Life Savior
โปรดส่งใครมาช่วยผมที
บทนำ
ร่างสูงโปร่งกำลังเกาะราวกั้นเหล็กของดาดฟ้าโรงพยาบาลพลางมองลงไปยังเบื้องล่างอย่างชั่งใจ
ชีวิตหลายชีวิตยังคงดำเนินต่อไป ถนนหนทางยังมีรถแล่นผ่านไปมาไม่จบสิ้น ผู้คนยังคงเดินทางขวักไขว่กลับบ้านหลังเวลาเลิกงาน แม้เวลาล่วงเลยมาจวนจะเริ่มเช้าวันใหม่ทว่าหลายชีวิตใจกลางกรุงโซลยังคงไม่หลับใหลในยามมืดค่ำเช่นนี้
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้สัมผัสความงดงามที่อยู่รอบตัวอย่างที่ทำอยู่นี้มาก่อน ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามรัตติกาล ดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ปรากฏอยู่เบื้องบนส่องแสงระยิบระยับแข่งกับแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องในเมืองใหญ่ เซฮุนหลับตาลงและพยายามเก็บเกี่ยวความรู้สึกเงียบสงบนี้เป็นครั้งสุดท้าย
เขาลืมตามองลงไปยังเบื้องล่างอีกครั้ง ถอนหายใจ ก่อนจะยกขวดโซจูในมือที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกระดกจนหมด และในขณะเดียวกันนั้นเองที่ความเป็นจริงได้วกกลับเข้ามาตอกย้ำเขาอีกครั้ง
ความเป็นจริงอันโหดร้ายที่เขาพยายามปฏิเสธที่จะรับรู้มาโดยตลอด
ใช่สิ ถึงเขาจะทุกข์ใจกับปัญหาที่สุมอกมากแค่ไหนทุกคนรอบตัวก็คงจะใช้ชีวิตของพวกเขาต่อไป ถึงเขาจะหายตัวไปดื้อๆ แต่ในไม่ช้าทุกคนก็คงจะลบล้างผู้ชายที่ชื่อ 'โอ เซฮุน' ออกไปจากความทรงจำได้ในที่สุด
ส่วนตัวเขาเอง...
เพียงได้ก้าวข้ามผ่านราวเหล็กนี้ไปก็คงจะใกล้ถึงจุดจบมากขึ้นทุกที
เซฮุนไม่รอช้าทำดั่งใจนึก
ขายาวก้าวผ่านราวเหล็กไปอย่างง่ายดาย มือหนายังคงไขว้หลังกำรอบราวเอาไว้แน่น มันคงจะเป็นคำโกหกถ้าบอกว่าเขาไม่กลัว ตรงกันข้ามร่างทั้งร่างของเขากำลังสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
แม้ว่าคนที่ยังอยู่จะพูดว่ามันเป็นความขี้ขลาดตาขาวที่ใครคนหนึ่งจะวิ่งหนีปัญหาด้วยการจบชีวิตตัวเอง แต่สำหรับเขามันคือความกล้าที่คนๆ หนึ่งจะกลั้นใจจบชีวิตตัวเองทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางถอยกลับ
ร่างสูงตักตวงอากาศเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้าย
'ทีนี้ก็เหลือแค่กระโดด...' เขาได้แต่พึมพำบอกกับตัวเอง
ไม่ เขายังไม่อยากตาย
แต่แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ
เขาแค่ไม่อยากเกิดมาเป็นโอเซฮุนคนนี้ตั้งแต่แรกเลยต่างหาก
ทำไม...
ทำไมเขาต้องมามีจุดจบแบบนี้
ลึกๆ แล้วเขาหวังว่าจะมีคนเข้ามาห้ามเขาไว้ทันเหมือนในหนัง เวลาที่พระเอกคิดสั้นแล้วมีใครสักคนมาพูดเตือนสติให้กลับตัวกลับใจ เขาได้แต่สวดภาวนากับพระผู้เป็นเจ้าในใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ ชีวิตมันไม่เหมือนหนังหรือละคร จุดจบข้างหน้าไม่ได้สวยงามเสมอไป ข้อนั้นเซฮุนรู้ดี แต่เขาก็อยากจะขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเกิดว่าฟ้าไม่ได้ลิขิตให้เขาตายในตอนนี้...
'โปรดส่งใครมาช่วยผมที...ใครสักคนที่จะมาดึงผมออกไปจากเหวลึกนี่'
...
"กระโดดสิคุณ" เสียงเล็กเร่งเร้า
และนั่นคงไม่ใช่เมเนเจอร์ฮยองหรือพวกฮยองคนอื่นๆ แน่ เพราะมันคือเสียงของผู้หญิง!
เธออาจจะเป็นใครสักคนที่ผ่านมาที่นี่เพื่อมานั่งตากลมเพราะนอนไม่หลับ หรือไม่ก็ตั้งใจมาทำแบบเดียวกันกับเขา เขาภาวนาให้เป็นแบบแรกเพราะถ้าเขากระโดดลงไปก่อนคงไม่มีใครมารั้งเธอไว้ทันเวลา แต่ถ้าเป็นแบบแรกจริงๆ เธอก็คงจะไม่มีอารมณ์มานั่งตากลมหลังเขาโดดลงไปแล้วหรอกนะ...
แล้วทำไมเขาต้องมาเสียเวลาคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วย
"เธอว่าไงนะ อย่าโดดเหรอ" เซฮุนขานตอบกลับไปโดยที่ยังไม่หันหน้าไปหาเธอ
"หูไม่ดีเหรอคุณ ฉันบอกว่าจะโดดก็โดด โดดไปสิ โดดไปเล้ย!"
ถึงจะยังมองไม่เห็นหน้าคร่าตาอีกฝ่ายเซฮุนก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังปัดมือไล่เขาให้จบชีวิตไวๆ ซะ ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่นี่คือใคร แต่พอถูกท้าทายขึ้นมาแบบนี้เขาก็ชักจะหัวเสียขึ้นมาซะแล้วสิ
"นี่เธอ! ฉันกำลังคิดสั้นนะ คิดสั้นอะ ไม่เห็นรึไง แล้วนี่อะไรมาบอกให้โดดอยู่ได้ ยัยซาแซงเอ๊ย!!"
"ต่อปากต่อคำยาวเป็นหางว่าวแบบนี้มันน่าผลักให้ตกลงไปนัก" เสียงเล็กพึมพำกับตัวเอง แต่เซฮุนก็ดันหูดีได้ยินเธอเข้า
"อย่าให้ฉันรอดไปได้เชียวนะ ฉันจะสั่งให้พวกแฟนๆ–" อยู่ๆ ร่างสูงก็ชะงักหยุดไปกลางประโยค
พอนึกถึงแฟนคลับทุกคนที่คอยสนับสนุนและมอบความรักให้เขามาโดยตลอดตั้งแต่เดบิวต์ ศิลปินตัวเล็กๆ อย่างเขาก็อดตื้นตันใจขึ้นมาไม่ได้ ทว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
แฟนคลับที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอด...
ไม่นานพวกเขาก็ต้องเดินจากไปทั้งหมดนั่นแหละ
"อยากฝากฝังคำพูดสุดท้ายก่อนตายมั้ย" เสียงเล็กยังคงยั่วยุเซฮุนไม่เลิก
'ยัยนี่ยังไงกันนะ เริ่มคิดว่าเป็นซาแซงจริงๆ ซะแล้วสิ' เซฮุนพร่ำคิดในใจอย่างหงุดหงิดท่ามกลางความรู้สึกอื่นๆ ที่ถาโถมเข้ามามากมายท่วมท้นจนผสมปนเปกันไปหมด
"เธอคงเป็นแฟนคลับฉันมาก่อนสินะ" เมื่อได้บทสรุปดังนั้นร่างสูงก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเคยตัว "พอเริ่มรู้ตัวว่าศิลปินอันเป็นที่รักไม่คิดจะหันมาเหลียวแลก็เลยผันตัวมาเป็นซาแซงแฟน แต่เอาเถอะ อยากได้ลายเซ็นฉันมั้ยล่ะ หรือจะถ่ายรูปคู่ด้วยกันดี"
ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงพูดแบบนั้นออกไป เขาแค่อยากทำอะไรดีๆ ในฐานะไอดอลคนหนึ่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่อะไรๆ มันจะจบลงในชั่วพริบตาเท่านั้นเอง แม้ว่าคำเชิญชวนของเขามันจะฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตรดั่งเจตนาจริงๆ ของเขาเท่าไหร่นัก
"ดูสภาพตัวเองก่อนเถอะ" เธอตอกกลับมาสั้นๆ แต่จี้ใจดำสุดๆ
"เอ่อ...ลืมไปว่าตอนนี้ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้ ไหนๆ เธอก็ตามฉันมาถึงนี่แล้ว เอาเป็นว่าฉันขอฝากฝังกับเธอก็แล้วกัน"
"จะทำอะไรก็ทำ"
"ที่ผ่านมาฉันอยู่สุขสบายตามประสาคนดัง...อย่างน้อยก็ในสายตาคนนอกล่ะนะ ความเป็นจริงคือฉันใช้ชีวิตตามที่คนรอบข้างบงการให้ผ่านไปวันๆ แล้วก็เอาแต่โทษนู่นโทษนี่ว่าทำให้ฉันไม่มีความสุข แต่ฉันเองนั่นแหละที่ผิด...ฉันอยากจะทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้"
ในตอนนั้นเองที่เขาได้พรั่งพรูคำฝากฝังสุดท้ายออกมา น้ำสีใสที่อดกลั้นมานานก็ได้ไหลลงอาบสองแก้มสีซีดไร้เลือดฝาดของเขา แต่เพราะยัยซาแซงเจ้าเก่าเจ้าเดิมอีกนั่นแหละที่ทำเสียบรรยากาศไปซะหมด
"ตายละ ฉันลืมบันทึกเสียงเอาไว้ แต่ยังไงจะจำไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียแล้วกันนะ...พร้อมกับภาพของคุณหลังจากนี้"
"ฟังอย่างเดียวก็พอมั้ยล่ะ!"
"โมโหร้ายแบบนี้รีบๆ ไปตายเลยไป คุยกับคนอย่างคุณแล้วหัวเสียชะมัด ฉันไปละ"
ไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็ดังออกไปไกลๆ จนแทบไม่ได้ยิน เซฮุนแอบรู้สึกใจหายที่เธอเดินจากไปดื้อๆ โดยไม่คิดจะห้ามปรามกันแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังขับไล่ไสส่งให้เขาไปตาย
นี่เขาคงจะไร้ค่าถึงขั้นที่แม้แต่ซาแซงอย่างเธอก็ไม่สนใจจะยื้อชีวิตเอาไว้เลยสินะ...
ถ้างั้นเธอคงพูดถูก
คนอย่างโอเซฮุนสมควรจะรีบๆ ไปตายซะ
พรึ่บ
หวืด!
ฉับ! ตัดจบแค่นี้แหละค่ะสำหรับบทนำเวอร์ชั่นรีไรท์ 2018 อ่านถูกแล้วแหละค่ะ ไรท์ตัดสินใจแล้วว่าจะรีไรท์ทุกอย่างหมดตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป อาจจะมีบางส่วนที่ยังคงเหมือนเดิม แต่โครงเรื่องในหลายๆ ตอนอาจจะต้องเปลี่ยนไปเพราะไรท์รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ ปิดเทอมแล้ว สอบเสร็จแล้ว ยังไงจะกลับมาอัพลงให้เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจของรีดทุกคนที่คอยติดตามแม้ว่าไรท์มันจะขี้ดอง 5555 ป.ล. ไรท์ขอออกตัวไว้เลยว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลายเรื่องนะคะ ทั้ง W, Page Turner และ Tomorrow With You ไม่รู้ว่าพลอตจะไปซ้ำกับใครมั้ย แต่จะพยายามแหวกแนวให้ถึงที่สุดนะคะ
ด้วยรักและอยากให้เอ็นจอย
– chinguyachayu
ความคิดเห็น