คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER 9
�
CHAPTER 9
DON’T GO,�STAY WITH ME
�
รอยยิ้ม..
����������� คนเรามักจะจำรอยยิ้มของคนที่เรารักได้เสมอ ต่อให้เนิ่นนานแค่ไหน เราก็จะยังจำได้ หรือต่อให้เขาเลิกยิ้ม เราก็ยังจำได้ นั่นคือความมหัศจรรย์ของการตกหลุมรักใครซักคน
����������� ทุกครั้งที่นึกไปถึงรอยยิ้มนั้น เราจะรู้สึกว่าภาพทุกอย่างช้าแล้วมัวไปหมด เราจะเห็นแค่คนๆนั้นที่เคลื่อนไหวเพียงคนเดียว แม้คนอีกหลายล้านคนบนโลกจะมองไม่เห็น แต่เราก็จะสามารถมองเห็นคนๆนั้น “ส่องสว่างในใจเราเพียงคนเดียว“
����������� แบคฮยอนเองก็เป็นแบบนั้น เขาสามารถจ้องมองกรอบเปล่าของโพลารอยด์โดยไม่จำเป็นต้องเห็นรอยยิ้มของลู่หานเลยซักนิด ในขณะเดียวกัน เขาไม่จำเป็นต้องจำเป็นต้องเห็นใบหน้าของพี่ชาย น้ำตาของเขาก็สามารถไหลลงมาได้เช่นกัน
����������� แม้ความรู้สึกที่หลงเหลืออยู่ จะยังคิดถึงหรืออะไรก็ตามแต่ เรื่องราวชีวิตจริงและกฏเกณฑ์ของเวลาก็ทำให้เราจำเป็นต้องใช้ชีวิตดำเนินต่อไป �การที่เราจมปลักอยู่กับอดีต มันคือการเดินย่ำอยู่กับที่ มันจะทำให้ชีวิตเราช้าลงและมันจะรังแต่ทำให้ชีวิตเราไม่ได้เดินหน้าไปไหนซักที
����������� แบคฮยอนตัดสินใจที่จะไม่ยึดติด เขาไม่ต้องการอยากได้พี่ชายคืนหรืออะไรอีกแล้ว ความคิดทั้งหลายของคนตัวเล็กด่วนสรุปไปแล้วว่าพี่ลู่หานไม่ได้รักเขา คนทั้งสองคนแทบไม่คุยกันเลย หลบหน้ากันตลอด จนเวลาล่วงเลยถึงวันที่น้องชายสอบปลายภาคเสร็จ และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะปิดภาคเรียน
����������� ทุกคนในกลุ่มไปฉลองกันที่ร้านเหล้าเล็กใกล้มหาวิทยาลัย เสียงดนตรีที่ดังคลอเบาๆประกอบ วัยรุ่นส่วนใหญ่หลายคนเข้ามานั่งฉลองที่ร้านนี้ กลิ่นควันบุหรี่เคล้าขึ้นมา แสงไฟสลัวทำให้บรรยากาศตอนมืดกลายเป็นสเน่ห์ไปอีกแบบ สายลมพัดเย็นสบายทำให้ทุกคนรู้สึกชิลไปกับการนั่งทานอะไรไปด้วยกัน พูดคุยเรื่องราวต่างๆด้วยกัน
����������� แบคฮยอนยิ้มออกมาเมื่อมองไปยังเพื่อนรัก คยองซู เซฮุน และตอนนี้ก็พ่วงรุ่นน้องตัวโตชานยอลมาด้วย น่าแปลกที่ตอนนี้เด็กร่าเริงเปลี่ยนจากการเกาะติดแบคฮยอนมาเกาะติดเซฮุนแทนแล้ว แน่นอนเราจะเห็นสีหน้าที่ทำท่าทีรำคาญและเบื่อหน่ายแต่แอบอมยิ้มของเซฮุนปรากฏออกมาอยู่เสมอ
�
����������� “แบคฮยอน นายไม่เคยดื่มแอลกฮอล์เลยนะ” คยองซูเอ่ยขึ้นเมื่อแบคฮยอนเปิดกระป๋องเบียร์ แล้วยกขึ้นมาตั้งใจจะดื่มบ้าง
����������� “ไม่เมาหรอกน่า นิดหน่อยเอง”
�
����������� คนตัวเล็กส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรแล้ว ปล่อยชีวิตให้ไหลไปบ้าง มีอิสระอย่างที่เขาต้องการบ้าง ไม่ต้องสนใจว่าใครอีกคนจะคิดอะไรหรือบ่นอะไรมันก็ดีไปอีกแบบเหมือนกันนี่นา ถึงเขาจะไม่เคยกลับบ้านดึกเลย แต่มันผิดด้วยหรอที่วันนี้เขาอยากมาฉลองกับเพื่อนบ้าง
�
����������� “เอามานี่เลย ไม่ต้องดื่ม เดี๋ยวเมา ไม่มีคนดูแลเข้าใจไหม?” เซฮุนเอ่ยขึ้นแล้วรีบแย่งกระป๋องเบียร์ออกจากมือเพื่อนรักในทันที แบคฮยอนยู่หน้าทำปากจู๋แถมยังมองค้อนไปยังเซฮุน �
����������� “ใช่ๆ อย่าทำให้แฟนผมโกรธเคืองน้ะ” ชานยอลแกล้งชี้หน้าดุใส่แบคฮยอนด้วย นั่นยิ่งทำให้แบคฮยอนกัดปาดตัวเอง เขาพองลมจนเต็มแก้มทั้งสองข้าง มองค้อนทั้งเซฮุนและชานยอลไปพร้อมกันๆ
�
����������� “คิก ชานยอล เปลี่ยนแฟนเร็วจังนะ“ คยองซูที่นั่งข้างๆแบคฮยอนเอ่ยออกมา คนตาโตหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะโอบกอดเพื่อนรักที่หน้ายู่อยู่คล้ายจะปลอบใจที่ต้องโดนเซฮุนและชานยอลไม่ให้ดื่มเบียร์
�
����������� “ก็เงี้ยครับ ผมเป็นคนหล่อ มีคนชอบเยอะ แถมแฟนคนใหม่ผมนะ ทั้งสวยและก็เด็ดกว่าพี่แบคอีก”
����������� ชานยอลยักคิ้วจึกจึก แถมยังหลิ่วตาให้ทั้งแบคฮยอนและคยองซูที่นั่งอยู่ข้าม แบคฮยอนหายงอนในทันทีแล้วหลุดหัวเราะออกมา เขาเห็นเซฮุนหน้าแดง ก่อนจะเรียกน้องชายอารมณ์ดี
�
����������� “อะ เอ่อ...ชานยอล” แบคฮยอนใช้นิ้วจิ้มจึกจึกให้ชานยอลหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ เหมือนชานยอลจะไม่รู้สึกตัวเลยว่ารังสีอำมหิตของเซฮุนแผ่กระจายออกมาแล้ว
����������� มือขาวเรียวของเซฮุนค่อยๆยกขึ้นมา ก่อนจะจับแน่นไปที่หูหนากางๆของรุ่นน้องนักฟุตบอล เซฮุนบิดอย่างไม่เบามือซักนิด แถมยังกัดฟันพูดใส่ชานยอล
�
����������� “มึงจะพูดเล่นอีกนานไหมมมมมม?”
����������� “โอ้ยยยยยยยยย งื๊ออออ ปะ ปล่อยก่อนครับพี่ มันเจ็บบบบบบนะครับ!!”
�
����������� เพียงแค่นี้ การกระทำของทั้งเซฮุนและชานยอลก็ทำให้แบคฮยอนหัวเราะจนตาหยี สองคนนี้ก็ยังเถียงกันไปมาอยู่บ้างจนอาหารพวกกับแกล้มต่างๆ เช่นพวกเฟรนซ์ฟรายซ์และไก่ทอดมาเสิร์ฟ แบคฮยอนเห็นว่าชานยอลยิ้มกว้างเมื่อเซฮุนโยนไก่ทอดมาใส่จานของเขาแบบไม่ใส่ใจ ทั้งหมดนั่งฟังเพลงด้วยกัน เซฮุนและคยองซูหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างสบายใจ
�
����������� “พี่แบคฮยอน เราไปเต้นรำกันไหมครับ ผมอยากให้พี่เซฮุนเค้าหึงผมบ้าง”
����������� ชานยอลเอ่ยขึ้น เมื่อรู้ว่าแบคฮยอนเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่สูบบุหรี่ แถมพี่คนตัวเล็กยังโดนเพื่อนรักสั่งห้ามไม่ให้ดื่มเบียร์อีก นั่งไปอาจจะรู้สึกเหงาก็ได้ แบคฮยอนมองหน้าเซฮุนคล้ายกับถามว่าไปได้ไหม เพื่อนรักพยักหน้ายิ้มบางให้ แบคฮยอนจึงส่งยิ้มสดใสไปให้ชานยอล
�
����������� “อื้ออออ ได้สิ”
����������� “ใจดีจังเลย ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้อะ ชอบดุผมตลอด”
����������� “เออๆ พวกแกไปไกลๆฉันทั้งคู่เลยเหอะ และไม่ต้องกลับมานั่งนี่เลยนะ”
�
����������� เซฮุนไม่ได้อารมณ์เสีย แต่พูดเหมือนติดตลกมากกว่า เขานั่งไขว่ห้างคีบบุหรี่ และปรายตามองไปที่ชานยอล เด็กหนุ่มเลยแกล้งโอบไหล่บางของเซฮุน
�
����������� “แหน่ะ มีหงมีหึง น้องเซฮุน เดี๋ยวคืนนี้ง้อที่ห้องนอนแล้วกันนะครับ”
����������� “มึงบ้าและ ไอชานยอล!!”
�
����������� แม้จะโดนตีที่ไหล่แต่รุ่นน้องขายาวก็หัวเราะเสียงดังยิ้มกว้าง เขาลุกยืนขึ้นกระซิบไปที่ข้างใบหูของเซฮุนก่อนจะจูงมือแบคฮยอนไปในส่วนที่มีคนเต้นกันอยู่
�
����������� “ฮ่าๆ อย่าสูบบุหรี่เยอะเกินไปด้วยนะ ผมเป็นห่วง..”
�
����������� ชานยอลยังไม่ได้ขอเซฮุนเป็นแฟน เขาแค่เกาะติดทุกที่ที่มีเซฮุนอยู่�(ซึ่งเขาโดนก่นด่าว่าชอบเสนอหน้าตลอด) ชานยอลบอกว่าจะจีบรุ่นพี่เชียร์หลีดเดอร์คนนี้แถมยังประกาศเสียงดังกลางสนามฟุตบอลในเย็นวันหนึ่ง แน่นอน นักฟุตบอลสุดหล่อได้รับทั้งเสียงโห่สนับสนุนและโห่ไล่มากมายจนเซฮุนรีบวิ่งมาปิดปากอีกฟากหนึ่งจากสนามแทบไม่ทัน
����������� รุ่นน้องนักฟุตบอลไม่ได้ห้ามเซฮุนไม่ให้สูบบุหรี่ เขาไม่เคยฝืนบังคับจิตใจเซฮุนเลย� สิ่งที่เขาทำเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยที่บอกว่าเขาแคร์รุ่นพี่คนนี้มาก แค่บอกว่า “อย่าสูบเยอะ” เพียงแค่นี้ โอ เซฮุนก็จิปากเขี่ยบุหรี่ทิ้งทั้งๆที่ตัวเองยังสูบไม่หมด จนคยองซูที่มองอยู่กลั้นขำแทบไม่ทัน
�
�
�����������
����������� เสียงเพลงดนตรีสนุกดังขึ้นมา ชานยอลพาแบคฮยอนมาเต้นอย่างอารมณ์ดี ซึ่งรุ่นพี่ตัวเล็กก็สนุกกับการเต้นกับชานยอลไปด้วย แม้จะขำท่าเต้นของชานยอลบ้างตามที ชานยอลชอบทำท่าหุ่นยนต์แปลกๆแล้วให้แบคฮยอนเลียนแบบทำตาม ทั้งสองคนหัวเราะให้กัน ใบหน้าเล็กเรียวขาวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูให้ชานยอล
�
����������� “นายเป็นไงบ้าง มีความสุขดีไหม”
����������� “อื้มม ถ้าไม่มีพี่วันนั้นผมก็คงแย่� ขอบคุณมากนะครับ” ชานยอลอมยิ้มกว้าง เขาขอบคุณพี่แบคฮยอนด้วยความจริงใจ
�
����������� “อื้มม ไม่เป็นไรหรอก พี่เต็มใจ”
����������� “พี่ก็อย่าลืมมีความสุขบ้างนะ อยากให้พี่มีความสุขซักครั้ง วู้วว พี่ครับ หมุนตัวสิ“
����������� ชานยอลจับมือแบคฮยอนขึ้นมาหนึ่งข้าง แล้วให้พี่ชายตัวเล็กหมุนตัว
�
�
����������� “ฮ่าๆ ขอบใจนะน้องชาย”
�����������
����������� ทั้งสองคนหัวเราะให้กัน แบคฮยอนหมุนตัวไปทั้งสองทีคล้ายเจ้าหญิง
����������� ร่างเล็กรู้สึกดีมากที่มีเพื่อนที่รักเขา มีรุ่นน้องที่เข้าใจเขา อย่างน้อยความสุขนี้ก็เป็นความสุขไปอีกรูปแบบ แบคฮยอนอยากเก็บเวลานี้ไว้บ้าง เขาไม่อยากกลับบ้านแล้วต้องทรมาณจากการเจ็บปวดเพราะต้องคิดถึงคนใจร้ายอีกครั้ง
�
������������“มึงจะทำอะไร?”
����������การกระทำทุกอย่างของทั้งชานยอลและแบคฮยอนหยุดลง เหมือนความโชคร้ายจงใจแกล้งแบคฮยอน เสียงของคนใจร้ายที่คุ้นเคยดังขึ้นมาในร้านเหล้า แม้จะไม่ได้ยินมานานหากแต่เสียงนั้นก็เป็นเสียงที่ไม่เคยลบเลือนไป แค่ไม่กลับบ้าน คนๆนั้นก็ต้องตามหาแบคฮยอนเพื่อบังคับเขาสินะ
����������� ส่วนชานยอลก็ได้รับแววตาดุที่ทำให้เขารุ้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก ถ้าวันนี้เขาโดนใครซักคนกระทืบแหลกคาตีนก็คงไม่ต้องสงสัยเลย
�
����������� “โอ้ยยยย”
����������� แบคฮยอนถูกฉุดข้อมือให้หลุดจากมือของชานยอล เขาหันไปมองใบหน้าของคนใจร้ายที่แทบไม่ได้คุยกันเลย ใบหน้าของคนนั้นก็ยังเป็นแบบเดิม ลู่หาน คือบุคคลที่มีดวงตาคมพร้อมสีผมสีทองโดดเด่น แม้จะอายุมากแล้วหากแต่ใบหน้าที่ดูเด็กทำให้คนอื่นๆในร้านคิดว่าเป็นรุ่นเดียวกัน
�
��������� “กลับบ้านเดี๋ยวนี้!!!!”
����������น้ำเสียงตวาดดังขึ้นมาทำให้แบคฮยอนน้ำตาคลอ เขาจะกลับหรือไม่กลับบ้าน มันเกี่ยวอะไรด้วยละ
�
������������“ไม่กลับ�!!�ปล่อยนะ ไม่ต้องมายุ่ง”
����������� คนตัวเล็กพยายามบิดข้อมือเล็กของตัวเองให้หลุดพ้น ต่ยิ่งบิดลู่หานก็ยิ่งบีบแน่นขึ้น ทั้งสองคนยื้อยุดฉุกกระชากกันอยู่นานจนคนอื่นๆในร้านเริ่มหยุดเต้นและหันมามอง แบคฮยอนสู้เต็มที่ เขาพยายามฝืนแรงลู่หาน จนสุดท้ายลู่หานก็หงุดหงิดทนไม่ไหว เขาตัดสินใจยกตัวแบคฮยอนพาดไว้กับบ่าแล้วพยายามเดินออกจากร้านไป คนตัวเล็กดิ้นสุดแรงเกิด แบคฮยอนโกรธจนใช้ฟันกัดไปเต็มแรงที่ไหล่หนาของพี่ชายหวังจะให้ปล่อยเขาซักที
�
����������� “โอ้ย”
����������� เสียงของลู่หานดังขึ้นมาพร้อมกับจิปากขัดใจ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาหยุดเดินซักนิด แขนหนาโอบลำตัวบางของแบคฮยอนไว้หนึ่งข้างก่อนจะใช้มืออีกข้างดึงผมน้องชายออกแบบไม่ปราณี
�
����������� “ถ้ากัดฉันอีก นายเจอดีแน่!!”�����
������������“โอ้ยย ปล่อยยยยนะ ไม่ต้องมายุ่ง ปล่อยผม!!!!!!!”
�
����������� แบคฮยอนยังคงดิ้นอยู่อย่างนั้น แต่ลู่หานก็ไม่สนใจอะไร เหตุการณ์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและวุ่นวายเล็กน้อย พอพี่ชายคนหล่อพาน้องชายหน้าหวานออกไปแล้ว คนอื่นๆก็เลิกให้ความสนใจแล้วกลับมาเต้นสนุกตามเดิม
�
����������� ชานยอลยืนเอ๋อ เกาหัวแกรกๆอยู่พักใหญ่ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มออกมา
�
����������� บางมุมการกระทำของพี่ชายผมทองคนนั้น....มันคล้ายกับพี่เซฮุนจริงๆ
����������� จะแกล้งดุไปทำไมวะ ขี้เก๊กชะมัก เขาเดินกลับไปยังที่นั่งโต๊ะของรุ่นพี่ทั้งสองตามเดิม
�
����������� “เป็นไร ทำหน้ายังกะตูดลิงแถมหูกางอีก อ้าว แบคฮยอนไปไหนและละ?”
����������� เซฮุนเอ่ยถามแล้วมองไปยังด้านหลังรุ่นน้องหลังฟุตบอล เมื่อไม่เห็นแบคฮยอนเจ้าตัวก็ขมวดคิ้วทำหน้าเป็นห่วง
�
����������� “บูว พี่หน้าบูดผมทองคนนั้นเค้ามารับกลับบ้านและละ น่าเบื่อ ชอบไม่ยิ้มเหมือนน้องเซฮุนเลย ไม่รู้กินรังแตนมาจากไหน อย่างนี้ต้องหอมให้ยิ้มซักก่ะหน่อยย”
����������� ว่าแล้วคนตัวสูงก็รีบโอบไหล่เซฮุนในทันที ชานยอลเป็นคนแบบนี้มาตั้งนานแล้ว อย่างที่เรารู้กัน ชอบแต๊ะอั๋ง หาเศษหาเลยตลอด
����������� “แก ไ อ้บ้า ชานยอล มันเริ่มไม่เกี่ยวและนะ!”
����������� โดนเซฮุนชี้หน้าแล้วผลักออกอย่างไม่ออมแรง ชานยอลทำหน้าตาโศกเศร้า เบะปากออกมาคล้ายจะร้องไห้แล้วย้ายที่นั่งไปนั่งข้างๆเกาะแขนพี่คยองซูแทน ท่าทีอ้อนขอความเห็นใจของชานยอล ทำให้รุ่นพี่ตัวเล็กตาโตส่ายหน้ายิ้มบาง ชานยอลกับเซฮุนเวลาอยู่ด้วยกันน่ารักจัง ถึงจะทะเลาะกันบ้างก็ตามทีเถอะ คยองซูก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มมาให้พวกเขาสามคนอีกครั้ง
����������� บางครั้ง คยองซูก็รู้สึกว่า มันน่าเสียดายที่ตอนนี้ ระหว่างเขากับคิมจงอินยังไม่อาจยืนอยู่เคียงข้างกันได้..
�
�
� � � � � � ร่างบางถูกพี่ชายผมทองยัดตัวลงไปในรถ แถมคาดเข็มขัดให้อย่างไม่สบอารมณ์ ลู่หานกลับมาเปิดประตูด้านคนขับ แล้วสตาร์ทรถบีเอ็มสีดำขับออกไปยังถนนใหญ่เพื่อกลับบ้าน ถึงจะไม่ได้คุยกันนาน แต่แบคฮยอนก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ ยิ่งพออยู่ดีดีลู่หานก็กลับมาบังคับเขาแบบนี้ ยิ่งทำให้แบคฮยอนโกรธเข้าไปใหญ่ น้องชายหน้าบึ้งกอดอกแล้วมองออกไปทางหน้าต่างอยู่อย่างนั้น
�
������������“หึ แปลกดีนะ เมื่อก่อนมีเด็กสิบขวบบอกรักฉัน เขาบอกจะรักฉันคนเดียว แต่วันนี้เด็กนั่นกลับเที่ยวไปเต้นยั่วยวนคนอื่น แถมยังไปดื่มเหล้าอีก ฉันว่าไม่เห็นจะน่ารัก”
������������ประโยคที่เอ่ยขึ้นมาทั้งๆที่ตาก็จ้องทางพื้นถนนอยู่อย่างนั้น มีกันอยู่สองคน คงไม่ต้องบอกหรอกว่าลู่หานหมายความถึงใคร น้องชายขมวดคิ้วตาขวางในทันทีแล้วหันไปโต้ตอบ
�
����������� “ถ้าหมายถึงผม?�ผมไม่คนยึดติดกับอดีต อะไรที่ไม่น่าจำผมก็ลืมไปหมด และอีกอย่างผมก็อายุเยอะแล้ว”
����������� “พูดเหมือนโต ทั้งที่ตัวเองก็ยังเด็ก”
�
����������� “แล้วคุณลู่หานจะมายุ่งอะไรละ ทีตัวเองทำบ้างไม่เห็นจะเป็นอะไร!!!”
����������� ลู่หานขมวดคิ้วในทันที ในตอนนี้สองพี่น้องต่างไม่มีใครยอมใครสักคน
�
����������� “อย่าเที่ยวพูดกับคนที่แก่กว่าหรือเจ้านายด้วยน้ำเสียงแบบนี้นะ!!!”
��������� “แล้วจะเอายังไง!!�ที่บอกว่าผมเด็ก สรุปว่าคุณลู่หานหรือผมกันแน่ที่ยังทำตัวเหมือนเด็ก อย่าลืมสิครับ ว่าตัวเองเคยพูดหรือทำอะไรเอาไว้บ้าง ทีตัวเองยังดูไม่ดี เที่ยวว่าคนอื่น”
�
�
�������������“คุณมันน่ารังเกียจ...”
�
����������� แค่ประโยคเดียวที่เอ่ยออกมาจากปากของแบคฮยอน ทำให้ลู่หานรู้สึกเจ็บปวดจนต้องหลับตาลง เขาไม่พูดอะไรต่อจากนั้นอีกเลย
����������� คนทั้งสองนั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน แต่ต่างคนต่างจ้องมองกันไปคนละทิศละทาง อีกคนก็มองแต่ถนนใช้ความคิดของตัวเองควบคุมสติให้ขับถึงบ้าน อีกคนก็มองไปยังตึกต่างๆรอบกรุงโซลแล้วใช้ความคิดว่า แม้จะเผลอพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ แต่เขาใช้คำพูดที่ร้ายแรงกับพี่ชายมากเกินไปหรือเปล่า
����������� อย่างไรก็ตามแบคฮยอนเข้มแข็งขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ เขาไม่อยากจะเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะตัวลู่หานเองทำให้แบคฮยอนไม่มีทางเลือก
����������� เขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยต่างหากนอกจากต้องปล่อยมือเล็กๆที่ยังยึดติดกับคนที่เขารักออกไป..
�
����������� พอถึงบ้านปุ๊ปน้องชายตัวเล็กตัวเล็กก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะปิดประตูรถเสียงดังโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น แบคฮยอนวิ่งเข้าไปห้องนอนของตัวเล็กแล้วรีบล็อคอย่างรวดเร็ว
����������� ลู่หานมองตามหลังเล็กของน้องชายแล้วถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมเรื่องราวกลับกลายเป็นเขาที่เหนื่อยใจจนแทบร้องไห้ออกมา��
�
�
ก๊อกๆ
�
����������� “คุณแบคฮยอน ทานนมหน่อยไหมคะ” น้ำเสียงอ่อนโยนของแม่นมดังขึ้นมาหน้าห้องทำให้น้องชายในชุดนอนลายตารางสีเขียวขี้ม้าเดินมาเปิดประตูให้แล้วโค้งขอบคุณ แบคฮยอนจูงมือแม่นมให้มานั่งบนเตียงด้วยกัน ก่อนแม่นมจะยื่นแก้วนมให้
�
����������� “คุณป้า วันนี้ทำงานเหนื่อยไหมครับ พี่ลู่หานแกล้งใช้งานหนักหรือเปล่า”
������������“เปล่าเลยนี่คะ เธอแทบจะไม่ให้ป้าทำอะไรอยู่แล้ว คุณแบคฮยอนก็ทราบดี” แม่นมยิ้มบางก่อนจะลูบหัวแบคฮยอนเบา เธอมีใบหน้าที่เศร้าสร้อยเล็กน้อย
�
����������� “แต่วันนี้..ป้าจะมาลาคุณแบคฮยอนแล้วค่ะ ป้ากำลังจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดพรุ่งนี้แล้วนะคะ”
����������� “คุณป้า.....”
����������� แบคฮยอนรู้สึกใจหาย คนที่อยู่ดูแลเขามาตลอดสิบปีกำลังจะไม่อยู่ด้วยกันแล้ว
�
����������� “คุณแบคฮยอนโตแล้ว คุณลู่หานเธอก็กลับมาแล้ว ป้าไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกแล้วละคะ”
����������� แม่นมยิ้มออกมาแล้วโอบกอดแบคฮยอนเอาไว้ เธอรับใช้ตระกูลลู่มานาน จนวันหนึ่งลู่หานเรียกเข้าไปพบ เอ่ยคำขอบคุณ และบอกว่าคุณป้าเหนื่อยมามากแล้ว ควรมีเวลาพักซักที
�
����������� “ป้าไม่อยู่ คุณแบคฮยอนดูแลตัวเองได้ใช่ไหมคะ คุณลู่หานเธอสั่งให้คุณแบคฮยอนทานนมทุกวันนะคะ”
������������“ป้าไม่รู้ว่า คุณสองคนทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า แต่คุณแบคฮยอนจะไม่หยุดเชื่อมั่นในตัวคุณลู่หานใช่ไหมคะ?”
�
����������� คำถามของแม่นมทำให้แบคฮยอนไม่มั่นใจ เพราะหลายเหตุการ์ณที่ผ่านมา พี่ชายต่างสายเลือดก็คอยแต่จะทำร้ายความรู้สึกอยู่ตลอด แบคฮยอนมีใบหน้าสลดลง
������������“ผม...ไม่รู้สิครับ”
�
�
����������� แม่นมผละออกจากอ้อมกอด แล้วยกมือสัมผัสแก้มแบคฮยอนอย่างเอ็นดู
������������“คุณลู่หานเธอเป็นคนดีนะคะ บอกให้ป้ากลับบ้านไปหาคนที่รักบ้าง เธอบอกว่าป้าเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว สิ่งที่สมควรได้รับที่แท้จริง คือความรักของคนในครอบครัว เธอให้เงินป้ามาเยอะเลย บอกว่าป้าจะได้คอยดูแลลูกหลานอย่างไม่ต้องลำบากอีกต่อไป”
�
����������� “ป้ารักคุณทั้งคู่เหมือนลูกอีกคนหนึ่งเลยนะคะ ป้าเชื่อว่า คุณแบคฮยอนเป็นเพียงกำลังใจเดียวของคุณลู่หานเธอนะคะ”
����������� แบคฮยอนฟังคำนั้นแล้วน้ำตาไหลออกมา หัวใจของเขาอยากจะเชื่อคำนั้นของแม่นมจัง ร่างเล็กค่อยๆขยับตัวไปกอดแม่นมเอาไว้อย่างแน่น เขาจะต้องคิดถึงผู้หญิงคนที่คอยสั่งสอนและดูแลเขามาตลอดสิบปีแน่นอน
�
Cinderella Story
�
�
����������� “ทำเหี้ยไรอยู่”
�
����������� ลู่หานเอ่ยขึ้นมาเมื่อตัวเองเข้ามาในห้องทำงานของเจ้าชายในตอนสายของวันอาทิตย์ แฟ้มงานต่างๆถูกโยนลงบนโต๊ะแบบไม่ใส่ใจ แน่นอนลู่หานช่วยแก้โปรเจคของแบคฮยอนที่เสนอเจ้าชายให้หมดแล้ว เพราะโปรเจคนั้นยังมีช่องว่างหลงเหลืออยู่นิดหน่อยและลู่หานก็ทำโดยที่น้องชายไม่รู้เรื่องอะไรเลย พี่เลี้ยงใจร้ายหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบโดยไม่เกรงใจอี้ฟานซักนิด
�����������
����������� “ออกแบบบ้าน...”
����������� คิ้วขมวดของลู่หานเลิกขึ้นเมื่อนั่งอยู่ตรงข้ามเจ้าชาย เพื่อนรักของเขาบางทีก็ชอบวาดรูปอะไรแปลกๆ
�
����������� “ออกแบบทำไมวะ”�������
����������� “ให้แบคฮยอน.”
�
พวกเขาเงียบไปซักพัก ก่อนผู้บริหารหนุ่มตระกูลลู่จะเอ่ยปากขึ้น
����������� “มึงเอาหน้าต่างเยอะๆดิ แบคฮยอนชอบแสงแดด ถ้าห้องนอนสีฟ้าเค้าจะชอบมากกว่าเดิม เพราะสีโปรดเค้า สีรถเต่าอะมึง โคตรเด็ก”
���������
�
����������� “ไอ้เหี้ยลู่ มึงโอเคปะวะ “
����������� เจ้าชายไม่ตอบรับคำบอกเล่าของเพื่อนรัก คนตัวสูงยังไม่เงยหน้าจากการใช้ดินสอฝนอยู่อย่างนั้น แต่ซักพักเขาก็หยุดวางดินสอลงแล้วมองหน้าเพื่อนรัก�
�
����������� “กูว่าจะขอแบคฮยอนเป็นแฟน”
����������� อยู่ดีดี.....ลู่หานก็หลบตาเจ้าชายแต่มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น พี่เลี้ยงใจร้ายพยักหน้าให้เพื่อนรักตัวสูงของตัวเองทำท่าทีไม่ใส่ใจนัก
�
����������� “อือ แล้วแต่มึง“
�
����������� “กูบอกมึงแล้วว่ากูจะไม่คืนน้องให้มึงอีกต่อไป”
����������� “กูรู้ กูรู้แล้ว”
�
����������� ลู่หานลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันทีก่อนจะเอ่ย
����������� “เดี๋ยวกูมีประชุมต่อ มีเหี้ยไรค่อยคุยกับกูแล้วกัน”
����������
����������� ลู่หานเดินออกจากห้องโดยความรู้สึกที่ตีกัน เขาควรดีใจหรือเสียใจดี ยังไงเขาก็แพ้อู๋อี้ฟาน เจ้าชายหิมะของแบคฮยอนอยู่แล้ว พี่ชายผมทองคอยบอกกับตัวเอง ว่าอี้ฟานคือเพื่อนรักเขา อี้ฟานเหมาะสมกับแบคฮยอนที่สุดแล้ว.....
�����
������
����������� เจ้าชายมารับแบคฮยอนไปเที่ยวตั้งแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น ลู่หานไม่พูดว่าอะไรซักคำ เขานั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ตามเคย ท่าทีทำเป็นไม่สนใจแต่ก็ตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองน้องชายที่ในวันนี้แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตยืดสีขาวชมพูสลับกันพร้อมกับกางเกงขาสั้นสีฟ้าที่เขาซื้อใหม่มา
�
����������� “เพื่อนฉันมารับแล้วนี่ ไปเที่ยวแค่นี้ไม่เห็นต้องแต่งตัวซะขนาดนั้น”
����������� “ผมเห็นรถพี่เค้าแล้วละครับ ที่แต่งตัว สงสัยคงเพราะผมตั้งใจจะเกาะพี่อี้ฝานไม่ให้หลุดมือ เหมือนที่คุณลู่หานบอกละมั้งครับ”
�
����������� แบคฮยอนตอบคำถามแบบไม่หันมามองหน้าลู่หานซักนิด คนตัวเล็กรีบวิ่งขึ้นรถไปหาเจ้าชายในทันที คริสลูบหัวแบคฮยอนเบาๆ แล้วชมว่าวันนี้น่ารักมาก ส่วนแบคฮยอนเองก็ยิ้มกว้างให้กับเจ้าชายหิมะที่วันนี้แต่งตัวเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นสีดำเช่นกัน อี้ฟานไม่ได้ลงมาทักทายลู่หาน อาจคงเป็นเพราะทั้งสองคนไม่มีอะไรจะคุยกันแล้ว
�
�
��
�����������
����������� “ป้าไปก่อนนะคะ”
�����������ในตอนบ่าย ลู่หานขับรถมาส่งแม่นมสถานีรถไฟก่อนจะก้มโค้งตัวเก้าสิบองศาให้กับคนที่มีพระคุณคนหนึ่ง เขารู้สึกขอบคุรเป็นอย่างมากที่แม่ยมมคอยดูแลแบคฮยอน และคอยสั่งสอนน้องชายของเขามาตลอด
�
����������� “ขอบคุณนะครับที่คอยดูแลแบคฮยอนแทนผมมาตลอด บุญคุณนี้ผมจะไม่มีวันลืมเลย”
����������� แม่นมค่อยๆยกมือลูบหัวลู่หาน เธอน้ำตาคลอ
�
����������� “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ป้าเต็มใจ แต่คุณลู่หาน...มีอะไรก็อย่าเก็บไว้คนเดียวนะคะ คุณลู่หานจะต้องมีคนเข้าใจบ้าง”
�
����������� แม่นมจับมือลู่หานเอาไว้คล้ายจะให้กำลังใจ ลู่หานพยักหน้าอ่อนๆตอบรับแล้วจูงเธออย่างอ่อนโยนให้ขึ้นรถไฟกลับบ้านเกิดไป เขายืนรอและโบกมือให้กับแม่นมจนสุดสายตา ลู่หานหวังเพียงแค่ แม่นมจะได้มีโอกาสใช้ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตอยู่กับคนที่เธอรัก ทำสิ่งที่เธอต้องการ มากกว่าการทำงานเพื่อเงินซักครั้ง
����������� หลังจากไปส่งแม่นมแล้ว พี่เลี้ยงใจร้ายก็หมุนพวงมาลัยขับรถกลับบ้านคนเดียว เขามาถึงบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้ไฟปิดมืดสนิท เย็นนี้เขาคงต้องทานข้าวคนเดียวสินะ ลู่หานลองเปิดตู้เย็นดูแล้วหยิบตัดสินใจเลือกเบียร์สองกระป๋องมาเป็นอาหารเย็นแทน
������������ไม่รู้ทำไม หลังจากดื่มเบียร์ไปได้ซักพัก อยู่ดีดีพี่เลี้ยงใจร้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนอนน้องชาย เขาเปิดตู้เสื้อผ้ามองเสื้อผ้าเก่าๆของตัวเองที่แบคฮยอนยังคงใส่อยู่ เหมือนว่าเสื้อผ้าตัวใหม่ที่เขาซื้อให้ น้องชายยังไม่เปิดกล่องเลยซักครั้ง
����������� เชาหยิบกรอบรูปที่ตอนนี้มันโดนคว่ำไปแล้ว เป็นรูปเขากับน้องตอนเด็กขึ้นมาดู แบคฮยอนก็ยังยิ้มน่าเอ็นดูเหมือนเคย ลู่หานยกมันขึ้นตั้งไว้ตามเดิมแล้วลูบไปที่รอยยิ้มนั่นของน้องชาย
����������� ขายาวเดินมาที่เตียงนอนสีขาว ลู่หานตบเปาะไปยังผ้าห่มที่พับไว้เรียบร้อย เขายกหมอนของแบคฮยอนขึ้นมาแล้วตั้งใจจะจัดให้เป็นระเบียบ กลิ่นหอมของเส้นผมแบคฮยอนยังคงเป็นกลิ่นจางๆ หากแต่ลู่หานจำกลิ่นนั้นได้ดี ภายใต้หมอนสีขาวที่พี่ชายยกขึ้นมา กลับปราฏสิ่งหนึ่งที่ทำให้ลู่หานชะงัก เขาค่อยๆหยิบมันขึ้นมาดูอย่างสงสัย
�
����������� มันคือ “กรอบรูปโพลารอยด์สีดำที่ว่างเปล่า”
�
����������� จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม แบคฮยอน นายยังจดจำรอยยิ้มของพี่ชายได้หรือเปล่า? ลู่หานอยากถามแบคฮยอนว่า น้องชายยังคิดถึงพี่อยู่บ้างไหม
����������� นายรู้ไหมว่าพี่ยังมีเยื่อใยอยู่ พี่ยังคิดถึงนายอยู่นะ
�
������������ลู่หานนอนลงบนเตียงของน้องชายแล้วจ้องกรอบโพลารอยด์นั้นเนิ่นนาน
�
����������� ความปั่นป่วนในช่องท้องเริ่มมีขึ้น�ลู่หานรู้สึกปวดจี๊ดตรงช่องท้อง..ก็คงเพราะเครียด
����������� ปวดท้องก็คงเพราะเรื่องน้องเป็นเรื่องที่เขากังวลใจมาตลอด
�
������������ลู่หานคิดว่า อยากจะได้น้องคืน เขาขอน้องคืนได้ไหม ตอนนี้ยังทันใช่ไหม?
����������� ใจไปเร็ว ขาทั้งสองข้างก็ไปเร็วเช่นกัน ลู่หานไม่รู้ตัวเลยว่า การกระทำของเขาในตอนนี้คือวิ่งไปที่รถยนต์คันหรูแล้วขับมุ่งหน้าออกไปยังบ้านของเจ้าชายหิมะในทันที..
�
Cinderella Story
�
� �“แบคฮยอน คือเจ้าหญิงของเจ้าชายนะ”
����������� เหงื่อสีใสไหลลงมาตรงใบหน้ากวางหนุ่ม เขาวิ่งมายังหน้าบ้านของเพื่อนรักแล้วหอบหายใจ ไฟในบ้านยังคงปิดอยู่ ลู่หานถอนหายใจยาว พวกเขาสองคนคงไปเที่ยวเล่นกันยังไม่กลับมาทานข้าวสินะ พี่ชายผมทองหลับตาลงแล้วค่อยๆสะบัดหัวตัวเองแล้วนึกได้ เขามาที่นี่ทำไมกันนะ น้องกำลังจะมีความสุขไม่ใช่หรอ
����������� ขายาวหันหลังตั้งใจจะเดินกลับ แต่แล้วโสตประสาทก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนซะก่อน ลู่หานรีบวิ่งไปแอบหลังต้นไม้ แล้วนั่งยองลง
����������� แบคฮยอนและอี้ฝานเดินมากลับมาพอดี ทั้งสองคนหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข ในมือของเจ้าชายหิมะข้างหนึ่งถือถุงหลายถุงเต็มไปหมด พวกเขาสองคนเดินออกไปซื้อเครื่องทำอาหารที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านกันมา มือใหญ่อีกข้างของตัวสูงจับมือแบคฮยอนเอาไว้แน่น
����������� เมื่อทั้งสองเดินมาถึงหน้าบ้าน อยู่ดีดีเจ้าชายหิมะก็หยุดเดิน เขาทำหน้าจริงจังใส่คนตัวเล็ก
�
����������� “แบคฮยอนครับ”
����������� “ฮ่าๆ ว่าไงครับเจ้าชาย?”
����������� แบคฮยอนหัวเราะแล้วหันมายิ้มให้อย่างขี้เล่น
�
����������� “เจ้าชายคิดว่า...เจ้าชายตกหลุมรักแบคฮยอน”
����������� “..........”
����������� “แบคฮยอนอยากลองคบกับเจ้าชายไหมครับ?”
����������� “...........”
����������� “เจ้าชายจะไม่ถามว่า แบคฮยอนรักใครคนอื่นหรือเปล่า แต่เจ้าชายแค่อยากให้รู้ ว่าเจ้าชายจะไม่มีวันทอดทิ้งแบคฮยอนนะครับ ถ้าแบคฮยอน ยังเชื่อมั่นในตัวเจ้าชาย เราลองมา...เป็นแฟนกันมั้ยครับ”
�
����������� คำถามที่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความมั่นใจของพี่อี้ฟาน ทำให้หัวใจแบคฮยอนสับสน เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้เลยว่าเขายังไม่เคยลืมพี่ลู่หานซักวินาที ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่เผลอตัว เขาก็ดันไปคิดถึงคนใจร้ายคนนั้นอยู่ดี
แต่พอมาคิดดูแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมา เจ้าชายคือคนที่คอยบอกว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งเขา แบคฮยอนน้ำตาคลอเบ้ามองหน้าคนตัวสูงที่ยิ้มอ่อนโยนมาให้ คนข้างหน้าคนนี้ต่างหากที่เป็นคนที่แบคฮยอนสมควรมอบความรักให้ คนอบอุ่นคนนี้ต่างหากที่จะคอยซับน้ำตาให้แบคฮยอนอย่างแท้จริง
����������� ร่างบางยิ้มบางออกมาแล้วค่อยๆตัดสินใจใช้แขนเล็กของตัวเองโอบกอดเจ้าชายเอาไว้ เขาเขย่งตัวขึ้นแล้วพยักหน้าด้วยน้ำตาที่ไหลลงมา
�
����������� “ครับ..ตกลงครับ แบคฮยอนจะเป็นแฟนกับเจ้าชาย”
�
����������� เจ้าชายทิ้งถุงพลาสติกลงทั้งหมดกับพื้น แล้วโอบกอดแบคฮยอนแน่นเช่นเดียวกัน คนตัวสูงหัวเราะออกมาเสียงดังก้องกังวาน อู๋อี้ฟานยิ้มกว้างอย่างมีความสุข� มือหนาข้างหนึ่งโอบเอวเล็กของแบคฮยอนให้มาแนบชิด ก่อนจะใช้มือช้อนคางของคนตัวเล็กให้เงยหน้าขึ้นมา ประโยคที่เอ่ยออกมา ฟังแล้วดูช่างเป็นประโยคที่แสนดี
�
����������� “แบคฮยอน คือเจ้าหญิงของเจ้าชายนะ”
�
����������� สัมผัสเบาๆของริมฝีปากทั้งสองแตะกัน แบคฮยอนหลับตาลงแล้วฟังเสียงหัวใจตัวเอง
�
����������� จูบของเจ้าชายไม่ได้ทำให้สั่นไหวคล้ายจะละลาย แต่จูบของเจ้าชายคือจูบที่ปลอดภัย
����������� จูบของเจ้าชายคือจูบที่จะไม่ใช่มีดแหลมคมที่จะกลับกรีดแทงแบคฮยอนได้ในวันหนึ่ง แบคฮยอนคิดว่า เขาจะลองรักเจ้าชายไปเรื่อยๆในทุกวัน ซักวันหนึ่งเขาจะลืมพี่ลู่หานและมีแต่เจ้าชายเต็มหัวใจ
����������� เจ้าชายผละออกจากริมฝีปากแล้วบรรจงจูบอย่างออนโยนอีกครั้งไปที่แก้มใสของคนตัวเล็ก แบคฮยอนเงยหน้ามองเจ้าชายตอนนี้แล้วอมยิ้ม
�
������������“ทำไมเจ้าชายหน้าแดงละครับ?”
������������“เจ้าชาย...ไม่ได้จูบใครซักคนนานมากแล้วครับ “� � � � � �
������������“ฮ่าๆ เจ้าชาย..เขินแบคฮยอนมากเลยนะครับ เพราะแบคฮยอนน่ารักเกินไป”
��
��������� อี้ฝานเอ่ยออกมาอย่างเขินๆ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏสีจริง เขาใช้มือข้างหนึ่งเกาหัวตัวเองทำให้แบคฮยอนหัวเราะออกมาเสียงใส คนตัวสูงผละออกจากคนตัวเล็กแล้วหยิบถุงทั้งหมดขึ้นมาก่อนจะเอื้อนเอ่ย...
�
����������� “แบคฮยอนรอเจ้าชายตรงนี้นะครับ เจ้าชายลืมซื้อผลไม้อ่ะ เจ้าชายจะเอาของไปเก็บก่อน แล้วเราเดินไปซื้อด้วยกันนะ เจ้าชายจะซื้อไอศครีมให้แบคฮยอนด้วย”�������
�
����������� “ครับ ผมจะรอนะ”
����������� แบคฮยอนยิ้มตาหยีให้กับเจ้าชายหิมะ� ร่างบางอมยิ้มมองตามหลังของคนตัวสูงไปแล้วใช้นิ้วมือสัมผัสริมฝีปากบางของตนเองอยู่อย่างนั้น
�
�
����������� เหตุการณ์ทุกอย่าง...ลู่หาน ได้ยิน มองเห็น และรับรู้มันทั้งหมด� สีหน้าของพี่เลี้ยงใจร้ายในตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าคล้ายกวางหนุ่มก้มลงซบกับหัวเข่าอยู่ซักพักแล้วลุกยืนขึ้น
����������� เขาควรจะปล่อยน้องให้มีความสุขไม่ใช่หรอ นี่คือสิ่งที่เขาอยากทำให้น้องไม่ใช่หรอ แล้วเขาคิดจะมายื้อน้องไว้ทำไมในเมื่อตัวเขาเองไม่สามารถทำให้ใบหน้าของน้องชายยิ้มอย่างมีความสุขเหมือนที่อี้ฟานทำเมื่อกี้ได้อีกแล้ว เขาจะยื้อน้องไว้ทำไมในเมื่อเขาตั้งใจจะทิ้งน้องให้เพื่อนรักเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
����������� พอแบคฮยอนหันหลังไปชะเง้อมองในตัวบ้าน ลู่หานก็ตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกไปทันที แม้เสียงฝีเท้าของลู่หานเบาหวิว หากแต่ว่า ไม่อาจรู้ได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดให้แบคฮยอนหันหลังกลับมามองพอดี เขาเห็นเรือนผมสีทองและหลังกว้างของใครคนหนึ่งเดินไปไวๆ ขาเล็กรีบวิ่งตามไป เพียงเพราะเขาคิดว่าเขาจำคนนั้นได้ดี
�
������������“คุณลู่หาน มาที่นี่ทำไมครับ?”
����������� แบคฮยอนจับข้อมือของพี่ชายที่ตอนนี้กำลังหันหลังอยู่ ลู่หานหยุดนิ่งแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจ น้ำสีใสในดวงตาของพี่ชายที่เคยเข้มแข็งมาตลอดตอนนี้คลอเบ้า พี่เลี้ยงใจร้ายสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะหันหลังกับมาตอบกับแบคฮยอนยิ้มๆ เขาฝืนยิ้มให้น้องชายอย่างไม่เชื่อ
�
�
������������“เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่หลงทางน่ะ ฉันจะมาหาอี้ชิง แต่บังเอิญผ่านมาแถวนี้พอดี”
����������� “แต่ตอนนี้....หาทางเจอแล้ว ฉันไปละ”
���
����������� ลู่หานโบกมือส่งๆ หันหลังให้แบคฮยอนอีกครั้งก่อนเตรียมใจก้าวขาเดิน เขาไม่อยากให้น้องรู้เลยว่าจิตใจเขากำลังอ่อนแอและยังรักน้องอยู่ทุกวินาที
�
������������“เดี๋ยวสิครับ มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
�
����������� คิ้วบางของคนตัวเล็กขมวดขึ้น เจ้าตัวยังคงเดินตามเข้าไปจับข้อมือของพี่ชายไว้แน่นให้หันกลับมา แต่แล้ว พอพี่เลี้ยงใจร้ายหันหลังกลับมาเท่านั้น นั่นกลับทำให้แบคฮยอนยืนนิ่งคล้ายกับถูกสาป
����������� �ที่ใบหน้าด้านข้างของพี่ชาย มีน้ำสีใสไหลออกมาจากปลายดวงตาก่อนสายลมจะพัดพาให้หยดน้ำนั้นกระทบกับใบหน้าเรียวเล็กของน้องชาย ลู่หานหันหลังกลับมาแล้วใช้นิ้วเช็ดน้ำตาของตัวเองลวกๆ
�
������������“ลมมันพัดแรงน่ะวันนี้ เจอนายก็ดี อย่าไปเที่ยวเล่นจนไม่สบาย ทำงานใช้หนี้ให้ฉันไม่ได้แล้วกัน”
������������“ฝุ่นเข้าตาฉันอีกแล้ว น้ำตาฉันมันก็เลยไหลน่ะ”
������������“งั้นฉันกลับก่อนนะ”
�
�
�
������������“คุณลู่หาน...”
�
�
�
����������� แบคฮยอนไม่พูดอะไรอีกต่อไป คนตัวเล็กในตอนนี้ตกใจอย่างมาก
������������คุณลู่หานร้องไห้ทำไม..
�
����������� คราวนี้ลู่หานวิ่งหนีออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
������������พี่ชายเลือกหันหลัง หลายต่อหลายครั้งที่เขาหันหลังให้น้องอีกแล้ว แถมเขายังมาหาน้องช้าเกินไป...
�
������������เขาเกลียดตัวเองที่ดันไปเผลอร้องไห้ต่อหน้าน้อง เขาร้องไห้ต่อหน้าน้องได้ยังไงกัน
� � � � � � ทั้งหัวใจและสมองของเขามีคำตอบเพียงแค่ว่า พอเห็นน้องรักคนอื่น เขาก็เจ็บปวดจนทนไม่ไหว
�
����������� ลู่หานปาดน้ำตาตัวเองอย่างเสียใจ
����������� “ขอโทษนะ พี่ขอโทษที่ยังรักนาย”
����������� ลู่หานเอ่ยคำพูดนั้นให้ลอยไปกับสายลม มีเพียงท้องฟ้าที่มืดมิดและดวงดาวเท่านั้นที่ได้ยิน
�
� � � � � � อาจเป็นเพราะโชคชะตา หรือ สิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของเขาเอง
������������ไม่มีเวลาไหนที่ลู่หานอยากหยุดแล้วมันมันยังคงที่
และ ไม่มีสิ่งไหนที่เขารัก จะย้อนคืนมาแม้แต่อย่างเดียว..
�
ความคิดเห็น