ประตูสองบาน และพร 4 ข้อ - ประตูสองบาน และพร 4 ข้อ นิยาย ประตูสองบาน และพร 4 ข้อ : Dek-D.com - Writer

    ประตูสองบาน และพร 4 ข้อ

    โดย JiBi_JunG

    อธิบายไม่ถูก ข้ามาอ่านก่อนก็ได้

    ผู้เข้าชมรวม

    489

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    489

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.ค. 51 / 19:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ประตูมีหลายแบบ
      ความทุกข์และปัญหาก็มีหลายแบบเช่นกัน

      บางครั้งเราใช้ชีวิตแบบดึง
      ทั้งที่ประตูบอกว่าผลัก

      และใช้ชีวิตแบบผลัก
      ทั้งที่ประตูบอกให้เลื่อน

      ประตูเปิดไม่ออก ปัญหาผลักไม่ออก
      ไม่ใช่เป็นเพราะปัญหาแก้ไม่ได้ หรือประตูเปิดไม่ได้

      หากแต่เป็นที่ตัวเราไม่เคยใช้ "ความคิด"
      เพื่อค้นหาวิธีการเปิดประตูอย่างถูกต้องเลย

      ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะ โดยท่าน ว.วชิรเมธี  มีพี่ๆ ที่รู้จักไปนั่งฟังมา  ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้

      1. อย่าเป็นนักจับผิด
      คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง " กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก"

      คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส "จิตประภัสสร" ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี "แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข"

      2. อย่ามัวแต่คิดริษยา 
      "แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน" คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

      คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า " เจ้ากรรมนายเวร " ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์   ฉะนั้น เราต้องถอดถอน

      ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น " ไฟสุมขอน " ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน

      เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี " แผ่เมตตา " หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา   แล้วปล่อยให้ลอยไป

      3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
      90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ " ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น "

      มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเค ราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย

      ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ " อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน "

      " อยู่กับปัจจุบันให้เป็น "  ให้กายอยู่กับจิต  จิตอยู่กับกาย คือมี " สติ " กำกับตลอดเวลา

      4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
      " ตัณหา " ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ " ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม "

      ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม   เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู

      คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์

      เราต้องถามตัวเองว่า  เิกิดมาทำไม " " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน " ตามหา " แก่น " ของชีวิตให้เจอ

      " คำว่า " พอดี "   คือ ถ้า " พอ " แล้วจะ " ดี "     รู้จัก " พอ " จะมีชีวิตอย่างมีความสุข "

      -------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      เครดิต เว็บyenta4

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×