ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until The End Of Time

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ 1 Before Crisis ตอนที่ 7 แสงสงัดแห่งห้วงรัตติกาล (3/3)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 165
      0
      20 ก.ย. 50


                   
    ลูกดอกของหน้าไม้คมกริบปักลงสู่พื้นหญ้าอย่างรวดเร็วเฉียดเส้นผมของรูลไปเพียงครึ่งมิลลิเมตร ถึงจะเป็นเพียงแค่ลูกดอกเล็กๆแต่...เมื่อผ่านไปชั่วครู่ไม่ถึงวินาทีฤทธิ์ของมันจึงออกผลอย่างทันตาจนทำให้ต้นหญ้ารวมถึงดอกไม้ที่บานอยู่บริเวณรัศมีหนึ่งฟุตก็ค่อยๆสลายลงเป็นผงราวกับเป็นฝุ่นธุลี


                   
    รูลกลืนน้ำลายลงคอพลางลูบเส้นผมสีน้ำตาลดำของตัวเองที่ยังไม่ถูกถากออกอย่างโล่งใจและขอบคุณในสัญชาติญาณการรับรู้ที่ไวซะยิ่งกว่าหมาของตัวเองพลางนึกหวั่นว่าถ้าโดนขึ้นมามีหวังได้ไว้ทรงสกิลเฮดสมใจยากแน่ๆ


                   
    นะ...น่ากลัว...ชิบ...นี่มันลูกดอกอะไรฟระเนี่ย
    !?


                   
    รูลคิดพลางเหลือบมองร่างของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนที่กำเสื้อของเขาแน่น ดวงเนตรสีน้ำเงินเหมืองห้วงทะเลลึกฉายแววความตกใจอย่างไม่เก็บซ่อน เม็ดเหงื่อไหลพุดพรายตามดวงหน้าคมหวานรินรดไปตามลำคอ บลิทซ์หอบหายใจหนักเหมือนกับคนโรคหอบกำเริบ


                   
    โรคหอบ...
    !?


                   
    เฮ้ย...บลิทซ์...นายติดยาแก้โรคหอบมาหรือเปล่า?รูลกระซิบเสียงแผ่วพลางโอบไหล่ของคนตรงหน้าแน่น บลิทซ์สั่นศีรษะเบาๆก่อนจะเหยียดกายลุกขึ้นเพื่อออกจากการเกาะกุมของรูล แล้วหันมายิ้มให้ทั้งที่ดูก็รู้อยู่แล้วว่าฝืน

                    
    ไม่เป็นไรครับ...ผมแค่ตกใจนิดหน่อยครับ...เดี๋ยวก็หายน้ำเสียงนุ่มลึกตอบอย่างปัดๆแล้วหันไปยังลูกดอกด้วยแววตาเคร่งเครียดแม้ว่าตัวเองจะกุมมือเบาๆบริเวณกลางเอาไว้หลวมๆ...นั่นก็เพื่อไม่ให้รูลห่วง...โรคประจำตัว...ที่คิดว่ามันน่าจะหายไปนานแล้วแท้ๆ...


                   
    นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบตาขึ้นมองดูเนี๊ยวที่ยังอยู่บนศีรษะของเขาในสภาพดีไม่ร่วงหล่นแม้ยามเคลื่อนไหวแบบปุบปับหลับสบายแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวก็อดหัวเราะไม่ได้...ถึงแม้ว่าหัวเราะทีมันจะแน่นหน้าอกก็เถอะ...


                   
    ร่างสูงบอบบางของเด็กสาวเดินสาวเท้าอาดๆอย่างไม่กลัวมาทางลูกดอกของหน้าไม้นั้น นอร์เฟรเซียจ้องมองเล็กน้อยก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผ้าฝ้ายลายน่ารักแบบผู้หญิงออกมา เธอก้มตัวลงก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าคลุมแทนถุงมือแล้วดึงลูกดอกไม่ได้รับเชิญออกจากพื้น เด็กสาวเพ่งมองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ลูกศรเวทค่ะ


                   
    ศรเวทคือลูกศรลงอาคมในประเภทของการทำลายล้าง...เป็นเวทมนตร์ที่มีมาแต่ยุคโบราณสำหรับพวกผู้ใช้ไสยเวท...ไสยเวทอีกแขนง...ของผู้ใช้เวทมนต์ที่ขึ้นชื่อว่า...อันตรายมากที่สุด...


                   
    เวทมนตร์...ศาสตร์มืด


                   
    พวกเธอไม่เป็นไรนะคะ นอร์เฟรเซียเอ่ยน้ำเสียงห่วงพลางเพ่งมองของในมืออีกสักนิดก่อนจะส่งลูกดอกให้บลิทซ์ทั้งผ้าเช็ดหน้า หากแต่ทันที่บลิทซ์รับมันสู่มือรูลต้องวิ่งเข้ามาปราดข้างหน้าโดนที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มวาดวงแหวนเวทด้วยปลายดาบเซโร่ซีเอลที่เรียกออกมาแล้วหันมาทางบลิทซ์และนอร์เฟรเซียดึงร่างทั้งสองมายังอาณาเขต กดปลายดาบลงกับพื้นจนผ้าพันที่มีรอยกระดำกระด่างร่อนหลุดออกมาเล็กน้อย


                   
    ไม่มีเวลาจะเม้าท์กันแล้วนะพวก! คิดว่ามีระรอกแรกแล้วระรอกสองจะไม่ตามมาเหรอไง !”


                   
    สิ้นคำจากร่างสูงไม่ถึงเสี้ยววินาที ลูกศรเวทนับร้อยดอก...หรือไม่ก็มากกว่านั้นพุ่งโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็วแบบกรูมาไม่ขาดสายอย่างไร้ทิศทางแต่รู้ว่าจุดหมายคือการพุ่งเข้ามาปักอกพวกเขาที่ไม่แม้แต่จะทันตั้งตน...กระทั้งลมหายใจเข้า


                   
    แต่...ก็ยังดีที่มีคนระบบประสาทไวกว่าสุนัขอย่างรูลอยู่ด้วย เด็กหนุ่มพึมพำรหัสคาถาจากวงแหวนเวทก่อนจะเรียกเวทมนตร์จากไอเทมของตน ทันที่ที่ต่างหูสีแดงเข้มจากปลายหูข้างขวาส่องสว่าง วงแหวนที่วาดไว้ก็สร้างอาณาเขตคุ้มกันขึ้นเพื่อสะท้อนลูกดอกทั้งหมดออกไป


                   
    รูลกัดฟันพลางก้าวถอยหลังจากแรงดันมหาศาลจากพลังเวทที่ตัวเองใช้...พูดกันตามตรงแล้ว...เขาไม่ถนัดเรื่องการสร้างอาณาเขตสักเท่าไรนัก...ไม่เหมือนพี่แรคเตอร์...รายนั้นมันฝ่ายป้องกัน...เพราะอย่างนั้นแค่บาเรียกระจอกๆที่เขาเรียกมามันคงจะคุ้มกันอะไรได้ไม่นานนักหรอก


                   
    กะอีแค่เขาคนเดียวโดนสักจึกสองจึกคงไม่เป็นไรหรอก ตายยอกกว่าแมลงสาบซะอีก...แต่ว่า...ดวงเนตรสีแดงเลือดของเด็กหนุ่มเหล่ตามองคนที่อยู่ด้านหลังสองคนกับอีกหนึ่งตัว...เขาปล่อยให้คนอื่น...โดยเฉพาะเจ้าหมอนั่น...เขาจะยอมให้พวกนั้นเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด...


                   
    โอ๊ย! บลิทซ์แกทำอะไรหน่อยสิวะ! ส่งเวทต่อก็ได้ หาต้นทิศของไอ้ลูกดอกบ้าๆนี่ก็ได้ ! ฉันจะไม่ไหวแล้วนะเว้ย!”รูลสบถหยาบใส่ชายร่างสูงข้างหลังที่เล่นเอานอร์เฟรเซียอึ้งไปพัก บลิทซ์หรี่ตาลงก่อนใช้สายตาเฉียบคมมองไปโดยรอบพื้นที่เด็กหนุ่มวางมือเบาๆที่ปลายคางพลางทำหน้าครุ่นคิด


                   
    มุมตรงข้ามสามเหลี่ยมหารด้วยสแควร์รูจของสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หลักการแรงตกกระทบของแรงผลักตรงกันข้ามแทนด้วยค่าความต่างของสมดุลบลิทซ์พึมพำเบาๆไม่ได้ศัพท์รู้ได้เพียงว่าเป็นสมการของฟิสิกส์บาง อย่างที่ฟังดูง่ายๆสำหรับเขา เด็กหนุ่มปัดสายตามองไปในทิศตรงข้ามก่อนจะกลับมาให้สมองที่เต็มไปด้วยสูตรคณิตศาสตร์ และมุมค่าองศาต่างๆคิดค่าติดสแควร์รูจต่อ


                    
     
    ผลคูณของค่าการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง ผนวกด้วยหลักความสมดุลโมเมนท์ แปรค่า G ของสมการหักลบกับมุมตกกระทบแล้วก็ใช้มุม 45 องศา ถอดค่าสแควร์รูจ...


                   
    ดวงเนตรสีแดงเลือดถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ ถ้าเกิดไม่ติดที่ว่าต้องกางอาณาเขตเวทที่ต้องใช้สมาธิมากอยู่ละก็เขาก็อยากจะตบบ้องหูเจ้าเพื่อนหนุ่มของเขาที่ดันมานั่ง...ยืน... คิดเลขฟิสิกส์ไม่ที่ถูกที่ถูกเวลาอย่างนี้จริงๆ 


                   
    หากแต่เสียงนุ่มของบลิทซ์ก็เอ่ยขึ้นแทรกทันทีที่เขาถอดค่าสมการทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 30 วินาที
    !!!


                   
    รูลครับ คลายอาณาเขตคุ้มกันก่อนครับ


                   
    เมื่อสิ้นคำจากบลิทซ์รูลถึงกับกระหวัดสายตาขุ่นเคืองที่แฝงด้วยความแปลกใจหากแต่เมื่อกำลังขยับปากด่าเจ้าคนเก่งอยู่เขาก็ต้องรีบเก็บคำของตัวเองทันทีด้วยถูกกลืนกินด้วยดวงเนตรสีน้ำเงินไพลินจริงจังและแฝงไปด้วยอำนาจอันหยั่งลึกคู่นั้น


                   
    ทำตามที่ผมบอกเถอะครับ!” บลิทซ์ร้องน้ำเสียงทรงอำนาจกับรูลที่ไม่มีทางเลือกอื่นอีกทั้งยัง...ความจริงจังในดวงมณีสีไพลินคูนั้น...เขาจึงพยักหน้ารับด้วยความอย่างเสียไม่ได้ บลิทซ์ส่งเนี๊ยวที่อยู่บนศีรษะของเขาให้กับนอร์เฟรเซียราวกับบอกว่าฝากไว้หน่อย ช่วยกางอาณาเขตคุ้มกันแค่สองคนทีนะครับมันจะช่วยเซฟพลังงานของนายมากกว่า


                   
    ทำไมวะ? หอบขึ้นจนประสาทกลับแล้วเหรอไง รูลร้องอย่างหัวเสียแต่บลิทซ์กับชิงตัดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนเกือบเหมือนตะคอก


                   
    เอาเถอะครับ!!”


                   
    ทำไม? รูลถามสั้นๆด้วยความหวั่นในน้ำเสียงเมื่อครู่หาแต่บลิทซ์ได้พยักหน้าแทนคำตอบรูลจึงจำต้องคลายอาณาเขตคุ้มกันออกตามประสงค์ของเพื่อนสมัยเด็กที่เขาอดห่วงไม่ได้ก็ตามที ตามทันทีที่แสงบาเรียค่อยๆสลายลงจะเกือบจางหายไป...


                   
    ฉึก
    !!!


                   
    เสียงของลูกศรอาบเวทพิษปักลงพื้นที่รูลหลบได้อย่างหวุดหวิดเด็กหนุ่มกระหวัดสายตาที่ไวกว่าคนปรกติไปรอบๆพลางโอบเอวบอบบางของหญิงสาวแน่นเข้ากับตัวแล้วกระโดดหลบแบบต่อเนื่อง เมื่อเห็นบลิทซ์ก้าวพ้นออกจากวงแหวนเวทกันเขาจึงเริ่มกางอาณาเขตคุ้มกันอีกครั้งด้วยแล้วทอดมองด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างเห็นชัด


                   
    ก้าวถอยหลังสองก้าว แล้วเบี่ยงตัวไปทางซ้าย บลิทซ์พึมพำเบาๆก่อนจะกระโดดสูงหลบลูกดอกเคลืบพิษไปตามทางที่ตัวเองบอก


                    
     
    ใช้มุม 94 องศากะระยะทางความน่าจะเป็น เขาพูดขึ้นขึ้นอีกครั้งพลางใช้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นแป้นรองฐาน เด็กหนุ่มไต่ไปตามลำต้นจนเกือบเหมือนเดินในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง แล้วคว้ากิ่งไม้ในระดับที่เอื้อมถึงแล้วกระโดดหมุนคว้างในอากาศ 270 องศาก่อนจะนั่งลงบนนั้นอย่างพอเหมาะราวกับจับวาง


                   
    เด็กหนุ่มร่างสูงใช้สายตาตัวเองกะระยะ แต่ฉับพลันเมื่อเห็นบางสิ่งบางอย่างพุ่งตรงมาเป็นสายแสงทางสีเงินสะอาด ราวกับดวงเนตรสีน้ำเงินเข้มของบลิทซ์มัน...ส่องสว่างชั่วครู่ เขาเพ่งมองลูกดอกนั้นทั้งที่มันน่าจะเร็ว...แต่มันกับช้า...จนเหมือนภาพสโลว์ฯในหนัง


                   
    มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวช้าลงเมื่อต้องการ...หนึ่งใน...ความสามมารถลึกลับ...ของเผ่าอาเคส  


                   
    บลิทซ์เบี่ยงศีรษะหลบเล็กน้อยแล้วคว้าหมับเข้าที่ก้านยาวของลูกดอกทันทีก่อนที่มันจะพุ่งโดนกลางแสกหน้าหน้า เด็กหนุ่มใช้ปลายนิ้วเรียวยาวหักก้านลูกดอกนั้นโยนทิ้งลงข้างล่างก่อนจะวาดมือลงกับเปลือกต้นไม้เป็นวงแหวนเฉพาะของตัวเอง บลิทซ์หลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ

     


                   
    แรงเอ๋ยแรง...แสงพระเพลิง

                    โคมระเริง...เพลิงส่องฟ้า

                    โหมแรงดั่งไฟ...รัตนา

                    เพียงพัดพาหนึ่ง.เสี้ยว...ทิวา

     


                   
    บลิทซ์ท่องคาถาเวทประจำธาตุเพลิงก่อนจะวาดตัวอักษรเพิ่มขึ้นอีกตัวหนึ่งในวงแหวนธาตุที่สร้างขึ้นเมื่อครู่ พลันเมื่อเขาวาดอักษรครบ แสงสว่างบาดสาดตาฉาบส่องทั่วอาณาเขต ปรากฏโคมเพลิงโหมกระหน่ำซัดราวกับคลื่นยักษ์สีแดงที่มีละออกเป็นประกายร้อนพัดเอาลูกดอกจากหน้าไม้ทั้งหมดไหม้จนเหลือเพียงเถ้า...


                   
    ตุ้บ
    !


                   
    หน้าไม้อันเล็กร่วงลงจกกิ่งต้นไม้ต้นหนึ่งด้านตรงข้ามไม่ไกลจากเขานัก เจ้าของดวงเนตรสีน้ำเงินรัตติกาลหลุบตามองมาทางรูลเขายิ้มน้อยๆแล้วพยักหน้าราวกับบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว  รูลรับก่อนจะรีบคลายอาณาเขตของตน ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งลงให้มือข้างหนึ่งยันเซโร่ซีเอลเป็นที่พึ่งด้วยความเหนื่อยล้าเพราะใช้พลังเวทมากเกินไปจนเกินขีดจำกัดของตัวเอง


                    
     บลิทซ์กระโดดลงมาจากกิ่งไม้ที่ตัวเองพำนักอยู่แบบรวดเดียวถึงพื้นแล้วเดินมาทางรูล เขานั่งลงยองชันเข่าก่อนจะกุมมือของเพื่อนในวัยเด็กเอาไว้ข้างหนึ่ง ชายหนุ่มพึมพำเบาๆปิดดวงเนตรสีเข้มก่อนจะถ่ายทอดพลังเวทบางส่วนของตัวเองให้เพื่อพื้นร่างกายของรูล


                   
    มนุษย์ธรรมดารวมถึงพวกฮาร์ฟที่เป็นลูกครึ่งของผู้ให้เวทมนต์กับฮิจว์แมนจะมีขีดจำกัดในการใช้พลังเวทของตัวเองต่ำเพราะต้องดึงพลังที่เหมือนๆกับการ
    ยืมจากไอเทมเวทมนตร์ซึ่งต้องให้กำลังร่างกายบางส่วนไปมาก ต่างจากพวกเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาที่มีสามารถใช้พลังได้อย่างไร้ขอบเขตโดยไม่จำเป็นต้องยืมพลังหรือวาดวงแหวนเวท(เว้นวงแหวนธาตุ)เป็นขั้นตอนกายร่ายมนตร์ก็เถอะ    


                   
    จะว่าสบายก็สบาย...จะว่าลำบากก็ตรงที่เป็นจุดเด่นเนี่ยแหละ


                   
    ระหว่างที่บลิทซ์ถ่ายทอดพลังของตนให้รูลที่กำลังฟื้นตัวนอร์เฟรเซียที่ว่างอยู่จึงวางเนี๊ยวไว้บนศีรษะของบลิทซ์ตามเดิม...สมกับเป็นแมว...ไม่ว่าสถานการณ์ไหนก็หลับได้อย่างสบายๆ เธอบ่นในใจแล้วเดินไปหยิบหน้าไม้ที่ร่วงอยู่ใกล้ขึ้นมามองด้วยสายตาฉงนหนักเมือเห็นว่าสิ่งที่กราดยิงพวกตนเป็นแค่หน้าไม้ระบบอัตโนมัติ...ธรรมดาๆเพียงอันเดียว


                   
    แปะ แปะ


                   
    เสียงปรบมือเบาๆราวกับเป็นเชิงชื่นชมดังแว่วจากด้านหลังของต้นไม้เงามืดของมันค่อยๆทอดตัวยาวจนไม่อาจทราบว่าเป็นใคร จนสายลมเอื่อยค่อยๆพัดไหวตามแรงกระแสหมู่มวลเมฆเคลื่อนตัวออกจากดวงจันทร์สีเงินที่บดบัง


                   
    เส้นผมยาวนุ่มสีน้ำตาลอ่อนจนเหลือบสีทองเหมือนผิวมะนาวพลิ้วไสวตามแรงลม ดวงเนตรสีอำพันใสดูลึกลับจับอารมณ์ได้ยากยิ่งทอดมองมายังพวกเขา  เธอไล้ปลายนิ้วมือที่คางใต้ดวงหน้าคมสวยแล้วพุดอมยิ้มที่เหมือนจะเป็นแสยะยิ้ม


                   
    อาจารย์ฟราน? บลิทซ์พึมพำเบาๆแล้วเงยหน้าจากรูล เรนโฮขยับรอยยิ้มขึ้นก่อนจะนั่งลงขนาบข้างลูกศิษย์หนุ่ม เธอชะโงกหน้ามองรูลแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสูง ท่าทางจะพาลพลังเวทไปโขเลยสิ  Black Knight ” รูลโคลงศีรษะไปมาด้วยหน้าที่ซีดเผือก ถ้าไม่ติดว่ากำลังม่อยระรอกอยู่ละก็เขาก็อยากจะต่อปากต่อคำกับอาจารย์สาวคนสวยคนนี้อยู่เหมือนกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×