คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เมียรับจ้าง :: V (rewrite)
“อืมม เย็นจัง” เสียงหวานครางขึ้นพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นและซุกกายเข้าหาความอบอุ่น ก่อนจมูกจะได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆที่พ่นออกมาพร้อมลมหายใจอุ่น และอ้อมแขนแข็งแรงที่เริ่มขยับกระชับร่างกายของเขาให้เข้ามาหาตัว พอเริ่มรู้สึกตัวร่างบางก็เปิดเปลือกตาขึ้นมาแต่ก็ต้องชะงักงันเพราะดวงตาคู่สวยต้องประทะเข้ากับหน้าอกกว้าง
“เฮ้ยคุณคริส! ทำไมมาอยู่ตรงนี้” อี้ชิงรีบผละตัวออกจากอกคนตัวโต ทำเอาคนที่กำลังหลับสบายต้องสะดุ้งตกใจตื่นเพราะเสียงโวยวาย
“เป็นอะไรของนาย โวยวายแต่เช้า” ร่างสูงงัวเงียถามพลางขยี้ตาเพื่อปรับให้ชินกับแสงของเช้าวันใหม่
“ยังมีหน้ามาถามอีก คุณคริสมานอนทำไมตรงนี้ครับ?”
“ก็นายแย่งผ้าห่มฉัน ฉันหนาวก็เลยต้องลงมานอนตรงนี้ไง” พูดพลางหาววอดใหญ่
“แล้วทำไมคุณคริสไม่หาผ้าห่มผืนอื่นมาใช้ล่ะครับ”
“มีผืนอื่นที่ไหน ทั้งห้องก็มีอยู่ผืนเดียวนี่แหละ”
“แต่ผมจำได้ว่าผมไม่ได้นอนห่มผ้านะครับคุณคริส”
“ก็ฉันเห็นว่าอากาศมันเย็น ก็เลยเอามาห่มให้” ก็เมื่อคืนอี้ชิงเล่นเปิดแอร์ซะแรง และยังนอนไม่ห่มผ้าอีก เขากลัวคนร่างบางจะเป็นหวัด จึงเอาผ้าห่มที่มีอยู่ผืนเดียวทั้งห้องมาห่มให้ แล้วก็กลับขึ้นไปนอนบนเตียงกว้างคนเดียว แต่ผ่านไปไม่ถึง10นาที ความหนาวเย็นก็มาจู่โจมเขาแทน คริสจึงจำเป็นต้องตามอี้ชิงลงมานอนที่พื้นด้านล่าง
“แต่ทำไมคุณคริสต้องนอนกอดผมด้วย แบบนี้ต้องจ่ายเงินเดือนผมเพิ่มนะ” อี้ชิงเจ้าปัญหายังคงสงสัยไม่เลิก ถึงแม้ตอนตื่นมาภาพที่เห็นจะเป็นเขาที่กำลังกอดเอวคริส ขาก่ายคริส และกำลังนอนหนุนแขนของคริส แต่คริสก็ผิดที่เอาแขนมาให้เขาหนุนเอง
“แน่ใจนะว่าฉันกอดนาย ใครกันแน่ที่นอนกอดฉันก่อน ใครกันแน่ที่เข้ามาซุกอกฉันก่อน” คริสยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์ มองใบหน้าของร่างบางที่เริ่มจะเห่อแดงขึ้น ร่างบางต่างหากที่เป็นฝ่ายกอดเขาก่อน แถมยังละเมอบ่นว่าเย็นอีก ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเลยนะ
“กะ...ก็สงสัยผมจะคิดว่าคุณเป็นหมอนข้าง” เถียงข้างๆคูๆพร้อมกับหันหน้าหนีหลบสายตาวิบวับของร่างสูงที่มองจ้องมา
“แล้วฉันยังต้องจ่ายเงินเพิ่มให้นายอีกมั้ย คนเห็นแก่เงิน?” ย้ำเสียงหนักในคำเรียกใหม่ที่เพิ่งตั้งให้สดๆ ถามด้วยน้ำเสียงเหมือนประชดแต่ดวงตากลับแฝงไปด้วยแววตาล้อเล่น
“ใครเห็นแก่เงิน!” อี้ชิงตวัดเสียงถามตาเขียวปั๊ด
“ก็นายไง ฉันถูกเนื้อต้องตัวนิดหน่อยก็พูดถึงแต่เงิน”
“ก็เมื่อวานคุณพูดแบบนั้นเองนี่ครับ สัญญาก็เขียนไว้ชัดเพราะฉะนั้นผมมีสิทธิ์เรียกร้อง”
“แล้วฉันขอกำไรจากนายบ้างไม่ได้หรือไง”
“คุณได้กำไร แต่ผมขาดทุน คุณเป็นนักธุรกิจก็น่าจะรู้ดี ถ้าทำธุรกิจแล้วขาดทุนจะทำไปทำไม” ร่างบางเถียงคอเป็นเอ็น ยกเหตุผลนู่นนี่มาอ้าง ทำให้คริสหลุดขำกับความหัวหมอของร่างบาง ระหว่างที่กำลังหัวเราะอย่างชอบใจเสียงโทรศัพท์ของอี้ชิงก็ดังขัดขึ้น คนตัวเล็กจึงรีบลุกเดินไปกดรับ
“ฮัลโหล ว่าไงจงอิน” รับสายด้วยเสียงสดใสซึ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเสียงขุ่นมัวที่คุยกับร่างสูงเมื่อกี้ ทำให้คริสต้องหยุดขำและใบหน้าเริ่มหงิกงออย่างไม่รู้ตัว ‘จงอิน’ ชื่อนี้อีกแล้ว
“จะมาช่วยที่ร้านตอนบ่ายเหรอ ได้สิไม่มีปัญหา มีลูกมือแบบนี้ฉันชอบ” อี้ชิงคุยโทรศัพท์กับอีกคนไปเรื่อย โดยไม่ได้สนใจชายอีกคนที่กำลังเดินไปหยิบเสื้อผ้าออกจากตู้และเดินย่ำเท้าหนักตึงตังเข้าห้องน้ำไป
“หึ มีลูกมือแบบนี้ฉันชอบ ไม่ใช่ชอบลูกมือหรอก แต่ชอบไอ้ดำมากกว่ามั้ง” คริสพูดออกมาอย่างหมั่นไส้ ไม่รู้ทำไมเขาต้องรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านที่เห็นอี้ชิงคุยกับจงอินแบบนั้น ยิ่งพอนึกถึงใบหน้าของจงอินที่ยิ้มตอนกอดกับอี้ชิงวันก่อน ก็ยิ่งโมโห เขาเดินตรงไปเปิดฝักบัวเพื่อหวังว่าสายน้ำเย็นๆจะช่วยดับอารมณ์ต่างๆเหล่านี้ได้
“นั่งรออะไรอยู่ครับคุณคริส ไม่รีบออกไปทำงานเหรอ?” หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จอี้ชิงก็เดินออกมาจากห้อง แต่เห็นคริสนั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหาร คนร่างบางเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถาม
“ฉันต้องกินข้าวเช้าก่อนไปทำงาน” คริสตอบเสียงเรียบตาก็อ่านหนังสือพิมพ์อย่างจดจ่อ ร่างสูงต้องทานอาหารมื้อเช้าทุกวันเป็นเรื่องปกติ
“คุณคริสโทรไปสั่งอาหารข้างนอกมาเหรอครับ?”
“เปล่า”
“แล้ว...” ร่างบางทำหน้างง ก็ถ้าไม่ได้สั่งอาหารแล้วจะเอาข้าวที่ไหนกิน
“ฉันรอนายมาทำให้ฉันอยู่” คริสปิดหนังสือพิมพ์และเงยหน้าขึ้นมามองคนร่างบาง
“ทำไมผมต้องทำให้คุณด้วยล่ะครับ” อี้ชิงเริ่มโวยวาย
“ก็นายเป็นเมียฉัน เมียที่ดีก็ต้องทำอาหารให้สามีทานสิ”
“ถ้าคุณพูดแบบนี้ผมยิ่งไม่ทำใหญ่” อี้ชิงเดินไปหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายหลังทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเท้าเพราะคำพูดเอาแต่ใจของสามีจำเป็น
“ถ้าฉันเป็นลม ทำงานไม่ได้ นายก็ไม่ได้เงินเดือนนะอี้ชิง” เพราะเงินคือสิ่งเดียวที่อี้ชิงจะยอมเขา คริสจึงเลือกที่จะพูดแบบนั้นออกไป
“คุณนี่มันเอาแต่ใจ”
“นายมันก็เอาแต่เงินเหมือนกัน” คริสยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นร่างบางถอนหายใจและเดินกลับมาวางกระเป๋าที่โซฟา ก่อนจะเดินมาสวมผ้ากันเปื้อน หยิบกระทะตั้งบนเตา เตรียมพร้อมสำหรับการทำอาหารเช้าให้ผู้ชายเอาแต่ใจ
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ข้าวผัดแฮมกลิ่นหอมฟุ้งก็ถูกยกมาวางบนโต๊ะสำหรับ 2 ที่ ชามหนึ่งสำหรับคริส ส่วนอีกชามเป็นของอี้ชิง คริสหยิบช้อนลงมือตักอาหารฝีมือเมียรับจ้างเข้าปาก
“อร่อยดีนี่” หลังจากกลืนข้าวลงคอหมดแล้วร่างสูงก็เอ่ยปากชม ถึงจะเป็นแค่ข้าวผัดง่ายๆ แต่อี้ชิงก็ทำให้มันอร่อยได้ รสชาติไม่จืดไม่เลี่ยน กลมกล่อมกำลังพอดี
“ขอบคุณที่ชมครับ ว่าแต่ผมต้องทำให้คุณทานแบบนี้ทุกเช้าหรือเปล่า”
“ต้องทำสิ ถ้าวันไหนฉันไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วฉันจะเป็นลม” คริสอธิบายเหตุผลที่เขาต้องทานข้าวเช้าทุกวัน เขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ไปหาหมอก็บอกว่าเขาไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เขาจำเป็นต้องทาน มื้อเช้าถือเป็นมื้อที่สำคัญสุดสำหรับคริส เคยมีบางครั้งที่ลืมทาน ยังไม่ถึงเที่ยงเขาก็เกิดอาการหน้ามืดเสียแล้ว
“แล้วอาหารเย็นผมต้องทำด้วยมั้ยครับ?” อี้ชิงเงยหน้าจากถ้วยข้าวเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ตอนเย็นถ้านายอยากทำก็ทำ ถ้าไม่ทำเราออกไปกินข้างนอกกันก็ได้” ตอบพลางเคี้ยวข้าวผัดแฮมอย่างเอร็ดอร่อย อี้ชิงอมยิ้มให้กับท่าทางการเคี้ยวข้าวเหมือนเด็กของร่างสูง
“ผมทำอะไรอร่อยหลายอย่างเลยนะครับคุณคริส แต่จงอินบอกว่าผมทำสปาเก็ตตี้อร่อยที่สุด แต่ผมว่าเวลาผมทำอะไรให้เขากินเขาก็ชมว่ามันอร่อยไปหมด เอาไว้เย็นนี้ผมจะทำสปาเก็ตตี้ให้กินดีมั้ย?”
“...” ร่างสูงวางช้อนลงจนกระแทกกับชามเสียงดัง ก่อนจะลุกไปหยิบสูทมาสวม แล้วเดินไปสวมรองเท้า ทำให้ร่างบางมองตามอย่างงงๆ
“อิ่มแล้วเหรอครับ ข้าวยังเหลือเยอะอยู่เลย”
“อิ่มแล้ว สายแล้วต้องรีบไปทำงาน” ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเตรียมจะก้าวเดินออกจากห้องไป แต่ก็พูดบางอย่างทิ้งท้ายไว้
“แล้วเย็นนี้ไม่ต้องทำสปาเก็ตตี้นะ ฉันไม่อยากกิน”
“สวัสดีค่ะคุณคริส วันนี้ดูอารมณ์เสียจังเลยนะคะ” เสียงเลขาสาวเอ่ยทักทายหลังจากวางกาแฟลงบนโต๊ะของเจ้านาย
“ฉันหงุดหงิด หมั่นไส้คนนิดหน่อย”
“ใครคะ?” ถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ออกไปซะ” ร่างสูงตอบกลับด้วยเสียงเย็น เมื่อได้ยินเช่นนั้นวิคตอเรียจึงรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องทันที
อาหารเช้ามื้อแรกของเขากับอี้ชิงต้องจบลงอย่างไม่สวยนัก เพราะชื่อบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของร่างบางมันมากระตุ้นอารมณ์ความหงุดหงิดให้เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง อะไรๆก็จงอิน เขาไม่รู้ทำไมถึงไม่ชอบชื่อนี้นัก เหมือนเขากำลังรู้สึกอิจฉา เพราะเขาอยากได้ยินอี้ชิงพูดชื่อเขาด้วยเสียงหวานแบบนั้นบ้าง
“ฉันกำลังอิจฉาไอ้ดำเหรอเนี่ย? แล้วฉันจะอิจฉามันทำไมกัน” ทึ้งหัวตัวเองอย่างไม่เข้าใจจนทำให้ผมที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีเกือบเสียทรง ความคิดตีกันสับสนมากมายในหัวสมองของร่างสูง ดูเหมือนตั้งแต่อี้ชิงก้าวเข้ามาในชีวิต คริสเริ่มไม่ใช่คริสอย่างที่เคยเป็นมา
ครืด...ครืด...ครืด
เสียงโทรศัพท์หรูสั่นเสียงดังบนโต๊ะ ร่างสูงละมือออกจากเอกสารและรีบกดรับเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา
“ว่าไงครับม๊า?”
[เดี๋ยววันนี้ม๊าจะเข้าไปหาแกกับหนูอี้ชิงที่คอนโดนะ]
“ห๊ะ?!! วันนี้เหรอครับ?” คริสร้องถามเสียงสูง
[ใช่ แกมีปัญหาอะไรหรือเปล่าอี้ฟาน นี่มันเวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ?]
“คะ...คือผมติดประชุมครับ”
[อย่ามาโกหก ฉันเช็คกับเลขาแกแล้ว วันนี้แกไม่มีประชุม] คุณนายอู๋ดุเสียงเขียว เพราะรู้สึกเดี๋ยวนี้ลูกชายตัวดีเริ่มพูดโกหกกับเธอมากเกินไป
“เอ่อ...”
[ไม่รู้แหละ วันนี้ม๊าจะเข้าไป ตอนนี้กำลังจะออกจากบ้านแล้วด้วย]
“กำลังออกจากบ้าน!!”
[ใช่ อีกชั่วโมงคงถึง แล้วเจอกันนะจ๊ะลูกรัก] พูดจบก็กดตัดสายไปทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบใดๆของลูกชายเธอเลย สมองของคริสเริ่มประมวลเหตุการณ์ใหม่อีกครั้ง เมื่อได้ผลลัพธ์เขาก็รีบคว้าสูทลุกเดินออกจากห้องไปอย่างเร็ว เขาต้องรีบพาอี้ชิงกลับไปคอนโดและแต่งตัวให้เร็วที่สุดก่อนม๊าจะมาถึง แต่คิดได้ว่าควรจะโทรบอกอี้ชิงให้รีบปิดร้านรอเขาไปรับเช่นกัน ร่างสูงจึงรีบกดโทรศัพท์โทรออกหาคนร่างบางทันที
“ฮัลโหล”
“...” เสียงผู้รับไม่คุ้นหู ทำให้คริสอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นใคร
“นั่นใครน่ะ”
“ผมจงอิน เพื่อนอี้ชิงครับ” จงอินอีกแล้ว ชื่อนี้อีกแล้ว ไอ้ดำนี้จะตามหลอกหลอนเขาไปถึงไหน
“แล้วอี้ชิงไปไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์เอง” กระแทกเสียงถามอย่างหงุดหงิดจนคนฟังจับน้ำเสียงได้ ทำให้จงอินเผลอยกยิ้มร้ายที่มุมปาก
“เขาอยู่ในห้องน้ำครับ คุณคริสมีอะไรฝากผมไว้ก็ได้นะครับ” เขารู้ว่าปลายสายคือคริส เพราะชื่อมันโชว์หราตอนที่เขากดรับสาย
“ใครโทรมาเหรอจงอิน?” ยังไม่ทันที่คริสจะตอบอะไรกลับไป เสียงหวานก็เอ่ยแทรกขึ้นมาในสาย
“คุณคริสน่ะ” จงอินตอบพลางยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้อี้ชิง แม้ในใจไม่อยากทำแบบนั้นก็ตาม
“อะ...อ๋อ” มือบางรับโทรศัพท์คืนก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปรับสายในที่ๆพ้นหูพ้นตาจงอิน เขาจะให้ความลับแตกไม่ได้
“ว่าไงครับคุณคริส?”
“นายรีบปิดร้านซะ อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะไปรับ” คริสบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกโกรธที่อี้ชิงไม่ยอมรับโทรศัพท์เอง และเป็นจงอินที่รับแทน จงอินมีสิทธิ์ที่จะกินอาหารฝีมืออี้ชิง มีสิทธิ์ที่จะรับโทรศัพท์อี้ชิงโดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของ เขาอิจฉาจงอินอีกแล้ว
“จะรีบร้อนไปไหนครับ ยังไม่ถึงเวลาปิดร้านของผมเลย”
“ก็ม๊าจะมาหาที่คอนโด เพราะฉะนั้นนายต้องรีบกลับไปแต่งตัว”
“ห๊ะ?!! คุณอาจะมาหา”
“ก็ใช่ไง รีบปิดร้านซะ” พูดจบคริสก็ตัดสายทิ้งและรีบสตาร์ทรถเหยียบคันเร่งออกตัวอย่างรวดเร็ว
บนท้องถนนในเวลาเลิกงานอย่างนี้ ทำให้ถนนคึกคักมากเป็นพิเศษ และยิ่งเส้นทางจากโรงแรมที่คริสได้รับหน้าที่ให้มาบริหารงานไปถึงร้านของอี้ชิงยิ่งมีรถมาก เพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยบริษัทน้อยใหญ่ที่มาตั้งอยู่เต็มพื้นที่ แถมยังมีหลายแยกหลายไฟแดงอีกด้วย ถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลนักแต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร
เวลาล่วงเลยไปเกือบ 40 นาที รถเฟอร์รารี่สีดำทึบก็แล่นมาจอดยังหน้าร้าน Xing Café คริสรีบลงจากรถและเดินตรงมาหน้าร้านทันทีเพราะเลยเวลานัดมาหลายนาทีแล้ว ระหว่างที่เท้าก้าวเดิน ในใจของเขาก็ภาวนาขอให้ไม่เจอจงอินในร้าน เพราะมันอาจจะจุดชนวนความหงุดหงิดขึ้นหนักกว่าเดิม ยิ่งอยู่ในสถานการณ์รีบเร่งแบบนี้แล้วด้วย ร่างสูงผลักประตูเข้าไปแล้วก็กวาดสายตามองหาคนที่ไม่อยากพบหน้า ก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างพอใจ เพราะอย่างน้อยพระเจ้าก็ฟังคำขอของตน
“เสร็จหรือยังอี้ชิง” เอ่ยถามเสียงเข้ม ถึงแม้จงอินจะไม่อยู่ แต่เขายังรู้สึกไม่หายโกรธอี้ชิง
“เรียบร้อยแล้วครับ รีบไปเถอะเดี๋ยวผมแต่งตัวไม่ทัน” ร่างบางคว้าเข้าที่มือหนาและออกแรงดึงร่างสูงให้เดินตามออกมาจากร้านด้วยกัน คริสจึงเผลอยิ้มให้กับสัมผัสจากมือนุ่มของอี้ชิงอย่างลืมตัว
15นาทีหลังจากนั้น...
“อี้ชิง ไปถอดเสื้อผ้าออกเดี๋ยวนี้”
“อี้ชิง นมปลอมอยู่ไหนเอาไปใส่”
“อี้ชิง นายมีเสื้ออะไรที่ดูเป็นผู้หญิงบ้างมั้ย?”
และอีกหลายอี้ชิงที่ดังออกมาจากปากของคริส ทั้งสองคนวิ่งวุ่นทั่วห้องเพราะมารดาของคริสโทรมาบอกว่าตอนนี้เลี้ยวรถเข้ามาในคอนโดแล้ว อีกไม่นานก็คงขึ้นมาถึงห้อง ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบหนักกว่าเดิม
“อี้ชิงแต่งหน้าปัดแก้มซะหน่อยสิ” เมื่อเห็นหน้าซีดจางไร้สีสันบนใบหน้า คริสจึงเอ่ยทักขึ้น
“ผมจะเอาเครื่องสำอางที่ไหนมาแต่งล่ะครับคุณคริส” ร่างบางในชุดเสื้อคอวีแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์ยืดรัดรูปทำหน้าเหรอหรา เขาไม่มีเครื่องสำอางแล้วจะเอาที่ไหนมาแต่งกัน
“แล้วทำไมนายไม่เตรียมไว้บ้าง” ดูเหมือนความผิดจะถูกโยนหาร่างบาง
“แล้วทำไมคุณคริสไม่ซื้อเตรียมไว้ให้ผมล่ะครับ” แต่ความผิดก็ถูกโยนกลับไปให้คริสเช่นกัน ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเป็นคริสที่เป็นฝ่ายละสายตาและหันหลังเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง ค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหยิบลิปสติกขึ้นมายื่นให้อี้ชิง
“ทำไมคุณคริสถึงมีลิปครับ?” ถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ผู้ชายอย่างคริสมีลิปสติกอยู่ในห้อง มันน่าคิดนัก
“ฉันจะซื้อให้เป็นของขวัญคู่นอนคนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ให้” คำตอบของคริส เล่นเอาร่างบางที่กำลังทาลิปสติกสีส้มนู้ดที่เรียวปากต้องหยุดชะงักมือ และมองคนร่างสูงผ่านกระจกด้วยสายตาที่คนถูกมองไม่อาจเข้าใจได้
ติ๊งต่อง
เสียงออดดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งคู่ ก่อนคริสจะเดินออกจากห้องไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ที่เป็นผู้ให้กำเนิดตนเข้ามา
“อ้าวอี้ฟาน หนูอี้ชิงไปไหนล่ะ?” เมื่อเข้ามาในห้องแต่ยังไม่เห็นร่างของคนที่ตนอยากเห็นจึงเอ่ยถามลูกชาย
“อยู่ในห้องนอนครับม๊า เดี๋ยวผมไปตามให้” ทำท่าจะเดินจากไป แต่ถูกมือเล็กฉุดไว้เสียก่อน
“นี่น้องนอนห้องเดียวกับแกเหรอ?” คุณนายอู๋ถามเสียงสูง
“ครับ ทำไมเหรอครับ?”
“แกลวนลามน้องหรือเปล่าอี้ฟาน”
“ผมก็อยาก แต่ถ้าทำผมคงหมดตัว” กระซิบเบาๆกับตนในท้ายประโยค แค่เขาจูบก็หมดไปหลายแสน แล้วถ้าเขาเผลอทำมากกว่านั้นคริสอู๋คงล้มละลาย
“ห๊ะ?!! แกว่าอะไรนะ?”
“ผมบอกว่าน้องอี้ชิงของม๊าหวงตัวจะตายครับ แค่กอดนิดหน่อยก็ตบผมแทบคว่ำ”
“เออแบบนั้นก็ดี เหนืออี้ฟานก็ยังมีอี้ชิงสินะ” เธอขบขันกับคำบอกเล่าของลูกชาย และพอใจเป็นอย่างมากเมื่อว่าที่ลูกสะใภ้สามารถปราบคาสโนวาตัวร้ายได้ โดยไม่รู้เลยว่ามันคือคำโกหก
‘เหนืออี้ชิงยังมีอี้ฟานต่างหาก เพราะผมต้องขึ้นอยู่เหนือตัวเขา กดทับร่างของเขาต่างหากครับม๊า’ ความคิดแย้งมารดาเกิดขึ้นในใจ ก่อนจะยิ้มมุมปากให้กับความคิดของตน แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันควัน เพราะเขากำลังคิดเกินเลยกับอี้ชิง ผู้ชายที่เขาจ้างให้มาเป็นเมีย
“คุณอาสวัสดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายมารดาของตนของอี้ชิง ดึงให้คริสหลุดออกมาจากภวังค์ได้
“อ้าวหนูอี้ชิง แหมขนาดแต่งชุดสบายๆยังสวยเลยนะเนี่ย”
“คุณอาเล่นชมแบบนี้ หนูก็เขินสิคะ” อี้ชิงกำลังเขินอายจริงๆ อยู่ๆถูกชมว่าสวยทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ชายจะไม่ให้รู้สึกแปลกๆได้อย่างไร
“ม๊ามารบกวนเวลาพักผ่อนของหนูหรือเปล่าจ๊ะอี้ชิง ม๊าก็แค่อยากจะรู้ความเป็นอยู่ของหนูกับอี้ฟานซะหน่อย” คุณนายอู๋อธิบายเหตุผลของการมาในวันนี้
“ไม่รบกวนเลยค่ะ หนูกับคุณคริสอยู่กันอย่างสบาย หายห่วงได้เลยค่ะ”
“แบบนั้นก็ดีจ๊ะ” หญิงแก่ที่ถึงจะมากอายุแต่ก็ยังสวยยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู
“คุณอาทานข้าวเย็นมาหรือยังคะ หนูกำลังจะทำอาหารเย็นให้คุณคริสพอดี”
“ดีจัง ม๊าแวะซื้อเส้นกับเครื่องปรุงสปาเก็ตตี้มาพอดี หนูอี้ชิงช่วยม๊าทำหน่อยแล้วกัน” เธอลุกเดินนำอี้ชิงไปทางห้องครัว แต่เธอไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าตกใจของคนทั้งสองเลย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น อาหารมีตั้งมากมาย แต่ทำไมต้องเป็นสปาเก็ตตี้ที่เขาเพิ่งบอกอี้ชิงว่าไม่อยากกินเมื่อเช้านี้ด้วย คริสฟึดฟัดไม่ชอบใจอย่างเห็นได้ชัด ร่างบางทำได้เพียงแค่มองก่อนจะเดินเข้าครัวไป
ถึงคุณนายอู๋จะบอกให้อี้ชิงเป็นลูกมือในตอนแรก แต่สุดท้ายเธอต่างหากที่ยอมเป็นลูกมือเอง เพราะอยากเห็นฝีมือการทำอาหารของแฟนลูกชายซะหน่อย ท่าทางที่คล่องแคล่วทำให้เธอชมไม่หยุดปาก ร่างสูงที่มองอยู่ก็พลอยยิ้มตามบทสนทนาของคนทั้งคู่
สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าจานร้อนฝีมืออี้ชิงถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร คุณนายอู๋เอ่ยเรียกลูกชายเพื่อให้มาทานด้วยกัน เมื่อบนโต๊ะพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งสามคนก็ลงมือทานทันที
“สปาเก็ตตี้ฝีมือหนูอี้ชิงอร่อยมั้ยอี้ฟาน” เธอเอ่ยถามลูกชาย ร่างสูงไม่พูดอะไรแต่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ สปาเก็ตตี้ฝีมืออี้ชิงที่จงอินชมว่าอร่อยที่สุด คิดแล้วก็หงุดหงิด
“ถ้ามีหนูอี้ชิงอยู่กับตาอี้ฟานแบบนี้ ม๊าว่าลูกชายม๊าไม่อดตายแน่นอนเลย” ส่งยิ้มกว้างให้ร่างบาง อี้ชิงทั้งสวย น่ารัก เอาใจเก่ง แล้วยังทำอาหารเก่งอีก เธอล่ะอยากให้อี้ชิงมาเป็นลูกสะใภ้จนตัวสั่น
“คุณคริสทำงานมาเหนื่อยๆ หนูก็อยากดูแลคุณคริสด้วยอาหารมื้ออร่อยซะหน่อยค่ะ”
“ต๊ายตาย!! อี้ฟาน แฟนแกนี่ปากหวานชะมัด” คุณนายอู๋หันไปหัวเราะชอบใจกับลูกชาย แต่ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวที่ชอบใจ คริสก็กำลังรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาดกับคำพูดนั้นของอี้ชิง
“หวานจริงครับ ผมเคยชิมแล้ว” คนเป็นแม่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทานจึงไม่ได้ยินในคำตอบ แต่มันกลับดังชัดในหูของร่างบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ยิ่งสายตาแพรวพราวที่มองมาอีกนั่น ยิ่งทำให้เลือดในกายของร่างบางสูบฉีดขึ้น จนร้อนผ่าวมาถึงใบหน้า
“ม๊าเคยเล่นเกมดูดเส้นสปาเก็ตตี้กับป๊าด้วยนะตอนจีบกันใหม่ๆ” เธอพูดขึ้นมาเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้ ก่อนจะมองไปยังลูกชายของตนและแฟนของลูกชายอย่างมีความนัยแฝงอยู่
“แล้วยังไงล่ะครับม๊า” ดูเหมือนคนร่างสูงจะยังไม่รู้เรื่องอะไร เขาก้มหน้าทานสปาเก็ตตี้ต่อ
“แกก็เล่นกับหนูอี้ชิงให้ม๊าดูหน่อยสิ คิคิ” หัวเราะอย่างสะใจเมื่อทั้งสองมองมายังเธออย่างตกใจ
“คุณอาคะอย่าเล่นเลยดีกว่าค่ะ” ร่างบางออดอ้อนหวังจะให้คุณนายอู๋หยุดความคิดนั้น
“อี้ชิงเธอเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นหรอกครับม๊า” พูดเหมือนจะช่วยร่างบาง แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยการท้าทาย ในเมื่อม๊าเปิดโอกาสให้เขาแบบนี้ เขาก็ขอแกล้งอี้ชิงเล่นซะหน่อย
“คุณคริสหาว่าฉันไม่กล้าเหรอคะ?” อี้ชิงแหวขึ้น เพราะน้ำเสียงท้าทายของคริส กระตุ้นอารมณ์ให้ร่างบางเป็นอย่างดี
“แล้วเธอกล้าทำเหรออี้ชิง?”
“แน่นอน ก็คุณคริสเป็นแฟนฉัน ทำไมจะไม่กล้า” อี้ชิงเริ่มดูออกว่าคริสกำลังแกล้งเขาอีกแล้ว ในเมื่อกล้าท้าเขาก็กล้ารับคำท้า อี้ชิงไม่ยอมถูกแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน
“งั้นก็เล่นสิ ใครกัดเส้นขาดก่อนถือว่าแพ้นะ”
“ใครแพ้ก็ต้องล้างจานชามให้หมด”
“ได้เลยไม่มีปัญหา” รับข้อเสนอจบคริสก็หยิบเส้นสปาเก็ตตี้มาคาบไว้ที่ปากตน ก่อนจะขยับเอื้อมตัวเข้าไปใกล้อี้ชิงเพื่อส่งเส้นอีกด้านให้
ปากทั้งสองก็กัดเส้นไปเรื่อยๆ ตาทั้งสองก็มองจ้องกันอย่างไม่ยอมกัน จนเมื่อเส้นเริ่มสั้นลง ริมฝีปากเกือบจะแตะกัน อี้ชิงกลับเป็นฝ่ายหยุดชะงักขึ้นมากะทันหัน ท่าทางเช่นนั้นทำให้คริสยิ่งได้ใจเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยันที่มุมปาก เมื่อเห็นอย่างนั้นก็สร้างความไม่พอใจให้กับร่างบาง เขาจึงกัดเส้นต่อไปเรื่อยๆเรื่อยๆ จนริมฝีปากบางสัมผัสโดนริมฝีปากหยัก ร่างสูงก็ไม่ยอมถอนปากออกแต่กลับส่งลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากแทน หยอกเย้ากับเรียวลิ้นบาง
แชะ!
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นทำให้ร่างสูงยอมถอนปากออก และยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะพูดขึ้นว่า...
“เกมนี้ฉันแพ้ เดี๋ยวฉันล้างจานให้” ที่เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากนั้นก็เพื่อจะส่งเส้นสปาเก็ตตี้ส่วนที่เหลือให้อี้ชิง
“ต่อหน้าม๊า ม๊ายอมให้แกลวนลามน้องได้ถ้าน้องเขาเต็มใจนะอี้ฟาน คิคิ แต่อย่าเกินเลยกว่านี้เด็ดขาด เข้าใจมั้ย คิคิ เดี๋ยวม๊าเอารูปนี้ไปอวดป๊าแกดีกว่า” สองแม่ลูกหัวเราะกันดังลั่น โดยไม่รู้เลยว่าอีกคนที่ถูกกระทำหน้าแดงทั่วใบหน้าจนลามมาถึงลำคออยู่แล้ว สุดท้ายอี้ฟานก็ได้กำไรจากเกมนี้ไปจนได้
คริสยังคงลงมือทานสปาเก็ตตี้ต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ถึงแม้จงอินจะบอกว่าสปาเก็ตตี้ฝีมืออี้ชิงอร่อยที่สุด แต่เขาเชื่อว่าจงอินคงไม่เคยกินสปาเก็ตตี้ที่หวานที่สุดแบบนี้แน่นอน เขาเริ่มจะชอบสปาเก็ตตี้ซะแล้วสิ
TasTo_raY
สปาเก็ตตี้หวานพอไหมจ๊ะรีดเดอร์ทุกคน คิคิ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านที่สนใจติดตามและคอมเม้นท์ให้เรามากๆค่ะ
*เราซื้อคำพูดของเม้นหนึ่งมาอยู่ในฟิคหน่อยนะคะ เราชอบมาก เหนืออู่ยังมีอี้อ่ะ
ความคิดเห็น