ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frawteer ดินแดนแห่งสุดท้ายของผู้ลี้ภัย

    ลำดับตอนที่ #9 : นักเดินทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 43
      1
      30 มี.ค. 56


     
     
     
     
     
         นับตั้งแต่ออกจากร้านอาวุธมา ชิเอลทำได้เพียงแค่เดินตามร่างสูงที่อยู่เบื้องหน้าไปเรื่อยๆเท่านั้นเพราะไม่ว่าจะถามอะไรก็ไม่ได้รับคำตอบใดกลับมาเลย
     
         กระทั่งเวลานี้ ยามที่แสงของอัสดงนั้นใกล้ลาลับเส้นขอบฟ้านั้นไป ชิเอลก็หวนคิดถึงอีกคนนึง 'จิซาล' คนที่ถามอะไรไปแล้วแทบไม่ได้รับคำตอบกลับมา คนที่หายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่น้อย ชิเอลเริ่มจมเข้าสู่ห้วงความคิดของตนเองจนคนที่อยู่ด้านหน้าเริ่มผิดสังเกตที่เสียงที่เคยถามตนมาตลอดทางนั้นเงียบลง จึงหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองอีกร่าง ดวงตาสีมรกตที่เคยสุกใสนั้นเหม่อลอยไม่รับรู้ถึงการหยุดนิ่งของตนเลยแม้แต่น้อย
     
    ปึ๊ก!
     
         เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตเงยหน้าขึ้นมองอีกคนหยุดโดยไม่บอกกล่าวสิ่งใดจนเป็นสาเหตุให้หน้าหวานของตนชนเข้ากับแผงอกของอีกฝ่าย 'มันเจ็บนะ' ชิเอลคิดในใจแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกไปเพียงแค่สบกับสายตาของอีกฝ่ายอย่างตรงๆ
     
         แต่แล้วก็ต้องผงะเพราะดวงตาสีอเมทิสที่เมื่อครู่นั้นเหม่อลอยกลับเริ่มทอประกายบางอย่างราวกับว่ามีสิ่งใดอยู่เจือบนไปกับความรู้สึกผิด
     
    " ฟราน คุณเป็นอะไรรึเปล่า? " ร่างเล็กของชิเอลเอียงคอมองอย่างสงสัยพร้อมยกมือทาบบนศีรษะของร่างสูง " ตัวก็ไม่ร้อนนี่ครับ "
     
    " คือ... "
     
    " หืมมม " ชิเอลครางอย่างสงสัยเพราะดวงตาสีอเมทิสนั่นกำลังทอแววประหลาดเหมือนกับว่ากำลังรู้สึกผิด
     
    " ฉันขอโทษ ที่อารมณ์ไม่ดีแล้วมาพาลใส่ " ฟรานเสมองไปทางอื่นทันทีหลังจากที่พูดจบ
     
         ชิเอลมองร่างสูงของฟรานก่อนจะปรากฎรอยยิ้มบางบนใบหน้าและเร็วกว่าที่คิด เมื่อมือเรียวเอื้อมไปดึงแก้มทั้งสองข้างของคนที่อยู่ตรงหน้า
     
    ...'เหมือน เหมือนมาก'...
     
    " อี้! อันเอ็บอ่ะอุ่มอ๊อย(นี่! มันเจ็บนะหนุ่มน้อย) "
     
         อีกครั้งที่ปรากฎภาพของใครอีกคนทับซ้อนขึ้นมา อีกคนที่มักจะปัดมือออกทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้แต่คนตรงหน้านี่กลับไม่ ไม่มีการปัดป้องหรือท่าทีรำคาญเพราะเขาไม่ใช่
     
    ...'ไม่ใช่'...
     
         นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกอย่างหวาดกลัวเมื่อนึกถึงอีกบุคคลที่หายไป จนทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจ้าหนุ่มหน้าหวานกลับปล่อยโฮออกมาซะกลางลานน้ำพุที่มีคนพลุกพล่าน ทั้งยังเสียงสะอื้นแบบไม่แคร์โลกของเจ้าตัวที่เรียกให้ชาวดราโก้มุงดูอย่างสนใจจนฟรานนั้นต้องรีบปลอบ
     
    " ฉะ ฉันขอโทษหนุ่มน้อย อะ อย่าร้องนะ " เจ้าคนที่โดนสายตาประนามเองก็ปลอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ส่วนอีกคนที่ร้องก็ยังคงร้องต่อไปโดยไม่สนใจอะไร
     
    " แงงง ฮะ ฮึก ฮือออ " ชิเอลร้องออกมาอย่างสุดจะกลั้นทั้งชีวิตมาไม่เคยต้องอยู่คนเดียวเพราะมีทั้งโรลและจิซาลอยู่ตลอดแต่ตอนนี้เค้าอยู่คนเดียวแล้วจริงๆ
     
         บางทีอาจเป็นอาการโฮมซิกแบบดีเลย์ก็เป็นได้
     
         ฟรานใช้เวลาปลอบอยู่นานกว่าชิเอลจะสงบลงโดยที่เจ้าคนปลอบนั้นยังไม่รู้เลยว่าเจ้าคนที่ร้องโฮออกมานั้นไม่ใช่เรื่องของตนเลย " เอานะ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว "
     
         ฟรานได้แต่เอ่ยเสียงอ่อยมองชิเอลที่ก้มหน้าอยู่แต่อยู่ดีๆร่างนั้นก็เงยขึ้นมาจนเห็นดวงตาสีมรกตที่แดงก่ำเพราะการร้องให้ไปเมื่อสักครู่ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยคำถามแปลกๆที่ฟรานนั้นไม่เข้าใจแต่ก็ไม่สนใจนอกจากตอบไปเพราะกลัวคนตรงหน้าจะร้องออกมาอีก
     
    " คุณจะไม่หายไปใช่มั้ย "
     
    " หืม? "
     
    " ฟราน คุณจะไม่ทิ้งผมไปใช่มั้ย ฮึก "
     
    " อะ อืม " ฟรานรีบตอบไปทันทีเพราะคนตรงหน้าเริ่มจะร้องออกมาอีกรอบ
     
    " สัญญาแล้วนะ! "
     
    " สัญญาสิ สัญญา "
     
         สิ้นเสียงรับปากปากฟรานก็จูงอีกร่างหนึ่งเพื่อเดินไปยังร้านข้างหน้าโดยไม่ได้สังเกตอะไรเลยว่าคนด้านหลังกำลังมีสีหน้าแปลก หรือแม้กระทั่งเงาสีดำทมิฬที่โพล่พ้นต้นไม้ใหญ่ด้านหลังของทั้งคู่ออกมากำลังใช้ดวงตาสีแดงก่ำจ้องมองทั้งคู่ราวกับต้องการให้มอดไหม้เสียซะตรงนั้น!!!
     
     
     
     
     
     
    " ฮู้วววว อิ่มสุดๆ! "
     
         ฟรานพูดพร้อมกับยกมือลูบท้องตัวเองไปมาหลังจากที่เดินออกมาจากร้านอาหารชื่อดังในตัวเมืองดราโก้ ซึ่งรสชาติอาหารนั้นก็สมความเล่่าลือคุ้มค่ากับการต่อคิวอันยาวเหยียดโดยเฉพาะฟรานเมื่อเจ้าตัวเล่นกวาดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าปากไม่เลือก ไม่สนแม้กระทั่งสายตาจากคนรอบด้านและยังทำถ้าจะสั่งเพิ่มแต่โชคดีที่เจ้่าของร้านไล่ออกมาเพราะเห็นใจลูกค้าคนอื่นที่มารอหรืออีกนัยคือปล่อยไว้มันคงกินเรียบทั้งร้าน " หนุ่มน้อยนะ หนุ่มน้อย "
     
    " ร้านชื่อดังที่ต้องคิวรอนานขนาดนี้ ถึงเวลาก็ต้องฟาดให้คุ้มกับที่ยืนรอสิ " ไม่พูดเปล่าร่างสูงของฟรานยังทำท่าทางประกอบให้อีกด้วย
     
         ชิเอลที่เดินอยู่ไม่ห่างกันนักได้แต่ถอนหายใจในความโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนมาก ทั้งท้องถนนตอนนี้ที่แสงจากตะวันใกล้จะหมดไปทุกทีชวนให้บรรยากาศดูวังเวงจนร่างบางต้องห่อไหล่ด้วยความไม่ชอบใจเท่าไร
     
         ฟรานหยุดลงที่หน้าปติมากรรมทรงประหลาดที่เขียนว่า 'нфтег щаъбе'
    ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโดยไม่ลืมที่จะเรียกชิเอลให้เดินตามเข้าไปด้วย
     
         อีกครั้งที่ชิเอลต้องเบิกดวงตาสีมรกตที่โตอยู่แล้วให้โตยิ่งกว่าเดิมเพราะไอ้ปติมากรรมทรงประที่ด้านนอกมีขนาดแค่ราวๆสิบหกฟุดแต่พอเข้ามาด้นในกลับเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งดูยังไงๆก็เกินสิบหกฟุตได้ประมาณสามสิบเท่าเพราะเมื่อร่างเล็กลองกระโดดของมองรอบด้าน(เพราะเตี้ย) ก็ต้องตกตะลึงเมื่อสถานที่แห่งนี้กว้างพอๆกับสนามหลวงที่เคยไปนั่งเล่นเลยก็ว่าได้
     
         ทุกความตกตะลึงทุกหยุดลงเมื่อฟรานลากข้อมือบางของตนฝ่าฝูงชนออกไปอีกด้านหนึ่งก่อนจะเจอที่ที่ดูเหมือน ลอบบี้???
     
    " กี่ห้องคะ? " ผู้หญิงตัวสีฟ้าเดินเข้ามาถามชิเอลที่เหวอรับประทานจนฟรานต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
     
    " ห้องเดียวละกัน "
     
         ฟรานตอบไปก่อนจะหันกลับมามองชิเอลที่ยังคงสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยท่าทีราวกับเด็กที่ตื่นตาไปกับสิ่งต่างๆรอบตัว 
     
    " ไม่ทราบว่า เตียงเดี่ยวหรือ คู่? " พนักงานสาวตัวฟ้าหยุดมือที่กำลังจิ้มบนหน้าจอโปร่งแสงเพื่อถาม
     
    " เดี่ยว "
     
    " เดี่ยวหนึ่งห้องนะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ "
     
         หลังจากที่พนักงานสาวตัวฟ้าออกเดินนำหน้าไป ฟรานก็ออกตัวเดินโดยที่ไม่ลืมลากอีกคนมาด้วย
     
         หลังจากผ่านฝูงชนมาชิเอลก็พบว่าบรรยากาศรอบตัวนั้นเริ่มสงบลงอีกครั้งก่อนจะหยุดลงหน้าซุ้มใหญ่ที่มีอักษรสีทองด้านบนเหมือนกับที่แรกที่เห็นและตามด้วย 'пч'
     
         พนักงานสาวตัวฟ้าหยุดเดินแล้ววาดมือตรงอากาศบริเวณซุ้มประตู ชิเอลมองการกะทำนั้นด้วยความข้องใจว่าเพื่ออะไร แต่อยู่ดีๆที่ที่พนักงานวาดมือไปก็ปรากฎเป็นหน้าต่างโปร่งแสงขนาดคงพอๆกับแมคบุคสิบเอ็ดนิ้วก่อนจะจิ้มจึกจึกบนหน้าจอหน้าสองสามครั้งแล้วผายมือทางซุ้มประดูราวกับจะให้เดินไป 
     
         ฟรานลากชิเอลที่กำลังงงไปทางประตูตรงหน้า ก่อนจะหันมาขอบใจพนักงานที่นำทางมาให้แล้วหันมายิ้มให้ชิเอลน้อยๆ
     
    " ห้อง IIV นะคะ have great rest "
     
       เธอหันมายิ้มให้อีกครั้งก้อนหันกลับไปกดหน้่าต่างโปร่งแสงนั่นอีกครั้ง ชิเอลรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงวูบหนึ่งแต่พอลืมตามาอีกทีก็พบว่าด้านหน้าเป็นประตู
     
    ' IIV '
     
         ฟรานเอื้อมมือไปเปิดประตูสีน้ำเงินใหญ่ตรงหน้าก่อนจะพลักชิเอลเข้าไปด้านในของห้องนั้น (0.0!!!) 
     
     
     
     
     
     
         ภายในห้องสีทึมมีเตียงขนาดพอดีตัวอยู่สองเตียง ฟรานเดินนำเข้าไปก่อนจะทิ้งตัวลงที่เตียงติดกำแพง ชิเอลจึงต้องเดินไปอีกเตียงที่ติดอยู่ริมหน้าต่างอย่างไม่มีสิทธิ์เลือก หลังจากล้มตัวลงนอนร่างบางของชิเอลก็บิดไปมาบนเตียงนุ่มแม้จะเทียบไม่ได้กับเมื่อก่อนแต่สำหรับตอนนี้แค่นี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว
     
         นัยน์ตาสีอเมทิสที่ทอประกายราวกับซ่อนเร้นบางสิ่งไว้ภายใน เจ้าของดวงตาทอดสายตาไปมองอีกร่างที่เกลือกกลิ้งบนเตียงสีขาวบริสุทธ์อย่างไร้เดียงสาก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบางสิ่งที่คิดไว้ออกไป
     
    " หนุ่มน้อย "
     
         ชิเอลผงกหัวขึ้นมาตามเสียงเรียกที่เหนือนกับจะกลายเป็นอีกชื่อหนึ่งของตนไปเสียแล้วก่อนจะส่งสายตาที่เป็นราวกับจะถามว่า 'มีอะไร'
     
    " เดิมทีกฎของทั้งมาเทลและอิเดโก้ที่ถูกบัญญัติขึ้นมาเป็นยิ่งกว่ากฎหมายที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้งและมีมานาน กฎนั้นเขียนเอาไว้ว่า
         หากพบผู้ใดที่ไม่ใช่ประชากรของโลกอิเดโก้หรือมาเทลจะต้องส่งตัวคนผู้นั้นให้กับทางการโดยเร็วที่สุดและถ้าหากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องรับโทษไม่ว่าจะเป็นใคร " ฟรานเว้นจังหวะเอาไว้ก่อนจะหันมาสบนัยน์ตาสีมรกตของชิเอลอย่างตรง " และผู้ที่ข้ามมิติมาล้วนไร้ซึ่งพลังใดๆในการต่อกร แต่นายไม่ หนุ่มน้อยนายน่ะมีไอพลังที่รุนแรงเกินกว่าปกติ ตอนที่ฉันเจอนายครั้งแรกที่กลางทะเลทรายมันมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะไม่ส่งตัวหนุ่มน้อยให้กับทางการไป แต่..."
     
         ชิเอลสบตากับคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายปนเปกันไปและมากด้วยความไม่เข้าใจ
     
    " ฉันอยากได้ตัวของหนุ่มน้อยมากกว่า "
     
         สิ่งที่ออกจากปากร่างสูงของฟรานทำให้ชิเอลรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าแสกหน้าเข้าอย่างจัง พอได้สติร่างเล็กก็เริ่มกระเถิบตัวหนีคนตรงหน้าพลางทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งยังมองฟรานอย่างหวาดๆ
     
    " มองฉันแบบนั้นหมายความว่าไงหนุ่มน้อย! " ฟรานแหวขึ้นมาเมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาจากร่างเล็ก
     
    " ก็คุณ...! "
     
         ยังไม่ทันจะจบประโยคของชิเอลร่างสูงของฟรานก็โถมเข้าใส่ตัวทันที
     
     
     
         ร่างสูงของฟรานที่ทับอยู่บนร่างอีกคนที่ดิ้นพล่านเหมือนปลาโดนน้ำร้อนลวกพร้อมทั้งทุบจิกตีข่วนสารพัดแบบจนฟรานทนไม่ไหวตั้งจับข้อมือเรียวที่บางจนกลัวว่ามันจะหักลงกดกับหัวเตียงก่อนจะใช้มืออีกข้างกดร่างเล็กๆนั้นให้อยู่นิ่ง
     
    " อย่าาาานะ! "
     
    " ไม่เอา! ออกไป! "
     
         เสียงกรีดร้องปัดป้องอย่างสุดฤทธิยิ่งทำอารมณ์ออกฟรานฉุนกึกเข้าไปอีกและเมื่อขาเล็กๆทั้งสองข้างของคนที่อยู่ด้านร่างเริ่มถีบร่างสูงของตน ฟรานก็ตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด " เป็นบ้าอะไรของนายฮะ!!! "
     
    " ผะ ผม "
     
    " ... " ฟรานมองดวงหน้าที่เริ่มขึ้นสีจางๆอย่างข้องใจ
     
    " ผมยะ ยังไม่พร้อม! " หลังจบประโยคชิเอลเบือนหน้าไปทางอื่นพลางรู้สึกว่าความร้อนนั้นวิ่งแล่นไปทั่วร่างโดนเฉพาะบริเวณใบหน้า
     
    " มะ ไม่พร้อมอะไร? " ฟรานถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อดวงตาสีสดใสเริ่มคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใส
     
         เจ้าของดวงตาสีอเมทิศยังคงจับจ้องใบหน้าของร่างที่อยู่ในการควบคุมของตนราวกับจะเค้นคำตอบ เมื่อโดนจ้องเข้านานๆชิเอลก็ตั้งใจจะหันกลับไปเถียงแต่ก็ต้องชะงักเมื่อประสานเข้ากับนัยน์ตาสีอเมทิศทรงเสน่ห์ด้วยระยะห่างที่รับรู้ถึงจังหวะการหายใจและเสียงหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอกของอีกฝ่าย ทั้งยังร่างกายที่แนบชิดสนิทราวกับจะหลอมรวมเป็นคนเดียวกันและเป็นร่างเล็กที่ได้สติก่อนจัดการประเคนหมัดลุ้นๆให้กับคนด้านบนอย่างไม่มียั้ง
     
    ผั๊วะ!
     
         ร่างสูงหล่นลงไปสำนึกรักแผ่นดินด้านล่างเนื่องจากไม่ทันตั้งตัวพอได้สติก็ตั้งใจสวนกลับแต่ใบหน้าคมก็พลันขึ้นสีเมื่อนึกถึงระยะห่างเมื่อครู่
     
         ห้องที่เมื่อครู่เกือบจะร้อนระอุกลับกลายเป็นเงียบเชียบทันใดจนฟรานทนไม่ไหวต้องพูดขึ้นมา " หนุ่มน้อยต่อยฉันทำไม "
     
    " ก็คุณเล่นพูดแบบนั้นนี่! "
     
         ร่างสูงเริ่มงงเพราะพวงแก้มอมชมพูบนหน้าเรียวนั่นขึ้นสีอีกครั้ง ก่อนจะถามว่าตนพูดอะไรออกไป ชิเอลได้ยินแบบนั้นก็พองลมใส่แก้มตัวเองอย่างขัดใจก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง
     
         ฟรานที่นั่งบนพื้นห้องก็ได้แต่งงกับท่าทีแบบนั้นและดูเหมือนว่าจะไม่หายงงเอาง่ายๆแต่แล้วชิเอลก็เป็นคนเฉลยคำตอบนั่นออกมาเอง " ก็คุณพูดว่าอยากได้ตัวผมนี่! "
     
    " อ๋ออออออ เย้ย! "
     
    " อะไร! " ร่างเล็กแหวขึ้นมาเนื่องจากร่างสูงมองตนด้วยสายตาเดียวกับที่ตนใช้เมื่อครู่
     
         นัยน์ตาสีอเมทิศฉายแววตกตะลึงริมฝีปากอ้ากว้างค้างไว้ในท่าทางที่ทุเรศมากหากผู้ทำหน้าตาไม่ดี ก่อนที่นัยน์ตาคู่นั้นจะแพรวระยับอย่างนึกสนุกและเร็วกว่าที่ร่างเล็กจะทันตั้งตัวฟรานเอื้อมมือไปคว้าหมอก่อนจะปาไปที่เป้าหมายโดยไม่รีรอ
     
    ฟุ้บ!
     
         เป็นดังคาดเมื่อหมอนเข้าเป้าเต็มๆและกำลังหล่มลงมาจากเป้าหมาย ชิเอลใช้ดวงตากลมโตจ้องฟรานราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนเริ่มปาหมอนกลับไป
     
    " เป็นเด็กเป็นเล็ก คิดอะไรลามก " ฟรานว่าก่อนจะปาหมอนใบเดิมกลับไป
     
         หมอนสีขาวลอยไปมาข้ามหัวของแต่ละฝ่ายไปมาเนื่องจากไม่มีใครยอมใครจนเกิดเป็นสงครามหมอนขนาดย่อมๆขึ้นมาและนั่นก็ทำให้สาระของบทสนทนาถูกเบี่ยงแบนด้วยความไร้สาระของเด็กดื้อและผู้ใหญ่ปัญญาอ่อน
     
     
     
     
     
         หลังจากการเสียทั้งเหงื่อทั้งพลังงานอย่างไร้ประโยชน์ร่างสองร่างก็พากันทิ้งตัวลงกับพื้นห้องอย่างพร้อมใจก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกัน
     
         ฟรานตัวขยับลุกขึ้นพลางจ้องไปที่ใบหน้าไร้เดียงสาที่ยังคงรอยยิ้มเอาไว้ของชิเอล พลางสรรหาวิธีต่างๆที่จะบอกกับร่างบางตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดีและนั่นทำให้ชิเอลขมวดคิ้วอย่างสงสัยอาการอารมณ์แปรปวนของคนตรงหน้า
     
         ฟรานตัดสินใจเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงเพราะยังไม่สามารถหาวิธีที่จะอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจได้ แต่เอาเถอะตั้งใจจะพูดแล้วก็พูดให้มันจบๆไป " ที่บอกว่าอยากได้ตัวหนุ่มน้อยมากกว่าน่ะ หมายถึงไม่อยากส่งตัวของหนุ่มให้กับทางการ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรจะแหกกฎบ้าๆนั่นแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะเหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างในตัวฉันบอกว่าไม่ควรจะส่งหนุ่มน้อยไป "
     
         ชิเอลมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เดิมทีทั้งคู่ไม่รู้จักกันมาก่อน การที่ฟรานจะมาช่วยเหลือตนนี่ก็แปลกมากแล้วและยิ่งเป็นการฝืนกฎที่ดูเหมือนจะร้ายแรงนั้นแล้วยิ่งทำให้เขาอยากถามว่าทำไมแต่ปากกลับถามอีกอย่างออกไป " แล้วคุณจะไม่เป็นไรเหรอ "
     
         ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองคนถามก่อนจะส่ายหัวเบา เขาเองก็ไม่เข้าใจการกระทำของตนเหมือนกันว่าจะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไมทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลยแต่กลับไม่อยากปล่อยคนตรงหน้าไป ก่อนจะตอบ " ถ้ามีคนรู้ก็โดน "
     
    " แต่ฉันว่ามันคุ้มเพราะคนที่พวกที่เป็นคนนอกหรือคนที่หลุดมิติมาน่ะมักจะไม่มีพลัง ไร้พลัง แต่หนุ่มน้อยกลับมีและยังมากกว่าประชาชนทั่วไปด้วยซ้ำ
         ตลอดมาฉันเคยได้ยินเรื่องราวของคนที่หลุดจากมิติอื่นมามากมายแต่คนพวกนั้นก็เป็นคนที่ไร้ซึ่งพลังใดๆเลย พอมาเจอหนุ่มน้อยเข้าฉันเลยรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรก ยิ่งเป็นคนนอกที่มีพลังแล้วด้วย " นัยน์ตาสีอเมทิศของคนพูดแพรวระยับอย่างสนุกแต่ชิเอลกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาตรงก้อนเนื้อด้านซ้ายตอนได้ยินคำว่า 'คนนอก' และดูเหมือนฟรานจะไม่ได้สนในเพราะร่างสูงเริ่มพูดต่อ " แต่มันก็ยังอันตรายทั้งกับตัวหนุ่มน้อยและฉันเอง บางทีอาจจะเผลอทำพิรุจออกไปก็ได้ ฉันอยากให้หนุ่มน้อยน่ะปลอมตัวเป็นนักเดินทางที่เดินทางไปทั่วก่อนจะมาเจอกับฉันเข้าที่ทะเลทรายนั่นเพราะนักเดินทางส่วนใหญ่มักไม่มีข้อมูลปกติทั่วไปเช่นพวกเทศกาลประจำเมืองพวกนี้น่ะ "
     
         ร่างเล็กพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจก่อนจะฟังร่างสูงของฟรานเอ่ยต่อ
     
    " และอีกอย่างฉันกำลังจะเข้าเรียนที่ฟรัวเทียด้วย ฉะนั้นนายเองก็ด้วยเพราะเมื่อใดก็ตามที่เข้าไปอยู่ในฟรันเทียไม่ว่าจะเป็นผู้คุมกฎหรือราชาที่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปวุ่นวายอีกแล้ว ที่เหลือก็แค่หาทางสอบให้ติดเท่านั้น "
     
         หลังจากนั้นชิเอลก็ต้องตกใจจนแทบหงายเมื่อร่างสูงบอกว่าการสอบจะมีขึ้นในวันรุ่งขึ้นหรือพูดง่ายๆว่าพรุ่งนี้ พอหายจากการตกใจฟรานก็จัดการอบรมชุดใหญ่เรื่องการใช้ชีวิตและวิธีทำให้ผ่านข้อสอบซึ่งฟังไปมาแล้วไม่น่าจะง่ายอย่างที่ร่างสูงเลยแม้แต่น้อย
     
    " เอาล่ะทีนี้มาทบทวนกันหน่อย "
     
         นัยน์ตาสีอเมทิศมองเจ้าของร่างเล็กที่ดวงตาสุกใสนั้นพราวระยับอย่างตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รู้จากร่างสูง ไม่นานชิเอลก็ขยับรอยยิ้มกว้างออกตอนที่ฟรานให้แนะนำตัวก่อนจะตอบกลับไป
     
    " ชิเอล เซโรท นักเดินทางธรรมดาๆคนนึง "
     
     
     
     
     
     
     
    ...กริ๊ง...
     
         นอกเหนือหน้าต่างใบใหญ่ออกไปมีท้องฟ้าที่ถูกรัติกาลกลืนกินจนไร้ซึ่งแสงแห่งความหวังใดเล็ดลอดอยู่
     
         บนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าสถานที่ที่ดูคล้ายร้านอันซอมซ่อธรรมดา ขัดกับป้ายอักษรสลักสีทองหรูหราที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง 'нфтег щаъбе' นัยน์ตาสีแดงก่ำราวกับสีของโลหิตกำลังจับจ้องเข้าไปเหนือร้านอันซอมซ่อซึ่งว่างเปล่า
     
         ไอสีดำเริ่มแตกตัวขยายบริเวณคุมร่างที่ซ่อนเร้นกายในความมืดมิด มันยังคงมองเข้าไปยังที่ซึ่งว่างเปล่านั้นราวกับเห็นร่างสองร่างที่ทอดกายเข้าสู่ห้วงนิทราโดยไม่รับรู้ว่ากำลังถูกจ้องมอง
     
    ...กริ๊ง...
     
        ร่างสีดำทมิฬที่เห็นเพียงสีของนัยน์ตาหันขวับไปหาต้นเสียงแต่ก็พบกับความว่างเปล่า มันจึงละความสนใจไป
     
    ...กริ๊ง...
     
         ประสาทสัมผัสในกายพากันตื่นตัว ร่างที่เร้นกายหันหาต้นเสียงด้วยความสึกบางอย่างที่เริ่มคืบคลานเข้าเกาะกุมจิตใจ
     
    ...กริ๊ง...
     
         เสียงปริศนาที่ไร้ต้นตอยังคงดังขึ้นท่ามกลางความมืดที่วังเวงของห้วงราตรี เสียงของมันแหวกผ่าอากาศรอบด้านประดังเข้าสู่ร่างสีทมิฬราวกับเสียงของพระผู้เป็นเจ้ากำลังกลอกหลอนเหล่าปีศาจ
     
    ...กริ๊ง...
     
         ร่างสีดำวูบไหวข้ามไปยังตึกราหรือต้นไม้อื่น ราวกับจะหนีบางสิ่งที่น่าหวาดกลัว แม้ร่างสีทมิฬนั่นจะกระโดดข้ามทุกสิ่งไปไกลจากจุดเดิมแต่เสียงปริศนานั่นยังคงดังขึ้นราวกับว่าดังมาจากในหัวของมันเอง
     
    ...กริ๊ง...
     
         ราตรีสีดำอันมืดยังคงดำเนินต่อโดยที่ไร้ซึ่งเสียงหวีดร้องของสายลมอย่างที่ควร จะมีก็เพียงเสียงของกระดิ่งปริศนาที่ไล่ตามหลอกหลอนร่างสีทมิฬไปอย่างไม่ลดละ
     
    " กรอดดด " เสียงขบกรามดังอยู่ภายในร่างที่กลืนกลินไปกับเงามืดเมื่อรู้ว่ามันไม่อาจจะสลัดเสียงปริศนาให้หลุดไปได้
     
    ...กริ๊ง...
     
         เสียงยังคงแหวงอากาศมาย้ำเตือนดังเช่นเงาจนแล้วร่างสีทมิฬกับหยุดชะงัก ดวงตาสีแดงก่ำจองมันที่เคยจ้องร่างอื่นราวกับกินเลือดกินเนื้อกลับกลายเป็นเรียบนิ่งไร้ซึ่งแววใดก่อนจะปรากฎเป็นหลุมดำบริเวณใต้พื้นดินก่อนที่สูบเอาร่างสีทมิฬนั้นหายเข้าไป
     
    ...กริ๊ง...
     
         เสียงปริศนาดังขึ้นครั้งสุดท้ายและก้องกังวานกว่าทุกครั้งราวกับเป็นเสียงกรรโชกก่อนที่ราตรีอันแสงสงบจะกลับมาเยือนอีกครั้ง
     
     
     
     
     


     
     
     
    [TBC]



    talk

    โอะโยะโหย สวัสดีเจ้าค่ะทุกท่านนนนนนนนน >_<
    รู้สึกราวกับว่าหาย(หัว)ไปนาน ทั้งที่ยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำไป
    ต้องขอกราบอภัยอย่างยิ่งที่ลงเพียงครึ่งๆกลางๆเอาไว้จนทำให้หลายคนเกิดความสงสัยเคลือบแคลงใจ(ทั้งในนิยายและตัวข้าน้อย)-3-
    แต่ขอนอนยันอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดไปยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า

    เรื่องนี้ไม่ใช่แนว 'วาย' หรือชายรักชายแต่อย่างใด


    และด้วยอีกประการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ล่าช้าไปเพราะด้วยน้องไอโฟนเกิดอารมณ์บูดสะบัดรักข้าน้อยกลับไปสู่พื้นดินY-Y
    จึงเป็นสาเหตุของ หน้าจอแตก และ แถบคาร์บอนเจ๊ง จึงเเสียเวลาไปเปลี่ยน(ไม่มีตังค์)ซื้อใหม่
    และเชสเซียคนนี้กำลังติดการ์ตูนแบบเข้าเส้น>_<
    แต่ทุกท่านไม่ต้องกังวลไปเพราะอาทิตย์หน้าเปิดเรียนแล้ว =*=
    ข้าน้อยจะยังคงมานั่งลงไปเรื่อยๆแม้ไม่มีคนอ่าน ฉะนั้นอย่ากังวลไปไย


    ส่วนเรื่องคำวิจารณ์ที่แนะนำให้หาอิมเมจตัวละครนั้น ข้าน้อยขอบคุณจากใจจริงเลยนะเจ้าคะ
    ที่ช่วยมาแนะนำให้ และในขณะนี้ข้าน้อยกำลังเร่งหาตัวละครที่มีอิมเมจใกล้เคียงอยู่ซึ่งตอนนี้หาได้แค่ ชิเอล และ ฟราน แค่สองหน่อนี้เท่านั้น
    ถ้าได้เปิดคอมเมื่อไหร่จะรีบเอามาลงให้ทันทีเจ้าค่ะ>/|\<

     
         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×