ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Until The End Of Time

    ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 1 Before Crisis ตอนที่ 7 แสงสงัดแห่งห้วงรัตติกาล (2/3)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 167
      0
      11 ส.ค. 50


                   “สรุปคือเราหยุดไปพิสูจน์ผีแล้วเปลี่ยนมาเป็นตามหาคุณฮันเตอร์เจ้าของเนี๊ยวกันเถอะคะ  สิ้นเสียงหวานทรงอำนาจของนอร์เฟรเซียที่เงียบปากอยู่นานปล่อยให่สองหนุ่มพูดอยู่นานจนเกือบจะลืมว่ามีเธออยู่ตรงนั้น บลิทซ์กับรูลหันไปยังเธอด้วยความตกใจปนไม่เชื่อหูตัวเองว่าคนที่ดื้อรั้นยืนยันว่าจะมาพิสูจน์ผี ตัวตั้งตัวตีที่ทำให้พวกเขาต้องอดนอนจู่ๆก็มาพูดในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเธอจะเห็นด้วยเป็นคนสุดท้าย


                   
    อะไรกันคะ? มองฉันแบบนั้นมันความว่าไงกัน? น้ำเสียงหวานร้องเบาๆราวกับเด็กที่ถูกมองด้วยสายตาจับผิดเวลาที่กำลังซ่อนพิรุธ นอร์เฟรเซียมุ่นคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจก่อนจะสะบัดดวงหน้างามไปทางอื่น เมื่อชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเห็นดังนั้นจึงเข้าหาในระยะประชิด


                   
    อ่ะ...น่า อย่าเพิ่งงอนสิจ๊ะ นอร์ฟจัง รูลบีบน้ำเสียงเข้มให้สูงขึ้นเป็นเชิงเล่นกึ่งง้อเด็กสาวร่างบาง ชายหนุ่มล้อมหน้าล้อมหลังของนอร์เฟรเซียพลางหมุนมือไปมาราวกับตอนกล่อมเด็ก หายงอนแล้ว เดี๋ยวฉันเลี้ยงไอติมนะ


                   
    บลิทซ์ขมวดคิ้วเรียวบางจนหย่นติดกันแล้วสะบัดศีรษะไปมา

                    ....เลี้ยงไอศกรีม....ทำเป็นเด็กไปได้....


     
                  
    เอา....วานิลากับมินท์นะคะ นอร์เฟรเซียที่ดูเหมือนจะเลิกแกล้งทำเป็นงอนหันหน้ามาหารูลแล้วพูดด้วยน้ำเสียงใสดั่งเด็กตัวเล็กที่โกรธง่ายหายเร็ว เล่นเอาดวงเนตรสีน้ำเงินเข้มของบลิทซ์ถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจน้อยๆที่นอร์เฟรเซียยังอุตส่าห์รับมุขฝืดของรูลด้วย


                   
    อ่า...พอกันเลยแฮะ...สองคนนี้...มิน่าล่ะถึงได้เข้ากันได้...


                   
    แล้วอีกอย่างนะคะ.... เด็กสาวร่างสูงบอบบางกล่าวน้ำเสียงสูง นิ้วชี้เรียวยาวยกระดับหัวไหล่ก่อนจะยิ้มๆกว้างแล้วเอียงขอลง ฉันบอกว่า หยุดนะคะ ไม่ใช่ เลิกเพราะอย่างนั้นก็เท่ากับว่าพวกเราไปหาเจ้าของของเนี๊ยวก่อนแล้วค่อยไปพิสูจน์เรื่องลึกลับในโรงเรียนต่อ...ยังไงล่ะคะ


                   
    เสียงหวานทรงอำนาจลากยาวพายพายนิ้วขอตัวเองออกไปอย่างร่าเริง...จนเกินเหตุ...ขนาดที่ว่าทำเอาสองหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับขนลุกทั่งร่างไปตามๆกันด้วยความนึกหวั่นในอนาคตภายภาคหน้าของตัวเองถ้าหากยังอยู่ใกล้ๆกับนอร์เฟรเซีย...ก็ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง...


                   
    ชักกลัว.......ซะแล้วสิ


                   
    ความคิดของสองหนุ่มที่ตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ รูลขยับยกมือกุมขมับแล้วกดหน้าที่ค่อยๆซีดลงแน่น ส่วนบลิทซ์ก็คว้าเนี๊ยวจากศีรษะแล้วโอบกอดแรงจนเล่นเอาซะได้ยินเสียงกระดูกซี่โครงลั่นของเจ้าไคมิร่าน้อยที่น่าสงสารดังกร๊อบแกร๊บ...แต่เจ้าคนกอดตัวก็ไม่คิดจะปล่อย...


                   
    เอาล่ะค่ะ เริ่มปฏิบัติการกันเลย!นอร์เฟรเซียหันมาก่อนจะประกบมือระดับอกพลางยิ้มด้วยใบหน้าหวานระรื่น บลิทซ์กับรูลถอนหายใจอย่างแอบปลงวิตกแล้วเริ่มเดินตามร่างบางที่รุดก้าวนำไปก่อน


                   
    พลันที่ดวงหน้าหวานใสหันมาพร้อมกับสายลมเบาๆเสียดสีกับใบไม้ที่หลุดพัดเพไปตามกระแสวาโย เรือเกศาสีเข้มแดงพระเพลิงก็ค่อยๆพลิ้วไหวไปตามแรงลมเอื่อย นอร์เฟรเซียปัดเส้นผมนุ่มสลวยทัดใบหูพลางขับรอยยิ้มบางๆดูอ่อนโยนที่ทำให้คนมองต้องเคลิ้มฝันราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์ และถึงแม้ว่าใบหน้าที่งดงามราวเทพธิดาชั้นฟ้าบวกกับฉากหลังที่แสนจะโรแมนติกจะทำให้ชายหนุ่มทั้งคู่อดใจเต้นแรงไม่ได้ก็ตาม


                   
    แต่เห็นทีว่าฝันดีจะต้องพังสลายเมื่อวินาทีที่เจ้าของริมฝีปากบางสวยขยับพูดในสิ่งที่เล่นเอาเกือบต้องแทบล้มทั้งยืน
    !


                   
    แล้วเราจะไปหากันยังไงล่ะคะ?


                   
    ดวงหน้าคมเข้มของชายหนุ่มร่างสูงวัยสิบเจ็ดค่อยฟุบลงกับฝ่ามือของตัวเองแล้วกดเส้นนวดขมับเบาๆด้วยความปวดหัวราวกับไมเกรนขึ้นกะทันหัน แต่ทันทีที่น้ำเสียงนุ่มจริงจังของเด็กหนุ่มข้างตัวดังขึ้นก็ถึงกับทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าเพื่อนซี้วัยเด็ก ด้วยสีหน้าอึ้งปนตกใจเล็กน้อยก่อนจะแสร้งปรับให้เป็นปรกติทันควัน


                   
    เรา...ต้องไปหาอาจารย์ฟรานครับ น้ำเสียงเด็ดขาดเป็นผู้นำจากเจ้าชายแห่งรูนดังขึ้น บลิทซ์ค่อยคลายอ้อมแขนออกจากเนี๊ยวที่เริ่มจะหมดฤทธิ์เพราะกระดูกลั่น ไคมิร่าร่างเล็กค่อยกระพือปีกบินหยอยๆอย่างหมดแรงแล้วลอยขึ้นไปเกาะบนหัวของบลิทซ์ตามเดิม


                   
    เพราะอะไรล่ะ? รูลเอ่ยถามเบาก่อนจะส่งสายตาสีแดงและฉากหลังที่ลอยว่อนด้วยเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คมาทางบลิทซ์ ส่วนคนถูกมองได้แต่อมยิ้มนิ่งๆดูขรึมกว่าปรกติหากแต่ยังไม่ทันตอบเจ้าสัตว์ทดลองบนหัวก็ชิงตัดหน้า


                   
    เฮ้อ...นอกจากนิสัยแย่แล้วยังโง่ด้วยแฮะเนี๊ยวขมุบขมิบปากเอ่ยพึมพำเบาๆโดยเฉพาะช่วงท้ายๆ มันบีบน้ำเสียงเบาแต่ก็เน้นเท่าที่สุดให้รูลได้ยิน


                   
    ก...แก...แก๊!!! ไอ้ซาลาเปาขึ้นอืด ไอ้แป้งปอเปี๊ยะไม่มีใส้ ไอ้สัตว์เลี้ยงโลว์เกรด ไอ้แมวกระป๋อง กล้าด่าคนอย่างฉันเรอะ!!!!” รูลร้องแว้ดน้ำเสียงสะบัดอย่างฉุนจัด เขาชี้ไปยังเนี๊ยวด้วยมืออันสั่นเทาเพราะโกรธอย่างถึงขีดสุดก่อนจะลดสายตาลงมาหาบลิทซ์ที่เจ้าแมวบินคู่ปรับนั่งอยู่ด้านบนหัว บลิทซ์...ไหว้ล่ะนะถ้าฉันไม่ได้จัดการเจ้าเนี๊ยวตอนนี้...วันนี้...ฉันคง...ตาย ตา ไม่ หลับ !!!!


                   
    บลิทซ์ถอนใจเบาๆกับรูลและเนี๊ยว...ดูท่าจะแย่...ยิ่งเจ้าเพื่อนคนนี้ของเขาเป็นพวกรักศักดิ์ศรีมากซะด้วย...เขาคงไม่ยอมให้สัตว์เลี้ยงอย่างเนี๊ยว...เอ้อ....ถึงแม้จะเป็นไคมิร่าก็เถอะ....มาแขวะใส่แน่ๆ.....แล้วอีกอย่าง รูลก็ท่าทางจะโกรธจัดขนาดที่ว่าต่อให้เอาใครมาฉุดก็คงไม่คิดจะหยุดอาละวาดเป็น แน่นอกซะจาก.....


                   
    รูล....ถ้าไม่หยุดผมจะตัดเงินเดือน.....20% นะครับ


                   
    สิ้นเสียงอันทรงอำนาจจากคำขู่ที่เป็นจุดอ่อนของตน รูลถึงกับชะงักค้างนิ้วเรียวยาวที่ชี้หลาค่อยๆหดกลับก่อนคอของเขาจะคอตกลงอย่างเห็นชัดเมื่อถูกเจ้าเพื่อนวัยเด็กแสนซื่อแต่แอบร้ายจี้จุดเข้าให้


                   
    จะเอาไปยิงเป้าหรือกดน้ำตายก็ได้...แต่ทำไมต้องมาขู่ว่าจะตัดเงินด้วยเล่า...20%เลยนะ ตั้ง 20%...


                   
    รูลคิดในใจพลางให้นิ้วลูบเบาๆที่หางตาเพราะน้ำตาเริ่มคลอเบ้า บลิทซ์ยืนมองเจ้าคนซึมที่อยู่ตรงหน้าสักพักส่วนเนี๊ยวพอด่าเสร็จปุ๊บก็หลับปั๊บเป็นทองไม่รู้ร้อนเลย...ก็จะว่าสงสารรูลไหม ?...ก็สงสารอยู่หรอก...แต่ถ้าเกิดว่าไม่ขู่อย่างนี้ล่ะก็...รูลก็ไม่หยุดวีนเลิกอาละวาดหรอก...ขนาดที่ว่าแม้กระทั้งตอนที่กำลังหลับก็คงจะปลุกให้ตื่นแล้วด่าต่อแน่...เพราะอย่างงั้น...


                   
    ขอโทษด้วยนะครับ....   


                   
    เอาเถอะค่ะ...ตัดบทตรงนี้ดีกว่า...เดี๋ยวยาว...เอาเป็นว่าทำไมต้องเป็นอาจารย์ฟรานด้วยล่ะคะ?นอร์เฟรเซียยกมือขึ้นกลางๆเพื่อให้เลิกทัพ เธอรีบชิงตัดบทก่อนเรื่องมันจะยาวกว่านี้ เด็กสาวร่างบางเอ่ยถามพลางตีคิ้วเรียวบางจนยุ่ง


                   
    เพราะว่าอาจารย์เขาเป็นที่ปรึกษาของหน่วยเรานี่ครับบลิทซ์เอ่ยเสียงอ่อนโยนพลางส่งรอยยิ้มบางๆที่แสนนุ่มนวลและเป็นผู้ใหญ่  แล้วอีกอย่างนะ....อาจารย์เขาก็เป็นฮันเตอร์ด้วย ผมคิดว่า....บางทีเขาน่าจะรู้จักอาจารย์หรือคนอื่นๆที่ทำงานกับวัลฮัลลาด้วยแล้วควบตำแหน่งฮันเตอร์ไปด้วยน่ะครับ


                   
    เมื่อสิ้นคำพูดดวงเนตรสีแดงเข้มถึงกับเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจก่อนรูลจะใช้ปลายนิ้วมือลูบเบาๆที่ปลายคาง
    มิน่าล่ะฉันถึงได้คุ้นหน้า ! ที่แท้ก็เป็นฮันเตอร์นี่เอง ! เฮ้อๆ...ไอ้รูลเอ๊ย...ทำไมแกถึงได้บื้อจังเลยวะเนี่ย !? เด็กหนุ่มสบถร้องพลางขยี้เส้นผมสีเข้มแรงๆด้วยมือของตนอย่างนึกปลงในความโง่ของตัวเองอย่างที่เนี๊ยวบอก...ทั้งๆที่เจอกันทั้งในชั่วโมงเรียนหรือตามทางเดินบ่อยๆ....ก็ออกจะคุ้นหน้าคุณเธอแกเหมือนกันแต่ดันลืมนึกไม่ออกทั้งที่ติดอยู่ปลายปากแท้ๆเชียว


                   
    งั้นเราไปหายายอาจารย์ฮันเตอร์นั่นกันเลยไหม? รูลเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจะชี้ไปทางหอพักของอาจารย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆนี่เอง บลิทซ์กำลังจะพยักหน้ารับหากแต่นอร์เฟรเซียกลับส่ายหน้าแทน เด็กสาวสอดท่อนแขนขาวยกขึ้นคล้องระดับอกก่อนจะค่อยๆขยับริมฝีปากพูด


                   
    คิดว่าอาจารย์เขาจะอยู่ที่หอธรรมดาเหรอคะ?


                   
    บลิทซ์กับรูลตีสีหน้ายุ่งอย่างไม่เข้าใจประสาคนไม่รู้ หากแต่นอร์เฟรเซียก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไรนักเธอจึงรีบพูดต่อ
    อาจารย์เขาเป็นระดับหัวหน้าหน่วย 1 เชียวนะคะ แถมอาจารย์เขาก็รักสันโดษแบบสุดๆด้วยเพราอย่างนั้นเขาถึงได้แยกไปพักที่อื่นค่ะ


                   
    แล้วไอ้ที่อื่นของเธอน่ะมันที่ไหนกันล่ะ


                   
    ก็...ลึกเข้าไปในทิวดอกไม้สีทองน่ะคะ จะมีหอพักอีกหลังหนึ่งอยู่...อาจารย์เขาอยู่ที่นั่นแหละนอร์เฟรเซียตอบพลางชี้ลึกไปยังสวนดอกไม้สีเหลืองนวลสะท้อนกับแสงพระจันทร์สีเงินที่กำลังไหวน้อยๆด้วยแรงลม เชื่อใจมือข่าวกรองอันดับหนึ่งอย่างฉันได้เลยค่ะ!” เด็กสาวเอ่ยสมทบเพื่อยืนยันกับคำเมื่อครู่แล้วยืดตัวขึ้นอย่างเต็มภาคภูมิกับตำแหน่งที่สรุปเอาเองของเธอ


                   
    เอ้อ...เหรอ...แม่มือข่าวกรองอันดับหนึ่ง รูลว่าน้ำเสียงยานกึ่งหัวเราแล้วเอานิ้วชี้เรียวยาวจิ้มไปที่หน้าผากของเด็กสาวเป็นเชิงหยอกล้อ นอร์เฟรเซียเอามือวางบนหน้าผากของตัวเองพลางอมยิ้มแล้วส่งเสียงหัวเราะคิกคัก บลิทซ์มองภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสั่นหน้าเมินไปทางอื่นราวกับหนีอะไรบางอย่าง...เหมือนกับไม่อยากจะ....มอง....ภาพที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ...บางอย่างที่ทำให้รู้สึกเจ็บ...กับหัวใจ...


                   
    ร...เรารีบไปกันเถอะครับ

     


                   
    ร่างของคนทั้งสามคนบวกอีกหนึ่งตัวที่กำลังหลับสบายไม่รู้ร้อนเดินลึกเข้ามาในสวนทิว ดอกไม้สีทอง บลิทซ์กวาดสายตามองไปรอบๆยิ่งเดินลึกมามากเท่าไร่มันก็ยิ่งเงียบเฉียบ....ขนน่ากลัวแม้แต่เสียงใบไม้ขัดสีกันหรือเสียงของจั๊กจั่นเรไรกรีดเสียงที่เขาชอบก็ยังฟังดูวังเวงเสียจนกลัวว่าจะมีบางอย่างโผล่ออกมาทักได้ได้เสียทุกเมื่อ


                   
    ดูๆไปก็น่ากลัวเหมือนกันแฮะ...ยายอาจารย์นั่นอยู่ได้ยังไงหว่า...อย่างกะ...แม่มด...ไม่ก็แวมไพร์เลยรูลบ่นงึมงำกับตัวเองพลางโคลงศีรษะไปมา สายตาสีเลือดทอดยาวไปเรื่อยๆด้วยเพราะไม่รู้จะมองอะไรในเมื่อมีแต่ต้อนไม้กับดอกไม้สีเหลืองทองที่เขามองว่าเหมือนดอกดาวเรื่องไปซะหมด


                   
    แต่พลันไม่ทันไรเสียงเข้มก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจสุดขีด
    !

                    บลิทซ์ ระวัง!!


                    
     รูลตะโกนร้องออกมาเมื่อเห็นบางอย่างที่เป็นสายแสงสีเงินคมกริบพุ่งตัวอย่างรวดเร็วไม่ทางเด็กหนุ่มร่างสูงที่เดินอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เขารีบประชิดกายเข้าใกล้มือหนาคว้าไหล่ของบลิทซ์เอาไว้แล้วโอบให้แน่นเพื่อความกระชับกับตัวก่อนจะรีบกระโดดเบี่ยงไปทางอื่นที่ไม่ใช่วิถียิงของสิ่งแปลกปลอมไม่ได้รับเชิญ


                   
    ฉึก
    !!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×