เทพฤทธิ์
เมื่ออัศวินมืดถูกความดีด้านสว่างเข้าครอบงำ
ผู้เข้าชมรวม
243
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เทพฤทธิ์ THE BANDIT
“ไปลงนรกซะ ไอ้พวกเฉิ่ม” ด้วงควบมอเตอร์ไซค์ บี เอ็ม ดับเบิลยู อาร์ เจ็ด เฉียดเข้า ใกล้ เฟอร์รารี่ สปอร์ตสีแดง
สีหน้าเจ้าหนุ่ม บนรถสปอร์ต เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้รถพลังม้าลำพอง จะพยายามหนีเจ้าสองล้อ ขนาดยักษ์ไปด้วยความเร็ว สุดตีนปลาย บนทางด่วนที่ว่างเปล่าปราศจากรถในยามเที่ยงคืน แต่ก็ไม่พ้นการติดตาม ของเ จ้าสองล้อสีดำสนิท
ถุงมือหนังกระทุ้งไปที่กระจกมองข้างเจ้าสปอร์ตสีแดงจนหักยับคามือ เจ้าหนุ่มเฟอร์รารี่หมดสมาธิ ไม่สามารถควบคุมรถได้อีกต่อไป รถหมุนคว้างชนขอบกำแพงทางด่วนเปลวไฟสาดเป็นทาง กว่ารถอันทรงพลังจะหมดฤทธิ์ รถก็ครูดไปเป็นทางยาวร่วมครึ่งกิโล
“สาวสวย ว้าว....” ด้วงเดินลงไป มองสาวสวยที่นั่งข้างๆไอ้เฉิ่ม “สงสัยรถจะเสียซะแล้ว มาพี่พาไปส่ง”
เขากระชากสาวร่างสะคราญในชุดที่ ประหยัดผ้าที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยตัดชุดสำหรับผู้หญิงมา
“เอารถไปซ่อมซะ” ด้วงเอานิ้วชี้จิ้มหน้าคนขับ
“เดี๋ยวพ่อจะตี เอารถพ่อมาขับเล่นดูซิ พังยับเยิน”
สาวน้อยหันมาทำตาเขียวใส่ ไอ้หนุ่มเฟอร์รารี่ ก้าวเดินตามด้วงไปอย่างเต็มใจ
บี เอ็ม ดับเบิ้ลยู สองล้อตะกุยหายลับไปอย่างรวดเร็ว
ด้วงในชุดหนังสีน้ำตาล เชิ้ตสีน้ำตาล ถุงมือหนังสีน้ำตาลเช่นเดียวกัน
“ไปไหนกันดีล่ะ ไปบ้านพี่ไหม อยู่บนยอดตึกใกล้สวรรค์ที่สุดแล้วในกรุงเทพ” ด้วงพูดผ่านเครื่องขยายเสียงในหมวกกันน๊อค
“แล้วแต่พี่เถอะค่ะ” สาวสวยในชุดวาบหวาม ตอบเสียงห้าว กอดเอวสิงห์นักบิดแนบแน่น
เหมือนเกิดประกายไฟในหัวกะโหลก ด้วงคว้ามีดปลายแหลมที่หัวเข็มขัด จิ้มลงที่มือสาวน้อยที่กอดกุมเอวเขาอย่างพิศสวาท
“เจี๊ยก...........” ร่างงามปลิวออกจากอานกระแทกกำแพงทางด่วน ศพตกลงกระแทกพื้นเบื้องล่างเละแหลกเหลว
ด้วงควบสองล้อเร่งความเร็ว หนีจากด้วยความสะอิดสะเอียน “หนอยจับซะแน่น เชียวนะไอ้กระเทย”
อีกไม่ถึงนาที เมื่อถึงด่านบางนา พระจันทร์ดวงกลมโตลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า
ตำรวจที่ตั้งด่านมอง สิงห์มอร์เตอร์ไซค์ ในชุดหนังสีน้ำตาล ผ่านหน้าแวบเร็วเหมือนสายฟ้า ทำหน้าเซ็งๆ ก้าวช้าๆ เดินขึ้นสตาร์ทมอร์เตอร์ไซค์ นั่งนึกอะไรเล่นแวบหนึ่งก่อนก้าวเดินช้าๆไปนั่งเฝ้าด่านเหมือนเดิม
“ไอ้ ซื่อบื้อ” ด้วงพึมพำมองกระจกหลัง เมื่อไม่เห็นตำรวจไล่ตามหลัง เขาวนรถกลับมุ่งตรงผ่านด่านเก็บเงินบางนา เขาจอดสองล้อคันเก่งอย่างสุภาพ
“ค่าทางด่วนครับ” พลางทุบป้อมเก็บเงินปัง.......ปัง.........ปังเป็นเชิงเรียก “ไอ้ซื่อบื้อ”
เขาตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงในหมวกกันน๊อคแสนแพง แต่จ่าแก่ๆ 2-3 คนนั่งเฉย พยายามไม่สบตาเขา
“เฮ้อ ทำไมมันไม่มีน้ำยากันเลย” ด้วงบ่นพึมพำ หันมามองคนเก็บเงินสาวสวยในป้อม
“เออ โว้ย สวยดีนี่หว่ามากับพี่ดีกว่า” ว่าพลางกระชากตัวสาวเก็บเงินขึ้นนั่งคร่อมเจ้า บี เอ็ม คันยักษ์ “บอกว่านั่งคร่อม ไม่ใช่หันข้างอย่างนั้น”
เขาดุผ่านเครื่องขยายเสียง พลางหันไปสบตาจ่าๆในด่านซึ่งก็เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนไม่พยายามสบตาเขาเหมือนเดิม
“ทำไมวันนี้มันอะไรกันนักหนา ไม่มีใครสนใจด้วงเลย”
เขารำพึงในใจ ก่อนควบรถพาสาวพนักงานเก็บเงินค่าทางด่วนไปขึ้นสวรรค์
เป็นเวลากว่าปีแล้วที่การตามไล่ล่า นักบิดชุดหนัง สีน้ำตาล ประสบความล้มเหลว ฝีมือการขับระดับเทพทำให้ทางการต้องสูญเสียเงินและชีวิต ของตำรวจทางด่วน ในที่สุดทุกๆคนก็ยอมแพ้
“พี่ขาหนูขอดูหน้า พี่หน่อยซิ เก่งอย่างนี้ ต้องหล่อแน่ๆ.....เลย”สาวพนักงานเก็บเงินมองเรือนร่างกำยำในสภาพเปลือยเปล่าหัวสวมหมวกกันน๊อค ภายหลังเสร็จกิจสมอารมณ์หมาย
“เสียงอย่างนี้ต้องเป็นตำรวจปลอมตัวมาแน่ๆ” เสียงกังวานผ่านหมวกสีดำเหมือนจับผิด ฝ่ามือจับคออ่อนระหง
“ดูก็ได้แต่ต้องตายเอาไหม” เงาอำมหิตฉายแวบผ่านกระจกที่ปิดหน้า เธอส่ายหน้า อย่างหมดหวัง น้ำเสียงสั่นเครือ
“ขออีกทีได้ไหมพี่ เมื่อกี้มันยัง แว๊บ.......แว๊บ ยังไม่ทันตั้งตัวคราวนี้จะตั้งใจ.....ค่ะ”
“ก็ได้.............แต่ต้องบนรถนะ เดี๋ยวพวกน้องตามพี่มา...........ก็ไม่ได้เจอกันอีกละซิ” ร่างแข็งแรงอุ้มสาวร่างกระทัดรัด ก้าวออกจากห้อง ควบตะบึงกันต่อบนอานมอร์เตอร์ไซค์ ซึ่งแล่นออกจาก วิมานฉิมพลี ในยามรุ่งสาง เสียงเครื่องยนต์ดังประสานกับเสียงครวญครางเร่าร้อนของทั้งคู่ ลูกสูบบนอานขับเคลื่อน เบาบ้างแรงบ้าง สลับตามจังหวะรัก
ด้วงในชุดสูทสีน้ำตาล กางเกงยีนส์ ยืนหน้ากระจกเงาบานใหญ่ ในคฤหาสน์ หลังใหญ่ทรงผมหวีเรียบ ผมไม่กระดิก คืนวันอาทิตย์ ผ่านไปอย่างน่าประทับใจ หลังจากนอนหลับสนิทไป 5 ชั่วโมง เขามองแก้วสีขุ่นอย่างเดือดดาล มือปัดออกไปข้างๆอย่างจงใจ จ้องไข่ดาว ที่มีความสมดุล ไข่แดงต้องอยูตรงกลางเป๊ะ อย่างนี้สิ ก่อนจะใช้มีดตัดแบ่งออกเป็นสี่ส่วนอย่างสมดุล เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จเขารวบช้อนส้อมเข้าที่ ศูนย์กลางของจานอย่างเป็นระเบียบ
เขาเดินผ่าน กึ่งกลางของประตูไปยังห้องทำงานลูกน้องทั้งสี่คนนั่งอยู่คนละฝาก ฝากละสองคน
“นี่อะไร.........” ด้วงมองสิ่งแปลกๆเบื้องหน้ามันเป็นเครื่องจักรสีเงินแวววาว
“หุ่นยนตร์ตลกครับ” ลูกน้องของเขาตอบ
“ทำงานอย่างไร.....ล่ะ” ด้วงจ้องตาเป็นประกาย
“เรื่องของ........กู” เจ้าหุ่นตอบหน้าตาเฉย..........
ด้วงทรุดลงบนที่นั่งกลางห้อง หัวเราะ....แล้วก็หัวเราะ..........
ด้วงเป็นทายาทของตลกผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย.........บิดาของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่ เขาอายุได้ 8 ขวบ ถามว่าเป็นอะไรตาย
“ก็อายุตั้ง 86 ปีแล้ว คงจะแก่ตายมั๊ง”
หลังจากพ่อตาย วงการตลกก็เข้าสู่ยุคตกต่ำ หนังที่พวกตลกกำกับเคยทำเงินได้ 156 ล้านบาท แต่เรื่องต่อมากลับทำเงินได้แค่ 1 ล้าน หกแสนบาท พวกตลกซึ่งเลี้ยงเขามา หวังว่าเขาจะทำให้วงการตลกกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง
ตอนนี้เขาอายุได้ 18 ปี ตำแหน่งปัจจุบัน อุปราชตลก และเมื่อเขาอายุครบ 20 ปี เ ขาจะได้เป็น ราชา ตลก
ด้วงในวัย 18 หน้าตาดีเหมือนแม่ ผิดจากพ่อที่หน้าเหมือนลิงแสม เขาไม่ชอบตลก หรือพวกตลก และเขามีอารมณ์รุนแรงเหมือนภูเขาไฟ ที่จะระเบิดได้วันละ 3เวลา
“แกชื่ออะไร” ด้วงกระแทกเสียงใส่ไอ้หุ่นยนตร์
“เรื่องของ...........กู” เจ้าหุ่นยักคิ้วหน้าบึ้ง
“อยากตายหรอ”
“เรื่องของกู” เจ้าหุ่นตอบแบบไม่สนใจสายตามันจับจ้องแมว ริชาร์ดที่เดินผ่านอย่างสนใจ
“ชอบแมว.....หรอ”ด้วงถามเอาใจ
“เรื่องของ....กู” เจ้าหุ่นหยิบแมวขึ้นมากอด
ด้วงคิดอะไรได้ “เรียกสมเดชมาซิ”
สมเดช เดินสั่นๆ เข้ามาในห้อง เขามองด้วงด้วยสายตาหวาดกลัว กริยาสะท้าน สะเทิ้น ใบหน้า ซีดเผือด
“สมเดช.........”ด้วงตวาดเสียงดัง
ปู้ด......ด ปู้ด.......ด สมเดช ตดอย่างสะเทิ้นอาย
เจ้าหุ่นได้ยินเสียงสมองไวกว่าความคิด
“เรื่องของกู......” ด้วงหัวเราะงอหาย กลิ้งไปบนพื้นอยู่พักใหญ่ เมื่อเก็บอาการที่หกหล่นบนพื้นครบ เขายืนไขว้มือไว้ด้านหลัง ยืนมองสวนหน้าบ้านที่ยาวกว่าครึ่งกิโลเมตร
รูปปั้นของพ่อ ขนาดเท่าตัวจริง ตั้งอยู่ใจกลางสวน
ราชาตลกผู้ยิ่งใหญ่ ภาระอันหนักอึ้งที่เขาต้องแบกรับในฐานะผู้สืบทอด ทุกคนตั้งความหวังและฝากชีวิตไว้กับเขา ตอนพ่อมีชีวิต แค่พ่อแหลมออกมา ทุกคนก็ฮากันกลิ้ง.ง.
ด้วงนึกถึงคุณพ่อหน้าลิง สมัยเมื่อเขายังเล็กๆ พ่อมักจะใช้เวลาว่างอยู่ในห้องสมุดส่วนตัว ห้องที่เขาไม่เคยเข้าไปตั้งแต่พ่อจากไป
“เวลา เศร้าเหงา คิดอะไรไม่ออก ตลกฝืด หนังสือคือเพื่อนที่ดีที่สุด” พ่อเคยพูดกับเขา
“ในห้องสมุดห้องนี้มีเพื่อนๆเต็มไปหมด มาดูนี่สิ โอเฮ็นรี่ เช็คสเปียร์.....ออสการ์ ไวล์..........”
ด้วงก้าวเดินผ่านห้องที่เต็มไปด้วย หนังสือและหนังเก่าๆ วางเรียงซ้อนมากมายมหาศาล เขาหยิบ เทมมิ่งออฟเดอะครู เปิดอ่านอย่างเพลิดเพลิน เวลาผ่านไป เขาถึงได้รับรู้ว่า ตลกที่ดีก็คือ ตลกที่บรรจุไว้ด้วยปัญญา นั่นสิ พ่อดูดีกว่า พวกตลกไร้สะระไปวันๆ และตั้งแต่นั้นมา สิงห์นักบิดในชุดหนังสีน้ำตาลก็หายไปจากถนนยามค่ำคืน แทนที่ด้วยชายที่พร้อมจะก้าวสู่ ตำแหน่งราชาตลกอย่างเขาด้วง ชีวิตของเขา ผ่อนคลาย ภาระอันหนักอึ้งที่รออยู่เบื้องหน้า มีเพื่อนในห้องสมุดช่วยอย่างเต็มที่
ผลงานอื่นๆ ของ merisa ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ merisa
ความคิดเห็น