คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [ SEHUN x LUHAN ] CHAPTER ONE
CHAPTER ONE
6 ปีต่อมา . .
โอเซฮุนกับนักแสดงสาวรุ่นพี่ควอนจีพโยกำลังเดทกัน เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ . .
ภาพหลุดโอเซฮุนนักแสดงดาวรุ่งกับคู่เดทล่าสุดเมื่อสามวันก่อน!!!
คาสโนว่าวัยสิบเจ็ด โอเซฮุน!
“อา ฉันจะบ้าตาย” เสียงของพี่แจซอกน่ารำคาญเอามากๆในวันที่ผมได้นอนหลับพักผ่อนน้อยตั้งแต่เมื่อคืน กว่าจะปิดกล้องเรื่อง ‘สาวใช้คนสวยกับนายอภิมหารวย’ ที่ผมเล่นเป็นน้องชายพระเอกก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม นี่ก็เพิ่งจะหกโมงเช้าเองนะ “เมื่อไหร่นายจะเลิกก่อเรื่องสักที”
“พี่ขับรถไปเถอะน่า” ผมบอกเสียงง่วงนอนเต็มที “และก็ปิดเสียงโทรศัพท์ของพี่ด้วย น่ารำคาญชะมัด”
“ชีวิตนายเป็นชีวิตของฉัน และนายกำลังดังเอามากๆ นายจะดับไม่ได้เข้าใจม้ายยยย”
“รู้แล้วๆ แต่ไว้ค่อยคุยกันตอนที่ผมตื่นได้ป่ะ โอเคนะ” ผมเอาหมอนรองศีรษะมาปิดหน้า
“นายนี่มัน ..”
“พี่ก็รู้นี่ว่าผู้หญิงพวกนั้นมายุ่งกับผมเอง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” อดโวยวายขึ้นมาไม่ได้ “อยู่ด้วยกันมาตั้งหกปี พี่ไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าผมเป็นคนยังไง”
พี่แจซอกที่ขับรถอยู่ถึงกับเงียบไป “ก็จริงแฮะ” เขาพูด “นายมันไม่สนใครเลยนี่นา . . นอกจาก . .”
“ไม่ต้องมาพูดถึงคนนั้นเลยนะ” ผมโยนหมอนรองศีรษะทิ้งไป และลุกขึ้นมาจับคอพี่แจซอกที่กำลังขับรถอยู่เบาะหน้า “บอกให้ไปตามหาๆๆ และนี่ตั้งกี่ปีมาแล้วนี่พี่ไม่ออกไปตามหาให้ผม พี่มัน . . ใจร้าย ผิดสัญญา ผมจะเอามีดกรีดหน้าตัวเองเดี๋ยวนี้”
“เห้ย อย่าเชียวนะ!” พี่แจซอกโวยวาย “อย่าทำอะไรแบบนั้นเชียวนะ เซฮุน”
“ล้อเล่น . . ผมโวยวายเรื่องนี้ซะจนผมชินแล้ว” ผมแอบกัดพี่แจซอก ที่ทำหน้าทำตาใส่ผมอย่างหมั่นไส้ เรื่องลู่หานสำหรับผมกับพี่แจซอกกลายเป็นเรื่องมืดแปดด้าน ทั้งๆที่ผ่านมาตั้งหกปีแล้ว แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กผู้ชายอย่างลู่หานจะกลายเป็นสิ่งที่ตามหาตัวได้ยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร นานๆครั้งผมกับพี่แจซอกจะเอ่ยถึงลู่หานขึ้นมา และเราก็ได้แต่ถอนหายใจใส่กันเพราะอับจนปัญญาในการตามหาเขา ที่จริงผมกับพี่แจซอกยุ่งกันมากๆเลยล่ะ “ว่าแต่วันนี้ผมมีงานอะไรรึเปล่า”
“วันนี้น่ะเหรอ มีตอนเย็นงานเปิดตัวพรีเซนเตอร์น้ำส้ม”
ผมกลอกตา . . ขึ้นชื่อว่างานเปิดตัวจะต้องมีแสงแฟลชนับล้านสาดเข้ามาที่ตาของผม . . ผมเป็นคนที่แสบตาง่ายเอามากๆ และวันนี้ผมจะต้องแสบตาอีกครั้งสินะ
“แล้วตอนกลางวันล่ะ”
“ไม่มีหรอก วันนี้วันเปิดเทอมปีสองของนาย”
จากที่กำลังหลับตาปี๋ ผมถึงกับสะดุ้งโหยงขึ้นมาอย่างกะทันหันราวกับมีคนเอาน้ำมาสาดใส่
“หา! ทำไมผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ”
“ฉันคือปฏิทินและตารางเวลาของนาย นายจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ” ก็จริงของพี่แจซอก . . แต่ทำไมต้องมาบอกกันในวันที่เปิดเทอมเลยล่ะ ให้เตรียมตัวสักนิดก็ไม่มี . .
“ทำไมพี่ไม่บอกผม ผมจะได้หางานมาใส่เพิ่ม!” ผมกะจะหยิบเอาหมอนรองคอโยนใส่พี่แจซอก
“นี่ไม่อยากไปเรียนขนาดนั้นเลยรึไง”
“เพราะมันน่ารำคาญ!”
พี่แจซอกไม่ใช่ผมคงไม่เข้าใจหรอก การที่จะไปนั่งเรียนและก็โดนคนอื่นมาจ้องมองตลอดเวลาแบบนั้น และที่สำคัญ . .มันเลวร้ายกว่านั้นเอามากๆ เลวร้ายจริงๆ . .
“หวังว่าโรงเรียนใหม่จะดีสำหรับนายนะ” พี่แจซอกรำพึง
เพราะมันเลวร้ายนี่แหละ ผมดึงต้องย้ายโรงเรียนเกือบจะทุกเทอม
“นอนซะ นายมีเวลาพักผ่อนอีกหนึ่งชั่วโมงนิดๆ”
“หลับไม่ลงแล้ว”
ใครจะไปหลับลง . . อีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็ต้องไปยังสถานที่ที่มีชื่อว่า ‘โรงเรียน’ ที่ๆผมไม่ชอบเอาเสียเลย
วันนี้พวกคุณจะได้เห็น . . ว่าโรงเรียนสำหรับผมน่ะ . . มันนรกแค่ไหน
“งั้นนายก็เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ทารองพื้นด้วยก็ดี ฉันแอบเห็นสิวผดนิดหน่อยที่หน้าผาก . .”
“ไม่ทา!” ถึงผมจะโวยวาย แต่ผมก็ทำตามที่พี่เขาบอกอยู่ดี
พี่แจซอกคงเคยชินกับการโวยวายของผมแล้ว เขาส่ายหน้า ฮัมเพลง และก็ขับรถต่อไป ราวกับเมื่อกี้ไม่ได้อ่านข่าวฉาวของผมยังไงยังงั้น ข่าวฉาวที่ผมเองก็ยังงงๆว่ามันโผล่ขึ้นมาได้ยังไง กับจีพโยนูน่า นางเอกเรื่องสาวใช้คนสวยนั่นพี่เขาแค่มาถามผมเองนะว่าห้องน้ำไปทางไหน และก็มีคนถ่ายรูปช็อตนั้นมา . . ส่วนเรื่องคู่เดทใหม่ไรนั่น ก็เป็นรูปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว เธอคนนั้นให้ของขวัญผม และก็แชะ . . ผมโดนถ่ายช็อตนั้นมา และก็โดนใส่ไข่เรียบร้อยว่าผมกลายเป็นคาสโนว่ารุ่นเล็กทั้งๆที่ผมไม่ได้เดทกับใครที่ไหนเลย
พูดแล้วก็เซ็ง . .
“ฉันไม่เข้าใจนาย ทำไมทุกโรงเรียนที่นายเลือกจะต้องเป็นโรงเรียนสายสามัญแบบนี้ด้วย ทำไมนายไม่เรียนโรงเรียนอาร์ตอะไรเทือกๆนั้นล่ะ นายก็รู้นี่ว่านายไปได้สวยแค่ไหนด้านการแสดง”
“เรียนที่ค่ายกับก็เอือมจะแย่ ขอเรียนอะไรที่คนปกติเขาเรียนกันมั่งเหอะ”
ตั้งแต่ป.5ผมก็เข้าเรียนการแสดงที่ค่ายละครที่ผมสังกัด. . สามารถบอกได้เลยตรงนี้ได้เลยว่าเรียนจนเอียนจนอ้วกกันไปข้าง ผมใช้เวลาเรียนประมาณสองปีผมก็เริ่มมีผลงานละครเข้ามา และก็มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เป็นดาราวัยรุ่นที่ค่อนข้างไปได้สวย หรือไม่ก็ . .
เป็นดาราวัยรุ่นที่สุดจะฮอตในตอนนี้เลยก็ว่าได้
ผมไม่อยากจะพูดว่าผมกำลังชมตัวเอง . . แต่การที่สาวๆโรงเรียนอื่นมายืนอยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียนผมตอนนี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่น่าฟัง มีราวๆร้อยคนที่กำลังรอการปรากฏตัวของผมอยู่
“อึ๋ย” พี่แจซอกอุทานเมื่อมองเห็นกลุ่มคนมากมาย และเขาก็หันมาหาผมที่นั่งอยู่เบาะหลัง ผมที่เปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบนักเรียนเรียบร้อยกำลังเอาหูฟังมอนสเตอร์บีทมาครอบหู “เฮ้ . . นายจะต้องเข้าไปเรียนละนะ”
“ข้างหน้ายังวุ่นวายอยู่เลย ขอผมอยู่ตรงนี้สบายๆแป๊บนึงนะ” ผมบอก “แล้วพี่ไม่หาข้าวให้ผมกินเหรอ”
“อ้อใช่ ฉันแวะซื้อมาแล้ว” พี่แจซอกส่งถุงเบอร์เกอร์มาให้ “กินซะ และก็กินเยอะๆด้วยล่ะ”
ผมครอบหูฟัง . . ฟังเพลง EXO วงโปรดของผม . . เสียงหอนของหมาป่าดังไปทั่วโสตประสาทขณะที่ปากของผมก็เริ่มเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์ ผมเคยชินกับจั๊งฟู้ดเอามากๆ เพราะผมมักจะออกไปไหนมาไหนไม่ค่อยได้ พี่แจซอกเลยได้แต่ซื้ออะไรแบบนี้มาให้กิน
ผมมองเห็นเพื่อนร่วมโรงเรียนหลายคนเดินเข้าไปในโรงเรียนผ่านหน้าต่างมีฟิล์มติดสีดำ ท่าทางพวกเขามีความสุข เฮ้อ ผมอิจฉาพวกเขาจัง และหลังจากนั้นพวกเขาก็ผงะกันแทบทุกคนเมื่อเห็นผู้หญิงร่วมร้อยยืนอยู่กันที่หน้าประตูโรงเรียน สาเหตุมันก็มาจากผมนี่แหละ - - แต่ท่าทางพวกเขาจะยังไม่รู้ว่าวันนี้จะมีคนอย่างผมมาเรียน พวกเขาพากันมองคนเหล่านั้นอย่างประหลาดใจ
ผมไม่มีเพื่อนก็เพราะเหตุนี้ อาจจะโดนมองหาว่าเป็นดาราแล้วหยิ่งมั้งไม่ก็โดนคนหมั่นไส้อยู่เนืองๆ . . แต่ผมก็เคยชินแล้วล่ะ
โทรศัพท์ของผมสุ่มเพลงจาก Wolf กลายเป็น Angel ตอนที่ใครคนหนึ่งผ่านหน้ารถของผมไป . .
เขาคนนั้นคล้ายลู่หานในแว้บแรกที่ผมคิด ผมมองตาม ผมสีเงิน ตัวเล็กผอมบาง . . จะใช่เขามั้ยนะ ผมไม่ได้เจอเขามานานมากแล้วนะ บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนไป เขาเรียนอยู่ที่นี่เหรอ และทำไมผมไม่เคยรู้ล่ะ . . ร่างนั้นเดินท่อมๆเข้าไปในโรงเรียน ตกอกตกใจกับจำนวนคนมหาศาล และก็กำลังจะหายเข้าไปในฝูงชน
“ผมไปนะ” ผมเปิดประตูรถทันทีอย่างไม่เสียเวลาคิด ต้องไปดูเองเพื่อความแน่ใจ หรือผมตาฝาดไปนะ
“เฮ้ เซฮุน! นายควรบอกฉันก่อน”
“ผมไปนะพี่ เดี๋ยวเจอกันใหม่”
ต้องรีบไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ได้เจออีก ผมรีบเดินตามคนที่ผมคิดว่าเป็นลู่หานไป หลังจากที่ผมลงจากรถได้หนึ่งก้าว ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นแทบจะในทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด เซฮุนอปป้า!”
“เซฮุนน่า นายมาเรียนจริงๆด้วย!”
ทุกคนเข้ามารุมผมราวกับผมเป็นน้ำผึ้งและผู้หญิงพวกนี้คือผึ้ง ผมก้าวได้ไม่เท่าไหร่ผมก็ไปไหนต่อไม่ได้เพราะถูกขวางทางด้วยคลื่นมหาชนแฟนคลับของผมเอง
“สวัสดีครับ สวัสดีครับ” ผมยิ้มเล็กๆและโค้งคอให้ แต่สายตาของผมคือมองไปหาคนที่ผมคิดว่าเป็นลู่หานคนนั้น ผมมองไม่เห็นเขาแล้ว . .
ผมคงตาฝาดไปจริงๆ . .
“ขอโทษนะครับ อย่ารุมนะครับ” พี่แจซอกกระโดดลงมาช่วยกันคนให้ “ขอทางด้วยนะครับ เซฮุนจะเข้าเรียนสายนะครับ”
คนเข้ามาหาเยอะมาก มากจนเกิดความวุ่นวายโกลาหล นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะ . . มันเป็นสิบๆครั้งแรกที่คนเข้ามารุมผมขนาดนี้ ตั้งแต่ที่ผมเล่นบทองค์ชายรัชทายาทนั่นแหละ ความดังก็ดูเหมือนจะทะลุปรอท พวกเขาเหล่านั้นส่งข้าวส่งของให้ ผมรับได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะมันเยอะจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด ผมยัดใส่มือพี่แจซอกและก็พยายามดันตัวเองเข้าไปในประตูโรงเรียนให้ได้
“ฉันน่าจะดึงตัวผู้ช่วยมาสักห้าคน TT” พี่แจซอกแอบบ่นน้ำตาไหลพราก ส่วนผมน่ะเหรอตอนนี้ร่างกายไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วเพราะโดนจับโน่นนี่นั่นไปหมด
ไม่นานนักบุคลากรในโรงเรียนก็มาช่วยผม ดันตัวสาวๆออกไปจากผม มีทั้งยาม ทั้งอาจารย์ ทั้งภารโรง และเจ้าหน้าที่หลายคนมาช่วยกัน ทุกคนรีบบอกให้ผมเข้าไปในโรงเรียนอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่มันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้
ใช่ . . ผมก็อยากจะรีบเข้าไปเพื่อตามหาคนๆหนึ่งเหมือนกัน
“โอเซฮุน นักเรียนใหม่ชั้นปีที่สอง ขึ้นไปหาอาจารย์คิมยูฮันก่อนเข้าเรียนนะ!” อาจารย์คนหนึ่งตะโกนบอกขณะที่กำลังดันไม่ให้ที่กั้นหน้าโรงเรียนพังเพราะสาวๆอย่างสุดความสามารถ
“เอ่อ ขอบคุณครับ” ผมโค้งให้ และผมก็รีบเดินเข้าไปในโรงเรียนอย่างเร็วที่สุด ไม่ลืมที่จะหันไปโบกมือหยอยๆลาสาวๆเหล่านั้นด้วย . . ผมทำคนเป็นลมไปหนึ่งคนด้วยแฮะ
ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในโรงเรียน . .
“อุ๊ย นั่น เซฮุนนี่นา”
“ใช่จริงๆด้วยแก กรี๊ด”
ผมถูกถ่ายรูปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกคนเข้ามาทัก ถูกเรียกเยอะซะจนผมมึน .. ผมแค่อยากมีที่สักที่หนึ่ง ที่ๆผมพอจะเป็นคนธรรมดาอย่างเขาได้บ้าง แต่สำหรับในโรงเรียนแห่งนี้ผมยังคงเป็นดารานักแสดงคนหนึ่งอยู่ . .
ก็ได้แต่หวังว่าโรงเรียนนี้จะไม่เลวร้ายเหมือนโรงเรียนอื่นๆที่ผ่านมาของผม . .
ห้องพักอาจารย์
ผมนั่งอยู่ตรงหน้าอาจารย์คิมยูฮัน เขาเป็นอาจารย์หน้าตาโหดศีรษะล้าน ในขณะที่ผมนั่งอยู่มีอาจารย์ผู้หญิงสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างล่างอาจารย์คิมยืนถ่ายรูปผมแชะๆๆ ราวกับผมเป็นรูปปั้นประหลาด
“มาวันแรกก็ได้เรื่องเลยนะ โอเซฮุน” อาจารย์คิมหรี่ตาใส่ผม
“ผมไม่ได้ตั้งใจครับ” ผมตอบตามความจริง
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อาจารย์จะไม่โทษอะไรนาย ก็เพราะนายที่ทำให้สถิติการสมัครเข้าเรียนโรงเรียนแห่งนี้สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์” ไม่ได้โหดอย่างที่คิดแฮะ . .
“เอ่อ . .” ผมควรจะดีใจดีมั้ย จะยิ้ม หรือจะพูดขอบคุณดี ? ว่าแต่พวกเขารู้ได้ยังไงกันว่าผมจะเข้าเรียนที่นี่ . .
“แต่นายจะไม่ถือตัวว่าตัวเองเป็นดาราที่กำลังฮอตใช่มั้ย นายจะทำตัวเป็นนักเรียนธรรมดาของที่นี่ใช่มั้ย”
“แน่นอนอยู่แล้วครับอาจารย์” มันเป็นความปรารถนาของผมเลยแหละ
“อาจารย์คิมคะ . . มีนักเรียนใหม่มาเข้าพบค่ะ”
อาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งเดินนำนักเรียนชายคนหนึ่งเข้ามา . . ผมมองไปแว้บหนึ่งแล้วไม่อยากจะคิดอะไร . . ถ้าไม่ติดอยู่ที่ว่า . . นักเรียนคนนั้นมีผมสีเงิน
ลู่หาน!
ผมอ้าปากค้างเมื่อเจอเขา . . หกปีที่ไม่ได้เจอกันเขาแทบไม่ได้ตัวโตขึ้นมาเลยจากเมื่อก่อน . . เขายังคงตัวเล็ก มีใบหน้าเรียวเล็ก และก็สวยใสกว่าผู้หญิงในวงการบางคนเหมือนเคย ทันทีที่ผมจ้องมองไปที่ปากเขา ผมก็หันหลังกลับมาควบคุมสติอารมณ์ . .
จู่ๆเขาก็มาให้พบเจอ . . หกปี . . หกปีกับความประทับใจที่ผมยากที่จะลืม ผมใจเต้นตึกตัก เต้นแรงจนมันแทบจะระเบิดออกมาจากอกผม . . ถึงแม้ว่าหลังจากวันที่เขาขโมยจูบแรกของผม ผมอาจได้แอบเจอเขาบ้างตอนที่เขากลับบ้าน ไปโรงเรียน แต่หลังจากที่เขาย้ายไปผมก็ไม่ได้เจอเขาอีก
ผมตื่นเต้น . . และผมก็ดีใจมาก
ลู่หานมองมาที่ผม . . และก็มองผ่านเลยไป . .
นี่เขาจำผมไม่ได้เหรอ ?
“โอ๊ะ นักเรียนใหม่ ลู่หาน” อาจารย์คิมเรียกให้ลู่หานมานั่งข้างๆผม “นั่งลงตรงนี้นะ”
“สวัสดีครับอาจารย์” ลู่หานกล่าวอย่างเก้ๆกังๆ
“อ้า สวัสดีลู่หาน ขอบคุณที่ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนของเรา . . ผลการเรียนของนายดีเยี่ยมมากเลยนะจากโรงเรียนเดิม” ผมแอบส่องดูแฟ้มประวัติลู่หานที่อาจารย์คิมกำลังเปิดดู . . แม่เจ้า ผมเห็น A เรียงกันให้รึ่ม ของผมน่ะเหรอ มากสุดก็แค่ B ไม่มีหรอก A น่ะ (แต่ผมเคยได้ A วิชาพละนะ วิชาเดียวเท่านั้นแหละ)
“ส่งลู่หานไปเรียนห้อง B ละกัน โทษทีนะลู่หาน เราจะส่งให้นายไปเรียนห้อง A เลยไม่ได้ถ้าเธอไม่ผ่านเทอมนี้ไปก่อน”
“ยังไงก็ได้ครับอาจารย์” น้ำเสียงน่าฟังดีจังเลย . . เชื่อมั้ยว่านี่ผมกำลังตื่นเต้นอยู่จริงๆนะ มือของผมชื้นเหงื่อไปหมดแล้ว ตอนงานโชว์ตัวที่คนเข้ามาดูผมตั้งห้าพันคนผมยังไม่ได้รู้สึกอะไรถึงขนาดนี้
“ดีมาก อาจารย์ยู นี่คือนักเรียนใหม่ของคุณ ผมฝากด้วยนะ”
“ได้ค่ะอาจารย์คิม” อาจารย์ผู้หญิงท่าทางกระฉับกระเฉงตอบรับอาจารย์คิม
“แล้วผมล่ะครับอาจารย์”
“เธออยากเรียนห้องไหนล่ะ”
“ผมเลือกได้ด้วยเหรอ” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ
“ได้สิ . . เพราะนายทำให้โรงเรียนเราดีขึ้น อาจารย์จะให้สิทธิพิเศษนาย แต่ครั้งนี้แค่ครั้งเดียวนะ” มายก้อด เพิ่งเห็นข้อดีของการเป็นดาราก็คราวนี้ . .
“ขอบคุณนะครับอาจารย์” ผมโค้งหัวให้อาจารย์ พลางยิ้มกริ่ม เหลือบมองไปที่ลู่หาน ซึ่งเขาไม่ได้สนใจอะไรผมเลย
เห้ย นี่ฉันเป็นดารานะ!!!!!
เป็นครั้งแรกที่ผมอยากให้คนอื่นรู้ว่าผมเป็นดารา . . แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้นแหละ TT
คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมเลือกเรียนห้องอะไร
เด็กเรียนค่อนข้างเก่งทุกคนดูผงะเมื่อผมก้าวเข้าไปในห้อง ผมเดินตามลู่หานไปอย่างสุขใจแต่เพราะมีเลือดนักแสดงอยู่ค่อนข้างมาก ผมจึงมีหน้าเย็นชาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทันทีที่ลู่หานหย่อนก้นนั่งลง ผมก็เลือกที่นั่งข้างหลังลู่หานทันที ทำไมถึงไม่นั่งข้างๆน่ะเหรอ . . ก็เพราะว่ามีคนนั่งอยู่แล้ว และห้องซังกะบ๊วยนี่ก็ไม่ยอมจัดที่นั่งเป็นคู่ให้น่ะสิ
แต่อยู่ข้างหลังก็ดี เขาจะได้อยู่ในสายตาของผมตลอด . .
“ว้าว . . นักเรียนใหม่ทั้งสองคนดูจะน่าตะลึงไปสักหน่อยนะ” อาจารย์ยูพูดขึ้นมา ดีหน่อยที่เธอเหมือนไม่ใช่ผู้หญิงที่บ้าดารา “มาแนะนำตัวหน่อยดีมั้ยจ๊ะ”
ลู่หานที่อยู่ข้างหน้าผมขยับลุกขึ้นยืนอย่างเก้ๆกังๆ . . ทำไมน่ารักแบบนี้นะ . . เป็นผู้ชายที่ทำให้ผู้ชายหลายคนตะลึงงันได้เลย ยิ่งโตก็ยิ่งดูดี . .
และทำไมถึงหายไปจากชีวิตของผมตั้งนานสองนาน ผมอยากจะถามเขาจริงๆ . .
“ผมชื่อลู่หานครับ ผมมาจากปักกิ่ง”
“จริงเหรอเนี่ย”
“จริงๆน่ะเหรอ”
เสียงพึมพำดังขึ้นไปทั่วบริเวณ . .
“โห แต่เธอพูดเกาหลีชัดนะ” อาจารย์ยูทักอย่างสนใจ
“ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่จะย้ายออกไปน่ะครับ” ลู่หานนั่งลงก่อนตอบ
ตอนนี้ผมได้รู้คำตอบแล้วว่าเขาน่ะหายไปไหน . . เชอะ มาขโมยจูบแรกของกันไปและก็หายไปซะดื้อๆแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน
“และคนนั้นล่ะจ๊ะ แนะนำตัวหน่อยมั้ย” อาจารย์ยิ้มให้ผม เธอหัวเราะราวกับต้องการทำให้มันเป็นมุขตลก
นักเรียนหญิงโวยวาย อารมณ์ประมาณว่า ไม่ต้องหรอกค่ะอาจารย์ พวกหนูรู้อยู่แล้ว . .
“เขาชื่อโอเซฮุน เกิดวันที่ 12 เมษายน เลือดกรุ๊ปโอ สิ่งที่ชอบทานคือชานมไข่มุกและก็ซูชิ งานอดิเรกชอบสะสมหุ่นยนต์จากการ์ตูนเรื่องกันดั้มค่ะ”
มีนักเรียนหญิงรูปร่างอวบใส่แว่นหนาเตอะคนหนึ่งตอบแทนผม พอเธอพูดจบเธอก็หันมายิ้มให้ผมอย่างคลั่งไคล้ . . ผมสาบานได้ว่าผมขนลุก
“ว้าว เธอรู้เยอะเลยนะจ๊ะ”
“หนูชอบเขามาตั้งแต่หนูอยู่มอหนึ่งค่ะอาจารย์ TT” และเธอก็ฟุบหน้าลงไปร้องไห้กับโต๊ะ
ตอนนี้นักเรียนหญิงบางคนก็พากันร้องห่มร้องไห้ ส่วนนักเรียนชายมองผมเหมือนเป็นตัวประหลาด
ก็บอกแล้ว . . โรงเรียนสำหรับผมน่ะมันคือเรื่องเลวร้าย . .
“เอ่อ ทำใจให้สบายกันเถอะนะเด็กๆ” อาจารย์ดูจะทำตัวไม่ค่อยถูก “เดี๋ยวอาจารย์จะเข้ามาอีกทีพร้อมๆกับการเรียนวิชาภาษาเกาหลีนะ หวังว่าตอนนั้นพวกเธอจะพร้อมนะจ๊ะ”
ทันทีที่อาจารย์ก้าวออกจากห้องไป . . ผมก็ถูกรุมทันทีจากบรรดาพวกที่ร้องห่มร้องไห้เมื่อตะกี้
“กรี๊ดดด นายจะมาเรียนกับเราจริงๆใช่มั้ย”
“โอเซฮุน นายหล่อมากเลยนะเรื่องที่นายเล่นเป็นองค์รัชทายาทน่ะ!”
“ขอลายเซ็นได้มั้ย!”
“ฉันขอเซลก้ากับนายด้วยนะ TT”
ผมเอามือปิดหน้าตัวเองอย่างจนปัญญา พวกผู้หญิงแทบจะทุกคนเข้ามารุมผม (ผู้ชายบางคนด้วย) พวกเขาเสียงดังขึ้นเรื่อยๆและก็พากันแข่งกันพูด ผมไม่รู้จะตอบพวกเขายังไงดี . . และตอนนี้ลู่หานถูกดันจนต้องลุกขึ้นไปยืนหลบที่อื่นเรียบร้อยแล้ว ท่าทางของเขาดูงุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ไม่นะ . . เขาจะมองผมยังไงล่ะ นี่แค่วันแรกผมก็สร้างความวุ่นวายให้กับเขาแล้วเหรอ ?
“เอ่อ พวกเธอควรไปเตรียมตัวเรียนไม่ใช่เหรอ” ผมค่อยๆพูดอย่างระมัดระวัง
“ก็ใช่นะ”
“งั้นเดี๋ยวค่อยมาคุยกันทีหลังนะ”
“ฮือออ ได้เลย โอเซฮุน ฉันรักนายยยยยยยยยยย”
“ฉันก็รักนายยยย TT”
“นายคือความสุดยอด!”
กว่าพวกเธอจะออกไปกันหมดผมก็ต้องแจกลายเซ็นอีกหลายอัน และตอนนั้นผมก็แอบเห็นว่าลู่หานเริ่มคุยกับเพื่อนใหม่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนใหม่ที่ไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายอะไรให้กับเขาเฉกเช่นผม . .
ผมเอาหัวฟุบโต๊ะ . . พลางนึกอยากตีอกชกหัวตัวเอง ผมอยากเลิกเป็นดาราสักพักจัง . .
ตอนที่ผมฟุบโต๊ะผมเห็นกระดาษใบหนึ่ง ลายคิตตี้น่ารักแทรกอยู่แถวๆกระเป๋าเป้ของผม ผมหยิบมันขึ้นมาดู
ปาร์คเยอึน
010-XXXXXX
เห้ย นี่มันแจกเบอร์โทรกันนี่หว่า . .
ผมค่อยๆมองซ้ายมองขวาหาว่าใครเอาเบอร์มาแจก ไม่ใช่อะไร เวลาผมทิ้งผมจะได้รู้ไงว่ามีคนมองอยู่รึเปล่า ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาค่อนข้างดีส่งยิ้มมาให้ . . ผมทำหน้านิ่งใส่เธอทันที ก่อนที่จะมองไปที่ลู่หานที่กลับมานั่งที่เดิม
ถ้าลู่หานแจกเบอร์กันแบบนี้ก็คงจะดี . .
พักกลางวัน
ผมกำลังจะเดินหนีไปหาพี่แจซอกที่โทรมาบอกว่ารถจอดอยู่ข้างรั้วโรงเรียน ที่ต้องใช้คำว่าหนีก็เพราะผมโดนรุมอีกแล้ว (ลำบากอาจารย์หลายท่านมาช่วยกันแฟนๆให้อีกแล้ว) เพราะฉะนั้นผมไม่ควรกินข้าวกลางวันที่โรงเรียน ไม่ควรเลยจริงๆ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ผมคิดว่าผมไม่ควรเดินไปไหนมาไหนเวลาที่มีนักเรียนมากมายเดินเตร็ดเตร่กันอยู่เต็มโรงเรียน
ผมเลื่อนประตูรถตู้ของผม ขึ้นไปนั่ง เลื่อนปิด และก็หลับตา
“เป็นไงมั่งเซฮุน ตั้งใจเรียนบ้างมั้ย”
“ผมคิดว่า . . ผมกำลังจะตาย” ผมรำพึง และก็ดีดตัวเด้งขึ้นมากระชากแขนพี่แจซอกที่กำลังกินคิมบับอยู่ “ทายซิผมเจอใคร!”
“ใคร? ควอนจีพโยเหรอ นี่เขาตามนายมาถึงโรงเรียนเชียวเหรอ!”
ใช้อะไรคิดเนี่ย “ไม่ใช่จีพโยนูน่า . . แต่เป็นลู่หาน!”
“ลู่หาน!!!!” คิมบับที่ยังเคี้ยวไม่เสร็จถูกพ่นออกมาจากปากพี่แจซอก “อย่ามาโกหก ฉันไม่ได้เจอกับเด็กนั่นมาหลายปีแล้ว”
“ผมก็ตกใจ ทำไมผมต้องมาเจอเขาที่นี่” ผมเอามือแตะหน้าผาก “มาเจอเขาในสภาพแบบนี้ รู้มั้ย ผมกลายเป็นตัวประหลาดที่ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่ว่าผมจะไปไหนที่ไหนก็มีแต่คนรุมล้อมผม พี่แจซอก” ผมเกาะแขนพี่แจซอก ผมใช้ท่านี้เวลาที่ผมต้องการอะไรและผมก็ได้มันมาทุกครั้ง “ผมอยากคุยกับเขาอ่ะ ผมจะต้องทำไง”
“ฉันนึกว่านายลืมเด็กนั่นไปแล้วซะอีก” พี่แจซอกยังคงเคี้ยวตุ้ยๆ แต่เขาก็มีใบหน้าที่ช็อคไม่หาย
“ไม่ลืมหรอก” ผมส่ายหน้า
“เด็กนั่นเป็น . . รักครั้งแรกของนายเหรอ ?”
ผมชะงักกึก ในขณะที่พี่แจซอกก็ดูลุ้นมากมายกับคำตอบของผม
“ไม่รู้ แต่ผมอยากคุยกับเขา พี่ต้องช่วยผมนะ” ผมเขย่าแขนพี่แจซอก
“ฉันจะช่วยนายยังไง!”
“ไม่รู้ล่ะ พี่จะต้องช่วยผม” ผมพูดอย่างคนเอาแต่ใจ “และไหนอ่ะ ข้าวเที่ยงผม” ผมชอบกินข้าวน่ะ . .
“เอ้านี่” อาหารใส่กล่องอย่างดีถูกส่งมาให้พี่แจซอก “นายนี่นะ บางทีก็เห็นเรื่องกินมาก่อนตลอด”
“ก็ถ้าท้องผมว่าง ผมจะคิดอะไรไม่ออกนี่” ผมบอก
“ลู่หาน ลู่หานคนนั้นจริงๆน่ะเหรอ”
“ใช่มั้ย ผมยังอึ้ง” ผมเคี้ยวตุ้ยๆและก็พูดไปด้วย “เขาย้ายไปปักกิ่งมา เพราะงี้ไง พวกเราถึงหาเขาไม่เจอ”
“มิน่าล่ะ” พี่แจซอกลูบหนวด “เฮ้ นายเคี้ยวให้มันช้าๆหน่อยได้มั้ย”
“ผมหิว!”
“เฮ้ นั่นรอยอะไรน่ะ” พี่แจซอกเลิกแขนเสื้อของผมขึ้นมาดู . . “นายถูกข่วนเหรอ!!!!”
“ก็ . .” ผมมองดูรอยแดงที่แขนอย่างประหลาดใจ มันมีมาตั้งแต่ตอนไหน ทำไมผมไม่รู้สึกเลย
“นี่นายโดนรุมขนาดนั้นเลยเหรอ!!!”
ผมจ้องหน้าพี่แจซอก เคี้ยวข้าวไป ไม่ได้พูดอะไร . .
“ย้ายโรงเรียน!” พี่แจซอกเปิดประตูรถ ท่าทางจริงจังมาก
“เห้ย ไม่ย้าย!!!!” ผมร้องทันที “ลู่หานก็เรียนที่นี่นะ ผมไม่ย้าย!!!!!”
“นี่นายชอบเด็กนั่นจริงๆใช่มั้ยเนี่ย”
“ก็ . . อืม” ผมตัดสินใจบอกพี่แจซอก กลัวว่าเขาจะไปทำเรื่องให้ผมย้ายโรงเรียนจริงๆ “ผมไม่รู้หรอก แต่ตั้งแต่เขาเข้ามาขโมยจูบแรกของผม ผมก็หยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย . .”
“ไอ้เด็กคนนี้ . . หกปีมาแล้วเนี่ยนะ!” แต่ท่าทางพี่แจซอกไม่ค่อยอึ้งเท่าไหร่ “ฉันไม่ค่อยประหลาดใจหรอก ลู่หานนั่นหน้าตามันสวยเกินผู้หญิงจริงๆ ถ้าฉันโดนจูบบ้างฉันก็คงไม่ลืม”
“อย่าแม้แต่จะคิด” ผมใช้ตะเกียบขู่พี่แจซอก
“เอาเถอะ .. อย่าเพิ่งพูดเรื่องลู่หานเลย พูดเรื่องนายก่อนดีกว่า นายมันฮอตมากเหลือเกินในช่วงนี้ และก็ถ้าอยู่คนเดียวจะอันตรายมากด้วย ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง”
“อะไรเหรอ”
“…อะไรก็ได้ที่ทำให้นายปลอดภัย”
คาบบ่าย . .
ผมนั่งหน้าฟุบลงกับโต๊ะ ฟังประวัติศาสตร์เกาหลีจากอาจารย์คิมยูฮัน ท่าทางอาจารย์จะไม่ถือสาอะไรผมหรือไม่ก็เพราะมีหลังของคนตั้งใจเรียนคนหนึ่งคอยบังให้ผมอยู่ก็เป็นได้ ผมมองไปที่แผ่นหลังนั้นอย่างสุขใจ เขาคนนี้แหละ จะกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยากมาเรียนทุกวันเท่าที่จะทำได้ เพราะผมไม่รู้เลยว่าอนาคตตารางงานของผมนั้นจะยุ่งมากมายแค่ไหน
“หายไปไหน”
ผมได้ยินเสียงลู่หานพูด เขาค้นหาของในกระเป๋าอย่างจริงจัง ผมจึงเลิกฟุบและก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง มองดูลู่หานหาของอย่างอยากรู้ว่าเขาต้องการหาอะไรจะได้หาช่วย แต่ลู่หานก็ไม่ถามอะไรหรือพูดอะไรกับผมสักคำ
ลู่หานหันมาเพื่อจะหาของ แม่เจ้า ผมนั่งอึ้ง มองดูความสวยที่ผมไม่ได้เห็นมาเนิ่นนานอย่างเผลอไผล จนกระทั่งลู่หานหยุดสายตาลงมาที่พวงกุญแจตุ๊กตากวางที่วางอยู่ข้างๆกล่องดินสอของผม ผมจำได้ว่าแฟนคลับรุ่นป้าคนหนึ่งให้ผมเอาไว้ . . เธอตามผมไปทุกงาน ผมนับถือเธอเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของผม
และจู่ๆลู่หานก็ฉกพวงกุญแจอันนั้นไปเฉยพร้อมๆกับทำหน้าโกรธจัดใส่ผม . . อะไรหว่า . . เขาทำเหมือนผมกำลังขโมยของของเค้าอยู่ยังไงยังงั้นแหละ
ลู่หานฉกชิงเจ้ากวางกลับไปพร้อมๆกับทำหน้าถมึงทึง ส่วนผมได้แต่มองดูเจ้ากวางของผมหายไปต่อหน้าต่อตา
“เห้ย อะไรน่ะ” ไม่อยากจะเชื่อว่าคำแรกที่ผมพูดกับลู่หานคือ เห้ย อะไรน่ะ . .
“อย่ามายุ่งกับของๆคนอื่นได้มั้ย” ลู่หานหันมาตวาด “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของนาย”
อึ้งไปเลยจ้ะ . . นี่ผมทำอะไรผิด ผมคิดอย่างงงๆแต่ก็ไม่กล้าโวยวายอะไรมาก เพราะอาจารย์คิมยูฮันจ้องผมกับลู่หานเขม็ง อีกไม่นานออดก็จะดังไว้ค่อยถามความจริงเอาตอนนั้นดีกว่า
และแล้วออดก็ดัง . .
ทันทีที่ออดดังผมก็โดนลู่หานเดินมากระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้นยืน ผมทั้งตื่นตกใจทั้งงงงันไปในคราวเดียวกัน
“อย่ามายุ่งกับของๆคนอื่น เข้าใจมั้ย”
นี่ผมงงจริงๆนะ “ฉันไปยุ่งกับของๆนายตอนไหน”
“ก็เจ้านี่” ลู่หานจะยกพวงกุญแจตุ๊กตากวางของผมขึ้นมา แต่ดันไปเห็นสายตาของคนทั้งห้องที่กำลังมองมา บางคนเริ่มจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมเลยลากลู่หานไปคุยกันข้างนอกห้องทันที อันที่จริงผมลากไปที่ห้องน้ำเลยแหละ ไม่ใช่อะไร ผมไม่ควรมีเรื่องตั้งแต่เปิดเรียนวันแรก พี่แจซอกจะบ่นผมจนหูชา ซึ่งผมเบื่อหน่ายเอามากๆ
ดีที่ลู่หานยอมตามมา เพราะการทะเลาะกันเรื่องตุ๊กตากวาง คนอื่นจะมองว่าเด็กเอาได้..
“นายจะวิเศษวิโสมาจากไหนก็ช่างฉันไม่สน ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของรักของหวง” ลู่หานตวาดใส่ผมทันที
นี่ผมบ้ารึเปล่า . . ทำไมผมกำลังมองคนที่กำลังโวยวายด้วยความโกรธตรงหน้านี่ว่าเขาน่ารักล่ะ . . เป็นคนหวงของเหรอ นี่ถ้าได้คบกัน คงขี้หึงเป็นแน่แท้
“จ้องไร” ลู่หานทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “อย่าให้มีเป็นครั้งที่สองนะ”
เขาผลักผมเบาๆแล้วเดินจากไป . . ผมหลุดขำพรืดออกมา หัวเราะท่าทางของคนที่หวงของขั้นโอเวอร์ อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้คุยกับผมแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะเลวร้ายไปสักหน่อยก็เถอะ
ผมเดินล้วงกระเป๋าเสื้อออกมาจากห้องน้ำ สักพักผมก็เห็นพวงกุญแจตุ๊กตากวางตัวหนึ่งตกอยู่ข้างๆกระถางต้นไม้ . .
นอกจากเป็นคนหวงของแล้ว เขายังเป็นคนซุ่มซ่ามทำของตกแล้วไม่รู้ตัวอีกด้วย
ผมหยิบกวางตัวนั้นขึ้นมายัดใส่กระเป๋าอย่างสุขใจ . . นึกขอบคุณคุณป้าที่ซื้อพวงกุญแจตุ๊กตากวางที่เหมือนกับเปี๊ยบกับของลู่หานมาให้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ . . ลู่หานคงไม่มีวันคุยกับผมแน่ๆ
ผมกับลู่หานมีพวงกุญแจตุ๊กตากวางคู่กันมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย . .
โทรศัพท์ของผมสั่นทันทีที่ผมเลิกเรียน แน่นอนว่าเป็นเบอร์ของพี่แจซอกที่โทรมาตั้งนานแล้วแต่ผมเพิ่งว่างจะรับ พี่แจซอกบอกว่าอีกสองชั่วโมงงานจะเริ่มผมควรแวะไปแต่งตัวที่ร้านสปอนเซอร์ของผมก่อน ผมยัดโทรศัพท์คืนใส่กระเป๋า หยิบเป้ขึ้นมาลังเลว่าจะออกไปเลยดีหรือเปล่า เพราะลู่หานเองก็เก็บของอยู่ ตอนนี้มีนักเรียนหญิงหลายชั้นปีหลายคนมารอผมที่หน้าประตูแล้ว แต่ผมไม่สนพวกเธอ
“เฮ้อ . . วุ่นวายอีกแล้ว” ได้ยินเสียงลู่หานบ่น เขาถอนหายใจพรืด เมื่อเห็นคนจำนวนมากแย่งกันส่องผม ผมเกาหัว กลืนน้ำลาย อยากชวนคุย แต่ไม่รู้จะชวนคุยยังไง ลู่หานเดินผ่านหน้าผมไปพร้อมๆกับเพื่อนใหม่อีกสองสามคน พวกเขาพยายามออกไปจากห้อง จนในที่สุดพวกเขาก็ทำได้ . .
ทิ้งกันซะอย่างนั้น TT
ผมกำลังคิดว่าผมจะเอายังไงดี กระโดดออกทางหน้าต่างดีหรือเปล่า แต่อีกไม่นานงานผมก็จะเริ่มแล้ว ผมควรรีบออกไปจากที่นี่ซะ
“ขอโทษนะครับ . .ขอทางหน่อยนะ” ผมพูดดีๆ ตอนที่ผมออกไปยืนที่หน้าประตู พวกเธอขวางทางกันแบบสุดๆ . . ทันใดนั้นก็มีความเคลื่อนไหว คือทุกคนเริ่มกรูกันเข้ามา และก็เริ่มแย่งกันพูด
“อปป้า ฉันรักคุณนะ”
“อปป้าหล่อมากเลยยยย TT”
“เซฮุนน่า ผิวนายสวยมากกกกก”
“ตัวหอมจังงงงงงง”
“เซ็นที่ก้นให้ฉันด้วยนะเซฮุน!!!”
เสียงดังระงมไปหมด ในขณะที่ผมพยายามดันตัวเองออกไปจากวงล้อม ตอนนี้ผมรู้สึกคิดถึงพี่แจซอกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใครก็ได้ ช่วยผมที ผมอยากออกไปจากตรงนี้ . .
“ทางนี้ โอเซฮุน”
ผมโดนคนหนึ่งบอกทางผมพร้อมๆกับดึงผม และก็โดนใครอีกหลายคนช่วยกันดันแฟนๆร่วมโรงเรียนของผมให้ออกไปเพื่อที่ผมจะมีทางเดินได้ พวกนี้เป็นคนดีอะไรเช่นนี้ . . ท่าทางผมกำลังจะมีเพื่อนแฮะ
“เข้าไปในหลบในนั้นก่อน”
คนหนึ่งบอกผม ผมพยักหน้ารับ พวกเขาคงจะจัดการจัดระเบียบคนตรงหน้าห้องอยู่กระมัง . .
ผ่านไปสักสิบนาทีที่เสียงเงียบลง หลังจากนั้น . . พวกที่ช่วยกันคนให้ผมก็เข้ามา พวกนั้นมีประมาณหกคน
“ขอบใจนะ” ผมบอก ตบบ่าพวกนั้นแปะๆ ทำท่าจะเดินหนีไปเพราะเกรงว่าจะไม่ทันเวลางาน ไว้ค่อยเลี้ยงต็อกโบกีพวกนี้ทีหลังละกัน
“จะไปไหน” ผมโดนคว้าไหล่ฉับ คนพูดท่าทางจะเป็นผู้นำของแก๊งนี้ “ฉันไม่เคยคิดจะช่วยดาราอย่างนายหรอกนะ”
จากที่เล่นละครมาหลายเรื่อง ไอ้พวกนี้ไม่ได้มาดีชัวร์ ทำไมต้องแกล้งทำดีมาช่วยผมในตอนแรกด้วยฟะ “ถอยไปซะ ฉันรีบ” ผมบอกอย่างใจเย็น
“นายมายุ่งกับแฟนของคนอื่นได้ยังไง!” ผมโดนผลัก กระทบผนังห้องน้ำอย่างจัง “ปาร์คเยอึน เธอเป็นแฟนของฉัน!!!!”
ใครวะ . . ใครคือปาร์คเยอึน ?
“ฉันไม่รู้จักยัยนั่น”
“เธอให้เบอร์โทรนาย! นายคิดว่าเป็นดาราแล้วจะยุ่งกับของๆใครก็ได้งั้นเรอะ!” ผมโดนผลักอีกแล้ว คราวนี้เจ็บกว่าเดิมเพราะหมอนั่นท่าทางจะโกรธกว่าเดิม
ตอนนี้โทรศัพท์ของผมแผดเสียงลั่นจนจะระเบิด . . พี่แจซอกคงต้องเป็นบ้าตายไปแล้วแน่ๆถ้าผมไม่โผล่ไปหาพี่เขาเสียตั้งแต่ตอนนี้
“เอะอะโวยวายอะไรกัน”
ลู่หาน ? . . ลู่หานมาทำอะไรที่นี่น่ะ . . และโผล่มาทำไมในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
“พวกนายจะทำอะไร” ยังจะถามอีกนะ - -
“มีพรรคพวกแค่นี้เองเหรอ โอเซฮุน” เจ้านั่นยิ้มย่อง ผมกลอกตา . . ลู่หานไม่น่ามาที่นี่เลยจริงๆ
“จะปล่อยไปดีๆมั้ย” ผมถามอย่างใจเย็น
“ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองกำลังจะตาย”
“นายพูดคำนั้นกับตัวเองเถอะ”
โชคดีที่ตอนเรียนคลาสการแสดงมีการสอนวิชาบู๊ให้ผมด้วย ทั้งเทควันโด ยูโด และมวยไทย เอาที่ใช้มือก่อน เพราะถ้าจะให้พูดจริงๆผมมีเรียนฟันดาบด้วย ค่ายของพี่แจซอกนักแสดงจะต้องพร้อมทุกบทบาทการแสดง และวันนี้ก็โชคดีที่ผมได้เอาวิชาเหล่านั้นมาใช้ในชีวิตจริง พวกนั้นล้มลงไปทีละหนึ่ง และที่แย่ไปกว่านั้นคือพวกมันต้องการที่จะทำร้ายลู่หานด้วย
ข้ามศพผมไปก่อนเถอะ . .
ลู่หานดูอึ้งกับฝีมือของผม เมื่อจัดการให้พวกนั้นล้มมากพอผมก็ลากข้อมือลู่หานหนีออกมาจากห้องน้ำ ก่อนที่พวกนั้นจะวิ่งไล่ตามมาราวกับหมาที่โดนผมขโมยกระดูกชิ้นสำคัญ กัดไม่เลิกจริงๆ . .
“เห้ย ปล่อย!” ลู่หานร้อง
“จะอยู่นิ่งๆให้พวกนั้นทำร้ายรึไง!”
“พวกนั้นจะทำร้ายนาย ไม่ใช่ฉัน!”
“ตอนนี้นายโดนหางเลขไปกับฉันแล้ว อยู่กับฉันเถอะ ถ้านายอยากปลอดภัย!”
ผมร้องบอก ลู่หานดูจะอึ้งๆไปสักนิด คงไม่คิดว่าผมจะเป็นคนที่สู้คนเป็นล่ะมั้ง ก็ตอนที่เขาโวยวายเรื่องตุ๊กตาของเขาผมยังไม่โวยวายใส่เขากลับเลยนี่นา ผมพาลู่หานวิ่งข้ามสนาม วิ่ง วิ่ง และก็วิ่ง โชคดีที่ไม่ค่อยมีนักเรียนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จะยิ่งวุ่นวายไปมากกว่านี้
ผมเห็นพี่แจซอกกระโดดเร่าๆเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกอยู่ข้างหน้ารถตู้ ผมบอกให้พี่เขาไปขึ้นไปรอขับรถเลย จากนั้นผมก็เปิดประตูให้ลู่หานเข้าไปนั่ง และผมก็เข้าไปนั่งตาม และผมก็ปิดประตู
“นี่มันอะไรกัน!” ลู่หานโวยวาย “พี่ชายข้างบ้านใช่มั้ย” เขาทักพี่แจซอกอย่างงงๆ
“เอ่อ ที่จริงฉันก็งงเหมือนกันนะ” พี่แจซอกรำพึง
“เอาไว้ทีหลังเถอะ มันจะตามมาแล้ว ออกรถเลยพี่!!!” ผมร้อง ในเวลาแบบนี้เอาไว้รื้อฟื้นความหลังกันวันหลังนะ
พี่แจซอกเหมือนจะรู้ใจผมเป็นอย่างดี เขาบึ่งรถออกไปทันที ทิ้งให้เด็กมอปลายหกคนยืนหอบอยู่ข้างหลัง เพราะไม่สามารถวิ่งตามรถตู้ทันได้
“วันแรกก็มีเรื่องเลยเหรอ โอเซฮุน”
“ผมไม่รู้ พวกนั้นหาว่าผมแย่งแฟนเจ้าบ้านั่น”
ลู่หานมองผมอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง อารมณ์ประมาณว่า . . นอกจากนายจะแย่งตุ๊กตากวางของฉันแล้ว นายยังแย่งแฟนของคนอื่นอีกด้วยเหรอ . .
ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็ฆ่ากันเลยดีกว่า TT
“เหลือเวลาเท่าไหร่พี่แจซอก” ผมถาม ถอดเป้ที่สะพายออก โยนทิ้งไปเบาะหลังที่มีเสื้อผ้าห้อยระโยงรยางค์อยู่เต็มไปหมด ที่จริงก็มีของแทบจะทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวผมนั่นแหละ
“ไม่อยากจะเชื่อว่านายมีเวลาแต่งตัวแค่ครึ่งชั่วโมง!”
“ว่าไงนะ” ผมร้องเสียงหลง
“จากตรงนี้ไปที่งานรถจะติดมาก เพราะเขาพากันแห่มาดูนายยังไงล่ะ”
“ผมจะบ้าตาย”
“โชคดีที่ฉันเพิ่งไปเอาสูทมาจากร้าน นายช่วยเปลี่ยนมันเร็วๆด้วยนะ!”
“ก็ได้ๆๆ”
ลู่หานดูจะงุนงงกับบทสนทนาของผมกับพี่แจซอก เขาดูงงตั้งแต่ที่ตัดสินใจกลับเข้ามาในโรงเรียนทั้งๆที่ควรจะกลับบ้านไปแล้วนั่นแหละ ผมค่อยๆถอดรองเท้า ถุงเท้า เสื้อคลุมตัวนอก และก็เสื้อเชิ้ต จะเขินก็เขินอยู่แต่เวลามันมีไม่มากแล้วจริงๆ
“ลู่หาน นายดูไม่ค่อยเปลี่ยนไปเลยนะ” พี่แจซอกชวนคุย ขอบคุณมากเลยไม่อย่างนั้นล่ะก็เขาคงต้องเห็นร่างเปลือยเปล่าในเวลาอันรีบเร่งของผมแน่ๆ ผมหยิบชุดสูทมาและก็ใส่ ใส่ ใส่ “นายไม่บอกฉันสักคำตอนที่นายจะย้ายไป”
“มันเร่งด่วนน่ะครับ” ลู่หานตอบ “ขอโทษนะครับพี่ชายข้างบ้าน”
“เอาเถอะ นายกลับมาเกาหลีก็ดีแล้ว” พี่แจซอกพูด “คุณยายกับน้องสบายดีใช่มั้ย” ผมถลึงตาไปมองพี่แจซอก ราวกับต้องการต่อว่าว่าทำไมไม่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง พี่แจซอกยักไหล่ตอบกลับมา
“คุณยายก็เรื่อยๆน่ะครับ และตอนนี้ลู่ถิงเธอกำลังจะขึ้นเรียนชั้นมอสองแล้วครับ”
“ดีจังเลยนะ”
“แต่ยังไงก็เถอะ นี่มันอะไรกันครับ ปล่อยผมลงข้างทางได้มั้ย พี่กำลังจะไปไหน” ลู่หานถามอย่างงงงันเอามากๆ
“ไม่ได้หรอกลู่หาน โทษทีนะ พี่รีบเอามากๆจริงๆ ไปด้วยกันนี่แหละ”
“แต่ผมจะไปทำงานสายเอานะครับ”
“เซฮุนจะรับผิดชอบเอง” พี่แจซอกโบ้ยมาตอนที่ผมกำลังติดกระดุมเสร็จ และลู่หานก็หันกลับมามองพอดี ผมใจเต้นตึกๆ พยายามสนใจกับการแต่งตัวของตัวเองต่อ
“เจ้านี่ . . เป็นใครเหรอครับ ทำไมถึงได้ทำคนอื่นเขาวุ่นวายกันไปหมดเลย” ถามอย่างกับผมไม่มีตัวตนอยู่บนรถยังไงยังงั้น . .
“ลองไปด้วยกันดูสิ แล้วนายก็จะรู้เอง”
ดูเหมือนลู่หานจะไม่มีทางเลือก เขามองผมอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดอะไรพี่แจซอกอยู่ดี
งานเปิดตัวน้ำส้มที่ผมเป็นพรีเซนเตอร์ . .
ผมส่องกระจกดูเงาตัวเองอย่างไม่แน่ใจ ตอนนี้ผมอยู่ในชุดสูทเรียบๆ เซ็ทผมเรียบๆ และก็แต่งหน้าเรียบๆ การทำอะไรแบบนี้คือจะทำเฉพาะงานที่ค่อนข้างไม่เป็นทางการเท่านั้น แต่นี่คืองานเป็นทางการเอามากๆ และผมก็มีปัญญาแต่งได้เท่านี้ ไม่รู้มันจะออกมาดูดีมากมั้ย
“อา เซฮุนน่า นายพร้อมหรือยัง” พี่แจซอกหันมาถาม เขาแจกป้ายสตาฟฟ์ให้ลู่หานไปห้อยคอด้วย
ผมกลืนน้ำลาย . . ถ้าไม่มีลู่หาน ผมคงจะใจกล้าและก็กร้านในโลกมายามากกว่านี้ แต่พอมีลู่หาน ทุกสิ่งทุกอย่างดูยากขึ้นและก็น่าตื่นเต้นขึ้น
“อืม . . พร้อมก็ได้”
“ลู่หานนายช่วยจับเสื้อเซฮุนตรงนั้นหน่อย ดูจะไม่ค่อยเข้าที่น่ะ” พี่แจซอกบอกลู่หาน ผมทำหน้างงมองดูเสื้อตัวเองก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา ลับหลังลู่หานพี่แจซอกขยิบตาให้ผม
ลู่หานทำหน้าเหมือนโดนบังคับ แต่ก็เข้ามาดูเสื้อของผมให้อยู่ดี มีการจัดเสื้อให้ผมนิดหน่อยด้วยนะ โอ้ย . . หัวใจผมจะระเบิด . . ทำไมมองใกล้ๆแล้วน่ารักขนาดนี้ล่ะ . .
“เซฮุน ตั้งสติ พี่จะพาเข้าไปในงานแล้ว”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้า . . และพี่แจซอกก็ลงมาเปิดประตูให้
มันเป็นเพียงแค่ลานจอดรถเท่านั้น ลู่หานเดินตามผมมาอย่างเก้ๆกังๆ น่าสงสารเขาที่จู่ๆก็ตกกระไดพลอยโจรมากับผมจนถึงตอนนี้ ผมอยากให้กำลังใจเขา อยากบอกเขาว่าไม่เป็นไร แต่ผมก็พูดไม่ได้ . .
เพราะตอนนี้ผมมาหยุดยืนอยู่บนพรมแดง และแสงแฟลชนับล้านก็สาดเข้ามาใส่ผมแล้ว . .
ผมโบกมือ ยิ้ม ทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ . . แต่ครั้งนี้ดูจะต่างออกไปเพราะมีคนที่ผมห่วงใยตามผมมาข้างหลังด้วยและก็ตามพี่แจซอกไปยืนอยู่หลังเวทีราวกับเป็นผู้ช่วยของผมคนหนึ่ง
ผมมองเขา . . และเขาก็กำลังมองผม
ผมมองเขาได้ไม่นานก็ต้องหันกลับมาทำงาน . . เสียงกรีดร้องดังระงม เป็นสัญญาณบอกว่าผู้ชายวัยสิบเจ็ดที่ชื่อโอเซฮุนกำลังรุ่ง รุ่งเอามากๆ . .
แม้จะอยู่ในเวลางานที่มีแฟนๆและก็กล้องจากสื่อต่างๆสาดเข้ามาใส่ผม แต่วันนี้ผมยอมรับจริงๆว่าใจของผมน่ะ . . อยู่ข้างๆเวที และอยู่ข้างๆพี่แจซอกมากกว่า
วันนี้ผมไม่มีสมาธิเลย . .
“อา แสบตามากเลยใช่มั้ย คนถ่ายรูปเซฮุนเยอะแยะเลย”
“…”
“เป็นไรไปลู่หาน ทำไมเงียบไปล่ะ”
“หมอนั่น . . เป็นดาราเหรอครับ”
“อื้อ โอเซฮุนเป็นดารานักแสดงวัยรุ่นที่ฮอตที่สุดในวงการเกาหลีใต้ตอนนี้”
“…”
“อยู่ที่โรงเรียนนายก็เห็นใช่มั้ยว่าหมอนั่นฮอตขนาดไหน”
“ผมนึกว่าเขาเป็นแค่คนหล่อคนหนึ่งเฉยๆ ไม่คิดว่าจะเป็นดาราที่ดังขนาดนี้”
“ดีแล้วล่ะที่นายคิดแบบนั้น หมอนั่นคงไม่อยากให้นายคิดว่าเขาเป็นดาราที่ดังเอามากๆหรอก”
“…”
“ฉันมีเรื่องจะรบกวนนาย”
“พี่อย่าลืมสัญญาที่ว่าจะไปส่งผมที่ทำงานหลังเสร็จงานนะครับ”
“เรื่องนั้นฉันไม่ลืม แต่ฉันมีเรื่องจะรบกวนนายลู่หาน”
“อะไรเหรอครับ”
“นายสนใจ . . จะเป็นผู้จัดการของโอเซฮุนมั้ย”
:) Shalunla
ความคิดเห็น