the searcher นักสำรวจ - the searcher นักสำรวจ นิยาย the searcher นักสำรวจ : Dek-D.com - Writer

    the searcher นักสำรวจ

    เมื่อมนุษย์พบผู้มาเยือนจากอวกาศ

    ผู้เข้าชมรวม

    307

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    307

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ม.ค. 51 / 17:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นักสำรวจ   THE  SERCHER

       

                         อีก 1 นาที  ยานอวกาศจากดวงดาวที่อยู่แสนไกลจะร่อนลงบนโลก ที่ท้องสนามหลวง  เวลาขณะนี้  11 นาฬิกา  59 นาทีของวันที่  9  กันยายน 2550

                                  บริเวณ โดยรอบท้องสนามหลวงเนืองแน่นไปด้วยประชาชน นับหมื่นคน  ทุกคนแหงนไปมองบนท้องฟ้า  นักข่าว  ตำรวจ  ทหาร  การจราจรถูกปิด

                                  บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด  เสียงนกพิราบบินฉวัดเฉวียนไปมาด้วยความตี่นเต้น กลางท้องสนามหลวง สิ่งปลูกสร้างถูกย้าย  ปรับเป็นพื้นที่ราบเตียนโล่ง

                                 มีการสร้างสัญลักษณ์  รูปวางทรงเรขาคณิต ขนาดใหญ่ เพื่อเป็นเครื่องหมายให้ผู้ที่กำลังจะมาถึงได้เป็นจากด้านบนท้องฟ้า  รูปวาดนี้เป็นภาษาของต่างดาว ถูกวาดไว้กลางสนามหลวง

                                เงาดำของพาหนะมหึมา บดบังดวงอาทิตย์ยามเที่ยง  มันค่อยๆ ลดระดับลงมาเรื่อยๆ  รูปทรงกลมคล้ายชามข้าวสีเงินส่องประกาย  กางขาทั้งสี่  ออกช้าๆ  ไม่มีเสียงเครื่องจักรกล  การทำงานของระบบทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบกริบ

                               พวกนักข่าวต่างกรูเข้าไปใกล้ของของเงาดำ  ที่กำลังทาบทับเกือบทั้งหมดของสนามหลวง

                               ตึก.........ตึก...........ขาทั้งสี่ของจานบิน กระทบพื้นอย่างแผ่วเบา

                               ฝูงชนโดยรอบ ยกมือพนมท่วมหัว  ตะโกนประโยคเดียวกันดังอื้ออึง   กังวานก้อง

                               สาธุ.....ราม.............สาธุ

                                ประตูโลหะ เปิดออกมาจาก  จานบินทรง  แบนกลม มีโคมใหญ่มหึมาอยู่ตรงกลาง  บันไดยาวทอดลงสู่พื้น  ร่างสีทองของบุรุษรูปงาม  ก้าวออกมาจากยาน  บนหัวมีประกายแสงเจิดจ้า  แขนทั้งสองข้างส่งสัญญาณทักทายสวัสดี

                                ขออวยพรให้ทุกท่าน  ที่มาต้อนรับ  มีความสุขความเจริญเขาพูดกับทุกคนทางกระแสจิต   ทุกๆอย่าง  เงียบ...สงบ

                                สาธุ........ราม.............สาธุ

                                 เรามาเพื่อทำโลกนี้ให้มีแต่ความสงบสุข

                                 ตองเอ ค่อยๆลืมตา  เด็กน้อยกำลังฝันดี เธอขยับร่างกายเบาๆมองนาฬิกาที่ผนัง หกโมงครึ่ง อากาศสดใสไม่มีฝน

                                 เธอเดินลงมาทานข้าวเช้าที่แม่ทำไว้เปิดทีวีดูการ์ตูนสักพัก วันนี้ไม่มีอะไรจะต้องรีบร้อน โรงเรียนหยุดเทอมวันแรก การ์ตูนจบเวลาแปดนาฬิกา เธอเปิดดูข่าวเช้า

                       ท่านรามเทพเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เคยมาเยือนโลกเมื่อหลายพันปีก่อน นี่เป็นรูปของท่านที่พวกมายาสลักไว้บนปิระมิด

                        ดร. วรวรรณ  ยกรูปถ่ายคล้ายมนุษย์อวกาศสลักอยู่บนหินให้นักข่าวดู

                                 พวกมายาถูกวางรากฐานความเจริญด้านต่างๆเอาไว้  ท่านรามเป็นคนสอนให้คนป่าพวกนี้

                                 อีกที่หนึ่งในอินเดีย  ท่านรามลงมานำทัพอารยันผิวขาวสู้กับพวกทมิฬชาวพื้นเมือง ขับไล่ไปทางใต้  สถาปนาอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ  สงครามที่พวกเราเรียก รามเกียรติไง

                        ดร. วรวรรณ  เป็น นักวิทยาศาสตร์ที่สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ทางโทรจิต  ท่านเป็นผู้นำลัทธิพระเจ้าจากอวกาศ  มีลูกศิษย์มากมาย  ตลอดชีวิตของเขาได้ศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว  อย่างลึกซึ้ง  การปฐกถาและอภิปรายในสถานที่ต่างๆทั่วโลก  ทำให้เขาเป็นที่ยอมรับในสังคมผู้คนต่างเลื่อมใสและศรัทธา

                                วันนี้  ดร. วรวรรณ  บอกทุกๆคนว่า เวลาเที่ยงตรงยานของรามเทพ  ผู้เป็นพระเจ้าจะลงมาจอดที่สนามหลวงการเตรียมการต้อนรับถูกกระทำอย่างลับๆ  ล่วงหน้ามาหลายเดือน  รูปสัญลักษณ์  ถูกวาดลงบนสนามส่วนกลาง

                                พ่อคะ  วันนี้ ไปดูจานบิน รามเทพ กันนะ

                                พ่อว่ามันไร้สาระ  ลูกอย่าไปสนใจเลย  มีแต่พวกงมงายเท่านั้นแหละ  พอเที่ยงตรงก็จะ...

                                คุณพ่อผิวปาก

                               ไม่มีอะไร   แล้วอีตาคนนั้นก็จะบอกว่า  คนมากไป  ยานไม่กล้าลงอะไรอย่างนี้ คุณพ่อขยับแว่นตาผมเป็นกระเซิง

                               หนูเชื่อหรือว่าจะมี  พระราม ถือศรลงมาจริงๆ  อายุท่านคงจะเป็นพันๆปี

                               ความจริงในเมืองไทยเราที่เมื่อ  สองพันกว่าปีก่อน พระพุทธเจ้าท่านเคยเหาะมาแวะพักบนเขาแถวสระบุรีเชียวนะ

                                ไม่เห็นเคยเรียนมาก่อน  ท่านมาจริงๆหรือคะ ตองเอสาวน้อย อ้าปากหวอ

                                อ้าวก็  พระพุทธบาทไงท่านเหาะมาประทับรอยเท้าไว้  แล้วพรานก็ไปพบ  เอาน้ำมาล้างตัวก็หายจากโรคกลากเกลื้อน  กวางถูกยิง กินน้ำ ก็หายจากการถูกยิง

                                พ่อเนี่ย..........ตองเอ บ่นพึม

                                ไปดู จานบินกันตองเอ  บึ้ง

                                 ไม่ไป  วันนี้ต้องช่วยแม่ซักผ้า  ถูบ้าน  ทำสวน

                                 พ่อจะทำ....ตองเอ ถาม

                                 ไม่  ใช้หนูต่างหาก

                                 ตองเอเดินส่ายอาดๆ ไปนั่งดูการ์ตูนต่อ  กินขนมไปบ้าง กระดิกขาเล่นบ้าง  เอาอะไรเป็นสาระไม่ได้

                                เธอนึกถึงความฝันยามรุ่งเช้า  คงจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นในวันนี้แน่ๆ เสียงแว่วดังมาจากทีวี

                               นี่เป็นสัญลักษณ์   สถานที่จอดยานอวกาศที่พวกมายาทำเอาไว้  นี่เป็นของ อิเดีย  จะเห็นว่าเหมือนกัน ทั้งที่ อยู่กันคนละซีกโลก  เราทำสัญลักษณ์ เดียวกันนี้ไว้ที่สนามหลวง  มันแปลความหมายได้ว่า  ยินดีต้อนรับ  ท่านเอาหัวยานไว้ชิดตรงด้านโน้นนะ  อะไรทำนองนี้ละ

                               เกือบเที่ยงตรง  ทุกอย่างเป็นเหมือนในฝัน  ตองเอดูทีวีซึ่งออกจากรายการปกติทุกช่อง  ถ่ายทอดสดมาจากท้องสนามหลวง

                               ดูเหมือนสื่อทุกๆชนิดจะรู้เรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องจริง มานานแล้ว  มีการเตรียมการทุกอย่าง  รวมทั้งพวกหน่วยงานรัฐ  ที่มีการเตรียมพร้อม

                               เที่ยงตรง  ยานรูปทรงจานบิน  ค่อยๆปรากฏขึ้น รูปร่างเหมือนที่ฝันจริงๆ  ตองเอ  ขนลุกซู่   ท่านรามมาจริงๆ  เธอเบิ่งตาดูทีวีอย่างตื่นเต้น

                               ประตูเปิดออก  ร่างสูงกว่า 4 เมตร  ก้าวออกจากประตู  มันเป็นร่างของปีศาจ ตัวสีดำสนิท มีเขา 2 อัน บนหน้าผาก  ปากแสยะยิ้มน่ากลัว   ข้างหลังของมันเป็นปีกหนังเหมือนค้างคาว  เล็บแหลมกรีดขอบโลหะของยาน  เสียงแสบหู

                               แขน 2 ข้าง  ส่งสัญญาณ  ทักทาย  ขณะที่ร่างสูงทะมึนก้าวออกไปข้างหน้า

                      ทุกๆคน ต่างรู้สึกหนาวเยือกเข้าถึงขั้วหัวใจ  เป็นความกลัวที่สุดที่ส่งกระแสกลับไปในอดีต  นานนับพันปี

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×