คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 10
10
คยองซูรอให้ผ่านเวลาสี่โมงไปสิบนาทีก่อนที่จะพาตัวเองไปยังจุดนัดพบ อันที่จริงเขาพาตัวเองมาเตร็ดเตร่ที่ระเบียงทางเดินชั้นสามก่อนหน้านี้ราวๆสิบนาที แต่ถ้าเขาเป็นฝ่ายรอ คยองซูรู้สึกว่ามันจะทำให้เสียหน้ายังไงชอบกล เขาเลยไปหลบอยู่ที่อื่นซักพักแล้วค่อยเดินมาตรงนี้
จงอินยืนพิงระเบียงอยู่ที่เดิม ช่อมิสเซิลโทห้อยอยู่เหนือหัว ห่างออกไปเมตรกว่าๆอย่างน่าหวาดเสียว เสียงหัวใจเต้นตึกตักในหูของเขากลบเสียงฝีเท้าที่ก้องสะท้อนไปทั่ว แถวนั้นแทบไม่มีใคร เพราะนักเรียนในฮอกวอตส์เลือกใช้ช่วงคริสต์มาสไปกับครอบครัวมากกว่าจะอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตาม คยองซูก็อดจะหันซ้ายหันขวาด้วยความระแวงไม่ได้ เขาไม่ค่อยอยากให้ใครเห็นเขากับจงอินอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้หรอก
“มาแล้วเหรอ”จงอินหันมาหาเขา ท่าทางของจงอินเองก็ดูเก้ๆกังๆจนน่าตลก คยองซูยกผ้าพันคอขึ้นมาปิดใบหน้าส่วนล่างเพื่อกลบเกลื่อนแก้มที่กำลังร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ
แค่มองหน้าจงอินเขาก็รู้สึกประหลาดๆ จะว่าหงุดหงิดก็ไม่เชิง แต่มันมีอะไรบางอย่างที่รู้สึกมากกว่าปกติ อาจจะเป็นหงุดหงิดมากกว่าปกติก็เป็นได้
“แบบนี้เรียกไม่อยู่มั้ง”เขาตอบเสียงหงุดหงิด คยองซูเบือนหน้ามองสายรุ้งที่พันรอบราวระเบียง มีบางจุดหลุดออกมาเล็กน้อย เขาเลยขยับมันเข้าที่”มีอะไรก็ว่ามา ฉันรีบ”
“พูดจาใจร้ายอีกละ”จงอินว่า”วันนี้ควรพูดว่าอะไร”
คยองซูเงียบ เขามองหน้าอีกฝ่าย สมองตื้อตันไปชั่วขณะ อยู่ๆจงอินก็มาถามคำถามอะไรที่ไม่ใช่การกวนประสาทเขา ในหัวพยายามเค้นอะไรก็ได้ที่ตอบแล้วจงอินจะโจมตีเขากลับไม่ได้
แล้ววันนี้ควรพูดว่าอะไร?
“ยังไง? นายหน้าตาแย่ขึ้นนะ หรือว่ายังซื่อบื้อเหมือนเดิม อะไรแบบนี้เหรอ?”เสียงของเขาอู้อี้ผ่านผ้าพันคอออกมา รอยยิ้มของจงอินกว้างขึ้น มือของอีกฝ่ายเอื้อมมาดึงผ้าพันคอที่ปิดปากเขาลง คนตัวเล็กหดคอหนี ลมหนาวพัดผ่านเข้ามา ยิ่งรู้สึกได้ว่าผิวแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าตลก
“สุขสันต์วันคริสต์มาส”
คยองซูคิดว่าตัวเองกลายสภาพเป็นกาต้มน้ำร้อนที่ถูกต้มจนไอน้ำพลุ่งออกมา ในสมองของเขาว่างเปล่า การประมวลผลกระตุกไปชั่วครู่ เขาไม่รู้ว่าทำไมไอ้ประโยคที่จงอินพูดออกมาถึงได้ส่งผลกระทบมากขนาดนี้ เขาอ้าปาก ทำท่าจะพูดตอบกลับ แต่เขาพูดไม่ออก ได้แต่อ้าปากค้างอยู่แบบนั้น
“ทำหน้าแบบนั้นทำไมเล่า”จงอินขยี้หัวแล้วทำสีหน้าตลกๆ”รู้ตัวมั้ยว่าหน้าแดง นี่โกรธหรือเขิน”
“ไร้สาระ”คยองซูกระซิบเสียงแผ่ว -- เขาไม่มีทางเขินคิมจงอิน คู่ปรับตลอดกาลจากกริฟฟินดอร์นี่แน่นอน”นายต้องมีแผนอะไรแน่ๆ”
“มองโลกในแง่ร้ายจังเลย”จงอินว่า ดูชะงักไปเล็กน้อย ซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์หยิบถุงกระดาษที่ถืออยู่มาเปิดดูของข้างใน คยองซูเลิกคิ้ว ถุงกระดาษสีน้ำตาลนั่นดูเหมือนบรรจุอะไรสักอย่างที่มาจากโลกมักเกิ้ลเอาไว้ จงอินมองสิ่งของในถุงสลับกับใบหน้าเขาพักหนึ่งก่อนจะรั้งไหล่คยองซูให้เข้ามาใกล้
“มันน่าจะเหมาะกับนายนะ” จงอินพึมพำกับตัวเอง มือก็ล้วงเข้าไปในถุงกระดาษก่อนที่ผ้าพันคอสีแดงจะปรากฏให้เห็นในสายตา คยองซูทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อคนตรงหน้าบรรจงพันผืนผ้าสีแดงรอบคอเขาอย่างระมัดระวัง ผิวเนื้อเย็นๆของจงอินที่ไล้ผ่านกกหูไปถึงหลังคอทำเอาเด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินขนลุกขึ้นมาดื้อๆ ใบหน้าของคู่อริที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นฉายแววจริงจังราวกับว่ากำลังทำงานสำคัญจนคยองซูอดที่จะลอบมองไม่ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นปกติเมื่อจงอินผละออกไปพร้อมทำท่าเหมือนกำลังตรวจตราผลงานของตัวเองอยู่ไม่ห่าง
ครั้งก่อนที่เขาแกล้งพันสายรุ้งสีแดงบนคอของคยองซูก็ก่อให้เกิดภาพติดตาที่รบกวนเขามาตลอดช่วงคริสต์มาส คิมจงอินยิ้มออกมาเมื่อภาพที่ว่ากำลังฉายอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง โดคยองซูกับผ้าพันคอสีแดงดูเข้ากันได้ดีอย่างไม่มีที่ติ แม้จะมีผ้าพันคอสีเขียวของเจ้าตัวพันอยู่ด้านล่างแต่ก็ไม่ทำให้ภาพตรงหน้าเสียหายแต่อย่างใด ไหนจะใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีเรื่อเวลาที่โดนเขาจ้องนานๆนั่นอีก
“นี่มันแกล้งกันชัดๆ” คนที่ปฏิเสธการใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดมาตลอดชีวิตอย่างคยองซูเบ้หน้ากับสีแดงสดบนลำคอของตัวเอง เริ่มรู้สึกอึดอัดเมื่อผ้าที่พันรอบคอเขาตอนนี้มีด้วยกันถึงสองผืน คยองซูจับผ้าที่คอให้คลายออกนิดหน่อย คนที่มัวแต่วุ่นวายกับผ้าชะงักลงเล็กน้อยเมื่อจงอินยื่นมือมาข้างหน้าก่อนจะแบใส่เขา ราวกับกำลังขออะไรบางอย่าง
“ของฉันล่ะ”นอกจากคำพูดยังไม่พอ จงอินยังทำหน้าละห้อยเหมือนหมาสั่งโดนงดอาหารอีกต่างหาก คิ้วของคยองซูกระตุกน้อยๆ เขาไม่รู้จะขำหรือโกรธดีที่โดนทวงของขวัญเอาซึ่งๆหน้าแบบนี้
“ไม่มี” คยองซูว่าเสียงเรียบไร้แววประชดประชันแต่อย่างใด เขานึกว่าที่จงอินบอกว่ามีอะไรจะให้จะเป็นแค่การที่อีกฝ่ายหาเรื่องแกล้งเขาอย่างที่ผ่านมามากกว่า ใครจะไปคิดว่าเลือดผสมคนนั้นจะไปหาของขวัญมาให้เขาจริงๆ แต่ถ้าจะให้พูด...ผ้าพันคอสีสดแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการแกล้งกันสักเท่าไรหรอก
“ถ้าอย่างนั้น…” จงอินเว้นคำไว้ช่วงหนึ่งก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา ไม่นานนักผ้าพันคอสีเขียวผืนโปรดของคยองซูก็ถูกอีกฝ่ายดึงไปเสียดื้อๆ จนเจ้าของผ้าพันคอเซไปตามแรง คยองซูถลึงตาใส่อีกฝ่าย ทำท่าจะคว้าผ้าพันคอของตัวเองไว้ แต่ไม่ทันเสียแล้ว
“...ก็ขอแลกละกัน” จงอินว่าพร้อมกับสวมผ้าพันคอสีเขียวให้ตัวเองเสร็จสรรพ
“ถ้างั้นนายก็เอาผ้าพันคอของนายคืนไปสิ ผืนนั้นของฉัน” คยองซูทำท่าเหมือนจะถอดผ้าสีแดงบนคอตัวเองออก แต่โชคไม่ดีที่จงอินคว้ามือของเขาไว้ทัน คนตัวเล็กกว่าดูหัวเสียไม่น้อยจนอีกฝ่ายต้องค่อยๆโน้มน้าวใจด้วยคำพูด
“ใจร้ายจังนะ อุตส่าห์ตั้งใจซื้อให้แต่เจ้าตัวกลับไม่อยากได้เนี่ย” ใจดวงเล็กเต้นรัวเร็วกับคำว่าตั้งใจซื้อให้ของอีกฝ่าย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกเหมือนดีใจแบบนี้ด้วย ก็แค่ได้ของขวัญชิ้นแรกจากคู่ปรับตลอดกาลอย่างคิมจงอิน ไม่เห็นมีอะไรน่าปิติเลยสักนิด แววตาที่แฝงทั้งความคาดหวัง ออดอ้อน และบังคับในเวลาเดียวกันจากเลือดผสมตรงหน้าถูกส่งมาจนพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินได้แต่ถอนหายใจด้วยท่าทีที่อ่อนลง
“แต่นี่มันผืนโปรดของฉันนะ อีกอย่าง มันก็มีชื่อของฉันปักไว้อยู่ด้วย” จงอินเลิกคิ้วเบาๆ ก่อนจะคว้าชายผ้าพันคอขึ้นมาดู และก็พบว่ามีตัวอักษรไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกปักด้วยไหมสีเงินไว้บนนั้นจริงๆ
KS
คยองซูสินะ
“ดีจะตาย จะได้จำได้ว่าใครเป็นคนให้ฉันมา”จงอินสรุปเองเออเอง เขารีบทำตัวเป็นคนมองโลกในแง่บวกทันที สีหน้าของคยองซูออกจะละเหี่ยใจนิดๆ ซึ่งมันก็ชวนให้รู้สึกทั้งตลกและประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“นายขโมยไปต่างหาก” ริมฝีปากรูปหัวใจตอกกลับแทบจะทันทีที่จงอินพูดจบ ดูเหมือนการที่จะทำให้คยองซูแลกของขวัญโดยที่ไม่มีปากเสียงกันจะเป็นเรื่องยากกว่าที่คิด แต่ก็ไม่เหนือความสามารถของคิมจงอินไปสักเท่าไร เพราะตอนนี้คยองซูเลือกที่จะจัดผ้าพันคอของสีเขียวบนคออีกฝ่ายให้เข้าที่ --ในที่นี้หมายถึงจัดให้ด้านที่มีชื่อของตัวเองให้พ้นสายตาคนอื่นมากกว่า ขืนมีใครรู้ว่าเขาให้ผ้าพันคอเลือดผสมบ้านกริฟฟินดอร์แบบนี้ได้ขายหน้าจนวันตายแน่
ระยะห่างที่น้อยลงเพราะคยองซูมัวแต่สนใจที่จะจัดผ้าสีเขียวให้เข้าที่เรียกรอยยิ้มบนหน้าคิมจงอินได้ไม่ยาก นัยน์ตาสีเข้มหลุบมองคนที่ขมวดคิ้วมุ่นราวกับผ้าพันคอตรงหน้ากำลังขัดใจเจ้าของเก่าของมันเสียเหลือเกิน เขาจะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆที่อยากจะหยุดเวลาตอนนี้เอาไว้ เพราะเขารู้สึกว่าเขาชอบที่คู่อริตลอดห้าปีอยู่ในระยะประชิดแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้...เขาอยากจะอยู่ใกล้คยองซูให้มากกว่านี้เสียอีก
และดูเหมือนโชคชะตาจะเป็นใจให้เขาด้วย
“นี่ ดูข้างบนสิ” มือที่กำลังวุ่นวายอยู่บนลำคอของอีกคนหยุดชะงักเมื่อจงอินสะกิดเรียกเบาๆ ใบหน้าของจงอินตอนนี้ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ลางสังหรณ์บางอย่างสั่งให้คยองซูเพิกเฉยต่อคำพูดของทางนั้นซะ แต่ความอยากรู้ก็นำหน้าไปก่อนเมื่อคยองซูตัดสินใจเงยหน้าขึ้นตามที่อีกฝ่ายบอก
ช่อมิสเซิลโทที่เคยอยู่ห่างเป็นเมตร แต่บัดนี้ไม่ใช่อีกต่อไป ทำไมเขาต้องมายืนอยู่ใต้มิสเซิลโทกับคิมจงอินซ้ำสองด้วยนะ
“มีตำนานเล่าว่ามีผู้หญิงที่เคยยืนอยู่ใต้มิสเซิลโทแล้วไม่ได้ถูกจูบ” ก่อนที่คยองซูจะสติแตกไปมากกว่านั้นเลือดผสมบ้านกริฟฟินดอร์ก็เอ่ยขึ้นมาก่อน คยองซูขมวดคิ้วแน่น ทำท่าจะเบี่ยงตัวออก แต่เท้ากลับติดตรึงอยู่กับพื้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทั้งที่มีตำนานเกี่ยวกับการยืนอยู่ใต้มิสเซิลโทที่อันตรายแบบนี้แล้วทำไมคนเราถึงต้องเอามันมาแขวนไปทั่วให้ประสาทเสียเล่นในช่วงคริสต์มาสด้วยนะ
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แต่งงานไปเป็นปีๆแน่ะ...” คนตัวสูงเว้นช่วงไว้ ลมหายใจของคยองซูก็ถูกละเว้นไว้เช่นกัน จงอินหลุบมองริมฝีปากรูปหัวใจที่เคยสัมผัสด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าเดิม เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร และเขาก็ไม่สามารถห้ามมันได้จริงๆ
“นายคงไม่อยากโชคร้ายแบบนั้นหรอกใช่มั้ย” ก่อนที่ทั้งร่างจะถูกรั้งเข้าใกล้อีกฝ่าย คยองซูหลับตาปี๋เมื่อจงอินแนบริมฝีปากลงมา คราวนี้เขามีสติเต็มร้อย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลยชัดเจน และน่าอายสุดๆเสียด้วย
“อ้าปากเร็ว”จงอินกระซิบ จงใจเลียนแบบประโยคที่คยองซูเคยพูดเมื่อตอนที่จูบกันครั้งที่แล้ว คนตัวสูงกว่าขบปากล่างของอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า ไล้เลียส่วนนอกอย่างใจเย็น คยองซูยินยอมเปิดริมฝีปากขึ้นอย่างไม่เต็มใจ -- อะไรบางอย่างในตัวของเขากำลังหลอมละลาย จงอินงับเนื้อนิ่มๆอย่างขี้แกล้ง ก่อนที่จะส่งลิ้นเข้าไปแตะกับปลายลิ้นของคยองซู
จูบนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า อ่อนหวาน ทำเอาคนที่ประสบการณ์ยังน้อยอยู่หูอื้อตาลาย ทำได้แค่โต้กลับอย่างอ่อนแรง จงอินโอบเอวอีกฝ่ายไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้คยองซูเซไปเสียก่อน ริมฝีปากรูปหัวใจของคนตัวเล็กถูกดูดดึงและคลึงเล่นอย่างเอาแต่ใจ คยองซูยินยอมยกมือขึ้นคล้องคออีกฝ่ายเพื่อให้ทำอะไรๆได้ถนัดขึ้น เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาชอบจูบนี้ (แต่เรื่องอะไรใครจะพูด) เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะโต้กลับโดยการดันลิ้นอีกฝ่ายกลับเข้าไป กลายเป็นคนคุมเกมแทนจงอินไปเสียดื้อๆ
จากจูบตามธรรมเนียมใต้ช่อมิสเซิลโทมันกลายมาเป็นจูบแบบนี้ได้ยังไงคยองซูเองก็ยังสงสัยอยู่ ที่สงสัยยิ่งกว่าคือสาเหตุที่ทำให้เขากล้าทำอะไรแบบนี้กับคนที่เกลียดขี้หน้ามาสี่ห้าปีได้ เขาผงะถอยนิดหน่อยเมื่อคนตัวสูงกว่าดันหน้าเข้ามาแรงๆ ได้ยินเสียงน่าอายที่เกิดขึ้นจากอีกฝ่าย คยองซูเบือนหน้าหนี ละริมฝีปากออกด้วยหัวใจที่เต้นแรงเสียจนได้ยินเสียงก้องอยู่ในหู จงอินเลิกคิ้วน้อยๆ แต่ก็ยินยอมปล่อยให้คยองซูหายใจเอาอากาศเข้าปอดต่อ
“นายนี่”จงอินว่าเสียงแผ่ว ก่อนที่จะถูกคยองซูสะบัดตัวออก”ใช่เล่นนะ”
“หุบปากน่า”คนโดนแซวหันมาขู่ฟ่อ ใบหน้าขาวๆขึ้นสีแดงยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาโตหลบตาเขาอย่างลุกลี้ลุกลน จงอินทำปากพะงาบๆล้อเลียนคยองซูก่อนที่จะหดตัวหนีเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะประทุษร้าย
เขาน่าจะโดนคาถางงงันหรือโดนอะไรซักอย่างไปถึงได้ทำแบบนี้ แต่ให้ตายเถอะ เวลาแบบนี้เขาไม่อยากถามหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว ทำไมต้องสนใจด้วยว่าเขากับคยองซูเกลียดขี้หน้ากันแค่ไหน แค่ตอนนี้เขาอยากทำอะไรก็ทำไปแบบนั้น -- จงอินก็แค่ตามใจตัวเอง
อยากจูบคยองซูเขาก็ทำเลย ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากมาย
“คุณพรีเฟ็ค”จงอินเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ คยองซูไม่ยอมแสดงอาการอะไรตอบกลับมา น่าจะยังคงเขินอยู่ จงอินเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่าย เป็นไปตามคาด คยองซูไม่ได้แสดงอาการขัดขืน มีแต่นัยน์ตาที่ตวัดมามองด้วยอารมณ์เคืองๆ”วันหลังฝากบอกฝ่ายตกแต่งปราสาทหน่อย”
“อะไรของนาย”คยองซูถามเสียงขุ่นๆ ใบหน้าของเขายังไม่หายร้อน ออกจะไม่ยุติธรรมเมื่อคำนึงว่าจงอินนั้นไม่มีอาการเขินอายอะไรเลย หรือสีผิวอาจจะเข้มจนเขามองไม่เห็นสีแดงก็เป็นได้ จงอินหลือบตามองเพดานและกลับมาตอบด้วยเสียงน่าหมั่นไส้
“ให้แขวนช่อมิสเซิลโทถี่ๆ -- โอ๊ะ ยอมแล้วครับ ยอมแล้ว”จงอินยกมือขึ้นสองข้างเหนือหัวเมื่อไม้กายสิทธิ์ของคยองซูถูกยกขึ้นมาชี้หน้าเขา รอยยิ้มยังคงค้างบนริมฝีปากเนื่องจากคนแซวรู้ดีว่าคยองซูไม่กล้าสาปเขาตรงนี้
“ซักวันฉันจะสาปนายให้กลายเป็นพิกมี่พัฟ”
“เพิ่งรู้ว่าโดคยองซูอยากจะมีประสบการณ์แลกลิ้นกับสัตว์ขนฟูฟ่องด้วย”
“จงอิน!”คยองซูขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย ก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดปาก เป็นครั้งแรกที่คยองซูเรียกจงอินด้วยชื่อเฉยๆ ไม่มีนามสกุลที่เขาใช้มันเป็นกำแพงสร้างความเหินห่างระหว่างเขาและคู่ปรับ ถ้าไม่นับตอนที่คยองซูเมาในครั้งนั้น จงอินทำตาโตด้วยความตกใจ ส่วนคยองซูก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในสมอง เขาไม่น่าพลาดเลยจริงๆ
“งั้น..คยองซู”จงอินยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสีหน้าฮึดฮัดของอีกฝ่าย คนโดนเรียกด้วยชื่อเฉยๆ อดรู้สึกประหลาดไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงที่คอยกวนประสาทมาตลอดห้าปีเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมแบบนั้น นอกจากคนในครอบครัวและเซฮุนแล้ว เขาก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกเขาแบบนี้เลย พอมาได้ยินจากจงอิน ก็เลยรู้สึกแปลกๆไปอีกแบบ
“แค่วันนี้เท่านั้นนะ”พรีเฟ็คบ้านสลิธีรินกำชับเสียงเรียบ เขาไม่ใจร้ายพอที่จะหาเรื่องทะเลาะกับจงอินในวันคริสต์มาสหรอก จงอินยังไม่ทำอะไรกวนประสาทมาก เขาก็จะยังไม่สาปอีกฝ่าย หรือสั่งกักบริเวณอะไรแบบนั้น
“ทำไมนายไม่กลับบ้านล่ะคยองซู” จงอินเปลี่ยนเรื่องกะทันหันโดยไม่ลืมที่จะเรียกอีกฝ่ายด้วยสรรพนามใหม่ ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำเสียงนั้นฟังดูเป็นมิตรขึ้น หรือเป็นเพราะแววตาซื่อๆของอีกฝ่ายกันแน่ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องประหลาดอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันคริสต์มาส เหมือนเป็นปาฏิหาริย์ในเดือนธันวาคม พวกเขาสามารถพูดจากันดีๆได้เกินสามประโยคโดยไม่ชวนทะเลาะ แค่คิดคยองซูก็แปลกใจระดับศาสตรา
จงอินพิงหลังเข้ากับระเบียง คยองซูเองก็พิงตาม ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาที่แปลกประหลาดที่สุดระหว่างพวกเขาสองคน ประหลาดที่ว่าก็คือการที่ไม่มีใครประชดใคร
“พี่คริสไม่กลับ ฉันก็เลยไม่กลับ” คำตอบของคยองซูบอกได้ดีว่าเจ้าตัวคงติดพี่ชายไม่น้อยเลยทีเดียว ความจริงแล้วเขาคิดภาพคนหน้าตายสองคนที่ผูกพันทางสายเลือดอย่างคยองซูกับคริสแสดงออกว่ารักกันฉันท์พี่น้องไม่ออกสักเท่าไร คงแปลกพิลึก
“คริสต์มาสที่โลกมักเกิ้ลน่ะ ไม่เงียบแบบนี้หรอก” ลมหนาวที่พัดเข้ามาทำให้จงอินกระชับผ้าพันคอเข้าหาตัว เขามองไปรอบๆ บรรยากาศคริสมาสต์ที่ฮอกวอตส์ทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในโลกเวทมนตร์อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาก็คิดถึงคริสต์มาสในโลกมักเกิ้ลเหมือนกัน
“ที่นั่นมีทั้งลำโพงที่เปิดแต่เพลงคริสต์มาสไปจนเช้า“จงอินว่า มือก็ไล่ไปตามพวงมาลัยฮอลลี่ใกล้ๆมือ “มีเทศกาลเต็มไปหมด แล้วก็มีคนแต่งตัวเป็นซานต้า ในเมืองมีต้นคริสต์มาสประดับไฟ ถ้านายได้เห็นไฟในเมืองนะ นายจะชอบ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีไปไกลชนิดว่านายต้องทึ่ง”
“พวกมักเกิ้ลนี่ประหลาดชะมัด” คยองซูนึกภาพตามก่อนจะเบ้หน้า ฟังที่จงอินพูดมาก็ดูเป็นเรื่องที่วุ่นวายไม่น้อย คริสต์มาสในโลกเวทมนตร์ไม่มีอะไรยุ่งอย่างแบบพวกมักเกิ้ลเลยสักนิด แต่ละครอบครัวก็ฉลองในบ้านของตัวเอง แลกของขวัญกันตามธรรมเนียมกับคนในครอบครัวแล้วก็เพื่อนๆก็แค่นั้น แล้วเขาจำเป็นต้องทึ่งอะไรกับโลกมักเกิ้ลด้วย
“ตอนแรกฉันก็ว่าจะกลับบ้าน อยากรู้ว่าที่นั่นจะเปลี่ยนไปขนาดไหนในระหว่างที่ฉันไม่อยู่” โลกของมักเกิ้ลนั้นหมุนเร็วกว่าโลกเวทมนตร์เสมอ ทุกครั้งที่จงอินกลับไปที่บ้านก็จะมีอะไรใหม่ๆให้เขารู้สึกเชยตลอดเวลา เกมใหม่ แฟชั่นใหม่ ไหนจะถนนหนทางที่เปลี่ยนไปได้แทบทุกปี แต่กับโลกเวทมนตร์นั้นราวกับว่าทุกอย่างถูกหยุดไว้ตั้งแต่วันแรกที่ได้มาเยือน เสื้อผ้าแบบเดิม หอพักแบบเดิม สภาพแวดล้อมเดิมๆที่เขาพอใจให้มันเป็นแบบนั้นดีกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงไป ...รวมถึงคยองซู ที่ยังเหม็นขี้หน้ากันเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกที่เจอ
นี่คงเป็นอีกเหตุผลละมั้งที่ทำให้คริสต์มาสที่ฮอกวอตส์อบอุ่นกว่าในโลกมักเกิ้ลเป็นไหนๆ
“แต่นึกได้ว่ามีนัดกับนกฮูกไว้ เลยติดแหงกอยู่ที่นี่” พูดดีได้ไม่กี่ประโยคจงอินก็กลับมาเรียกอีกฝ่ายด้วยสรรพนามอมตะอย่างเคย คนโดนตราหน้าว่าเป็นนกฮูกฟาดแขนเลือดผสมบ้านกริฟฟินดอร์ด้วยแรงไม่เบานักอย่างหมั่นไส้ จะให้ญาติดีกับคิมจงอินน่ะเหรอ...ลืมไปซะเถอะ
“ความจริงฉันก็ลืมไปแล้วว่านัดกับนายเอาไว้ แต่เมื่อเช้าเห็นนายนั่งอยู่ในห้องโถงเลยนึกขึ้นมาได้ ถ้านายกลับบ้านไปก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันลืมไปแล้ว” ดูเหมือนการโป้ปดจะเป็นความสามารถพิเศษของสลิธีรินทุกคนจริงๆ คยองซูโกหกคำโตด้วยท่าทีนิ่งเฉย แต่ฝ่ายจงอินเองก็ดูไม่เดือดร้อนกับคำพูดของคนตรงหน้าเท่าไรนักเพราะยังไงคยองซูก็มาตามที่นัดไว้
คยองซูจะลืมลงไปได้ยังไง เรื่องของจงอินรบกวนเขาทั้งวันจนแทบไม่มีสติ
“เมื่อกี้เห็นนายบอกว่ากำลังรีบ สงสัยนายคงลืมเรื่องนั้นไปด้วยสินะ” เพียงชั่วครู่ที่คยองซูรู้สึกราวกับว่าหาเสียงของตัวเองไม่เจอ นัยน์ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งถลนหนักเข้าไปอีกเมื่อเจ้าตัวกำลังลนลานทำอะไรไม่ถูก จงอินยกยิ้มกับอาการเปิ่นๆของพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินที่นานครั้งจะมีให้เห็น คนตัวสูงกว่าวางมือบนศีรษะของคยองซูพลางไล้ไปตามกลุ่มผมมือเบาๆ หวังให้อีกฝ่ายเย็นลงจากอาการลุกลี้ลุกลนนั่น คนถือตัวจากตระกูลสูงศักดิ์ได้แต่ยืนนิ่ง มีไม่กี่คนในชีวิตหรอกที่เขายอมให้ลูบผมเล่นแบบนี้ พ่อ แม่ พี่คริส แล้วก็เซฮุน แต่ตอนนี้คู่ปรับตลอดกาลอย่างคิมจงอินกำลังทำแบบนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจุดอ่อนของคยองซูคือศีรษะ เขารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มีใครสักคนสัมผัสมัน แน่นอนว่าไม่มีข้อยกเว้นแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นคิมจงอินก็ตาม
คนที่กำลังถูกสัมผัสอ่อนโยนครอบงำได้แต่ช้อนตามองอีกฝ่ายเงียบๆก่อนจะหลับตาลง จงอินมองท่าทางของคยองซูที่ไม่คุ้นตาด้วยความรู้สึกประหลาด มือของซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์ค่อยๆไล้ลงมาข้างแก้มที่เย็นเฉียบก่อนจะสัมผัสมันแผ่วเบา
“ฉันชอบนาย” คยองซูลืมตาขึ้นทันทีหลังจากจบประโยคนั้น ถ้อยคำที่อีกฝ่ายพูดออกมายังสะท้อนอยู่ในอากาศ ใบหน้าของจงอินที่ปรากฏอยู่ไม่ไกลยิ่งตอกย้ำว่าจะเป็นใครไปไม่ได้ที่จะพูดประโยคเมื่อกี้ขึ้นมานอกจากคนตรงหน้า สายตาที่จงอินใช้มองมานั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าที่คยองซูจะตีความออกมาได้ เสียงกลองในอกดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาทบทวนว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา กระบอกความรู้สึกที่ถูกปิดไว้มานานราวกับถูกปล่อยให้หล่อเลี้ยงไปทั้งร่างด้วยน้ำมือของคนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูตลอดกาลของเจ้าตัว มันไม่ใช่ความเกลียดชัง แต่มันเป็นส่วนผสมบางอย่างที่ทำให้หัวใจของคนอย่างคยองซูพองโต เขาควรจะรู้สึกแย่ที่มีคนกวนประสาทอย่างคิมจงอินมาชอบ แต่ทำไมคยองซูถึงรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังสั่งให้เขายิ้มออกมาแบบนี้
คยองซูไม่รู้จะทำอะไร เขาได้แต่จ้องหน้าอีกฝ่ายกลับไป กล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ขยับเลยซักมัด จงอินยังคงมองหน้าเขานิ่ง สองสามวินาทีแห่งความเจ็บปวดผ่านพ้นไป และสมองของเขาก็ยังทำงานไม่คงที่
จงอินชอบเขา ? บ้าน่า รอให้ฮอกวอตส์รับโทรลล์เข้าเรียนก่อนเถอะถึงจะเกิดอะไรบ้าๆแบบนั้นขึ้น
เขาพยายามรวบรวมความคิด แต่ทุกอย่างในหัวถูกเสียงหัวใจที่ดังแสนดังตีกลบไปจนหมด จงอินเม้มปากน้อยๆ รอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปาก คยองซูเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของอีกฝ่ายเพื่อดูเชิง ก่อนที่จงอินจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ
“ล้อเล่นน่ะ ฉันไม่คิดจะคบกับนกฮูกหรอกนะ”
ตัดฉับแบบโหดร้ายอีกรอบ5555555555555555
ทั้งตอนมันหวานมากจนกระทั่งบรรทัดสุดท้าย และอีบรรทัดสุดท้ายนี่แหละที่เซอร์ไพรส์สุดๆ /วิ่งหนีระเบิด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหวานได้นานจริงๆ ตามสไตล์ เขาเป็นคู่กัดกันนี่นะ ;A;
อ่านไปแล้วก็แบบ ไม่ชอบละไปจูบเขาทำไมวะจงอินนนนนนนน ไอ้ผีบ้า อยากจะแต่งให้ตอนจบขาขาดเพราะโดนนกฮูกของคยองซูแทะ หมั่นไส้โว้ยยยยย
ขอบอกความคืบหน้าของคราวที่แล้วที่สอบถามเรื่องรวมเล่มนะคะ ตอนนี้คือมีคนกรอกเข้ามาเกินยอดที่โรงพิมพ์ตั้งไว้แล้วค่ะ
เพราะฉะนั้นหยอดกระปุกไว้ได้เลย ไม่นานเกินรอแน่นแน่ อิ___อิ
โม่ง the second
------------------ 50% ----------------------
มาพร้อมความฟินกันถ้วนหน้าาาาา รอบนี้มีของสมนาคุณพิเศษจาก @numsaeng13 นั่นก็คือออออ
เป็นฉากตอนที่สองคนนี้ไปฮอกส์มี้ดด้วยกัน ตอนนี้คือเราตายไปแล้วค่ะ โอยยย รูปนี้คือดีงามมาก อยากกราบพี่นำแสงเป็นร้อยๆครั้ง คือเห็นแล้วใจเต้นเลย โง้ยยยยย ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอซูฮกพี่เขาเลย รูปนี้มันดีจริงๆ เป็นรูปที่คนไทยหกสิบล้านคนควรดูค่ะ !
ปล. อย่าลืมกรอกแบบสอบถามเรื่องรวมฟิคน้าาา ทั้งคุณไคคุณคริสเบย
โม่งสองผู้ตายไปกับแฟนอาร์ตพี่นำแสง
*แถ่ด*
ตัดจบกันแบบนี้อีกแล้วค่ะคุณผู้ชม ทำยังไงดีคะ ไม่อยากทำแบบนี้เลย อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รอดูตอนหน้านะคะ มีเซอพร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยสุดๆ
แต่เรากลับมาที่เซอร์ไพรส์ตอนนี้ก่อนค่ะ
สอบถามการรวมเล่ม #ฟิคคนที่คุณก็รู้ว่าไค ค่ะ แอ้
จริงๆก็ไม่คิดจะรวมเล่มหรอกค่ะ แต่งานฟิคใกล้เข้ามา แล้วก็ประมาณว่า เอาวะ 55555555555555555555
ฟิคนี่จะไม่ให้เกิน 350 บาทละ เอาจริง นี่สุดชีวิตมากๆในการวางพลอตแบบรัดกุม *ฮึบ*
https://docs.google.com/forms/d/1A5gA9_9CQndqkEr3WXyYd1vdRNnJjuk2QJktQQTsEYQ/viewform?usp=send_form
เข้าไปตอบกันหน่อยนะค้า เพื่อความมั่นใจของน้องโม่ง จะได้เดินหน้าทำงานต่อเลย เดดไลน์ไล่หลังมากแล้วค่ะ *ร้องไห้*
โม่งหนึ่ง
ความคิดเห็น