เจ้าสาวทะเลทราย (แนวจีนย้อนยุค ชุดเจ้าสาวห้าแผ่นดิน)
วันเวลาที่มีความสุขร่วมกับท่านยิ่งมากเท่าใด ความทุกข์เมื่อต้องจากท่านไปยิ่งหนักหนากว่าร้อยเท่าพันเท่า
ผู้เข้าชมรวม
12,851
ผู้เข้าชมเดือนนี้
56
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตัวอย่างเจ้าสาวทะเลทราย
ตูม!
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นางไม่ได้ยินเขาเรียกหาใครหรือแม้แต่ผิวปากให้สัญญาณ หรือว่า... ดวงตาโตเบิกกว้างแล้วหันกลับไปมองที่สระน้ำทันที
เป็นเขาแน่ๆ ที่กระโดดลงไปในน้ำ ยังคิดไม่ทันเสร็จก็เห็นเขาโผล่ขึ้นมาลอยคออยู่เหนือน้ำ
“ท่านอ๋อง!!!...” นางตกใจจนหน้าซีดปากสั่น รู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน
“เจ้าเหวี่ยงมันไปตรงไหนจำได้หรือเปล่า” ตอนที่นางเหวี่ยงเขาก็ไม่ทันได้มอง จึงไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด
“ขึ้นมาเถอะ” เขาบ้าไปแล้วที่ทำแบบนี้
“ข้าจะหาจนกว่าจะเจอ เพราะมันทำให้เจ้าห่วงใยข้าได้” พูดจบเขาก็ดำน้ำหายไปอีกครั้ง
และครั้งนี้เขาหายไปนานจนรัตนาเริ่มกลัว “ท่านอ๋อง... อ๋องเซด.. ท่านอ๋องได้ยินข้าไหม.. ไม่ได้การแล้ว” ความห่วงใยที่มีมากมายทำให้นางรีบถอดเสื้อตัวนอกและรองเท้า แล้วกระโดดลงไปในน้ำอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง นางว่ายน้ำไปยังจุดที่เขาหายไปแล้วดำลงไป
อ๋องเซดผุดขึ้นจากน้ำเพื่อสูดเอาลมหายใจเข้าปอด แต่สิ่งที่เขาเห็นพอดีก็คือสตรีนางหนึ่งกำลังดำหายลงไปในน้ำ
“รัตนา” เขาเรียกนางแต่นางคงไม่ได้ยิน
“ท่านควรใช้โอกาสนี้พิสูจน์ใจนางนะ” ขณะที่กำลังจะดำลงไปในน้ำ เสียงของคาซัคก็แว่วเข้าหูโดยไร้ตัวตน ทำให้เขารู้ว่าคู่หูคนนี้แอบซุ่มดูเขาอยู่ห่างๆ
เขารวบรวมพลังลมปราณสะท้อนเสียงออกไป ทำให้คำพูดเบาๆ ที่หลุดออกจากปากดังไปถึงผู้ที่มีพลังลมปราณสูงส่งเช่นกัน
“ทำยังไง”
“เมียข้าบอกให้แกล้งจมน้ำ หรือจะแสดงความรักกันใต้น้ำก็ตามใจ หึๆๆ ข้าไปนะไม่อยากขัดคอ”
“เดี๋ยวสิ” ยังไม่ทันได้ถามต่อเขาก็เห็นผิวน้ำกระเพื่อมไหวแรงขึ้น จึงรีบดำดิ่งลงไปอย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะผุดขึ้นมาเห็นเข้า
รัตนาสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อขึ้นมาเหนือผิวน้ำ นางมองซ้ายมองขวาแต่ไม่เห็นเขา หัวใจเริ่มเต้นแรงด้วยความกลัว ภาพที่ตนและน้องๆ ดำผุดดำว่ายเพื่อเอาชีวิตรอดตอนที่ตกน้ำ และความทรมานในนาทีสุดท้ายที่ลมหายใจใกล้จะหมดก็ปะทุขึ้นมา
“ท่านอ๋อง ท่านอยู่ไหน ได้ยินที่ข้าเรียกไหม ถ้าท่านไม่โผล่หัวขึ้นมาข้าจะไม่รักท่านแล้ว แต่ข้าจะเกลียดท่านไปจนวันตาย” ความหวาดกลัวว่าจะต้องเสียเขาไปทำให้นางตะโกนก้องไปทั่วสระน้ำอย่างไม่กลัวใครจะได้ยิน
“ข้าอยู่นี่ยอดรัก”
เสียงทุ้มคุ้นหูที่กระซิบจากทางด้านหลังพร้อมกับการกอดรัดอย่างแนบชิดทำให้รัตนาถอนหายใจอย่างโล่งอก น้ำตาที่อัดอั้นอยู่ในอกทะลักออกมาราวทำนบแตก
เห็นนางในดวงใจซบหน้าร้องไห้กับฝ่ามือ อ๋องเซดก็รู้สึกผิดยิ่งนักที่แกล้งนางลงไป แต่ถ้าเขาไม่ทำก็คงจะไม่ได้ยินประโยคที่หวานจับใจประโยคนั้นจากปากของนาง เขาหมุนตัวไปยืนด้านหน้าของนาง
“อย่าร้องไห้สิดวงใจของข้า” จับมือเล็กที่รองน้ำตาออกมาโอบที่เอวของตน แล้วใช้สองมือใหญ่ประคองใบหน้างดงามนั้นให้เงยขึ้นมาสบตากัน “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าเกิดเจ้าจมน้ำตายแล้วข้าจะอยู่กับใคร”
“ก็ข้ากลัวท่านตายนี่ ท่านหายไปในน้ำนานมากจนข้ากลัว” เธอสะอึกสะอื้นอย่างกับเด็กน้อย
หัวใจของเขาชุ่มฉ่ำเหมือนมีน้ำทั้งสระนี้หล่อเลี้ยงเอาไว้เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวของนาง
“เจ้าก็รู้ว่าข้ามีวรยุทธสูงส่ง น้ำตื้นๆ แค่นี้ฆ่าข้าไม่ได้หรอก”
“ข้าจะไปรู้เรื่องนั้นได้ยังไงล่ะ ข้าไม่ใช่เมียจอมยุทธนะ” นางขึ้นเสียงใส่เขาด้วยความโมโห ลืมไปชั่วขณะว่าก่อนหน้านี้ยังเป็นห่วงเป็นใยเขาแทบขาดใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นซะสิ ข้าจะได้บอกเจ้าว่าจอมยุทธเขาทำอะไรได้บ้าง” อ๋องเซดได้ทีจึงรีบยื่นข้อเสนอให้นาง และตอนนี้เองที่เขาได้เห็นบางอย่างของนาง…
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อเห็นอกอวบสล้างชูชันดันเนื้อผ้าที่เปียกแนบเนื้อ เผยให้เห็นทั้งเต้าและสีสันชวนมองของยอดอก
แล้วบางอย่างของเขาก็เริ่มชูชันดันกางเกงขึ้นมาจนสุดความสามารถ และนางก็สัมผัสถึงมันได้ นางมองหน้าเขาด้วยท่าทางตกใจมาก
“เจ้ารู้สึกเหมือนข้าไหม”
รัตนารีบพยักหน้ารับ ตัวเกร็งด้วยความตกใจกลัว เสียวไปทั่วบริเวณหน้าท้องที่ถูกเจ้าตัวประหลาดดุนดัน
“เราจะทำอย่างไรกับมันดี”
น้ำเสียงตื่นกลัวทำให้เขาคลี่ยิ้ม แต่ก็ทึ่งกับความใจกล้าของนางที่ยอมรับออกมาตรงๆ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ” เขากระซิบที่หูของนางแล้วเม้มริมฝีปากใส่ใบหูเล็กๆ นั้นอย่างหยอกเอิน
หญิงสาวขนลุกซู่ ความซาบซ่านลุกลามไปทั่วเรือนร่างเมื่อถูกปากอุ่นๆ ของเขาเล่นงาน เขาจะทำอะไรกันแน่ ไหนบอกว่าจะจัดการกับตัวอะไรบางอย่างที่ขยับอยู่ตรงหน้าท้องให้ไง นั่นไง! มันขยับอีกแล้ว มันคืออะไรกันนะ ปลาหรืองู แต่ตัวมันก็ไม่ได้ยาวนี่ หรือว่าจะเป็นปลาหลีฮื้อที่นางให้อาหารอยู่ทุกวัน
“อุ้ย!” นางเผลออุทานออกมาเมื่อถูกจมูกและปากของเขาแนบลงมาที่ซอกคอ จะขยับตัวหนีก็ไม่ได้เพราะถูกมือใหญ่โอบรัดเอาไว้แน่น จึงได้แต่เอียงคอหนี ไอ้ตัวที่ท้องก็ขยับถี่ขึ้นกว่าเดิม สงสัยมันจะหาทางออกอยู่เหมือนกันกระมัง “ท่านอ๋องอย่า”
“ข้าบอกให้อยู่เฉยๆ ยังไงล่ะ” เขากระซิบเสียงพร่าอย่างเอาแต่ใจนิดๆ
“ข้าไม่ได้ต้องการให้ท่านทำแบบนี้นะ ข้าต้องการให้ท่านจัดการกับตรงนี้ต่างหากล่ะ” นางชี้ลงไปในน้ำพร้อมก้มลงไปมอง.. แล้วใบหน้าของนางก็ร้อนวูบวาบด้วยความอับอาย รีบยกสองมือมาปิดอกอวบที่เปิดเผยความเย้ายวนเอาไว้เพราะกลัวเขาเห็น “ข้าหนาว เรากลับขึ้นฝั่งกันเถอะ”
“ข้าขึ้นฝั่งไม่ได้หรอกตอนนี้”
“ทำไมล่ะ หรือว่าท่านกลัว” ที่เขาเอาแต่อิดออดก็เพราะไม่กล้าจัดการกับปลาหรืออะไรสักอย่างที่ติดกับอยู่ตรงกลางนี้ใช่ไหม โธ่เอ๊ยจอมยุทธขี้ขลาด “ไม่เป็นไร ข้าจะจัดการเอง” นางทำใจดีสู้เสือแล้วใช้มือข้างหนึ่งบดบังเต้า ล้วงมืออีกข้างหนึ่งลงไปตามหน้าท้องให้เบาที่สุดเพื่อลองสำรวจเจ้าสิ่งแปลกปลอมตัวนั้นดูก่อน
นางหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อนิ้วชี้ไปสัมผัสถูกมัน แล้วค่อยๆ แตะอีกที และค่อยๆ จับมากขึ้น
“มันแข็งๆ แต่ก็นิ่มๆ ด้วย จะเป็นปลาหลีฮื้อหรือเปล่านะ”
เซดเฟ่ยรีบหยิกหลังมือตัวเองก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดมาตลอด และทำหน้าขึงขังเพื่อไม่ให้นางสงสัย
“หรือจะเป็นปลิงทะเล” โชคดีที่นางไม่ค่อยกลัวสัตว์น้ำประเภทนี้ จึงกล้าที่จะจับมากขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามันไม่มีพิษไม่มีภัย “ไม่มีเกล็ด คงไม่ใช่ปลาหรอก นิ่มๆ แข็งๆ ตัวใหญ่ด้วยนะ กำเกือบไม่มิด” ตอนนี้นางกำตัวมันไว้แล้ว
“ไม่รู้สิ ข้าไม่กล้าจับ” เขาโกหกเพื่อหลอกล่อให้นางหลงกล แล้วเบี่ยงหน้าหนี เพื่อไม่ให้นางเห็นสีหน้าเคลิบเคลิ้มไปด้วยความสยิวของตน ทั้งคำพูดและการกระทำที่ใสซื่อทำให้เขาแทบคลั่ง
รัตนาเริ่มขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกแปลกๆ กับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่พยายามดึงยังไงก็ไม่หลุด แต่กลับทำให้ร่างกายแข็งแกร่งดั่งหินผาของอ๋องเซดสั่นสะท้านพร้อมกับมีเสียงสูดปากเล็ดลอดออกมา
“ปล่อยมือข้าสิ ข้าจะจับมันขึ้นมาดูว่าคืออะไรกันแน่” ถึงตอนนี้ความหวาดกลัวในตอนแรกหายไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
“อย่าเพิ่งเอาขึ้นมาเลยนะข้ากลัว อือ” แล้วเขาก็สูดปากทำหน้าบิดเบี้ยว
“ไม่เอา ข้าจะดู ข้าอยากรู้” นางไม่สนใจจะฟังคำขอร้องของเขา ยื้อยุดกับมือใหญ่ที่กุมมือข้างนั้นของตนไว้
“อา..” เซดเฟ่ยสูดปากครางด้วยความเสียวสะท้านเมื่อการยื้อยุดระหว่างตนกับนางดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ “ข้าไม่ทนแล้วนะ ทั้งหมดต้องโทษเจ้าที่ดื้อดึง” แล้วปล่อยมือจากมือของนาง คว้าร่างบางเข้ามาจูบเพื่อแบ่งลมหายใจก่อนจะพาดำดิ่งลงไปใต้น้ำ แหวกว่ายไปที่กอบัวสูงท่วมหัวเพื่อใช้เป็นที่กำบังจากสายตา เผื่อว่ามีคนอื่นกำลังแอบดู
หลังจากถูกดึงให้จมดิ่งอยู่ใต้น้ำด้วยกันกับเขา ความกลัวที่เคยเกิดกับตัวเองและน้องๆ อีกสี่คนก็ทำให้นางกลัวจนต้องโอบกอดลำคอเขาไว้เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย แต่การกระทำเยี่ยงนี้กลับเปิดทางให้เขาได้ใจมากขึ้น
ตอนนี้อกอวบจึงถูกฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้ ให้ความรู้สึกวาบหวิวและร้อนรุ่มไปทั่วเรือนร่าง แม้แต่น้ำทั้งสระก็ยังดับร้อนให้นางไม่ได้ ครั้นจะพาตัวเองผุดขึ้นเหนือน้ำก็ยากยิ่งกว่า หรือว่านางจะต้องสูญเสียความสาวที่รักษาเอาไว้ถึงยี่สิบเจ็ดปีให้เขาคนนี้จริงๆ
ไม่นะ! จะให้เสียตัวครั้งแรกในที่แบบนี้มันพิสดารเกินไปแล้ว นางไม่ยอมเด็ดขาด แล้วจึงออกแรงดิ้นหนีเอาตัวรอด
อ๊ะ!... อาการดิ้นหนีเปลี่ยนเป็นตัวเกร็ง เพราะถูกมือใหญ่ของเขาล้วงเข้าไปลูบไล้เนินเนื้อนิ่มในกางเกง เสียดสีกับกลางรอยแยกเข้าอย่างจัง บังเกิดความสยิวเสียวซ่านวิ่งพล่านไปทั่วเรือนร่าง เหมือนมีไฟแผดเผาอยู่ข้างในก็ไม่ปาน
ความเสียวซ่านทำให้นางเบี่ยงหน้าหนีจากการถูกจูบและส่งเสียงครางออกมา แต่ก็ต้องสำลักน้ำเข้าไปเต็มปาก จึงรีบดิ้นรนเพื่อหาอากาศหายใจให้จงได้
เซดเฟ่ยเห็นอาการของนาง ครั้นจะรั้งไว้ใต้น้ำต่อด้วยลมในปอดของตนก็คงจะยากเพราะนางสำลักน้ำเข้าไปแล้ว จึงยอมปล่อยมือให้นางได้ทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำ ยอมเสียโอกาสที่กำลังจะเข้าถึงอย่างเสียดาย
“ดีขึ้นหรือยัง”
คนถูกถามตวัดสายตามองชายหนุ่มที่คอยช่วยลูบหลังลูบไหล่ให้จนอาการสำลักน้ำหายดี
“พาข้าขึ้นบกเดี๋ยวนี้เลยนะ” นางใช้น้ำเสียงไม่พอใจกลบเกลื่อนความอับอาย แต่ก็ไม่ได้ดังนักเพราะกลัวจะมีคนอื่นมาได้ยินเหมือนคนทำความผิดเอาไว้ก็ไม่ปาน
“ถ้าทำเสียงแบบนี้ใส่ข้าได้ก็แสดงว่าหายดีแล้ว รอข้าอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ข้าขอเวลาไม่นาน”
“ท่านจะไปไหน”
“อยู่ตรงนี้ห้ามขยับไปไหนเพราะสระนี้น้ำลึกตื้นไม่เท่ากัน เจ้าอาจจะจมน้ำได้” เขาบอกแล้วหายลงไปใต้น้ำทันที
หญิงสาวยอมลอยคออยู่เหนือน้ำอย่างรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะว่ายเข้าฝั่งคนเดียว ที่เมื่อกี้กล้ากระโดดลงมาเพราะเป็นห่วงเขามากจนลืมกลัว แต่ตอนนี้อาการนั้นหายไปหมดแล้ว จึงได้แต่เกาะก้านบัวยักษ์รอเขา
“กรี๊ดดดด...” แล้วนางก็แหกปากเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็ถูกจับที่ข้อเท้า แต่เมื่อนึกได้ว่าต้องเป็นเขาก็หยุดร้องแล้วกระทุ้งเท้าใส่อย่างฉุนเฉียว
มือใหญ่นั้นยอมปล่อยจากข้อเท้าหลังจากนั้น แต่กลับขยับเลื่อนขึ้นมาตามเรียวขาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงขาอ่อนและดูท่าจะไม่ยอมหยุด มือข้างหนึ่งจึงรีบไปตะปบมือซนใต้น้ำเอาไว้ แต่กลับถูกเขาจับดูด ใช้ลิ้นหยอกเอินอยู่ใต้น้ำนั่นเอง
นางรีบหันซ้ายหันขวา ทำเหมือนกับว่าสิ่งที่เขากำลังทำกับตนนั้นอาจจะมีคนเห็น แต่ใครเล่าจะมาเห็น ขนาดนางเป็นผู้ถูกกระทำนางยังไม่เห็นอะไรเลย สัมผัสได้แต่ความอุ่นนุ่มของลิ้น และตอนนี้เขาก็ดึงมือนางออกจากปากแล้ว แต่ก็ยังไม่ปล่อยให้เป็นอิสระ
ไม่นะ!!! มือที่ถูกเขาจับไว้พยายามสะบัดให้หลุดเป็นอิสระ เพื่อจะดึงกางเกงที่ถูกดึงจนหลุดจากสะโพกไปแล้วเอาไว้ นี่เขาจะทำอะไรกันแน่ นางทั้งอายทั้งโมโหจึงปล่อยมืออีกข้างที่เกาะก้านบัวยักษ์เอาไว้แล้วล้วงลงไปใต้น้ำ เจอมวยผมของเขาอย่างเหมาะเจาะจึงกระชากอย่างแรงเพื่อให้เขาหยุดลวนลาม
เซดเฟ่ยหน้าหงายไปตามแรงของฝ่ามือเล็กๆ ที่กระชากมวยผมตนเอาไว้ก่อนที่จะได้โจมตีตรงจุดไวต่อความรู้สึกของนาง แต่คนอย่างเขาหรือจะสะท้าน เพียงแค่เดินลมปราณเบาๆ ความเจ็บก็จางหาย แล้วเริ่มโจมตีใส่เป้าหมายอีกครั้ง
จับขาเล็กเรียวให้แยกจากกันแล้วซุกใบหน้าเข้าตรงกลาง พรมจูบบนเนินเนื้อนุ่มและตามเรียวขาที่เกร็งแน่นทั้งสองข้างก่อนจะวนกลับมาตรงกลางอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาเริ่มใช้ปลายลิ้นลองลิ้มชิมความนุ่มของเนินเนื้อ แตะๆ วนๆ จนทั่วแล้วจึงแทรกลงตรงกลางรอยแยก ลากปลายลิ้นทักทายกับสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ด้านในช้าบ้างเร็วบ้างอย่างมีจังหวะ...
ไม่นานก็คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อปลายลิ้นที่ไวต่อความรู้สึกรับรู้บางอย่างจากเนินเนื้อนี้พร้อมกับอาการตัวเกร็ง ฝ่ามือที่ขยำศีรษะของเขาก็เปลี่ยนเป็นจิกผมแน่น
เขาชักลิ้นออกเมื่อสมอย่างที่ใจปรารถนา จูบเนินเนื้อเป็นการสั่งลาแล้วโผล่ขึ้นเหนือน้ำ สูดลมหายใจเข้าปอดตามปกติเหมือนไม่ได้หายไปอยู่ใต้น้ำนานเป็นครึ่งๆ เค่อ
ผิดกับคนที่อยู่เหนือน้ำตลอดเวลา เพราะตอนนี้นางหอบหายใจถี่คล้ายคนหายใจไม่ทัน
เขาคลี่ยิ้มมองนางอย่างเอ็นดู กางแขนรวบเอาร่างนางเข้ามาแนบอกแล้วร่อนขึ้นเหนือน้ำ คว้าเอาชุดคลุมในศาลามาปกปิดเรือนร่างเย้ายวนชวนหลงใหลก่อนจะเหินไปกลางอากาศกลับไปที่ห้องของตน ระหว่างทางอันแสนสั้นนั้นไม่ลืมที่จะใช้ตาเหยี่ยวสอดส่องเหล่าองครักษ์ไปด้วย พบว่าทุกอย่างเงียบสงบไร้สายตาสอดแนม
แต่เมื่อมาถึงห้องก็ต้องหงุดหงิดหัวใจยิ่งนัก เพราะมันไม่ได้สงบเหมือนที่สระน้ำนั้นเลย
“ท่านอ๋อง! ทำไมท่านถึงเปียกปอนเช่นนี้” การ์ต้าลุกจากเก้าอี้แล้วปรี่เข้าไปถามไถ่ประมุขหนุ่มด้วยความตกใจ
“ข้าไปเล่นน้ำกับท่านหญิงมา รีบไปเตรียมน้ำสะอาดมาให้พวกเราล้างตัว แล้วบอกให้ผิงผิงเตรียมชุดมาให้ท่านหญิงด้วย”
“ข้าจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้” สาวใช้ผู้ทำตัวสูงศักดิ์กว่าใครยอมรับคำอย่างว่าง่ายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แต่ก็ไม่วายใช้หางตาเหลือบมองร่างเปียกปอนที่ถูกโอบกอดเอาไว้อย่างห่วงใยนั้น
นางเก็บซ่อนความริษยาแล้วยอมเดินออกไปอย่างมั่นคง ไม่นานทั้งน้ำอุ่นสะอาดและชุดของรัตนาก็มาถึง
“เจ้าจะทำอะไร” เซดเฟ่ยถามการ์ต้าเมื่อเห็นนางกำลังจะเดินไปที่ฉากกั้นที่ใช้กั้นเป็นห้องอาบน้ำชั่วคราวเอาไว้
“ข้าจะช่วยปรนนิบัติท่านหญิง”
“ไม่ต้องยุ่ง ท่านหญิงมีผิงผิงคอยดูแลอยู่แล้ว ออกไปได้แล้ว”
“แต่ข้าต้องรออาบน้ำให้ท่าน” ประโยคนี้นางจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้คนที่เพิ่งเดินหายไปหลังฉากกั้นได้ยิน
“วันนี้ไม่ต้อง เจ้าออกไปได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ” นางจำใจรับคำและจากไปอย่างผิดหวังอีกครั้ง
แนะนำตัวละคร
อ๋องเซด บุรุษวัยสามสิบเอ็ดปีผู้เย็นชา เจ้าผู้ปกครองแคว้นสือ เขามีรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ดวงตาสีน้ำตาล ผิวสีน้ำผึ้งตามบิดาชาวเอเดน มารดาของเขาคือพี่สาวคนที่สี่ของจักรพรรดิเฟ่ย ซึ่งเป็นพี่น้องที่ร่วมมารดาเดียวกัน เขาเป็นลูกชายคนที่สอง เมื่ออายุได้สิบห้าก็ถูกส่งมาอยู่ในอาณาจักรลั่วอาน ตามข้อตกลงที่ติดตัวมารดาที่ถูกส่งไปแต่งงานยังต่างแดนเพื่อสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น
รัตนา – ตา (พี่สาวคนโตสุด) อายุ 27 ปี นักวิจัยบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จิตใจดีมีเมตตา รูปร่างโปร่งระหงได้สัดส่วนเพราะมีงานอดิเรกคือการเต้น แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องย้อนยุคกลับไปในอดีตที่ไม่เคยรู้จักถึงสี่ร้อยกว่าปี
คาซัค อายุ 34 ปี เพื่อนสนิทและองครักษ์คู่กายของเซดเฟ่ย
ผิงผิง อายุ 27 ปี ภรรยาของคาซัค
ไซอา อายุ 30 ปี ลูกสาวคนเดียวของโลวา ราชทูตของแผ่นดินเอเดน นางเป็นทูตพิเศษที่ถูกแต่งตั้งให้มาเจรจาที่อาณาจักรลั่วอาน
ฉิวหลวน หัวหน้าพรรคไม้หอม ชมชอบไม้ป่าเดียวกัน
ผลงานอื่นๆ ของ ณศิกมล, ซินเหมย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ณศิกมล, ซินเหมย
ความคิดเห็น