หมูกระทะ pan shop 1 - หมูกระทะ pan shop 1 นิยาย หมูกระทะ pan shop 1 : Dek-D.com - Writer

    หมูกระทะ pan shop 1

    เรื่องในวงการบันเทิง ที่คุณๆก็รู้

    ผู้เข้าชมรวม

    248

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    248

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 พ.ย. 50 / 09:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      หมูกระทะ   PAN SHOP

                    
      “ผมคิดว่า  เราต้องใช้ดาราที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น  การใช้ดาราทีวี  มันเหมือนภาพลวงตา  ดูว่าในทีวี คนจะชอบกันแต่เมื่อทำเป็นหนัง  พวกดู ทีวี เขาไม่ได้ดูฟรี  พวกนี้ไม่ซื้อตั๋วมาดู แน่  ส่วนพวกวัยรุ่น  ก็ไม่ดูพวกละครหลังข่าวกันอยู่แล้ว”
                            
      ชวลิต ผู้อำนวยการสร้างวัยกลางคน  ลูบผมสีดอกเลาออกความเห็น  เขาขยับนาฬิกาข้อมือ
                          
        มันเป็นเวลา  19.00 น. แล้ว เขาเหม่อมองไปที่ประตูเหมือนรอใครบางคนอยู่ 
                          
      “ใช่ พวกดาราทีวี เล่นแข็งกันทุกคน  กว่าจะผ่านได้ก็หมดฟิล์มไปหลาย  ใช้พวกฟรีแลนซ์อย่างอนันตะ  หรือน้องจ้า  ยังเวิร์คกว่า”
                           
      อดุลย์  ผู้กำกับหนุ่มใหญ่  แสดงความเห็นด้วย
                          
      วิกฤติของบริษัท  กรุงเทพฟิล์ม กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อหนังที่ปล่อยออกมาฉาย  4 เรื่องรวดใน 2 เดือน  เจ๊งระนาว  ภาวะขาดทุนเกิดขึ้นจนอาจต้องปิดบริษัท
                          
        “ใช้พวก Bf ดีไหมล่ะคะ” มาลัยนักเขียนบทสาวแทรกขึ้นมา “ถ้าใช้พวก Bf เราก็จะได้  พวกวัยรุ่นมาเป็นลูกค้า”
                           
      “เขา ก็ป๊อป แค่ช่วงหนึ่งพอประกาศผล แพ้ชนะจบกระแสก็ซา”  ชวลิตผู้อำนวยการสร้าง  พูดแบบกลุ้มๆ “อีกอย่าง พวก Bf ก็เคยเล่นหนังผีมาแล้ว  พอออกมาก็เจ๊ง”  ชวลิต  นึกถึงหนังเรื่องนั้นไม่ออก
                            
      “อย่างนั้น ทำเป็นการ์ตูน ดีไหมละ  ไม่ต้องใช้ดารา” มาลัยเริ่มออกอาการสติใส
                           
      “เด็ก ที่ไหนมันจะมาดูการ์ตูนผีละ  อย่างนั้นมิต้องฉายวันเด็กด้วยละสิ”อดุลย์ กล่าวสัพยอกมาลัย  นักเขียนคู่ใจ
                            
      “ผมว่าใช้พวกตัวตลกก็ดีนะ  เอาพวกฟรีแลนซ์ มาบวกกับตลกเป็นไง  อนันตะ  วีเจจ้า  ตลกชวนชม   แล้วก็....” ยังไม่ทันที่ชวลิต  จะพูดจบ  มาลัยก็รีบแทรกตามนิสัย 
                    
      “โกวตี่”
                             
      “ใช่.....ตอนนี้ต้องโกวตี่”  ชวลิตชื่นชมมาลัยที่รู้ใจ
                            
      “แต่ผมว่ามันผิด  คอนเซป ของบริษัท ยังไงอยู่นะครับ” อดุลย์ผู้กำกับหนุ่มติง
                            
      “ก็ไอ้สี่เรื่องที่พังนี่มันก็ แนว ซีเรียสทั้งนั้น  ตั้งแต่  รถเมล์ผี  เขาปีศาจ  พ่อเลี้ยงผี  แล้วก็  แอ๊บแบ๊ว 3”  
                            
      มาลัยพยายามนึกว่า ไอ้แอ๊บแบ๊ว 3 นี่มันมาได้อย่างไร  ภาค 1 กับภาค 2 ฉาย ทีวี ยังไม่มีคนดู
                           
      “เราจะเปลี่ยนแนวเป็นผีตลก  มีกระเทยด้วย”  มาลัยเสนอความเห็น  แต่เธอรู้สึกเหมือนมีคนทำมาแล้วสักเรื่อง
                              
      “เอา อนันตะ  มาเล่นหนังผีตลก  กระเทยอะนะ   เขาคงจะยอมหร๊อก....”
                            
         อดุลย์คิ้วขมวด  นึกว่าจะทำอย่างไรดี  ถ้าอนันตะเกิด ติสแตก  กลางกองถ่าย
                             
        “เราก็ให้  เขาเป็นผีเกย์ไง  แค่นี้ก็เรียบร้อย”
                      
      มาลัยขยับปากกาไปมา  นึกจะเขียนไงให้ขำ
                            
         “แล้วให้ โกวตี่ เป็นหมอผีมาปราบ”  ชวลิตนั่งนึกก็ขำด้วยคน
                          
          อดุลย์นั่งนึกในใจ  ทำไมต้องมาทำงานแบบนี้ด้วยนะดูมันไร้รสนิยมจริงๆ
                            
        “ดวงตายังไม่มาอีก หรือ”  ชวลิตหงุดหงิด เมื่อคนสำคัญยังไม่มาสักที
                             
      “บางทีเธออาจจะรถคว่ำเสียชีวิตไปแล้ว  และวิญญาณของเธอจะมา.......ก๊อก.....ก๊อก.......ก๊อก......ก๊อก”  มาลัยเสริมจินตนาการ
                            
        “ไม่ก็คุณ  อาจจะตายไปแล้ว  แต่วิญญาณ มานั่งคุยจ๋อยๆ” อดุลย์  ขำๆแหย่มาลัย
                      
      “แล้วมารู้ทีหลังว่าฉันตายไปแล้ว” มาลัยหัวเราะ หึหึ
                             
        “ไม่อีกที หนูมาลัยก็มีแฝดชื่อ มะลิ  แต่คนที่เราพูดด้วยนี่เป็น มะลิ”  อดุลย์ ผู้กำกับ กำลังวาง พลอตเรื่อยเปื่อย
                             
        “ถ้าจะหักมุมสวยๆ ก็  ทุกคนเป็นผีกันหมด”  ชวลิตฮา ทำไมต้องฮา
                            
         “แล้วเป็นผีกันหมด  แต่ต่างคนต่างไม่รู้ว่าตัวเองตาย”  มาลัยพยายามพูดให้ดูคลาสสิค
                          
          “มุข ซิกเซนส์  กี่ปีมาแล้ว  ที่เราพยายาม สร้างอะไรให้มันหักมุมไปหมด  ขนาดหนังชีวิตยังพยายามหักมุม”  อดุลย์เอ่ย
                           
         “ใช่  หนังชีวิต อัตตะชีวประวัติของนักเขียน อัจฉริยะ  เพลิน  ลำตะคอง หักมุม ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบรวมแล้ว  962 ครั้ง”  มาลัยกล่าวขำๆ
                             
        “นั่นสิ  หักจนเสียรูป”  อดุลย์รู้สึกมันปาก  ได้กัดงานคนอื่นบ้างทำให้ตัวเองดูดีขึ้น
                             
        การคุยเริ่มจะเรื่อยเปื่อยจนออกทะเลไปไกล  ชวลิตในฐานะ ผ. อ.  พยายามจะตะล่อมให้เข้าที่เข้าทาง
                            
        “ตกลงเราจะสร้าง หนังผีที่มีอนันตะ เล่นเป็นผีเกย์  มีดาวตลกคณะ ชวนชม  กับ  โกวตี่  แล้วจบแบบหักมุม  แบบ ซิกเซนส์”
                             
      “ให้ทุกคนเป็นผี  ยกเว้น อนันตะ” มาลัยออกแนวใส
                            
        “ผมว่านักวิจารณ์  เขาคงจะสับ ตั้งแต่ยังไม่ทันออกฉายแน่” อดุลย์บ่น
                           
        “หรือมันอาจเป็นหนัง คลาสสิค  อย่างผู้หญิงร้อยบาป หรือ อสุเจี๊ยก”  อดุลย์นั่งนึกภาพรวมของหนัง
                           
         “ตอนที่น้องเจน  บอกทุกคนว่า  เธอเป็นแม่มดจากโรงเรียน ฮอกวอร์ด แล้วเสกให้ทุกคนกลายเป็น หมาแมว นั่นละสุดยอดเลย”  มาลัยกล่าว  นึกถึงตอนจบที่สุดแสนคลาสสิค
                          
           “หรือตอนที่  พระเอกขับสเปิร์มไปต่อสู้กับผู้ร้ายที่เป็นมนุษย์ต่างดาว  โอ้โห  ไอเดีย บรรเจิด”  มาลัยนึกถึงอสุเจี๊ยก
                              
      “ใช่  ตอนเด็กผมก็เคยดู  หนัง  ไฮคอนเซป  อย่างมหิมาจอมพลัง  ที่มิตรแสดงเป็น  ซุปเปอร์แมน  ตอนพระเอกย้ายเสาบ้านให้นางเอกเดินสะดวกนี่  พ่อผมแทบจะบ้า”  ชวลิตนึกถึงอดีต
                              
        “พ่อพี่ชอบหรือ”  อดุลย์ถามอยากรู้
                               
      “พ่อโดด ไปพังจอหนังละสิ”  ชวลิตขำเมื่อนึกถึงพ่อ
                              
        “มีอีกเรื่อง  ชื่อผีเสื้อ  เพชรา แสดงเป็นเด็กหญิงที่มีปีกผีเสื้อ ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก  เรื่องนั้น พ่อพี่ก็  กระโดดไปพังจอหนังเหมือนกัน”
                            
           “พ่อพี่นี่อารมณ์  ร้ายนะ”  มาลัยส่งเสียงขึ้นจมูก
                              
         “ตั้งแต่นั้นมา  ครอบครัวเราก็ไม่เคยดูหนังไทยอีกเลย” ชวลิตรำลึกถึงความหลัง “พ่อคงไม่ให้อภัยแน่ถ้ารู้ว่าพี่ไปทำหนังไทย”
                             
           เสียง  โทรศัพท์ ดังขึ้น  ชวลิตรับสาย
                                 
      “ดวงตา  กำลังมาถึง  อีกสักครู่” ชวลิตวางสาย
                              
         ดวงตาเป็นผู้หาทุนให้บริษัท  เธอเป็นคนนัดทุกคนมาพบ ตอนหกโมงเย็น  จนบัดนี้  สองทุ่ม  เธอถึงเข้ามา
                                
        “คงจะมีข่าวร้าย”  มาลัยออกความเห็นเสียงเธอเครียด
                                
        “หรืออาจเป็นข่าวดี  มาพนันกันไหม” อดุลย์กล่าวขำๆ
                                
        ดวงตาก้าวเข้ามาในห้อง  พร้อมกับแขกคนสำคัญที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง  อ้าปากค้าง  พูดอะไรไม่ออก
                              
         “ขอแนะนำ  นายทุนคนใหม่ ของเราค่ะ  เขาจะมาร่วมสร้างหนังกับเราแทน  นายทุนจากทีวีที่ถอนตัวไป  คุณ ปานศรีค่ะ”
                               
         “ใช่ค่ะ  เป็นกระเทยด้วยค่ะ”  ปานศรียิ้มเข้ม  หวังให้ทุกคนในห้องตลกไปด้วย
                               
         มาลัย ตัวสั่น  เกาะแขน อดุลย์ เธอซุกหน้าไม่กล้าสบตาแขกใหม่  ส่วนชวลิต กำลังเดิน ตัวปลิว ออกไปนอกห้อง แบบไม่รู้ไม่ชี้
                                
         “กระเทย ปานศรี ตายไปตั้ง  10 กว่าปีแล้ว พี่ดวงตา”  น้ำตามาลัยปริ่มแก้ม
                                  
        “ใช่ค่ะ  เป็นผี ด้วยค่ะ” ปานศรีทำตาโต
                                
          ทุกคนต่างตะเกียก ตะกายหนีกันอลหม่านไปหมด 
                            
              “นี่ไง  ผี  ตลก  กระเทย”
                                 
         ใครบางคนตะโกนอย่างสะใจ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×