมือใหญ่พุ่งเข้ามาคว้าแขนไว้อีกครั้ง คราวนี้กระชับแน่นกว่าครั้งก่อนจนเล่นเอาเจ็บจี๊ดจนต้องนิ่วหน้าอีกด้วย ฟุคุอิอ้าปากค้างเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นคนที่ไม่ควรมาปรากฏตัวตรงนี้ได้
2 ครั้งแล้วที่เหว่ย หลิวทำให้เขาต้องตกใจ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่วิ่งตามมาทันได้อย่างไรก็ไม่รู้ในเมื่อไม่มีลูกน้องคนไหนของหมอนี่ตามทันเขาได้เลยสักคน แถมร่างสูงยังไม่มีท่าทางเหนื่อยหอบอะไร มีเพียงแต่รอยยับเล็กน้อยบนโค้ทหรูเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าผ่านการขยับร่างกายมา
“ของที่นายขโมยไป....อยู่ไหน”
ภาษาจีนกวางตุ้งชัดเป๊ะเล่นเอาฟุคุอิแอบกลืนน้ำลายลงคอ แต่ครั้งนี้เขาไม่พลาดเหมือนคราวนั้น คนตัวเล็กกว่าตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เล่นบทนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ไม่รู้ภาษาจีนอย่างแนบเนียน
“ฉันถามว่าของที่นายขโมยไปน่ะ อยู่ที่ไหน!!” คนนึงสาดภาษาจีนมา
“หา!!! อะไรนะ? โทษคร้าบบบบบ ผมไม่ฟังภาษาจีนไม่ออกเลย พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย” อีกคนก็พูดภาษาญี่ปุ่นกลับไป
เขาเห็นร่างสูงตรงหน้าชะงักไปวูบหนึ่ง ฟุคุอิกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกละสิ ฮึๆ สื่อสารกันไม่ได้อย่างนี้ ดูซิว่าอีกฝ่ายจะมีปัญญาทำอะไร
แล้วเหว่ย หลิวก็ทำให้เขาตกใจเป็นครั้งที่ 3 เมื่ออีกฝ่ายนิ่งไปสักพัก ก่อนริมฝีปากได้รูปจะเผยอออก เอ่ยคำพูดออกมาเป็นภาษาดินแดนอาทิตย์อุทัยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เป็นคนญี่ปุ่นงั้นหรือ?”
!!!!!!!!!
“ก็ว่าแล้วว่าหน้าตาดูไม่เหมือนคนจีน”
พูดแล้วก็ยกมุมปากขึ้นสูง เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าอ้าปากค้าง ทำหน้าราวกับหาลิ้นไก่ของตัวเองไม่เจอ
“เอาเถอะ จะเป็นคนประเทศอะไรก็ช่าง กระเป๋าสตางค์ของฉันอยู่ไหน คืนมาซะ”
พอได้ยินประโยคนี้ สติที่ปลิวหายไปถึงได้ค่อยกลับเข้าร่าง ฟุคุอิเพิ่งรู้สึกตัวว่าอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้นมานานแล้วจึงรีบหุบฉับแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี
“กระเป๋าสตางค์อะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็กระเป๋าที่นายขโมยจากฉันไป”
“หา? พูดอะไรของนาย ฉันไปขโมยอะไรจากนายตั้งแต่เมื่อไหร่!!”
“อย่ามาทำเป็นไขสือ อยู่ที่ไหน! เอาคืนมาเดี๋ยวนี้ หรืออยากให้ฉันลากนายไปตัดมือตัดขาแล้วโยนทิ้งแม่น้ำแทน?”
“ต....ตัดมืออะไรวะ นายมีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนั้น แล้วนี่จะจับแขนฉันไปถึงเมื่อไหร่ เจ็บนะโว้ย ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
ดิ้นสุดตัวแต่ดูเหมือนจะสูงแรงของอีกฝ่ายไม่ได้ มือหนาที่จับไว้ตรงต้นแขนถึงไม่ยอมหลุดออกไปเสียที จะใช้วิธีเดิมเพื่อที่จะหนีอีกรอบก็ดูเหมือนจะถูกรู้ทัน เหว่ย หลิวชักเท้าหลบก่อนจะดึงวูบเดียวให้คนตัวเล็กกว่าปลิวหวือเข้ามาใกล้ มาเฟียหนุ่มคำรามกร้าวรอดไรฟัน
“ฤทธิ์มากนักนะ ตัวเล็กแค่นี้”
อันที่จริงแล้วใช้คำว่า “ตัวเล็กแค่นี้” ก็ดูจะไม่ถูกซะทีเดียว เพราะฟุคุอิมีความสูงถึง 176 เซนติเมตร เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวแล้วนับว่าสูงตามมาตรฐานผู้ชายเอเชียทั่วไปด้วยซ้ำ หากไม่ใช่ว่าคนพูดสูงถึง 203 เซนติเมตร พอมายืนวัดขนาดกันอย่างนี้แล้วฟุคุอิจึงสูงเพียงแค่อกของมาเฟียหนุ่มเท่านั้นเอง
“ก็นายมากล่าวหาฉันก่อนนี่ บอกว่าฉันขโมยของไปจากนายงั้นเหรอ แน่จริงก็หาหลักฐานมาสิวะ!!!”
ฟุคุอิตะโกนก้อง ในใจกระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อรู้ดีว่าต่อให้อีกฝ่ายหาให้ตายก็ไม่เจอหลักฐานในตัวเขาหรอก ก็เขาเป็นคนโยนไอ้กระเป๋าสตางค์ใบนั้นทิ้งข้างทางด้วยมือตัวเอง ซึ่งกว่าจะพิสูจน์ไดว่าเป็นฝีมือเขาก็คงมีแต่จะต้องตรวจลายมือเท่านั้นล่ะมั้ง ซึ่งมันก็ดูยุ่งยากเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะเสียเวลาทำ ในเมื่อของในนั้นก็ไม่มีอะไรหายไปเลยนอกจากนามบัตรใบเล็กๆ ใบเดียว
แต่ก่อนที่ใครจะได้ทำอะไร ไซเลนรถตำรวจที่ดังก้องกับแสงวูบวาบสีแดงๆ ฟ้าๆ ที่ส่องมาตามทางก็เล่นเอาฟุคุอิสะดุ้งเฮือก รู้อยู่หรอกว่าเรื่องคราวนี้ยังไม่ได้มีตำรวจมาเกี่ยวข้อง แต่มันก็อดมีปฏิกิริยาไม่ได้ คนตัวเล็กกว่าดันร่างหนาวูบเดียวให้เข้าไปชิดติดกับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง สาวเท้าตามเข้าไป ใช้เงามืดในตรอกบังตนเองให้พ้นจากสายตาที่คนภายนอกจะมองเห็น ฟุคุอิจ้องเขม็งตรงปากทางรอจนกว่ารถติดไซเรนทุกคันผ่านไปหมดแล้วจึงถอนหายใจเฮือก
“กลัวตำรวจ?”
เสียงทุ้มกระซิบชิดริมหูเล่นเอาสะดุ้งสุดตัวอีกรอบ ไม่ทันรู้เลยว่าอยู่ใกล้กับมาเฟียตัวสูงมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างกายแทบจะแนบกันไปทุกส่วน เสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้นเป็นจังหวะหนักแน่นอยู่ใต้ฝ่ามือ ปลายจมูกเกือบสัมผัสกับผ้าเนื้อดีที่มีกลิ่นโคโลญจน์หอมๆ แบบผู้ชายชวนให้มือไม้สั่นลอยออกมาเบาๆ จะถอยออกห่างก็ติดวงแขนที่รัดรอบเอวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันต้องฉวยโอกาสตอนที่เขามัวแต่ตกใจรถตำรวจเป็นแน่
ฟุคุอิเงยหน้าขึ้น มองเห็นนัยน์ตาคมกริบเป็นประกายวิบวับด้วยความขบขันอยู่ในเงามืด นักล้วงกระเป๋ามือทองกัดฟันกรอด
“แค่ไม่ค่อยถูกกันหรอก”
“งั้นหรือ” เหว่ย หลิวหัวเราะเบาๆ “ฉันก็เหมือนกัน”
คนฟังเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างขบขัน
“ถ้ากลัวตำรวจล่ะก็ งั้นมาเฟียอย่างนายก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนเดินดินอย่างพวกฉันเลยสินะ”
“ฉันบอกสักคำหรือยังว่ากลัว”
มาเฟียหนุ่มพูดเสียงเรียบ
“ที่ไม่ค่อยถูกกันก็เพราะรำคาญ ที่รำคาญเพราะตอนที่ต้องคอยตามเก็บศพพวกตำรวจจุ้นจ้าน มันทำให้เสียเวลาแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดมากต่างหากก”
นัยน์ตาเรียวยาวเย็นเฉียบอย่างน่ากลัว เหงื่อผุดขึ้นที่ขมับคนตัวเล็กกว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังเล่นอยู่กับอะไร ฟุคุอิตัวแข็งเป็นหิน นึกกลัวขึ้นมาเป็นครั้งแรกเมื่อคิดว่าหลังจากนี้เขาอาจถูกฆ่าขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
แต่เพียงครู่เดียวความเย็นยะเยือกนั้นก็เลือนหายไป กลายเป็นแววตาวาววับด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้คนถูกมองขนลุกได้ไม่แพ้กัน เมื่อสายตานั้นไล่สำรวจเขาผู้ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนไปทั่วทั้งตัว
“เมื่อกี้....นายบอกว่าให้ฉันหาหลักฐานสินะ”
ฟุคุอิกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำอะไรต่อไป
“ถ้างั้นก็ขอเสียมารยาทหน่อยแล้วกัน”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ตัวเกร็งวูบไปจนทั่ว แล้วปลาหมอที่ตายเพราะปากก็ต้องร้องโวยวายออกมาไม่เป็นภาษาเมื่อมือใหญ่ของคนตรงหน้าเริ่มสำรวจลูบคลำไปตามตัวเขาอย่างจาบจ้วงและถือสิทธิ์ เหว่ย หลิวกระชากคนฤทธิ์เยอะมาแนบอกให้มากขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดแต่ฟังอย่างไรก็รู้สึกว่าคนพูดกำลังอารมณ์ดี
“อย่าดิ้น”
“ทำบ้าอะไรของนาย!!! ปล่อยฉันนะเฟ้ย!!!!!!!”
“ก็บอกเองว่าให้หาหลักฐานไม่ใช่หรือไง”
ฝ่ามือร้อนสอดเข้าให้ชายเสื้อสีเข้ม ลูบไล้ไปตามหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้ออยู่พอประมาณ ลากผ่านที่ตรงไหนผิวตรงนั้นก็จะหดเกร็งตามไปเรื่อย ลูบเบาๆ ที่ท้องน้อย ไล่ไปถึงแผ่นหลังก่อนจะลากสูงขึ้นมาให้ชายเสื้อเลิกตามจนเผยผิวขาวให้เห็นกับตา ฟุคุอิดิ้นพราดๆ เหมือนถูกน้ำร้อนลวก แต่คนตัวใหญ่กว่ากลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่นิด มิหนำซ้ำวงแขนข้างเดียวที่รัดตัวเขาเอาไว้ยังกระชับแน่นขึ้นให้เนื้อตัวแนบชิดกันมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“บอกว่าอย่าดิ้นไง”
“ก็นายทำอะไรล่ะวะ!!! หยุดนะ!! ต่อให้หาให้ตายก็ไม่เจอหรอกโว้ย”
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายไม่ได้โกหก”
“บ้าเอ๊ย!!”
ปลายนิ้วซุกซนที่เอาแต่ลูบอยู่ตรงผิวเนื้ออ่อนจุดที่เป็นอันตรายต่อความรู้สึกทำเอาฟุคุอิต้องกัดฟันกรอด ลมหายใจร้อนๆ ของมาเฟียหนุ่มที่ดูจะคอยเป่ารดอยู่ตรงใบหูอย่างจงใจกับเนื้อตัวที่ยิ่งดิ้นยิ่งเสียดสีกันเล่นเอาหัวสมองมึนเบลอ อีกทั้งอารมณ์บางอย่างก็ยังพุ่งสูงจนต้องยอมหยุดดิ้น ไม่อย่างนั้นท่อนล่างที่แนบชิดกันคงแสดงปฏิกิริยาอะไรๆ ออกไปให้เขาต้องอับอายไปทั้งชีวิตเป็นแน่
เหว่ย หลิวเลิกคิ้วขึ้นนิด ดูแปลกใจนิดหน่อยที่อยู่ดีๆ คนตัวเล็กกว่าในอ้อมแขนก็เกิดว่าง่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่เมื่อก้มลงมองเห็นผิวแก้มแดงก่ำของอีกฝ่ายก็พอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร มาเฟียหนุ่มหัวเราะหึๆ วางปลายคางลงบนกระหม่อมที่ปกคลุมด้วยผมนิ่มสีบรอนด์เทาเบาๆ ขณะที่ยังคงทำการ –ค้นหาหลักฐาน- อย่างเพลินมือ
“ผมสีนี้เองสินะถึงได้ต้องใส่ฮู้ดคลุมอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นคงเป็นที่สะดุดตาน่าดู”
“อึ่ก! เรื่องของฉันน่า!!!”
ร่างสูงหัวเราะเบาๆ สังเกตเห็นว่าคนในอ้อมแขนตัวสั่นระริก น้ำตาคลอจวนเจียนจะหยดออกจากเบ้าอยู่แล้ว ริมฝีปากสีเชอร์รี่ก็ช้ำไปหมดเนื่องจากเจ้าตัวเอาฟันขาวขบไว้เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่างที่เขาจงใจปลุกปั่นมันขึ้นมา พอเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าเป็นได้ถึงขนาดนี้แล้วก็รู้สึกใจอ่อนนิดๆ ค่อยๆ เลื่อนมือที่กลั่นแกล้งลงต่ำเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่แท้จริงแทน
“เฮ้ย!! จับตรงไหนกันวะ!”
“เงียบ”
ริมฝีปากที่จงใจให้สัมผัสกับใบหูนิ่มขณะเอ่ยคำพูดทำให้คนที่โวยวายหยุดเสียงได้ชะงัด ปลายนิ้วของมาเฟียหนุ่มล้วงเข้าไปในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์อีกฝ่าย ก่อนจะคีบเอากระดาษแข็งที่ถูกพับรวมกันหลายทบจนเหลือขนาดเล็กใบหนึ่งออกมา
เหว่ย หลิวคลี่มันออกต่อหน้าอีกคน
“นามบัตรของฉัน” มุมปากได้รูปกดลงเป็นรอยยิ้ม “ถ้าไม่ได้ขโมยกระเป๋าไป แล้วมันมาอยู่ที่ตัวนายได้ยังไง”
หัวขโมยที่ถูกจับได้ซึ่งๆ หน้าอ้าปากค้าง
“ก...ก็อาจจะเก็บได้ตามถนนมั่งป๊ะ!!”
“หึ นามบัตรของฉันไม่ใช่โบชัวร์ร้านอาหารที่จะแจกฟรีให้ใครก็ได้ไม่เลือก ที่สำคัญนี่มันเป็นแบบที่เพิ่งพิมพ์ใหม่ ยังไม่เคยให้ใครทั้งนั้นแล้วก็ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ มันจะหล่นลงบนถนนด้วย ขโมยไปก็ยอมรับว่าขโมย อย่ามาทำตัวเป็นเด็กขี้โกหก”
“แค่เห็นว่าตัวเตี้ยกว่าก็อย่ามาเหมาว่าฉันเป็นเด็กนะโว้ย นายรู้เหรอว่าฉันอายุเท่าไหร่!!”
โวยวายๆ แล้วก็ต้องหยุดเพราะเหนื่อยเอง ฟุคุอิหอบแฮ่ก รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ กับสายตาและสีหน้าของคนตัวสูงกว่ายังไงบอกไม่ถูก
“เออๆๆๆๆ ยอมแล้ว ฉันขโมย! ฉันเป็นคนขโมยเอง พอใจรึยังล่ะ!!!!”
พูดแล้วก็ต้องกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่นักล้วงกระเป๋าชื่อดังจะสิ้นท่าขนาดนี้ ถูกจับได้ไม่พอ ยังโดนค้นเสียจนปรุไปทั้งตัว นี่ถ้าเขาแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนไม่ได้อีกละก็ เขาจะส่งบิลเรียกค่าเสียหายไปเก็บที่พรรคมาเฟียของหมอนี่แน่นอน
พอได้ยินแบบนั้นแล้วคนฟังก็ยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ ในขณะที่อีกคนหน้าบูดเป็นตูดลิง
“ยอมพูดแล้วอ่ะ ปล่อยได้ยัง”
ขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่อยังรู้สึกได้ว่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยังวางอยู่ตรงบั้นเอวของเขาอยู่เลย เหว่ย หลิวพยักหน้าเนิบๆ ก่อนเอ่ย
“ครั้งนี้จะยอมปล่อยไปก่อนก็ได้ แลกกับการที่นายต้องบอกฉัน....”
ใบหน้าหล่อเหลาของมาเฟียเมืองจีนแผ่นดินใหญ่ยื่นเข้าไปใกล้จนฟุคุอิต้องชะงัก
“บ....บอกอะไร?”
“ชื่อ......”
ลมหายใจที่คลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ทำให้ต้องย่นคอหนี ร่างโปร่งรีบพยักหน้ารัวๆ
“บ...บอกก็ได้ ฉันชื่อฮิมุโระ ทัตสึยะ”
คิ้วเข้มของมาเฟียเลิกขึ้นข้างหนึ่งเหมือนรู้ว่าโกหก นัยน์ตาสีเข้มวาววับดูเหมือนจะอยู่ใกล้มากขึ้นกว่าเดิมจนต้องรีบระล่ำระลักบอกอีกชื่อหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวออกไป
“โอเค ยอมแล้ว ไม่โกหกก็ได้ ฉันชื่อโอคามุระ เคนอิจิ”
เหว่ย หลิวคำรามออกมาในลำคอก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกจนริมฝีปากแทบจะสัมผัสกัน ฟุคุอิเอนตัวหนีจนแทบจะสุด สบถในใจยาวเหยียด ทำไมพออยู่ต่อหน้าหมอนี่แล้วไม่เคยโกหกได้เลยสักทีวะ!!!!
“ฟุคุอิ!!!!! ฟุคุอิ เคนสุเกะ!!!!”
เรียวปากที่เคลื่อนเข้ามาใกล้หยุดชะงักเหมือนอีกฝ่ายได้คำตอบที่พอใจ ฟุคุอิแทบจะถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าในวินาทีต่อมาริมฝีปากนั้นก็ทาบทับลงมากับกลีบปากของเขาอยู่ดี
“อื้อ!!!!!”
ร่างโปร่งช็อคค้างก่อนจะโวยวายไม่เป็นศัพท์ แต่เสียงเหล่านั้นไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้เมื่อริมฝีปากถูกปิดจนสนิทเสียแล้ว ฝ่ามือร้อนๆ ที่ละออกไปกลับมาสอดเข้าสัมผัสแผ่นหลังใต้เสื้อผ้าให้ต้องสะดุ้งโหยง จูบที่ทำให้รู้สึกหัวปั่น ร่างกายที่เสียดสีกันปลุกอารมณ์แปลกๆ ให้ลุกฮือขึ้นมาอีกรอบ ฟุคุอิหลับตาปี๋ ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากพยายามไขว่คว้าหาอากาศโดยอาศัยช่วงเวลาสั้นๆ ที่ริมฝีปากคนตัวสูงกว่าละออกไปเพื่อที่จะกลับมาประกบกันใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มือสั่นๆ กำอกเสื้อคนตัวสูงกว่าจนยับย่น รู้สึกเหมือนแข้งขาอ่อนเปลี้ย แต่แล้วก็พยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะที่กระเจิงไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้กลับมาใหม่ก่อนผลักคนตรงหน้าออกไปเต็มแรง
ฟุคุอิหอบแฮ่ก เงยหน้ามองมาเฟียหนุ่มด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูกว่ากำลังโกรธ ตกใจ หรือว่าเขินอายอยู่กันแน่
“อ...อ.....ไอ้บ้า!!!!!!!”
ตะโกนใส่หน้ามาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ก่อนจะวิ่งจู้ดหนีไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่ร่างสูง 203 เซนติเมตรในตรอกที่เล็กและมืด เหว่ย หลิวหัวเราะเบาๆ ใช้ปลายนิ้วปาดคราบน้ำใสๆ บนริมฝีปากออกด้วยสีหน้าพึงพอใจ
แมวบางตัวก็มีนิสัยชอบปล่อยหนูที่จับมาได้ให้วิ่งหนีไปก่อน เพื่อตามจับมาขังไว้ในกรงเล็บใหม่....อีกครั้ง....และอีกครั้ง
ฟุคุอิ เคนสุเกะ......
เดี๋ยวเราก็คงจะได้เจอกัน
อีกไม่นานนักหรอก .
END
คือชอบมากแบบชอบ ชอบจนไม่รู้จะชอบยังไงแล้วค่ะ
#กระโดดลงเรือทันที
น่ารักมากเลย พ่อมาเฟียหน้าไม่ให้แต่โดนใจป้ามากจ๊ะ