ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HAEEUN - LITTLE BOY

    ลำดับตอนที่ #7 : - LITTLE BOY ♡ ( DH ) - 6

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56


               



     













                ฮยอกแจขับรถเข้ามาในตรอกแคบๆตามที่ทงเฮบอกว่ามันเป็นทางลัด ข้อมือบางบังคับพวงมาลัยอย่างยากลำบาก แต่หากว่ามันช่วยเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้ก็นับว่าคุ้ม พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงจากโรงพยาบาลจนถึงที่หมาย ทงเฮยังคงอยู่บ้านหลังเดิมหลังเดียวกับที่ฮยอกแจเคยมาส่งเมื่อครั้งที่อีกฝ่ายยังคงเป็นเพียงเด็กอนุบาลตัวอ้วนๆ



                ฮยอกแจเอ่ยคำบอกลาสั้นๆแล้วจอดรถโดยไม่ได้ดับเครื่อง ร่างบางยังคงนั่งนิ่งและไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน จนทงเฮต้องขมวดคิ้วใส่เป็นเชิงถามว่าจะไม่ลงไปด้วยกันเหรอ



    ต้องเข้าไปด้วยเหรอ?” คนหัวหมอเลิกคิ้วถาม





    ก็พี่สัญญาแล้วนี่!”





    ตลกเถอะ ฉันไม่ได้พูดอะไรสักคำ




    แต่พี่พยักหน้า





    ไม่เห็นจะจำได้เลย



    ขี้โกง



    แล้วจะทำไม? ฟ้องหม่าม๊ามั้ย?” ฮยอกแจว่าพลางเบ้ปากล้อเลียน ก่อนจะหันไปยักคิ้วแล้วแกล้งดัดเสียงกวนอารมณ์อีกฝ่าย พี่ฮยอกแจแกล้งทงเฮอะฮื่อออออออออออออ



    ทงเฮขมวดคิ้วจ้องมองการกระทำของคนอายุยี่สิบแปดอย่างนึกหมั่นเขี้ยวอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากเบนสายตาไปทางอื่นแล้วถอนหายใจยาว




    กวนตีน พูดไว้แค่นั้น ก่อนจะตัดสินใจก้าวลงมาจากรถ




    ไม่กี่วินาทีถัดมาเขาก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถดังตามมา แม้จะไม่ได้หันไปมองแต่ทงเฮก็รับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าหนักๆที่ก้าวเข้ามาใกล้ ตอนนั้นเองที่ริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง

     




     

    - - - - - - - -

     






     

    ฮยอกแจคิดว่าคืนนี้เขาคงไม่สามารถนอนหลับสนิทได้



    หลังจากถูกแม่ของทงเฮคะยั้นคะยอให้กินมื้อดึกด้วยกันอีกรอบ ร่างบางก็พบว่าชุดที่สวมใส่อยู่นี่มันน่าอึดอัด เขาแทบจะลืมไปแล้วว่าได้กินอาหารอร่อยๆและรู้สึกอิ่มขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่



    หลังจากอาหารมื้อค่ำผ่านไป ฮยอกแจก็เดินตามหลังทงเฮขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านพลางบ่นพึมพำไม่หยุด เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองมาทำอะไรอยู่ที่นี่ และไม่รู้ว่าอะไรทำให้เลือกที่ไว้ใจเดินตามเด็กหนุ่มตรงหน้าขึ้นไปบนห้องนอนแบบนี้




    ปกติกลับบ้านกี่ทุ่ม ฮยอกแจถามออกไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบชวนให้อึดอัดเกินไปนัก



    ห้า



    ทุกวัน?”



    อือฮึ



    อายุแค่สิบแปดแต่กลับบ้านห้าทุ่มทุกวันเนี่ยนะ มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหน



    แล้วพี่จะมาสอบสวนผมทำไมเนี่ยทงเฮหันมาถามกลับด้วยน้ำเสียงติดตลก หม่าม๊ายังไม่เคยถามขนาดนี้เลยนะ








    ก็เพราะไม่ถามน่ะสิ ถึงได้ไม่รู้ว่าลูกตัวเองไปทำอะไรบ้าง


    ฮยอกแจคิดในใจแล้วแอบเบ้ปากเบาๆคนเดียว ครอบครัวส่วนใหญ่ก็มักจะเจอปัญหาแบบนี้ทั้งนั้น บางครั้งพ่อแม่ไม่มีทางรู้เลยว่าลูกตัวเองไปทำอะไรอยู่ที่ไหน และพวกเขามักจะตกหลุมพรางคำโกหกต่างๆที่เด็กวัยรุ่นหยิบยกขึ้นมาอ้าง







    ขมวดคิ้วอยู่ได้




    สัมผัสหนักๆที่ตรงหว่างคิ้วทำให้ฮยอกแจสะดุ้งขึ้นจากห้วงความคิด ร่างบางกะพริบตาปริบๆมองเจ้าของเสียง ก่อนจะหันมองรอบๆพบว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องนอนสีขาวสะอาดของคนตรงหน้าแล้ว




    ห้องของทงเฮเรียบร้อยกว่าที่ฮยอกแจจินตนาการไว้ มันไม่ได้มีสื้อผ้าและข้าวของวางระเกะระกะเหมือนอย่างที่เขาคิด ร่างบางถอดเสื้อคลุมออกแล้วแขวนไว้บนผนักเก้าอี้ ก่อนจะหันไปหาเจ้าของห้องที่วุ่นวายอยู่กับการปรับอุณหภูมิอากาศ




    พรุ่งนี้คงต้องไปแต่เช้านะ






    หื้อ? ทำไม?”




    แวะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อน จะให้ใส่ซ้ำหรือไงล่ะ




    ฮยอกแจยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำให้มันวุ่นวายขนาดนี้ หากเพียงแต่ตอนแรกเขาปฏิเสธไปซะทงเฮก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วแต่ถ้าลองคิดอีกแง่ สมมติว่าเขาเลือกที่จะไม่ตอบตกลง และแยกย้ายกันไป ป่านนี้ทงเฮอาจจะยังไม่ถึงบ้านก็ได้









    บางทีเขาอาจจะทำถูกแล้ว

     





     

    พี่จะอาบน้ำก่อนมั้ย





    ทงเฮถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ



    ไม่ล่ะ อาบไปก่อนเลยฮยอกแจสั่นหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเบนสายตาไปทางโต๊ะตัวเล็กๆที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง ขอใช้คอมหน่อยได้มั้ย?”



    เมื่อทงเฮพยักหน้าอนุญาตร่างบางจึงตรงไปยังโต๊ะที่ว่า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ในแบบที่เขาคุ้นเคยส่วนประกอบทั่วไปก็ไม่เหมือนคืออันที่จริงฮยอกแจไม่ค่อยได้ตามเทคโนโลยีใหม่ๆพวกนี้เท่าไหร่น่ะนะ




    พี่ ทงเฮหลุดหัวเราะออกมาหลังจากที่จ้องมองอยู่นาน จะบ้าหรือไง มันต้องกดเปิดตรงนี้




    ไม่ว่าเปล่า ใช้ปลายนิ้วดันศีรษะของฮยอกแจด้วยความหมั่นเขี้ยว



    บอกดีๆก็ได้นี่!”



    ฮยอกแจฟาดมือลงบนไหล่ของอีกฝ่ายเป็นการเอาคืน และตอนนั้นเองที่ภาพความทรงจำเก่าๆตอนที่เขาเคยให้ทงเฮนั่งตักแล้วสอนเล่นคอมพิวเตอร์ครั้งแรกตอนนั้นจำได้ลางๆว่าอธิบายไปเท่าไหร่ เจ้าเด็กอ้วนนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจยากแล้วก็เอาแต่ถามซ้ำไปซ้ำมา





    แล้ววันนี้ ทำไมมันถึงกลับกันไปหมดก็ไม่รู้






    กว่าฮยอกแจจะเรียนรู้ไอ้เครื่องตรงหน้านี่ได้ก็เถียงกับทงเฮไปหลายยก ไม่ใช่ว่าเขาใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น แค่เจ้าสิ่งนี้มันเกินความสามารถไปนิดหน่อยเท่านั้น



    มือบางไล่กดหาอีเมล์ประวัติคนไข้ที่เพื่อนร่วมงานบอกว่าจะส่งมาให้ และเริ่มอ่านมันอย่างตั้งใจพร้อมกับจดโน้ตเล็กๆไว้ในสมุดที่พกติดตัวตลอด




    และแน่นอนว่าทุกการกระทำของฮยอกแจทั้งหมดนั้นตกอยู่ในสายตาของทงเฮอย่างเลี่ยงไม่ได้ เจ้าของบ้านที่ถืออภิสิทธิ์ใหญ่เอาแต่นั่งเท้าคางจ้องหน้าเขาไม่หยุดหย่อน ทีแรกฮยอกแจก็ดุไปแล้วว่าจะมานั่งจ้องทำไม แต่ดูเหมือนว่าทงเฮจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด





    นับเป็นการนั่งอ่านประวัติคนไข้ที่ฮยอกแจจะไม่ลืมมันเลยจริงๆ






    พี่ จู่ๆทงเฮก็พูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบไปนาน หน้าแบบนี้นี่ตั้งใจทำปะ




    หื้อ? อะไร?”





    หน้าแบบเนี้ยะ ตั้งใจทำใช่มั้ย




    พูดอะไรน่ะร่างบางละสายตาจากหน้าจอแล้วขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่เอาแต่พ่นคำถามแปลกๆออกมา "หน้าแบบไหน?”




    ก็เนี่ย หน้าแบบนี้…”





    ทงเฮยิ้มแล้วเลื่อนนิ้วไปที่ข้างแก้มของฮยอกแจ







    พี่ตั้งใจทำให้น่ารัก หรือมันน่ารักของมันเอง

     








     

    ไปไกลๆเลยไป

    ฮยอกแจเงื้อมือทำท่าจะขว้างปากกาในมือใส่ไอ้เด็กตรงหน้าที่กวนประสาทไม่รู้เวล่ำเวลา ส่วนทงเฮก็เอาแต่หัวเราะแล้วเปลี่ยนประเด็นไปเพราะกลัวว่าถ้าฮยอกแจเขินกว่านี้เขาอาจจะโดนปากกาทิ่มคอตายจริงๆ




     พี่ต้องทำงานดึกๆแบบนี้ทุกวันเลยอ่อ



    ก็ไม่นะ




    ฮยอกแจตอบเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะปรับอารมณ์ตามอีกฝ่ายไม่ทัน เด็กนี่มันก็เด็กจริงๆ คิดจะพูดอะไรก็พูด คิดจะถามอะไรก็ถามไม่นึกถึงหัวใจคนอื่นเขาบ้าง




    แล้วพี่เคยผ่าตัดคนไข้มั้ย ตอนนั้นเรียนวิทย์แล้วอาจารย์เปิดวีดีโอให้ดูแม่งน่ากลัวสัส



    ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกฮยอกแจหัวเราะ ยังต้องไปเรียนเฉพาะทางต่ออีกเยอะ



    แล้วประเด็นนั้นก็จบลงไปอย่างง่ายดายเพราะทงเฮบ่นว่าร้อน ก่อนจะลุกพรวดพราดหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้ร่างบางนั่งมึนอยู่ตรงนั้น ฮยอกแจส่ายหน้าระอา แล้วถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มใช้สมาธิจดจ่อกับงานตรงหน้า




    แต่ช่วงเวลาสงบเงียบผ่านไปไม่ถึงสิบห้านาที ตัวก่อกวนก็กลับมานั่งเท้าคางทำหน้ากวนประสาทใส่เหมือนเดิมพร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆที่ทำเอาคุณหมอเสียสมาธิไปพอควร




    เมื่อไหร่จะเสร็จ



    ง่วงก็ไปนอนสิฮยอกแจตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกฝ่าย จะมานั่งมองทำไมล่ะ




     “ช่างมันก่อนไม่ได้เหรอ…”



    แต่น้ำเสียงที่ติดจะงอแงอยู่ในทีนั้นทำให้ฮยอกแจจำต้องละความสนใจขึ้นมามอง




    ผมไม่ยอมไปเที่ยวกับเพื่อนเพื่อพี่แล้วทำไมพี่ถึงยังสนใจงานมากกว่าผมล่ะ



    นี่…”




    ไม่ยุติธรรม




    ยังไม่ทันจะได้เปิดปากพูดอะไร คนตรงหน้าก็สวนกลับมาจนฮยอกแจได้แต่อ้าปากค้าง เสียงในใจตะโกนก้องว่าแล้วมันเป็นความผิดของเขาหรือไงกันเล่า! ทำไมต้องทำหน้าเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ใจร้ายใจดำแบบนั้นด้วย




    เที่ยวกับเพื่อนนี่คืออะไรฮึ?” ฮยอกแจตั้งสติ แล้วถามกลับ กินเหล้า เข้าผับ แทงบอล หรือ…”




    พอเลย




    ทงเฮรีบยกมือปราม ดวงตาดื้อรั้นคู่เดิมกลับมาอีกครั้ง และมันแสดงออกถึงความไม่พอใจที่มีคนรู้ทัน แต่ในที่สุดแล้วความไม่พอใจนั้นก็หายไป เหลือเพียงแววตาทะเล้นในแบบที่ทำให้ฮยอกแจหงุดหงิด




    ทำไมพี่ถึงยอมอยู่กับผม



    พูดยังกับหนีตามกันมา



    คิดถึงใช่มั้ยล่ะ



    ไม่ ฮยอกแจตอบเสียงหนัก ก่อนจะวางปากกาแล้วทาบมือลงบนแก้มของอีกฝ่าย เด็กอ้วนที่โคตรจะดื้อนั่นน่ะ…”




    “………….”





    ใครจะไปคิดถึงกัน





    พอได้ยินคำตอบแล้วทงเฮก็ขมวดคิ้วแน่น ตรงกันข้ามฮยอกแจกลับหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วดึงแก้มอีกคนเล่นอย่างสนุกมือ พลางคิดไปว่าหากเป็นเมื่อก่อนที่ทงเฮยังเป็นเด็กตัวอ้วนๆแก้มเยอะๆเขาคงจะจับถนัดมือกว่านี้




    ไหนยิงฟันซิ



    ตลกละ ทงเฮว่าเสียงขุ่น ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีจากฝ่ามือบาง พี่จะกินอะไรมั้ย?”




    กาแฟสักแก้ว




    ไม่มี แล้วมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย




    เสียใจที่ฉันยังต้องพึ่งมัน




    ฮยอกแจยักไหล่ แล้วก้มหน้าลงสนใจงานของตัวเองต่อ หากแต่วินาทีถัดมาสมุดบันทึกเล่มเล็กกลับถูกมือหนาแย่งไปเก็บไว้กับตัวอย่างเอาแต่ใจ





    พอแล้ว ไม่ต้องอ่านแล้ว





    ทงเฮ!”





    ให้คืนนี้…”




    “………….”





    เป็นคืนที่พี่นอนหลับสบายที่สุดได้มั้ย




    “…………”




    แค่ไม่ต้องคิดอะไร…”





    “.…………”  





    “…นะ

     







    - - - - - - - -

     




     

    นี่คงเป็นเช้าแรกที่ทงเฮลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไม่มีความคิดอยากจะนอนต่อ เขาสะดุ้งตื่นตอนตีห้าเพราะได้ยินเสียงฮยอกแจอาบน้ำ และอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาทงเฮก็มานั่งอยู่บนรถคันเดิมพร้อมกับหาวหวอดๆทุกสิบนาที




    ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันคงดีเขาหันไปพูดกับคนข้างๆเสียงงัวเงีย พี่คิดงั้นมั้ย?”




    ไม่ล่ะ คนเขาจะได้พากันคิดว่าฉันมาส่งลูกชายไปโรงเรียนน่ะสิ




    ฮยอกแจตอบเสียงติดตลก จริงอยู่ที่การจราจรตอนเช้าตรู่แบบนี้มันน่าหงุดหงิดเกินกว่าที่จะหัวเราะออก แต่มันก็น่าแปลกที่ฮยอกแจมีรอยยิ้มเล็กๆอยู่บนใบหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็น




    ลูกชาย?” ทงเฮเลิกคิ้วพลางบวกลบคูณหารตัวเลขในใจอีกครั้ง ผมอายุสิบแปด เป็นลูกชายพี่ที่อายุยี่สิบแปด งั้นแปลว่าพี่คงแก่แดดมากที่ทำผู้หญิงท้องตอนสิบขวบ




    เด็กห้าขวบที่นั่งมโนตัวเองรักกับสาวญี่ปุ่นต่างหากล่ะที่แก่แดด




    ฮยอกแจเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ สงครามเล็กๆที่ดังไปตลอดทางทำให้สภาวะรถติดดูน่าเบื่อน้อยลงในความคิดของร่างบาง แน่นอนว่ามันทำให้ทงเฮหายง่วงไปครึ่งหนึ่งด้วย



    ฮยอกแจขับมาจนถึงหน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่ดูจะวุ่นวายเป็นปกติร่างบางจอดโดยไม่ดับเครื่องและหันหน้ามาสั่งเสียงเข้ม ฉันไม่วนหาที่จอดหรอกนะรีบๆลงไปเลย



    คราวนี้ทงเฮไม่ได้เถียงอะไร เขาก้าวขาลงจากรถแล้วหันมาใช้แขนพาดขอบกระจกไว้ ก่อนจะก้มหัวให้ร่างบางน้อยๆเป็นเชิงกวนประสาท  “สวัสดีครับคุณแม่




    รีบไปได้แล้ว!”



    ผมเลิกเรียนบ่ายสาม




    ฉันเป็นหมอฮยอกแจย้ำเสียงเข้ม ไม่มีเวลาว่างมารับส่งเด็กอนุบาลหรอกนะ



    งั้น…”





    ทงเฮยิ้ม ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด

     





    ผมจะไปหาพี่เองละกัน

     


     

    สรุปเสร็จแล้วก็เดินลิ่วเข้าประตูโรงเรียนไปโดยไม่ฟังเสียงประท้วงจากร่างบางเลยแม้แต่น้อย ฮยอกแจนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นกระทั่งเสียงแตรจากรถคันหลังดังขึ้นเตือนสติ




    ฝากไว้ก่อนเหอะไอ้เด็กบ้านี่!

     

     

     

    - - - - - - - - -

     




     

    ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ…”



    ไม่เป็นไรครับ



    คนไข้คนสุดท้ายที่เป็นหญิงชราค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันมาผงกหัวให้อีฮยอกแจอีกครั้ง ก่อนจะที่ร่างสั่นเทาจะเดินออกไปจากห้องตรวจ เมื่อบานประตูปิดลง ฮยอกแจถึงพ่นลมหายใจออกมาแล้วถอดหูฟังออกจากคอ แผ่นหลังบางเอนพิงกับผนักเก้าอี้พร้อมกับปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งลง




    คุณหมอครับ…”




    แต่แล้วเสียงของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในโสตประสาท เรียกให้ฮยอกแจต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ และเมื่อได้เห็นคนไข้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าชัดๆแล้วความเหนื่อยทั้งหลายก็พลันมลายไปจนหมดสิ้น






    นี่!”




    ทำไมคุณหมอเสียงดังจังคนไข้ที่ว่านั่นเบิกตากว้างพร้อมกับเบ้ปากน้อยๆ ตกใจหมดเลย





    อี ท ง เ ฮ






                จะไม่ถามสักคำเหรอครับว่าป่วยเป็นอะไรมา




    ฮยอกแจจ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังแสร้งเล่นละครอย่างพิจารณา ก่อนจะสูดลมหายใจแล้วปั้นหน้ายิ้มเออออตามไป แล้วคุณคนไข้ป่วยเป็นอะไรล่ะครับ?”




    ก็พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบายอะครับหมอ





    “…………….”






    สงสัยจะเป็นไข้ใจ





    ฮยอกแจกัดริมฝีปากล่างเพื่อกลั้นรอยยิ้ม แล้วถามต่อ อาการล่ะ?”






    อาการเหรอก็…”




    “………….”





    คิดถึงหมอ





    “…………..”






    อยากเห็นหน้าหมอ








    “…………”

     





     

    “…ก็เลยมาหาหมอไงครับ

     

     






















     

    TBC

    คิดถึงหมอฮยอกแจกันม้ายย

    พอดีนั่งดูกู้ดด็อกเตอร์แล้วนึกขึ้นได้ว่าค้างเรื่องนี้ไว้

    แต่แต่งๆไปแล้วรู้สึกว่านี่มันโคตรฟิคเลย 55555555555555555

    หาในชีวิตจริงยากนะห่างกันเป็นสิบปีแล้วยังจำกันได้เนี่ย

    แต่เอาเถอะเฮอึนนี่เขาแค่มองตาก็รู้ใจละกร้าก

    ฝันดีค่ะทุกคนบายยย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×