คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : [SF] Paradise สวนสวรรค์ ตอนที่ 10
บทที่ 10
Note :: รอนานมั้ย มากกกกกเลยใช่ป่าวยังไงก็ขอบคุณมากสำหรับคอมเม้นดีๆ และก็ตามมาทวงฟิคเลย ^-------^
ปลื้มสุดๆ ยินดีต้อนรับทั้งนักอ่านใหม่นักอ่านเก่าเลย ยังไงก็อย่าทิ้งกันไปก่อนนะ (พูดแบบนี้ตลอด) คือเรื่องนี้เรารู้ว่าทุกคนอดทนที่จะอ่านมาก เราก็อดทนที่จะแต่งเหมือนกัน มันเป็นงานไม่ถนัดเลยจริงที่มาแต่งแนวแบบนี้ วันนี้เลยใจดีลงให้ทีเดียวสองตอนแล้วก็แถม SF ให้อีก (SFเรามีตุนไว้เยอะมาก) ส่วนเรื่อง PRD เรื่องนี้แหละใกล้จบแล้วอย่าพึ่งทิ้งกันนะมาอ่านก่อน อ้อแล้วก็มีถามเรื่องรวมเล่มกันมาด้วยขอตอบก่อนเลยยังไม่มีเวลาเลยจ้า แต่แพลนไว้นิดหน่อย ถ้าจะเอาเรื่องนี้กับ NEW MOM รวมด้วย (คิดว่าเราทิ้งฟิคเรื่องนี้ละเซะไม่ได้ทิ้งนะจ๊ะ ซุ่มอยู่เดี๋ยวขอผ่านงานสัมนาไปก่อนเราจะกลับมาลงให้เนอะ) เอามารวมเล่มกันแล้วแถม SF ที่แต่งแล้วอีก 10 เรื่อง คนอ่านจะโอป๊ะ มีเซอร์ไพร์สเหมือนเดิม!!!!! (ขอความเห็นกันก่อนนะ)
ชัยชนะหอมหวานยิ่งนัก เมื่อบุรุษนักรักได้ครอบครองร่างงามดุจดวงใจน้ำแข็ง วงแขนเรียวคล้องที่เอวหนาทั้งยังเรือนร่างผอมบางนอนขดใต้ผืนผ้าห่ม ยังไม่ขยับตนตื่นจากที่นอนทั้งถูกเฝ้ามองซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอยช้ำที่บ่าจางลงมากโขจากคืนที่สองที่ถูกกกกอด เจ้าชายมินโฮลอบยิ้มในขณะที่ร่วมรักกันเจ้าหญิงน้อยก็ปฏิบัติตนได้น่าชังเสียเหลือเกิน ผิวกายหรือก็หอมหวานน่าชิมปานขนมหวานที่นางกำนัลนำมาถวายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งหยูกยาและสายตาเป็นห่วงเป็นใยจนเขาต้องตวาดไล่พวกนางเหล่านั้นบ่อยครั้ง นอกจากจะคอยมาถามไถ่อาการเจ้าหญิงน้อยยังขยันมาเอ่ยแซวมิได้ขาด มิว่าที่ใดในปราสาทแห่งนี้เจ้าชายมินโฮทั้งรังแกเจ้าหญิงน้อยมิเว้น ตั้งแต่ห้องสรงหรือห้องหับทั้งยามสว่างหรือแม้กระทั่งแสงเทียนดับลง
เจ้าชายหนุ่มขยับตนเพียงแผ่วเบาร่างแน่งน้อยข้างกายก็เริ่มรู้สึกตนบ้าง แต่คนเป็นผัวหรือก็อยากแกล้งยิ่งนักขยับตนใกล้ชิดบดเบียดร่างกายแนบกัน จนอีกคนหรือก็หน้าแดงแล้วแดงอีก
“หน้าเจ้าแดงปลั่งเสียเหลือเกินเมียข้า”
เจ้าหญิงน้อยมิได้ตอบคำถามนอกจากซุกใบหน้ากับหน้าอกเจ้าชายเพียงเท่านั้น เรียวขาบางสัมผัสได้ถึงตัวตนของเจ้าชายมินโฮช่างน่าอายเหลือเกินที่ยังเปิดเปลือยกันทั้งคู่อยู่เช่นนี้ อาการเหนอะหนะยังเต็มอยู่หว่างขา มิกล้าบอกแม้ตนจะไม่สบายตัว จวบจนเจ้าชายมินโฮต้องการสรงน้ำจึงโอบอุ้มร่างงามขึ้นจากเตียงด้วยสองแขนแกร่ง
“พระองค์!”
“สรงน้ำเสียหน่อยเจ้าหญิง เจ้าจะมิสบายตนเอา”
น้ำอุ่นๆถูกเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว เมื่อค่อยๆย่างเท้าลงอ่างโดยที่ชเวมินโฮก็โอบประคองไปตลอดทาง ไอน้ำคุกรุ่นห้อมล้อมให้สองกายแนบชิดกัน ไม่มีเสียงพูดคุยนอกจากนัวเนียกันเป็นพักๆ เจ้าชายมินโฮที่ลุ่มหลงร่างกายเจ้าหญิงน้อยเหลือเกินก้มลงจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปานเทียนสลักรูปลักษณ์สวยงามเมื่อจุดไฟแล้วจึงจะค่อยๆละลาย แทมินก็เช่นกันยอมให้เจ้าชายหนุ่มได้ดอมดม ครอบครองร่างงามครั้งแล้วครั้งเล่า
“อื้อ…หม่อมฉันเจ็บเพคะ”
เสียงหวานครางกระเส่าออกมา เมื่อยังไม่พร้อมก็ถูกเจ้าชายรูปงามยกสะโพกขึ้นพร้อมกับสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปด้านใน สะโพกกลมเคลื่อนไหวอ้อยอิ่งอยู่ใต้ผืนน้ำ เชิดลำคอให้เจ้าชายหนุ่มได้ซุกไซ้กัดกินอย่างหิวกระหาย ไม่ทันไรก็ถูกรังแกจนมิอาจกักเก็บเสียงหวาน
“สวยเหลือเกินเมียข้า”
“อื้อ…พอก่อนได้หรือไม่”
“เจ้ามีข้อต่อรองอันใดรึ”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันมิได้ต่อรองหรือปฏิเสธ เพียงแค่หม่อมฉันขอพักบ้าง พระองค์รังแกหม่อมฉันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้ไม่เบื่อบ้างหรือเพคะ”
มินโฮยิ้มขำกับวาจาออดอ้อนของเมียตัวน้อยเหลือเกิน ร่างแน่งน้อยเจ็บเหลือเกินแล้วแต่เจ้าชายยังเอาแต่พระทัยตักตวงความหอมหวานจากแทมินซ้ำๆมิรู้เบื่อ
“หากเบื่อเมียตนข้าจะไปหาใครเล่า หรือเจ้าอยากให้ข้ามีสนมอีกหลายนางหืม?”
“สุดแต่ใจพระองค์เถิดเพคะ อย่างไรเสียหม่อมฉันก็ห้ามพระองค์มิได้”
น้ำเสียงและการกระทำเช่นนี้ต่อให้ไม่ใช่ผัวเมียกันก็รู้ได้อยู่หรอกว่าเจ้าหญิงน้อยรู้สึกเช่นไร แรงรักเมื่อครู่ค่อยๆผ่อนลงจวบจนอยู่ในสภาพปกติ เจ้าชายหนุ่มฉายยิ้มเจ้าเล่ห์ ยุแหย่ให้เจ้าหญิงน้อยหึงบ้างตามประสา หากจะพูดกันตามความจริง ชเวมินโฮสัญญากับเจ้าหญิงลู่ฮานเอาไว้ว่าตนจะรีบกลับแต่นี่กลับมาอยู่กับเจ้าหญิงน้อยเวลาล่วงมาถึงหกวันหกคืนเต็ม เมื่อจะกลับไปหาลู่ฮานบ้างทางนี้กลับทำตัวอ้อนและน่ารังแกเสียเหลือเกินจนเจ้าชายหนุ่มถอดใจครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้ก็เช่นกันเพียงแค่เอ่ยปากว่าจะมีนางในอีกเจ้าหญิงน้อยก็แสดงอาการเช่นนี้ น่าเอ็นดูและรักให้หมดแรงเสียจริง
“หากเจ้าตามใจข้า ข้าจะมีนางสนมอีกสิบนางดีหรือไม่”
“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้มากอดหม่อมฉันอีก”
“โธ่เมียข้า จะน้อยใจทำไมเล่าในเมื่อข้าอยู่กับเจ้ามิเคยปล่อยปละละเลยเจ้าเพียงนิด ขอเพียงเจ้าซื้อสัตย์มั่นคงต่อข้าอย่าปันใจให้ไอ้อีหน้าไหนอีกเท่านี้เป็นพอ”
“หม่อมฉันขออภัยเพคะ หม่อมฉันสัญญาว่าจะมิให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก”
รักแรกนั้นเกิดขึ้นกับบุรุษผู้มอบชีวิตถวายกายและใจเป็นข้ารองบาทแต่หากจริงๆแล้วมิอาจเป็นไปได้เพราะหัวใจนางผู้แข็งแกร่งนั้นมอบให้เจ้าชายผู้เป็นเจ้าของจนหมดหัวใจ เมื่อถูกเขารังแกมิได้เว้นแทนที่จะเจ็บและเกลียดทุกอย่างกลับตรงกันข้าม ยิ่งพบเจอและอยู่ด้วยกันยิ่งนานวันยิ่งก่อให้เกิดความรักในหัวใจทีละนิด
ลีแทมินได้ข่าวองครักษ์หนุ่มจากนางรับใช้คนสนิทว่ายังอยู่ดีที่คุกใต้ดิน มิได้ถูกโบยตีดังที่สามีกล่าวไว้ เจ้าชายมินโฮละโทสะลงมากโขแต่หากได้รับรู้ว่าเมียตนยังอาลัยอาวรณ์กับองค์รักษ์ผู้รับใช้ผลเสียผลจะเกิดขึ้นกับอู๋อี้ฟานเป็นแน่ เพราะเช่นนั้นแล้วจึงทำได้เพียงส่งยารักษาและข้าวปลาอาหารอย่างดีนำลงไปมอบให้ เจ้าหญิงน้อยเป็นผู้ไม่คืนคำหากมั่นคงกับเจ้าชายมินโฮแล้วจะเป็นเช่นนั้น แต่ในเมื่ออี้ฟานถูกนำลงไปขังไว้เช่นนั้นต้นเหตุเป็นเพราะตนถึงคราวจะต้องให้ความช่วยเหลือ
“เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ท่านองครักษ์อาการดีขึ้นมากเจ้าคะ บาดแผลมิได้มากดังแต่ก่อน ท่านองครักษ์ฝากให้หม่อมฉันทูลถามพระชายาว่ายังอยู่ดีหรือไม่”
“ถ้าเช่นนั้นทำไมมิบอกเขาไปเล่าว่าเราอยู่ดีมิต้องเป็นห่วง ความผิดเราแท้ๆหากมิให้ท่านพี่อี้ฟานกอดเช่นนั้นหรือเขาจะถูกจองจำ”
“แต่อย่างไรเสียก็รู้มิใช่หรือเพคะ ว่าเจ้าชายนั้นรักพระชายาเพียงใด ปิดตนอยู่ในห้องหับหกราตรีเช่นนี้มิได้พระโอรสก็เอาดาบมาปาดคอซอนมีเถอะเพคะ”
“ซอนมี!”
เจ้าหญิงน้อยเขินเมื่อไรดวงแก้มขาวจะสุกปลั่งจนน่าเอ็นดูเสียทุกครั้งไป วันนี้เจ้าชายหนุ่มถูกเรียกเข้าตำหนักใหญ่ เห็นว่าอาจจะถูกสอบสวนทั้งเรื่องพาเจ้าหญิงลู่ฮานเข้ามาในวังโดยมิบอกกล่าวผู้ใด และเรื่องโทรลยักษ์ และอาจจะรวมถึงเรื่องที่ลงโทษทัณฑ์คนของแทมินพ่วงเข้าไปด้วย อย่างไรเจ้าหญิงน้อยก็อดทนรอด้วยความใจเย็น
“เป็นอย่างไรบ้างลูกข้า”
“ถวายบังคมพระบิดา”
เจ้าชายมินโฮนั่งคุกเข่า สายตาคมจับจ้องร่างของพระบิดาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ พระมารดาหรือก็นิ่งสนิทเสียจนน่าใจหาย ลองมาเช่นนี้แล้วคาดว่าเขาอาจจะถูกลงทัณฑ์โดยแน่
“เหตุใดเจ้าจึงทำทุกสิ่งโดยพละการ”
“ข้ารู้ว่ามิควร”
“แล้วจะทำอย่างไร โดยเฉพาะเจ้าหญิงแห่งแสง เห็นหรือไม่ว่าข้าก็มีแม่เจ้าเพียงหนึ่งเดียวส่วนเจ้ามีพระชายาถึงสองนางหากในกาลหน้าบุตรของนางทั้งสองเกิดช่วงชิงกันเล่าเจ้าจะทำเยี่ยงไร”
“อย่างไรเสียเรื่องมาถึงบัดนี้แล้วหากไม่ตบแต่งเสียเป็นพิธี นครแห่งแสงอาจจะมีเรื่องบาดหมางกับเราเกิดขึ้น”
พระนางชินจูให้ความเห็น สีหน้าและพระพักตร์ช่างบึ้งตึงผิดกับเป็นพระแม่ของชาวเทพยิ่งนัก ยิ่งรู้ข่าวว่าพระโอรสของตนนั้นสร้างเรื่องไว้อย่างไรบ้างก็ยิ่งสร้างความหนักใจหากมิเรียกมาตักเตือนเสียบ้างจะเคยตัวกันไปเสียหมด
“หากชายาของข้าทั้งสองปรองดองกันดีเช่นนี้ ลู่ฮานก็มิใช่ใจแคบแต่อย่างใดข้าคิดว่าแทมินเองก็ไม่ปฏิเสธแน่”
“คิดดีแล้วหรือมินโฮที่แม่เตือนเพราะแม่รักเจ้า แม้นางทั้งสองเป็นบุรุษแต่ก็มิใช่พิษรักแรงหึงของนางจะไม่ทำลายเจ้า”
“ทั้งหมดทั้งสิ้นเกิดขึ้นจากข้าอย่างไรเสียข้าจะยอมรับหากผลเกิดขึ้นแม้ข้าควบคุมมิได้เลยก็ตาม”
เจ้าชายมินโฮน้อมรับคำติเตียนจากพระบิดาและพระมารดา แม้รู้แล้วว่ามิควรเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่เพราะชายาทั้งสองต่างก็รักด้วยกันทั้งคู่จึงตัดใจทิ้งคนใดคนหนึ่งไปมิได้ ลู่ฮานนั้นรักมานานและเป็นรักครั้งแรกส่วนแทมินเป็นเมียแต่งแต่ก็มิได้รักน้อยลงไปเลย หากเมียรักทั้งสองปรองดองกันดีเหนือสิ่งอื่นใดเรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด
“ท่านพี่ลืมเราแล้วกระมัง”
เสียงหวานตัดพ้อเมื่อเวลาล่วงเลยมาหกราตรีเศษ สัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะกลับมาของชเวมินโฮนั้นไม่มีวี่แววเลย ปล่อยให้เจ้าหญิงแอนโดรเมดราเศร้าสร้อยอยู่ภายในพระตำหนัก อีกทั้งสามวันมานี้อาการป่วยไข้ก็รุมเร้าจะเสวยสิ่งใดก็อาเจียนออกมาเสียหมดนางกำนัลเองก็อ่อนใจ ทั้งสงสารนายตนก็สงสารแต่จะให้ทำอย่างไรได้ ทางตำหนักทิศเหนือก็ช่างยินดีปรีดาเหลือเกินที่เจ้าชายมินโฮเฝ้ารักอยู่กับเจ้าหญิงน้อยทุกเมื่อเชื่อวัน บางนางเมื่อเดินผ่านกันก็เหน็บแนมให้เสียน้ำใจว่ากันว่าดอกไม้ทางเหนือถูกรดน้ำบานสะพรั่งออกดอกให้เชยชมมิเว้นวัน ส่วนตำหนักทางทิศตะวันตกนั้นช่างแร้นแค้นฝนตกมิทั่วถึงเสียนี่กระไร
เช่นนั้นใครจะไปยอมได้ ยูอีแสนเป็นห่วงเจ้านายตนยิ่งนักอีกทั้งผูกใจเจ็บเจ้าชายมินโฮและเจ้าหญิงแพนโดราเสียเหลือเกินช่างเกิดมาขวางทางรักของเจ้าหญิงแอนโดรเมดรา แม้ป่วยเช่นนี้ยังไม่มาดูใจกัน
“โถ ทูนหัวของหม่อมฉัน เสวยสักนิดเถอะเพคะ เพียงเท่านี้หม่อมฉันใจจะขาดแทนเจ้าหญิงเสียแล้ว”
“พอเถอะยูอี เราไม่อยากกินอะไรทั้งสิ้น เราปวดหัว เราอยากนอนแล้วเจ้ายกถาดอาหารพวกนี้ออกไปเถอะ”
เจ้าชายมินโฮกำลังเดินตรงมาทางนี้พร้อมด้วยพระสหาย ทั้งคิดถึงเจ้าหญิงแพนโดราเสียเหลือเกินวันนี้จึงนึกอยากเข้าหานางเสียบ้าง
“หม่อมฉันคิดว่าพระองค์จะจำทางมาตำหนักทางทิศตะวันตกมิได้เสียกระมัง”
“พูดอะไรระวังปากเจ้าบ้างเถอะยูอี มินโฮอาจจะลงดาบกับคอเจ้าสักวัน”
สหายรักนั้นเข้ากันดีเหลือเกินแต่มินโฮกลับไม่นึกขันตอนนี้ เขาเห็นถาดอาหารที่นางรับใช้นำออกมาด้านนอกทั้งอาหารคาวหวานน่ากินทั้งสิ้นแต่กลับไม่พร่องเลยแม้แต่นิด
“เมียข้าป่วยหรืออย่างไร?”
“เพคะ”
ยูอีก้มหัวทำความเคารพและนำถาดอาหารไปเก็บอย่างเคย “มินโฮเจ้ามิกลับตำหนักพระชายาหรือ”
“แอนโดรเมดราก็เมียข้าเช่นกัน ข้าจะเข้าไปหานาง”
“งั้นก็ตามใจเจ้าเถิดอยากทำอะไรก็ทำเลย เราจะล่วงหน้าไปหาเจ้าหญิงแพนโดราก่อนละ”
คีย์ชอบเหลือเกินที่จะมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนเจ้าหญิงน้อยตั้งแต่อยู่ที่นี่ก็หาทางเข้าเฝ้าไม่ได้เลยวันนี้จะต้องไปเสียหน่อย เขาตื่นเต้นอยากจะทราบเรื่องเมืองน้ำแข็งและเรียนมนตร์วิเศษเต็มหัวไปหมด
“แอนโดรเมดรา”
ร่างงามกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นเหมือนได้ยินเสียงเรียกแต่ไม่ชัดเจนนัก เพียงแค่ฝันถึงน้ำเสียงขององค์ชายและน้ำเสียงนั้นเข้ามาใกล้เหลือเกินแค่นี้น้ำตาก็ไหลจากดวงตากลม แม้ในฝันเช่นนี้ยังจะตามมาทำร้ายกันได้
“แอนโดรเมดรา”
เจ้าหญิงลู่ฮานขยับตัวเล็กน้อยดวงตากลมกระพริบเบาๆเพื่อขับไล่ความง่วงงุน ร่างกายก็แสนจะอ่อนเพลียซ้ำยังมึนหัวจนมิอาจมองบุรุษตรงหน้าได้ชัดเจน
“พระองค์ใช่หรือไม่เพคะ?”
เจ้าชายมินโฮรีบเข้าไปประคองเมียรักเอาไว้เมื่อร่างงามนั้นทำท่าจะล้มลงไปอีก ผิวกายก็รุมๆราวกับจะเป็นไข้หรือที่เขาเรียกแล้วนางยังเมินเฉยคงจะมิสบายกายกระมัง
“เจ้าป่วยหรือ?”
คนงามไม่ตอบหากแต่กรรแสงจนขอบตาบวมอยู่แล้วแดงมากขึ้นไปอีก ร่างกายก็ซูบผอมเหลือเกิน เมื่อฝ่ามือกร้านลูบไปตามโครงหน้าสวยเบาๆนึกปวดใจนักที่มิอาจดูแลได้ดังให้สัญญาไว้ สองนางไม่มีผู้ใดผิดหากเป็นเขาต่างหากที่โลเล หากแม้หนักแน่นอีกสักนิดปฏิเสธพระบิดาเรื่องคู่หมั้นคู่หมายป่านนี้ก็ครองรักกับแอนโดรเมดราเพียงหนึ่งเดียวแล้ว แต่หัวใจเล่าก็มิปฏิเสธเลยว่ามิอาจคิดกบฏต่อเจ้าหญิงน้อยรูปโฉมก็งดงามมิแพ้กันกิริยาวาจาที่เคยตราหน้าว่าเย็นชืดปานน้ำแข็งกลับน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกินยามอยู่ร่วมกัน
พออยู่กับนางหนึ่งก็หลงกันจนลืมนางหนึ่ง
ช่างรวนเรเสียเหลือเกิน ชเวมินโฮ
“เรียกหมอมาดูเสียหน่อยเถิดหากเป็นหนักจะได้รักษาทัน”
“ไม่เพคะ หม่อมฉันมิเป็นอันใดหรอก เป็นเพียงอย่างเดียวเพราะเจ้าพี่ทำร้ายหม่อมฉัน”
“ลู่ฮานเรารักเจ้าเหลือเกิน แต่ขณะเดียวกันเราก็มิอาจทิ้งแพนโดราให้เดียวดายได้ เจ้าจะต่อว่าอย่างไรเราก็ว่ามาเถิดเรายอมรับผิดเสียหมด จากนี้แล้วจงยอมเราบ้างเถิดเราห่วงเจ้าเหลือเกิน”
แรงคนป่วยก็น้อยนิดมิอาจทุบตีด่าว่าได้ดังใจหวัง ยิ่งรับรู้ว่าที่แท้แล้วเจ้าชายมินโฮเองก็มีใจให้แพนโดราเช่นกันยิ่งปวดใจหนัก เหตุใดเช่นนี้จึงต้องตกมาเป็นสองทั้งที่ตนมาก่อน
“ชีวิตหม่อมฉันต่ำต้อยนัก เพียงเพราะหม่อมฉันรักพระองค์จึงตามมา หาไม่แล้วหม่อมฉันจะยังอยู่ที่นครแห่งแสงมิให้ตัวมาลำบากใจที่นี่หรอกเพคะ”
“แอนโดรเมดราอย่าเอ่ยเช่นนั้น เราเองก็รักเจ้า เราเอ่ยคำสัตย์จริงที่พาเจ้ามานี้มิได้ให้เจ้าลำบากกายแต่อย่างใด แต่เราก็โลเลเหลือเกินจนเรื่องทุกอย่างดำเนินมาถึงตอนนี้ ได้โปรดอย่าตัดรอนเราเพียงเพราะเราให้เจ้าไม่มากพอ อย่างไรเสียเรารักเจ้าและเจ้าก็เป็นหนึ่งเดียวของเรา”
ร่างงามร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนเป็นคมอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชาย หากเมื่อหมอมาแล้วความกังวลก่อนหน้านั้นว่าเจ้าหญิงจะมีอาการหนักอย่างไร เมื่อได้รับความกระจ่างถึงโรคที่เป็นอยู่นั้นความปลื้มปรีติกลับฉายชัดบนหน้าของเจ้าชายหนุ่ม
“ที่เจ้าหญิงทรงมีอาการเช่นนี้นั่นเป็นเพราะเจ้าหญิงทรงพระครรภ์พะยะคะ ชีพจรข้อมือเต้นเร็วผิดปกตินั่นหมายถึงหนึ่งทารกกำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ และพระอาการโดยรวมก็ดูได้ไม่ยากเลย กระหม่อมจะจัดเตรียมยาบำรุงไว้ให้พะยะคะ”
“เมียของเราตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ”
“พะยะคะ”
ทั้งปลื้มใจทั้งดีใจจนกอดร่างงามซ้ำๆ ร่างบางไม่ได้รับรู้ถึงอาการป่วยของตนเองเลยจวบจนตื่นขึ้นมาแล้วชเวมินโฮจึงบอกให้รับรู้ ลู่ฮานดีใจไม่ต่างกันที่รู้ตนว่าตั้งครรภ์ลูกของมินโฮ
“เราดีใจเหลือเกินลู่ฮาน”
“หม่อมฉันก็ดีใจเพคะ”
“เมดูซ่า เราเองสหายของเจ้านายเจ้า หลีกทางให้เราบัดเดี๋ยวนี้”
งูเห่าดำมะเมื่อมตัวยาวหลายฟุตชูคอขึ้นอย่างเชื่องช้า เพราะได้รับคำสั่งมาจากเจ้าชายมินโฮห้ามมิให้คนแปลกหน้าผู้ใดก้าวล้ำหรือย่างกรายเข้ามาใกล้เขตวังรโหฐาน
“หลีกทางให้เราเดี๋ยวนี้ เราจะเข้าเฝ้าเจ้าหญิงแพนโดรา”
เจ้างูเห่าไม่ยอมหนีไปไหน มันแผ่แม่เบี้ยเป็นเชิงขู่หากผู้บุกรุกยังก้าวเข้ามาอีกถือว่าเป็นศัตรู คีย์ยอมยืนนิ่งๆจ้องตากับสัตว์ดุร้ายไม่ว่าบอกอย่างไรเมดูซ่าก็ไม่ไปเสียทีจนเขาใจอ่อนอยากจะเดินหนีเสียเอง
“หลีกทางให้เขาเข้ามาเถิด เจ้าไปได้แล้ว”
รอยยิ้มหวานส่งให้ผู้มาเยือนและเมื่องูเห่ารับรู้ว่าแขกมิได้ทำอันตรายให้นายตนก็ยอมเลื้อยหนีแต่โดยดี
“ทีกับเราจ้องจะกัดเสียให้ได้ อ๊ะ!ถวายบังคมพะยะคะ องค์หญิง”
“เข้ามาเถิดท่านองครักษ์”
“เรียกหม่อมฉันว่าคีย์ก็ได้พะยะคะ”
ชามะลิหอมกรุ่นถูกยกมาวางให้คีย์ได้ลิ้มรส ไหนจะขนมที่เจ้าหญิงน้อยหัดทำก็ถูกนำมาให้ชิมด้วย
“เจ้าหญิงทำขนมเก่งเหลือเกินเช่นนี้แล้วหม่อมฉันจะต้องมาทุกวันพะยะคะ”
“เรายินดี”
เจ้าหญิงน้อยปลื้มใจไม่น้อยที่เห็นคีย์กินเอาๆ เมื่อกำลังจะได้มิตรใหม่เพิ่มก็ลืมไปเลยว่าจะถามหาเจ้าชายมินโฮ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างจะได้รับโทษทัณฑ์อย่างไรหรือไม่
“เจ้าหญิงมองหามินโฮหรือพะยะค่ะ อย่าได้ทรงห่วงเพราะนอกจากจะไม่เป็นไรแล้วเขาจะกลับมาโดยไว”
“ถ้าเช่นนั้นเราก็เบาใจ”
แม้จะบอกเช่นนั้นแต่เจ้าหญิงน้อยกลับมีพิรุธมากเหลือเกิน จิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อตัว เฝ้าชะเง้อหาเจ้าชายมินโฮอยู่ร่ำไป แต่คีย์ก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงด้วยความสงสารคีย์จึงเอ่ยชวนเจ้าหญิงน้อยออกไปเที่ยวชมความงามของอุทยานบ้าง
“เจ้าหญิงมิทรงเบื่อบ้างหรือ อยู่ในตำหนักเช่นนั้นทั้งวัน”
“เบื่อสิ แต่เราไม่รู้จะไปไหน นอกจากเรียนวิธีทำขนมจากซอนมีและเรียนดนตรีบ้างเท่านั้น”
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันจะพาเจ้าหญิงไปที่หนึ่งจะไปหรือไม่?”
เจ้าหญิงน้อยทำท่าประหลาดใจนัก แต่ก็ยอมแต่โดยดี เพียงไม่นานท่านองครักษ์ผิวปากเพียงครู่เดียวม้าเปกาซัสสีหมอกก็บินโฉบลงมาด้วยท่าทีองอาจ เจ้าหญิงน้อยรู้วิธีเดินทางเช่นนี้เพราะเคยประสพพบเจอมาแล้วช่างน่ากลัวเหลือเกินยามที่เจ้าม้าพาเหาะทะยานสยายปีกบินขึ้นไปบนฟ้า เสียงพึ่บพับของปีกเสียดสีกับลมช่างน่ากลัวนักหากตกลงมาบนพื้นคงไม่พ้นร่างกายแหลกสลายแน่ๆ
“เจ้าหญิงมิต้องกลัวสิ่งใดเลยหม่อมฉันจะไม่ให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับพระองค์เด็ดขาดเชื่อใจหม่อมฉันนะพะยะค่ะ”
“คีย์เจ้าจะพาพระชายาไปที่ใดกัน?”
บุรุษหนุ่มมองเห็นม้าสีหมอกบินมาแต่ไกลและรู้แน่ๆว่าม้าตัวนี้ป็นของคีย์ เมื่อเขาตามมาจึงเดาไม่ผิดว่าคีย์กำลังชวนเจ้าหญิงน้อยทำเรื่องอื่นอีกแล้ว
“พระชายาทรงเบื่อน่ะ ข้าจะพาท่านไปที่น้ำตก”
“น้ำตก?....ในช่วงเวลาเช่นนี้น่ะหรือ”
“ถ้าเจ้าไม่ไปก็อย่ามาขวางเถอะจินกิ เราไม่อยากอารมณ์เสีย”
ปากแดงเชิดรั้นขึ้น แต่ไม่ทันไรก็หันไปยิ้มให้เจ้าหญิงน้อยอย่างรู้กัน
“เราอยากไปเอง ได้โปรดให้เราไปกับคีย์เถอะ”
ลีจินกิก้มลงคำนับ และสุดท้ายจึงตัดสินใจจะไปด้วยกัน หากปล่อยเจ้าหญิงไปกับคีย์แล้วละก็อาจจะพากันเหลวไหลเพราะรู้นิสัยคีย์ดีจึงไม่ยอมปล่อยให้ไปกับเจ้าหญิงเพียงลำพังแน่ๆ
ม้าเปกาซัสทั้งสองตัวเหาะทะยานขึ้นฟ้า นำพาให้คนสามคนล่องลอยได้อย่างอิสระ ครานี้มิได้น่ากลัวอย่างคราวก่อนปุยเมฆสะอาดที่เอื้อมมือเพียงนิดก็สามารถแตะได้อย่างนุ่มมือ เจ้าหญิงน้อยเองก็ชอบเหลือเกินแม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างแต่เถ้าได้ออกมาสูดอากาศเช่นนี้แล้วแม้กลับไปจะโดนดุก็นับว่าคุ้มทีเดียว
“พระองค์หม่อมฉันกินไม่ไหวแล้วเพคะ”
เสียงหวานเอ่ยเมื่อถูกเจ้าชายมินโฮบังคับให้กินอาหารรสเลิศในปริมาณที่มากกว่าปกติ เจ้าชายหนุ่มเองก็ห่วงลู่ฮานเกรงว่าหากกินไม่มากพอแล้วจะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ดังที่ท่านหมอว่า ส่วนพระมารดาเมื่อทราบว่าเจ้าหญิงลู่ฮานทรงพระครรภ์ก็มิได้หนักใจเลยแม้แต่นิด แต่กลับเป็นห่วงจึงเมตตาส่งนางรับใช้มาเพิ่มให้อีก อย่างไรเสียก็มิอาจใจร้ายกับลูกสะใภ้ที่กำลังอุ้มท้องหลานตัวเองไม่ได้
“งั้นเจ้าก็ดื่มยาบำรุงเสียหน่อยร่างกายไม่แข็งแรงเลย”
“เพคะ”
เจ้าหญิงลู่ฮานอิดออดสุดท้ายแล้วก็ยอมรับยาถ้วยมาดื่มกินต่อหน้าโดยมีเจ้าชายคอยประคองด้วยความห่วงใย แม้ยาจะขมแต่สุดท้ายแล้วกลับหวานนักยิ่งได้นอนกอดซุกกายภายใต้ร่างของเจ้าชายมินโฮไม่มีสิ่งอื่นใดจะย่างกรายเข้ามาให้รู้สึกไม่ปลอดภัยอีก
ไม่ทันไรข่าวเจ้าหญิงแอนโดรเมดราทรงพระครรภ์ก็กระจายไปทั้งตำหนัก ซอนมีได้ยินมาไม่ผิดแน่ๆว่าเจ้าหญิงทางตะวันตกตั้งท้อง ส่วนเจ้าหญิงน้อยหรือยังมิอาจทราบข่าวดังกล่าวเพราะมัวไปเที่ยวเล่นกับองครักษ์ทั้งสอง
เจ้าชายมินโฮเดินองอาจมาแต่ไกลไร้ซึ่งองครักษ์ข้างกายเหมือนทุกครั้ง ซอนมีผู้เฝ้าอยู่หน้าตำหนักของเจ้าหญิงน้อยรู้สึกร้อนๆหนาวๆคิดว่าวันนี้ไม่พ้นตนต้องถูกลงอาญาเป็นแน่
“ทำไมไม่ปรนนิบัติพระชายา หรือเมียข้าหลับหรือ?”
“เอ่อ….พระชายา…คือ…พระชายา”
น้ำเสียงอึกอักชวนน่าโมโหกว่าจะรู้เรื่องรู้ราว เมียรักของเขาเป็นอย่างไรบ้างมิรู้ว่าข่าวของลู่ฮานตั้งท้องจะกระจายมาถึงนี่หรือยัง เจ้าชายพระทัยร้อนเปิดประตูเข้าไปด้านในหวังพบรอยยิ้มของร่างงามเหมือนเช่นทุกครั้ง
“แทมินไปไหน!”
“เอ่อ…พระชายา…”
“มัวแต่อ้ำอึ้ง เจ้าอยากจะโดนลงโทษใช่หรือไม่!”
“ไม่เพคะเจ้าชาย หามิได้เพคะ…อะ…เอ่อ….เจ้าหญิงน้อยเอ่อ…พระชายาเสด็จออกไปพร้อมกับองครักษ์คิบอมและจินกิเพคะ”
ร่างสูงทำหน้าฉงน องครักษ์ทั้งสองจะพาเจ้าหญิงน้อยไปที่ใดกัน เห็นเช่นนี้คิดว่าเขาอยากจะปล่อยไปตามลำพังหรือเช่นไร นับวันเมียรักจะฟังกันน้อยลงเห็นทีกลับมาหากไม่ลงโทษกันเสียหน่อยคงจะเคยตัวเอา
“เจ้าชายจะเสด็จไปไหนหรือเพคะ?”
“ไปตามเมียข้ากลับมาน่ะสิ”
เสียงผิวปากดังแว่วขึ้นมาไม่นานนักม้าเปกาซัสสีดำสนิทยานพาหนะคู่กายก็บินโฉบลงมาด้วยท่าทีองอาจ เจ้าม้าดีใจอย่างที่สุดที่จะออกไปข้างนอกเหมือนสองตัวก่อนหน้าบ้างดังนั้นเจ้าชายไม่ต้องรับสั่งเจ้าม้าตนนี้ก็รู้ว่าควรตามไปที่ใด
..........................................................................................................
ความคิดเห็น