ตอนที่ 4 : :: chapter 3 ::
‘พี่ซึงฮุนโกหก เจ้าชายน้อยไม่เห็นกลับไปหาดอกกุหลาบเลย’
‘เขาไม่ได้กลับไปแต่ก็ยังคิดถึงเธออยู่นะ’
‘แต่เขาจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนี่นา…’
‘บางทีการอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้สำคัญที่สุดหรอกนะแทฮยอน สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ในนี้’
‘…ในกระเป๋าเสื้อผมเหรอ’
‘เด็กบ๊อง! พี่หมายถึงในใจต่างหากเล่า’
แทฮยอนตื่นขึ้นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เขาฝันถึงเรื่องเดิมอีกครั้งนับตั้งแต่อ่านหนังสือเล่มนั้นจบ ฝันครั้งที่สองชัดเจนกว่าครั้งแรกทว่าใบหน้าของเจ้าของเสียงในฝันยังคงพร่ามัวด้วยแสงจ้า เสียงนั้นกดลึกลงในใจของแทฮยอนทุกถ้อยคำ และสัมผัสอบอุ่นยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในตัวของเด็กหนุ่มแม้จะตื่นจากฝันแล้วก็ตาม
“นายมาสาย” จินอูเงยหน้าจากหนังสือแล้วบอกเด็กใหม่ที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้าประตูห้องสมุดมาด้วยโทนเสียงเรียบเฉย
ชมรมรมมีนัดทำความสะอาดครั้งใหญ่ในวันอาทิตย์ แต่เพราะมินโฮไปช่วยงานพ่อที่เป็นครูสอนว่ายน้ำวันนี้แทฮยอนจึงต้องเดินไปป้ายรถประจำทางเองแต่เขาดันลืมตั้งนาฬิกาปลุกให้เร็วขึ้น กว่าจะถึงป้าย รถเที่ยวแรกก็ผ่านไปแล้วและต้องรอเที่ยวถัดไปอีกหนึ่งชั่วโมง นั่นเป็นสาเหตุให้แทฮยอนมาสาย
“ขอโทษครับ” แทฮยอนพูดไปหอบไป ประธานชมรมไม่ได้ว่าอะไรต่อเพียงแค่ยื่นผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งให้รุ่นน้องแล้วชี้ไปด้านหลังซึ่งเป็นภาพสมาชิกทุกคนกำลังทำความสะอาดห้องสมุดกันอยู่ จากนั้นก็กลับไปสนใจกับหนังสือที่อ่านค้างไว้
…ช่างเป็นคนที่ประหยัดคำพูดอะไรขนาดนี้
ห้องสมุดของโรงเรียนค่อนข้างใหญ่และชมรมนี้ก็มีสมาชิกน้อยดังนั้นแม้แต่ผู้หญิงก็ต้องทำงานใช้แรง
ตุบ!
หนังสือกองใหญ่หล่นลงไปกองกับพื้น แทฮยอนหันไปเห็นพอดีจึงเข้าไปช่วยเก็บแล้วแบ่งมาถือเองครึ่งหนึ่ง
“ข ขอบคุณนะ” เด็กสาวท่าทางขี้อายกล่าว
“ไม่เป็นไร หนังสือพวกนี้จะเอาไปไว้ไหนเหรอ” แทฮยอนเห็นกองหนังสือมากมายที่ถูกนำมาวางไว้ที่หน้าห้องสมุด ส่วนมากจะเป็นพวกหนังสือที่ดูเก่ามากแล้ว
“โรงเรียนกำลังจะซื้อหนังสือเข้ามาเพิ่มน่ะ หนังสือพวกนี้มันเก่าแล้วไม่ค่อยมีคนยืมแล้วด้วยอาจจะเอาไปชั่งขายล่ะมั้ง”
“น่าเสียดายจังแฮะ” จากที่แทฮยอนเห็น หนังสือพวกนี้เก่ามากก็จริงแต่บางเล่มก็ดูเป็นหนังสือหายากที่อาจเลิกตีพิมพ์ไปแล้ว
เดี๋ยวนะ…
ถ้างั้นก็หมายความว่าหนังสือที่ซึงฮุนเคยยืมก็ต้องถูกขายไปด้วยน่ะสิ
“อ อ้าวแทฮยอนจะรีบไปไหน” เด็กสาวร้องเรียกเมื่ออยู่ๆ แทฮยอนก็วิ่งกลับเข้าไปในห้องแต่เขาไม่ได้หันมาตอบคำถามนั้น
เด็กหนุ่มตรงไปหาคนที่คิดว่าอาจจะช่วยเขาเรื่องนี้ได้ซึ่งก็มีเพียงคิมจินอูเท่านั้นที่เขานึกออก
“รุ่นพี่ช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ฉันยุ่งอยู่นายก็เห็น” รุ่นพี่หน้าสวยตอบเขาด้วยเสียงเรียบๆ พลางพลิกหนังสือหน้าถัดไป
“งั้นผมรอให้รุ่นพี่อ่านจบก่อนก็ได้ แต่ช่วยผมหน่อยนะ” ปกติแทฮยอนไม่ใช่คนที่จะมาเซ้าซี้คนอื่นแบบนี้เพราะเมื่อคิดว่าถ้าใครมาทำแบบนี้กับเขาก็คงจะรำคาญเหมือนกัน แต่ครั้งนี้เขาขอทำอะไรที่ขัดกับความคิดตัวเองหน่อยแล้วกัน
จินอูเองก็แปลกใจกับการกระทำของแทฮยอน บางทีเรื่องที่รุ่นน้องมาขอให้ช่วยอาจจะเป็นเรื่องสำคัญมากก็ได้
“มีอะไรว่ามาสิ”
“ในข้อมูลของห้องสมุดยังบันทึกประวัติการยืมของนักเรียนเมื่อประมาณ 6 ปีก่อนไว้อยู่หรือเปล่าครับ”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่นายถามเรื่องนั้นทำไม”
“ผมอยากได้ประวัติการยืมหนังสือของคนคนหนึ่ง…”
“ใคร”
“…อีซึงฮุนครับ”
มือที่กำลังพลิกหน้าหนังสือชะงักไป และเป็นครั้งแรกที่จินอูเงยหน้าจากหนังสือแล้วมองมาที่รุ่นน้องอีกทั้งยังเป็นสายตาประหลาดใจแบบนั้นด้วย
“…มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“นัม แทฮยอนใช่ไหม”
“ค ครับ?”
“หลังทำความสะอาดเสร็จอย่าเพิ่งกลับนะ”
การเป็นวิญญาณทำให้ซึงฮุนทำได้แค่มองคนอื่นอยู่อย่างเงียบๆ เท่านั้น
คิม ซูฮยอนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ซึงฮุนเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ เพียงแต่ตอนนี้มันสีซีดลง จากสีม่วงอ่อนเหมือนดอกไม้ที่เขาชอบก็ได้กลายไปเป็นสีเทา และหญิงชราที่นั่งอยู่บนนั้นก็ไม่ได้มีความสุขเหมือนเดิมอีกแล้ว
ซูฮยอนเป็นคนที่รับซึงฮุนมาเลี้ยงในคืนที่เขาซึ่งเป็นทารกถูกทิ้งไว้ที่หน้าโบสถ์ของบาทหลวงคิม เธอรักเขาไม่ต่างจากลูกแท้ๆ และแน่นอนว่าซึงฮุนเองก็เช่นกัน
ซึงฮุนอยากจะกอดเธอแล้วบอกว่าเรื่องทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่มองเธออยู่ตรงนี้…เหมือนตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
“ดอกชิอนสวยมากเลย ขอบคุณนะครับ”
…ซึงฮุนรู้ดีว่าซูฮยอนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
“เข้มแข็งไว้นะ ผมรู้ว่ายายจะต้องผ่านมันไปได้”
“…รอแทฮยอนหน่อยนะครับ“
“ตามมา”รุ่นพี่ตัวเล็กพูดสั้นๆ ก่อนจะพาแทฮยอนเดินไปตามชั้นหนังสือพร้อมกับหยิบหนังสือออกจากชั้นมาให้เขาถือหลายเล่ม
“ซึงฮุนเคยอ่าน” เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่ารุ่นน้องงงกับการกระทำของตัวเองจึงอธิบายแต่ก็เป็นประโยคที่ประหยัดคำพูดเช่นเคย
แทฮยอนคิดว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่จินอูมีสีหน้าเปลี่ยนไปหลังจากได้ยินชื่ออีซึงฮุนแล้ว และนี่ทำให้เขายิ่งสงสัยขึ้นไปอีก
“เอ่อ รุ่นพี่กับพี่ซึงฮุนรู้จักกันหรอครับ”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ แทฮยอนคิดว่าตัวเองคงพูดอะไรที่เสียมารยาทออกไปซะแล้วและกำลังจะเอ่ยขอโทษแต่จินอูก็พูดขึ้นมาก่อน
“รู้จัก…ล่ะมั้ง”
จินอูยังคงจำได้ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยังจดจำเขาในตอนนั้นอยู่หรือเปล่า
เมื่อหน้าฝนนั้นผ่านไปแล้ว…
…บางทีอาจจะไม่
“รุ่นพี่ครับ?”
เสียงของรุ่นน้องทำให้เขาตื่นจากภวังค์ จินอูเพียงแค่เดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร หนังสือในมือแทฮยอนเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาคิดว่าน่าจะพอแล้ว
แทฮยอนมองจินอูที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่หลังจากที่บอกให้เขามานั่งรอ
“หนังสือเก่าพวกนั้นจะถูกขายมะรืนนี้” จินอูยื่นกระดาษที่เพิ่งเขียนเสร็จให้รุ่นน้อง มันคือลิสต์หนังสือที่เขาพอจะจำได้
“ที่เหลือเป็นหน้าที่ของนาย หนังสือพวกนั้นจะเอากลับไปก็ไม่มีใครว่า” แทฮยอนรับกระดาษนั้นมา แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ รุ่นพี่จินอูที่ดูจะไม่สนใจอะไรนอกจากหนังสือถึงช่วยเขาขนาดนี้แต่ก็รู้สึกขอบคุณมาก
“ขอบคุณนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันไม่ได้ช่วยนายโดยไม่หวังอะไรหรอกนะ” พูดพลางยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ สายตาที่มองมาราวกับรู้เรื่องทุกอย่างนั้นทำให้รุ่นน้องรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
แทฮยอนเคยได้ยินมาว่าจินอูเป็นคนเงียบๆ เท่านั้น ไม่มีใครเล่าถึงเรื่องอื่น บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้สนใจ และวันนี้แทฮยอนก็ได้รู้
“ฉันรู้ว่านายตามหาหนังสือพวกนั้นเพราะจะทำบางอย่าง…และหลังจากที่จัดการเรื่องนั้นเสร็จ”
“นายต้องเล่าทุกอย่างให้ฉันฟัง”
คิมจินอูเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ
มินโฮไม่ได้ว่ายน้ำมาพักหนึ่งแล้วจนวันนี้ที่พ่อขอให้เขามาช่วยงาน หน้าร้อนทั้งทีเขาเองก็อยากว่ายน้ำอยู่แล้วแต่น่าเสียดายที่แทฮยอนมาด้วยไม่ได้เพราะติดกิจกรรมชมรม
มินโฮมองเด็กน้อยที่กำลังเกาะขอบสระฝึกตีขากันอยู่อย่างเอ็นดู บางคนที่ว่ายได้แล้วก็ว่ายอวดเพื่อนกันใหญ่ทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ
ในหน้าร้อนนั้นที่พวกเขาสามคนมาว่ายน้ำด้วยกันที่นี่ มินโฮ แทฮยอน และซึงฮุน…
“พี่ซึงฮุนอย่าปล่อยนะ”
“พี่ไม่ปล่อยหรอก แต่แทฮยอนต้องปล่อยแขนพี่นะไม่งั้นจะว่ายได้ยังไง” ซึงฮุนอดที่จะขำเด็กน้อยที่เกาะแขนเขาไว้แน่นไม่ได้
แทฮยอนค่อนข้างจะขี้กลัวซึงฮุนไม่คิดว่าการสอนว่ายน้ำในวันนี้จะเป็นเรื่องง่ายเลยถ้าน้องยังไม่กล้าปล่อยมือออกจากเขาแบบนี้ …แต่ดูเหมือนใครบางคนจะหาวิธีแก้ปัญหานี้ได้แล้ว
“ปล่อยเถอะน่าแทฮยอน ไม่จมหรอกพุงนายกลมขนาดนั้นต้องลอยอยู่แล้ว” มินโฮชี้ไปที่พุงขาวๆ ของเพื่อนแล้วหัวเราะก่อนจะโดนอีกฝ่ายมองตาเขียวใส่แล้วตีน้ำใส่เขาเพื่อแก้แค้นจนมินโฮที่ตั้งตัวไม่ทันสำลักยกใหญ่
“แค่ก แค่ก ทำอะไรของนายเนี่ย”
“ก็มินโฮนิสัยไม่ดี” อีกฝ่ายบอกแบบนั้นแล้วทำแก้มพองลมใส่เขา
“ก็ว่ายให้เป็นซักทีสิ ฉันจะได้เลิกล้อนาย”
“คอยดูแล้วกัน” แทฮยอนบอกอย่างนั้นแล้วกลับไปสนใจการฝึกว่ายน้ำต่อ ดูเหมือนคราวนี้จะกล้าปล่อยมือจากพี่ซึงฮุนแล้วคงเพราะอยากเอาชนะมินโฮ
ผ่านไปพักหนึ่งแทฮยอนก็เริ่มว่ายได้แต่ก็ต้องคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ มินโฮเองก็เหมือนกัน ถึงจะว่ายน้ำได้นานแล้วเพราะมีพ่อเป็นครูสอนว่ายน้ำแต่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
“จะเที่ยงแล้วกลับบ้านกันไหม หรืออยากเล่นต่อ”
“เล่นต่ออ!” ซึงฮุนไม่แปลกใจเลยที่เด็กสองคนจะประสานเสียงตอบพร้อมกันแบบนั้น
“งั้นรอพี่อยู่ข้างบนก่อนนะ อย่าลงสระจนกว่าพี่จะกลับมา รับทราบ”
“รับทราบ!” เด็กน้อยสองคนตอบพร้อมกันแล้วทำท่าตะเบ๊ะอย่างแข็งขัน เมื่อซึงฮุนวางใจแล้วจึงออกไปซื้ออาหารกลางวันมาให้เด็กๆ
ซึงฮุนออกไปไม่นานแต่เด็กน้อยที่นั่งรออยู่ริมขอบสระก็เริ่มเบื่อกันแล้ว
“เบื่อเนาะ” แทฮยอนบ่นพลางแกว่งขาเล่นไปมา
“อืม พี่ซึงฮุนไปนานจังเลย” สำหรับเด็กห้านาทีก็นานแล้ว
แต่มินโฮไม่ได้เบื่อเหมือนที่แทฮยอนรู้สึก ความจริงแล้วเขามีความสุข นานๆ ทีถึงจะได้อยู่กับแทฮยอนสองคนโดยไม่มีพี่ซึงฮุนแบบนี้
เพราะเป็นเด็กเลยไม่รู้ว่ามันมีความหมายพิเศษอย่างไร รู้แค่ว่าเวลาแทฮยอนมีความสุขเขาก็จะมีความสุข เวลาที่แทฮยอนเศร้าเขาก็จะเศร้าไปด้วย แล้วก็ไม่ชอบให้ใครทำให้แทฮยอนอารมณ์เสียนอกจากเวลาถูกเขาแหย่
มินโฮอยากจะเป็นคนที่ทำให้แทฮยอนมีความสุขก็แค่นั้น
และเขาก็อิจฉาพี่ซึงฮุนที่ทำให้แทฮยอนยิ้มได้มากกว่า อาจจะเป็นเพราะพี่ซึงฮุนเป็นผู้ใหญ่กว่าและตัวใหญ่กว่าหรือเปล่านะ ถ้าเขาโตขึ้นแล้วจะทำให้แทฮยอนมีความสุขได้เท่ากับพี่ซึงฮุน หรือมากกว่านั้นไหม เด็กน้อยได้แต่คิด
ตูมม
มินโฮละสายตาจากเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำขึ้นมามองต้นเสียงอย่างตกใจ
“ย่าห์ ! แทฮยอนพี่ซึงฮุนบอกว่า..”
“นิดเดียวไม่เป็นไรหรอก นายลงมาด้วยกันสิ” แทฮยอนโบกมือเรียก แต่มินโฮมองซ้ายมองขวาแล้วส่ายหน้า
“นายยังว่ายน้ำไม่แข็งเลยนะ ขึ้นมาก่อนที่พี่ซึงฮุนจะกลับมาดีกว่า” แต่แทฮยอนไม่ได้ฟังเขาเลย อีกฝ่ายว่ายห่างจากเขาไปเรื่อยๆ จนจะถึงกลางสระที่เป็นน้ำลึกอยู่แล้ว มินโฮได้แต่ยืนกระสับกระส่ายอยู่ริมสระ เขาบอกตัวเองว่าแทฮยอนจะไม่เป็นอะไร
แต่พริบตานั้นเอง การว่ายน้ำของแทฮยอนเริ่มแปลกไปมินโฮเห็นท่าไม่ดีและเตรียมจะกระโดดลงไปช่วย แต่กลับชะงักไป
เขาไม่ได้กลัวน้ำลึกหรอกแต่ว่า…เขาจะช่วยแทฮยอนได้จริงๆ เหรอ
พวกเขาอาจจะจมลงไปทั้งคู่ก็ได้ ถ้าผู้ใหญ่มาช่วยจะมีโอกาสมากกว่า
แต่ถ้าเขาได้เป็นคนช่วยแทฮยอน….
ความคิดและเสียงเรียกของแทฮยอนตีกันอยู่ในหัว แน่นอนว่าเขาอยากจะป็นคนช่วย แต่ว่า…
“ช่วยด้วย!”
ถ้าแทฮยอนเป็นอะไรขึ้นมาเขาก็ไม่เอาด้วยหรอก!
มินโฮวิ่งออกไปสุดแรงเพื่อหาคนมาช่วยให้เร็วที่สุด ตอนนั้นเองที่ซึงฮุนเดินสวนกลับมา มินโฮพูดอะไรไม่ถูก ตัวเขาสั่นพอๆ กับเสียงที่พูดออกไป
“พี่ซึงฮุน แทฮยอนเขา…”
ซึงฮุนไม่รอให้จบประโยค เขาทิ้งถุงอาหารที่เพิ่งซื้อมาทั้งหมดแล้ววิ่งไปที่สระก่อนจะกระโดดลงไปช่วย
แทฮยอนยังไม่จมลงไปแต่ก็ใกล้หมดแรง เด็กน้อยตัวซีดเผือดเมื่อเขาพาขึ้นมาถึงฝั่งและยังคงเกาะเขาไว้แน่นทั้งที่แรงแทบไม่มี
เวลาผ่านไปแทฮยอนก็ยังไม่หยุดร้องไห้ อาจจะเพราะกลัวเหตุการณ์เมื่อครู่และกลัวว่าซึงฮุนจะโกรธ
“ผมขอโทษ” สุดท้ายแล้วเขาก็พูดออกมา
ซึงฮุนไม่อยากดุน้องและคิดว่าครั้งนี้คงเป็นบทเรียนให้แทฮยอนแล้ว เขากอดปลอบร่างเล็กที่กำลังสะอื้นอยู่
“ไม่เป็นไรนะ แต่ครั้งหน้าต้องเชื่อฟังพี่นะรู้ไหม”
แทฮยอนไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าที่ซบกับอกของพี่ชายอยู่เบาๆ
มินโฮมองทุกอย่างอยู่เงียบๆ แล้วได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีกำลังมากพอ เขาทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีพี่ซึงฮุน…
ภาพเด็กตัวเล็กๆ ที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำช่างดูไร้กำลัง
ตอนนั้นเองที่มินโฮรู้สึกเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง…
เด็กหนุ่มมองเงาสะท้อนของตัวเองบนผืนน้ำที่สั่นไหว ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ อีกต่อไป เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะช่วยคนอื่นได้แล้ว และเขาจะทำให้แทฮยอนมีความสุขเหมือนที่พี่ซึงฮุนทำให้ได้
“กลับช้าจังง”
“ชมรมต้องทำความสะอาดเยอะน่ะ” แทฮยอนเริ่มชินกับการที่ซึงฮุนลอยไปลอยมาในห้องแล้ว เขาวางกองหนังสือลงบนโต๊ะก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มันหนักมากจริงๆ และแทฮยอนต้องแบกทั้งหมดนี่เดินกลับบ้านมา
“พี่เคยอ่านเล่มนี้ไหม” แทฮยอนยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้ซึงฮุนดูเพื่อความแน่ใจ ซึงฮุนทำหน้านึกอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“หนังสือพวกนี้คือหนังสือที่พี่เคยอ่านหมดเลยใช่ไหม”
แทฮยอนพยักหน้า
ซึงฮุนรับรู้ได้ถึงความพยายามของแทฮยอนจากสายตาคู่นั้นที่กำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือในมือ เขาจึงหย่อนตัวลงบนเตียงข้างๆ และนั่งมองอีกฝ่ายเงียบๆ
มีเพียงเสียงพลิกกระดาษแต่ไม่ใช่ความเงียบที่อึดอัด แทฮยอนคุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้ราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึงฮุนนั่งอยู่ตรงนี้ข้างๆ เขา ไม่ได้พูดอะไร
หน้ากระดาษยังคงถูกพลิกไปเรื่อยๆ แทฮยอนกำลังสนใจอยู่กับเนื้อเรื่อง แต่แวบหนึ่งที่เขาแอบมองมือซึงฮุน
แทฮยอนอาจจะไม่รู้ตัว แต่ซึงฮุนเห็นอีกฝ่ายแอบมองมือเขาบ่อยๆ
“แอบมองมือพี่บ่อยๆ นี่อยากจับหรอ”
“ม..ไม่ได้มองซักหน่อย …แล้วถึงยังไงก็จับไม่ได้อยู่แล้วนี่” แทฮยอนตอบตะกุกเมื่อถูกจับได้ ประโยคท้ายเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินราวกับตั้งใจบอกตัวเอง
ซึงฮุนมองปฏิกิริยาของอีกคนแล้วอมยิ้ม รอยยิ้มนั่นทำให้แทฮยอนต้องหลบสายตาแล้วแสร้งทำเป็นตั้งใจอ่านหนังสือต่อ
บางทีแทฮยอนอาจจะอยากจับมือซึงฮุน พอๆ กับที่ซึงฮุนอยากกอดแทฮยอน
“แทฮยอน”
“หือ” เขายังคงไม่หันไปสบตาซึงฮุน
“หลับตาลงแล้วยื่นมือมา”
“หา?” แทฮยอนหันไปมองอีกฝ่ายงงๆ ซึงฮุนยังคงยิ้มแล้วบอกให้เขาหลับตาลง แทฮยอนทำตามเพราะรู้สึกว่าหน้าของตัวเองจะต้องร้อนขึ้นแน่ๆ ถ้ายังจ้องอีกฝ่ายมากไปกว่านี้
มีเพียงความมืดเท่านั้นในตอนแรก จนแทฮยอนสงสัยว่าซึงฮุนกำลังจะทำอะไร …แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ…
ความอบอุ่นโอบกอดมือข้างซ้ายของเขาเอาไว้ มันทำให้แทฮยอนนึกถึงฝันเมื่อเช้าอีกครั้ง
“รู้สึกไหม”
“อืม…” เด็กหนุ่มยิ้มบางๆ
เสียงของซึงฮุนซ้อนทับกับใครอีกคนในความฝัน ภาพที่เคยพร่ามัวด้วยแสงนั้นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นชัดเจน
คนคนนั้นจะเป็นใครไปได้…
ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของความอบอุ่นในฝันและที่มือข้างซ้ายของเขาเป็นคนคนเดียวกัน
…เพราะไม่มีใครอีกแล้วที่ทำให้แทฮยอนรู้สึกแบบนี้ได้นอกจากซึงฮุน
TBC
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แอบสงสารมิด้วย ทำไมเศร้าจังพ่อหมี 55555
ฟื้นขึ้นมาอยู่ข้างๆ นัมเดี๋ยวนี้เลยนะ ๕๕๕
มิมิยิ่งเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออยู่ > <
ว่าแต่(จินอู)ฮยองจะให้เล่าอะไรนะ ...
ชอบความรู้สึกละมุนๆที่พี่ฮุนมีให้น้องจังเลย ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆนะคะ