[REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...ตอนที่สี่...
ก็แค่คนไร้มารยาทไม่ได้มีความสำคัญอะไรแม้แต่น้อย ไม่ควรค่าแม้กระทั่งการเหลือบแล ทั้งๆที่มันสมควรที่จะเป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่ว่า... ฟิกสั้นๆที่ในที่สุดมันก็ไม่สั้นจนได้...ทำไมมันถึงยาวแบบนี้ล่ะ TT0TT
ผู้เข้าชมรวม
1,453
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
REBORN !
: ฟิกสั้นๆ (ที่ในที่สุดมันก็ไม่สั้นจนได้...ทำไมมันถึงยิ่งยาวขึ้นๆแบบนี้ล่ะ TT0TT) เขียนขึ้นมาด้วยความบ้าในตัวละครคู่นี้จริงๆ เนื่องจากตั้งใจไว้นานแล้วว่างานชุดนี้ไม่ว่ายังไงก็ต้องเขียนเกี่ยวกับคู่นี้ให้ได้ = =^
หมายเหตุ :
: ฟิกนี้เหมาะสำหรับคนที่อ่านเรื่อง REBORN! แล้วสามารถจดจำลักษณะของตัวละครในเรื่องได้โดยไม่งง เพราะในเรื่องแม้เราจะออกชื่อตัวละครก็ตามที แต่เชื่อเถอะ...ถ้าไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนไม่มีทางรู้เรื่องแน่นอน ^.^
: แม้เราจะออกชื่อตัวละคร...แต่ขอบอกว่าเรา ‘หน่าย’ การออกชื่อของตัวละครมากๆ แบบว่ามากถึงมากที่สุด ดังนั้นชื่อที่ออกมาก็จะปนๆอยู่ในบนพูดของตัวละคร (ซึ่งมีอยู่น้อยนิด) โดยที่ไม่มีในบทบรรยายแต่อย่างให้
: เหตุการณ์ภายในฟิกเป็นช่วงก่อน และหลังจากการประลองศึกชิงแหวนแล้ว (แต่แน่นอนว่าเราจะไม่ขอมีเอี่ยวในช่วงของศึกชิงแหวนเลย แบบว่าแค่ ก่อน และ หลัง เท่านั้น) แม้ความสัมพันธ์ของตัวละครจะยังไม่แน่ชัดนัก แต่เราจะเขียนให้คนๆนี้เขาคิดแบบนี้ล่ะ
: และเช่นเคย...เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราเมคขึ้นมาเอง ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด...(อีกแล้วครับท่าน) =w= รวมทั้งที่นิสัยของตัวละครจะเพี้ยนไปบ้างนิดๆหน่อยๆ(หรือเปล่านะ) แต่ก็นะ...เราว่านิสัยแบบนี้มันน่ารักกว่านี่นา
: เรื่องนี้เราจะถือว่าเป็นเรื่องสุดท้ายในชุดนี้ และคิดว่าจะไม่มีคู่อื่นออกมาอีกอย่างแน่นอน (สำหรับเรื่องนี้นะ แต่เรื่องอื่นน่ะไม่แน่) XD
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
...ก็แค่คนไร้มารยาท...
...ไม่ได้มีความสำคัญอะไรแม้แต่น้อย...
...ไม่ควรค่าแม้กระทั่งการเหลือบแล...
...ทั้งๆที่มันสมควรที่จะเป็นแบบนั้นแท้ๆ...
...แต่ว่า...
การพบเจอครั้งแรก....
...ไม่น่าอภิรมย์แม้แต่น้อย...
แหวนในมือถูกหมุนเล่นไปมาอย่างไร้ความสำคัญ เมื่อในอีกมือหนึ่งมีเอกสารด่วนที่ควรค่าแก่การสนใจมากกว่า
แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องละความสนใจจากเอกสารเมื่อรับรู้ถึงใครบางคนที่ก้าวเข้ามา
“นาย
ประโยคแนะนำตัวที่เหมือนจะกระจ่าง หากก็ไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่นั้นถูกส่งมาพร้อมเหตุผลในการเข้าใกล้
แหวนในมือถูกกำแน่นขึ้นจนเจ็บแปลบ
...ไม่เคยมีใครเข้าหาตัวตนของตนเองจริงๆ...
...กระทั่งครั้งนี้ก็เป็นเพราะแหวนสินะ....
“ผมไม่สนใจเรื่องแหวนหรอก” เด็กหนุ่มเอ่ยขัดเรียบง่าย
“ขอแค่ได้ขยี้คุณให้ตายคามือก็พอ”
...จากกลางวันแปรเปลี่ยนเป็นกลางคืน...
...จากกลางคืนกลับกลายเป็นกลางวัน....
....หมุนเวียนครั้งแล้วครั้งเล่า....
...แต่กระนั้น...
...ชายตรงหน้าก็ยังคงยืนหยัด...
...ไม่ถอยห่าง...
...ไม่เข้าใกล้...
...หากแต่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน...
...คำพูดยียวนที่ส่งมาช่างน่ารำคาญนัก...
...หากแต่วันใดที่ไม่ได้ยินกลับรู้สึกเหงาหูอย่างแปลกประหลาด...
...ทั้งดวงตาและสีผมที่ส่องประกายราวแสงของดวงอาทิตย์ช่างดูขัดใจจนเกินจะทน...
...หากแต่วันใดที่ไม่ได้พานพบกลับรู้สึกเหมือนว่าวันนั้นไร้ซึ่งแสงตะวัน...
...แต่แล้วจู่ๆ...
...ชายผู้เปรียบเสมือนแสงสีทองแห่งยามทิวา...ก็หายตัวไปจากตรงหน้าเขา...เด็กหนุ่มผู้เปรียบเสมือนฟากฟ้ายามราตรี...
แหวนแห่งเมฆาถูกสวมลงบนนิ้วมือขวา ดวงตาของผู้เป็นเจ้าของจับจ้องอย่างเหม่อลอย
เรื่องราวเมื่อสองสัปดาห์ก่อนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นความฝันอันเลือนราง
หากแต่สิ่งที่อยู่ในมือยังคงตอกย้ำว่าเป็นความจริงใช่ความฝัน
หากแต่บางสิ่งที่สะท้อนไหวอยู่ในหัวใจกำลังบอกว่าไม่ต้องการลืมเลือนแม้ว่าสิ่งนั้นมันจะเลือนราง
...ใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามาอย่างไม่รู้จักกาลเทศะ...
...ใครคนหนึ่งที่เรียกชื่อเขาอย่างไม่มีความกลัวเกรง...
...ใครคนหนึ่ง...ที่เข้ามาอยู่ข้างๆเขา...อย่างที่ไม่มีใครเคยทำ...
...มอบความอบอุ่นที่ไม่คุ้นเคยให้...
...มอบความสนิทสนมอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใคร...
...และ...
....ใครคนนั้นก็จากไปอย่างเขาที่ไม่ทันจะตั้งตัว...
แปะ
หยดน้ำอุ่นตกกระทบบนหลังมือ
เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่ตนเป็น
เขาร้องไห้!
...ก็แค่คนไร้มารยาทที่ไม่ได้มีอะไรสำคัญแม้แต่น้อย...
...เป็นแค่ชายที่ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกที่ชวนให้จดจำ...
...แต่ขณะเดียวกัน...
...ชายคนนั้นกลับโปรยปรายเมล็ดพันธุ์ของบางอย่างเอาไว้ในหัวใจ...
...ช่วงเวลาแสนสั้นที่ได้อยู่ร่วมกันทำให้ยอดอ่อนเล็กๆนั้นผลิบาน...
...และหยั่งรากลึกอย่างที่ไม่ทันได้รู้สึกตัว...
...จนวันนี้...
...เมื่อไม่ได้พบ...
...ไม่ได้พูดคุย...
...จึงพึ่งจะรู้สึก...
...ยอดอ่อนในวันนั้นยังคงเติบโตอยู่ในใจเรื่อยมา...
...มันผลิบานเติบใหญ่อย่างมั่นคง...
...แผ่กิ่งก้านสาขากลายเป็นร่มเงาให้ดวงใจ...
...จนเกินกว่าที่จะขุดถอดได้เสียแล้ว...
เด็กหนุ่มใช้หลังมือป้ายน้ำตาออกราวเด็กน้อย นึกขอบคุณในใจที่ไม่มีใครอยู่ด้วยในตอนนี้ แต่แล้วใบหน้าของเจ้าของดวงตาสีทองก็ปรากฏขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง คนๆนั้นคือคนเดียวที่เข้ามาแวะเวียนวุ่นวายรอบตัวเขา...คนๆเดียวที่ไม่เคยถอยห่างไปจากตัวเขา...
...ไม่หวาดกลัวหนีจาก...
...แต่ก็ไม่ยอมเข้ามาใกล้...
เสียงสะอื้นหลุดออกมาอย่างน่าอาย เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น กอดตนเองที่กำลังสั่นสะท้าน
...อยากจะเจอ...
...อยากพบหน้า...
...ไม่ต้องเข้าใกล้ก็ได้...
...แต่อย่าได้ถอยห่าง...
...อย่าจากเขาไปแบบนี้...
...ได้โปรด...
“เคียวยะ”
เหมือนแสงแห่งความหวังที่ส่องผ่านม่านหมอกที่ปกคลุมฟากฟ้า
ไหล่ทั้งคู่ถูกถึงรั้งให้หันไปทางเจ้าของเสียงอย่างยากลำบาก...กลัวเหลือเกินว่าตนจะแค่หูแว่วไป...กลัวเหลือเกินว่าหากหันหน้าไปแล้วจะไม่พบใคร...กลัว...อย่างที่ไม่เคยกลัว....
ดวงตาสองคู่สบประสาน ก่อนน้ำตาจะหลั่งไหลออกมาจากดวงตาอย่างที่ไม่อาจจะห้ามได้อีก
“อ๊ะ!! เคียวยะ..เกิดอะไรขึ้น!!!”
ดวงตาสีทองคู่นั้นเบิกกว้างอย่างตระหนกเมื่อเห็นสิ่งที่แสดงความอ่อนแอจากร่างเล็กๆที่ไม่เคยยอมใคร ร่างสูงของชายหนุ่มพุ่งถลาเข้าไปยังโซฟากลางห้อง
“เคียวยะ”
!!!
ความตกใจรอบแรกยังไม่ทันจางหาย ความตกใจรอบสองก็ตามมาสมทบ เมื่อร่างที่เล็กกว่าโถมร่างทั้งร่างเข้ามากอดอย่างไม่ทันให้ตังตัว
เสียงประตูที่ปิดลงตามแรงดึงอัตโนมัติไม่ได้เข้าหูแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มฝังหน้าเข้ากับแผ่นอกของชายตรงหน้า ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้น
ในยามนี้ภายในหัวเขาว่างเปล่าไปหมด...
...มันมากยิ่งกว่าคำว่าคิดถึง...
...มันไม่ใช่แค่ความห่วงหาหรืออาธร...
...มันมากมายและทรงคุณค่ายิ่งกว่านั้น...
...จนถึงตอนนี้เขาพึ่งจะรู้ว่าตนเองกำลังลังหลอกตัวเองมากแค่ไหน....
...แค่พบหน้าน่ะมันไม่พอหรอก...
...แค่พูดคุยมันก็ไม่พอเหมือนกัน....
...เขาต้องการมากกว่านั้น...
...เขาต้องการยิ่งกว่านั้น...
ความรู้สึกค่อยๆคืนกลับมาอย่างช้าๆ ภายในอกมันโปร่งโล่งไปหมดอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายก็รู้สึกอุ่นจัดอย่างที่ไม่เคยรู้สึก แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรที่มากมายไปกว่านั้นเด็กหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตนเอง
ร่างทั้งร่างถูกโอบอุ้มอยู่ภายในวงแขนอบอุ่น ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเบาๆอยู่ใกล้ๆ เสียงหัวใจที่เต้นเบาเป็นจังหวะอันแสนแตกต่างจากของเขาที่เต้นรัวเร็วเสียยิ่งกว่าจังหวะกลอง รับรู้ได้ถึงกลิ่นไอแดดจางๆจากร่างเจ้าของวงแขนนี้
เด็กหนุ่มผลักกายตนออกอย่างแสนเสียดาย ก่อนช้อนสายตาขึ้นมองดวงหน้าของคนที่สูงกว่า
“ตื่นแล้วหรือ เคียวยะ”
ดวงตาสีทองมองนิ่ง ภายในแววตายังคงมีประกายระริกเหมือนครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น แม้ยามนี้จะเจือด้วยความห่วงใยอยู่ไม่น้อย...หากแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดที่มากไปกว่านั้น...
ความรู้สึกเจ็บเกิดขึ้นในใจ
ชายหนุ่มไม่มีท่าทีว่าจะคิดเหมือนเขาแม้แต่น้อย
ดวงตาสีท้องฟ้ายามเที่ยงคืนทอรื้นด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมาอีกครา
...เขาน่าจะรู้...
...เขาไม่สมควรคาดหวังอะไรทั้งนั้น...
...เพราะมันเป็นไปไม่ได้...
...ก็แค่การบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนของตัวเองเท่านั้น...
...มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ควรจะเกิดขึ้นเลยสักนิด...
...กับคนๆนี้...
...กับความรู้สึกแบบนี้...
“คุณ...ดีโน่...”
...คนๆนี้เหมือนแสงอาทิตย์...
...มอบความอบอุ่นให้แก่ชีวิต...
...แต่ไม่ใช่เพื่อใครเพียงคนเดียว...
...ไม่ใช่อะไรที่จะคว้าเก็บไว้กับตัวได้...
...เขาไม่มีทางที่จะเป็นเจ้าของแสงอาทิตย์นี้ได้...
...แต่ว่า...
“ผมคิดถึงคุณ”
...ถึงจะไม่ใช่ของใครแค่คนเดียว...
...แต่แสงอาทิตย์ก็ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันเสมอ...
“ผมอยากเจอคุณ”
...ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากที่จะคาดหวังอยู่ดี..
...ว่าแสงอาทิตย์จะยอมให้ใครสักคนเช่นเขาได้เป็นเจ้าของ...
“อยากพูดคุย”
...แม้ว่าจะดูไร้สาระมากเพียงใดก็ตาม...
...แต่ก็อยากที่จะเหนี่ยวเอาไว้กับตัว...
“เพราะว่าผมน่ะ...ผม...”
...แม้จะรู้ว่าไม่มีวันเป็นจริง...
...แต่ก็ยังอยากที่จะไขว่คว้าเอาไว้...
“...ผม...”
...อย่างน้อยที่สุด...
...ขอแค่ให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับรู้ก็ยังดี...
...แม้ว่าหลังจากนี้จะต้องสูญเสียไปก็ตาม...
“ผมรักคุณ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
End......
...ขอให้สายฝนจงชำระล้างความทุกข์ระทมในโลกใบนี้ให้สิ้นไป...
.......................................................................................................................
ผลงานอื่นๆ ของ Chal ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chal
ความคิดเห็น