คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 02
02
อากาศข้างนอกอับชื้น กลิ่นต้นสนรอบๆโชยมาเข้าจมูก จงอินตะเกียกตะกายไปตามฝูงชนที่แออัดกันแน่นเพื่อหารถม้า ชานยอลโผล่ออกมาข้างๆพร้อมกับบ่นเรื่องคนเยอะแบบที่เคยบ่นประจำ แบคฮยอนเองก็กลับมาหลังจากหายหน้าหายตาไปทักทายคนรู้จักบนขบวนรถไฟ พวกเขาเบียดไปตามชานชาลา มุ่งตรงไปยังประตู
“ปีหนึ่งมาทางนี้! ปีหนึ่งเข้าแถวแล้วมารวมกันตรงนี้!”เสียงเรียกที่คุ้นชินดีดังขึ้น โคมไฟปรากฏขึ้นมาในสายตาพร้อมกับร่างของศาสตราจารย์ชินดงที่เป็นอาจารย์สอนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ จงอินหรี่ตามองไปในความมืดเพื่อหากลุ่มพรีเฟ็คที่ต้องทำหน้าที่ลำเลียงเด็ก แต่ก็ไม่เจออะไรท่ามกลางฝูงผู้คนที่วุ่นวาย เขากระชับมือที่หิ้วกรงมงกูไว้แน่น ก่อนที่จะดันหลังแบคฮยอนให้ไปหารถม้า
“คันนั้นเลย เร็วๆ”
“ลองมานำหน้าเองมั้ย นี่ก็ดันจังเลย” แบคฮยอนบ่นกลับมา แต่ก็รีบเบียดตัวผ่านฝูงชนตามคำพูดของจงอิน ไม่นานนักพวกเขาก็ขึ้นมาอยู่บนรถม้าได้สำเร็จ จงอินกระชากประตูรถม้าปิดตามหลัง ล้อรถเริ่มส่งเสียงโขยกเขยกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา อากาศเย็นของยามค่ำคืนนั้นทำให้จงอินรู้สึกดีไม่น้อย บรรยากาศของฮอกวอตส์ทำให้เขารู้สึกสงบลงเสมอ
หัวเสารูปหมูป่าปรากฏขึ้นไกลๆเป็นสัญญาณบอกว่าใกล้ถึงประตูโรงเรียน กลิ่นของสนามหญ้าลอยขึ้นมาแตะจมูก ก่อนที่รูปร่างของปราสาทจะปรากฏขึ้นมาให้เห็น อึดใจต่อมา จงอินปีนลงมาจากรถ และลงไปสมทบกับฝูงชนที่เดินข้ามพื้นหินที่นำไปสู่ห้องโถง
“หิวจัง ขอให้ของหวานเป็นพุดดิ้งนะ อยากกินมาหลายวันแล้ว” ชานยอลทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องโถงใหญ่ ปากก็บ่นอะไรไร้สาระเหมือนเคย ทั้งห้องสว่างโชติช่วงด้วยแสงไฟ เพดานเวทมนตร์เหนือหัวเป็นสีดำสนิท บ่งบอกสภาวะอากาศที่มืดครึ้มภายนอก เทียนไขที่ลอยละล่องอยู่เหนือหัวส่องแสงกระพริบวิบวับ เสียงจ้อกแจ้กของนักเรียนที่ทยอยกันหลั่งไหลเข้ามาชวนให้รู้สึกคึกคัก ทุกคนต่างตะโกนทักทายกันอย่างกระตือรือร้น จงอินเองก็โบกมือทักทายเพื่อนจากบ้านต่างๆ ก่อนที่เขาจะให้ความสนใจกับบนโต๊ะตัวยาวแทน
“เหมือนย้อนอดีตทุกทีที่กลับมาที่ฮอกวอตส์” จงอินออกความเห็น มันน่าอัศจรรย์ทุกทีที่คิดว่ามีโลกแบบนี้ทับซ้อนอยู่ภายใต้โลกมักเกิ้ล เขามองสำรวจจานชามสีทองที่ยังว่างเปล่าเบื้องหน้า ”หิวแล้ว”
“รีบทุกปีเลยนะจงอิน” เสียงแทรกดังขึ้นมาจากทางหัวโต๊ะ ใบหน้าของไอรีน เด็กปี 5 อีกคนโผล่ขึ้นมาทักทายเขา สิ่งที่สะดุดตาเหมือนเดิมคือปลายผมที่ทำเป็นสีชมพูเข้ม และในอีกวินาทีหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นเฉดสีชมพูอ่อน ไอรีนเป็นเมตามอร์ฟเมกัส*เหมือนกับพี่น้องของเธออีกสามคน ”รอศาสตราจารย์ซูมานกล่าวก่อนก็ยังดี”
(เมตามอร์ฟเมกัส* - พ่อมดแม่มดที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไม้กายสิทธิ์ หรือน้ำยา)
“เคราเมอร์ลิน หิวจะแย่อยู่แล้ว” แบคฮยอนโวยวายเสริมขึ้นมาอีกคน “ฉันมั่นใจว่าสามารถเขมือบโทรลล์ได้ทั้งตัวแล้วนะตอนนี้ สองตัวเลยก็ได้เอ้า!”
“อย่างน้อยก็รอคัดสรรก่อนก็ได้” ไอรีนเสริมอีกประโยคด้วยความเหนื่อยใจ
“ปีนี้น้องเธอเพิ่งเข้าปีหนึ่งนี่ ถ้าฉันจำไม่ผิด” ชานยอลทักขึ้นมา ทั้งที่สายตายังคงจับจ้องจานเปล่าตรงหน้า ราวกับว่ารอให้ไก่งวงปรากฎขึ้นมาตอนนี้ ไอรีนพยักหน้า ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองด้านหน้าเหมือนเดิม
ประตูห้องโถงกลางเปิดออก จงอินเห็นร่างของศาสตราจารย์ชินดงเดินเข้ามา เป็นอันว่าปีหนึ่งเข้ามาถึงห้องโถงแล้ว กลุ่มเด็กปีหนึ่งท่าทางหวาดกลัวเดินเข้ามาเป็นแถวยาว นำหน้าโดยศาสตราจารย์โบอา อาจารย์ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ และยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาแปลงร่าง จงอินหรี่ตา เขาสังเกตเห็นน้องสาวของไอรีนได้โดยง่ายเนื่องจากรูปร่างที่สูงเกินเกณฑ์เด็กปีหนึ่ง อีกทั้งปลายผมสีเขียวที่เปลี่ยนสีไปมาของเธอ ทำให้เธอเด่นโดยที่ไม่ต้องพยายาม ศาสตราจารย์วิชาแปลงร่างวางหมวกเก่าๆมีรอยปะชุนลงบนเก้าอี้ เสียงในห้องโถงใหญ่เงียบลง ก่อนที่หมวกคัดสรรจะเริ่มร้องเพลง
จงอินไม่ได้ตั้งใจฟังบทเพลงของหมวกคัดสรรนัก เนื่องจากเขาอนุมานว่ามันเหมือนเดิมทุกปี ท่วงทำนองของบทเพลงเป็นแค่เสียงพึมพำผ่านหูเขาไป จงอินคิดถึงโทรศัพท์มือถืออย่างโหยหา ถ้าหากเขาได้เอามันมาที่นี่ก็น่าจะแก้เบื่อได้บ้าง จนกระทั่งจบเพลง ศาสตราจารย์โบอากางม้วนกระดาษในมือ ก่อนที่จะเริ่มอ่านออกเสียงชื่อนักเรียนทีละคน
“พนันสิบเกลเลียนเลยว่าน้องเธอต้องเป็นคนที่สูงๆ ผมเขียวๆนั่นแน่นอน” ชานยอลว่า แววตาเป็นประกายดูตื่นเต้น ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะปาร์คชานยอลตื่นเต้นกับทุกเรื่อง
“น้องเธอไม่มีใครอยู่กริฟฟินดอร์เลยสักคนนี่เนอะ”
เป็นเรื่องแปลกที่สมาชิกครอบครัวของไอรีนนั้นไม่มีใครอยู่บ้านเดียวกันเลยสักคน อย่างซึลกิที่ผมสีส้มก็อยู่ฮัฟเฟิลพัฟ ส่วนเวนดี้ที่มีปลายผมสีน้ำเงินก็อยู่เรเวนคลอ ตลกดีที่สีที่ปลายผมของแต่ละคนนั้นตรงกับสีประจำบ้านที่ตัวเองอยู่ ชานยอลมองไปที่น้องสาวเพื่อนร่วมบ้านอีกครั้ง ปลายผมสีเขียวเข้มเมื่อสักครู่กลายเป็นสีเขียวสว่างแล้วตอนนี้ “ดูจากสีผมแล้วคนนี้น่าจะสลิธีรินนะ”
“ปาร์ค ซูยอง”
“นั่นจอย” ไอรีนมีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวปลายผมสีเขียวเดินขึ้นมาด้วยท่าทางประหม่า เธอหยิบหมวกคัดสรรขึ้นมาสวมก่อนที่มันจะหล่นลงมาปิดตาเธอ หมวกคิดอยู่ครึ่งนาที ก่อนที่รอยแยกปลายหมวกจะเปิดอ้า
“สลิธีริน!” หมวกตะโกน ไอรีนปรบมือเปาะแปะ เสียงปรบมือต้อนรับดังสนั่นจากโต๊ะตัวที่สองทางขวามือ จงอินชำเลืองมองไปทางโต๊ะนั้น และเขาก็พบสิ่งที่รบกวนสายตาแทบจะทันที จงอินสามารถสังเกตอีกฝ่ายได้โดยง่าย แม้จะมีโต๊ะเรเวนคลอมากั้นก็ตาม
ภาพของโดคยองซูปรบมือด้วยท่าทางนิ่งๆ ดูหยิ่งทะนงเหมือนปกติ ทำให้จงอินเบ้ปาก ไม่เข้าใจว่าชีวิตจะนิ่งไปไหน แต่ก็นั่นแหล่ะ โดคยองซูนิ่งเฉยเสียจนเขาเบื่อที่จะคิดหาคำตอบแล้วว่าทำไม สายตาเหลือบมองครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะกลับมาสนใจการคัดสรรต่อ
คยองซูมองคนรอบตัวที่ดูจะเกรงใจเขาเล็กน้อยด้วยความเคยชิน ตระกูลอู๋ของเขาสืบเชื้อสายมาจากเลือดบริสุทธิ์เก่าแก่ แถมพ่อของเขายังมีตำแหน่งใหญ่ในศาลสูงวิเซนกาม็อต ไม่มีพ่อมดแม่มดคนไหนสามารถปฎิเสธอำนาจของตระกูลเขาได้ อีกทั้งใบหน้านิ่งๆกับนิสัยที่เฉยชาราวกับหิมะในฤดูหนาว คนก็ไม่กล้ามาสุงสิงกับโดคยองซูแล้ว
ทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้น สำหรับในกรณีนี้ ปาร์คชานยอลถือว่าเป็นข้อยกเว้นนั้น เด็กกริฟฟินดอร์คนนั้นไม่รู้ว่าถูกอกถูกใจอะไรเขานักหนา ถึงได้ตามวอแวกับเขานัก เจอหน้าทีไรก็พยายามจะชวนคุยตลอด (ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่เคยตอบ) บอกตามตรงว่าค่อนข้างรำคาญ ปาร์คชานยอลนั้นมีระดับความน่ารำคาญพอๆกับตัวพิกซี่
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือวิชาปรุงยายังมีอาจารย์ฮีชอลฉันใด เหนือปาร์คชานยอล ยังมีคิมจงอินฉันนั้น หากว่านิยามความน่ารำคาญคือปาร์คชานยอล นิยามความน่ารำคาญกว่าก็คงเป็นคิมจงอิน ผู้ชายผิวเข้มบ้านกริฟฟินดอร์ที่คอยแต่จะกวนอารมณ์เขาตลอดเวลา ซึ่งแย่กว่าชานยอลหลายเท่านัก
การคัดสรรจบลงอย่างเชื่องช้า จงอินแทบจะได้ยินเสียงกระเพาะร้องดังลั่น เขาละความสนใจจากการดูการคัดสรรมาเหล่มองโต๊ะสลิธีริน คยองซูยังคงมองไปด้านหน้า นัยน์ตาโตนั้นไม่แสดงความรู้สึกใดๆ นานๆทีจะเห็นพูดคุยกับคนที่นั่งข้างๆ
คนที่นั่งข้างคยองซูคือคริส พี่ชายของคยองซู อยู่ปีหก นิสัยเหมือนน้องชายชนิดที่ว่าถอดแบบกันมา เย็นชา และไม่น่าเข้าใกล้ ต่างกันเพียงขนาดตัวที่เห็นได้ชัด เพื่อนจากสลิธีรินเคยเล่าให้เขาฟังว่ามีเพียงคนเดียวที่ยอมคบกับสองพี่น้องนี่ คือโอเซฮุน ซึ่งก็ไม่มีใครกล้ายุ่งพอๆกัน
เขาจ้องคยองซูอยู่ซักพัก ก่อนที่เป้าหมายจะรู้ตัว จงอินจึงได้รับสายตากินเลือดกินเนื้อมาจากอีกฝ่าย เขาทำปากเป็นคำว่า นกฮูก แล้วเบิ่งตาโตๆแบบที่อีกฝ่ายชอบทำใส่ ริมฝีปากรูปหัวใจบิดลงเป็นเชิงไม่พอใจ ก่อนที่คยองซูจะหันหน้าหนี ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เขาอารมณ์ดีไปตลอดมื้ออาหารเย็น
แน่นอนว่าจงอินแทบไม่ได้ฟังอาจารย์ใหญ่ของเขาพูดปราศัยก่อนเริ่มทานอาหาร รวมไปถึงการบอกกฏของโรงเรียนที่เขาฟังมาเป็นร้อยๆรอบ (และชอบฝ่าฝืนในหลายๆรอบ) เสียงปรบมือดังสนั่นเมื่อการปราศัยจบลง อาหารนานาชนิดปรากฏขึ้นมาบนโต๊ะ ทั้งเนื้ออบ พาย จานผัก ขนมปัง และน้ำฟักทอง ชานยอลครางด้วยความหิวโหย ก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้าเนื้อติดกระดูกมาใส่จานตัวเอง
“ใจเย็นมั้ยชานยอล” เสียงเพื่อนร่วมชั้นปีอีกคนดังขึ้นมา ซูจองมองชานยอล เธอหันพายเนื้อสับเป็นชิ้นใส่ปากอย่างเรียบร้อย ตรงข้ามกับชานยอลที่แทบจะกวาดจานใส่ปาก “บ้านนายทำร้านอาหารไม่ใช่หรือไง ทำไมนายดูอดอยากขนาดนี้”
“เรื่องปากท้องรอไม่ได้” เป็นแบคฮยอนตอบแทนเพื่อนที่อาหารเต็มปาก จงอินส่ายหัว ก่อนที่จะก้มหน้าลง เขาเองเมื่อเห็นชานยอลกวาดขนาดนั้นก็อยากจะหาอะไรใส่ท้องบ้างเหมือนกัน ตั้งใจจะหยิบเนื้อมาใส่จานซักชิ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องตลกที่เขาจิ้มส้อมลงไปกระแทกขอบจาน
“นี่ก็รีบอีกคน” ไอรีนว่าพลางส่ายหัว
จงอินเอื้อมมือไปคว้าจานใส่เนื้ออบ แต่คราวนี้เขาสังเกตเห็นแล้วว่าจานเลื่อนหนีมือเขา สิ่งที่เกิดขึ้นในอกเป็นทั้งความรู้สึกโมโหกึ่งขบขัน ท้องยังคงร้องประท้วงด้วยความหิว เขาเปลี่ยนเป้าหมายเป็นพุดดิ้งสเต็ก-กับ-ไต แต่แน่นอนว่าล้มเหลว
“ดูเหมือนวันนี้ฮอกวอตส์จะอยากให้ฉันลดความอ้วน” จงอินบ่นท่ามกลางเสียงหัวเราะของชานยอลกับแบคฮยอน จงอินพยายามคว้าจาน แต่มันก็เลื่อนหนีแทบทุกอันจนเกิดเป็นจลาจลย่อมๆกลางโต๊ะอาหาร พักใหญ่กว่าเขาจะเริ่มสังเกตอะไรได้
จงอินเงยหน้าขึ้นมองโต๊ะสลิธีรีน เขาเห็นไม้กายสิทธิ์ของพรีเฟ็คสะบัดอยู่เหนือโต๊ะ คยองซูเลิกคิ้วน้อยๆคล้ายกับว่านี่คือเรื่องปกติ ใบหน้ายังคงนิ่งทั้งที่จ้องตาเขาอย่างท้าทาย จงอินส่ายหัวให้อีกฝ่าย ยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาเป็นเชิงกวนประสาท ปากพึมพำสองพยางค์สั้นๆว่า
‘พรี-เฟ็ค’
คยองซูทำหน้าบูด ก่อนที่จะเก็บไม้กายสิทธิ์ลงไป เขาบอกปัดเซฮุนที่ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าอย่างเร็วๆ แน่ล่ะ เหตุผลแรกคือตอนนี้เขาเป็นพรีเฟ็ค การแกล้งกริฟฟินดอร์ต่อหน้าอาจารย์ทั้งหมดในโรงเรียนนั่นเสี่ยงทำให้เขาโดนยึดตราคืนมากพอๆกับการเอาหม้อปรุงยาเทใส่หน้าศาสตราจารย์ชินดง แต่เหตุผลสำคัญอีกข้อก็คือเขาเกลียดท่ากระดิกนิ้วกวนประสาทแบบนั้นของคิมจงอินมากที่สุด ตาปรายมองไปที่อีกโต๊ะ คู่อริของเขาตอนนี้คว้าจานมันฝรั่งอบที่คราวนี้ไม่เลื่อนหนี ก่อนจะกวาดอาหารใส่ปากด้วยความหิวโหย
ปากรูปหัวใจเบะออกอย่างหมั่นไส้ พวกลูกมักเกิ้ลไม่มีเงินซื้อข้าวกินหรือไร ถึงได้กินข้าวราวกับถูกขังอยู่ในอัซคาบันมาสิบปี
อาหารหมดไปอย่างรวดเร็ว ของหวานก็เช่นกัน ระดับเสียงพูดคุยในห้องโถงค่อยๆเพิ่มจนรู้สึกได้ จงอินอ้าปากหาวและลุกขึ้นยืนตามฝูงนักเรียนที่ถูกไล่ต้อนให้ไปยังหอของตัวเอง สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือการนอนเพียงอย่างเดียว
“หาวแบบนี้อาหารจะหลุดออกมาไหม” ชานยอลถามเมื่อเห็นจงอินอ้าปากหาว เขาปรือตา พยายามลากตัวเองไปตามฝูงชนอย่างยากลำบาก นึกหงุดหงิดที่ห้องนั่งเล่นของกริฟฟินดอร์อยู่ชั้นเจ็ดของปราสาท การเดินลากขาขึ้นบันไดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เลยซักนิด
จงอินแทบจะหลับทันที่ที่ลากเท้ามาถึงเตียงประจำ ข้างๆมีชานยอลที่เอาตุ๊กตามาวางกองไว้บนเตียง ส่วนเตียงตรงข้ามเป็นแบคฮยอนที่กำลังติดโปสเตอร์ควิชดิชทีมชาติไว้บนผนัง ภาพคุ้นตาที่เขาเห็นมาหลายปี พอกลับมาเห็นอีกครั้งก็ยังรู้สึกไม่เปลี่ยนไป
เสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ เขาเอาเท้าเขี่ยกระเป๋าถูกวางอย่างเรียบร้อยข้างเตียง ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนนอน (เมื่อไหร่จะสามารถสกอจิฟาย*ตัวเองได้โดยไม่ต้องอาบน้ำกันนะ) อย่าว่าแต่อาบน้ำเลย ขนาดบทสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบที่เพื่อนร่วมห้องทั้งสี่คนคุยกันยังแทบไม่เข้าหูเขาเสียด้วยซ้ำ
วันนี้เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว ไหนจะเดินทาง ไหนจะขนของ
ไหนจะโคคยองซู
ปากจงอินยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย การกลั่นแกล้งโดคยองซูเป็นกิจกรรมยามว่างของเขามาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ ก็มันน่าตลกดีไม่ใช่เหรอ เวลาที่เห็นตาโปนๆเหมือนนกฮูกนั่นจ้องเขม็งมาทางเขาราวกับจะขู่ให้กลัว
ตัวเล็กจิ๊ดริ๊ดราวกับก็อบลินแบบนั้น น่ากลัวเสียที่ไหนกัน
----------------------- 100% --------------------------
มาแล้วตัว คืนความสุขไทม์ /ปิดหน้า
จงอินในเรื่องนี้จะแพ้ทางคยองซูนะ ในขณะที่คยองซูเองก็แพ้ทางจงอิน คือสองคนก็แพ้กันเอง แล้วก็ชอบวอแวกันเองด้วย
เห็นบางคอมเม้นที่บอกว่า อ่านแล้วคิดถึงแฮร์รี่ เห้ยเราดีใจ แทบจะเดินไปเซเว่นแล้วซื้อคิทแคทมากิน พยายามอย่างมากที่จะทำให้รู้สึกว่าเราเคารพบทประพันธ์ของเจเค นั่นแหล่ะ ในฐานะแฟนแฮร์รี่ สัญญาจะเขียนเรื่องนี้ให้รู้สึกเมจิเคิลที่สุด ฮือออออ
อย่าลืมติดแท็กถ้าอยากจะกี๊ดก๊าด #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค เดี๋ยวไปแต่งตอนหน้าต่อและะะ แฮ่
โม่งหนึ่ง
- - - - - - - - - - - - - -
ทำไมคยองซูหยิ่งเงี้ย แอบหมั่นไส้แล้วนะ /อ่าว
คยองซูนี่ครบสูตรสลิธีรินมาก น่าหมั่นไส้ ทำตัวหยิ่ง เลือดบริสุทธิ์ หูย โคตรสลิธีริน
นี่มีคนถามว่าแบบ ไม่ได้อ่านไม่ได้ดูแฮร์รี่จะอ่านรู้เรื่องมั้ย เราว่าไม่ได้อ่านยังพอรู้เรื่องนะ
เพราะส่วนมากพวกศัพท์เฉพาะ อย่างแบบสัตว์วิเศษที่เอามาเปรียบเทียบก็ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรมากนัก
แต่ถ้าไม่ได้ดูเลย เราว่าคงมีงงแหล่ะ ที่แนะนำให้ดูก็คงเป็นภาค 1 เลย เพราะเขาปูความเรื่องโลกของเวทมนตร์ไว้เยอะ
อย่างเรื่องควิดดิช เรื่องวิชาปรุงยา วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอะไรงี้คือเยอะ อีกทีคือภาค 5 (แฮร์รี่อยู่ปี5พอดี)
มันก็จะได้ฟีลแบบปี5อีกทีนึง งึ้ย
โม่งฉอง
----------------------------------------------------------
พึ่งนึกได้ว่าลืมทอล์ค
โอเค ทอล์ค
ด้วยรักและวิงการ์เดียม เลวิโอซ่า
โม่งศูนย์
ปล.ตอนหน้ามีเอลซ่า
ปลล. สำหรับคนที่ไม่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์นะคะ สกอจิฟาย คือ คาถาทำความสะอาดจ้า
----------------- 50% ---------------------
นี่ปั่นสุด และสี่คูณร้อยข้ามกองงานมาสุดดดดดด
เดี๋ยว 50 ที่เหลือจะตามมาวันเสาร์อาทิตย์นี้แหล่ะ ลุ้นเอา *แฮ่ก*
แต่งๆไปนี่คิดถึงแฮร์รี่มากบอกเลย ตั้งแต่มาแต่งนี่อ่านจบไปแล้วสองเล่ม ตายตายโอ๊ยตาย สอบไฟนอล /ร้องไห้
เห็นฟีดแบ็คที่ทุกคนมีต่อจงอินแล้วน้ำตาจะไหล พระเอกของเราไม่โดนสาปแช่งเท่าเรื่องก่อนละ นี่แซ่บซุ้งสุด บอกเลยคาแรคเตอร์เรื่องนี้จงอินจะกวนตีนทุกเม็ด และคยองซูก็จะไม้กายสิทธิ์สั่นทุกครั้ง
นี่ มีแฟนอาร์ตมาอวด จงอินจะหน้าตาน่าเหยียบประมาณนี้ /มือสั่น
อะ อะเค เอาเป็นว่าชื่นชอบอยากกรี๊ดก็มาค่ะ แท็ก #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค เม้น แนะนำเพ ื่อน ขายตรงฟิค อะไรก็ได้ แต่บอกเลยว่าแค่เห็นตัวเลขคนอ่านขยับก็บั่บ ดีใจอ้ะ งานเรามีคนอ่าน กี๊ดดดดดดดดดด
เจอกันวันเสาร์อาทิตย์ค่ะ ชุ้บ
น้องโม่งหนึ่ง
สวัสดีมักเกิ้ล
นี่เข้ามาพร้อมการมีเรียนแปดโมงเช้า
ตอนนี้ไม่มีอะไรเลยจริงๆ แต่นี่ชื่นชอบเร้ดเวลเว็ดเลยพยายามจะใส่ ประเด็นคือสีผมแต่ละคนนี่เป็นสีประจำบ้านได้เลย 555555555555 ก่อนอื่นต้องขอบคุณฟีทแบค แท็กฟิคบลาๆๆๆ /ขายของไม่เลิก เห็นทีก็มีไฟแต่งฟิคที งานปั่นฟิคก็มา
จงอินนี่คอยหงุดเงี้ยวกับคยองซูทุกเวลาค่ะดูจากทรง ถ้าสองคนนี้ได้อยู่บ้านเดียวกันคงได้วอแวจนคยองซูไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ขนาดอยู่คนละบ้านยังติดตามเขาไม่เลิก เบื่อจริงๆเลยพวกปากไม่ตรงกับใจเนี่ยยยย /เบะปากเป็นรูปสระเอีย
โม่งสอง
ความคิดเห็น