[REBORN !]...ฟิกสั้นๆ... - [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ... นิยาย [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ... : Dek-D.com - Writer

    [REBORN !]...ฟิกสั้นๆ...

    ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะกับการที่มีหมอนั่นอยู่ด้วยมันกลายเป็นเรื่องปกติไป... ฟิกสั้นๆ (ที่ไม่ค่อยสั้นสักเท่าไหร่) เขียนขึ้นมาด้วยความบ้า + แรงฮึดชั่วขณะ...อ่านๆไปเถอะอย่าคิดมาก

    ผู้เข้าชมรวม

    1,416

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.41K

    ความคิดเห็น


    15

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 พ.ค. 50 / 11:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      REBORN !

       

       

       : ฟิกสั้นๆ (ที่ไม่ค่อยสั้นสักเท่าไหร่) เขียนขึ้นมาด้วยความบ้า + แรงฮึดชั่วขณะแท้ๆ  เหตุเพราะจู่ๆเพื่อนมันก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุย  คุยกันไปคุยกันมาความเห็นเริ่มที่จะไม่ลงรอยกันดื้อๆ  ก็เลยเอามาระบายกับฟิกซะงั้น = =^

        หมายเหตุ :

       

        : ฟิกนี้เหมาะสำหรับคนที่อ่านเรื่อง REBORN ! แล้วสามารถจดจำลักษณะของตัวละครในเรื่องได้โดยไม่งง (เพราะในเรื่องเราจะไม่ออกชื่อตัวละครเลย  ให้ไปคิดกันเอาเองว่าใครเป็นใครมั่ง ^.^)

        

       : เหตุการณ์ภายในฟิกเป็นช่วงหลังจากปะทะกับเด็กโกคุโยแล้ว  แต่ยังไม่ปะทะกับพวกวอริเออร์  ดังนั้นเราจะไม่เขียนให้เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องจริงแต่อย่างใด(ฉะนั้นถึงเราจะชอบเบลแค่ไหนเราก็จะไม่ให้ออก  กระซิก กระซิก)

       

       

       

       

       

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       

       

       

       

      ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะกับการที่มีหมอนั่นอยู่ด้วยมันกลายเป็นเรื่องปกติไป...

       

       

       

       

       

       

                      ฮะ ฮะ ฮะ

       

                      ทุกๆเช้าๆของผมมันมักจะจะเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงๆนี้  ก่อนที่ หมอนั่น ที่เป็นเจ้าของเสียงจะโผล่หน้ามาในคลองสายตาพร้อมๆกับกล่าวคำทักทาย

       

                      โอ๊ส!  นายนี่ตื่นเช้าดีนะ

       

       

       

       

       

       

                      ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่พอรู้ตัวทุกๆเช้าหมอนั่นมักจะโผล่มาแถวๆบ้านของผมเสมอ  ทั้งๆที่บ้านของมันไม่ได้อยู่แถวๆนี้เลยสักนิด

       

                      ทุกเช้า  ทุกเช้า  ไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา  วันหยุดราชการ  หรือกระทั่งวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็ตามที  หมอนั่นมักจะเป็นคนแรกที่ผมจะได้เจอในแต่ละวันเสมอ

       

                      ไปโรงเรียนก็ไปกับหมอนั่น  เรียนรึก็เรียนห้องเดียวกัน  กลางวันก็นั่งกินข้าวด้วยกัน  แม้แต่ตอนกลับบ้านก็ยังไม่วายต้องกลับด้วยกันอีก  ทั้งๆที่บ้านของผมกับหมอนั่นอยู่คนล่ะทางกันเลยแท้ๆ

       

                      พอผมเล่าเรื่องนี้ให้ ท่านผู้นั้น ฟัง  ท่านก็ยิ้มแห้งๆไม่พูดอะไร  จนกระทั่งโดนผมตื้อมากๆเข้า  ท่านก็ถามออกมาประโยคหนึ่ง

       

                      แล้วนายรู้สึกรำคาญเขาบ้างหรือเปล่าล่ะ?”

       

                      แค่ประโยคเดียว  ประโยคเดียวจริงๆที่ทำให้หัวของผมว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออกไปเสียเฉยๆ  ก่อนที่ปากจะตอบไปตามความเคยชิน

       

                      ระ..เรื่องนั้น..มันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ..!!”

       

                      ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้แน่นอนที่ว่า  มันหมายถึงอะไร...รำคาญแน่นอน...หรือ...อย่างอื่น...ผมไม่รู้  ไม่รู้เลยจริงๆ

       

                      ขอโทษที  ฉันไม่นึกว่าจะทำให้นายรำคาญขนาดนั้น  เสียงๆหนึ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินในเวลาแบบนี้ดังขึ้นจากด้านหลัง  ผมสะดุ้งโหยงสุดตัวก่อนหันไปมองที่ด้านหลัง...หมอนั่นยืนอยู่ตรงนั้น...มองผมด้วยสายตาที่ผมไม่เข้าใจ  เพียงครู่เดียว..ก่อนที่หมอนั่นจะยิ้มเหมือนปกติ

       

                      ซึ่ง...ผมไม่ชอบเลย...

       

                      ฉันมาตามพวกนายน่ะ  หมดพักเที่ยงแล้วนะ..ไปกันเถอะ  พูดจบหมอนั่นก็หมุนตัวหันกลังเดินจากไป  แต่ก่อนที่จะไปนั่นหมอนั่นหันกลับมา  และขอโทษผมอีกครั้ง...

       

                      เสียงของหมอนั่นสั่น...สั่นอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนตั้งแต่รู้จักกันมา...

       

                      เอ๊ะ!!  เดี๋ยวสิรอฉันด้วย  ท่านผู้นั้นร้องไล่หลังหมอนั่น  ก่อนหันกลับมาทางผม  ฉันไม่รู้หรอกนะว่าในตอนนี้นายรู้สึกยังไง  แต่ว่า...ในฐานะเพื่อน  ฉันขอแนะนำนะว่านายควรที่จะถามใจตัวเองให้ดีๆจะดีกว่า  แค่นี้แหล่ะ  แล้วท่านก็หมุนตัวออกวิ่งไปตามระเบียง

       

                ในตอนนั้นภายในหัวของผมมีแต่เสียงของหมอนั่นดังกลับไปกลับมา  ภาพของหมอนั่นที่มองตรงมาที่ผมในเสี้ยววินาทีที่ผมหันกลับไปมอง  ก่อนจะซ้อนทับขึ้นมาด้วยคำพูดสุดท้ายของท่านผู้นั้น

       

                      ..นายควรที่จะถามใจตัวเองให้ดีๆจะดีกว่า...

       

       

       

       

       

       

                      ตลอดช่วงบ่ายนั้นผมก็คลุกตัวอยู่แต่ในห้องพยาบาล  ผมไม่สนหรอกว่าทำแบบนี้(โดดเรียน)มันถูกหรือเปล่า  เพียงแต่ในตอนนี้ผมกำลังสับสน  อยากจะระบายกับใครสักคน  และคนๆแรกที่ผมนึกออกก็ทำให้ผมแล่นตรงมาที่นี่

       

                      พอผมเล่าจบ...ให้ตาย  ปฏิกิริยาไม่ต่างจากท่านผู้นั้นเลย  ไม่สิ...อาจจะหนักกว่าหน่อยๆเสียดัวยซ้ำ  ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ  ทำไมต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้กันด้วยล่ะ..?

       

                      ไม่มีคำแนะนำใดต่างไปจากที่ท่านผู้นั้นให้ผมมา  คือให้ถามใจตัวเอง  อาจจะมากกว่าหน่อยตรงที่คราวนี้บอกให้เร็วๆด้วย  อย่าทิ้งให้ค้างคานาน  เดี๋ยวจะลำบาก

       

                      มันหมายความว่าไงนะ...ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย...?

       

       

       

       

       

       

                      แล้วผมก็กลับบ้าน...นานแล้วนะที่ไม่ได้เดินกลับคนเดียวแบบนี้  ทุกทีจะมีหมอนั่นอยู่ด้วยแท้ๆ  อ๊ะ!ไม่ได้ๆ  อย่าไปคิดสิ  อย่าคิดๆ...ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกว่าแปลก  ไม่ดีเลย  ไม่ชอบ...ความรู้สึกแบบนี้เอาซะเลย...

       

                      ผมก็เลยระบายความเครียดลงกับเจ้าพวกจิ๊กโก๋แถวๆนั้นซะเลย  ว้า~แค่ระเบิดลูกสองลูกก็ไม่ลุกกันซะแล้ว  เซ็ง....

       

                      ไม่ได้พอมือเลย...

       

       

       

       

       

       

                      วันถัดมา...บอกตรงๆว่าไม่อยากไปโรงเรียนเลย  อ่ะๆไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจหรอกนะ  เพียงแต่ยังรู้สึกว่าเข้าหน้าหมอนั่นไม่ติดเท่านั้นเอง..

       

                      ผมเดินลากขาอย่างเสียอารมณ์สุดๆ  ก่อนใครบางคนจะตบบ่าผมจากด้านหลัง  ต้องเป็นหมอนั่นแน่ๆ...ผมคิดแบบนั้น  แต่ก็เปล่า...

       

                      มีธุระอะไรเจ้าหัวสนามหญ้า

       

                      ฮ่า  อย่าอารมณ์บูดนักสิเจ้าหัวปลาหมึก  ว่าแต่..นายนี่ตื่นเช้าดีนะ!”

       

                      ฉึก...

       

                      เจ้าหัวสนามหญ้าบ้ามวยพูดประโยคเดียวกับหมอนนั่นเป๊ะๆเลยอ่ะ  แล้วใครวะหัวปลาหมึกที่ว่า...

       

                      เป็นอะไรไปฮึ!  สนใจปรึกษาปล่าว?”  เจ้านั่นถามเหมือนจะสนใจจริงๆ  ผมก็เลย...เล่าให้ฟัง  แล้วคุณรู้อะไรมั๊ย  เจ้านั่นให้คำแนะนำเหมือนอีกสองคนแด๊ะเลย!  พอผมบอกไปแบบนั้น  เจ้านั่นก็ร้องจ๊ากดังลั่น

       

                      ก็~ไป~ง้อ~เค้า~ซี~ย้~!!!!!!!”

       

                เอ่อ...ไม่ใช่เจ้าหรอกนะที่พูด  แต่เป็นอีกคนที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

       

                      แล้วหล่อนมาเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยห๊ะ!!”

       

                      เกี่ยวซียะ!!  นั่นน่ะเพื่อนฉันทั้งคนนี่!”  ว่าไม่ว่าเปล่า  เจ้าหล่อนทั้งผลักทั้งยันให้ไป  ไปซะ ไปไป๊!  ง้อไม่ได้ก็เอาหัวมุดรูไปเลย  แล้วก็ขอโทษเค้าซะด้วย!!!”

       

                      และแล้วเช้านั้นผมก็ไปโรงเรียนด้วยอารมณ์แบบที่เห็น...= =*

       

                      ผมทำอะไรผิดเหรอ..?  แล้วทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ...?

       

       

       

       

       

       

                      การเรียนในวันนั้นน่าเบื่อเป็นบ้า  แถมยังน่าอึดอัดสุดๆอีกต่างหาก

       

                      หมอนั่น...ไม่หันมามองทางผมเลย....

       

                กลางวันก็หายตัวไปเฉยๆ  ท่านผู้นั้นบอกกับผมว่าหมอนั่นมีธุระที่ชมรมช่วงนี้ก็เลยยุ่งๆ  แต่ผมกลับรู้สึกว่าหมอนั่นกำลังหลบหน้าผมมากกว่า  ก็ที่แล้วๆมาผมไม่ยักกะเห็นหมอนั่นโผล่หัวไปที่ชมรมเลยนี่นา...อยู่ข้างๆผมตลอดเลย...

       

                      และแล้ววันนั้นผมก็ต้องกลับบ้านคนเดียวอีกครั้ง.....

       

       

       

       

       

       

                      วันถัดมา...ถัดมา...ถัดมา...และถัดมา....

       

                      สุดท้ายผมก็ยังไม่ได้พูดกับหมอนั่นสักคำ...ขนาดหน้าผมหมอนั่นยังไม่มองเลยด้วยซ้ำ

       

                      หมอนั่นคงจะเกลียดผมแล้วจริงๆ....

       

                      ในตอนนั้นเองผมก็เริ่มคิดถึงข้อเสนอที่ยัยจอมจุ้นนั่นพูดขึ้นมาจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก...ขอโทษ...คำที่ผมไม่เคยคิดที่จะพูดกับหมอนั่นมาก่อน  และเป็นคำที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องพูด...

       

                      ผมตั้งใจว่าในวันนี้ผมจะต้องพูดคำๆนี้ให้ได้....

       

                      แต่แล้ว....

       

       

       

       

       

       

                      วันนี้เขาไม่มาหรอก..  ประโยคเดียวที่ผ่าเปรี้ยงเข้ากลางใจ  ไหนเค้าว่าคนบ้าไม่เป็นหวัดไงล่ะ...หรือหมอนั่นจะเป็นอะไรไป....

       

                      อย่าคิดอะไรร้ายๆเชียว  เสียงของท่านผู้นั้นดังขึ้นอีกครั้ง  ..ก็แค่เป็นหวัดเท่านั้นเอง

       

                      เป็นหวัด!  ไหนว่าคนบ้าจะไม่เป็นหวัดไงครับ!”  อ่ะ...เผลอพูดความในใจไปซะได้

       

                      อย่าพูดแบบนั้นน่า...เย็นนี้ถ้าว่างก็แวะไปเยี่ยมเค้าหน่อยละกัน  คิดซะว่าไปแทนฉันก็ได้นะ  วันนี้เจ้านั่นมันจะให้ฉันฝึกพิเศษน่ะ  ไม่ว่างไปเลย  ท่านบอกอย่างไม่ค่อยจะชอบใจนัก  รู้สึกพักหลังๆนี่โดนฝึกพิเศษบ่อยน่าดูเลยนะครับท่าน...= =*

       

       

       

       

       

       

                      ผมไม่ค่อยแน่ใจกับเหตุการณ์หลังจากนั้นสักเท่าไหร่  แต่รู้ตัวอีกทีสองขามันก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านๆหนึ่งซะแล้ว  ร้านขายซูชิ...บ้านของ..หมอนั่น...

                     

                      ประตูร้านปิดสนิท  ป้ายหยุดบริการแปะหราอยู่กลางประตูร้าน....

       

                      ผมละล้าละลังอยู่พักใหญ่ ก่อนที่คุณลุงคนหนึ่งจะหันมาเห็นผมเข้า  คุณลุงคนนั้นโผล่หน้าออกมาจากหน้าต่างชั้นสองของร้าน  เหมือนว่าเขาจะจำหน้าผมได้ก็เลยควักมือเรียกให้ผมเข้าไปในร้าน....

       

                      มาเยี่ยมลูกชายลุงเหรอเจ้าหนุ่ม  ลุงทักด้วยท่าทางเป็นกันเอง  เนื่องจากจำได้ว่าเป็นเพื่อนของลูกชายตน  ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าของคุณลุงคนนี้มีส่วนคล้ายหมอนั้นอยู่มาก...ไม่สิ  หมอนั่นต่างหากที่เป็นฝ่ายคล้ายคุณลุงคนนี้  พอดีเลย!  ลุงมีธุระพอดี  ช่วยเฝ้าบ้านให้ลุงหน่อยสิ

       

                      เอ๊ะ!”

       

                      ฝากลูกชายลุงด้วยนะเจ้าหนุ่ม

       

                      อ่า...ครับ..  ทำไมผมถึงตอบรับออกไปแบบนั้นนะ  แต่ว่าตอนที่คุณลุงเขาออกปากว่าฝากด้วยนะ  มันชวนให้รู้สึกแปลกๆเหมือนมันจะมีความหมายอะไรสักอย่างแฝงอยู่ด้วยยังไงก็ไม่รู้สิ

       

                      เพราะงั้นเลยเผลอตอบรับออกไป...

       

                      คุณลุงเดินหัวเราะ ฮะ ฮะ ออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังจะหนีเจ้าหนี้  แป๊บเดียวก็หายตัวแว้บไปซะแล้ว

       

       

       

       

       

       

                      ความรู้สึกไม่ถูกชะตา  คือสิ่งแรกที่เกิดขึ้นในตอนที่เจอหน้าเป็นครั้งแรก  ไม่อยากเข้าใกล้  ไม่อยากพูดคุย...แต่ว่า  ในเวลานี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น...

       

                      ถึงจะเจอหน้าก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะหนีห่าง...

       

                      พอหมอนั่นพูดออกมาก็อดไม่ได้ที่จะพูดตอบออกไป...

       

                      ทำไมนะ...?

       

                      ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...?

       

                      ผ้าชุบน้ำถูกบิดไปบิดมาก่อนวางแปะลงบนหน้าผาก  ใบหน้าของหมอนั่นแดงเรื่อด้วยพิษไข้  ผมนั่งจ้องหมอนั่นอยู่นาน แต่หมอนั่นก็ไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัว

       

                      อยากจะ..ได้ยินเสียง....

       

                      ลมหายใจสม่ำเสมอบอกชัดว่ากำลังหลับลึก  เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเหมือนว่าคงกำลังฝันอะไรสักอย่าง  ทำให้อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบเบาๆให้หัวคิ้วนั้นคลายออก

       

                      อยาก...เห็นรอยยิ้ม....

       

      หมับ!!

       

                      มือถูกคว้าอย่างไม่ทันตั้งตัว  เลยส่งผลให้สะดุ้งโหยงไปทั้งร่าง  ดวงตาของหมอนั่นปรือน้อยๆมองมายังผม  มือของหมอนั่นร้อนกรุ่น

       

                      อา..ฉันนี่น้า...สงสัยไข้จะขึ้นจนเห็นภาพหลอนเลยแหะ  เสียงแหบพร่าดังลอดออกมา ก่อนที่ตาคู่นั่นจะปิดลงอีกรอบ  แต่ถึงจะเป็นภาพหลอนก็เถอะ  แต่ช่วยอยู่ด้วยกัน...อยู่กับฉัน..นะ

       

       

       

       

       

       

                      ไม่ห่างจากตัวบ้านนัก  คนคู่หนึ่งกำลังซุ่มมองอยู่เงียบๆ

       

                      แบบนี้ดีแล้วสินะพ่อหนุ่ม  ผู้เป็นเจ้าของบ้านกระซิบถามเด็กหนุ่มข้างๆตัว

       

                      ครับ  ต้อง...ขอโทษด้วยนะครับ   คนต้นคิดกระซิบกลับ  ลูกชายคุณลุงป่วยอยู่แท้ๆที่ผมยังขอให้คุณลุงผละตัวออกมา

       

                      ช่างเถอะ ช่างเถอะ ถ้าสองคนนี้ดีกันได้สักทีก็ดีเหมือนกัน  ลุงเห็นเจ้านั่นเป็นแบบนั้นแล้วในฐานะพ่อมันก็ปวดใจ  ท่าทางยังกะผีตายซาก วันๆไม่พูดไม่จา  ข้าวปลาก็ไม่กินแบบนั้นมันก็ต้องล้มจนได้ล่ะ  ผู้เป็นพ่อถอนใจ  ถ้าเจ้าหนุ่มนั่นส่งผลมากขนาดนั้นมันก็ต้องยอมล่ะนะ

       

                      ครับ

       

       

       

       

       

       

                      ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน  ผมสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างงงๆและรับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมา  หมอนั่นตื่นแล้ว และนั่งมองผมนิ่งๆอยู่อย่างนั้น  ไม่พูดไม่จา  ไม่ขยับตัวจนดูเหมือนหุ่นไร้ชีวิต  ผมขยับตัวแต่ไม่สามารถดึงมือของตัวเองกลับมาได้  มือร้อนๆของหมอนั่นยังคงจับมือของผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย  ผมก็เลยได้แต่เลยตามเลยยอมให้มันจับอยู่อย่างนั้น

       

                      มาทำไม

       

                      อึก...ประโยคแรกก็ทำผมสะท้านเจ็บไปหมดทั้งใจอย่างไม่รู้ว่าทำไม  ผมกัดฟันแน่น ทำตัวให้ดูนิ่งที่สุด  หวังว่าอย่างน้อยๆก็ขอให้นิ่งได้เท่าๆกับที่เสียงของหมอนั่นส่งออกมา

       

                      เดี๋ยวฉันก็ทำให้นายรำคาญอีกหรอก  เหมือนคำตัดพ้อ  ผมเงยหน้ามองหมอนั่นตรงๆเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันมานี้  ดวงตาที่เคยวาววับเสมอคู่นั้นดูพร่าจาง

       

                      สมองกำลังปั่นเร็วจี๋เพื่อหาคำพูด  แต่คำของหมอนั่นที่ตามมาก็ทำให้สะอึก  ความคิดต่างๆในหัวกระเจิงหายหมด

       

                      ถ้ามาเพราะหมอนั่นบอกให้มาล่ะก็ขอบใจ  แต่อย่าตามใจหมอนั่นนักเลย  ฉันไม่...อุ๊บ!!”

       

                      ชั่วเวลานั้นอะไรเป็นอะไรไม่สนแล้ว  ผมกดไหล่ทั้งสองข้างของหมอนั่นให้หงายกลับลงนอนโดยที่ตัวของผมอยู่ด้านบนของหมอนั่น  คงเป็นเพราะพิษไข้  หมอนั่นที่เคยมีแรงมากกว่าผมจึงไม่สามารถขืนแรงผมได้เลย

       

                      อย่าบ้านักเลย!  เออสิวะ  รุ่นที่สิบเป็นคนบอกให้ฉันมาแล้วแกจะทำไม!!”  ผมตะโกนใส่หน้าคนป่วย  แต่ถ้าฉันไม่อยากมาเองจะใครที่ไหนก็บังคับฉันไม่ได้!!  เข้าใจไหม!!!”

       

                      หมอนั่นเบิกตากว้างอยู่ภายใต้ร่างของผม  หยดน้ำสองสามหยดร่วงลงบนใบหน้าของมัน..อะไรน่ะ...

       

                      บ้าเอ๊ย!!  แกมันบ้า!  คิดเองเออเองอยู่คนเดียว  ไอ้บ้า!  แล้วก็อย่ามาว่ารุ่นที่สิบนะโว้ยไอ้นี้นี่!!!”  ถึงตอนนี้ผมพึ่งจะรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังร้องไห้  พอจะผละตัวออกมือของหมอนั่นก็รวบตัวของผมให้ลงไปนอนอยู่บนตัวมัน

       

                      เฮ้ย! ปล่อย!”

       

                      ..ขอโทษ..  คำๆเดียวที่หยุดการกระทำของผมได้ชะงัก  ผมเลิกขัดขืนดิ้นรนปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอย่างเงียบๆ...ทำไมถึงร้องไห้นะ...ไม่เข้าใจ.....

       

                      ขอโทษนะ...ฉันขอโทษ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

                      เช้าวันถัดมาผมค่อยๆพาตัวเองเดินออกจากบ้านอย่างช้าๆ  ในหัวสับสนไปหมด  เมื่อวานผมทำอะไรลงไปบ้างนะ  รู้สึกเหมือนจะปวดหัวยังไงชอบกล  จำ...ไม่ค่อยได้  ผมได้เคลียร์กับหมอนั่นแล้วหรือยังนะ  ผมได้ขอโทษมันหรือยัง....

       

                      ...แล้วผมกลับมาบ้านได้ยังไง...

       

                      ไง

       

                      เสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะเผลอเดินชนเนื่องจากสติไม่ค่อยอยู่กับตัว  รอยยิ้มสดใสที่รู้สึกเหมือนไม่ได้เห็นมานานประดับชัดอยู่บนใบหน้าของคนที่พึ่งจะนึกถึงไปเมื่อครู่

       

                      ผมเผลอยิ้มตอบอย่างไม่รู้ตัว....

       

                      นายนี่ตื่นเช้าดีนะ  หมอนั่นขึ้นต้นด้วยประโยคเดิมๆที่ผมรู้สึกคิดถึงขึ้นมาจับใจ

       

                      เออ...แล้วไข้นายหายดีแล้วเหรอ?”

       

                      อืม  ได้นอนเต็มอิ่ม  แถมมียาดีมาคอยพยาบาลให้ด้วย  ตื่นเช้ามาเลยไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ

       

                      ยาดีบ้านแกสิ! มีการมาคอยพยาบาลให้ด้วย!!”  แว๊กกลับก่อนนึกบางอย่างขึ้นได้  เมื่อวานฉันไปบ้านนายใช่มะ  แล้ว...เกิดอะไรขึ้นบ้างอ่ะ  แล้ว...ฉันกลับมาบ้านตัวเองไงยังไง...?”

       

                      อ้าว?  จำไม่ได้?”

       

                      ไม่งั้นจะถามเรอะ!?”

       

                      หมอนั่นนิ่งคิดแป๊บหนึ่ง  ก่อนหัวเราะ หึ หึ

       

                      ไม่-บอก-หรอก

       

                      เฮ้ย!”

       

                      ฮะ ฮะ ฮะ

       

                      ...........................

       

                      ...........................

       

                      นาย...ไม่โกรธฉันแล้วนะ

       

                      โกรธ...?  เรื่องอะไร?”

       

                      อ่ะ....

       

                      ไม่เฟ้ย!!  ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ!!!!!”

       

       

       

       

       

       

                      แล้วในแต่ละวันของผมก็กลับมาเป็นแบบเดิม  อยู่กับหมอนั่น  คุยกับหมอนั่น  ทะเลาะกับหมอนั่น  เรื่องเดิมๆที่กลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ...

       

      ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะกับการที่มีหมอนั่นอยู่ด้วยมันกลายเป็นเรื่องปกติไป...

       

       

       

       

       

       

                      แต่ว่านั่นก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นี่นะ...

       

       

       

       

       

       

                --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

       

       

       



      ขออีกนิด.....

       

       

       



                     
      ว่าแต่...มีใครพอจะบอกผมได้บ้างว่าในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง.........

       

                      ทำไมผมถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่~า.....

       

       

       

       

       

       

                      --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

       

      End....^_^....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×