ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Frawteer ดินแดนแห่งสุดท้ายของผู้ลี้ภัย

    ลำดับตอนที่ #10 : สอบ(สัมภาษณ์)เข้า

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 56



     
     
     
     
         เสียงแซงแซ่จอกแจกจอแจของผู้คนดังระงมไปทั่วบริเวณหน้ารั้วของฟรัวเทียที่ในบัดนี้นั้นเริ่มเปิดการรับสมัครนักเรียนเข้าศึกษาประจำปีแล้ว
     
         ร่างสองร่างกำลังใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อที่จะฝ่าดงฝูงชนเข้่าไปข้างใน คนนึงมีสีหน้าที่ตื่นเต้นสนุกสนานพร้อมลากอีกคนที่ตัวเล็กว่าตนมากซึ่งทำหน้าเบื่อโลกฝ่าเข้าไปด้านใน เส้นอารมณ์ของร่างบางกำลังกระตุกถี่เนื่องจากการเบียดเสียดและอากาศอันอบอ้าวยิ่งทำให้ชิเอลเริ่มรำคาญทุกสิ่งรอบตัวยิ่งกว่าเดิม แต่ดูเหมือนคนข้างหน้าจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
     
         ฟรานลากชิเอลฝ่าเข้าไปเรื่อยๆอย่างนึกสนุก พลางนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่ชิเอลถามว่ามีการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้า ซึ่งเป็นสิ่งตัดสินว่าคนผู้นั้นจะมีความสามารถพอรึไม่และเป็นบทชี้ชะตาด้วยว่าคนนั้นๆจะมีสิทธิ์เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฎการปกครองของฟรัวเทียหรือไม่เช่นกัน เพราะกฎเกณฑ์พวกนี้ทำให้ชิเอลนึกถึงตอนคัดเลือกเข้าบ้านเอเอฟและก็เป็นธรรมดาที่ฟรานจะไม่เข้าใจสิ่งที่พูดออกไป แต่แล้วชิเอลก็เกิดข้อสงสัยอีกครั้งว่าหากมีการทดสอบในวันนี้แล้วทำไมฟรานถึงจัดการซื้อหนังสือตั้งแต่เมื่อวานทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าจะผ่านการสอบคัดเลือกได้หรือไม่และคำตอบที่ได้มากก็สมกัยเป็นเจ้าตัวเมื่อฟรานเฉลยว่า 'มันเป็นเคล็ด'
     
    " ใบสมัครสองใบ! " เมื่อถึงโต๊ะด้านหน้าที่ทำการจำหน่ายใบสมัคร ร่างสูงของฟรานก็พุ่งเข้าไปติดโต๊ะทันทีโดยที่ไม่แคร์สายตาเคียดแค้นไล่หลังตามมาที่ทำให้คนที่ตามมาด้วยรู้สึกร้อนๆหนาวๆแทน
     
    " 20,000 ฟรัน " ชายชราผู้ที่ขายใบสมัครอยู่ยื่นกระดาษทีมีเลขสองใบพร้อมกับเอกสาร " ได้เสร็จเเล้วก็รีบไสหัวไป! "
     
     " ไอเด็กพวกนี้ไล่แล้วยังไม่ไปอีก! "
     
         ฟรานและเด็กที่เข้าไปซื้อใบสมัครอีกสองสามคนรีบถอยกรูออกมาเมื่อชายชราตั้งท่าจะยกโทรโข่งอันใหญ่ขึ้นมาฟาด พอไล่คนที่เกะกะไปได้แทนที่จะมีคนอื่นเข้ามาแทนกลับแหวกเป็นวงกล้าวราวกลับไม่กล้าเข้ามาใกล้ จนชรานั้นเหลืออด
     
    " จะซื้อมั้ยใบสมัคร ถ้าไม่ซื้อก็ไสหัวกลับไป! "
     
         ชิเอลมองความกลหลที่ผู้คนเริ่มกลับไปแย่งกับซื้อใบสมัครอีกครั้ง ก่อนที่จะโดนฟรานลากเข้าไปทางเดินด้านในซึ่งขัดกับด้านนอกลิบลับ
     
         ทางเดินที่ประดับด้วยหินกรวดสีดำมีผู้คนอยู่เพียงบางตา ด้านหน้าออกไปไม่ไกลมีประตูไม้บานยักษ์ที่ทำให้ชิเอลนึกถึงประตูหน้าปราสาทของวอลดิสนีขึ้นมาแต่ต่างกันที่ประตูไม้สีทึมบานยักษ์ตรงหน้านั้นตั้งอยู่เฉยๆแต่กลับแผ่ไอบางอย่างที่ทำให้ร่างเล็กห่อไหล่ด้วยความไม่ชอบใจอีกครั้ง
     
    " หนุ่มน้อยได้เลข 13ห้อง c ฉันได้ 13ห้องa " ฟรานมองกระดาษที่อยู่มือก่อนจะเอ่ยต่อ " ถ้าทางจะโชคดีได้เลขนี้ "
     
    " อย่าลืมที่บอกบอกนะหนุ่มน้อย ตอบตามที่คิด อย่าปั้นแต่งคำพูดให้ดูสวยหรูตอบทุกอย่างไปตามจริง "
     
    " ครับบบ คุณย้ำผมหลายรอบแล้ว "
     
         ร่างบางรับคำเนือย ก่อนเริ่มกวาดสายตามองรอบด้านเพราะตอนนี้ทั้งคู่เข้ามาสู่ด้านหลังของประตูบานยักษ์ ก่อนที่จะเดินผ่านอีกประตูนึงซึ่งดูขลังไม่แพ้กัน
     
         เบื้องหน้าสายตาตอนนี้เป็นห้องกว้างที่มีหลายร้อยคนยืนอยู่ ทั้งคู่เดินไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องและหลังจากที่มีคนอีกจำนวนหนึ่งที่น่าจะเป็นผู้สมัครเข้ามาในที่สุดประตูบานยักษ์ก็ปิดลง
     
         ทุกสิ่งภายในห้องกว้างสงบลงอย่างรวดเร็วเมื่อผู้มาใหม่ทั้งเจ็ดปรากฎตัวขึ้นกลางเวทีที่อยู่กลางสายตาของผู้คนนับร้อยในห้อง
     
    ปึง! ปึง!
     
         ชายชราดูทรงภูมิยืนอยู่กลางผู้มาใหม่ทั้งหกเคาะไม้เท้าขนาดยักษ์ในมือก่อนที่รอบด้านจะปรากฎแสงที่ใต้เท้าของทุกคนอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้เกิดความกลหลย่อมๆขึ้นมา
     
         ร่างสองร่างที่หลบมุมอยู่ด้านหนึ่งภายในห้องยังคงนิ่งสงบโดยที่ไม่รู้ตัวว่าทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของชายชราที่ดูทรงอำนาจ กระทั้งชิเอลเบือนไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีเทายะเยือกเข้าพอดี จากรูปร่างและบรรยากาศรอบชายชราทำให้ชิเอลรู้สึกยะเยือกพร้อมกลับนึกถึงแกนดัล์ฟตอนก่อนจะกลายเป็นพ่อมดขาว
     
    " เอาละ ฟังทางนี้! "
     
         สตรีที่สวมชุดสีเขียวทมิฬเอ่ยเรียกความสนใจหลังหันไปสบตากับแกนดัล์ฟ(?)พยักหน้าที่มีเคราสีขาวยาวจนลากพรม ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัว " ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่การสอบคัดเลือกประจำปีนี้ ข้าเซเทอเรีย อาจารย์ประจำวิชาเวทมนต์ เสนาธิการตะวันตกและเหล่าเสนาธิการทั้งหกและท่านมหาปราชญ์ "
     
    " พวกเราขอต้อนรับการมาเยือนของทุกท่านข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนในที่นี้จะสามารถผ่านบททดสอบและได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของฟรัวเทีย " เซเทอเรียเว้นจังหวะก่อนจะทอดสายตามองไปยังคนมากมายที่เริ่มฮึกเหิมอีกครั้งก่อนจะเอ่ยต่อ " บัดนี้ได้เวลาอันสมควร ข้าขอประกาศให้เริ่มการสอบคัดเลือก ณ บัดนี้! "
     
         สิ้นเสียงอำนาจของเซเทอเรีย กลางเวทีก็ปรากฎประตูสีไม้โอ๊คบานไม่ใหญ่นักที่กลางเวที บานประตูนั้นถูกพันด้วยโซ่เส้นใหญ่สีดำที่แผ่ไอสัมผัสออกมาราวกับกรรโชกผู้ที่คิดจะย่างก้าวเข้าหามัน
     
         แกนดัล์ฟเดินไปหยุดลงที่หน้าประตูก่อนจะใช้ไม้เท้าอันใหญ่เคาะที่บานประตูสองที เคราสีเทายาวเหยียดขยับไปตามจังหวะการกระเพื่อมของฝีปากไม่นานก็เกิดเป็นวงเวทสีขาวสว่างจ้าและโซ่สีดำได้หลุดลงจากบานประตู
     
    แกรก!
     
         ชายผู้มีเส้นผมสีชานัยน์ตาสีเดียวกับเส้นผมซอยสั้นตามสมัยนิยม ผู้ที่ยืนข้างชายชราเปิดประตูบานปริศนาออก ก่อนจะแนะนำตัวตามมรรยาทแล้วเอ่ยต่อ " ข้าบัลร็อก เสนาธิการที่สองตะวันตก หนึ่งในกรรมการผู้ทำการทดสอบ "
     
         " มหาปราชญ์เธโอเดนและเหล่าเสนาธิการจะเป็นผู้คัดเลือกทุกคนเข้ามาในฟรัวเทียด้วยตัวเอง หากว่าพบผู้ใดก็ตามที่ทำผิดโทษฐานทุจริต คนผู้นั้นจะต้องรับโทษสูงสุดไม่ว่ามาจากที่ใด จะเป็นเจ้าชายหรือราชาสูงส่งมาจากไหน! " หลังจากนั้นผู้คนในห้องประชุมขนาดใหญ่เริ่มแสดงอาการไม่พอใจ บ้างก็เริ่มโห่ไล่ กระนั้นชายผู้มีเส้นผมสีชาที่ยังคงรอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้
     
    " เงียบ! " อีกบุรุษผู้ทรงชุดสีน้ำเงินเฉกเช่นดวงตาที่กลืนกับสีรัติกาลบนเส้นผมเอ่ยขึ้นอย่างทรงอำนาจ หลังจากนั้นฟรานได้บอกกับร่างเล็กว่าคนผู้นั้นคือ 'เลโกลัส' หนึ่งในเสนาธิการแห่งฟรัวเทียผู้ทรงอำนาจ " ผู้ใดก็ตามที่คิดจะก้าวเข้ามา ก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ในที่แห่งนั้น หากไม่! คนผู้นั้นคือไร้คุณสมบัติที่จะเหยียบย่างเข้ามา! "
     
         ห้องประชุมใหญ่ที่เมื่อครู่เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความไม่พอใจของผู้คนกลับเงียบลงทันตา ราวกับโดนบรรยากาศคุกคามจากบุรุษเบื้องหน้าจนไม่มีผู้ใดที่กล้าคิดจะขยับเขยื้อนกาย อาจเป็นเพราะดวงตาสีน้ำเงินที่กำลังจ้องมาด้วยความเยียบเย็นก็เป็นได้
     
    ปึง! ปึง!
     
    " เอาละ พอกันได้แล้ว "
     
         เธโอเดน หรือแกนดัล์ฟเคาะไม้เท้าลงกับพื้นก่อนจะกวาดสายตามองคนมากมายที่อยู่ด้านล่างเวทีในหลายอัปกิริยา ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่สองร่างเดิม
     
         ร่างหนึ่งทอดดวงตาเหม่อมองไปไกลหาได้สนใจสิ่งรอบตัวไม่ ดวงตาทั้งคู่ที่ทอประกายจะปิดแหล่มิปิดแหล่ ส่วนอีกร่างหลับตาลงจนไม่อาจมองเห็นสีของนัยน์ตาที่แท้จริงได้ ร่างนั้นยืนพิงกำแพงกอดอกเอาไว้ทั้งๆที่หลับตา บ่งบอกได้ว่าทั้งคู่หาได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นหรือแม้กำลังจะเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
     
    ...หึหึ...
     
    ...ในที่สุดพวกท่านก็มา...
     
         ทั้งชิเอลและฟรานเงยลืมตาขึ้มมองตรงไปทางเวทีอย่างตกใจเพราะดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงดังเช่นที่พวกเขาได้ยินเลยแม้แต่ซักคน
     
         สองร่างเริ่มเบียดตัวเข้าหากกันอย่างระแวดระวังยิ่งขึ้น ก่อนที่ดวงตากลมโตของร่างเล็กจะหันไปสบเข้ากับนัย์ตาสีเทาขุ่นของเธโอเดนและชายชราผู้นั้นทอยิ้มอ่อนโยนออกมา บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นแห่งวัย ชิเอลบอกกับตัวเองว่าไม่ได้คิดไปเองแน่ รอยยิ้มจากมหาปราชญ์เธโอเดนนั้นส่งมาให้พวกเขาทั้งคู่และไม่รู้เพราะเหตุใดชิเอลถึงรู้สึกราวกับผ่อนคลายและอบอุ่นขึ้นมา เฉกเช่นเดียวกับร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
     
    " หมายเลข 1a "
     
         บุรุษร่างสูงเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทีที่บ่งบอกถึงชาติตระกลูและสายเลือดที่สูงส่งได้อย่างดี ร่างสูงของชายผู้นั้นเดินตามร่างทั้งเจ็ดเข้าไปในประตูท่ามกลางความเงียบงันของผู้คนที่เฝ้ามองดู
     
         เวลาล่วงเลยไปซักพักที่หนึ่งก็ดังขึ้นกลางห้องประชุมราวกับเป็นเสียงที่มาจากเวทมนต์ " 1b... "
     
    " 4f... "
     
         ผู้คนมากมายที่เดินหายไปภายหลังบานประตูโดยที่ไม่มีใครย้อนกลับออกมาแม้แต่ผู้เดียว สร้างความกดดันให้กับผู้คนที่ยังคงรอคอยอย่างตื่นเต้นอยู่ด้านหน้าประตูเป็นอย่างมาก
     
         หมายเลขแล้วหมายเลขเล่าที่ดังขึ้นผ่านเสียงเวทมนต์ ตามด้วยร่างเจ้าของหมายเลขที่หายไปตามเข้าไปหลังบานประตู ผู้คนมากมายที่รออยู่ด้านนอกด้วยหลากหลายอารมณ์ทั้งวิตก กังวล หวาดกลัว ตื่นเต้นและฟุ้งซ่าน กระทั่งเสียงจากเวทมนต์ดังขึ้นกลางห้องอีกครั้ง " 13a "
     
         ร่างสูงของฟรานหันกลับมายิ้มให้ชิเอลน้อยๆก่อนจะหันหลังกลับ เดินตรงเข้าสู่ประตูท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องมองตามแผ่นหลังนั้นไป รวมทั้งร่างเล็กที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเองก็ด้วย กระทั่งเสียงนั้นดังขึ้นซ้ำเรียกให้อีกร่างเดินเข้าไปแต่นั่นไม่ช่วยให้ร่างเล็กลดความกังวลลงได้เลย
     
    " 13c "
     
         เจ้าของหมายเลขสะดุ้งเฮือกก่อนจะเดินออกไปด้านหน้า พลางรู้สึกถึงแรงกดดันจากสายตาของผู้คนมากมายที่มองตามตนมา ชิเอลเอื้อมข้อมือบางไปเปิดประตูบานตรงหน้าก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านใน
     
     
     
     
         ร่างเล็กที่เข้ามาใหม่มองร่างทั้งเจ็ดที่นั่งเรียงกันไปโดยที่มหาปราชญ์เธโอเดนนั่งอยู่ตรงกลาง ชิเอลรู้สึกกระอักกระอ่วน จนกระทั่งสตรีอีกนางที่สวมชุดสีน้ำเงินเข้มทอยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงนุ่มราวกับมนต์สะกด
     
    " นั่งลงก่อนสิ "
     
         ชิเอลเดินลงไปนั่งเก้าอี้หน้าร่างทั้งเจ็ดด้วยความรู้สึกตื่นเต้นราวกับหัวใจจะหลุดออกมาจากร่าง
     
    " ไม่ต้องตื่นเต้นไปเด็กน้อย " ชายที่นั่งถัดจากเธโอเดนไปเอ่ยขึ้น
     
         ร่างที่นั่งอยู่พยักหน้าเบาๆแทนคำขอบคุณ ก่อนจะเริ่มกวาดสายตามองรอบด้านอย่างเคยชิน จนมีเสียงที่เอื้อนเอ่ยคำถามออกมาของเซนเทอเรียขัดขึ้น
     
    " สิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ความสุข อำนาจ ความเป็นใหญ่ เงินทอง ความมั่งมีหรือ ปัญญา "
     
    " ความสุข " เร็วกว่าจะคิดเพราะปากบางกล่าวออกไปแทบทันทีที่ถามจบ จนทำให้เจ้าของร่างอยากจะตบมันซะให้ได้ ทุกร่างที่อยู่เบื้องหน้ามองด้วยสายตาสนใจมาที่ตนจนร่างเล็กต้องรีบเอ่ยเหตุผล " ที่ผมเลือกความสุขเพราะว่า ไม่ว่าได้สิ่งใดที่ปรารถนามาแล้วด้วยวิธีใดแล้วก็ตาม ทุกสิ่งที่คุณเซนเทอเรียได้กล่าวมา คนต้องการความสุขก็เพื่อที่จะได้รับความสุข ต้องการอำนาจความยิ่งใหญ่ก็เพื่อความเคารพยำเกรง ความสุขสบายที่จะนำมาซึ่งความสุข ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความมั่งมีหรือ แม้กระทั่งปัญญาที่มนุษย์ต้องการจะไขว่คว้ามาครอบครองก็เพื่อความสุข แต่ถ้าหากสิ่งปรารถนานั้นมันนำมาซึ่งความทุกข์ที่ต้องแบกรับมัน ก็ไม่คุ้มค่าพอที่จะไขว่คว้าเอาไว้กับตัว "
     
         ร่างทั้งเจ็ดมองเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอย่างทึ่งก่อนจะเริ่มใช้ความคิดและที่ชายผู้หนึ่งที่อยู่ด้านซ้ายสุดจะเอ่ยคำถาม " แล้วหากเจ้าปรารถนาในอำนาจความเป็นใหญ่ สิ่งใดควรมี สิ่งใดควรกำจัด "
     
    " อันนี้ผมไม่แน่ใจเพราะไม่เคยอยากได้นะ " ชิเอลเอ่ยอย่างครุ่นคิดจนไม่ได้เห็นเธโอเดนที่แอบยิ้มบางๆให้กับคำตอบของเขา " แต่ถ้าถามสิ่งที่ควรมีก็คงจะเป็นปัญญาที่สามารถทำให้คนที่อยู่ใต้อำนาจเราอยู่กับเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เพราะเรามีอำนาจ เพราะความหวาดกลัวหรือ จ้องคอยจะช่วงชิงไป
         ส่วนสิ่งที่ผมจะกำจัดก็คือปัญญาอีกเช่นกันเพราะหากมีปัญญา เราก็จะคิดหาวิธีหาทำให้ได้อำนาจมากยิ่งขึ้นจนไม่รู้จักพอและนั่นก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์อันไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนดังเช่นความโลภที่ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน "
     
         ชายหนุ่มผู้เป็นคนถามยิ้มให้กับคำตอบที่ได้รับมาก่อนจะหันไปมองสตรีผู้ที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินเข้มที่ยังคงมีรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนประทับอยู่บนใบหน้าและหันไปมองมหาปราชญ์ที่พยักหน้าให้ทั้งคู่เบาๆ สตรีผู้ที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนหันกลับมามองที่ร่างเล็กของชิเอลก่อนจะถาม " หากเจ้าปรารถนาเงินทองและความมั่งมี สิ่งใดมี สิ่งใดที่ควรกำจัดไป "
     
    " สิ่งที่ควรมีผมเลือกปัญญาเพราะสำหรับผมนั้นเชื่อว่ามีปัญญาไปที่ไหนไม่มีอับจน แม้หมดสิ้นก็สรรค์สร้าง ถึงขาดหายก็ต่อเติม ต่อให้เหลือเพียงตัวหากมีปัญญาก็ยังสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาใหม่ได้
         สิ่งที่กำจัดก็คงเป็นอำนาจ แต่ใจอีกใจก็อยากเลือกความสุขเพราะมันทำให้คนสุขสบายจนละเลยและหลงลืมจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของตัวเองไป แต่อำนาจนั้นก็ทำให้คนโลภไม่รู้จักพอ ปรารถนาไม่สิ้นสุด จนเกิดเป็นความทุกข์ ถ้าเลือกเลือกได้ผมขอกำจัดอย่างละครึ่ง "
     
    " แล้วที่เหลืออีกครึ่งล่ะ " เจ้าของคำถามเอ่ยอีกครั้ง
     
    " อีกครึ่งคือความสุขที่เหลืออยู่ หากกำจัดไปหมดก็ไร้ซึ่งเหตุผลที่จะลงมือกระทำสิ่งใด เพราะคงไม่มีใครทำอะไรเพื่อให้ตัวเองมีทุกข์ใช่มั้ยครับ ส่วนอำนาจสำหรับตัวผมเองก็เหมือนการมีตัวตน การมีอำนาจต่อสิ่งรอบตัว ต่อคนใกล้ตัว ถ้าหากกำจัดให้สิ้นไปก็คงไม่ต่างอะไรกับการกำจัดตัวตนของตัวเอง " ชิเอลหันกลับไปสบตาของผู้ถามก็พบกับแสงที่สะท้อนออกมาด้วยความนึกสนุกและขบขับ จนทำให้ร่างเล็กหน้าขึ้นสีเพราะคิดว่าคำตอบของตนนั้นคงไม่เข้าท่าเป็นแน่
     
    " แล้วถ้าหากเจ้าต้องการปัญญาเล่า สิ่งใดเก็บ สิ่งใดกำจัดไป " มหาปราชญ์ผู้ทรงคุณวุฒิเอ่ยขึ้นมา ทำให้ชิเอลเริ่มหรี่ตาลงจนดวงตาสีมรกตนั้นหม่นเเสงโดยที่ไม่รู้ตัว
     
    " ปัญญา... "
     
    " หากผมต้องการปัญญาก็จะกำจัดซึ่งปัญญา และสิ่งที่รักษาไว้ก็คือปัญญา " สิ้นสุดคำตอบทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ หกร่างมองผู้ให้คำตอบด้วยสายตาหลายแบบทั้งแปลกใจ งงงวย ไม่เข้า สงสัย ตกตะลึงและชื่นชม แต่มีเพียงผู้เดียวที่ส่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับพบคำตอบที่พอใจ คนผู้นั้นคือคนคนเดียวกับที่ถามคำถามนั้นออกมา
     
    " ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ " มหาปราชญ์เธโอเดนเดนยังคงหัวเราะต่อไป ท่ามกลางความแปลกใจของคนหั้งหมดแม้กระร่างเล็กเอง " สมแล้วกับการรอคอย "
     
         ชิเอลถึงกับเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินประโยคนั้น ดวงตาสีเทาคมกริบมามาที่ร่างของตน ราวกับมีแรงกดดันบางอย่าง ชิเอลไม่สามารถหายใจได้อย่างสะดวก คิ้วบนใบหน้าเรียวขมวดเข้าหากันพร้อมทั้งนัยน์ตาสีมรกตเริ่มทอประกายของความหวาดระแวง เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นเธโอเดนก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจท่ามกลางความงุนงง จนเซนเทอเรียต้องเอ่ยปราม
     
    " ท่านมหาปราชญ์ก็ชอบแกล้งคนอื่นอยู่เรื่อย "
     
         เธโอเดนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มจนตาหยีพร้อมเดินมาตบไหล่ร่างเล็กที่ถูกแกล้ง ส่วนคนโดยตบน่ะเหลือ แทบทรุดไปกองกับพื้น ใครจะไปนึกว่าจะแก่คราวดับเบิ้ลทวดจะมีเรี่ยวแรงขนาดนี้และดูท่าว่าคนที่ถูกนินทาในใจจะไม่หยุดเสียง่ายๆ จนเซนเทอเรียต้องปรามอีกครั้งก่อนหันมาบอกกับชิเอล
     
    " ขอต้อนรับสู่ฟรัวเทีย "
     
     
     
     
         บททดสอบสิ้นสุดลง ชิเอลเดินออกมาอีกฝากนึงของประตูก็พบกับผู้คนที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งและหนึ่งในนั้นก็มีเจ้าของเรือนผมสีบร์อนกับนัยน์ตาสีอเมทิสใสที่กำลังโบกมือพร้อมกับส่งยิ้มปัญญาอ่อนมาให้ตน
     
         ร่างเล็กนั้นโถมตัวพุ่งเข้าใส่ร่างสูงตรงหน้าจนคนที่ถูกกอดหลุดเสียงออกมาดัง 'อั๊กะ' และนานกว่าคนที่โถมตัวมาจะยอมปล่อยมืออก แถมพอปล่อยมือเจ้าตัวยังพองลมใส่แก้มกลมๆนั่นพร้อมกับทำท่าทางเหมือนกับว่าตนไปแอบวางระเบิดในรังหนูและท่าทีแบบนั้นก็ดูน่ารักมากกว่าจะน่ารู้สึกผิด ดังที่ทุกคนคิด ฟรานไม่มีทางพลาดเรื่องไร้สาระแน่ๆเพราะตอนนี้มือใหญ่เอื้อมไปขยี้แก้มป่องๆทั้งสองข้างจนร่างเล็กเริ่มดิ้นพล่าน
     
    " ฮ่ะๆ พวกนายสองคนตลกกันจัง " ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีชาเดินเจ้ามามองร่างสองร่างที่ก่ายกันบนพื้นห้องอย่างไม่อายสายตาคนมอง
     
    " ฉันคอลย์ เบโทฟิส นักดนตรีแห่งเซลวาส "
     
         ร่างสูงผู้มีเส้นผมสีชาแนะนำตัวพร้อมยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับทั้งคู่ พออีกฝ่ายแนะนำตัวฟรานก็คลานออกมานั่ง ตามด้วยชิเอลที่ลุกขึ้นมาพร้อมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่
     
         ชายผู้มีเส้นผมสีเดียวกับดวงตามองสองร่างที่แยกออกจากมามองหน้าตน ร่างหนึ่งดูทรงภูมิฐานมีชาติตระกูล นัยน์ตาสีอเมทิสที่ดูนิ่งสงบขัดกับท่าทางที่ดูไร้สมอง ส่วนอีกร่างที่นัยน์ตาสีมรกตนั้นสุกใสแปร่งประกายด้วยความใคร่รู้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ดูใสซื่อที่ติดหวานจนคล้ายกับใบหน้าของอิสตรีที่บริสุทธิ์น่ารัก หน้าหยิก น่าแกล้งอย่างสุดใจ ทั้งคู่กำลังใช้สายตาคนละแบบจ้องมาทางคอลย์ เบโทฟิสอย่างไม่วางตา จนเป็นเขาเองที่รู้สึกเก้ๆกังๆ " เอ่ออ... "
     
    " หน้าฉันไม่ได้มีอะไรติดใช่มั้ย? "
     
         ร่างเล็กยื่นข้อมือเรียวมาจับใบหน้าของผู้มาเยือนกับจับพลิกซ้ายพลิกขวาไปมาก่อนจะตอบ " ก็ไม่มีนี่ครับ "
     
    " งั้นเหรอ " คอลย์พยักหน้าเบาๆมองทั้งคู่ที่กลับมานั่งจ้องตนอีกรอบพลางรู้สึกราวกับว่าตนเป็นตัวประหลาดไปเสียแล้ว " พวกนายจะไม่แนะนำตัวกันหน่อยเหรอ "
     
    " อ๋อใช่! ฉันฟราน ฟรานซิสก้า มาเดคอฟ ซีคเกอร์แห่งเคอวา " ฟรานพยักหน้ารัวและเร็วก่อนจะแนะนำตัวเองพร้อนสถานะพ่วงหลัง
     
    " แล้วหนุ่มน้อยนั่นล่ะ? " ร่างสูงผู้มีผมสีชาเอ่ยขึ้นถามอีกครั้งและดูเหมือนคำถามนั่นจะทำให้คนถูกถามไม่ค่อยพอใจเพราะเจ้าตัวค้อนขวับทันที
     
    " ผมชื่อชิเอล เซโรท นักเดินทางไม่ใช่หนุ่มน้อย กรุณาเรียกให้ถูกต้องด้วยครับ "
     
         คอยล์หัวเราะเบาๆให้กับท่าทีที่เหมือนลูกแมวของชิเอลและดูท่าว่าฟรานเองก็คิดเช่นเดียวกันเพราะหลังจากนัยน์ตาสีชากับสีอเมทิสได้สบกัน ทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร ส่วนคนถูหัวเราะจะไปทำอะไรได้นอกจากสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างงอนๆ
     
         คนอื่นที่อยู่รอบด้านเริ่มมองตามเสียงอย่างสนใจจนมีเสียงเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาท่ามกลางความสนใจของผู้คน
     
    " งี่เง่า! " ชายผู้มีนัยน์ตาเฮเซลรับกับเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเอ่ย พร้อมกับส่งสายตาดูถูกให้กับสามร่างที่นั่งอยู่กับพื้น
     
    " นายเป็นใคร " คอลย์ถามเสียงเรียบ
     
    " ฉันไม่มีธุระกับพวกชั้นต่ำ "
     
         นัยน์ตาสีชาของคอลย์ เบโทฟิสแวววัวทอประกายยะเยือกอย่างไม่เข้าใจการกระทำของผู้ที่เอ่ยขัดขึ้นมาและยังไม่ทันที่จะโต้เถียงอะไรกลับไปฟรานก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
     
    " งั้นเหรอ " นัยน์ตาสีอเมทิสทอประกายกร้าวจ้องไปยังร่างที่ไม่ได้รับการเอ่ยชวน " นายคงต่ำต้อยมาสินะ ถึงไม่กล้าแม้แต่จะแนะนำตัว " 
     
    " เจ้า...! "
     
         ผู้ไม่ได้รับการเอ่ยชวยมองฟรานราวกับจะขยี้ให้แหลกคามือ ดูเหมือนฟรานเองจะไม่สนใจเพราะเจ้าตัวยังคงท่าทีกวนประสาทเอาไว้อย่างไม่ลดละจนชิเอลเห็นท่าไม่ดีเลยรีบปรามทั้งคู่ ฟรานหันกลับมามองชิเอลก่อนจะเริ่มแสดงความปัญญาอ่อนออกมาด้วยสีหน้าง้องแง้งอ้อนคนตัวเล็กกว่าอย่างไม่อายคนรอบด้าน
     
         อีกครั้งที่ชิเอลเหลือบไปเห็นแววตาดูถูกจากผู้มาเยือน ดวงตาสีเฮเซลกวาดมองร่างของพวกเขาทั้งสามอย่างดูแคลนและเริ่มทำให้ร่างเล็กมีน้ำโหขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคถัดมา " พวกชั้นต่ำก็สมควรอยู่กับพวกชั้นต่ำ! "
     
    " ข้าเจ้าชายโครวีรัส เร็กตันล์ รัชทายาทอันดับสามแห่งเซลวาส " หลังจากกล่าวจบร่างนั้นก็ยืดอกมองทั้งสามด้วยสายตาที่ดูถูกยิ่งกว่าก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง " ทีนี้ถอยไปได้รึยังพวกสวะ! "
     
         ทั้งฟรานและคอลย์แทบจะพุ่งเข้าขย้ำร่างที่ถือดีตรงหน้าทันทีที่ได้ยินคำว่า 'สวะ' หลุดออกมาจากปากเจ้าชายขี้โอ่ตรงหน้าแต่ติดตรงที่มีมือเล็กมาหยุดร่างทั้งคู่เอาไว้
     
         ดวงตากลมโตที่เคยสุกใส นัยน์ตาสีมรกตที่เคยแพรวระยับอย่างตื่นเต้นไปกับทุกสิ่งรอบตัวเริ่มทอแววประหลาด ดวงตาทั้งคู่ของร่างเล็กเริ่มหม่นแสงลง ใบหน้าติดหวานที่ชอบแง่งอนพร้อมกับสายตาที่มองค้อนผู้อื่นเป็นว่าเล่น บัดนี้ร่างนั้นกับไอบางอย่างออกมาจนทุกคนเริ่มผิดสังเกต ฟรานเอื้อมมือออกไปราวกับจะปรามร่างตรงหน้าแต่มือเรียวของคนที่ตนต้องการจะปรามนั้นหยุดร่างสูงของตัวเองไว้ก่อน
     
         นัยน์ตาสีมรกตทอแววยะเยือกจนร่างสูงของฟรานเริ่มระวังตัวมากขึ้น บรรยากาศรอบห้องบัดนี้กลับกลายเป็นเงียบสงบ ราวกับถูกแรงกดดันจากร่างเล็กเบื้องหน้า คอยล์หันกลับมามองฟรานอย่างหวังคำอธิบายแต่ได้กลับมาเพียงใบหน้าคนที่ดูเคร่งเครียดขัดกับเมื่อครู่ส่ายไปมาเบาๆแทนการตอบ และแล้วเสียงติดหวานของร่างเล็กก็เอ่ยขึ้นทำให้คนฟังพากันขนลุกซู่อน่างเย็นยะเยือก
     
    " 'สวะ' งั้นเหรอ " 
     
    " ทะ ทำไม! สวะอย่างพวกแกจะทำอะไรได้! " โครวีรัสยังไม่หยุดทั้งที่แววตาของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์นั้นเริมทอประกายบางอย่างที่ชิเอลรู้จักดี ประกายของความหวาดกลัว
     
    " เจ้าชายรัชทายาทผู้สูงศักดิ์ " เสียงยะเยือกที่เริ่มแผ่ความกดดันเข้าไปอีกในขณที่ร่างเล็กที่ร่างเล็กเดินวนรอบร่างของบุรุษผู้อวดดีอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ " เป็นถึงรัชทายาทแต่กลับกล่าวว่าผู้น้อยว่าเป็น 'สวะ' คุณสมบัติของการขึ้นเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่นั้นต้องมีหัวใจคือประชาชนและประชาชนที่เป็นฐานของอำนาจ การที่ผู้เป็นรัชทายาทกลับมาแสดงท่าทียโสโอหังและอวดดี มองข้ามและดูถูกผู้น้อยเช่นนี้นะหรือ ที่มีค่าควรคู่กับการขึ้นสืบบัลลังแห่งราชวงศ์ "
     
    " เจ้า! กรอดดด! " โครวีรัสขบกรามแน่นมองร่างเล็กที่อาจหาญต่อกรกับตนผู้เป็นถึงเจ้าชาย ทั้งยังกล้าเอ่ยวาจาดูหมิ่นเกียรติทั้งที่เป็นแค่นักเดินทางผู้ต่ำต้อย ร่างเล็กนั้นแย้มยิ้มอย่างเยียบเย็นมองเหงื่อเม็ดกาฬที่ปรากฎบนใบหน้าของเจ้าชายผู้อวดดี
     
    " เจ้าชาย ท่านกำลังเอ่ยวาจาดูถูกเหยียดหยามผมและเพื่อนผ่านทางความคิดและท่าทางดูถูกของท่าน แต่แท้จริงแล้วรู้หรือไม่ ว่าภายในนั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย จะเลือดขอทานหรือเจ้าชายก็ล้วนเป็นสีแเดง " นัยน์ตาสีมรกตยังคงเย็นยะเยียบขณะที่สั่นระริกอย่าางขบขับไปกับความหวาดกลัวของผู้อื่น " และไม่ว่าเป็นใครก็ตายได้ทั้งนั้น! "
     
         นัยน์ตาสีมรกตทอประกายเยียบแต่แฝงไว้ด้วยความกร้าวเมื่อข้อมือบางพุ่งเข้าใส่ร่างผู้ที่อโยสอวดดีที่บัดนี้ดวงตาของผู้เป็นเจ้าชายกลับฉายแววของความหวาดกลัวอย่างไปอาจปิดบัง
     
    " ชิเอล! " ฟรานหยุดข้อมือบางก่อนที่มันจะได้ลิ้มลองรสชาติของโลหิต
     
         ร่างสูงที่ดึงข้อมือบางเอาไว้มองคนที่อยู่ด้านหน้าอย่างไม่เข้าใจการกระทำแต่แล้วก็ต้องผงะเมื่อดวงตาคู่ที่แปลกไปนั้นหันกลับมา ราวกับไม่ดวงตาคู่เดิม ราวกับว่าคนตรงหน้านั้นไม่ใช่ชิเอลที่เขารู้จัก
     
    " อ่ะ! " 
     
         แววตาที่ทอประกายสดใสนั้นหวนกลับมาอีกครั้งก่อนที่ร่างเล็กจะมือข้อมือตนที่ถูกกุมเอาไว้ นัยน์ตาสีมรกตที่ร่างสูงนั้นคุ้นเคยมองการกระทำของผู้ที่เกาะกุมมือบางตนเอาไว้ด้วยไม่เข้าใจเท่าไร ฟรานมองร่างเล็กที่ดวงตาส่อแววความไม่เข้าก่อนจะเอ่ยกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน " เมื่อกี้หนุ่มน้อยจะทำอะไร? "
     
    " เมื่อกี้? ผมทำอะไรเหรอครับ? "
     
    " นายไม่รู้ตัวเหรอ " คอลย์ถามหลังจากเห็นใบหน้าที่แสดงถึงความไม่เข้าใจของร่างเล็กตรงหน้่า
     
         ฟรานมองหน้านักดนตรีแห่งเซลวาสที่ทีเเรกตนไม่ได้ตั้งใจจะให้ได้ยินแต่มารู้เรื่องเข้าเสียได้ ร่างสูงเล่าเรื่องที่เกิดให้กับชิเอลซึ่งร่างเล็กก็มีท่าทีดังกับไม่รู้เรื่องใดเลยทั้งที่ร่างเล็กนั้นเป็นคนยืนอยู่ตรงหน้าเหตุการณ์เลยด้วยซ้ำ
     
         ซีคเกอร์แห่งเคอวามองร่างเล็กที่เป็นนักเดินทางกัมมะลอกับนักดนตรีที่ถูกดึงเข้ามาอย่างไม่ได้เจตนาด้วยความคิดบางอย่างก่อนจะเผยรอยยิ้มชวนสยองออกมานั้นทำให้ชิเอลได้รู้ว่าต่อจากนี้ท่าทางจะหาความสงบสุขได้ยากซะแล้ว
     
     
     
     
     
         ด้านหลังบานประตูที่ทุกคนเห็นว่ามันปิดสนิทแน่นหนาดีนั้น มีร่างทั้งเจ็ดจองเหล่าผู้ทรงอำนาจแห่งฟรัวเทียยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอกอย่างเงียบเชียบด้วยแววตาที่หลากหลายปะปนกันไปก่อนที่สตรีผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ในชุดสีเขียวทมิฬจะเอ่ยท่ามกลางความเงียบของผู้ที่เฝ้ามองดู
     
    " เด็กนั่นเป็นใคร? " เซนเทอเรียหันไปทางชายชราผู้ที่น่าจะให้คำตอบได้มาที่สุดแต่ก็ต้องผิดหวัง
     
         มหาปราชญ์เธโอเดนยืนมองร่างทั้งสองที่ดูสง่าเกินกว่าจะเป็นแค่ซีคเกอร์และนักเดินทางธรรมดาด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะเบนสายตาไปที่อีกร่างของนักดนตรีที่แววตาสีชานั้นแลดูราวกับจะรอเก็บบันทึกเรื่องทุกเรื่องไว้ภายในไม่ให้ตกหล่นไป
     
    ...เพิ่มมาอีกหนึ่ง ' คอลย์ เบโทฟิส ' ...
     
         ร่างทั้งหกมองชายชราผู้ทรงภูมิฐานเบื้องหน้าอย่างเฝ้ารอกระทั่งบุรุษผู้มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบจะกลืนไปกับสีของรัตติกาลบนเส้นผม ' เลโกลัส ' เอ่ยขึ้น พลางจ้องมองร่างชราของผู้ที่ตนเคารพ
     
    " ท่านคิดจะทำอะไร ท่านมหาปราชญ์ "
     
         ชารชราเจ้าของชื่อเบือนหน้าไปที่ทาบรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเจ้าของคำถามผู้ซึ่งแววตานั้นเรียบนิ่งไร้ซึ่งแววหรือประกายใดทอออกมา
     
         บัลร็อกมองร่างที่มีเส้นผมและสีของดวงตาเหมือนกับตนด้วยความสงสัยก่อนจะเบือนสายตากลับมาหาร่างสองร่างที่กำลังจ้องตากันอย่างไม่มีลดละ หนึ่งนั้นคือเธโอเดน ชายชราจ้องมองร่างผู้เยาว์กว่าด้วยสายตาที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความสุขุม ส่วนอีกร่างที่ดูกลายเป็นเด็กเมื่ออยู่ต่อหน้าเธโอเดน เลโกลัสจ้องชายชรากลับด้วยสายตาของความว่างเปล่าแต่เขารู้ดีว่ามีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังแววตาที่เรียบนิ่งแค่ฉาบหน้าเท่านั้น
     
    " ข้าว่า... " บัลร็อกมองทั้งคู่ก่อนก่อนจะเอ่ยต่อ " ตอนนี้พวกท่านควรออกไปได้แล้ว "
     
         เสนาธิการทั้งสี่ที่ยืนมองเหตุการณ์การอยู่เงียบๆแม้แต่เซนเทอเรียก็รีบพยักหน้าเห็นด้วยกับบัลร็อก หนึ่งเพราะการให้เด็กพวกนั้นรอคงไม่เป็นการดีและหากปล่อยไว้นานกว่านี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีกและสอง ไม่มีใครอยากโดนลูกหลงไอยะเยือกแช่เเข็งของเลโกลัส
     
         มหาปราชญ์เธโอเดนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีชาของผู้ที่มายุติเกมส์จ้องตาราวกับจะค้นหาบางสิ่งที่อยู่ภายในจนบัลร็อกต้องเป็นฝ่านเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธโอเดนเห็นเช่นนั้นก็ยื่นมือที่เต็มไปด้วยรอยย่นไปขยี้เส้นผมสีชาจนดูไม่ได้ ก่อนที่นัยน์ตาสีเทาขุ่นจะทอยิ้มอ่อนโยนราวกับเป็นการปลอบประโลม
     
    " ไม่เคยมีผู้ใดที่สามารถขัดขวางโชคชะตาได้ แต่หากผู้ใดยังคิดฝืน ก็ควรทำใจยอมรับผลที่จะตามมาตั้งแต่ต้น "
     
         มหาปราชญ์นิ่งมองร่างสองร่างที่ดวงตาสีน้ำเงินและสีชาวูบไหวพร้อมกันก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็วแต่นั้นก็ไม่พ้นสานตาอันเฉียบขาดของชายผู้ทรงวัยวุฒิที่สุดไปได้ก่อนจะเอ่ย
     
    " เด็กคนนั้นจะเคยเป็นใครไม่สำคัญอีกแล้วเพราะตอนนี้ 'ชิเอล เซโรท' คือคนของฟรัวเทีย "
     
     
     



     
     
     
    [TBC]
     
     
    มาแว้วววววววววววว เจ้าค่ะ
    ห่างหาย(หัว)ไปนานอีกครั้งเพราะข้าน่อยต้องไปโรงเรียนเลยไม่ค่อยมีเวลาลง
    รู้สึกว่าตัวละครหญิงยังเปิดตัวไม่มากพอเพราะเริ่มมีคนคิดอีกแล้วว่านี่มัน 'วายยยยย'
     
    แต่หาใช่ไม่ นี่มิใช่บอยเลิฟแต่อย่างใด (แต่แกจะใช้สีม่วงทำไม/ ข้าน้อย: สุขใจผิดป่ะ>0<)
     
    ช่างไปก่อนเรื่องนั้นเพราะตอนนี้ข้าน้อยกลายเป็นเด็กวิทย์แล้ว ฮุฮุ-.,-
    ความจริงหลังการรอคอยราวเจ็ดวันที่ข้าน้อยปรารถนาให้ไม่มีชื่อตัวเองติดห้องวิทย์!!!!(อย่าไปแอบบอกพระราชานะ)
    การเรียนห้องวิทย์ทำให้ไม่มีเวลามานั่งเล่น ทำตัวไร้สาระไม่ได้ทำให้ข้าน้อยไม่ปลื้มเท่าไร
    และเมื่อวันก่อนไปงานหนังสือมาด้วยยยยย>0<
    สามสิบนาที1390บาท ข้าน้อยอยู่สามชั่วโมงครึ่งผลาญเงินแผ่นดินของพระราชาไปเท่าไหร่กันเน้อ (อย่าไปคิด)
    และตามที่พูดต่อให้ไม่มีคนอ่านข้าน่อยก็จะแต่งFrawteerต่อไปเพราะอยากแต่ง คริคริ-.,-///
    แล้วเจอกันนะเจ้าคะ จุ้บๆ-3-
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×