คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 3
CHAPTER 3
I just woke up one day and realize what I was never sure of with you
ฉันแค่ลืมตาขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง แล้วฉันก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่ฉันไม่เคยมั่นใจในคุณเลย
แสงแดดสีเหลืองนวลที่ส่องผ่านผ้าม่านสีขาว ส่งผลให้เปลือกตาบางของคนที่นอนหลับสบายค่อยๆขยับขึ้น แบคฮยอนงัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเขาอยู่ในห้องนอนตัวเอง สมองพลางใช้ความคิดไปยังเหตุการณ์เมื่อคืน
ใบหน้าที่แสนหงุดหงิดของลู่หานยังคงทำให้ตัวเขารู้สึกเสียใจ แบคฮยอนไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองหลับไปตั้งแต่ตอนไหนและไม่รู้ว่าทำไมถึงตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองได้ คนตัวเล็กลุกขึ้นพร้อมกับมองชุดที่สวมอยู่ เป็นเสื้อและกางเกงตัวเดิมที่เขาสวมเมื่อวาน
ความรู้สึกอุ่นยังจดจำได้ไม่คลาย อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนเขาฝันดี...ฝันว่าได้จับมือของพี่ชาย
อย่างไรก็ตามแบคฮยอนไม่คิดจะหาเหตุผลต่อว่าใครเป็นคนพาเขาเข้ามานอน คงเพราะร่างบางมีเรื่องต้องรับผิดชอบอยู่อีกเยอะ มือเล็กๆยกขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัวทะมัดทะแมงตามแบบฉบับ เสื้อยืดสีขาวธรรมดาพร้อมกางเกงยีนส์ถูกสวมใส่ทำให้ดูดีโดยที่ไม่ต้องเติมแต่งอะไรมาก
ก่อนออกจากห้องนอน นิ้วมือเรียวก็เอื้อมไปเปิดโน๊ตบุคเพื่อเซฟโปรเจครายงานที่ตั้งใจทำเอาไว้ให้ลงUSB เขาจะต้องขอร้องพี่ลู่หานในวันนี้ให้ได้
ขาเรียวทั้งสองข้างรีบวิ่งลงมาชั้นล่างแล้วถอนหายใจโดยความโล่งอก โชคดีที่คนหน้าบูดยังไม่ตื่น ความจริงแล้ว ลู่หานมักจะตื่นตรงเวลาคือเจ็ดโมงเช้า แบคฮยอนมั่นใจว่าตอนแรกๆที่ลู่หานกลับมาที่บ้าน พี่ชายหน้านิ่งจงใจจะตื่นให้เช้ากว่าเพื่อแกล้งเขาแน่นอน
ในตอนนี้แบคฮยอนแทบจะทำงานงานบ้านทุกอย่างในบ้านหลังใหญ่ เขาต้องรับผิดชอบการทำความสะอาด ปัดฝุ่นห้องนอน อาหารการกิน รวมไปถึงเสื้อผ้าของลู่หานทั้งหมดด้วยตัวเอง พอเปิดเทอมจึงทำให้แบคฮยอนเหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะร่างบางต้องทำงานบ้านเองทั้งหมด รวมไปถึงอ่านหนังสือและทำรายงานไปพร้อมๆกัน
แม่นมเคยขอร้องให้ลู่หานแบ่งงานให้เธอบ้าง เพราะทุกวันนี้นอกจากหน้าที่ดูแลแบคฮยอนแล้ว แม่นมก็ไม่ต้องทำงานบ้านเลย แต่แล้วคำสั่งกำชับเด็ดขาดที่ได้รับคือการให้แบคฮยอนเป็นหัวหน้าพ่อบ้านของคฤหาสน์ลู่และห้ามใครมายุ่งกับของใช้ส่วนตัวของลู่หานนอกจากแบคฮยอนเท่านั้น แม่นมไม่อาจจะทำอะไรได้มากไปกว่ายอมรับคำสั่งและให้กำลังใจคนเป็นน้องชาย
กาแฟมอคค่ากับขนมปังปิ้งกรอบอุ่นร้อนๆที่ไม่ต้องทาอะไรเลยสองแผ่นถูกวางบนโต๊ะ ลู่หานนั่งไขว่ห้างแล้วปรายตามองแบคฮยอนเล็กน้อยก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน เมื่อจิบกาแฟไปซักพัก หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงยืนอยู่ไม่เดินกลับไปในห้องครัว ท่าทางไม่มั่นใจอะไรซักอย่างทำให้ลู่หานหงุดหงิด
“มีอะไร?”
“เอ่อ พะพอดีผมมีเรื่องจะ ขะ ขอร้องหน่อยน่ะครับ”
“เรื่องอะไรละ พูดให้มันชัดถ้อยชัดคำสิ ตะกุกตะกักมันน่าโมโห”
แบคฮยอนกำลังจะอ้าปากเอ่ยบอกพี่ชาย หากแต่โทรศัพท์มือถือราคาแพงดังขึ้นซะก่อน ลู่หานมองรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาแล้วกดรับ ทั้งสองคนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษที่แบคฮยอนไม่เข้าใจเท่าไหร่ คนหน้าบึ้งจิบกาแฟอีกครั้งก่อนจะวางสายแล้วยืดตัวลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ
“ฉันไม่มีเวลาว่างมากให้นายหรอกนะ ไว้ค่อยมาบอกตอนเย็นแล้วกัน”
“ฉันจะไม่ไปส่งนายวันนี้ แต่สี่โมงตรง ฉันต้องเห็นหน้าโง่ๆของนายยืนรอกลับบ้านอยู่ที่หน้าตึกคณะนะ ถ้าเลทนายคงรู้ดีว่าจะเจออะไร”
แบคฮยอนสงสัยว่าถ้าพี่ลู่หานไม่ไปส่งเขาตอนเช้าแล้วเขาต้องขับรถเต่าไปมหาลัย พี่ลู่หานมารับจะกลับด้วยกันได้ยังไง น้ำเสียงอันเย็นชาถูกเอ่ยขึ้นในทันทีทำให้แบคฮยอนเข้าใจดีว่าพี่ชายต้องการดูถูกการใช้ชีวิตของเขาเป็นที่สุด
“นั่งรถเมล์ไปซะ”
Cinderella Story
กลุ่มเพื่อนต่างพากันทำปากยู่เมื่อคนตัวเล็กเอ่ยว่าวันนี้เขาไม่อาจจะไปกินขนมเค้กตามที่สัญญากันเอาไว้ได้ ตอนแรกคยองซูกับเซฮุนก็เกือบจะงอนแบคฮยอนแล้ว แต่พอได้ฟังเหตุผลที่เพื่อนรักบอกว่าพี่ชายจะมารับ ทำให้อารมณ์เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นกันยกใหญ่ ทั้งสองคนอยากเจอหน้าพี่ชายของแบคฮยอนมาก
ถึงเพื่อนรักสองจะรู้ว่าแบคฮยอนและลู่หานไม่ใช่พี่น้องแท้ๆกัน แต่การดูแลคนหนึ่งคนโดยการรับเลี้ยงไว้ในครอบครัวและออกค่าใช้จ่ายให้ตลอดสิบปีคงจะไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ลู่หานเองก็คือพี่ชายที่รับผิดชอบต่อชีวิตของแบคฮยอน เขาเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวที่คนตัวเล็กเหลืออยู่ในครอบครัว...
“นี่ หมาน้อย พี่ลู่หานต้องหล่อมากแน่เลย ฉันเคยเห็นรูปเขาในนิตยาสารไฮโซอ่ะ หน้าพี่เขาหวานนะ แต่พอพี่เขาใส่สูทแล้วดูดีมาก แมนโคตรๆ เท่สุดๆ อย่างกับเจ้าชายเลย” คยองซูยิ้มกว้างยกมือขึ้นมาประสานกันทำหน้าตาเคลิ้มและเพ้อฝันจนแบคฮยอนต้องหัวเราะออกมา
“เจ้าชายอะไรกันคยองซู รายนั้นน่ะ เจ้าชายอสูรมากกว่านะ” แบคฮยอนอดจะจิกกัดนินทาลู่หานไม่ได้ คยองซูไม่รู้เรื่องอะไร จึงคิดแค่ว่าเป็นเรื่องปกติของพี่น้องที่มักจะล้อเล่นกัน
“นี่ ว่าแต่ครอบครัวนี้กินอะไรกันนะเนี้ย หน้าตาดีกันทั้งนั้นเลย” เซฮุนเอ่ยเสริมพร้อมกับเอามือเรียวยกขึ้นมาสัมผัสกับเอวบางของแบคฮยอน การแกล้งเพื่อนคงเป็นสิ่งที่เซฮุนถนัดที่สุดบนโลกใบนี้
“บอกมาเลยนะแบคฮยอน บอกฉันมาเลย”
“ฮ่าฮ่า ก็กินข้าวเหมือนพวกนายนั่นแหละ โอ้ย จักจี๊จัง เซฮุน คิก พอได้แล้ว”
เพื่อนรักเดินหัวเราะเล่นกันไปตลอดทาง วันนี้แบคฮยอนได้รับขนมขอบคุณจากรุ่นน้องที่ชมรมบอลด้วย นั่นเป็นเพราะตอนนี้แบคฮยอนเป็นประธานชมรมฝ่ายสวัสดิการที่ดูแลนักกีฬาทั้งหมดในคณะนิเทศศาตร์
คนตัวเล็กมองขนมในถุงแล้วนึกขำ รุ่นน้องตัวโต "ปาร์ค ชานยอล" เด็กเฟรชชี่ปีหนึ่งที่เป็นนักฟุตบอลวิ่งเอาขนมมาให้เขาตอนกลางวัน ชานยอลสนิทกับแบคฮยอนในระดับหนึ่ง รุ่นน้องคนนี้เป็นคนสดใสร่าเริง บางครั้งก็ร่าเริงจนเกินไป ขนาดวิ่งเอาขนมมาให้ยังทำท่าเป็นเต้นมูนวอล์คเดินมาให้เลย แถมยังท่ามาก เล่นนู้นเล่นนี้ กว่าจะให้ขนมได้ ก็ทำให้แบคฮยอนหัวเราะไปหลายที
นาฬิกาข้อมือดิจิตอลเตือนว่าตอนนี้สี่โมงตรง การเดินทางมาของรถยนต์คันหรูBMWซีรีย์ที่เจ็ดเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตึกทำให้คนในคณะพากันสงสัย แบคฮยอนที่ยืนรออยู่กอดกองหนังสือแน่นรู้สึกดีใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าดีใจทำไม ทั้งที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยการบังคับจิตใจทั้งนั้น
แววตาของแบคฮยอนฉายแววได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความยินดี เขารู้สึกดีที่อย่างน้อยพี่ลู่หานก็พูดคำไหนคำนั้น แบคฮยอนคิดไปเองก่อนแล้วว่าพี่ลู่หานอาจจะแกล้งปล่อยให้เขาต้องยืนรอเก้อก็ได้ บางทีเขาคงมองโลกในแง่ร้ายเกินไป...
แบคฮยอนจะคิดได้ไหมนะ คิดหลงตัวเองว่าที่จริงแล้วพี่เขาก็เป็นห่วงเหมือนกัน
คิดหวังจะได้รับความอบอุ่นจากพี่เลี้ยงใจร้ายบ้าง
คนที่มีเรือนผมสีทองพร้อมใบหน้าโดดเด่นก้าวลงมาจากรถ ชุดสูทสีดำที่ใส่เพิ่มความดูดีไม่น้อย ลู่หานมองไปรอบบรรยากาศของมหาลัยแล้วถอดแว่นตาสีชาออก ใบหน้าหวานที่เย็นชาสบตากับแบคฮยอนแล้วเพียงพยักหน้า แบคฮยอนก้มใบหน้าเก็บยิ้มน้อยของตนเองลงกับพื้นแล้วรีบลากแขนเพื่อนให้เดินเข้าไปหาลู่หานด้วยกัน
คนตัวเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งรีบเข้าไปหา แต่แล้ว...ขาทั้งสองก็ต้องชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่เขาต้องการจะเรียกแบบนี้บ้างมานานแสนนาน
“พี่ชายยยยยยยยยยย!!!”
แบคฮยอนหันไปมองตามเสียงเรียกนั้น..
จาง อี้ชิงร้องเรียกลู่หานด้วยน้ำเสียงที่สนิทสนมแล้ววิ่งผ่านหน้ากลุ่มของแบคฮยอนเข้าไปกระโดดกอดลู่หานอย่างเต็มหน่วย ลู่หานเมื่อเห็นหน้าของคนที่ร้องเรียกตนเองก็หัวเราะออกมาจนเสียงดังและกอดตอบ รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่แบคฮยอนแทบไม่เคยได้รับเลย
“พี่ชายมาที่นี่ได้ยังไง ไม่เจอกันนานมาก อี้คิดถึงที่สุดเลย”
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อยอี้ชิง พี่ก็ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่เหมือนกันนะ”
อี้ชิงหอมแก้มลู่หานทั้งสองข้างแบบไม่อายใคร คนทั้งคณะหันมามองแล้วต่างส่งเสียงฮือฮาซุบซิบกันใหญ่ คยองซูกับเซฮุนเบิกตากว้างหันมามองแบคฮยอนพร้อมกับแววตาที่เต็มไปคำถาม แน่นอน...คำตอบที่ได้รับจากเพื่อนรักเป็นเพียงการส่ายหน้าไม่รู้เรื่องราวเพียงเท่านั้น...
\
Cinderella Story
รถยนต์ BMW เคลื่อนตัวไปตามถนนใหญ่ในกรุงโซล คนที่นั่งด้านหน้าเคียงข้างกับลู่หานคือจางอี้ชิง แบคฮยอนนั่งอยู่ที่เบาะข้างหลังรถโดยสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง อี้ชิงเกาะควงแขนลู่หานที่ใช้มือหมุนพวงมาลัยข้างเดียวแล้วเอ่ยชวนคุยเจื๊อยแจ๊ว ส่วนลู่หานก็อมยิ้มไปตลอดทาง แบคฮยอนมองภาพของทั้งสองคนรู้สึกหัวใจกระตุกอย่างประหลาด
ที่เขารู้สึกแปลกอาจเป็นเพราะพี่ลู่หานไม่เคยทำกับเขาแบบนี้เลย เขาเพียงแค่อยากได้สิ่งเหล่านี้แบบที่อี้ชิงได้รับบ้างเท่านั้นเอง
“ฮ่าๆ อี้ชิงนายน่ารักขึ้นเยอะเลยนะ เมื่อก่อนน่ะ พี่อยากได้นายมาเป็นน้องชายมากที่สุดเลย..”
ทั้งสองคนถึงพูดเรื่องราวความทรงจำในวัยเด็กที่เมืองจีนโดยไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะมีตัวตนหรือไม่ ถึงจะทำเป็นไม่สนใจแต่แบคฮยอนก็เก็บรายละเอียดของบทสนทนาไว้ตลอด คนตัวเล็กเดาว่าช่วงที่ลู่หานรู้จักกับอี้ชิงนั้นคงจะเป็นช่วงเวลาก่อนที่คุณพ่อจะแต่งงานใหม่
“อ้าว สรุปแล้ว แบคฮยอนเป็นน้องของพี่ชายหรอ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย..”
อี้ชิงนั่งด้านหน้าพลิกตัวกลับมาถามคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ทางเบาะหลัง ร่างเล็กไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มบางให้ แบคฮยอนมองสายตาคมที่ลู่หานมองมาจากกระจกหลังแล้วถอนหายใจ รอยยิ้มที่มีค่อยๆหายลงไป
ในตอนนี้แบคฮยอนเข้าใจแล้วว่าทำไมคยองซูกับเซฮุนถึงไม่ชอบขี้หน้าอี้ชิง สาเหตุน่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวทำเหมือนว่าตัวเองไม่รู้เรื่องได้หน้าตาเฉยแถมยังมีแววตาที่บริสุทธิจนแทบไม่น่าเชื่อ
อี้ชิงจะไม่รู้มาก่อนได้ยังไง ในเมื่อทุกคนก็รู้ดีว่าแบคฮยอนอาศัยอยู่ที่บ้านของตระกูลลู่
“เห็นนายไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับพี่ชายน่ะ ฉันก็แค่สงสัย”
อี้ชิงยังคงแกล้งยิ้มละมุนจนเห็นลักยิ้ม แบคฮยอนไม่อยากโต้ตอบอะไร เขาเกรงใจลู่หานเสียยิ่งกว่าใคร เดี๋ยวถ้าพี่เลี้ยงเขาเกิดอารมณ์แปรปรวนไม่พอใจ จะพาลมาลงอารมณ์ร้ายที่เขาก็ได้
“อันที่จริงก็ไม่ใช่น้องแท้แท้ๆของฉันหรอก มีเหตุจำเป็นที่น่ารำคาญต้องมาอยู่ที่บ้านน่ะ”
“นายรู้ดีนี่ พี่เป็นลูกคนเดียว”
เหมือนจงใจให้แบคฮยอนได้ยินเต็มสองหู คำพูดที่เอ่ยออกมาทำร้ายจิตใจอีกแล้ว
คนตัวเล็กลอบมองคนที่ใส่สูทเท่จากทางด้านหลังด้วยแววตาเศร้าสร้อยก่อนจะเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่าง
เหตุจำเป็นที่น่ารำคาญ..
จำคำพี่เขาไว้ให้ดีและอย่าลืมเลยนะแบคฮยอน เพราะมันน่ารำคาญพี่เขาถึงต้องมารับเลี้ยงเราไง
อย่าคิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นต่อไปเลย...
รถยนต์คันหรูเคลื่อนที่มาได้ซักระยะก่อนไฟเลี้ยวจะกะพริบขึ้น ลู่หานจอดรถกับฟุตบาทตรงถนนข้างทาง คนเป็นพี่เอ่ยจะขึ้นโดยไม่หันมามองหน้าแบคฮยอนซักนิด
“เดี๋ยวนายลงไปตรงนี้แล้วเรียกแท็กซี่กลับบ้านนะ “
“ทางกลับบ้านอี้ชิงคนละทาง ฉันเป็นห่วงกลัวเขากลับบ้านคนเดียวจะอันตราย “
“ฉันรู้เงินเดือนนายพอ ฉันให้ไว้แล้วตอนต้นเดือน ”
สถานะที่ลู่หานต้องการจะสื่อบอกกับอี้ชิง สถานะที่ต้องการบอกว่าแบคฮยอนไม่ใช่น้องชาย
เขาเป็นเพียงคนที่อาศัย และทำงานให้คนตระกูลลู่
มีเพียง พยอน แบคฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่พยายามแอบอ้างไปเองคนเดียวว่าเป็นน้องชายของลู่ หาน
ประตูรถถูกปิดลงพร้อมกับร่างบางที่แบกหนังสือหลายเล่มในมือ แววตาฉายความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ถนนนี้ไม่มีใครรู้จักมากนักจึงทำให้การหาแท็กซี่เป็นไปได้ยาก แบคฮยอนมองตามรถBMWของลู่หานที่เคลื่อนตัวออกไปอย่างรว
คนมีศักดิ์เป็นน้องแววตาสั่นเครือ น้ำสีใสเริ่มรื้นขึ้นมาจากขอบตาทำให้การมองเห็นไม่ชัดอีกครั้ง ใบหน้าเรียวเงยหน้ามองขึ้นท้องฟ้าเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลลงมา ไม่รู้ทำไม แค่คำพูดร้ายไม่กี่คำจากปากของคนนั้น ทำให้รู้สึกเหมือนแทบขาดใจ
แบคฮยอนเจ็บจังเลย...เจ็บเหมือนโดนบีบหัวใจอยู่ตลอดเวลา
ก้อนหินข้างทางที่เตะไปข้างหน้าอย่างเรื่อยเปื่อย ทำให้คนตัวเล็กจมอยู่ในความคิดที่ตัดพ้อ
แล้วผมละ? พี่ไม่ได้เป็นห่วงผมบ้างเลยหรอ
พี่ไม่คิดซักนิดเลยหรอว่าผมจะต้องกลับบ้านยังไง?
มือเล็กที่เต็มไปด้วยความหยาบกร้านเนื่องจากการทำงานบ้านยกขึ้นมาทุบหัวตัวเองอยู่อย่างนั้น
แบคฮยอนคนโง่ โง่ที่สุดในโลก
อย่าไปหวังความใจดีจากคนแบบนั้นอีกเลย วันหนึ่งนายจะต้องเลิกเชื่อมั่นว่าพี่เขาจะเป็นแบบเดิม
วันหนึ่งถ้านายทนไม่ไหวก็ต้องเดินออกมานะ เข้าใจไหม อย่าฝืนเพื่อตัวเองเพื่อพี่เขาอีกเลย
Cinderella Story
แสงแดดที่สดใสสาดทอลงมายังสระว่ายน้ำหน้าบ้าน วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ลู่หานใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสืออีกตามเคย ดูเหมือนว่ามีเอกสารมากมายที่เขาต้องทำความเข้าใจ พี่ชายผมทองกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่เก้าอี้ยาวใกล้สระน้ำ
แบคฮยอนถือจานผลไม้ในมือแล้วแอบมองคิ้วที่ขมวดยุ่งจนพันกันแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ลู่หานเป็นคนบ้างาน บ้างานเอามากๆและก็บ้าบอลไปพร้อมกันด้วย
แบคฮยอนมักจะตื่นมากลางดืนเพราะได้ยินเสียงคนเจ้าอารมณ์โวยวายอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น สีหน้าดีใจที่ทีมโปรดยิงประตูเข้าหรือสีหน้าลุ้นทำให้แบคฮยอนลืมตัว เขามักเผลอแอบเพลินไปกับการแอบนั่งมองลู่หานอยู่ที่ขั้นบันได
แอปเปิ้ลที่ถูกปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำถูกวางลงข้างหน้า คนตัวเล็กนำจานผลไม้ที่จัดเรียงอย่างดีมาวางบนโต๊ะ เขาชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากถามพี่ชาย
เพราะวันจันทร์จะถึงนี้คือวันที่กลุ่มของแบคฮยอนต้องแจ้งอาจารย์แล้วว่ามีบริษัทไหนบ้างที่สนับสนุนโปรเจคโฆษณา
“เอ่อ..คุณลู่หานครับ พอดีผมมีเรื่องจะขอร้องนิดหน่อย..”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเบาๆอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ส่งผลให้คนที่อ่านหนังสืออยู่จิปาก คนตัวสูงเงยหน้าเลิกคิ้วถามเป็นสงสัยว่ามีอะไร
“คือตอนนี้ที่มหาวิทยาลัย กลุ่มผมกำลังจะจัดทำโปรเจคทำโฆษณาน่ะครับ แล้วเราต้องหาบริษัทมาสนับสนุน..”
“เอ่อ ถึงบริษัทของคุณลู่หานรับโปรเจคของอี้ชิงไปแล้ว”
“แต่ผมสงสัยว่า คุณลู่หานจะช่วยพิจารณากลุ่มของผมเพิ่มได้ไหมครับ..”
ประโยคสุดท้ายถูกเอ่ยขึ้นอย่างเบาหวิว แบคฮยอนก้มลงมองเพียงแค่พื้นไม่กล้าสบตา มือเล็กสองข้างสัมผัสกันไปกันมาอย่างนั้นคล้ายกับการไม่มั่นใจ
“ลองอ่อยฉันสิ”
“คะ ครับ?”
“ทำให้ฉันพอใจนาย เหมือนที่ฉันพอใจอี้ชิงไง”
“ทำได้ไหมละ..ฉันว่าหน้าอย่างนายทำได้ทุกอย่างนะ”
แก้มใสขึ้นสีชมพูจัดอย่างช่วยไม่ได้ แบคฮยอนอ้าปากค้างมองคนเป็นพี่พูดได้หน้าตาเฉยแถมสายตายังอ่านหนังสือต่อไป
“ผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ”
เสียงตอบโดยไม่ลังเล แบคฮยอนไม่ได้ซื่อบื้อจนไม่รู้ว่าลู่หานต้องการจะแกล้งพูดให้เขาเสียหน้า เรื่องแบบนี้เหมือนพี่เลี้ยงใจร้ายจะถนัดนักแล ทำให้เขารู้สึกอับอายและคอยจะกลั่นแกล้งเขา
“หึ งั้นก็ช่วยไม่ได้”
นั่นสินะ...คนใจร้ายยังไงก็ใจร้ายวันยังค่ำ ...
ร่างเล็กฟังคำปฏิเสธของพี่ชายแล้วเผลอกำมือกันจนแน่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกโมโห แบคฮยอนหงุดหงิดใจที่ทำอะไรไม่ได้ เขาอยากเดินออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดไม่อยากคุยกับคนตรงหน้าอีกแล้ว ด้วยความไม่ระมัดขาเล็กที่ก้าวจึงสะดุดล้มลงไปกับพื้นหินขรุขระ
แบคฮยอนหลับตาลงเมื่อคิดว่าตัวเองจะต้องได้รับบาดแผลเป็นแน่นอน แต่แล้วการล้มของเขาก็ไปทับกับร่างของใครอีกคนหนึ่งซึ่งพุ่งตัวมาอย่างรวดเร็วกว่าเขาเยอะ
“อะ โอ้ย”
หน้าผากที่กระแทกไปยังร่างของคนที่ตนเองทับอยู่ทำให้คนตัวเล็กต้องร้องออกมา เมื่อลืมตาขึ้นเขาเห็นว่าใบหน้าของลู่หานอยู่เพียงแค่คืบ วินาทีนั้นคนสองคนสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ต่างคนต่างจ้องมองกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเสียงทุ้มของคนด้านล่างเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
“โง่ชะมัด ฉันว่านายลาออกและมาเป็นคนรับใช้ที่นี่เต็มตัวดีไหม? เรียนไปก็ไม่ได้ใช้สมองเท่าไหร่ “
ลู่หานผลักแบคฮยอนออกอย่างไม่ใยดีจนคนตัวเล็กร้องเสียงหลงอีกครั้ง สายตาคมคล้ายลูกกวางอันแฝงไปด้วยความเกลียดชังมองดวงตาเรียวเล็กด้วยความเย็นชา
“นายคิดว่าระหว่างนายกับอี้ชิงชั้นจะเลือกใครละ?..”
Cinderella Story
สุดท้าย...แบคฮยอนก็ไม่ได้รับการสนับสนุนโปรเจคจากบริษัทลู่หาน คนตัวเล็กเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมก้มตัวขอโทษคยองซู เซฮุนและเพื่อนคนอื่นๆอย่างรู้สึกผิด ริมฝีปากบางเอ่ยเพียงว่าเขาจะรับผิดชอบทุกอย่าง ใบหน้าของแบคฮยอนตอนนี้ซีดเซียวและหม่นหมองลงไปเยอะจนคยองซูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วง
หลังเลิกคาบ ร่างเล็กเดินไปขอร้องอาจารย์ที่ห้องพักครูให้เลื่อนเวลาให้กลุ่มของเขาอีกซักหน่อย ในตอนแรกอาจารย์ก็ตั้งใจจะไม่อณุญาต แต่เมื่อครูสาวในวัยสามสิบกว่าปีมองใบหน้าของแบคฮยอนแล้วก็ต้องตกใจ ใบหน้าที่เคยสดใสทุกครั้งที่มาพบเธอนั้นเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน แววตาที่มีคล้ายกับคนที่ไม่มีความหวังแล้ว
สตรีที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานมองใบหน้าเล็กแล้วชั่งใจอยู่ซักพัก อันที่จริง....มันก็เป็นความผิดของเธอเองที่ลืมส่งเมล์ให้ลูกศิษย์ แถมแบคฮยอนยังเป็นเด็กดี คอยช่วยเหลืองานอยู่ตลอด อีกอย่างเธอเองก็อยากจะให้นักเรียนทุกคนผ่านวิชาของเธอเช่นกัน คุณครูลุกยืนขึ้นแล้วลูบผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างต้องการปลอบใจ เด็กน้อยที่เคยอารมณ์ดีจะได้มีกำลังใจกลับมาสดใสบ้าง
“เอาล่ะ ครูจะให้โอกาสกลุ่มเธอถึงแค่วันศุกร์ ถ้าช้ากว่านั้น ครูคงต้องให้เธอถอนวิชานี้ไปและไปเรียนอีกครั้งปีหน้านะ”
ร่างสูงแบกอุปกรณ์กีฬาที่เจ้าตัวเล่นถนัดได้ดีแล้วเดินไปตามโถงทางเดินของมหาวิทยาลัย เทนนิส..เป็นกีฬาที่เขาชื่นชอบและถนัดรองมาจากการเต้น ถึงการที่จะต้องไปตีลูกกลมๆสีเขียวนั่นกลางสนามจะทำให้ผิวของเขาคล้ำขึ้น อย่างไรก็ตาม คิ มจงอิน ก็ยังอยากจะเล่นกีฬานี้ต่อไปอยู่ดี
คนผิวสองสีเลือกที่จะมาฝึกซ้อมคนเดียวที่สนามคนเดียวหลังเลิกคาบ โดยปกติเขาชอบที่จะอยู่สันโดษมากกว่า ถึงแม้คนภายนอกจะมองว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับอี้ชิง แต่ความจริงแล้วทั้งสองคนไม่ได้คุยกันอะไรมากนอกจากเวลาที่อยู่ด้วยกันตอนกินข้าวและทำรายงานกลุ่ม คงเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของจงอินด้วย ที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่
ดวงตาสีนิลมองไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย ปกติแล้วมีแต่เขาเท่านั้นที่มักจะเล่นเทนนิสที่สนามในตอนเย็น คิ้วเข้มของเขาจึงขมวดยกขึ้นในทันทีเมื่อเห็นคนตัวเล็กตากลมโตอย่างกับไข่ห่านที่ยืนเท้าสะเอวรออยู่ ขายาวของเขารีบก้าวเข้าไปหาคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
โด คยองซู กำลังยืนมองหน้าคิม จงอินอยู่อยากกับจะกินเลือดกินเนื้อ ซึ่งคิม จงอินก็มองกลับไปอย่างไม่แพ้กัน
“กลุ่มนายนี่มันเลวจริงๆ ฉันรู้นะว่าพวกนายรู้มาก่อนว่าบริษัทนั่นเป็นของพี่แบคฮยอน นายจงใจแกล้งพวกฉันใช่ไหม”
ไม่ต้องพูดอะไรมาก พอเจอหน้าก็หาเรื่องเลย คนผิวคล้ำทำเป็นเบะปากยักไหล่แล้วไม่สนใจ เขาทำเป็นว่าตัวเองจงใจแกล้งกลุ่มคยองซูทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่รู้เรื่องเลย เพราะโปรเจคนั้น อี้ชิงเป็นคนจัดการเองทั้งหมด
“ต่างคนต่างอยู่ซะนะ คิม จงอิน!!”
ไหล่เล็กเดินชนอย่างแรงจนทำให้ร่างสูงต้องเซไปเล็กน้อย เท้ากระทืบเสียงดังออกไปเพียงไม่กี่ก้าวแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเพียงเพราะประโยคสั้นๆ
“นึกว่านายลืมชื่อแฟนเก่าไปแล้วนะ”
โด คยองซูแค่นยิ้ม ไม่แม้แต่จะคิดหันหลังกลับมามอง
ประโยคที่ไม่ได้ตวาดแต่เต็มไปด้วยหนักแน่นถูกเอ่ยออกมาจากปากสีชมพูอ่อน
“ไม่ลืมหรอก...แล้วฉันก็จำได้ดีด้วยว่าเลิกกันไปเพราะอะไร”
จงอินมองตามหลังเล็กๆของคนที่เดินจากไปแล้วอย่างรวดเร็ว ซักพักสายตาของคนผิวคล้ำก้มลงมองไม้เทนนิสที่ตนเองถืออยู่อย่างนั้น...
โด คยองซู คือ เด็กผู้ชายที่ไม่อาจเป็นได้แม้แต่คนเคยรู้จักกัน
“ต่างคนต้องต่างอยู่” เพราะชีวิตของพวกเขา คล้ายกับโรมิโอและจูเลียตเหลือเกิน
Cinderella Story
รองเท้าผ้าใบก้าวเดินไปตามทางของถนนเล็กข้างๆมหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยร้านขายของ แบคฮยอนยิ้มแล้วกดชัตเตอร์กล้องที่ถือในมือ การถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกหนึ่งของเขารองจากงานบ้านและการทำครัวทั้งหลาย รอยยิ้มบางปรากฏเมื่อก้มลงไปมองภาพที่แอบถ่ายได้ มันเป็นภาพของเด็กชายและเด็กหญิงจูงมือกัน
ไอศครีมโคนรสสตอร์เบอร์รี่ละลายในปากอย่างชอบใจ วันนี้เป็นอีกวันที่ลู่หานสั่งให้แบคฮยอนกลับรถเมล์เพราะว่าติดประชุม สามวันแล้วที่แทบจะไม่ได้คุยกัน แต่แบคฮยอนกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
แม้เวลาจะล่วงเลยไปยังวันพุธแล้ว คนตัวเล็กเองก็กลุ้มใจเหมือนกันที่ยังหาบริษัทมาสนับสนุนไม่ได้ซักที แต่การได้อยู่แบบอิสระโดยที่ไม่มีลู่หานทำให้แบคฮยอนไม่อยากจะคิดอะไรนอกจากหาความสุขใส่ตัวเองให้มากๆซักครั้ง
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่แก้มใสเมื่อได้ชมบรรยากาศไปเรื่อยเปื่อย อาหารตามข้างทางก็น่ากินทั้งนั้น ตาเรียวเล็กกลายเป็นตาโตทันทีเมื่อเห็นทาโกะยากิโชยกลิ่นหอมส่งมาจากด้านหน้า ขาสั้นกำลังจะก้าวไปซื้อตามใจตนเอง ก่อนจะมีใครคนหนึ่งมาจับแขนไว้ด้วยความอ่อนโยน...
“โอ้ะ นี่มันคนเตี้ยที่ไหนกัน” รอยยิ้มกว้าง พร้อมกับใบหูที่ใหญ่ยิ่งกว่าจานดาวเทียมเป็นเอกลักษณ์ถูกส่งมาจากคนที่ทักทาย
“อ้าว ชานยอล! นายมาที่นี่ได้ไง”
“หื้มม ผมแค่เดินตามหาหัวใจไปเรื่อยๆแล้วก็มาเจอพี่นี่แหละคร้าบบบ”
“ฮ่าๆ เด็กบ้าอะไรเนี่ย”
ชานยอลเดินเข้าทักทายแบคฮยอนอย่างร่าเริง รู้สึกโชคดีที่วันนี้เจอคนน่ารักตรงหน้าโดยบังเอิญ เด็กหนุ่มตัวโตขอเลี้ยงทาโกะยากิรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบปลื้มมานานตั้งแต่แรกพบ ทั้งสองเดินคุยกันมาตลอดทาง
ชานยอลบ่นว่าปีหนึ่งนั้นเรียนหนักมาก ไหนจะต้องโดนคะยั้นคะยอให้เป็นเดือนคณะอีก กิจกรรมสารพัดเยอะแยะจนอยากร้องไห้ คนตัวโตแต่ใจไม่โตจึงแกล้งขอกำลังใจจากประธานฝ่านสวัสดิหน่อย แบคฮยอนหัวเราะขำออกมาอีกครั้งแต่ก็ลูบหัวปลอบให้อย่างใจดี
“เอาน่า นักบอลคนเก่ง สู้ๆ นายเจ๋งอยู่แล้ว” รอยยิ้มอ่อนๆส่งมาให้คล้ายให้กำลังใจ...เพียงการกระทำของแบคฮยอนแค่นี้....หัวใจชานยอลก็พองโตชะมัด
“แบคฮยอน..”
“หืมมม”
สรรพนามเรียกชื่อโดยไม่มีคำว่า”พี่” ถูกเอ่ยขึ้น ใบหน้าของชานยอลก้มลงมาใกล้กันจนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ หากมองจากมุมไกลคงคิดว่าสองคนนี้จูบกันแน่ๆ มือหนาของหนุ่มรุ่นน้องเอื้อมออกมาสัมผัสที่มุมปากอย่างแผ่วเบา
“พี่มีปลาหมึกติดอยู่ที่ปากน่ะครับ”
“เอาล่ะ ออกแล้ว ^_^”
ชานยอลยิ้มกว้างให้อีกครั้งแล้วผละออกไป คนเป็นพี่ยืนอึ้งกับการกระทำที่แสนจะขี้เล่นของชานยอลอยู่ซักพักแล้วยกนิ้วดีดหน้าผากของคนตัวโตกว่าในทันทีที่รู้สึกตัว
“โอ้ยย ดีดไมเนี่ย เจ็บน่ะ ฮื้อ”
เสียงหัวเราะของแบคฮยอนดังก้อง รุ่นน้องคนนี้ต้องโดนเขาแกล้งคืนซะบ้าง ชานยอลเป็นเด็กขี้แกล้งแถมยังขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง ชอบแต๊งอั๋งเล็กๆน้อยๆกับเขาอยู่ตลอด แต่แบคฮยอนเองก็มองเห็นและเอ็นดูชานยอลเหมือนเป็นน้องชายที่น่ารักเพียงคนหนึ่งเท่านั้น
คนสองคนเดินเล่นกันไปตามทาง แบคฮยอนถ่ายรูปชานยอลตอนอ้าปากกว้างกินทาโกยากิแล้วขำออกมา การเจอรุ่นน้องทำให้เขารู้สึกดีขึ้น คนสองคนเดินดูร้านขายของไปด้วยกัน แบคฮยอนเพลินกับไปการดูโชว์มายากลจนไม่ทันได้มองว่าหน้าจอมือถือของตนเองในตอนนี้ปรากฏแสงสว่างหลายครั้งก่อนจะดับไป
10 สายไม่ได้รับ พี่ลู่หาน
หงุดหงิด ! ลู่ หานหงุดหงิดแทบเป็นบ้า เอกสารที่ทำอยู่ก็แทบจะปาทิ้ง วันนี้การประชุมเลิกเร็วกว่าปกติ นิ้วมือยาวกดมือถือไปยังน้องชายตัวดีทันที่ที่ออกจากห้องประชุม เขาต้องการจะเช็คให้แน่ใจว่าแบคฮยอนไม่ได้หนีไปไหน แต่กดเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงรับสาย
ลู่หานกำโทรศัพท์จนแน่น ทำไมแบคฮยอนชอบทำตัวให้หงุดหงิดและน่าโมโห!
คันเร่งของรถยนต์ถูกเหยียบฝ่าไฟแดงโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะไปชนใครเข้า เสียงเบียดของล้อรถที่เสียดกันกับพื้นที่จอดรถหน้าบ้านทำให้คนสวนที่กำลังรดน้ำต้นไม้ต้องปิดหู คนเป็นพี่ลงมาแล้วปิดประตูรถเสียงดังจนคนในบ้านตกใจ ทุกห้องในบ้านถูกกระชากเปิดออก เขาไม่พบกับคนที่ตนเองต้องการเจอ ลู่หานเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น จิตใจของเขาร้อนรนและไม่นิ่งเหมือนคนอายุยี่สิบตอนปลายเอาเสียเลย
เวลาผ่านไปไม่นาน ใบหน้าเรียวเล็กเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถุงขนมที่ลู่หานชอบอยู่เต็มมือ พี่เลี้ยงใจร้ายเมื่อเห็นใบหน้าของแบคฮยอนก็พุ่งตัวเข้าหาด้วยอารมณ์ร้อนดังไฟ มือหนากระชากแขนขาวอย่างไม่เบามือ
“อะ โอ้ยยยยย”
“ทำไมมาช้า!!”
“รถมันติด ก็คุณลู่หานบอกให้ผมกลับรถเมล์นี่ครับ”
“แล้วโทรศัพท์นายมีไว้ทำไม!! ฉันโทรทำไมไม่รับ”
แบคฮยอนทำหน้าเหยเก ถุงขนมที่ถืออยู่ในมือหล่นลง แรงบีบที่ต้นแขนของลู่หานไม่ผ่อนปรนเลยซักนิด น้ำตาสีใสคลออยู่ที่เบ้าคล้ายจะบอกว่าเจ็บ ช่วยปล่อยก่อนได้ไหม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นกำลังจะเอ่ยอธิบายว่าตนเองไม่ได้เช็คโทรศัพท์เลย ไม่ทันไร กล้องตัวโปรดก็ถูกกระชากออกจากมือแล้วเปิดดูซะก่อน
“นี่ใคร!!”
“ฉันถามก็ตอบ!!!”
รูปที่ถูกถามคือรูปของชานยอลที่กำลังยิ้มกว้างเล่นกับเด็กในสวนสาธารณะ แบคฮยอนตั้งใจว่าจะเอารูปนี้ไปเสริมในโปรเจคโฆษณาด้วย แต่ยังไม่ทันตอบอะไร กล้องก็โดนโยนลงกับพื้นจนเลนส์แตกเกิดเสียงดัง ลู่หานใช้เท้าเหยียบซ้ำกล้องเข้าไปอีก
“คุณลู่หาน!!!!! “
“คุณลู่หานทำไมทำแบบนี้ มันคือกล้องที่ผมตั้งใจซื้อด้วยตัวเองนะครับ”
“แล้วจะทำไม มันก็แค่เศษเงิน!”
ลู่ หาน..พี่เลี้ยงใจร้าย คนที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของจิตใจและสิ่งของ ขีดความอดทนของแบคฮยอนขาดผึงในทันที เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอกนะ
เพี๊ยยยยยยยะ !!!
มือเรียวเล็กตบดังฉาดไปยังใบหน้าของพี่ชาย แบคฮยอนโกรธจัดจนคุมอารมณ์ไม่ได้ กล้องนั่นเป็นเงินที่เขาตั้งใจเก็บซื้อ เขาไปทำงานพิเศษโดยที่ไม่ได้ขอเงินจากทางบ้านซักบ้านซักนิด ลู่หานใช้ลิ้นดันแก้มข้างที่ถูกตบแล้วมองกลับมายังน้องชายที่ตอนนี้ยืนตัวสั่น แรงกระชากเกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างบางถูกลากขึ้นไปบนห้องนอนแล้วกอดล็อคประตูอย่างรวดเร็ว
แขนเล็กๆแบคฮยอนถูกกระชากให้ล้มลงบนเตียงใหญ่ พร้อมกับร่างที่โถมทับเข้ามาอย่าไม่ปราณี
“แบคฮยอน นายอย่าหวังจะได้ไประริกระรี้มีความสุขที่อื่นเลย นายต้องอยู่กับฉันที่นี่!!!!”
กลีบฝีปากบางของน้องชายถูกช่วงชิงโดยทันทีด้วยอารมณ์ร้าย ลู่หานโกรธจัดจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แบคฮยอนดิ้นสุดแรง แต่ต้นแขนที่แข็งแกร่งกว่าของพี่ชายข้างหนึ่งกลับยึดแขนทั้งสองข้างเขาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็จับบีบใบหน้าเรียวเล็กของน้องชายให้รับรสจูบ แบคฮยอนพยายามเบือนหน้าหนีแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานสัมผัสที่รุนแรงนั้นได้เลยซักนิด
จูบที่คนเป็นพี่มอบให้มีแต่ความโกรธเคือง ลิ้นที่สอดแทรกเข้าไปในโพรงปากยัดเยียดความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ลู่หานกระชากเสื้อเชิ้ตของน้องชายออกแล้ว แล้วระบายความโกรธลงไป เขาทั้งกัดและดูดซอกคอของแบคฮยอนจนเป็นรอยช้ำไปหมด
ร่างเล็กที่ตอนแรกขัดขืนอยู่ดีดีก็กลายเป็นนิ่ง แบคฮยอนอยากจะหายไปจากตรงนี้ ศักดิ์ศรีทุกอย่างพังทลายลงมาหมดแล้ว ลู่หานอยากจะทำอะไรกับร่างกายของเขาก็ตามใจเพราะทุกวันนี้เขาก็เหมือนคนไม่มีค่าอยู่แล้ว
น้ำตาไหลลงมาอีกครั้งสัมผัสกับแก้มของคนเป็นพี่ เพราะน้ำสีใสหยดลงมาแบบไม่มีมีเสียงทำให้ความตั้งใจทุกอย่างของพี่เลี้ยงใจร้ายหยุดชะงัก แบคฮยอนที่นอนอยู่ข้างล่างมองลึกลงไปในดวงตาของลู่หานพร้อมรอยน้ำตา
ไม่รู้ทำไม...เพียงแค่แววตาที่เศร้าคล้ายกับหมดหวังในตัวเขาแค่นี้ลู่หานกลับใจหาย ลู่หานหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วมองไปยังใบหน้าขาวที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
“พอใจพี่แล้วใช่ไหมครับ สิ่งที่พี่ทำกับผมพี่มีความสุขแล้วใช่ไหมครับ” สรรพนามเรียกชื่อที่แบคฮยอนใช้คือคำว่าพี่ ไม่ใช่คำว่าคุณตามที่ลู่หานสั่งอีกต่อไป..
“ พี่ลู่หาน ทำไมพี่ถึงใจร้ายกับผมเหลือเกิน ”
“ ถ้าพี่เกลียดผมมากขนาดนั้น ทำไมพี่ไม่ปล่อยผมไปละครับ ”
“ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ได้โปรดเถอะครับ ปล่อยผมไปเลย”
“จะให้ผมไปตายที่ไหนก็เรื่องของผมเถอะครับ!!!!!”
“ ฮึก...ผมเกลียดพี่ เกลียดพี่ที่สุดในโลกเลย!”
น้ำตาไหลลงมาเป็นสายพร้อมกับฉายแววตาที่ผิดหวังอย่างที่สุดให้กับพี่ชายต่างสายเลือด ในตอนแรก แบคฮยอนไม่มีความตั้งใจจะเกลียดลู่หานเลยซักนิด แต่ว่าพี่ชายแสนใจร้ายทำให้เขาต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนทำให้ในตอนนี้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ถ้าความรู้สึกที่ลู่หานมีต่อเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความรู้สึกของแบคฮยอนที่ต้องการให้พี่ชายคนเดิมกลับมาคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว คนตัวเล็กตั้งใจจะละทิ้งความเชื่อมั่น และความหวังในตัวลู่หานจนหมดสิ้น
น้ำตาที่ไหลรินลงมา เทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดของหัวใจที่มีอยู่
จะต้องร้องไห้อีกกี่ครั้งลู่หานถึงจะพอใจ จะต้องเสียใจจนแทบตายอีกกี่ครั้งลู่หานถึงจะเลิกทำร้ายจิตใจเขาซักที
ชีวิตของแบคฮยอนในตอนนี้คงคล้ายกับซินเดอเรลล่าที่ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้
ทำไมความหวังทุกอย่างที่มีถึงได้มืดมนเช่นนี้...
ความคิดเห็น