ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    end - (exo) lone wolf | chanbaek

    ลำดับตอนที่ #21 : L O N E W O L F | In time of peace, prepare for war.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.04K
      68
      26 ก.พ. 60


    ? cactus





    Chapter 17

    In time of peace, prepare for war.

    (ในยามสงบนั้น จงพร้อมรับมือสงคราม)






     

     

              “เขาเป็นใคร”


              แบคฮยอนก้มหน้าลงทันควัน หาอะไรในกระเป๋าง่วนอยู่โดยหวังให้คนรักลืมคำถาม แต่เมื่อเห็นว่าจุนมยอนอ้าปาก เขาก็โพล่งออกไป


              “ร้อยท... ”


              “อีซอนยอล จากรยังกัง” ชายหนุ่มร่างเล็กพูดเสียงดัง “เราพบเขาที่แม่น้ำ”


              จงแดพยักหน้า “น้าอีซึลล่ะ จงอินด้วย... ”


              “แม่อยู่ที่นั่น เป็นอุบัติเหตุ” จุนมยอนบอกอย่างขมขื่น “จงอินข้ามแม่น้ำมากับเรา และพลัดกัน ไม่มีอะไรเป็นอย่างใจเลย เพราะ... ”


              แบคฮยอนกระแอม “เพราะอะไรบางอย่าง เดี๋ยวนี้เจ้าหน้าที่เอ็นเอสเอผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ทุกที่ ทั้งหมดเป็นอุบัติเหตุ ใช่ไหม... จุนมยอน อุบัติเหตุ


              เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มไม่พอใจ จุนมยอนกระฟัดกระเฟียดไปที่อีกฟากหนึ่งของห้อง เทสัมภาระจากกระเป๋าและจัดที่นอนอย่างกราดเกรี้ยว ขณะที่อี้ชิงมองคนทั้งสองพลางขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น”


              “ไม่มีอะไร จุนมยอนก็อย่างนี้” เขาหันไปพูดกับคนรัก “เขาว่าฉันกับจงอินเหลาะแหละ แต่จงแด... เราทำดีที่สุดแล้ว”


              “ฉันรู้”


              “อ้อ... ซอนยอล” ชายหนุ่มร่างเล็กหันไปสะกิดสะเกาอดีตผู้บังคับบัญชาที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก “อยู่กับเราก่อนเถอะ คุณยายเล็กของเขาอยู่ไม่ไกลจากโซลน่ะ ให้ซอนยอลอยู่กับเรานะ จงแด จนกว่าจะติดต่อครอบครัวได้”


              “กำลังจะพูดอย่างนั้นอยู่เลย” อีกฝ่ายตอบอย่างอารี


              ห้องพักของจงแดอยู่ที่ชั้นบนสุดของแฟลตเก่า ๆ จากความช่วยเหลือของหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ เพราะแจ้งต่อหน่วยงานว่าจะมีผู้อาศัยเพิ่ม จึงได้รับการขยับขยายสู่ห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ถึงอย่างนั้น ภายในห้องกลับว่างเปล่า มีเพียงโทรทัศน์เครื่องหนึ่ง ตู้เสื้อผ้าหนึ่งใบ และที่นอนเก่า ๆ ห้าผืน ใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อาศัยอื่น ๆ ซึ่งต่างหาเช้ากินค่ำที่ชั้นสอง เช่นเดียวกับครัวที่ชั้นหนึ่ง และห้องซักล้างที่ชั้นใต้ดิน


              “ฉันทำงานในครัว ที่ร้านอาหารใกล้ ๆ ” จงแดบอกเล่า “และอีกไม่กี่วัน นายก็เหมือนกัน คุณควอน เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ที่ดูแลฉันจะพาจุนมยอนไปที่โรงเรียนที่ใกล้ที่สุด อ้อ... ซอนยอล”


              อดีตผู้บังคับบัญชาสะดุ้งสุดตัวเมื่อคนรักของเขาพูดด้วย


              “ต้องการงานหรือเปล่า ฉันจะให้นายทำงานในร้านเดียวกัน พวกเขาต้องการคนอย่างนาย สูงใหญ่อย่างนี้ แข็งแรงอย่างนี้แหละ หรือจะรอจนกว่าจะติดต่อครอบครัวได้”


              “อ้อ... ” ชานยอลพูดตะกุกตะกัก “ดีเลย... ฉันต้องการงาน ขะ... ขอบคุณ”


              “จากรยังกังสินะ ไม่น่าเชื่อ นึกว่าจากเปียงยางเสียอีก”


              มือทั้งสองของแบคฮยอนเย็นเฉียบ “ทำไม... ”


              จงแดหัวเราะ “ก็เขาสูงออกนี่ ผิวพรรณสดใส ท่าทางแข็งแรง รุ่นราวคราวเดียวกับเรา ไม่มีหรอกที่เป็นอย่างนี้” ว่าพลางชกที่อกของชายหนุ่มร่างสูงเบา ๆ  “ทั้งที่หลายปีติดต่อกัน จะมีก็แต่เปลือกไม้กับแมลงตกถึงท้องแท้ ๆ โชคดีจริง ๆ ”


              “อะไรนะ เปลือกไม้กับแมลง! ” ร้อยโทปาร์คอุทาน “เปลือกไม้กับแมลงเนี่ยนะ”


              “ก็... เกิดภัยแล้งอยู่พักหนึ่ง พวกนายคงยังเล็กมาก” อี้ชิงอธิบาย “จะเปลือกสน หญ้า แมลง เมล็ดข้าวโพดที่เหลืออยู่ใน... เอ้อ... สิ่งที่วัวของนายถ่ายออกมา เนื้อที่เน่าแล้ว หรือ... เนื้อศพ ก็ต้อง... ”


              ชานยอลอ้าปากค้าง แน่ล่ะ... ชายหนุ่มร่างเล็กคิด ก็ระหว่างนั้นเขายังเคี้ยวบาแก็ตตุ้ย ๆ ดื่มนมแพะก่อนนอน ผูกผ้าพันคอสีแดง และไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนี่


              “ต้มบะหมี่หนึ่งชั่วโมงเพื่อให้อืด ใส่หญ้าลงไป หลอกตัวเองว่าเป็นผักกาดเขียว” คนรักของเขาพูดลอดไรฟัน “อา... พอที อย่าพูดถึงวันที่ยากลำบากอีกเลย นี่... อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้ ฉลองหน่อยไหม ฉันจะเลี้ยงเอง”


              “เลี้ยง! ” เสียงของจุนมยอนสดใสขึ้น “พี่จะเลี้ยงอะไร... ใช่กุลต็อกหรือเปล่า”


              “ไม่ล่ะ... จะเลี้ยงอะไรที่พวกนายไม่รู้จัก และฉันเพิ่งจะรู้จัก”


              แบคฮยอนนิ่วหน้า กระทั่งอีกคนหนึ่งบอกอย่างร่าเริง


              “แมคโดนัลด์ยังไงล่ะ!


              ท่ามกลางเสียงอุทานอย่างไม่เข้าใจ และความพยายามในการเลียนเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ แปลกหูนั้น มีเพียงพ่อค้าของเถื่อนที่หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย

     






              ร้านแมค... โด... อะไรนะ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก คนทั้งสามต่างประหลาดใจกับพื้นกระเบื้องสีดำ กลิ่นหอมที่ไม่คุ้นเคย และความรวดเร็วของพนักงาน เพราะจงแดมีเงินไม่มากนัก ทั้งหมดจึงสั่งอาหารที่มีราคาต่ำที่สุด ได้แก่ชีสเบอร์เกอร์สองชิ้น แมคชิคเกนหนึ่งชิ้น และเฟรนช์ฟรายด์ขนาดกลาง ซึ่งหมดอย่างรวดเร็ว


              “อร่อยชะมัด! ” จุนมยอนว่าพลางใช้นิ้วชี้ปาดซอสพริกหยดสุดท้ายที่เหลืออยู่ “มิน่าล่ะ ท่าทางพี่มีความสุข”


              “แต่เราจะกินมันทุกวันไม่ได้นะ”


              “แพงเกินไป” พ่อค้าของเถื่อนต่อให้ “อย่างน้อยก็สำหรับพวกนาย แต่เชื่อเถอะ ต่อให้เป็นมื้อที่เลวร้ายที่สุดก็ยังอิ่มกว่าทุกมื้อในมูซานรวมกัน”


              “พวกเขามองเราอย่างนั้นทำไม” ชายหนุ่มร่างสูงตั้งข้อสังเกตขณะหันไปมองรอบ ๆ และพบสายตาไม่เป็นมิตร


              “สำเนียง หรือไม่... ก็เพราะเราไม่รู้คำภาษาต่างประเทศ”


              “คำภาษาต่างประเทศเนี่ยนะ” หัวคิ้วของอดีตผู้ติดตามเลื่อนมาจรดกันเหนือดั้งจมูก “หมายความว่ายังไง”


              “มีคำมากมายที่เราไม่เข้าใจ และฉันเองก็ยังไม่เข้าใจดีนัก” จงแดพยักหน้า “ไวไฟ แอปพลิเคชัน ไอศกรีม หรือ... เอ้อ... พาสต้า”


              “อะไรน่ะ... ฟังดูน่ากลัวจัง”


              “ไวไฟจะทำให้เราเป็นเหมือนกับพวกเขา” คนรักของอีกฝ่ายพยายามอธิบาย “เห็นไหม พวกเขาง่วนอยู่กับโทรศัพท์ เหมือนกับที่เราง่วนอยู่กับหนังสือ แอปพลิเคชัน... หมายถึงเครื่องมือ ไม่เข้าใจนักหรอก แต่คงจะทำให้อะไร ๆ สะดวกขึ้นโข คนที่มาถึงก่อนหน้าฉันบอกว่า ยูนิโวคาเป็นแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์มาก ทำให้เราเข้าใจถ้อยคำของพวกเขา รอให้ฉันมีเงินมากกว่านี้หน่อย จะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่และใช้เจ้ายูนิโวคาที่ว่า จะต้องรู้ให้ได้ ว่าพาสต้ากับคาร์โบนาราหมายถึงอะไร นายของฉันที่ร้านอาหารเอาแต่บอกว่าฉันโง่ โง่ที่ไม่รู้ว่า... พาสต้า กับเอ้อ... เฟต... เฟตอะไรนะ ไม่เหมือนกัน”


              “แต่... ” ชานยอลซึ่งยังไม่กล้าสบตาจงแดถามค่อย ๆ “พวกเขาควรจะ... เห็นใจเรานี่ ใช่ไหม พวกนาย... เอ้อ... หมายถึงฉัน ฉันด้วย ดั้นด้นมาถึงนี่ พวกเขาควรจะต้อนรับเรา... ไม่ใช่หรือไง”


              คนรักของแบคฮยอนถอนหายใจ “ไม่มีอะไรง่ายอย่างนั้นหรอก ซอนยอล”


              จุนมยอนซึ่งกำลังดูดนิ้วชี้ชะงัก เมื่ออี้ชิงลุกจากโต๊ะ สั่งน้ำอัดลมห้าแก้วอย่างเวทนา และส่งให้คนทั้งหมด น้ำอัดลมในแก้วของจงแดเป็นสีแดง ของแบคฮยอนเป็นสีน้ำตาล ของจุนมยอนเป็นสีเขียว ของพ่อค้าของเถื่อนเป็นสีส้ม และของชานยอลนั้นใส เพียงเท่านั้นคนทั้งหมดก็สบตากันอย่างประหลาดใจ “น้ำอะไรน่ะ... ปลอดภัยหรือเปล่า”


              “กระเดือกลงไปเถอะน่า” อี้ชิงบอกอย่างรำคาญใจ “เห็นใจ... เห็นใจอะไรกัน ชา... เอ้อ... ซอนยอล อ่อนหัดจริง ๆ สำหรับพวกเขา พวกนายคือสัตว์ประหลาด อย่างน้อยก็จนกว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ผู้คนจากทางเหนือทยอยอพยพลงมา เพียงเพื่อพบว่าตัวเองง่อยเปลี้ยเสียขาสิ้นดี เมื่อเผชิญหน้ากับโลกที่หมุนเร็วกว่าในจินตนาการ”


              จงแดพยักหน้าทันทีอย่างเศร้า ๆ


              “ ทำไมต้องให้ความช่วยเหลือพวกเขานะ ต้องให้ความช่วยเหลือพวกเขาจริง ๆ ใช่ไหม... ลึกลงไป ไม่ว่าใครก็รู้สึกอย่างนี้ กึ่งกลัว... กึ่งสงสาร ไม่ว่าสังคมไหนก็เหมือนกัน ลงอ้าแขนรับผู้เป็นอื่นเข้าแล้ว จะหลีกเลี่ยงคำถามอย่างนี้ได้ยาก”


              “แต่... ” ชายหนุ่มร่างเล็กที่มีการศึกษาสูงกว่าใครถามอย่างเคลือบแคลง “เราอยู่ในฐานะ... ผู้อพยพ หรือผู้ลี้ภัยนี่นา พวกเขาควรจะเห็นใจเรา อย่างที่ชา... เอ้อ... ซอนยอลว่า”


              “ฟังนะ แบคฮยอน” คราวนี้คนรักของอดีตผู้ติดตามตอบอย่างหมดอาลัยตายอยาก “โลกใบนี้ต่างจากโลกของเรา ระบบชนชั้นของพวกเขา... ยืดหยุ่นกว่ามาก ขึ้นหรือลงด้วยรสนิยม เงินในกระเป๋าสตางค์ และความสามารถ ในมูซาน เราอาจไม่รู้ว่าความก้าวหน้า การแข่งขัน ความต้องการ หรือแรงบันดาลใจหมายถึงอะไร แต่ที่นี่... เราต้องรู้ ยิ่งกว่ารู้เสียอีก เราจำเป็นต้องเข้าใจและลงแรง จนกว่าพวกเขาจะเห็นว่านายเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่ใช่กาฝากที่เกาะติดอยู่กับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ สูบกินความมั่งคั่งของประเทศ นายจะถูกมองด้วยสายตาอย่างนี้ ด้วยความรู้สึกอย่างนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้”


              อี้ชิงก้มหน้า ดูดน้ำอัดลมในแก้วแรง ๆ ไม่พูดอะไร กระทั่งจุนมยอนกระซิบ “เหมือนเรา... เป็น... ชนเผ่า ที่ด้อยอารยธรรมกว่าเลย”


              “เรากลัวสิ่งที่เราไม่เข้าใจเสมอ” พ่อค้าของเถื่อนพูดขึ้นในที่สุด “พวกเขาประทับตรานายด้วยคำว่าล้าหลัง เหมือนกับที่หลายต่อหลายคนในประเทศของนายประทับตราพวกเขาด้วยคำว่าฟุ้งเฟ้อ นายทุนน่ารังเกียจ คอมมิวนิสต์โง่งม ก็มันง่ายกว่านี่ ให้นิยามด้วยถ้อยคำกว้าง ๆ รวมกลุ่มกับสิ่งที่คล้ายคลึง และปกป้องตัวเองจากสิ่งที่แตกต่าง ง่ายกว่าการทำความรู้จักสิ่งที่ไม่รู้จัก ซับซ้อนน้อยกว่ามาก นี่แหละ... โลก ชินเสียที”


              แบคฮยอนไม่พูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น นอกจากโอดครวญว่าเหนื่อยเหลือเกิน เช่นเดียวกับน้องชายบุญธรรม อี้ชิงแยกตัวออกไป บอกที่ตั้งของโรงแรมที่พักและโบกมือลา ทิ้งให้คนทั้งสี่จากเหนือเส้นขนานที่สามสิบแปดสบตากันอย่างว้าวุ่นในห้องพัก


              “ฉันจะไปอาบน้ำล่ะ” ในที่สุดชายหนุ่มร่างเล็กก็โพล่งขึ้น “จุนมยอน ไปกับพี่ไหม นายไม่รู้จักเครื่องทำน้ำอุ่นนี่”


              ดังนั้น ในท้ายที่สุด จึงเหลือเพียงเขาและจงแดที่ต่างหันไปทำอะไรบนที่นอนของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนา เขาไม่สนิทสนมกับอีกฝ่าย เช่นเดียวกับคนรักของแบคฮยอน ร้อยโทปาร์คจึงเห็นว่าการเงียบเสียเป็นความคิดที่ดีกว่า


              “ซอนยอล... ”


              ชานยอลถอนหายใจ หันไปหาอีกคนหนึ่งอย่างช้า ๆ “มีอะไร”


              “นาย... เคยได้ยินชื่อ ร้อยโทปาร์คชานยอลหรือพลเรือเอกปาร์คมินกูไหม”


              หัวใจของเขาเต้นแรง “อ้อ... เคย” ชายหนุ่มร่างสูงแบ่งรับแบ่งสู้ “พวกเขา... มีชื่อเสียงน่ะ มีอะไรหรือเปล่า”


              จงแดถอนหายใจ “ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างแบคฮยอนกับ... ร้อยโทที่ว่า ไม่สบายใจเลย ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อแบคฮยอนทางโทรศัพท์ ฉันได้ยินเสียงเขา... ดูเหมือนว่า... ร้อยโทปาร์คชานยอล... ”


              “เขา... ทำอะไร”


              “ทำร้ายแบคฮยอน” อีกคนหนึ่งพูดอย่างขมขื่น “แบคฮยอนไม่พูดถึงเรื่องนั้น ฉันอยากรู้... แต่เห็นว่าเขายังไม่สร่างไข้ดีนัก แบคฮยอนเดินกะเผลกหน่อย ๆ เอ้อ... นายก็รู้”


              “ฉันเข้าใจ” ชานยอลพยักหน้า “ร้อยโทที่ว่า... ร้ายกาจมากสินะ สำหรับนาย”


              “ฮื่อ... ”


              “ถ้า... สมมตินะ... ถ้าสักวัน นายพบเขา” ร้อยโทปาร์คกลืนน้ำลาย “นายจะ... ทำอะไร”


              อีกฝ่ายหัวเราะอย่างแห้งแล้ง “จะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ น่ะสิ” จงแดว่า “แต่... ฝันไปเถอะ เขาคงจะแข็งแรง อย่างน้อยก็แข็งแรงกว่าฉันมาก จะเอาชนะเขา ถึงจะอยากเหลือเกิน... ก็เป็นไปไม่ได้หรอก”


                อย่าถ่อมตัวไปเลย ความคิดนั้นแผดเผาหัวใจของเขา นายชนะแล้ว... นายชนะแล้วต่างหาก


                เพราะอะไรบางอย่าง แบคฮยอนเลือกที่นอนตรงกลางระหว่างชานยอลกับคนรัก เขาจับมือชายหนุ่มร่างเล็กใต้ผ้าห่มเมื่อได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอของจุนมยอน ซึ่งอดีตผู้ติดตามไม่ขัดขืน กลับประสานมือของตัวเองเข้ากับมือของชานยอล


              เพียงแต่ร้อยโทปาร์ครู้... ยิ่งกว่ารู้เสียอีก ด้วยสันชาตญาณ


              ว่ามืออีกข้างหนึ่งของคนที่มีอิทธิพลเหนือเขา กำลังทำอย่างเดียวกันกับมือของจงแด





              “ซอนยอล เร็วเข้า!


              แบคฮยอนไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรเมื่อก้มมองจากหน้าต่าง และเห็นว่าคนรักใช้มือป้องปาก เร่งเร้าชานยอลที่ผูกเชือกรองเท้าไม่สำเร็จเสียที เมื่อปรากฏตัวจากใต้กันสาด ร้อยโทปาร์คเงยหน้าขึ้น สบตาเขาวินาทีหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนี รับกล่องอาหารจากจงแด และเดินเคียงคู่กันไปบนถนนสายหลัก


              ผ่านมากว่าสัปดาห์แล้ว ชายหนุ่มร่างเล็กไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจนกว่าจะหายขาดจากมาลาเรีย จึงได้แต่อุดอู้อยู่ในห้องพักกับจุนมยอนซึ่งยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์


              อย่างที่อี้ชิงว่า... โลกภายนอกอ้าแขนต้อนรับพวกเขา ถึงอย่างนั้นกลับไม่สนิทใจนัก หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในถังขยะบอกให้รู้ว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างเหนือและใต้เส้นขนานที่สามสิบแปด มากกว่าเยอรมนีตะวันตกและตะวันออกก่อนรวมประเทศหลายเท่าตัว ไม่ว่าใครก็นึกเวทนาขอทาน แต่ใครเลยจะมีเมตตาอย่างเต็มที่ หากจะต้องสิ้นเนื้อประดาตัวในภายหลัง เพราะรู้อย่างนั้น คนรักของแบคฮยอนจึงยิ้มรับอคติและการกีดกั้นอย่างอดทน


              “ผมหิว”


              ชายหนุ่มร่างเล็กเข้าใจดีกว่าไม่อาจขอความช่วยเหลือจากพี่น้องในประเทศใหม่ได้ฝ่ายเดียว พร้อมกับที่เจ้าบ้านเปิดประตูให้ ผู้มาใหม่ต้องปรับตัว ถึงอย่างนั้น ความวุ่นวายใจนี้กลับ...


              “ได้ยินไหม ผมหิว”


              แบคฮยอนถอนหายใจ “รู้แล้ว จุนมยอน ฉันจะซื้อต็อกให้”


              “ต็อกอีกแล้ว” เด็กหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด “แบบนี้แย่พอ ๆ กับที่บ้าน”


              “ไม่จริง เพราะเราไม่มีเงินหรอก” เงินอีกแล้ว... ชายหนุ่มร่างเล็กรำพึง “นายรู้สึกอย่างนี้เพราะที่มูซานไม่มีใครมีเงิน ไม่มีอะไรให้อิจฉา ที่นี่... เราได้มองคนอื่นเขาอร่อยกันตาละห้อย แต่อย่าลืมซี่ ที่นั่น เดี๋ยวอดเดี๋ยวอิ่ม ขึ้นอยู่กับโชค ที่นี่ ถึงจะไม่อร่อยนักก็ไม่อด”


              “ตลกดีนี่ ที่ที่โพนทะนาว่าเท่ากันกลับไม่มีใครเท่ากัน ที่ที่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่เท่ากันกลับมีอะไรเท่ากันอยู่บ้าง”


              ชายหนุ่มร่างเล็กไม่ตอบ นอกจากพึมพำว่า “มีได้ ก็มีเสีย” ข้อเท็จจริงทั้งหลายทำให้เขารู้สึกผะอืดผะอม นับแต่การเดินทางเริ่มต้น ก็ดูราวกับโลกเต็มไปด้วยปริศนาที่ไม่อาจขบให้แตก


              “นี่... พี่แบคฮยอน” เด็กหนุ่มถามขึ้นอีกเมื่อถ้วยกระดาษบรรจุต็อกราคาถูกว่างเปล่า และรายการบันเทิงในโทรทัศน์ถูกแทนที่ด้วยรายการข่าว “จะบอกพี่จงแดหรือเปล่า ว่าอีซอนยอลคือร้อยโทปาร์คชานยอล”


              “พี่... ” ชายหนุ่มร่างเล็กที่กำลังดื่มน้ำอัดลมสะอึก “ไม่รู้... จงแดชอบซอนยอล บอกว่าขยันขันแข็งและซื่อตรง เมื่อเขาว่าอย่างนี้ พี่ก็... พูดอะไรไม่ออก”


              “แต่... พี่ชายต้องไปจากที่นี่” เสียงของอีกฝ่ายเมื่อพูดคำว่าพี่ชายแปร่งไปเล็กน้อย “นึกว่าพี่บอกเขาแล้วเสียอีก”


              “บอกแล้ว... ให้ติดต่อกับมินกู แล้วกลับไปเสียที ถึงตอนนั้นพี่จะบอกจงแดว่าเขาได้รับการติดต่อจากครอบครัว แต่... ไอ้... บ้านั่น... ”


              “เขาจะไม่ไปจากพี่”


              “ห้องนี้แคบอย่างกับอะไร ร้อยโทปาร์คอยู่กับจงแดแทบจะตลอดเวลา พี่ไม่มีโอกาสเลย”


              จุนมยอนขยำถ้วยกระดาษเป็นก้อนกลม “รู้อะไรไหม”


              “อะไร... ”


              “เขารักพี่” เด็กหนุ่มตอบอย่างตรงไปตรงมา “ร้อยโทปาร์ครักพี่”


              “ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย” แบคฮยอนรีบปฏิเสธ “เราแค่เคย... มีความสัมพันธ์ที่ออกจะ... ลึกซึ้ง ก็เท่านั้น ผู้ชาย... โดยเฉพาะผู้ชายในแวดวงของเขากระหายอำนาจพอจะถือว่าการปล่อยมือจากพี่หมายถึงการสูญเสียอำนาจปกครอง เพราะฉะนั้น... ”


              แต่อีกคนหนึ่งกลับพูดเสียงแข็ง “เขารักพี่” จุนมยอนยืนยัน “หัวใจไม่มีความรู้ มันโง่เกินกว่าจะเข้าใจ การสูญเสียอำนาจปกครองเซ็กส์ไม่บังคับใครให้ปกป้องใคร เซ็กส์ไม่บังคับใครให้กระเตงใครไปบนหลัง และเซ็กส์ไม่บังคับใครให้เปลี่ยนความเชื่อ เขาควรจะเกลียดที่นี่... พี่แบคฮยอน ร้อยโทปาร์คควรจะเกลียดที่นี่ แต่เขากลับอยู่ที่นี่... เพราะพี่! คำถามเดียวจากนี้ คือพี่ยังรักพี่จงแดอยู่หรือเปล่า”


                รักสิ พี่รักเขาเท่านั้น!


                แต่ปากของเขากลับอ้าค้างและหุบลงช้า ๆ โดยไร้เสียง แบคฮยอนกลืนน้ำลาย ก่อนส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ไปกันใหญ่แล้ว”


              “อย่าเฉไฉ... ”


              “จุนมยอน... นายยังเด็ก”


              “พี่ต่างหากที่โยกโย้เป็นเด็ก ๆ จะอ่อนกว่ากี่ปี หรือกี่เดือน ถ้าตาไม่บอดล่ะก็จะต้องผิดสังเกตบ้าง”


              “หมายความว่ายังไง” ชายหนุ่มร่างเล็กถามอย่างเป็นกังวล “จะบอกว่า... ไม่ใช่แค่นายที่ผิดสังเกต อย่างนั้นใช่ไหม”


              “พี่ก็รู้... ”


              “พี่ไม่รู้!


              “ขอทีเถอะ” เด็กหนุ่มกลอกตา “อี้ชิงพูดอย่างนี้ก่อนเดินทางกลับ และพี่จงแดก็... ”


              “ทำไม” เขากระซิบ “จงแดอะไร... ”


              จุนมยอนยักไหล่ “เขาว่าซอนยอลสนิทสนมกับพี่มากกว่าจะเป็นคนที่บังเอิญพบกัน พี่จงแดใจเย็น และใจดี แต่เขาไม่ใช่คนโง่ รู้ใช่ไหม”


              รู้... แบคฮยอนตอบในใจ ยิ่งกว่ารู้เสียอีก

     






              อดีตผู้ติดตามมีท่าทีประหลาดไป ชานยอลขมวดคิ้วอย่างงุ่นง่านเมื่ออีกฝ่ายกระถดมือออกห่างจากมือของตัวเองเป็นครั้งที่สามในรอบสองชั่วโมง


              “กินขนมปังอีกหน่อยสิ ฉันจำได้ว่า... ”


              “ฉันไม่ชอบขนมปังแบบนี้” แบคฮยอนบอกปัดอย่างห้วน ๆ เมื่อเขาส่งบาแก็ตให้ “อย่าทำเหมือนรู้ดีหน่อยเลย”


              “ซอนยอลได้นมแพะมาด้วย” จงแดเสริม ตายังจ้องเป๋งที่โทรทัศน์ “ฉันจะอุ่นให้”


              “ฉันแพ้นมแพะ”


              “ไม่จริง! ” ร้อยโทปาร์คโต้ “ก็นายยัง... ”


              “นายไม่รู้จักฉัน เราเพิ่งจะรู้จักกันได้สามสัปดาห์ ให้ตายสิ”


              ชายหนุ่มร่างสูงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนจากห้องพักไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน อีกคนหนึ่งยังยอมให้เขาจูบเร็ว ๆ ที่หน้าผาก อะไรที่ทำให้อดีตผู้ติดตามเกิดรังเกียจเขาขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน... ชานยอลใคร่ครวญอย่างร้อนรน


              “ไม่เอาน่า” จงแดปลอบประโลม “อย่าใจร้ายกับซอนยอลนักเลย”


              จุนมยอนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลนักไอโขลก ๆ เสียจนใบหน้ากลายเป็นสีเขียว “ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ที”


              เมื่อร้อยโทปาร์คเขยิบเข้าใกล้ เด็กหนุ่มจึงยึดข้อมือของเขาไว้พร้อมกับบอกว่า “ทำเหมือนรู้จักเขามาสัก... สามเดือนได้ จริง ๆ เล้ย... ”


              ใบหูทั้งสองร้อนขึ้น และคงจะกลายเป็นสีแดงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เขาหันไปหาชายหนุ่มร่างเล็ก แบคฮยอนเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว เป็นคนรักของอีกฝ่ายต่างหากที่สบตาเขาอย่างประหลาดใจ “เป็นอะไรไป ซอนยอล”


              “อ้อ... เปล่า”


              “มีไข้หรือเปล่า”


              “เปล่า... ” ชานยอลตอบเสียงขุ่น “อย่าสนใจหูของฉันเลย”


              “อ้อ... พิลึกดีนะ” จงแดหัวเราะร่วน “นายต่างหากที่ต้องกินเสียหน่อย ดื่มนมแพะไหม น่าเสียดายแย่ ฉันจะลงไปอุ่นให้”


              “นายใจดีเกินไปแล้ว” และร้อยโทปาร์คหมายความอย่างนั้นจริง ๆ


              “อะไรที่ยกให้ได้ ก็ควรจะยกให้กัน... จริงไหม”


              เพียงแต่ชานยอลไม่รู้ว่าอีกคนหนึ่งหมายถึงอะไร

     






              เขาจำไม่ได้ว่าในห้องอาบน้ำ ซึ่งแบ่งออกเป็นห้องเล็ก ๆ หลายห้อง เรียงรายเป็นพืดที่ชั้นสองมีหนู ถึงอย่างนั้น เสียงกุกกักซึ่งทำให้ประหลาดใจกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ แบคฮยอนปิดฝักบัวและเงี่ยหูฟัง ดังมาจากห้องข้าง ๆ นี่เอง...


              “จุนมยอน” ชายหนุ่มร่างเล็กส่งเสียง “อยู่ไหม”


              เด็กหนุ่มไม่ตอบ คงจะล่วงหน้าไปเสียแล้ว แบคฮยอนไม่ได้ยินเสียงน้ำไหล จึงอนุมานว่าไม่มีใครอื่นนอกจากเขาในห้องอาบน้ำ ไม่มีใครอื่นนอกจากเขากับหนู... ซึ่งยังส่งเสียงกุกกักระคายหูจากอีกห้องหนึ่ง


              ชายหนุ่มร่างเล็กเริ่มต้นร้องเพลงเบา ๆ พลางล้างฟองสบู่จากร่างกายเป็นครั้งสุดท้าย เช็ดตัวอย่างลวก ๆ และสวมเสื้อผ้า สะบัดผมซึ่งเปียกน้ำ ก่อนบิดขี้เกียจ เสียงกุกกักเงียบลง พร้อมกับแสงไฟในห้องอาบน้ำเล็ก ๆ นั้นสลัวลงเล็กน้อย อะไรบางอย่างทอดเงาอยู่เหนือผนังกั้นห้องอาบน้ำซึ่งทำจากพลาสติก และมันก็ส่งเสียงอย่างไม่พอใจออกมาว่า “อารมณ์ดีจริงนะ”


              “ให้ตายสิ! ” แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัว “ทำอะไรน่ะ!


              เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาที่ป่ายปีนจากห้องอาบน้ำอีกห้องหนึ่ง โรมรันกับผนังกั้นห้องอาบน้ำและไม่ช้าก็ยืนอยู่บนกระเบื้องแผ่นเดียวกับเขาอย่างปลอดภัย “อย่ากลัวไปเลย ไม่มีใครอยู่ที่นี่” ร้อยโทปาร์คพูดลอดไรฟัน “นอกจากเรา”


              “รู้ได้ยังไง”


              “ฉันให้จุนมยอนรอที่ด้านหน้า ให้เขาบอกใครต่อใครว่าเกิดน้ำท่วม... ”


              “เด็กนั่นเห็นนายเป็นพี่ชายตั้งแต่เมื่อไหร่”


              “ก็ตอนที่ฉันยกนมแพะอุ่น ๆ ของตัวเองให้น่ะสิ” ชานยอลตอบอย่างไม่ยี่หระ “นมแพะที่นายบอกว่าแพ้ไง”


              “ถ้ายัง... เดี๋ยว... ชานยอล ถอยไป!


              แบคฮยอนร้อง โดยรู้ว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ ชานยอลเขยิบเข้าใกล้ กระทั่งชายหนุ่มร่างเล็กจนมุมที่ผนังห้องน้ำ อ้อมแขนที่ร้อนราวกับไฟจึงโอบรัด พร้อมกับริมฝีปากที่ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม แบคฮยอนสะบัดใบหน้าไปอีกทางหนึ่ง อดีตผู้บังคับบัญชาจึงบีบที่คางของเขาด้วยมือที่แข็งแรงราวกับคีมเหล็ก บังคับให้สบตาและอ้าปาก ต้อนรับจูบที่จาบจ้วง เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ร้อยโทปาร์คบดขยี้ริมฝีปากของชายหนุ่มร่างเล็ก ด้วยความรุนแรงคล้ายกับเมื่อจับโกหกได้ ตะกละตะกลามจนเกือบจะคลุ้มคลั่ง ราวกับพายุที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย


              “ทำอย่างนั้นทำไม” ชานยอลถามในที่สุด “เป็นอะไรไป”


              “ฉันแค่ทำ... ในสิ่งที่ควรทำ”


              “อะไรล่ะที่ว่าควรทำ”


              “ปกป้องความรู้สึกของจงแดน่ะสิ!


              ร้อยโทปาร์คสูดลมหายใจเข้าลึก “ความรู้สึกของจงแด... ใช่” อีกคนหนึ่งพยักหน้าอย่างอดกลั้น ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “แล้วความรู้สึกของฉันล่ะ... แบคฮยอน”


              เขาอยากแตะที่ใบหน้าของอีกฝ่ายเหลือเกิน เพียงแต่ชายหนุ่มร่างเล็กกลับกำมือทั้งสองแน่น ไม่อนุญาตให้ถูกชักเชิดด้วยหัวใจซึ่งจุนมยอนนิยามว่า ไม่มีความรู้ “ฉันเอง... ” แบคฮยอนกระซิบอย่างขมขื่น ความเจ็บปวดนั้นติดอยู่ที่ปลายลิ้นและในลำคอ ทำให้อวัยวะทั้งสองปวดร้าวคล้ายถูกเข็มตำ “ก็อยากให้มีเหตุผล... ที่สมเหตุสมผล ในการปกป้องความรู้สึกของนายเหมือนกัน”


              ชานยอลเงียบไป ชายหนุ่มร่างสูงก้มหน้าลง ก่อนกระซิบ “บัดซบ... ”


              “ฉันขอโทษ”


              “แล้วความรู้สึกของนายล่ะ” ร้อยโทปาร์คถามอย่างดื้อดึง “ไม่จำเป็น... ต้องปกป้องมันหรือไง”


              ชายหนุ่มร่างเล็กกัดริมฝีปาก “ไม่มีหรอก” เสียงนั้นสั่นสะท้าน “ความรู้สึกบ้าบออะไร ไม่มีทั้งนั้น”


              “โกหก!


              “ก็ได้ ฉันโกหก แล้วยังไง... จะมีหรือไม่มีความรู้สึกที่ว่า เรา... สองคน ก็ต้องทำให้มันหายไปไม่ใช่หรือไง”


              ชานยอลไม่ทำอะไรนอกจากจ้องเขม็งที่ผนังห้องน้ำข้าง ๆ ดวงตาของเขา ก่อนพิงศีรษะลงกับผนังส่วนนั้น โขกเบา ๆ อย่างระทมทุกข์ แบคฮยอนพูดเสียงเครือว่า “หยุดที... ” และเมื่ออีกคนหนึ่งยังทำหูทวนลม เขาจึงใช้มือข้างหนึ่งรองรับหน้าผากของร้อยโทปาร์ค ก่อนโน้มลำคอนั้น ให้ศีรษะของชานยอลตกลงบนไหล่ของตัวเอง “พอได้แล้ว”


              “ที่ผ่านมา” อดีตผู้บังคับบัญชาพูดด้วยเสียงอ้อแอ้ราวกับเด็กเล็ก ๆ “ไม่รู้สึกอะไรเลย... อย่างนั้นใช่ไหม”


              โลกคล้ายจะหยุดหมุน... ชั่วขณะหนึ่งเมื่อชายหนุ่มร่างเล็กสบตาอีกฝ่ายและส่ายหน้า ความหวังที่เรืองรองขึ้นในดวงตาคู่นั้นทำให้หัวใจของเขาถูกบีบรัดด้วยมือที่มองไม่เห็น แบคฮยอนหลับตาลง เริ่มต้นจุมพิตอีกคนหนึ่งอย่างอ่อนหวาน ยาวนานที่สุด... เท่าที่จะทำได้ และบอกอย่างจริงใจที่สุด ด้วยเสียงที่หนักแน่นที่สุด


                “ฉันเกลียดนาย”


              ชานยอลสะอึก ความหวังในดวงตาทั้งสองเหือดหายไป


              “Ich hasse dich, weil ich dich nicht hassen kann (อิคช์ ฮาสเซอ ดิคช์, ไวล์ อิคช์ ดิคช์ นิคชต์ ฮาสเซน คานน์) ” แบคฮยอนกลืนน้ำลาย “ฉันเกลียดนาย... เพราะเกลียดนายไม่ลงเสียที ลาก่อน... ลาก่อน ร้อยโท”


              จากนั้นจึงพยายามผละจากอ้อมแขนของชานยอล เพียงแต่ชายหนุ่มร่างสูงยื้อยุดไว้อย่างสุดความสามารถ และก็คงจะได้ละเลงความเจ็บปวดบนร่างกายของเขาอีกครั้ง หากจุนมยอนไม่พรวดพราดเข้ามาเสียก่อนด้วยใบหน้าซีดเผือด


              “มิสเตอร์จางติดต่อมา เขาว่าพบพี่จงอินแล้ว!


              โลกหมุนอีกครั้ง แต่เป็นการหมุนที่รวดเร็วเหลือเกิน เร็วเกินกว่าแบคฮยอนจะปะติดปะต่อเหตุการณ์เหล่านั้นเข้าด้วยกันโดยมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เขาถูกพาถูลู่ถูกังกลับไปที่ห้อง รอคอยอย่างกระวนกระวาย ไม่ช้าอี้ชิงก็มาถึง เพียงเพื่อบอกความจริงที่ไม่มีใครต้องการรับรู้


              จงอิน จื่อเทา มินซอก และ... แม่ ถูกคุมขังในค่ายกักกันที่สิบสี่ ไม่ไกลจากเปียงยาง การทุ่มเถียงเริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็วด้วยเสียงสะอื้นของจุนมยอน เด็กหนุ่มซึ่งมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำกว่าอีกสามคนในห้องพักนั้นหันไปหาชานยอล ราวกับใครลั่นกระสุนใส่หัวใจของชายหนุ่มร่างเล็ก แบคฮยอนสะดุ้งเฮือกก่อนที่น้องชายบุญธรรมจะอ้าปาก...


              “เขาคือความหวังสุดท้าย” จุนมยอนว่า “ความหวังสุดท้ายที่เราจะได้กลับไปอย่างปลอดภัย”


              “เพราะอะไร” คนรักของเขาขมวดคิ้วอย่างฉงนฉงาย “ซอนยอล... ทำไม”


              เสียงวิ้งแหลมยาวระเบิดขึ้นในหู กระทั่งชายหนุ่มร่างเล็กไม่ได้ยินบทสนทนาหลังจากนั้น มันเงียบลงพร้อมกับคำตอบจากปากของอดีตผู้บังคับบัญชา ซึ่งสบตาจงแดอย่างแน่วแน่ และพูดออกไป...


              “ฉันเอง... เป็นฉันเอง” ชานยอลสารภาพ “ร้อยโทปาร์คชานยอล คนที่นายอยากจะฉีกเป็นชิ้น ๆ ยังไงล่ะ”





    #ฟิคเปียงยาง

    จบดีค่ะ! จบดี! ยังยืนยันว่าจบดี อย่าเพิ่งหนีไปไหนแน้


    ป.ล. ยูนิโวคา เป็นแอปแปลภาษาเกาหลีใต้-เกาหลีเหนือค่ะ

    ใช้ภาษาเดียวกันก็จริง แต่เพราะแยกกันอยู่เจ็ดสิบปี จะมีบางคำที่คนทางเหนือไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

    ซึ่งแอปนี้ก็ช่วยได้มากสำหรับผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือ






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×