ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { sehun x luhan } .ผู้จัดการของผม

    ลำดับตอนที่ #23 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER EIGHTTEEN

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.57K
      48
      24 พ.ย. 56




    [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER EIGHTTEEN

     

     

     

     

     

                03.30 .

                เสียงซาวน์เพลงวูล์ฟที่ผมตั้งไว้เป็นนาฬิกาปลุกดังขึ้น(หมาหอนหลอนมากขอบอก) ผมค่อยๆขยับดวงตาที่หนักอึ้งของตัวเอง มันช่างทำได้อย่างยากลำบากยิ่งนัก แต่ด้วยภาระและหน้าที่ ผมจำเป็นต้องขยับให้มันลืมตาขึ้นมาได้สักที และพอผมจะขยับตัว . .

                กลับมีตุ๊กตาตัวใหญ่หลับซกอกผมอยู่ . .

                ใบหน้า แมวหลับ อยู่ไม่ห่างจากสายตาผม ลมหายใจแผ่วเบาเข้าและออกเป็นจังหวะราวกับสะท้อนให้เห็นว่าเจ้าของลมหายใจนี้กำลังอยู่ในภาวะที่หลับสบายแค่ไหน

                แต่ขอโทษนะที่รัก . . พวกเราจำเป็นต้องตื่นแล้วล่ะ . .

                “เสี่ยวลู่ . .

                “หืออออ” อาจเป็นเพราะผมกระซิบข้างหูเขาทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาอย่างง่ายดาย

                “ตื่นกันเถอะ . .

                “ฮะ หือออ” เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ผมที่วางอยู่โต๊ะหัวเตียงขึ้นมา ในท่าที่เขายังคงนอนคว่ำทับร่างผมไว้กึ่งหนึ่ง “ตีสามครึ่ง?!!

                “ขอโทษนะเสี่ยวลู่ที่ต้องปลุกแต่ว่า . .” ผมทำหน้าเซ็งสุดชีวิต “ฉันอ่านหนังสือไม่ทันแล้วTT

                “ฮะ เอ่อ เอางั้นเหรอ” ลู่หานค่อยๆขยับตัวให้ลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าของเขายังดูง่วงงุนและต้องการที่จะนอนพัก “ทำไมจู่ๆขยัน ดูไม่ใช่นายเลย”

                “ฉันก็ขยันแค่ตอนก่อนสอบวันสองวันนั่นแหละ”

                “จะรอดมั้ย” ลู่หานพูดไปหาวไป

                “รอดสิ” ผมลุกขึ้นนั่งมั่ง วาดแขนโอบรอบลู่หานและดึงตัวเขาเข้ามาใกล้ “ติวเตอร์เก่งซะอย่าง”

                “ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับนายด้วย” ลู่หานชกหน้าผมเบาๆ เขายังไม่หายง่วงเลย

                “เอาเถอะ ไปอ่านหนังสือกัน ฉันมีงานกี่โมงนะ”

                “วันนี้เหรอ” ลู่หานขยี้ตา “ตีห้าครึ่งถ่ายแมกกาซีนน่ะ เสร็จสิบโมงมีถ่ายแมกกาซีน ตอนบ่ายไปร้านสปอนเซอร์ลองชุดใหม่ และก็ตอนเย็นมีเดินแบบแฟชั่นโชว์ของมาร์คเจคอบส์”

                ร่างแหลกตายห่ากันพอดี . . นี่ถ้าไม่ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือ และตอนไหนจะได้อ่าน TT

                ผมจับมือคนขี้เซามาดูแล่น พร้อมเอ่ยแซว “แหวนสวยนะ” ถึงแม้ว่าผมจะหวงแหวนวงนี้เอามากๆแต่พอเห็นว่ามันอยู่ในมือของลู่หาน ผมก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก และลู่หานใส่แล้วมันก็ยังดูดีเอามากๆด้วยเพราะลู่หานเป็นคนผิวขาว ซึ่งตัดกับแหวนรุ่นสีดำของผมเอามากๆเลย

                “นี่สวยแล้วเหรอ . .

                สงสัยผมคงจะกวนประสาทเขาบ่อยมั้ง เขาเลยได้เชื้อผมไปทีละนิดๆ “ต้องสวยสิ!

                “ไม่เห็นสวยเลย ไม่เท่ด้วย” ลู่หานมองดูแหวนด้วยสายตาแปลกๆ

                ผมชักจะเริ่มเซ็งแล้ว . . “งั้นถอดออกมา ถอดออกมา!!!!

                “เห้ย ไม่ถอดดดดดดดดดดดดดด” ลู่หานหลบผมที่พยายามจะถอดแหวนไปจากนิ้วมือของเขา “แฟนฉันให้มานะ!

                ผมชะงักกึก แอบดีใจเหมือนกันที่เขาพูดอย่างนั้น แต่ก็ต้องรักษาฟอร์ม “ไหนบอกไม่สวยไง”

                “สวยไม่สวยยังไงก็ต้องใส่ แฟนให้มา” เขาก้มหน้าก้มตาเถียง ทำเหมือนว่าผมไม่รู้จักแฟนเขา ท่าทางเอาจริงเอาจัง

                “นี่ . . ฉันแตะแหวนไม่ได้เลยใช่มั้ย”

                “ก็มันเป็นของฉันแล้วอ่า!!!” ลู่หานร้อง

                ผมยิ้ม . . เมื่อไหร่ที่เขาหวงของเมื่อนั้นแสดงว่าเขากำลังหลงรักของสิ่งนั้นอย่างหัวปักหัวปำ “อย่าให้คนอื่นมายุ่มย่ามล่ะ”

                “แน่นอน . . แหวนฉัน” อีกนิดจะเป็นกอลลั่มอยู่แล้วนะเสี่ยวลู่ . . ของรักของข้าอ่ะ ดูทำท่าเข้าสิ . .

                “ไม่ได้หมายถึงแหวน หมายถึงเสี่ยวลู่ . .” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

                แมวน้อยของผมทำหน้าเอ๋อ ก่อนที่เขาจะเข้าใจอะไรผมก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเขาและก็ลุกขึ้นออกจากเตียง “ใครช้า คนนั้นล้างจาน!!!!

                “ว่าไงนะ!” เสียงอู้อี้ดังออกมาจากผ้าห่ม . . แต่ผมนั้นนำลิ่วเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ปกติผมจะเป็นคนล้างจานเพราะลู่หานเป็นคนทำกับข้าว(แต่ส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยได้ล้างเพราะกินเสร็จทีไรต้องรีบออกไปทำงานทุกที ทิ้งให้แม่บ้านที่มาเฉพาะเสาร์อาทิตย์ต้องล้างอยู่เรื่อย ผมขอโทษครับ TT) แต่วันนี้ถ้าเขาไม่รีบล่ะก็ . . เขาจะได้ทำทั้งกับข้าวและก็ล้างจานด้วย

     

     


     

               

               

                212.75 ลูกบาศก์เซนติเมตร” ผมที่คิดเลขเสร็จบอกกับลู่หาน

                ลู่หานมองหน้าผมไม่อยากจะเชื่อ “โอเซฮุน รู้ได้ไงว่าต้องใช้สูตรไหน”

                “ก็อันนี้ไง . . ง่ายจะตาย”

                ผมทำหน้าตายมองลู่หานอย่างงงๆ ในขณะที่เขาอ้าปากค้าง “เห้ยยยยยย นี่เพิ่งบอกสูตรไปแค่รอบเดียวเองนะ”

                “ก็สูตรที่นายบอกมามีแค่เจ็ดสูตรเอง ก็ต้องมีอันใดอันหนึ่งดิ”

                “ตั้งเจ็ดสูตร ไม่ใช่แค่เจ็ดสูตร!

                “แค่เจ็ดสูตร!” ผมขยี้ผมลู่หาน “ไม่รู้หรือไงว่ามีแฟนเป็นอัจฉริยะ”

                “เก่งไปแล้วมั้ง” ลู่หานเอาหนังสือฟาดผมเบาๆทำหน้าอิจฉา “อ่านรอบเดียวก็จำได้แบบนี้ เอาเอไปเลย!

                “นายติวเข้าใจเองต่างหากล่ะ”

                เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้วที่ผมกับลู่หานกำลังติววิชาฟิสิกส์กัน หลังจากที่แข่งกันจำโจทย์และผมเสร็จเร็วกว่าลู่หานเกือบทุกข้อ ลู่หานก็เปลี่ยนมาแข่งทำโจทย์วิชาเลขแทน ผมก็ชนะเขาอีก . . ลู่หานก็เลยส่งช้อตโน้ตเคมีมาให้ผมอ่าน และบอกว่าถ้าเขาแพ้อีก เขาจะเลี้ยงชานมไข่มุกผมเป็นเวลาหนึ่งเดือน

                เห้ย ของฟรีใครจะไม่อยากได้ . . ผมตั้งใจอ่านเตรียมตัวแข่งขันจำโจทย์กับเขา

                “เดี๋ยวนะเซฮุน . .” ลู่หานขัดจังหวะผม

                “อะไรเหรอ”

                “นี่มันกี่โมงแล้ว”

                ผมมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง . . “หกโมงสี่สิบห้า” . . และก็หันไปมองตัวหนังสือต่อ แต่ทว่า . . “เช้ดดดดดดดดดดดดดดด หกโมงสี่สิบห้าแล้ว! พี่แจซอกทำไมยังไม่มา!!!!!

                “เวร เวร เวร” ลู่หานหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดเบอร์โทรออกหาพี่แจซอก “ฉันก็อ่านเพลินไปเลย”

                “ฉันเหมือนกัน”

                “และทำไมพี่แจซอกยังไม่มา”

                “ไม่รู้สิ”

                ไปทำงานสายคือเรี่องคอขาดบาดตายของดารา . . ตอนนี้ผมทิ้งทุกอย่างและก็คอยฟังลู่หานอย่างเดียว

                “พี่แจซอกไม่รับสายเลย” ลู่หานบ่นออกมา กดโทรออกหาพี่เขาอีกครั้ง

                “เมื่อคืนพี่เขาไปเดทใช่มั้ยเนี่ย”

                “อ่า ใช่” ลู่หานตอบ “โอ๊ะ . . รับแล้ว พี่แจซอกครับ” ลู่หานกดสปีคเกอร์โฟนให้ผมได้ฟังด้วย

                “งืม ว่าไงเจ้าลู่หาน แจ้บ แจ้บ แจ้บ”

              เสียงนอนเคี้ยวน้ำลายแบบนี้หมายความว่าไง . .

                “พี่แจซอก วันนี้เซฮุนมีงาน . .

                “ไอ้ชิบหายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

                นั่นไง . . กูว่าแล้ว

              “นาฬิกาไม่ปลุกช้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”

              ชิบหายกันทั้งบางแล้วล่ะครับตอนนี้ พี่หมี . .

                “ฉันจะโทรไปบอกทีมงานเอาไว้ มิน่าทำไมโทรศัพท์ถึงสั่นไม่หยุด” และทำไมไม่ลุกขึ้นมารับฟะ?  “นายกับเซฮุนไปแท็กซี่ได้มั้ย สตูดิโออยู่ที่ย่านชองดัม รีบไปตอนนี้เลย และลู่หาน . . อย่าลืมเอาชุดสูทไปคืนที่ร้านสปอนเซอร์ด้วยนะ โอ้ย ช่างมันเถอะ เดี๋ยวฉันไปเอาเอง เอาเป็นว่านายกับเซฮุนรีบไปชองดัมให้เร็วที่สุดเลย เสร็จงานนี้ฉันเลี้ยงเนื้อพวกนายเอง”

                -_-  สีหน้าของผมกับลู่หานในตอนนี้ . .

                และการวิ่งสู้ฟัดของลู่หานกับผมก็เริ่มต้นขึ้น . .

                ลู่หานวิ่งจิ้มไอแพดพร้อมๆกับสะพายเป้สีเบจของเขาออกมาจากอพาร์ทเมนต์ ส่วนผมก็สะพายเป้ของตัวเองและก็กำลังใส่รองเท้าผ้าใบอย่างรีบเร่ง แน่นอนว่าไม่ลืมหมวกเอามาปิดบังหน้าตาของตัวเองไว้ด้วย

                “จิ้มทำไมล่ะ รีบๆไปกันเลย”

                “ก็ต้องเช็คดูน่ะสิว่าฉันต้องขนอะไรไปรึเปล่าวันนี้”

                “ช่างเหอะเรื่องนี้ปล่อยให้พี่แจซอกมาขน เราไปกันก่อน” ใจผมจะขาดตายอยู่แล้ว อยู่ในวงการนี้มาหลายปี ผมไม่เคยไปทำงานสายนะครับ (มีแต่แคนเซิลไปเลยถ้าไปไม่ได้จริงๆ)

                “เอางั้นเหรอ”

                “ไปแท็กซี่กันนะ เรียกเลย”

                ผมรีบเอาหมวกปิดหน้าทันทีที่มีนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่าน . . บอกตามตรงรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ กลัวโดนรุม TT

     

              “อุ๊ยนั่น เซฮุนอปป้า”

              “กรี๊ดดดดดดดดด เขาอยู่แถวนี้นี่แก”

              “ใช่จริงๆด้วย”

     

              ลู่หานรีบเดินมาขวางทันทีตอนที่กลุ่มเด็กผู้หญิงคนนั้นจะเดินเข้ามาหาผม

                “ขอโทษครับ เซฮุนกำลังรีบ” น่าสงสารจัง . .

                “เมเนเจอร์อปป้า ขอถ่ายรูปกับเซฮุนอปป้าสักรูปสองรูปนะคะ”

                “แต่ว่า . .” ลู่หานมองมาที่ผมอย่างลังเล ผมกลืนน้ำลายก่อนที่จะพยักหน้าให้เขา

                สองรูปนะ . . อย่าเกินนี้ . . นี่สายแล้ว TT

              ผมยืนชูสองนิ้วขณะที่นักเรียนหญิงเริ่มถ่ายรูปกับผม ทีละสองคน สามคน . .

                และหลังจากนั้นก็มีนักเรียนหญิงกลุ่มใหม่เข้ามาเดินผ่าน ชี้ชวนกันดู ชาวบ้านที่เดินผ่านก็เข้ามาหาผมเหมือนกัน  เรียกได้ว่าตอนนี้ผมกำลังมีงานเซลก้าฟรีกับโอเซฮุนไม่คิดตังค์ และมันก็ใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

                คนตัวเล็กๆอย่างลู่หานพยายามห้ามแล้วห้ามอีก แต่ไม่มีใครฟังเขาเลย . .

                ยิ่งสายเข้าไปใหญ่ โอ้ย ทำไงดี . .

     

     

                “โอเซฮุน” เสียงผู้หญิงเรียกผมดังขึ้น . . รถสปอร์ตสีแดงสวยเฉี่ยวจอดเทียบกับที่ๆผมโดนรุม และคนที่อยู่ข้างๆที่สวยเฉี่ยวไม่แพ้รถนั่น . .

     

                เธอใส่แว่นตาสีดำ . . แต่ทำไมผมจะจำเธอไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร







     

                คังมิร่า . .




     

     

                “กำลังรีบเหรอ แม่ไปส่งเอามั้ย . .



     

     

     

                แม้จะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ . . แต่ไม่เคยดีใจที่ได้เจอหน้าแม่ขนาดนี้มาก่อน .  .







     

                ไอ้รถสปอร์ตบ้านี่แพงซะเปล่าแต่ดันนั่งได้สองคน . .

                ผมทักแชทไปหาลู่หานที่นั่งแท็กซี่ตามหลังมากระหน่ำชนิดที่ว่าแม่ที่ขับรถอยู่ข้างๆผมก็ยังไม่ได้คุยด้วยแม้แต่คำเดียว อันที่จริงผมยอมรับตรงๆเลยว่าที่ผมต้องคุยกับลู่หานเยอะขนาดนี้ก็เป็นเพราะหนึ่ง ลู่หานนั่งแท็กซี่คนเดียวผมเป็นห่วงเขา(ซึ่งเขาเองก็บอกผมเป็นบรรทัดที่สิบห้าแล้วว่าไม่เป็นไรไม่ต้องห่วงฉันไม่ใช่ผู้หญิง) และสอง . . นี่เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปีเลยมั้งที่ผมได้นั่งรถที่มีแม่ของผมเป็นคนขับให้แบบนี้

                “ทำอะไรอยู่น่ะ ไหนบอกรีบไง” แม่ถามหลังจากเหลือบมามองผม

                “ก็รีบไง”

                “และนั่นแชทกับใคร สาวเหรอ มีแฟนแล้วเหรอ”

                “จู่ๆแม่จะมาสนใจเรื่องของผมทำไม” ผมบ่นอย่างอดกลั้น . . จู่ๆก็มาหาและก็มาถามอะไรเซ้าซี้แบบนี้ ที่ผ่านมาทำไมไม่สนใจกันบ้าง . .  “และวันนี้ . . แม่มาหาผมทำไม แม่ควรจะอยู่ญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ” มันเป็นความจริงที่คังมิร่าจะต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นกับว่าที่สามีคนใหม่ที่ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร . .

                แม่ไม่ตอบอะไรผม แต่ผมเห็นมือขาวๆของเธอกำพวงมาลัยเสียแน่น “แค่เอาของมาให้น่ะ”

                “ฝากคนอื่นเอามาให้ก็ได้ ไม่เห็นจะต้องเอามาให้เองเลย”

                “โอเซฮุน”

                “

                แม่จะคิดถึงลูกบ้างไม่ได้เลยหรือยังไง”

              แม่เป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้ผมน้ำตารื้นขึ้นมาง่ายขนาดนี้ . .

                ถึงแม้ว่าเธอจะใจร้ายกับผม เย็นชากับผม ไม่ใส่ใจผม และก็ไม่สนใจว่าผมกำลังมีผลงานอะไรอยู่ แต่ก็เพราะเธอเป็นแม่ผม ไม่ว่าเธอจะยุ่งอยู่กับแฟชั่นเสื้อผ้าของเธอขนาดไหน ไม่แคร์ผมขนาดไหน แต่เธอก็ยังเป็นแม่ผม . .

                แม่ที่ทำให้ผมรู้สึกน้อยอกน้อยใจได้เสมอ . .

                “อย่ามาขี้โม้” ผมพูดเสียงแข็ง เสมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีการจราจรอุ่นหนาฝาคั่ง . .

               

                ไม่รู้คำพูดคำนั้นของแม่จะเชื่อได้มากแค่ไหน . .

     

     

                ผมก็คิดถึงแม่นะ . .

     

     

             

                “ฉันขอโทษแทนลูกชายด้วยนะคะ พอดีเมื่อเช้าเขาต้องไปรับฉันที่สนามบินแต่เช้าน่ะค่ะ เลยทำให้เขาต้องมาทำงานสาย ฉันขอโทษจริงๆนะคะ” แม่โค้งให้กับทีมงานแมกกาซีนที่ผมต้องมาทำงานให้เขาสาย ผมมองเธออย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเธอจะออกโรงปกป้องผมขนาดนี้ . .

                ทุกคนดูอึ้งกันไปหมด . . จ้องมองหญิงสาวสูงขายาวหุ่นดีและก็ยังสาวก้มหน้าก้มตาขอโทษขอโพย

                “ไม่เป็นไรครับคุณมิร่า พวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก” แม้เจ้าของคอนเสปต์จะหน้าตาเหวี่ยงๆไปบ้าง แต่พอเจอหน้าของแม่ เขาก็ทำตาใสปิ๊งเป็นรูปหัวใจขึ้นมาทีเดียว . .

                “ขอโทษจริงๆนะคะ”

                “ไม่เป็นไรครับ”

                แม่คือผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นของเกาหลีใต้ เรื่องนี้ผมคงต้องยอมเธอจริงๆ . . แค่เพียงเธอมาปรากฏตัวที่สตูดิโอแห่งนี้เธอก็ทำให้คนทั้งสตูดิโอเลิกสนใจผมและก็เอาแต่จับจ้องเธอ . .

                เหมือนเป็นนางฟ้ามาโปรดผมยังไงยังงั้น ทีมงานไม่ว่าเรื่องที่ผมมาสาย แต่ผมต้องถ่ายรูปออกมาให้พลาดน้อยที่สุดและใช้เวลาให้น้อยที่สุดเพื่อชดเชยเวลาที่สูญเสียไป . .

                หลังจากถูกจับแปลงโฉมและก็เปลี่ยนชุด ผมก็เดินไปหาลู่หาน ไปยืนอยู่ด้วยเฉยๆนี่แหละทั้งๆที่ไม่ได้คุยอะไรด้วย ลู่หานแอบจ้องมองแม่ผมใหญ่ เธอชวนเจ้าของคอนเสปต์คุยอย่างออกรสส่งเสียงหัวเราะดังลั่นสตูดิโอ . . จะว่าไป . . ผมก็ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของแม่มานานมากแล้วเหมือนกัน

                “เป็นอะไรรึเปล่า” ผมถามลู่หาน . . เขาดูเกร็งๆอย่างบอกไม่ถูก “นายถูกทีมงานด่าเหรอ คนไหน บอกฉันมา เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เพราะเขาเป็นผู้จัดการเพียงคนเดียวของผมในตอนนี้ การที่ผมมาสายเอาอาจจะถูกตำหนิเอาได้

                “เดี๋ยว” ลู่หานรีบสกัดกั้นผม “ไม่มีใครด่าฉันทั้งนั้นแหละ”

                “อ้าว แล้วเป็นไรอ่ะ” ผมถามเขา ชะโงกหน้าก้มไปดูเขาใกล้ๆ ลู่หานรีบเขยิบออกห่างจากผม “อะไรอ่ะ นี่ยังไม่ได้จะจูบเลยนะ ทำไมต้องออกไปห่างขนาดนั้น”

                ลู่หานไม่กล้าสบตาผม ผมไม่เคยเห็นเขาดูหวาดๆขนาดนี้มาก่อน ดูทำอะไรไม่ค่อยถูกและก็ดูไม่มั่นอกมั่นใจอะไรเลยด้วย “แม่นาย . . มองมาน่ะ”

                ผมหันกลับไปมองที่แม่ . . คังมิร่ากำลังมองมาจริงๆด้วย . .

                ผมทำปากเบ้ “แล้วไง” เดินเข้าไปใกล้ลู่หานให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเขยิบออกห่างจากผมไวมาก

                “เซฮุน”

                “กลัวอะไรเล่า”

                “หมะ ไม่ได้กลัว”

                “ฉันไม่ได้สนใจหรอกว่าแม่จะคิดยังไง” ผมพูดออกมาตรงๆ “ฉันไม่สนใจใครทั้งนั้น นอกจากนาย”

                ลู่หานถึงกับหันขวับมามองหน้าผมด้วยความตื่นตกใจ . . “นาย . .

                “คุณเซฮุนคะ . . เตรียมตัวถ่ายเซ็ทแรกด้วยนะคะ” สตาฟฟ์ผู้หญิงเดินเข้ามาคุยกับผม ผมจ้องมองดวงตาของลู่หานที่สั่นระริกอยู่นาน จนผละเดินออกไปถ่ายแบบ

     

                อันที่จริง . . ผมก็กังวลอยู่นิดๆเหมือนกัน

                ถ้าคังมิร่าไม่ชอบลู่หาน . . บอกตามตรงผมอาจจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยแต่ผมไม่มีทางที่จะเลิกกับลู่หานเพื่อเธอแน่ๆ ไม่มีวัน . . เธอเป็นแม่ผมก็จริง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนที่อยู่ข้างผม รู้ใจผม และก็ . . รักผม ก็คือลู่หาน อาจฟังดูใจร้าย แต่ผม . . รักคนนี้ไปแล้ว ถ้าแม่ไม่เห็นดีเห็นงามผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมจะข้ามอุปสรรคนี้ไปให้ได้ . .

                เพราะในอนาคต . . เราสองคนอาจจะเจออะไรหนักมากกว่านี้ก็ได้ . .

                “ขอบคุณที่ทำงานหนักนะครับ และก็ขอโทษอีกครั้งครับ” ผ่านการถ่ายแฟชั่นชุดสุดท้ายไปผมก็บอกลาทีมงานทุกคน ลู่หานเดินเข้ามาเอาน้ำให้ ถือเสื้อนอกที่ผมเพิ่งจะถอดหมาดๆ . . ตามหน้าที่ของผู้จัดการเป๊ะๆ. .

                แต่จะไม่เป๊ะก็ตรงที่ผมไปบีบแก้มเขานี่แหละ . .

                “เหนื่อย อยากกลับไปนอน” ผมบ่นพึมพำให้ลู่หานฟัง

                “เอาน่า . . อีกสามงานเอง”

                ถ้าร่างมันแตกได้มันก็คงแตกไปแล้ว . . ผมถอนหายใจและก็ทำใจได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากความเคยชินเพราะทำงานหนักมาตั้งแต่ยังเด็ก หางตาผมแอบเห็นคังมิร่าบอกลาทีมงานและกำลังเดินมาหาผม ผมหันไปหาลู่หานทันทีด้วยความหวาดระแวง

                “พี่แจซอกมาหรือยัง” ควรจะมารับผมได้แล้วนะ ผมไม่นั่งรถกับคังมิร่านะ . .

                ลู่หานส่ายหน้า “เขาไปเอาชุดจากร้านสปอนเซอร์มาให้นายน่ะ” เขารำพึง “บังเอิญว่ามันมีเยอะซะจนเขาปลีกตัวมารับได้ไม่ได้ นี่ถ้าฉันขับรถยนต์ได้ก็คงจะดี . .

                “พร้อมจะทำงานต่อหรือยัง” แม่ของผมเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับลู่หาน

                ลู่หานกลืนน้ำลาย . . หลีกทางให้เธออย่างหวั่นเกรง ผมหน้าบึ้งใส่แม่ ที่เธอแผ่รังสีอำมหิตมาใส่คนสวยของผม “แม่รู้ได้ไงว่าผมมีงานต่อ”

                “แม่ถาม .  . ผู้จัดการเด็กของลูกไง”

                “และแม่จะไปส่งผมเหรอ”

                “แหงสิ แจซอกดูวุ่นๆนี่นา”

                “แม่โผล่มาหาได้ถูกที่ถูกเวลาจัง”

                “เซฮุนน่า” ลู่หานห้ามปรามผมที่ผมพูดตรงๆ

                แม่ดูจะไม่ค่อยสะเทือนอะไรกับคำพูดของผมเท่าไหร่ “ไปเปลี่ยนชุดซะ แม่จะได้ไปส่งลูกที่ทำงานต่อไป”

                “แม่ไม่มีงานของแม่เหรอ”

                “เซฮุนน่า” ทีนี้ลู่หานถึงขนาดจับมือผมไว้ทีเดียว . .

                “อย่าช้าไปมากกว่านี้อีกเลย เซฮุน” แม่มองดูนาฬิกาและก็เดินผ่านผมไป . .

                “เดี๋ยว” ผมรั้งแม่เอาไว้ “ผมจะไม่ขึ้นรถของแม่ถ้าผู้จัดการของผมไม่ได้นั่งไปด้วย” ผมยื่นคำขาดให้ผู้มีพระคุณฟังเสียงแข็งกร้าว

                เธอชะงักเล็กน้อย . . ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “แม่เรียกรถตู้ของแม่มารับแล้ว จบเรื่องได้หรือยัง เซฮุน”

                “หึ”

                มือของลู่หานชื้นเหงื่อไปหมด ผมกำมือเขาแน่นอย่างให้กำลังใจ ว่าแต่ . . ทำไมต้องให้กำลังใจ ลู่หานไม่ได้ผิดหรือต้องการกำลังใจมากมายอะไรนี่นา . .

                หรือผมคิดผิด . .

     

     

                ทำไมงานวันนี้มีแต่แฟชั่นนักวะ โคตรอยากกลับไปอ่านหนังสือสอบมากเลยให้ตายเหอะ . .

                เป็นงานที่ก๊อปกันมาทั้งดุ้นจากงานตอนเช้าเมื่อตะกี้ เอ่อ . . ไม่ได้ก๊อปแบบนั้นน่ะครับผมหมายความว่าผมต้องเปลี่ยนชุด เต๊ะท่าเท่ๆใส่กล้อง คุยกับตากล้อง ยิ้มกับสตาฟฟ์ ยืนแข็งทื่อให้เขาปัดแป้งปัดแก้ม เติมหน้า ซับเหงื่อ มีแสงไฟส่องตลอดเวลาเหมือนตอนเช้าไม่มีผิดเพี้ยน แต่คอนเสปต์จะแตกต่างจากเมื่อเช้าไปสักหน่อย ตอนเช้าจะเป็นแนวลุยๆนิดๆ ส่วนตอนนี้เป็นเจ้าชายเมืองหิมะแทน . .

                บางทีเจ๊ใหญ่ก็แกล้งผมเกินไป . .

                “พี่แจซอกยังไม่มาอีกเหรอ” ผมถามลู่หานเป็นครั้งที่ห้าของวัน ตอนที่แม่พาผมมายังร้านทานอาหารกลางวันที่หรูไปมั้ยสำหรับวันรีบๆแบบนี้ ผมเอาหน้าฟุบโต๊ะอาหารที่มีเมนูราคาแพงหูดับตับไหม้อย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหนื่อยชิบหาย เหนื่อยชิบหายยยยยยยยยยยยยยยยย TT

                “ยัง” ลู่หานมองดูอาหารในเมนูแล้วกลืนน้ำลาย

                เขาโดนแม่ผมจ้องตั้งแต่ที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามของแม่แล้ว ส่วนผมนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่ . .

                “ทำงานให้เซฮุนมานานเท่าไหร่แล้ว” เธอถามลู่หานที่สะดุ้งเฮือกอย่างน่ารัก . .

                “เดือนกว่าๆ เกือบสองเดือน ครับ  . . ผมไม่แน่ใจ”

                “เขาเป็นยังไงบ้าง”

                “เขาก็เอ่อ . .” ลู่หานหันมามองผม ส่วนผมทำหน้าซังกะตาย ไม่รู้ว่าแม่จะทำเหมือนผมไม่อยู่ตรงนี้ทำไม “ดีครับ”

                “ดีเหรอ? เจ้านี่น่ะ . . เด็กแสบคนหนึ่งเลยนะ” แม่เอาส้อมเงินเคาะหัวผม

                “แม่!” ผมร้องลั่นร้าน “ไม่ได้สนใจมาตั้งนานและรู้ได้ไงว่าผมแสบ ฮะ!

                “สั่งอาหารได้แล้ว แฟชั่นโชว์เริ่มบ่ายสามนี่”

                พูดถึงเรื่องงานแล้วผมเซ็ง  . . ผมลากมือลากแขนตัวเองไปเปิดเมนูดูและก็สั่งแบบส่งๆ ส่วนลู่หานนั่งเกร็งยังไม่ยอมสั่งอะไรแม้แต่นิดเดียว . .

                “เป็นอะไรไป” ผมถามเขา

                ลู่หานเงยหน้าขึ้นมามองแม่ผม . . “อาหารที่นี่ . . มันแพงเกินไป . . ผมขอลงไปทานแมคโดนัลด์ข้างล่างได้มั้ยครับ” ลู่หานพูดอย่างเกรงใจ . . เพราะตอนนั่งรถตู้ของแม่มาด้วยกันแม่บอกจะเลี้ยงข้าว

                “ไม่มีปัญหา” แม่บอกลู่หาน

                “แต่ว่า . .

                “เสี่ยวลู่ ถ้าแม่เขาอยากเลี้ยงนายก็สั่งแพงๆไปเลยดิ” ผมตัดบทหวังให้แม่เงิบ

                แต่แม่ไม่สนใจประเด็นนั้นเลยสักนิด “เสี่ยวลู่เหรอ?” หันมาหาผมอย่างฉงน

                “ใช่ เสี่ยวลู่ ผมเอาไว้เรียกเขาเล่นๆ”

                “ดูสนิทกันจังเลยนะ” แม่กระแอม มองลู่หานด้วยสายตาเย็นชาชนิดที่ว่าทำลู่หานคนแมนของผมต้องมือสั่นระริก . . ผมค่อยๆลอบไปกุมมือของลู่หานเบาๆ ลู่หานเขากำลังกังวลกลัวแม่ผมจับได้ และเขาก็กลัวผลที่จะตามมาทีหลังใช่มั้ย . .

                ผมไม่เห็นกลัวอะไรเลยสักนิด . .

                “แม่” ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างได้จึงพูดขึ้นมา “ผมมีแฟนแล้ว”

                แม่ที่กำลังเช็ดปากอยู่ถึงกับทำผ้าเช็ดปากหล่น ส่วนลู่หานทำหน้าเหวอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . .

                “อะ อะไรนะ” นานๆทีจะเห็นคังมิร่าอึ้งแบบหลุดจากการเก๊กฟอร์ม ขนตาปลอมกระพือ . .

                “ผมมีแฟนแล้ว”

                “โอเซฮุน นี่ลูกเพิ่งอายุสิบเจ็ดนะ” แม่จับไหล่ผม “และลูกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าลูกอยู่บทบาทไหนในสังคม ลูกจะยังเดทไม่ได้”

                “แม่ . . ผมมีความรักตั้งแต่ผมอายุสิบเอ็ด” ผมพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ตาใสๆของลู่หานจับจ้องมาที่ผมอย่างตื่นตะลึง “ฉะนั้นผมมีแฟนตอนอายุสิบเจ็ดไม่ใช่ปัญหา ส่วนเรื่องอาชีพของผม . .

                “ลูกจะยังเดทไม่ได้”

                “แม่ไม่ได้สนใจในผลงานของผมเลยด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ผลงานเลย แม่ไม่สนใจผมที่เป็นลูกแม่เลยสักนิด เพราะงั้นผมจะรักใครมันก็เรื่องของผม ผมจะคบใครมันก็เรื่องของผม . .

                “เซฮุนน่า . .

                “ผมแค่อยากบอกให้แม่รู้ไว้” ผมบีบมือลู่หานที่ใต้โต๊ะแน่น . .

                “เอาเถอะ” แม่ของผมเอามือพัดให้ตัวเองและก็หยิบน้ำจากแก้วทรงสูงขึ้นมาจิบ “มันเป็นสิทธิ์ของลูก และถ้าอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูก .  . แม่จะอยู่ข้างๆลูกเสมอ”

                ผมตะลึงงัน ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของแม่ แม่ที่ไม่เคยสนใจผมเลย . .

                “พามาให้แม่รู้จักด้วยล่ะ”

                ลู่หานกลืนน้ำลายหน้าซีดอย่างเปิดเผย ร้อยทั้งร้อยผมเชื่อว่าแม่ต้องคิดว่าแฟนผมเป็นผู้หญิงชัวร์ๆ นั่นทำให้ลู่หานเป็นกังวลอย่างมาก ใจหนึ่งผมก็รู้สึกเป็นห่วงที่เขากังวล(ในขณะที่ผมไม่ได้สนใจอะไรความรู้สึกของแม่เรื่องผมมีแฟนเป็นผู้ชายเลยสักนิดเดียว) ส่วนอีกใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีใจนิดๆอย่างเห็นแก่ตัวเนื่องจากปฏิกิริยาเหล่านี้ของลู่หานมันแสดงออกให้ผมเห็น . .

              ว่าเขาน่ะจริงจังกับผมขนาดไหน

              อยากดึงเข้ามาหอมแก้มซะตั้งแต่ตอนนี้ เห็นกวางน้อยทำหน้าตื่นๆแล้วมันดูน่ารักแบ๊วๆดีแปลกๆ ปกติห่ามและก็ขี้โวยวายจะตายไป

                “เดี๋ยวแม่มานะ” แม่วางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊แล้วเดินเฉิดฉายออกไปข้างนอกร้าน

                ทิ้งให้ผมอยู่กับลู่หานสองคน . .

                ทางสะดวกแบบนี้ก็หวานหมูน่ะสิ . . ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่าคนสวยของผมหันมาโวยวายใส่ผมซะก่อน

                “เซฮุนน่า พูดอะไรออกไปน่ะ”

                ว่าแล้วเชียวว่าต้องแอบเหวี่ยง “อะไรครับ พูดความจริงไง”

                “นายไม่เห็นท่าทางของแม่นายเหรอ และถ้าเขารู้ . .

                “เสี่ยวลู่ . . รู้ตัวมั้ยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังน่ารักขนาดไหน” ผมพูดยิ้มๆ

                ลู่หานหน้าหงิกลงทำท่าเหมือนอยากเตะผม แต่ก็แอบเขินนิดๆอยู่ “อะ อะไร ใช่เวลาที่จะมาพูดแบบนี้มั้ย”

                “ก็ดูดิ รู้มั้ยว่ากำลังทำตัวเหมือนสะใภ้เกาหลีขนาดไหน” ผมเอานิ้วจิ้มแก้มป่องๆของเขา

                “สะใภ้เกาหลี?”

                คนจีนทำหน้างง . . ผมก็เลยต้องขยายความให้ “เกรงใจคุณแม่สามีไง”

                ป๊าบ! ผมโดนเข้าจังๆที่หน้าผากด้วยฝีมือของนิ้วลู่หาน แสบเลย . . “คุณแม่สามีอะไร ถ้านายเป็นสามีแล้วฉันจะเป็นอะไร”

                “ก็ . . เมียไง”

                ป๊าบ! “ไม่เป็น!

                “เป็นไปแล้วนี่ครับ” โดนซ้ำสองรอบคือต้องมีรอยแดงเถือกแน่นอน เขินรุนแรงชิบหาย . . คนอะไรเนี่ย

                “ไม่เป็น . . มะ . . เมียอะไรนั่น” ลู่หานดึงแก้วน้ำทรงสูงขึ้นมาซด

                “ง่ะ งั้นเป็นอะไร”

                ลู่หานพูดไม่ออก . . หลังจากนั้นเขาก็ระเบิดออกมา “โธ่เว้ยยยย! เป็นผู้ชายแมนๆทั้งทีทำไมต้องถูกเรียกแบบนั้นด้วยนะ นี่ฉันโคตรเสียแบบนายเลย ให้ตายสิ” เอาแต่ดื่มน้ำอยู่นั่น ตอนนี้หูของเขาแดงเถือกไปหมด

                “อิอิ ยอมรับเหอะ” ผมลูบผมเขา “ผมจะเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยา . . ผมสัญญา”

                ลู่หานแทบจะเอาน้ำในมือมาสาดใส่หน้าผมแล้ว แต่คิดถึงความยุ่งยากที่จะเกิดตามมาเช่นหาชุดใหม่ให้ผม เขาก็ไม่ทำ . . “อย่าไปเรียกแบบนี้ให้ใครฟังละกัน ฉันอาย”

                “อะไร . .น่าภูมิใจดีออก สามีหล่อไม่ชอบเหรอ”

                “มาลองเป็นเมียดูมั่งมั้ยล่ะ”

                “ไม่เอา!” ผมร้องสวนทันที ก่อนจะยิ้มแฉ่ง “ยอมรับแล้วเหรอครับเมีย”

                “เชี่ยเซฮุน พอสักทีเถอะ”

                “โอเค พอก็พอ”

                ผมยิ้มก่อนที่จะลงมือทานอาหารที่พนักงานเพิ่งเอามาเสิร์ฟ อารมณ์ดีแตกต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ ในขณะที่ลู่หานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

                “อย่าเอาไปพูดให้ใครฟังล่ะ พูดกับฉันสองคนพอ” หยิบมีดมาตัดสเต็กด้วยท่าทางแบบนางพญามาก

                “รับทราบครับ . .” ผมตัดส่วนของผมไปให้ลู่หาน แล้วยิ้มตาหยีเป็นแป๊ะเชิงกวนประสาทเขา แต่ผมก็เลิกทำทันทีเพราะในมือของลู่หานตอนนี้ . .เป็นมีด

                “แม่นายหายไปไหน” ลู่หานมองซ้ายมองขวา ข้างหน้าเขามีแต่ความว่างเปล่าถ้าไม่นับกระเป๋าชาแนลใบละหลายล้านวอนของแม่

                ผมหน้าบึ้ง “ไม่รู้”

                “เซฮุน ทำตัวน่ารักกับแม่นายหน่อย”

                “ก็ดูที่แม่ทำกับฉันสิเสี่ยวลู่”

                “แต่เธอเป็นแม่นายนะ” ลู่หานพูดกับผมอย่างใจเย็น . . อะไร . . หัวข้อนี้ไม่เห็นสนุกเลย เปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องเสี่ยวลู่ไม่ได้เหรอ “และฉันก็ดูออกนะ”

                “อะไร” เป็นทีที่ผมจนมุมบ้าง

                “นายไม่เคยโกรธแม่นายเลย”

                “อะไรนะ” ผมร้องเสียงหลง รู้สึกเหมือนโดนจับได้ยังไงก็ไม่รู้

                “นายแค่น้อยใจเท่านั้น”

                “เสี่ยวลู่ ก้มหน้าก้มตาทานข้าวไปเลย”

                “หนูน้อยเซฮุนน่า . . อย่าน้อยใจแม่เลยน้า” เป็นคราวของลู่หานที่จะกวนประสาทผมบ้าง ให้ตาย ผมหน้าบึ้งเลย “คิกคิก หนูน้อยเซฮุนน่า หนูน้อยสี่ขวบ” แต่แล้วลู่หานก็เลิกทำหน้ายิ้มๆ เมื่อเขาเห็นอะไรบางอย่างข้างนอกหน้าต่าง “นั่น . . คุณคังมิร่าหรือเปล่า”

                ผมหันไปมองตามสายตาของลู่หาน . .

                แม่ของผมอยู่กับชายชุดดำท่าทางหน้าตาโหดสองสามคน เธอกำลังทำเหมือนถูกบังคับโดยชายเหล่านั้น . .

                ไม่รู้ทำไม . . ผมอยากเดินเข้าไปต่อยหน้าผู้ชายพวกนั้นทันทีที่ผมเห็นแม่ทำหน้าเสีย

                “เดี๋ยวฉันมา” ผมลุกขึ้นทันที ทิ้งลู่หานที่ทำหน้างงไว้เบื้องหลัง ออกไปเผชิญหน้ากับพวกผู้ชายที่กำลังจะทำอะไรไม่รู้กับแม่ผม

     

                นั่นแม่ผมนะ . .

     

                “ทำอะไรวะ!” ผมร้องออกไปทันที เดินไปหาแม่และก็ให้แม่มาหลบอยู่ด้านหลังผม

                ให้ตาย พอดูใกล้ๆไอ้พวกนี้สูงเป็นบ้า . . สูงกว่าคริส วงEXO ที่สำคัญ . . พวกมันเล่นเพาะกายกันรึเปล่าไม่รู้

                “เซฮุน ไม่มีอะไร” แม่กระซิบกับผมเสียงสั่น

                “ไม่มีอะไรได้ยังไง พวกมันทำเหมือนจะทำร้ายแม่เลย” ผมชูกำปั้นขึ้นมาขู่พวกมันอย่างกล้าหาญ คลาสชกมวยตอนเรียนการแสดงกำลังจะถูกนำมาใช้โดยไม่ช้านี้ “ข้ามศพฉันไปก่อนดีมั้ย ถ้านายจะทำอะไรคังมิร่า”

                ไม่รู้ทำไม . . พวกนี้ตัวใหญ่ซะเปล่า แต่ทำหน้าโง่เหมือนโทรลล์ภูเขาในแฮร์รี่พอตเตอร์

                ไม่เข้าใจที่ผมพูดเหรอ . .

                “คุณคังมิร่า แค่ไปกับเรา”

                “ฉันไม่ไป” แม่ร้องลั่น

                “แม่ อะไรเหรอ แม่จะไปไหน”

                “ญี่ปุ่น”

                “เดี๋ยวนะ นี่มันอะไรกัน” ผมถามเสียงงงๆ

                “คนพวกนี้คือคนของคู่หมั้นแม่ . . และแม่ . .” เธอกลืนน้ำลาย “. . หนีงานหมั้นมาที่นี่ มาหาลูก”

                พอจะรู้คร่าวๆว่าแม่จะแต่งงานใหม่ ตอนนั้นผมยังค้านหัวชนฝา แต่เพราะเรื่องงานที่มันล้นหัวผมก็เลยตามใจเธอเหมือนเช่นทุกครั้งว่าเธอจะแต่งกับคนไหนก็เรื่องของเธอ แต่ทว่า . . ครั้งนี้มันดูต่างออกไปยังไงไม่รู้

                “แม่เนี่ยนะ หนีงานหมั้น” ผมทำหน้าเหมือนแม่เป็นคนชอบงานแต่งงาน

                “ก็ใช่น่ะสิ”

                “คู่หมั้นแม่เป็นมาเฟียญี่ปุ่นเหรอ”

     

                “เพราะงั้นไง . . ถ้าแม่แต่งงานกับเขา . . แม่ต้องย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นถาวร และแม่ก็ทนไม่ได้ที่จะอยู่ที่นั่นโดยไม่มีลูก”

     

     

     

     

                “ที่ผ่านมาก็อยู่โดยไม่มีฉันได้นี่!!!!!

              “เย้ยยยยย เซฮุนน่า ร้องอะไรน่ะ ตกใจหมด” ลู่หานทำชีทหล่นกระจายตอนที่ผมร้องออกมาเมื่อตอนสี่ทุ่มของคืนนั้น ผมเดินแบบในชุดฟินนาเล่ของมาร์คเจคอบส์เสร็จเรียบร้อย ตรงคอนเสปต์ของเขาทุกอย่างและมีแววว่าจะถูกเชิญให้ไปเป็นนายแบบของแบรนด์อื่นอีก

                คอนเสปต์ที่ว่าคือ . . หน้าบึ้งตลอดงาน

                “ให้ตายสิ ฉันเซ็งแม่เต็มทน” ผมทิ้งตัวนอน เอาเจ้าตุ๊กตาหมีคู่ที่เคยตั้งอยู่หน้าลิฟต์มาปิดหน้าผมเอาไว้ ตัวนี้เป็นตัวแทนลู่หาน โบว์ของมันสีชมพู . . ซึ่งตอนแรกลู่หานก็โวยวายเรื่องนี้มาก
                “เป็นอะไรไป” ลู่หานเดินมานั่งโซฟาตัวเดียวกับผม
    . . ผมเขวี้ยงตัวแทนออกไปไกลๆ เพราะตัวจริงมานั่งอยู่ใกล้ๆแล้ว ฉวยตักของลู่หานมานอนและก็หน้าบึ้ง “ไอ้บ้าเซฮุน หมีมันเจ็บนะเว้ย”

                “ฉัน . .ไม่เข้าใจแม่”

                ลู่หานก้มหน้าลงมาตั้งใจฟังผม ในขณะที่ผมก็พูดออกไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงที่ต้องการจะระบาย

                “บางครั้งเธอก็ดูเหมือนไม่สนใจฉัน แต่บางครั้ง .  .เธอก็ทำเหมือนเธอรักฉันเหลือเกิน”

                “

                “ยิ่งตอนที่เธอมีปัญหานะ เธอจะนึกถึงฉันเป็นคนแรกเลย ทั้งๆที่ . .

                “

                “นินทาแม่มันบาปใช่มั้ยลู่หาน”

                ผมคว้ามือเล็กๆของลู่หานมากุมเอาไว้ที่อก และก็ทอดถอนใจ อีกมือของลู่หานลูบหัวผมเบาๆอย่างเข้าใจและตั้งใจรับฟังเป็นอย่างดี . .

                “จริงๆฉันก็ไม่สมควรพูดหรอก แต่พี่แจซอกได้รับสายจากแม่นายหลายครั้งต่อวันนะ บางครั้งฉันก็ได้คุย แต่ว่า . . ก็น้อยน่ะ ฉันส่งไปให้พี่แจซอกคุยตลอดเลย”

                “หมายความว่ายังไง”

                “เธอโทรถามพี่แจซอกเรื่องนายอยู่ตลอด คอยบอกให้พี่แจซอกเอาแมกกาซีนที่นายลงไปให้ทุกเล่มด้วย และทุกเรื่องที่นายแสดงเธอก็ดู .  .เพียงแต่ . . เธอไม่ได้บอกนาย”

                “

                “แม่บางคนก็ชอบที่จะแสดงความรักแบบห่างๆนะ ฉันก็ไม่เข้าใจว่าแม่นายไม่อยากให้นายรู้ว่าเธอเป็นห่วงเพราะอะไร แต่ฉันคิดว่า . .

                “

                “ยังไงเธอก็รักนาย”

                “ฮึ่ย” ผมส่งเสียงอย่างโกรธๆออกมา

                “พี่แจซอกเล่าให้ฟังว่าตอนที่เธอมีนาย เธอยังเด็กมาก อายุสิบเจ็ดสิบแปดด้วยซ้ำ”

                “

                “เธอแต่งงานก็ตั้งหลายรอบ แต่นายไม่คิดบ้างเหรอ ว่าทำไม . . เธอถึงมีเพียงแค่นายเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ยอมมีลูกคนอื่น”

     

                ผมไม่เคยคิดเลย . .

     

                “เพราะเธอรักนายที่สุดไงล่ะ เซฮุน”

     

                ผมยืมมือของลู่หานมาปิดหน้า น้ำตารื้นทุกครั้งที่ต้องพูดถึงคังมิร่า . . เธอนี่แหละทำให้ผมรู้จักกับกันดั้ม ของชิ้นแรกที่แม่ให้ผมเล่นก็คือหุ่นยนต์กันดั้ม และทุกครั้งที่ผมเล่นหรือแต่โมเดลนั่น ผมจะนึกถึงแม่ของผมทุกครั้งไป

                “กันดั้มตัวใหม่อยู่บนเตียงนะ แม่นายซื้อมาฝาก”

                “ชอบเอาของมาฟาดหัว” ผมบ่น . .

                “เธอช่วยฉันต่อกันดั้มที่ฉันทำพังเมื่อครั้งโน้นให้ด้วย”

                “เดี๋ยว . . แม่มาที่นี่เหรอ”

                “ใช่ ตอนที่นายเดินแบบอยู่”

                ผมกระพริบตาช้าๆอย่างค่อยๆคิด . .

     

                “แม่ฉัน . . จะกลับญี่ปุ่นหรือยัง . .

     

              ออด ออด . .

     

                ได้ยินเสียงออดหน้าบ้าน ยังไม่ทันที่ผมหรือลู่หานจะไปเปิด ก็มีคนเปิดพรวดเข้ามาแล้ว

                แม่ . .

                ผมกับลู่หานรีบลุกแยกออกจากกันทันที โชคดีที่คังมิร่ามัวแต่ยุ่งกับของในมือ เลยไม่ได้มองมา . .

                “แม่ . . ผมนึกว่าแม่จะกลับญี่ปุ่นไปแล้ว”

                “หนีมาก็คือหนีสิ อ้าว . . เสี่ยวลู่ มาช่วยรับของหน่อย” แม่เรียกลู่หานว่าเสี่ยวลู่ ?!!!! “ทำกับข้าวเป็นมั้ยน่ะเรา”

                ลู่หานดูตกตะลึงก่อนที่จะกลืนน้ำลายแล้วตอบคำถาม “เป็นครับ”

                “ดี เพราะฉันกับเซฮุนทำไม่เป็น”

                ผมมองแม่เดินไปที่โซฟา เธอถอดโค๊ทของเธอไว้บนพนัก หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวี ทำท่าชิวโล่งโปร่งสบาย

                “แม่ . . นี่มันอะไรกัน”

                “คืนนี้แม่นอนกับลูกนะ”

                “มันมีสองห้อง”

                “แม่ก็นอนกับลูกไง ผู้จัดการของลูกก็นอนอีกห้อง”

                นอนกับแม่มันก็ดี . . แต่ . .

                “ลูกทำท่าเหมือนอยากจะนอนกับผู้จัดการของลูกเลย”

                “เปล่านะแม่!!!!

     

                คังมิร่ามาที่นี่ . . เพราะพรุ่งนี้เธอต้องกลับญี่ปุ่นแล้ว . .

     

     

                ตกกลางคืน . . แม่เข้าไปนอนที่ห้องของผม ส่วนผมที่ทำเป็นเพิ่งอาบน้ำเสร็จ รีบออกมาหาลู่หานที่อ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น . .

                “ไม่ได้กอดฉัน . . คืนนี้นายจะนอนหลับมั้ย” ผมกอดลู่หานจากทางด้านหลัง เขาสะดุ้งพรวดรีบแกะมือของผมออกจากลำตัวของเขาทันที

                “ทำอะไรน่ะ” เราคุยกันด้วยเสียงกระซิบกระซาบ “แม่นายจะออกมาเห็นนะ”

                “ฉันกลัวนายนอนไม่หลับ”

                “ตอนนี้คนที่นอนไม่หลับเหมือนจะเป็นนายมากกว่านะเซฮุน”

                “งือ . . หอมที” ฟอดดดดด ผมหอมแก้มลู่หานทางขวา อีกฟอดที่ทางซ้าย

                “เซฮุน พอ . .ไอ้บ้า หอมอยู่ทุกวัน วันนี้หยุดบ้างไม่ได้หรือไง”

                “ฉันติดกลิ่นของนายนี่”

                “ไปนอนกับแม่ได้แล้ว”

                ผมหน้านิ่ง ในขณะที่ลู่หานดันตัวผมออกห่างสุดฤทธิ์ ผมจึงเดินไปหยิบตุ๊กตาหมีตัวแทนผมที่มีโบว์สีฟ้ามาจากหน้าลิฟต์ ให้มันนั่งจุมปุกจ้องหน้าลู่หานตอนอ่านหนังสือ

                “นี่ไง มีเพื่อนแล้ว เสี่ยวลู่อย่านอนดึกนะ และถ้านอนไม่หลับ . . ฟัดไอ้นี่ก็ได้ ถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นตัวแทนฉัน”

                “เซฮุน . . นายเป็นเด็กสี่ขวบเหรอ”

                ผมจิ้มแก้มลู่หานเบาๆ “รักนะ”

                “ไปนอนเลย!

                ผมยิ้มให้ลู่หาน เดินไปหยิบตุ๊กตาหมีตัวแทนลู่หานมาจากมุมห้องที่ผมโยนทิ้ง ลากมันมาด้วยแขนข้างเดียว กะจะเอาไปนอนด้วยเป็นตัวแทนของลู่หานในคืนนี้ แม้จะมีคังมิร่านอนอยู่ข้างๆก็ตามที . .

                “นายอย่าลากตัวแทนฉันแบบนั้นสิ . . แขนมันขาดทำไง หรือจริงๆนายอยากให้ฉันแขนขาด”

                ลู่หานร้องตามหลังออกมาเสียงโกรธๆ ผมหันไปหาเขา . .

                “เสี่ยวลู่ . . เป็นเด็กสี่ขวบเหรอครับเนี่ย”

                ผมวิ่งหลบดินสอที่โยนมาจากเขาแทบไม่ทัน . .

     

     

                ในห้องนอนที่เต็มไปด้วยกันดั้ม . . ท่าทางแม่จะหลับไปแล้ว ผมเดินไปนอนที่บริเวณข้างๆแม่ โชคดีที่เตียงผมโคตรใหญ่ เอาลู่หานมานอนด้วยอีกคนที่ก็ยังเหลือแบบเหลือเฟือแต่เขาคงไม่มา

                เลยได้แต่เอาตุ๊กตาหมีมานอนข้างๆ . .

                “คังมิร่า . .

                ผมเรียกแม่ในความมืด . . แม่หลับไปแล้วจริงๆด้วย . . ไม่เห็นขยับและก็ไม่ตอบอะไรผม . .

                อาจจะดีก็ได้ เพราะถ้าอยู่ต่อหน้า . . ผมคงไม่กล้าพูดอะไรออกมา

                “ถ้าคังมิร่าจะย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น ผมก็จะไปเยี่ยมคังมิร่าเองนะ”

                ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา . . แต่ผมรู้สึกโล่งชะมัดที่ได้พูดออกไป . .

     

                “ราตรีสวัสดิ์ครับแม่”

     

                ผมปิดตาลงพยายามนอนให้ไวที่สุด ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตารางงานจะเป็นอะไร รู้เพียงแต่ว่าต้องตื่นมาอ่านหนังสือตั้งแต่เช้ามืด . .

     

                “โอเซฮุน . .

     

     

                หะ แม่ยังไม่หลับเหรอ!!!!!!!!!!!!

     

     

                . . แฟนลูกน่ารักดีนะ”

     

     

                และแม่ก็รู้แล้วเหรอว่าลู่หานน่ะแฟนผม!!!!!!!!!!

     

               

                “แต่ไม่ต้องบอกเขานะว่าแม่ชอบเขา แม่ชอบเห็นหน้าเขาตื่นๆเวลาอยู่ต่อหน้าแม่ . . มัน . . น่ารักน่าแกล้งดี”

     

     

                แม่กับลูกต่างกันที่ไหน . .

     

     






     

               

                ผมยิ้มให้แม่ในความมืด และผมก็เชื่อว่า . . แม่ก็ยิ้มให้ผมในความมืดเช่นกัน . .          

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     
     
















    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×