ปัง ! ปัง ! - ปัง ! ปัง ! นิยาย ปัง ! ปัง ! : Dek-D.com - Writer

    ปัง ! ปัง !

    เรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกในเว็บ Dek-D แต่ไม่ได้เป็นเรื่องแรกของผม เพราะเรื่องนี้ ผมเคยเขียนลงใน Let's Comic ไม่ว่ายังไง ก็ช่วยติชมหน่อยนะครับผม ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    56

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    56

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ธ.ค. 55 / 23:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องนี้ เกี่ยวกับเด็กชายที่หลงใหลในปืน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปชมกันครับ ^^
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

           ปัง ! ปัง ! ปัง !... นี่คือเสียงจากโทรทัศน์ที่ผมกำลังดูหนังอยู่ แน่นอน มันคือ


      เสียงปืน ผมชอบปืนมาก ๆ เลยครับ ปืนทำให้ผมมีความรู้สึกว่า มันเท่ห์ มันดูดี


      มันเหมือนกับเรามีความยิ่งใหญ่มาก ๆ



           สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘แจ็ค’ นะครับ ตอนนี้ผมอายุ 9 ขวบ ผมอยู่ ป.4 ก็ยังเป็นเด็ก


      อยู่น่ะครับ ก็อาจจะทำตัวไร้เดียงสาบ้าง อะไรบ้างน่ะครับ ผมเป็นคนชอบปืนมาก ๆ


      เลยครับ คงเป็นเพราะว่าพ่อของผมเป็นตำรวจล่ะมั้ง ผมเลยหลงใหลในปืน เสียง


      ของปืน กลิ่นของกระสุนที่ลั่นไกออกมา ขนาดตอนผมอยู่ที่โรงเรียน ผมยังเอา


      ไม้บรรทัดมาทำเป็นปืนได้เลยครับ เพื่อน ๆ ในห้องผมก็ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่กัน


      เหลือเกิน พอเห็นผมเล่นแบบนี้แล้ว เพื่อนผมมันก็ชอบพูดว่า “เฮ้ย อายุปูนนี้กัน


      แล้ว ยังเล่นอะไรไร้สาระอีก น่ารำคาญ” ผมนึกในใจ “ก็ยังไม่โตกัน จะรีบโตไป


      ทำไม” ผมทำหน้าปั้นยาก แล้วก็เดินจากเพื่อน ๆ ไป แต่ในระหว่างทางผมลงมา


      นึกดู “ทำไมกันนะ ทำไมทุกคนไม่เห็นชอบปืนแบบเราเลย ถ้าพวกนั้นได้ลองจับ


      ปืนซะหน่อย เดี๋ยวก็รู้เอง ว่ามันสนุกขนาดไหน” ถึงจะคิดอย่างนั้นก็เถอะ ยังไง


      เจ้าพวกนั้นก็ไม่ฟังผมอยู่แล้ว


       


           จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมหยิบไม้บรรทัดคู่ใจของผม มาทำเป็นปืน ผมก็ทำ


      ท่าทางยิงคนนู้น คนนี้ไปทั่วห้อง แต่ว่า ผมก็หันไม้บรรทัดไปหาเพื่อนคนนึง แล้วก็


      ทำท่าทางยิงไป แต่ว่า เจ้านั่น อยู่ ๆ ก็.....ล้มลงไป...... “เฮ้ย !!” ผมร้องเสียงหลง


      แล้วหลังจากนั้น คนอื่น ๆ ก็มามุงดูไอเจ้าหมอนั่น “แค่ทำเล่น ๆ มัน...ทำไม หรือ


      มันแกล้งเรา หรือมันเจ็บจริง ๆ” ผมคิดไปต่าง ๆ นานา ด้วยความที่ผมเป็นเด็ก จึง


      ทำอะไรไม่ถูก กลัวแค่ว่า จะถูกครูตี จะถูกพ่อแม่ว่า ไม่ได้ห่วงไอหมอนั่นเลย


      จนกระทั่งครูก็เดินมาดูเหตุการณ์ “ใครเป็นคนทำ ?” คำถามสั้น ๆ ห้วน ๆ


      แต่ทำไมผมถึงขาสั่นได้เนี่ย แล้วไอพวกคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ มันก็ชี้มาทาง


      ผมเป็นทางเดียวกัน จากนั้นครูก็เดินมาแล้วถามผมว่า “นี่เธอ ไปแกล้งเพื่อนทำไม


      ?” “เปล่าครับ ผมได้แกล้ง ผมแค่หยิบไม้บรรทัดขึ้นมา....” ครูก็สวนขึ้นมาทันทีว่า


      “นี่ไง เธอหยิบไม้บรรทัดมาตีเพื่อน มา มานี่เลย” ผมพูดยังไม่ทันจบ ครูก็ลากผม


      ไปที่ห้องพักครูแล้ว


       


           วันนั้น ครูพาผมไปที่ฝ่ายปกครอง ครูบอกผู้อำนวยการไปว่า ผมไปทำร้ายเพื่อน


      โดยเจตนา แล้วผมก็โดนทัณฑ์บนไปหนึ่งกระทง.......ครูไม่ฟังผมเลย ผมเดินออก


      จากห้องของผู้อำนวยการพร้อมกับน้ำตาซึม ๆ ครูโทรหาผู้ปกครองหรือพ่อผมนั่น


      แหละ โทรบอกให้พ่อผมมารับที่โรงเรียนไปอบรมสั่งสอน อ้อ ผมโดนพักการเรียน


      ไปสามวันเพราะเจ้าหมอนั่นอยู่ที่โรงพยาบาล “อะไรกัน มันรุนแรงขนาดนั้นเลยรึไง


      ?” ผมคิดในใจ พอพ่อผมมารับ น้ำตาที่ซึมอยู่ ก็เริ่มไหลออกมานิด ๆ พอพ่อเห็น


      ผมแบบนี้แล้วพ่อเลยบอกกับผมว่า “เดี๋ยวค่อยคุยกันที่บ้าน เดี๋ยวตอนนี้พ่อพาไป


      กินอะไรอร่อย ๆ” พ่อรู้ใจผม รู้ว่าผมชอบกินอะไรอร่อย ๆ หลังจากนั้น ผมก็กลับ


      บ้านอย่างมีความสุข ไม่มีรอยของน้ำตาบนในหน้าผม


       


           พอถึงบ้าน พ่อผมไม่รอช้า พ่อถามผมทันทีว่า “ลูกไปแกล้งเพื่อนทำไม ?”


      “ผมไม่ได้แกล้ง พ่อ ผมแค่หยิบไม้บรรทัดมาทำเป็นแล้วยิงแค่นั้นเอง” ด้วยความ


      เป็นเด็ก พอผมพูด น้ำตามันก็เริ่มไหลออกมา เหมือนกับอัดอั้นมานานแล้ว


      พ่อผมเหมือนเข้าใจผม “แจ็ค พ่อเชื่อแจ็คนะ ว่าลูกไม่ได้แกล้งเพื่อนจริง ๆ”


      พ่อพูดปลอบใจผมอยู่นาน กว่าจะหยุดร้องไห้ ถึงจะหยุดร้องไห้แล้ว ผมก็ยัง


      สะอึกสะอื้นอยู่ “เอางี้ ถ้าลูกยังไม่สบายใจ เดี๋ยวพ่อพาไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลเอง”


       


           พ่อพาผมมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ดูหรูหราอู้ฟู้ ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจ กับสิ่ง


      ที่ดูแปลกใหม่สำหรับผม พ่อผมเป็นคนกระฉับกระเฉง ทำอะไรดูคล่องไปหมด


      หลังจากที่พ่อผมถามหมายเลขห้องที่ที่เจ้าหมอนั่นนอนพักตัวอยู่แล้ว พ่อก็พาผม


      ไปที่ห้องของเจ้าหมอนั่นอย่างรวดเร็ว พ่อผมให้ผมเป็นคนเปิดประตูเอง ผมเองก็


      ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน ว่าทำไมต้องให้ผมเปิดประตู ? “แอ๊ด” หลังจากเสียงประตู


      ที่เปิดออกแล้ว สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ เจ้าหมอนั่น  เจ้าหมอนั่นกำลังนอนมองผมด้วย


      สายตาที่ไม่เป็นมิตร “เอ่อ เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ” สิ่งแรกที่พูดออกไป


      ไม่ใช่คำทักทาย แต่เป็นคำขอโทษ เจ้าหมอนั่นทำเมินใส่ผม ผมรู้สึกเจ็บในใจ


      แปล๊บ ๆ “พ่อแจ็ค หวัดดีครับ” เจ้าหมอนั่นทักพ่อผมอย่างเรียบ ๆ “เอ้อ ดีครับ”


      พ่อผมก็ทักไปอย่างเรียบ ๆ เช่นกัน “แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ทำไมถึงได้เป็นแบบ


      นี้ ?” เจ้าหมอนั่นไม่ตอบพ่อผม ทำนิ่ง สงบเสงี่ยม ไม่พูดไม่จา  “ไม่ได้เป็นอะไร


      มากแล้วใช่ไหม ?” พ่อผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ครับ ดีขึ้นแล้ว” “งั้น อยู่ในห้องกัน


      สองคนนะ เดี๋ยวพ่อไปธุระแป๊ปนึงนะ แจ็ค” อ้าวพ่อ ผมนึกอยู่ในใจ หลังจากนั้นพ่อ


      ผมก็เดินออกไป


       


           ภายในห้องที่มีแค่ผมกับเจ้าหมอนั่น มีแต่ความเงียบ มีแต่เสียงของแอร์เท่านั้น


      “นาย นายแกล้งเราหรอ ?” เจ้าหมอนั่นไม่ตอบผม แถมยังเมินหน้าใส่ผมอีก


      “รับผิดชอบซะ” เจ้าหมอนั่นพูดขึ้นมา “รับผิดชอบซะ !!” คำ ๆ เดิมแต่คราวนี้ดู


      หนักแน่นขึ้น “ระ รับผิดชอบอะไรอ่ะ ?” ผมถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หมอนั่นเงียบ


      ไปสักพักก่อนที่จะพูดว่า “กราบเท้าเราซะ”  “ห้ะ ?? ให้ทำอะไรนะ ??”


      “กราบเท้าเราซะ !!”  สิ้นประโยคที่เจ้าหมอนั่นพูด ผมอยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ


      ใจที่กล้า ๆ กลัว ๆ ทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงแค่ยืนขาสั่น ตัวสั่น  ในใจของผม


      ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่า อยากจะหนีออกจากห้องนี้


       


           ผมลองคิดเรื่องราวย้อนกลับไปดู เรื่องแค่ผมเอาไม้บรรทัดมาจ่อใส่หน้าเจ้า


      หมอนั่น มันทำให้เกิดเรื่องราวได้ขนาดนี้เลยหรือไง ? เรื่องราวที่เกิดจากความ


      เข้าใจผิดของครูและพวกผู้ใหญ่ มันทำให้เกิดเรื่องได้ขนาดนี้เลยหรือไง


      ความรู้สึกตอนนี้ของผม อยากจะตะโกนให้ลั่น อยากบอกให้รู้ว่า ผมไม่ได้ทำอะไร


      ผิด ผมไม่ได้ทำอะไรผิด !!   แต่แล้ว ในขณะที่ผมก้มตัวกำลังจะลงไปกราบเท้าเจ้า


      หมอนั่น หมอนั่นก็ลงมาจับมือผม แล้วบอกกับผมว่า “ไม่ต้องทำ เราไม่โกรธนาย


      แล้ว” เหมือนกับภูเขาที่อยู่ในใจผม มันได้หลุดออกไป “จริงเหรอ นายพูดจริงนะ ?”


      “อื้ม เราพูดจริง ๆ”  ผมเกิดความสงสัยอย่างนึง ผมเลยถามเจ้าหมอนั่นไป


      “แล้วตอนที่เราทำท่าจะยิงนาย นายล้มลงไปทำไมล่ะ ?”  “เราเป็นโรคหัวใจ ตอน


      จังหวะที่นายกำลังจะยิง อาการมันกำเริบพอดีน่ะ” ผมเหวอไปพักนึง “หนอย หลอก


      เรารึ ?” ผมหยิบไม้บรรทัดคู่ใจของผมขึ้นมา แล้วทำท่ายิงใส่หมอนั่นอีก “นี่แน่ะ นี่


      แน่ะ ปัง ! ปัง !” “อย่านะ อย่านะ ฮ่า ๆ ๆ”   หลังจากวันนั้น ผมกับเจ้าหมอนั่น เลย


      กลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลย

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×