"When I fall in love" รักแรกของนายจันทร์แง้ว - นิยาย "When I fall in love" รักแรกของนายจันทร์แง้ว : Dek-D.com - Writer
×

    "When I fall in love" รักแรกของนายจันทร์แง้ว

    ....เมื่อคนเราได้ตกหลุมรักใครเข้าไปแล้ว มันมักจะลืมได้ยาก เพราะรักนี้คือ รักแรก....

    ผู้เข้าชมรวม

    159

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    159

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 66 / 17:52 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คุณเคยรู้สึกอย่างผมหรือเปล่า มันเป็นความรู้สึกที่ผมคาดคิดว่ามันคงไม่ได้เกิดกับผมเพียงคนเดียว คงจะมีคนอีกหลายคนในโลกนี้ที่มีความรู้สึกเดียวกัน คือ ความโดดเดี่ยวเดียวดาย ในหัวใจ หลายคนอาจมองข้ามความห่วงใยกันและกัน แต่ตรงกันข้ามที่ผมมีความห่วงใยให้กับคนหลายคน แม้ความห่วงใยนั้นจะมีมากให้เฉพาะคนๆหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นั่นคือ รักแท้ ใช่หรือไม่ สำหรับคนที่เข้ามาแล้วผ่านไปนั้น หลายคนก็ทราบดีว่ามันเป็นความเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเห็นคนที่เราแอบรักนั้นเดินจากไป โดยที่เขาไม่สนใจความห่วงใยเลย

     

                แต่ทว่าเมื่อคนเราตกหลุมรักใครแล้วมันมีความยากนะครับที่จะลืมคนที่คนรักไปได้ มันคงต้องใช้เวลาอีกนานเลยล่ะครับ ใช้เวลาที่จะลืมช่วงนี้เป็นช่วงที่เจ็บปวดมากเลย มันทรมานมากแค่ไหนที่ในใจเคยมีแต่เธอ ผมเคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาก็หลายครั้งนับๆแล้วมันก็มาก หลายครั้งที่ผมพยายามลืมมา ก็ไม่เจ็บปวดเท่านี้มาก่อน เหมือนเธอมีความสำคัญในชีวิตของผม แม้บางคนอาจมองว่ามันไม่ใช่รักแท้ แต่ผมไม่สนใจใครที่จะว่าอย่างนั้น

    เรื่องที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้ใครที่อ่าน 2 วรรคแรกแล้วรู้สึกว่ามันคือเรื่องเดิมๆที่ผู้ชายมันก็ต้องเจอก็อย่าอ่านต่อไปเลยครับ เพราะ เรื่องนี้มันเป็นเหมือนนิยายเท่านั้นเอง ผมใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปที่ เช้าก็ไปโรงเรียน เย็นก็กลับบ้าน ทุกๆวันผมจะไปโรงเรียน โดยขับมอเตอร์ไซค์ ออกจากบ้านตั้งแต่ 05.30 . ประมาณนั้น แล้วไปขึ้นรถประจำทางต่อไปยัง โรงเรียน ผมใช้ชีวิตอย่างนี้มา 1 ปี มันก็รู้สึกชินแล้ว ที่ตอนเช้าผมเห็นเธอ เดินผ่านหน้าบ้านผมไป แล้วผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์แซงเธอไป สุดท้ายเราก็เจอกันที่ป้ายรถเมล์ ลืมบอกไปว่าเธออยู่หมู่บ้านเดียวกับผมแต่เธออยู่ท้ายซอย บ้านผมอยู่กลางซอย โรงเรียนของเธอถึงก่อนโรงเรียนผมประมาณ 4 ป้ายรถเมล์ เราขึ้นรถเมล์สายเดียวกัน เป็นอย่างนี้ทุกวัน เราไม่เคยคุยกันเลย แม้กระทั่งนั่งข้างๆกัน ยังไม่เคยคุยกันเลย ผมแอบชอบเธอตั้งแต่แรกพบ เธอเป็นผู้หญิงเหมือนผู้หญิงอื่นทั่วๆไป น่ารัก แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือ ความที่เธอ สวย น่ารัก และยังเรียนหนังสือเก่งอีก ผู้หญิงแบบนี้หายากนะครับ ผมก็ได้แต่เฝ้ามองเธอทุกๆวัน เดินผ่านหน้าบ้านผมไป แล้วขึ้นรถเมล์คันเดียวกันแต่ไม่เคยได้คุยกันเลย

               

                จนมาเมื่อ ปลายเดือน พฤศจิกายน 2549 ผมก็ชีวิตปกติ ขึ้นรถเมล์ก็เหมือนเดิม แต่วันนี้ผมต้องยืนบนรถคนเดียว เพราะที่นั่งเต็มหมดเลย ผมหันหลังไป เจอเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกับผมนั่งอยู่ เลยเดินเข้าไปหา แล้วก็เจอเธอนั่งติดทางเดิน เพื่อนผมนั่งชิดริมหน้าต่าง ผมกะจะเอากระเป๋าที่ผมถือให้เพื่อนผม แต่ไม่เลยเธอต่างหากที่เป็นคนรับกระเป๋าจากผมไป ผมก็เลยบอกว่า ให้พี่เค้าไปถือเถอะมันหนัก เธอก็ให้เพื่อนผมไป นี่ล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของ เรา จากนั้นเธอก็ชวนผมคุย ผมรู้สึกเขินมากเลย เพราะอยากจะคุยกับเธอมานานแล้ว จนถึง โรงเรียน เธอก็ลงรถ ผมก็นั่งคุยกับเพื่อนต่อจนถึงโรงเรียน วันนั้นเพื่อนหลายคนแปลกใจว่าทำไม ผมอารมณ์ดีจัง อาจารย์ดุ เพื่อนด่าผม ยังไม่โกรธเลย วันนั้นคือวันที่ผมรอคอยให้โลกสีชมพูกลับมาอีกครั้งหลังจากรอมานานหลายปี

     

                แล้ววันต่อๆมา ผมต้องมาเฝ้ารอเธอหน้าบ้านกะว่าจะพาเธอนั่งรถมอเตอร์ไซต์ไปด้วยกัน วันแรกผมเห็นว่า แม่เธอเดินพาเธอมาส่งครึ่งทาง แล้วเดินกลับไป ผมเลยไม่กล้ารับเธอตรงนั้น เลยต้องไปรับ อีก ซอยหนึ่ง แล้ววันก็เป็นวันแรกที่ เธอขึ้นรถผมไปโรงเรียนด้วยกัน เธออาจจะไม่รู้ว่าวันนั้น เป็นวันที่ผมยิ้มไม่หุบเลย ตอนขับรถเนี่ย ผมโชว์สุดฝีมือเลยนะครับ แล้ววันต่อมาเราก็เป็นอย่างนี้กันประจำ มีบางวันที่ผมหรือเธอ ใครคนหนึ่งที่ออกจากบ้านช้า เลยไม่ได้เจอกัน ผมกะว่าจะขอเบอร์เธอแต่คงไม่มีเหตุผลที่ทำให้ผมต้องขอไปเพื่ออะไร เพราะผมรู้มาตลอดว่าเธอคิดกับผมเพียงคำว่า พี่ชาย เท่านั้น แต่เธอก็เป็นฝ่ายถามก่อนว่า เรามีเบอร์โทรศัพท์หรือไม่ ก็เลยแลกเบอร์กัน หลายๆสัปดาห์ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิตเลย ไม่เคยอยู่ใกล้คนที่เราแอบรักขนาดนี้เลย บางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับผมนั้นมันสำคัญเลยทีเดียว มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกหึงเธอบ้างก็มี ตอนที่เธอคุยกับผู้ชายคนอื่น แต่ทำไมเราต้องหึงล่ะเราเป็นอะไรกับเขา นี่คือสิ่งที่ผมถามตัวเองมาตลอด ครั้งแรกที่เธอโทรมา ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ยินเสียงเธอ เธอขอให้ผมช่วยค้นหาข้อมูลทางอิเนตอร์เน็ตให้เธอ แล้วช่วย Print มาให้เธอด้วยถ้าเจอเธอ และแล้วผมก็หางานให้เธอจนได้ แล้วผมก็เอาไปให้เธอวันที่ผมเจอเธอ ช่วงนั้นผมถือว่าในสมองของผมมันมีแต่เพียงเธอ เกินครึ่งแล้วครับ เพื่อนมันก็หาว่าผมบ้าเพราะไปโรงเรียนเวลาว่างจากเลิกเรียน ชอบคุยเกี่ยวกับตัวเธอ มีหลายครั้งที่ผมไม่มีโอกาสได้รับเธอไปโรงเรียนด้วยกัน ก็เพราะผมตื่นสายบ้าง หยุดไม่ตรงกันบ้าง หรือไม่วันไหนที่พ่อของผมออกไปข้างนอกผมก็จะขอติดรถไปด้วย ผมก็คิดถึงเธอทุกวันจนมันเก็บไม่อยู่ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะได้เจอประสบการณ์ อย่างผมมาแล้ว

     

                วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ หลายคู่มีความสุขในวันนี้ ที่ได้อยู่ด้วยกัน สำหรับผมเองในหลายปีที่ผ่านมานั้น วันนี้เป็นวันที่ผมไม่ใส่ใจเลย แล้วก็คุยกับพ่อตลอดว่า สมัยนี้เราต้องตามค่านิยมของต่างประเทศด้วยหรือ ไม่เห็นจำเป็นเลย แต่มาปีนี้เมื่อผมมีเธอผมก็จัดเตรียมอย่างดี โดยที่ผมได้ซื้อดอกกุหลาบมาแล้ว แช่น้ำไว้ที่บ้าน รุ่งเช้าผมก็รับเธอขึ้นรถไปตามปกติ เธอยังล้อผมเลยว่าวันนี้ ผมน่าสงสารจัง ไม่มีคนให้ดอกไม้อ่ะดิ ผมยังหัวเราะเลย แต่จริงๆแล้วผมซ่อนดอกไม้ไว้ในกระเป๋าเรียนของผมเอง เธอก็ไม่รู้เลยพอเดินๆไปจะถึงป้ายรถเมล์ จะมีร้านขายดอกกุหลาบเรียงเต็มไปหมด เธอก็หันไปมองแล้วก็บอกว่าอยากจะซื้อไปให้เพื่อนแต่เธอบอกว่าดอกมันเล็กไป ช่วงที่เธอหันไป ผมก็หยิบดอกกุหลาบออกจากกระเป๋า แล้วถามว่าดอกนี้ใหญ่พอไหมครับ ทำให้เธอนี้หน้าแดงเลย เราก็ไม่เคยจีบใครมาก่อนซะด้วยไม่รู้จะพูดยังไงดี แล้วก็ขึ้นรถเมล์ไปด้วยกัน คราวนี้ซื้อตั๋วรถเมล์เขาก็ออกตั๋วให้ เธอบอกว่าให้เอาเลข  4 ตัวท้ายมาบวกกันได้เลขอะไรให้บอกเธอ ไปๆมาๆ เธอได้เลข 10 ผมถามว่ามันหมายความว่าไง เธอบอกว่าวันนีมีคนแอบรักเธอ เราก็ถามว่าใคร เธอก็ทำเป็นชี้ไปทางโน้นทางนี้ แต่ดันไม่ชี้มาทางเรา น่าเสียดายจัง วันนั้นผมล่ะโม้ให้เพื่อๆฟังเลย บางทีเล่าหลายครั้ง เพื่อนบอกเฮ้ยๆ 5 รอบแล้วนะ

     

                หลังจากวันวาเลนไทน์ ผมจะต้องไปฝึกภาคสนาม ที่เขาชนไก่ 3 วัน 2 คืน เพราะเป็นชั้นปีที่ 2 และเธอก็ต้องสอบปลายภาคด้วย ผมลืมบอกไปว่าถ้าเธออ่าหนังสือสอบห้ามไปรบกวนเธอ เพราะว่าเดี๋ยวเธอจะทำข้อสอบไม่ได้ ช่วงนั้นผมไม่ได้โทรหาเธอเลย แล้วอีกอย่างต้องฟิตร่างกายให้พร้อมอีกด้วย เราจึงเหมือนห่างๆกันไป บางครั้งที่ผมเจอเธอผมจะถามว่า ทำข้อสอบได้ไหม เธอมักจะตอบว่าไม่ได้เลย เพราะไม่ได้อ่านหนังสือ จนผมสอบปลายภาคเสร็จ เราไม่ได้เจอกันเลย บางทีโทรไปเธอก็ไม่อยากคุยกับเรา จนหลายวันก็เงียบไปผมเลยโทรหาเธอ ถามว่าตอนนี้ปิดเทอมแล้วทำอะไรบ้าง เธอก็บอกว่า เรียนพิเศษแถวเดอะมอลล์งามวงศ์วานอยู่ แล้วถามว่าได้เกรดเท่าไร เธอบอกว่า 3.92 นี่ดูสิครับขนาดทำข้อสอบไม่ได้ยังขนาดนี้เลย แล้วถ้าทำได้ล่ะครับ ไม่ต้องเรียนแล้วหนังสืออ่ะครับ

     

                ช่วงปิดเทอมผมลืมบอกไปว่าผมต้องฝึกงานซึ่ง ที่ทำงานอยู่ใกล้บ้านผมห่างไม่เกิน 5 กิโลเมตรผมจึงไม่รีบตื่นเท่าไร เพราะไปสายๆกันไปทัน วันหนึ่งผมตื่นเช้าเลยมารดน้ำต้นไม้ เพราะอากาศร้อนคนก็ต้องการน้ำแล้วต้นไม้ก็เลยต้องการน้ำ 06.00 . ผมเห็นเธอเดินออกจากบ้านแล้วเธอก็เดินมาถึงบ้านของผม แล้วก็แซวผมว่า แดดยังไม่ออกเลย รีรดน้ำต้นไม้ไปถึงไหน ผมก็ยิ้มให้เธอแล้วเธอก็เดินผ่านไป ผมจึงรู้เวลาที่เธอออกจากบ้านไปเรียนพิเศษ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ปรับเปลี่ยนเวลาจากที่ตื่นสาย เลื่อนมาตื่น 05.00 . เพื่อให้ทันรับเธอไปส่งที่ป้ายรถเมล์ แล้วรุ่งเช้าผมก็ฝืนตื่นนอน แล้วทำภารกิจส่วนตัว 05.50 . ผมเดินวนเวียนหน้าบ้านเพื่อจะดูว่าเธอออกจากบ้านมาหรือยังนะ และแล้วเธอก็มาผมก็รีบเดินไปหลบในบ้านปล่อยให้เธอเดินผ่านหน้าบ้านไปสักพักแล้วขับมอเตอร์ไซต์ตามเธอไป เมื่อเจอเธอเธอก็สงสัยว่าเราจะไปไหนแต่เช้า เราก็บอกว่าไปทำงานไง เธอก็ขึ้นรถมา นั่งไปสักพักเธอก็ถามว่าทำไมออกเช้าจังผมก็บอกว่า ผมอยากรับเธออ่ะ เธอก็หาว่าผมบ้า ผมก็บอกว่า คนบ้าอะไรขับมอเตอร์ไซค์ได้ พอไปถึงป้ายรถเมล์ผมก็ส่งเธอแล้วขับรถกลับบ้านแวะใส่บาตรเพื่อทำบุญหน่อยช่วงนี้ไม่ค่อยได้บำรุงศาสนาเลย แล้วผมก็ไปทำงานตามปกติ มีบางครั้งที่ผมตื่นเช้ามานั่งรอเธอ เพื่อหวังว่าจะได้เจอเธอ แล้วได้คุยกับเธอ เพราะผมมีความสุขทีได้อยู่กับเธอมากเลยทีเดียว

     

                วรรคนี้อาจจะไปวรรคสุดท้ายที่ผมจะเขียนมัน เพราะว่ามันคงจะไม่มีวรรคต่อไปอีกแล้ว ผมโทรหาเธอ เพื่อจะได้คุยกับเธอ คุยไปนานๆเธอถามว่า เดี๋ยวนี้โรตีผ่านมาขายไหม เราก็บอกว่าไม่มี ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว เราก็ถามว่าทำไมอยากกินหรอ เดี๋ยวซื้อให้ เธอบอกว่าชอบ โรตีที่ใส่ไข่ ไม่ใส่น้ำตาล แต่ใส่นม ผมยังนึกตลกเลยว่า ทำไมชอบกินแบบนี้ ผ่านไป 2 วัน ตอนเย็นผมเล่นกีฬาตามปกติ แล้วผมก็ชวนเพื่อนผมไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน ได้มีโอกาสเดินผ่านหน้าบ้านเธอแล้วผมก็แซวว่า สุดสวย แม่เธอก็หันมามอง ผมนี้วิ่งไม่คิดชีวิตเลยครับ เพราะไม่เคยทำอ่ะครับ แล้วเดินวนไปหน้าหมู่บ้าน ผมได้เจอกับสิ่งที่ผมหวังมานานคือ โรตี + อาบัง ผมนึกข้นได้ว่า เธอเคยบอกว่า อยากกินโรตี ผมเลยคิดว่าน่าซื้อไปฝากเธอที่บ้านของเธอ โยตอนนั้นไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาเลยครับ ผมซื้อเสร็จผมก็เดินไปบ้านเธอกับเพื่อนของผมที่ค่อยไปให้กำลังใจผมอีกคนหนึ่ง ผมสุดลมหายใจรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปหน้าบ้านเธอ เรียกเธอ แต่แม่เธอก็ออกมาหาผม แม่ถามว่า มาหาใครผมก็บอกว่ามาหาเธอ ลืมบอกไปว่า คนที่ชื่อคล้ายเธอมี 2 คน ซึ่งมีพี่ชายอีกคนที่ชื่อเดียวกับเธอ แต่อยู่บ้านตรงข้ามกับเธอ ผมก็บอกว่า ผมซื้อของมาฝากเธอ เพราะเห็นเธออยากกิน เลยซื้อมาให้เธอ แม่เธอก็รับเอาไว้แล้วถามผมว่าบ้านอยู่ไหน ผมก็บอกแม่เธอไป แล้วผมก็เดินออกมา พร้อมกับความคิดที่ว่า เราพลาดไปแล้วล่ะ รุ่งเช้าผมก็ตื่นเช้ามานั่งรอเธอหน้าบ้านผม เหมือนทุกวัน แต่วันนี้มันไร้ซึ่งความสุขที่ผมเคยมีทุกวัน ผมนั่งรอตั้งแต่ 05.30 07.00 . ผมยังถามเพื่อนข้างบ้านเลยว่า เห็นเธอเดินผ่านไปไหม เพื่อนก็ไม่เห็น ผมคาดว่าเธอคงจะไปแล้วล่ะ ผมคิดว่าเธอคงจะโกรธผมที่ผมทำให้เธอก็ต้องโดนแม่เธอว่า ว่าผมแอบชอบเธอ วันนั้นผมไปทำงานด้วยความไม่สบายใจแม้ว่างานนั้นจะมีความสนุกยังไงก็ตาม 17.00 . วันนั้นเลิกงานจะต้องไปเฝ้าพ่อที่ป่วยที่โรงพยาบาล ใจก็คิดถึงเธอ อดไม่ไหวเลยโทรหาเธอ เสียงที่ผมได้ยินมันเป็นเสียงที่เธอรู้สึกว่าผมมันคือคนไม่ดี เธอถามว่าเมื่อวานซื้อของมาให้ที่บ้านทำไม ผมก็บอกว่าเห็นอยากกินเลยซื้อมาฝาก เธอก็บอกว่าเธอไม่ชอบ เสียงมันตรึงเครียด จนผมขอโทษแล้วผมจะไม่ทำอีก เพราะมันคงไม่มีอีกต่อไปที่ผมจะต้องทำแบบนั้น ความหวังดี ความห่วงใย ความรัก ที่ผมมีต่อเธอนั้น มันกลายเป็นการทำลายให้เธอต้องไม่มีความสุข ผมเป็นตัวตลกตั้งแต่เข้ามาในชีวิตเธอ สิ่งที่ผมทำมาตลอดไม่มีความหมายสำหรับเธอเลย ผมคิดว่าผมคงโง่มากที่ทุ่มเททั้ง กายและใจให้กับเธอตลอด แต่เธอไม่เคยหันมามองผมเลยสักครั้ง บางครั้งการที่คนเราจะรักกันจะต้องมีความจริงใจต่อกัน แต่สิ่งที่ผมได้คืออะไร คือความเจ็บปวดที่หลายครั้งผมพยายามจะลืมเธอให้ได้ แต่ไม่สามารถทำได้เลย นี่ล่ะครับการที่เราได้ตกหลุมรักใคร ยากที่ลืมมันได้ ยากที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะผมมันเป็นคนไม่ดีเองล่ะครับที่ รับเธอไปโรงเรียนด้วยกัน ที่ทำงานให้เธอกลัวจะไม่มีส่งอาจารย์ ผมไม่ดีเองครับที่ทำอะไรอีกหลายๆอย่าง เพื่อเธอ เพื่อเธอ เพื่อเธอ เพื่อเธอ เพื่อเธอ คนเดียว เท่านั้น ไม่เคยคิดร้ายกับเธอทั้งๆที่ปัจจุบันสังคมเรา รักกันง่ายแล้วก็จบด้วยการมีเพศสัมพันธ์ นั่นหรือความรักที่แท้จริง

     

                ... มันคงจะไม่ใช่เป็นวรรคสุดท้ายตามที่ผมได้คิดไว้ หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตยังดำเนินต่อไป รวมทั้งผมกับเธอ ผมพยายามจะลืมเธอให้ได้เพราะยิ่งหลงรักมากเท่าใด มันเหมือนจะทำให้ชีวิตผมพังทลายมากเท่านั้น ขณะที่ผมจะลืมเธอ เธอก็กลับเข้ามาในชีวิตผมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่ผมได้ฝึกงานมาร่วม 6 สัปดาห์ เพื่อนๆร่วมงานก็เห็นความผิดปกติของผม คือ แต่ก่อนเอาแต่เล่าเรื่องของเธอ หลังๆมาก็เงียบไปอย่างนั้น เพื่อนเลยถามมาว่า ผมกับเธอไปถึงไหนกันแล้ว ทั้งๆที่ผมว่าจะลืมเธอได้แล้ว กลับทำให้ผมนึกถึงเธอมาอีกครั้งหนึ่ง ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว พี่ชายผมก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งหน้าที่ของผมก็จะมากขึ้นเป็น 2 เท่า วันอาทิตย์ที่สดใส พร้อมกับบรรยากาศที่ดี ผมลืมไปว่าวันนี้ผมต้องไปอบรม Flight Simulator ที่โรงเรียนนายเรืออากาศ ผมจึงรีบอาบน้ำแล้วเตรียมตัวจะไปอบรมผมออกจากบ้าน 08.15 รีบขับรถให้ไวที่สุดเพื่อจะไปให้ทัน เหมือนฟ้าแกล้งกันทำให้ผมต้องเจอเธออีกครั้ง การตัดสินใจกลายเป็นสิ่งที่ผมต้องเลือกทำในขณะนั้น 1.รับเธอขึ้นรถ 2.ขับรถเลยไป ไม่น่าเชื่อว่าเพลงที่ผมกำลังฟังในขณะนั้นทำให้ผมเลือกที่จะทำในข้อที่ 1 และแล้วเธอก็หันมามองเมื่อผมบีบแตรรถเสียงดัง เราจึงเปิดกระจกรถ ถามว่าจะไปไหน เธอตอบว่าจะไปเรียนพิเศษ เราเลยชวนเธอขึ้นรถด้วย และเธอตอบตกลง บรรยากาศในรถมีแต่ความเงียบเหงา เราแทบไม่ได้คุยอะไรกันในรถเลย ถึงป้ายรถเมล์เธอก็ขอลงจากรถเพื่อต่อรถเมล์ไปเอง เพราะผมไปคนละทางกับเธอมันก็เป็นอะไรครึ่งหนึ่งดูผิดหวังนั่นเอง ...

     

                พ่อเคยบอกลูกว่า เรื่องความรักอย่าไปใส่ใจกับมันนัก ยิ่งรักยิ่งหลงมากเราจะลืมตัวไป จนอาจทำให้เราทุ่มตัวเราเองให้กับเขามากไป ถ้าหากไม่สมหวัง หรือดังที่เราปราถนาเราก็จะเสียใจมาก จงรักหรือชอบเขาเพียงครึ่งหนึ่งก็พอ  อีกครึ่งเผื่อไว้เสียใจ ซึ่งทำให้เราไม่เสียใจร้อยเปอร์เซ็นต์  ถ้าเราทำดีแล้วไม่เห็นความดีก็อย่าไปใส่ใจ เราไม่ใช่คนเลว หรือคนสิ้นไร้ไม้ตอกที่จะหาคนรักไม่ได้เลยในชาตินี้ ผู้หญิงอื่นยังมีอีกเยอะในประเทศนี้ แล้วก็อาจจะดีและสวยกว่าก็ยังมี  ชีวิตพ่อก่อนที่จะมาเลือกแม่ให้เป็นแม่ของลูกพ่อก็เลือกผู้หญิงมาเยอะ ได้กลั่นกรองมาก็หลายคน จนกว่าจะตัดสินใจได้ ก็ใช้เวลานานจึงทำให้พ่อแต่งงานช้า และมีลูกช้าไงลูก พ่อว่าอย่าไปซีเรียสอะไรเลยลูก เชื่อพ่อเถอะ ถ้าไปซีเรียสกับมันเราก็ทุกข์ใจไปเปล่าๆ เขาจะมาทุกข์ใจกับเราด้วยหรือไม่ เราก็ไม่รู้ได้ สู้เราอยู่อย่างทรนงตัวดีกว่า เรามีพร้อมทุกย่างไม่ใช่เราไม่มี  จงจำไว้สมัยนี้ผู้หญิงเขาตามจีบผู้ชาย  จงสบายใจได้ ชีวิตนี้เรามีความรักแน่ อย่างน้อยก็มีพ่อ มีแม่ มีพี่ชายที่รักเราอยู่และเป็นความรักที่บริสุทธิ์มีความจริงใจยิ่งกว่า ทำใจให้สบายดีกว่า ดีแล้วที่บรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือ ว่างๆส่งไปให้แม่เขาดูบ้างก็จะดี นะครับ

     

                    เมื่อผมเอา ไฟล์ wifil.doc มาไว้ที่หน้า desktop เพื่อจะส่งให้เพื่อนๆ คุณพ่อก็เลยว่าพบแล้วเลยเขียนไว้ ทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีพ่ออีกคนที่รู้ว่าผมเป็นอย่างไร มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ตามจริงอย่างที่บอกว่า ผมได้เขียนบทความนี้ตอนพ่ออยู่ที่โรงพยาบาล เวลาว่างๆเลยมานั่งเขียนอ่ะคับ เป้นอะไรที่ดีเหมือนกันที่ได้ระบายความในใจออกมา เล่าต่อเลยแล้วกัน

                   ... ใกล้เปิดเทอมแล้วครับดีใจจังเลยได้เจอเพื่อนใหม่ วันประชุมผู้ปกครองวันนี้ผมมีนัดไว้ 14.00 น. ด้วยความดีใจว่าจะได้เจอเพื่อนก็ตื่นเช้ามาแต่งเครื่องแบบรอไว้เลยครับ 12.00 น. พ่อและผมพร้อมที่จะไป รร.กันแล้วเมื่อผมกำลังเดินไปที่รถ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเลยวิ่งไปรับสายก็ขึ้น Show ว่า Donut-SRV ไม่แปลกใจเลยร้อยวันพันปีไม่เคยโทรมา สมองตอนนั้นทำให้ผมคิดว่าเธอคงมีอะไรที่จำเป็นมากครับ เลยรับสายด้วยค่าของอัตราการเต้นของหัวใจ 99 ครั้ง / นาที เมื่อรับสายเราก็ถามว่ามีอะไรหรือเปล่า เธอก็ถามว่าเราอยู่ไหน วันนี้จะไป รร.เปล่า เราก็ตอบว่าไป เธอก็บอกว่าจะไป รร.ด้วย เราก็ถามว่าจะไปทำไมล่ะครับ เธอตอบว่าจะไปหาเพื่อนที่เรียนอยู่ ปี 1 เราเลยตอบตกลง เธอเลยนัดสถานที่เจอ เธอบอกว่าเจอที่ ห้างแล้วกัน นัดเวลากันเรียบร้อย ด้วยความที่รีบด้วยเลยขับรถออกจากบ้านด้วยความเร็วระหว่างทางฝนก็เริ่มตกหนักเราก็กังวลว่าจะไปรับที่ไหนดีนะ แล้วเธอก็โทรมาอีกครั้งเธอบอกว่าเธอขึนรถเมล์ไปแล้ว เราก็ถามว่าจะไปไหนเธอบอกว่าจะไป ที่เรียนพิเศษก่อนแล้วจะไป รร.ทีหลัง เราก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรไว้เจอกันที่ รร. ขับรถไปได้ 15 นาที เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง คนเดิมนี่แหละครับ เธอบอกว่าเปลี่ยนใจแล้วไป รร. ก่อนดีกว่า ตอนนี้เธออยู่ป้ายรถเมล์หน้า รร.ฤทธิยะวรรณาลัย ช่วงเวลานั้นผมจำเป็นต้องขับรถ มี 2 ทางแยกให้เลือก ซ้ายกับขวา ปกติเวลาจะไป รร.จะไปทางขวา แต่เมื่อเธอโทรมาผมจำเป็นต้องไปทางซ้าย เพื่อไปรับเธอก่อนแล้วถึงจะไป รร. พ่อผมถามเลยไปทางนี้ทำไม ผมบอกว่าไปรับเพื่อน เอ้าโดนว่าอีก เพื่อนมันไปเองไม่ได้หรือไงให้เราไปรับ จริงๆไม่ได้บอกครับว่าจะไปรับเธอ เมื่อขับรถไปถึงก็พบเธอยืนรออยู่ แล้วเราก็นั่งรถไปด้วยกัน รถติดมากครับช่วงนั้นกว่าจะหลุดออกมาได้ ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน ทั้งรถนั่งเงียบเป็นห้องดับจิต ผมเลยเปิดประเด็นถามว่า ให้ทายปีนี้เราได้เกรดเท่าไร ให้ตอบไม่เกิน 3 ครั้ง เธอตอบผิด 3 ครั้ง ให้ทายผมได้เกรดเท่าไรครับ 4.0 นะจะบอกให้ เรียนได้ไง 4 ทุกวิชา เพราะรักเธอไงครับ ความรักคือการแข่งขัน เธอได้เกรดปีนี้ก็ 3.92 ความพยายามของผมเกิดจากเธอนี้แหละตั้งใจเรียนเพื่อเกรดจะดีให้ได้ มันก็มีข้อดีนะความรักเนี่ย เมื่อถึงโรงเรียนแล้วพ่อผมก็ขึ้นไปประชุมผู้ปกครองส่วนผมก็เดินไปกับเธอ ตลอดทางนี้แซวกันไม่เลิกซะที ไม่รู้แซวผมหรือเธอกันแน่ ผมเลยถามเพื่อนที่เพิ่งมาว่าไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาที่ไหน เพื่อนบอกห้อง 604 โหชั้น 6 ตายแน่ ตอนแรกจะทิ้งเธอไปแล้ว แต่นึกในใจมาทั้งทีก็ ไม่อยากให้เธอจากไปเลยอยากอยู่ใกล้มันก็มีความสุข เลยพาเธอขึ้นไปด้วยกัน ตลอดทางก็มีคนแซวผมกลัวเธอจะอายมากเลยพอไปถึงห้อง เพื่อนเต็มห้องเลยครับ ทุกสายตาหันมามองที่ผมและเธอ เท่านั้นแหละ เสียงก็ดังมากขึ้น เราก็เลยบอกว่าให้เธออกไปรอนอกห้องเดี๋ยวผมจะไปพบอาจารย์ที่ปรึกษา เธอก็รอ เข้าไปในเพื่อนถามว่าใคร เราจะตอบยังไงดีล่ะ แฟน กิ๊ก เพื่อน น้องสาว เลือกข้อสุดท้ายแล้วกัน น้องสาวก็น้องสาว จำใจพูด เพื่อนๆนี้มาขอเบอร์จากผมใหญ่เลย ผมกลัวเธอจะอายเลยถามเธอว่าจะไปที่เรียนพิเศษไปเดี๋ยวไปส่ง เธอบอกว่า ไปส่งที่หน้า รร.ก็ได้แล้วเดี๋ยวไปเอง ผมเลยเดินไปส่งเธอหน้าโรงเรียนแล้วกลับมาพบอาจารย์ที่ปรึกษาต่อ ...

                    ... เขียนต่อเลยแล้วกันครับ หลังจากเปิดเทอมแล้วผมก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมคือ มานั่งรอเดินที่บ้านแล้วคอยดูว่าเธอออกจากบ้านหรือยัง หลังๆมานี้เธอก็จะตื่นสายขึ้นเพราะ ม.4 แล้วไว้ผมยาวได้ ไม่ต้องกลัวจะโดนอาจารย์ตรวจ ก็เลยออกจากบ้านสายได้ ผมก็รอเธออยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเจอเธอสักทีเลย  นับจากวันที่ได้เจอเธอ คล้ายกับว่า เริ่มรักที่ไหนมักจะจบที่นั่น การที่ผมได้พบเธอ ได้รับเธอไปโรงเรียนด้วยกัน ได้โทรไปหาเธอ ได้ทำทุกอย่างเพื่อเธอ ผมได้รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ โชคชะตาฟ้าลิขิต แต่เกิดจากการตั้งใจทำทั้งสิ้น มันก็คงจะดีหากเรื่องนี้จบลงด้วยดี happy ending แต่คงจะไม่มีอีกแล้ว รู้ไหมครับว่า sms ที่ผมส่งไปหาเธอทุกๆวัน สามารถเขียนสมการได้เป็น sms Me sent to Her 100% = sms Her sent to Me 0 % เท่ากับว่าที่ได้เจอเธอมานี้เธอไม่เคยเขียน sms เลยสักครั้งบางทีผมพูดเรื่องนี้ให้เพื่อนๆฟัง เพื่อนมันก็ตอบได้ซึ้งใจ แล้วเค้าเป็นอะไรกับมรึงอ่ะ มันก็ถูกนะครับ เมื่อวันหนึ้งผมตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกันอยากจะรู้มานานแล้ว ก็เลยให้เพื่อนผมโทรศัพท์สาธารณะไปเบอร์เธอเลยให้เพื่อนถามเลยว่ามีแฟนหรือยัง ให้ทายครับ เธอตอบว่าอะไร อย่าคิดนะครับว่าเรื่องนี้จะจบด้วย happy ending เธอมีแฟนแล้วครับ เป็นอย่างไรครับ เรื่อง When I fall in love คงจะได้รับอะไรดีๆไปบ้างนะครับ บางคนอาจจะคิดว่าเขียนแล้วไร้สาระ แต่ถ้าคุณลองคิดดูสิครับ การที่เราได้บันทึกความทรงจำดีไว้มันก็ดีนะครับ จบด้วยดีครับ happy ending ครับ  ...

                ... หากว่าวันเวลายังไม่หยุดหมุนไป อะไรๆก็ยังเดินตามเวลาไป ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ผมทุ่มเท ความรัก ความห่วงใย ให้กับเธอ ผมคิดว่าคนเราไม่ผิดที่จะมอบความรักให้แก่กัน  และการที่ผมทำเช่นนี้ ทำให้ผมลืมที่จะนึกถึง ความเจ็บปวดที่จะตามมาหากยังจะ ฝืนรักเธอเข้าไปอีก เรื่องราวมีอีกหลายเรื่องจะเล่า แต่ผมคงจะเขียนมันไม่ได้หมดหรอกครับ ผมจะบอกว่า วันหนึ่งในเดือน กันยายน 2550 วันที่ผมก็ต้องมาพบกับความเจ็บปวดที่มาเยือนผมให้ที่สุด เธอให้เพื่อนโทรศัพท์มาหาผม เพื่อจะบอกว่า ขอให้ผมนั้นเลิกยุ่งกับเธอเสียที เพราะเธอมีแฟนอยู่แล้ว ด้วยความที่ขณะนั้นกำลัง รับประทานอาหาร คือ ก๋วยเตี๋ยวด้วยความ อร่อย แต่มื้อนั้นกลับต้องทานอาหารด้วยน้ำตาหยดลงไปในก๋วยเตี๋ยวที่แสนอร่อย ทำให้ผมรู้ว่า ความเจ็บปวดจากความรักเป็นเช่นไร จากนั้นผมก็ไม่กล้าติดต่อกลับเธออีกเลย เพราะ ผมรู้สึกเหนื่อย ล้า มากเกินกว่าจะรับไหว เวลาวันไหนเจอหน้าเธอเดินผ่านหน้าบ้านผม เกินจะบรรยายเลย เพราะว่ามันเจ็บปวดซะยิ่งกว่าอะไรเลยทีเดียว ผมพยายามใช้เวลาลืมเธอ เกือบ 1 ½ เดือน แต่ก็ยากที่จะลืม 24 ต.ค. 2550 วันคล้ายวันเกิด เธอ ผมไม่มีของขวัญอะไรจะให้ และไม่รู้ว่าให้อะไรไป แล้วเธอจะพอใจหรือไม่ แต่ผมบอกได้อย่างว่าผม พยายามคิดว่า ผมจะให้อะไรเธอดีมาตั้งนานแล้วครับ เพียงผมได้ส่ง SMS เจ้าเก่าไปหาเธอ ว่า Happy Birthday To You I dont have a gift or card for you but I have felling is good and take care you even if you never care for me. คงจะเป็นของขวัญที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับเธอ ผมนี่แย่จริงๆครับ ....

                   

                    ... 24 ต.ค.2550 เปิดเทอมแล้ว ผมดีใจมากที่จะได้เจอเธออีกครั้งหนึ่ง เพราะผมเปลี่ยนความคิดว่า เป็นไงเป็นกัน ยังไงๆไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ เลยตัดสินใจ  รอรับเธอไปโรงเรียนด้วยกันอีกครั้งหนึ่งเธอก็ ไปโรงเรียนด้วยกัน เหมือนปกติเลย แต่ไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าทำไม ถึงให้เพื่อนโทรศัพท์มาหาผม ผมก็ไม่ได้ผิดใจอะไรหรอกครับ และวันเสาร์ 10 พ.ย.2550 ผมก็ต้องไปเรียนพิเศษ ซึ่งเธอก็ไปเรียนด้วย แต่อยู่คนละที่กัน ผมเรียนแถวๆพระราม 7 แต่เธอเรียน แถวๆเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเลิกเรียนแล้วคงไม่ได้ไปไหนว่างๆ เลยถามเธอว่า วันนี้เลิกเรียนกี่โมง เธอตอบว่า 5 โมงเย็น ผมก็เลยเสนอว่า เย็นนี้มารับได้ไหม ด้วยความเธอยังลังเลว่า จะให้มารับดีไหม สุดท้ายก่อนลงรถ เธอก็ตอบตกลง ว้าววดีใจสุดยอดเลย ได้ไปรับไปส่ง เธออย่างงี้ก็แจ๋วดิ มีเพื่อนหลายคนชอบแนะนำกันจังเลยว่า ขึ้นรถแล้วทำไมไม่ใช้โอกาสนี้หลอกฟันเธอเลย อยากจะบอกไม่เคยได้คิดอย่างงั้นเลย และก็ไม่ได้เป็นตุ๊ด หรือ เกย์ อย่างที่หลายคนมองด้วยและก็ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น แต่ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษพอ และมีสติพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และที่คงขาดไมได้คือความรักจริง ที่จริงจังมากเกินไปหรือป่าวก็ไม่รู้ คนไม่เคยมีรักนี่หน่าจะรู้ได้ไงว่ารักเป็นอย่างไร จีบยังไง เล่าต่อจากนั้น 3 โมงเย็น ผมก็เลิกเรียนแล้วขับรถไปยังเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เพื่อจะรอรับเธอ ไปถึงก็ 16.00 น. เดินเที่ยวเดอะมอลล์จนทุกมุมแล้ว ถึง 5 โมงเย็นเธอก็โทรมาหาผมถามว่าผมอยู่ที่ไหน ผมก็ตอบว่าอยู่หน้า KFC ให้มาหาผมหน่อยได้ไหม เธอก็ยังดงดันบอกว่าให้ผมขับรถออกไปรับหน้า เดอะมอลล์ ว้าแย่จังอยากจะเดินคุยกันซะหน่อย สุดท้ายก็ตัดสินใจพบผมที่หน้า KFC แล้วก็เดินไปขึ้นรถด้วยกัน ลืมบอกว่าผมซื้อ เสื้อหนาวสีส้ม ราคา 199 บาท ต่อก็ไม่ได้ราคาอีก ให้เธอด้วยแหละดูเธอชอบน่าดูเลยครับ จากนั้นก็กลับบ้านด้วยกัน มีความสุขมากเลยครับ ผมรักเธอเข้าเต็มร้อยซะแล้ว แล้วถ้าจะลืมเธอล่ะจะทำอย่างไร ....

     

                หลังจากวันวันเสาร์ผมก็ยังไปรับเธอตลอด หากอาทิตย์ไหนเธออยากลับบ้านเองผมก็จะไม่ตอบโต้ เพราะคุณแม่ขอร้อง มีอยู่อาทิตย์หนึ่งที่ คุณพ่อต้องไปโรงพยาบาลแถวบ้านและเข้าตรวจสุขภาพ ในวันเสาร์ 24 พ.ย.50 ผมได้นัดกับเธอไว้ตั้งแต่วันศุกร์ว่าจะไปด้วยกัน แล้วเพิ่งจะมารู้ว่าพ่อมีตรวจสุขภาพ คืนวันศุกร์ผมก็โทรหาเธอเพื่อบอกว่าคงจะไปไม่ได้เพราะมีธุระ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมก็ก็ยังนึกเสียใจเลย และเช้าวันเสาร์ ผมก็ไปส่งพ่อที่โรงพยาบาลก่อน หลังจากนั้นก็ขับรถไปเรียนพิเศษ มองดูนาฬิกาเพิ่งจะ 09.00 น.เอง ผมคิดว่าเธอเพิ่งจะออกจากบ้านเลยโทรหาเธอถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เธอบอกว่า จะถึงป้ายรถเมล์เซียร์แล้ว ผมบอกว่าให้รออยู่ตรงนั้นเดี๋ยวไปรับ และแล้วผมก็ได้เจอเธอ เธอเล่าว่าพี่สาวเธอเพิ่งจะกลับมาจากออสเตรเลีย เธอบอกว่าพี่สาวเธอดูอ้วนมาก และนมใหญ่ด้วย ผมนี้หัวเราะเลยและตอบกลับว่า เธอก็เลยสู้พี่สาวเธอไม่ได้อะสิ พร้อมกับหันไปมองนมของเธอ เลยโดนตบซะที ซวยเลยเราหาว่าทะลึ่งอีก ทั้งนี้เธอยังให้เรากินขนมที่พี่ซื้อมาฝากอีก เคี้ยวจนฟันหักเลย เราก็บอกว่า ขนมนี้เจ๊เล้งก็มีขาย พากันงอนกันไปใหญ่เลยครับ ผมก็ยังถามว่าวันนี้วันลอยกระทง จะไปเที่ยวไหน เธอก็ตอบว่า ไม่รู้สิคงจะไปกับแม่ แต่ในใจผมก็คงจะคิดว่าสงสัยจะไปกับชายอื่นแหงๆ เลยถามว่า แล้วถ้าผมจะชวนเธอไปลอยกระทงด้วยกันเธอจะไปไหม เธอตอบว่า ไปก็อยากจะไปอยู่แต่กลัวแม่จะว่า อันนี้ผมก็เข้าใจเพราะแม่เธอดุจริงๆ ระหว่างทางเธอชอบเปลี่ยนเพลงบนรถผมมากไม่รู้เป็นโรคอะไรผมคิดว่าสักวัน เครื่องเล่น CD ผมคงจะต้องพังสักวันนึง ด้วยความที่ผมรำคาญเปลี่ยนจังเลย ไม่เจอเพลงที่ชอบสักที เลยจับมือเธอไว้แน่นเลย เธอก็พยายามสบัดออกจนมือเธอดังก๊อกเลย มือเธอช่างนุ่มเหลือเกิน คิดว่าการจับมือน่าจะส่งสัญญาณอะไรได้หลายอย่าง ถ้าจับมือแล้วยอมให้จับดีๆ แสดงว่าเธอมีใจให้เราแล้ว ถ้าสบัดมือออกแสดงว่า ยังไม่มีใจเลย ก็เป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ผมอาศัยโอกาสนะ แต่ว่าเพื่อนมันแนะนำมาครับ และแล้วผมก็ส่งเธอพอที่จะต่อรถไปเรียนได้ แถมเธอชอบบ่นมากเราขับรถจอดชอบเลยป้ายรถเมล์อีกด้วย จะให้จอดตรงได้ไงอ่ะ จอดตรงๆรถก็ชนเด่ะ แต่วันนี้ผมไม่ได้ไปรับเธอ เพราะเธออยากจะกลับบ้านเอง สงสัยจะกลับกับอีกคนก็ได้ครับ ...

     

                    .... วันนี้ 24 .ย. 50 วันลอยกระทง เทศกาลแห่งการขอคมาพระแม่คงคาของเรา หลายปีที่ผ่านมาผมก็จะไปลอยกับพ่อ หรือ ไม่ลอยเลยก็มี แต่ปีนี้ไม่ได้ต้องลอยกับเธอให้ได้ ว่าแล้วจิตใจก็วุ่นวายคิดถึงเธอ แต่หน้าที่คือต้องไปซื้อของกับพ่อที่ TOPS 20.00 น. แล้วซื้อของเสร็จคงจะกลับบ้านไปนอน พ่อถามว่าไม่ไปลอยกระทงหรอ ผมก็ตอบว่าไม่ไปครับ พ่อถามว่าไม่ชวนแฟนไปด้วยล่ะ โอ้โหคุณพ่อยกระดับให้เธอตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย (นึกในใจ)  ผมก็บอกว่า ชวนอ่ะชวนแล้วแต่กลัวแม่จะว่า พ่อเลยตอบว่าเธอดูๆเป็นคนเก็บกดนะ เพราะอยากจะไปไหนก็ไม่ได้ไป ผมก็ตอบว่า ลูกผู้หญิงก็อย่างงี้แหละ แม่ต้องหวงเป็นธรรมดา เมื่อขับรถมาถึงบ้าน หน้าบ้านจัดงานเลี้ยงกันสนุกสนานเลย มีเกมส์ตกไข่ด้วย นึกสนุกก็เลยซื้อบัตร 20 บาท แล้วไปเสี่ยงโชค ได้มาม่า กับ น้ำส้ม มา คุ้มจริงๆเลยเรา ระหว่างนั้นก็เจอเพื่อนหน้าบ้าน เลยถามว่าไม่ไปลอยกระทงที่ไหนหรอ เพื่อนบอกว่าไม่ไปเพราะไม่คนไปด้วย ผมเลยชวนเพื่อนข้างๆไปลอยกระทง เดินไปหลังหมู่บ้าน ผ่านหน้าบ้านเธอมองเข้าไปในบ้านก็ไม่พบเธอคิดว่าคงจะไปกับครอบครัว เพราะโทรไปหาเธอกี่ครั้งก็วางสายทิ้ง ผมก็นึกน้อยใจเหมือนกันนะ ผมก็เดินไปดูพื้นที่ลอยกระงก่อนเลย แต่ไม่กระทงไปลอย ก็เดินกลับมาซื้อกระทงอีก เจอเพื่อนอีกคนหนึ่ง ถามว่าพี่ๆ ไม่ชวนเธอไปลอยกระทรงล่ะ ผมก็ตอบว่าไม่อ่ะครับ เพราะไม่รู้เธออยู่ที่ไหน เพื่อนมันก็บอกว่า นี่ไงอยู่หน้าบ้านพี่อ่ะ นั่งในงานเลี้ยงอยู่ อ้าวงานเข้าล่ะ ผมก็อยากจะรู้เลยเดินไปซื้อกระทงพร้อมกับมองหาเธอ และแล้วก็เจอ แต่ต้องซื้อกระทงก่อน แล้วเดินเข้าไปหาเธอ ก็เจอแม่เธอกับพี่สาวของเธอ ด้วยความที่ยอมรับว่าปอดแหก เลยล่าถอยออกมา แล้วเดินไปหลังหมู่บ้านด้วยวามหดเหี่ยว เพราะไม่กล้าชวนเธอ เมื่อถึงริมคลอง ผมก็ยังไม่รอ เพื่อนก็ถามว่าทำไมไม่อลย ผมตอบแบบอ้างว่าผมรอฤกษ์อยู่ 21.09 น. ถึงจะลอยได้ จริงๆแล้วไม่มีอะไรหรอกครับ แต่ว่าผมเชื่อว่าเธอยังไม่ลอยกระทง ผมนั่งรอจน 3 ทุ่มแล้ว สุด้ายเธอก็เดินมากับ แม่และพี่สาว เอาแล้วไงจะวางตัวไงดี ก็ยกมือไหว้แม่และพี่สาวเธอ แต่เค้าไม่เห็นผม เพราะผมคงจะดำเกินกว่าที่จะมองเห็น เธอก็ลอยกระทงกับครอบครัวเธอ ไอ้ตัวเราจะลอยข้างๆก็ยังไงอยู่  เธอก็ทักทายผมนะ แต่เธอคงจะไม่อยากให้แม่เธอรู้ว่ารู้จักกับผมอยู่ นั่งจากเธอเดินกลับบ้าน ผมก็ลงไปลอยกระทง แต่ไม่ใช่ 3 ทุ่ม 9 นาที นะเพราะบอกแล้วว่า ฤกษ์คือความพร้อม ก็อธิษฐานว่า ขอให้สิ่งไม่ดีลอยไปกับกระทง ขอให้พ่อหายเจ็บป่วย ขอให้แม่และพี่ชาย ที่อยู่ต่างประเทศมีความสุข ขอให้ผมคิดอะไรได้สมความปรารถนา ขอให้เรียน จบ ปตรี ฉลุยๆ และสุดท้ายขอให้กระทงลอยไปเจอคนที่มันรัก เท่านั้นผมก็เป็นสุขใจนับว่า ได้เห็นเธอได้อยู่กับครอบครัวไม่ได้ไปอยู่กับชายคนอื่น ผมก็หลับฝันดีแล้วครับ ...

     

     

     

                    .... ผมว่าผมเป็นคนที่ขี้หึงพอสมควร เพราะหายสิ่งหลายอย่างที่เป็นนิสัยของผมบอกได้ว่าผมหึงจริงๆ เช่น เพื่อนสอบได้ที่ 1 ผมได้ที่ 2 การแสดงออกผมจะยินดีกับเพื่อนคนนั้นมาก แต่ในใจผมคือความหึงว่าเพื่อนได้ดีกว่าเรา เราจะไม่ยอมแพ้ นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่บอกว่าผมหึงมากๆเลยทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นเจ้าของเธอ เช้าวันอาทิตย์ 25 พ.ย.50 วันนี้ผมมีสอบ รด.ที่ศูนย์ดินแดง ผมตื่นแต่เช้าพร้อมกับความสดชื่นเพื่อจะไปสอบ หลังจาก สอบเสร็จแล้วผมก็ ไปทำงานบ้านเพื่อนจนบ่ายๆแล้วขับรถกลับบ้าน พอมาถึงหมู่บ้าน ผมก็คิดถึงเธอ ได้แค่เห็นหลังคาบ้านเธอก็พอใจแล้ว เลยขับรถอ้อมไปหลังหมู่บ้านเพื่อจะผ่านบ้านของเธอก่อน และย้อนกลับขึ้นมาเข้าบ้านของผม แต่สิ่งที่ผมเห็นนั้นมันเข้าตากรรมการซะอย่างนั้น เธอกำลังยืนอยู่กับ เพื่อนข้างบ้านของเธอ น่าจะมีการแลกเบอร์มือถือกันด้วย เธอทำเหมือนที่เธอทำกับผมตอนเริ่มรู้จักกันใหม่ๆเลยครับ  แล้วเธอก็เห็นรถของผม หันมามองอยู่นานเหมือนกันให้แน่ใจว่าใช่ผมจริงหรือเปล่า  ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก  ผมต้องกลับมาแล้วรีบนอนพักก่อนไม่งั้นเส้นเลือดในสมองคงจะแตกก่อนแน่ เธอจะทำให้ผมคิดมากไปถึงไหนเนี่ย ผมคิดหนักเรื่องเธอมากกว่าเรื่องอื่นๆอีก ทำให้ชีวิตผมคิดแต่เธอ กลายเป็นทำให้การเรียน หรือ สิ่งอื่นๆต้องเสียตามไปด้วย งั้นก็แสดงว่าการที่คบเธอ ก็ไม่มีอะไรดีเลยอ่ะสิ ...

     

                    .... เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2550 ก็คงจะรู้ว่าเป็นเดือนอะไร คงไม่ใช่ กันยายน อย่างแน่นอน หลังจากได้ซ้อมสวนสนาม ร.ด. มานานพอควรก็ได้เวลาเอาจริงล่ะครับ แต่รู้สึกเธอคนนั้นจะเงียบไปหลายวันเลยทีเดียว ทำให้ผมไม่สบายใจอย่างมาก ผมคิดไปต่างๆนาๆว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่ได้เจอหลายวัน ไอ้จะโทรไปก็กลัวว่า เธอไม่สบายแล้วยังรับโทรศัพท์ผมอีก ผมได้แต่คิดถึงเธอ คิดไปว่าเธอคงจะเข้าโรงพยาบาล แบบว่าป่วยหนักมาก ทำให้ผมฝันไม่ดีหลายวันติดๆกัน เครียดก็เครียด มันกดดันแบบที่ว่าหลายคนรอบข้างก็บอกไม่ได้ว่าเกิดอะไร ขึ้นกับตัวผม แต่แล้วสุดท้ายเธอก็มาผมได้เห็นเธอตอนนั้นบอกไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเพราะมันคิดถึงสุดๆแล้ว เธอบอกว่าเธอไม่สบายหยุดอยู่บ้านหลายวันเลย โอ้ดีจังทำให้ผมโล่งอกไปนึกว่าเป็นอะไรมาก ถ้าเธอได้อ่านอยากจะบอกเธอว่า อย่านอนดึกมากนะ เพราะตื่นเช้า เดี๋ยวจะไม่สบาย ผมเป็นห่วงเธอมาก แต่ก่อนผมส่ง SMS ทีนี้สัปดาห์นึงทำเอา TRUE รวยกันไปใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่าผมขี้เกียจแต่ว่า ส่งไปเธอก็คงจะลบทิ้ง คงจะไม่อ่านมัน เพราะมันไม่สำคัญอะไรสำหรับเธออยู่แล้ว และที่สำคัญผมไม่อยากให้เธอต้องเสียเวลามานั่งอ่าน SMS ของคนโง่อย่างผมหรอกครับ .....

    .... สัปดาห์แรกของเดือนผมและพ่อ Shopping ซื้อของเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนชาวบ้านเรื่องของสวัสดีปีใหม่ ไปซื้อการ์ดปีใหม่ เพื่อจะส่งให้เพื่อนๆของพ่อ พอเดินเลือกๆอยู่ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมอยากจะส่ง การ์ดอวยพร วันคริสมาสต์ให้เธอซะหน่อย แต่ใจก็ลังเลว่าส่งไปกลัว พ่อแม่ เธออ่านแล้วเป็นเรื่องอีก ก็กล้าๆกลัว แต่พ่อผมท่านก็เสริมทัพทันทีไม่รู้นึกอะไรได้ ก็ถามผมว่าไม่ซื้อการ์ดให้เธอหรอ มีคนเสริมผมก็ได้ใจเลย ตัดสินใจซื้อการ์ดก่อนเลย จะเขียนอะไรค่อยว่ากัน นั่งนึกอยู่นาน เขียนแล้วเขียนอีก ผิดๆถูกไม่รู้ ไอ้บทจะส่งการ์ดไปอย่างเดียวก็ดูๆแล้วเชยไป เลยไป เซเว่นไปซื้อ บัตรเติมเงิน Happy 100 บาทแนบไปด้วย เขียนเรียบร้อย คราวนี้มาถึงการจ่าหน้าซองจดหมายผมก็ปรึกษาเพื่อนอยู่นานว่าถ้าเขียนจดหมายส่งไปแล้ว ผมไม่เขียนชื่อที่อยู่ผู้ฝากจะผิดไหม เพื่อนบอกว่า ไม่ผิดแต่เวลาส่งไปไม่ถึง จะไม่ส่งกลับมา ผมเลยยอมเสี่ยงที่จะไม่เขียน เรื่องที่อยู่ไม่มีปัญหาเพราะ อยู่หมู่บ้านเดียวกันเปลี่ยนแค่บ้านเลขที่เป็นพอ ก็จ่าหน้าซองตามปกติ แต่ผมลืมชื่อจริงเธอ เอาแล้วไงงานเข้า รู้ว่าชื่ออ่านยังไงแต่ไม่รู้เขียนยังไง เปิด E-mail ย้อนดูชื่อเธอมีแต่ภาษาอังกฤษ เลยเอาชื่อภาษาอังกฤษเขียนลงไป แต่ที่อยู่ภาษาไทย โหไม่เนียนเลย มีวันหนึ่งเราไปโรงเรียนด้วยกัน ผมก็เหลือบแอบมองชื่อจริงตรงเสื้อของเธอ เธอคงคิดว่าผมนี้โรคจิตแอบมองดู....เธอ อิอิ นิดนึงๆ  มีหลายคนบอกว่าทำไมไม่ไปให้เอง อยากให้กลับไปอ่านวรรคแรกๆได้ เรื่องรักแท้แพ้โรตี แล้วจะรู้ว่าทำไมไม่อยากเอาไปให้ด้วยตนเอง  เดือนสุดท้ายเดือนนี้มีเรื่องหลายเรื่องที่ น่าปวดหัว และ ก็มีความสุขไปด้วย  น่าปวดหัวตรงที่กระเป๋าสตางค์ + โทรศัพท์มือถือหาย ก็น่าเศร้าไป เพราะความไม่เอาไหนของผมที่แม้แต่ของมีค่ายังรับผิดชอบไม่ได้ แล้วจะไปรับผิดชอบชีวิตคนอื่นได้อย่างไร ตอนนี้ผมเครียดหลายเรื่องเลย แต่ต้องส่งจดหมายให้ทัน 22 ธ.ค.50 ผมส่งจดหมาย ณ ตู้ไปรณีย์ แห่งหนึ่ง (ไม่เอ่ยชื่อ เดี๋ยวออกข่าวจะดังเอา)  กะวันเวลาว่าสงสัยจะเกิน 25 ธ.ค.50 อย่างแน่นอน เลยถามพ่อว่าจดหมายถ้าส่งทางตู้นานไหมจะถึง พ่อเหมือนรู้ว่าผมส่งให้เธอแล้ว พ่อตอบว่าช่วงนี้ก็นานหน่อยนะ ผมก็ได้แต่ลุ้นว่าอย่าให้เกินไปเลย ประกอบกับมือถือหายเลยไม่ได้โทรหาเธอ ไม่ได้กะว่าติดตามผล แต่อยากจะรู้ว่าเซอร์ไพร์แค่ไหน เพราะไม่ได้บอกเธอเลย รุ่งเช้าวันที่ 26 ธ.ค.50 ผมตื่นนอนแล้วสลับ sim card กับเครื่องของพ่อผม มี sms มาถึงผม 1 ฉบับ ก็คึงนึกว่ามันคงเป็นพวกชิงโชคอีกแล้วหรือเนี่ย หรือไม่ก็มีใครโทรหาเรา โอ้ไม่นะหัวใจจะวาย ร้อยวันพันปี ตั้งแต่เราได้เจอกัน เมื่อปลายเดือน พ.ย.2549 เป็นเวลา 1 ปีที่ผมไม่รู้ว่าเธอคือใครในใจผม เพื่อนๆก็ถามผมว่า แล้วเธอเป็นอะไรกับผม ผมไม่รู้จะตอบไงอ่ะคับ ตอนนี้ได้แต่ตอบว่าเธอคือ ... VIP (Very Important Person) บุคคลสำคัญของผมครับ เธอส่ง Sms มาให้ผมน้ำตาไหลนองพื้นด้วยความที่ตื่นเต้น ร้องไห้ไม่หยุดเลยเรา Thank you for Christmascard I wish u have a nice xmas day too.. Have a good dream* .... สุขสันต์วันคริสมาสต์ครับ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น