ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Road of Rose

    ลำดับตอนที่ #1 : ---{{ Road of Rose : เปิดภาคที่ 1 บทโหมโรง ผู้ไว้อาลัยคนสุดท้าย }}--- (Rewrite)

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 58


    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

      ขออนุญาตรีไรท์นะครับ ต้องการปรับระดับภาษาให้มันพอดีกันกับพาร์ทอื่น เนื่องจากแต่งไว้นานมากตั้งแต่ยังม.ต้นแล้วเว้นมานานจึงค่อยเริ่มบทที่ 1 สำนวนเลยดูมึนๆ


    อย่างไรก็ตาม เนื้อหายังคงเหมือนเดิมครับ มีคนมาไหว้ศพใครสักคนเหมือนเดิม (ใครสักคน... คนที่วกกลับมาอ่านใหม่อีกรอบก็อย่าเพิ่งบีบคอผมนะครับ เอาจริงๆเถอะ ผมว่าน่าจะมีคนรู้แล้วว่าใครมาไว้อาลัยและใครที่นอนอยู่ในโลง 5555555)

    เดาง่ายเนาะครับ

    ส่วนบทอื่นๆจะรีไรท์ตามไปเรื่อยๆ ครั้งละ 3-5 บท(ไม่อยากรบกวนใครสักเท่าไหร่ คงจะเริ่มลงพาร์ทรีไรท์พร้อมกับองก์ที่ 3 ไปด้วยแจ้งเตือนจะได้ไม่เด้งรัวๆ) ^^




    -Prologue-

    ผู้ไว้อาลัยคนสุดท้าย

    เมื่อถูกมีดบาด สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นก็คือ เลือดไหล

    หรือไม่จริงกันล่ะ...

    หลังจากเลือดไหล เลือดก็จะเริ่มแข็งตัว ร่างกายจะพยายามรักษาตัวเอง เลือดแข็งตัวและบาดแผลเริ่มสมาน ถ้าแค่มีดเล่มเล็กๆละก็ เมื่อนานปี แผลก็จะหายไป เลือนรางไปในวันหนึ่งนั้นเอง

    เหมือนกันกับใจคน แต่แค่ว่า มนุษย์มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้บาดแผลของพวกเขาเยียวยาได้เร็วนัก นั่นก็คือ ความคิด ความคิดที่ผุดขึ้นมาวินาทีต่อวินาทีทำให้มนุษย์ค่อยๆหลงลืมสิ่งที่พวกเขาเคยเจ็บปวด บาดแผลของพวกเขาจะค่อยๆสมาน แต่ในแผลที่อาการหนักและผ่านเวลาสมานตัวไม่มาก การสะกิดก็อาจจะทำให้เลือดไหลได้อีกครั้ง….

    ชายร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทยิ้มบางๆให้กับความคิดนั้น เขาหมุนดอกไม้ดอกใหญ่สีน้ำเงินอ่อนๆในมือไปมา ดวงตาสีฟ้าอมเทาเหมือนก้อนน้ำแข็งเลื่อนลอยไปไกลในห้วงความคิด

    กลางหุบเขาทะมึนมืด ล้อมรอบด้วยรั้วหินภูเขาไฟโบราณ เป็นที่ตั้งของสุสานอันกว้างใหญ่ ทว่ามีเพียงร่างเดียวที่หลับใหลอยู่ใต้ผืนดินนั้น แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสุสานของขุนนางผู้มั่งคั่ง ทว่ากลิ่นอายของมนตราชวนสยดสยองกลับทำให้ใครต่อใครล้วนไม่กล้าท้าทาย แม้กระทั่งโจรที่อดอยากปากแห้งก็จำต้องถอยหนี

    สายลมอันเยือกเย็นพัดมา เสื้อนอกทำจากขนจิ้งจอกขาวสะบัดตาม สร้อยสีทองที่เขาสวมก็เช่นกัน จี้ทองคำรูปกางเขนคว่ำซึ่งประดับด้วยเพชรพลอยขยับเบาๆ

    เขาหลับตาลงชั่วขณะหนึ่งเพื่อให้ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านหยุดลงและพยายามอย่างยิ่งที่จะสำรวมตนให้ถูกสถานที่ เขาต้องเคารพสถานที่ของคนตาย ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นอะไรสำหรับเขาก็ตาม

    กลิ่นหอมของดอกไทซาเนียไม่ได้ทำให้เขาสงบเหมือนใครบางคน ตรงกันข้าม มันทำให้เขายิ่งกระวนกระวายและสมาธิกระเจิดกระเจิง สุสานอันเงียบสงัดไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวและกริ่งเกรง ทว่ายิ่งทำให้เขาผยองลำพองใจมากขึ้นเท่านั้น

    เด็กโง่เขาพูดพร้อมกับลืมตาขึ้น ดวงตาอันเย้ยหยันมองป้ายหลุมศพอันโดดเดี่ยวที่อยู่ตรงหน้า

    คนขี้ขลาดชายหนุ่มบริภาษ ตาคู่นั้นยิ่งลุกวาว

    เจ้าควรจะมายืนอยู่ตรงหน้าข้า!เขาเกือบจะตวาดด้วยโทสะชี้ปลายดาบใส่ข้าและท้าทายข้า ไม่ใช่มาเย้ยหยันข้าด้วยร่างอันไร้วิญญาณของเจ้า!

    ข้าไม่ยอมให้เจ้าได้ตายตาหลับหรอกเสียงกระซิบของเขาชวนให้ขนลุกซู่สงครามที่เจ้าประกาศไว้ เจ้าต้องเป็นคนจบมัน ข้าไม่ยอม ไม่มีวันยอม!

    เพราะอะไรเพราะนังเด็กนั่นน่ะเหรอที่ทำให้เจ้ายอมพลีชีพ เพื่อความรักโง่ๆของเจ้าน่ะเหรอ ไร้สาระเจ้าของผมสีดำที่แม้แต่แสงสว่างยังไม่กล้ากล้ำกรายถามอย่างเดือดดาลพิษแค่นั้นทำอะไรเจ้าไม่ได้สักนิด อย่านึกนะว่าเจ้าจะหลอกข้าได้ ทำไมล่ะ คิดว่าตายไปแล้วจะหยุดข้าได้?”

    ชายคนนั้นกำมือข้างขวาที่ไม่ได้ถือดอกไม้ไว้แน่นเพื่อสะกดความร้อนรุ่มในอก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

    เพราะเจ้าอ่อนแอ ถึงถูกพวกราชวงศ์งี่เง่านั่นหลอกใช้ แล้วทำไมคนอย่างเจ้าถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้กันนะ...เขาเหน็บแนม

    สายตาของเขากราดมองกลอนไว้อาลัยบนหินจารึกอย่างเคียดแค้น ทุกคำพูดที่เขียนไว้แสดงเจตจำนงอันไร้ความสำนึกผิดของพวกมัน!

     

    จากอดีตสู่กาลปัจจุบัน จากสายลมเปลี่ยนผันสู่ผู้เป็นหนึ่งเดียว

     

    ขอเทพยดาทั้งหมดมวลจงสถิต

    นิรมิตเมืองมายาในความฝัน

    ให้ความเจ็บปวดร้าวประสบครัน

    รางเลือนพลันหมดเวรอย่าได้มี

    ษมาโทษได้โปรดเถิดผู้เหนือหล้า

    อย่าโทษาผู้น้อยเลยผู้ทรงศรี

    หลับให้สบายในนคราแห่งกาฬี

    นิทรานี้ขอให้ยาวชั่วกัลปา

     

    อาลัยยิ่ง

     

    ข้าไม่วันปล่อยให้เจ้าได้หลับสบายตราบใดที่ข้ายังถูกเผาอยู่ในเพลิงนี่เขาพูด ในมือปรากฏก้อนพลังสีฟ้าเรืองรองข้าจะสะกิดแผลของเจ้าซ้ำๆ ให้เจ้ารับรสความเจ็บปวดให้ถึงที่สุด ข้าจะไม่ยอมให้คนอย่างเจ้าได้นอนขี้เกียจอยู่ในโลงโง่ๆนั่นอีกแม้แต่นาทีเดียว!

    ตู้ม!

    ก้อนพลังสีฟ้าสาดซัดใส่แผ่นหินอาลัยเต็มพิกัดและทำให้มันแตกสบายเป็นเศษผงในทันที หินอันมีมูลค่ามหาศาลนั่นที่พวกพ่อมดช่วยกันตราตรึงเวทมนตร์สำหรับกักขังวิญญาณอย่างยากลำบากเสียหายโดยไม่อาจจะกู้คืนได้ในพริบตา ที่เหลืออยู่ก็เพียงฝุ่นควันจางๆ สีเทาอมแดงที่ลอยฟุ้งไปทั่วทั้งสุสาน หน้าดินหลังที่ที่แผ่นหินเคยตั้งอยู่หายไปเกือบทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงอานุภาพของพลังนั้นอย่างชัดเจน

    เหล่าผืนป่าต่างกรีดร้องด้วยความพรั่นพรึง สายลมหวีดหวิวและคร่ำครวญให้กับความพินาศ

    เขายังไม่พอใจ เพียงกรีดนิ้ว หน้าดินเหนือหลุมถูกควักออกทันที ซึ่งเผยให้เห็นโลงศพที่ทำจากหินแก้วสีดำมะเมื่อมและปิดด้วยทองเปลวอันน่ารังเกียจเป็นลายเถากุหลาบและหนามที่เกี่ยวร้อยไว้ เขาทำลายฝาโลงเป็นจุณ เศษทองและฝุ่นแก้วฟุ้งตลบ นัยน์ตาสีน้ำแข็งของเขาที่ส่องแสงวูบวาบในม่านฝุ่นไม่มีแม้แต่ความลังเล ใต้ฝาโลงที่เคยปิดไว้เผยให้เห็นผู้ที่ตกอยู่ในห้วงนิทรารมย์อันสงบเงียบ

    อาลีวารีคงจะดีใจถ้าเจ้าคืนชีพและกลับไปกับข้าเขาเค้นเสียงพูดด้วยความขุ่นมัว ปล่อยดอกไม้สีฟ้าที่มีลักษณะคล้ายลิลลี่แต่ใหญ่กว่าเล็กน้อยลงในหลุมที่เขาเพิ่งขุดขึ้นก่อนจะหมุุนตัวและเดินออกไป

    แผ่นดินจงพังทลาย สายน้ำจงไหลทะลัก ต้นไม้ต้นไหนก็ตามจะไม่มีวันได้หยัดยืน ท้องฟ้าที่หม่นมัวจะต้องรองรับมหาพายุชายปริศนาพูดแต่ละคำด้วยใจที่ชิงชัง สมคำพูดอันเป็นวาจาสิทธิ์ แผ่นดินเริ่มไหวคลอนและมวลดินแตกออก ต้นไม้ค่อยๆล้มลงไปอย่างน่าสะพรึงพร้อมๆกับเสียงฟ้าคำรามลั่นด้วยความพิโรธ เขาออกเดินอย่างไม่หวั่นเกรง ทุกย่างก้าวของเขา ทุกสิ่งหมอบศิโรราบด้วยความพรั่นพรึง

    จงตื่นบุตรแห่งทิวาและราตรีผู้เต็มไปด้วยบาดแผล คู่ต่อสู้ที่สมเนื้อสมเนื้อกับข้าก็มีแต่เจ้า ด้วยความเคียดแค้นชิงชังที่ข้ามี อย่าหวังว่าเจ้าจะได้ตายตาหลับหากข้ายังมีลมหายใจ!








     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×