คนลืมตัว
ผมพบเขาในตำแหน่งนักการภารโรง การเป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจ ทำให้เขาสามารถสำเร็จการศึกษาในคณะรัฐศาสตร์ได้ และต่อมาเขาจึงสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ แทบไม่น่าเชื่อว่า เขาเปลี่ยนแปลงตัวตนไปมากอย่างไม่น่าเชื่อ
ผู้เข้าชมรวม
46
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
คนลืมตัว
ณ.ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลวังเลียบพัฒนา ขณะที่สมาชิกองค์การบริหารฯกำลังมีการประชุมเพื่อเตรียม จัดการแข่งขันกีฬาอ.บ.ต. ประจำตำบล ผมได้ถูกรับเชิญให้เข้ามาร่วมประชุมด้วย นี่จึงถือว่า ผมได้เข้ามาสัมผัสกับผู้นำที่เป็นตัวแทนของชาวบ้านแต่ละหมู่บ้าน ผมได้ขี่จักรยานยนต์ออกจากบ้านพักมายังที่ทำการอบต.ชั่วคราวซึ่งตั้งอยู่ในอาคารเรียนของโรงเรียนวังเลียบ ซึ่งได้ถูกยุบตัวลงเพราะมีเด็กนักเรียนมาเข้าเรียนน้อย จึงถูกควบรวมให้มาเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคีียง
“มาธุระ อะไรหรือ…ครับ ” สุภาพบุรุษ คนหนึ่ง สอบถาม
“ผมจะมาประชุม เพราะท่านนายกฯ เชิญมาครับ”ผมพูดกับเขา
“อ้อ หรือครับ ผมทราบว่า จะมีการประชุมช่วงเวลา 9.00 น ” เขาพูด
“ปัจจุบัน.โรงเรียนวังเลียบ ถูกยุบแล้วหรือ ” ผมพูด
“ใช่ครับ เด็กๆต้องไปเรียนที่โรงเรียนบ้านต้นหมากเขียวแทนครับ”
“ คุณทำงานที่นี่ ??หรือครับ"ผมถามเขา
“ ใช่ครับ ” เขาตอบ
จากที่ได้พูดคุยกันผมมองว่า เขาคงน่าจะทำงานในตำแหน่ง ใดตำแหน่งหนึ่งที่ต้องนั่งในห้องทำงานนี้อย่างแน่ๆ ผมคะเนว่าอายุของเขาคงประมาณ 25 ปี หน้าตาที่ใสซื่อแฝงรอยยิ้ม คำพูดคำจาดูสุภาพจนน่าศรัทธา
“คุณคนนี้ ขยันมากเลยนะ ตั้งแต่เรามาถึงที่ทำงานแห่งนี้ ดูเหมือนจะนั่งอ่านหนังสืออย่างจริงจังและมุ่งมั่น” ผมคิดในใจ ผมเห็นเขานั่งอ่านหนังสือเล่มหนา จึงพอคาดเดาว่าคงกำลังเตรียมสอบวิชาใดวิชาหนึ่งของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่ผมเคยลงทะเบียนเรียนเช่นกัน
“เรียนคณะ อะไรครับ ” ผมถามเขา
“คณะรัฐศาสตร์”เขาตอบ
หลังจากที่เขาตอบแล้ว ผมได้หยุดที่จะป้อนคำถามอีก เพราะเกรงว่าเขาจะขาดสมาธิในการอ่าน ผมเลี่ยงจากจุดที่เขานั่งอ่านหนังสือ แล้วเดินออกมาที่สนามของโรงเรียน และต้องมาสะดุดที่ชั้นล่างของอาคารเรียนหลังหนึ่ง ซึ่งมีรูปภาพเด็กเล็ก พร้อมมีภาพครูผู้ดูแล
“สงสัยบริเวณนี้ ถ้าจะ เป็นศูนย์เด็กเล็กประจำหมู่บ้านกระมัง ” ผมคิด
ผมรอเวลาอีกครู่หนึ่งจึงมีสมาชิกอบต.ของแต่ละหมู๋บ้านทยอยมาเข้าห้องประชุม ผมยังยืนเตร่่ บริเวณนั้นเพื่อรอนายกฯ ซึ่งเป็นผู้เชิญให้ผมเข้าร่วมประชุมในวันนี้ หลังจากพบกับนายกฯแล้ว ผมกับเขาจึงเดินเข้าไปนั่งในห้องประชุม วันนี้สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล แต่งชุดเครื่องแบบกันเต็มยศ ส่วนผมใส่เสื้อม่อฮ่อมแบบชาวบ้านธรรมดาๆ
“อาจารย์ มานั่งใกล้ๆ กับผม เผื่อจะได้แนะนำให้สมาชิกทุกคนได้รู้จักครับ” นายกฯ พูด
“ครับ ” ผมพูด
**************************
ห้องเรียนเก่าที่ถูกดัดแปลงมาเป็นห้องประชุม ซึ่งทางอำเภอ ได้ทำเรื่องขออนุญาตกับสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดเพื่อมาใช้เป็นที่ทำงานชั่วคราว และเพื่อรองบประมาณจัดสร้างองค์การบริหารส่วนตำบลในภายหลัง ผมเข้าไปนั่งใกล้กับนายกฯ วันนี้คนที่จะเป็นผู้ดำเนินการประชุมคือประธานสภา
สมาชิกส่วนใหญ่ ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมต่างงุนงง ที่มีคนแปลกหน้าได้เข้ามาร่วมประชุมด้วย กระทั่งตัวประธานสภา ผู้ซึ่งเป็นประธานในการประชุมก็ยังไม่ระแคะระคาย ว่าผมจะมาเป็นแขกและมาเป็นผู้สังเกตุการณ์การประชุมในวันนี้ “อาจารย์มานั่งใกล้ๆกับผมตรงนี้ เผื่อถึงญัตติ ที่ท่านประธานสภา จะให้ผมพูด ผมจะได้แนะนะให้สมาชิกทุกคนได้รู้จัก “ นายกฯองค์การพูด
เมื่อเริ่มเปิดการประชุม ประธานสภาได้กล่าวต้อนรับสมาชิกทุกคน และได้เริ่มทำการประชุมตามวาระต่างๆ ขณะที่ประธานสภาเริ่มโปรยวาระการประชุุม..ผมเห็นสุภาพบุรุษคนเมื่อครู่ที่ผมพบ ได้เข้ามาในห้องเพื่อนำเอกสารมาแจกให้สมาชิกอบต.ทุกคน เวลานั้น ผมก็ยังคาดเดาไม่ถูกว่าเขา ทำงานในตำแหน่งใด ผมมองเขาด้วยความรู้สึกที่ดี หลังจากที่เขาเดินแจกระเบียบวาระการประชุมเสร็จแล้ว จึงเดินออกจากห้องไป
“สวัสดี สมาชิกทุกๆท่าน วันนี้..เป็นโอกาสสำคัญ ที่เราจะมีการประชุมวาระสำคัญ สองเรื่องหลักๆ คือเรื่อง การจัดการแข่งขันกีฬาองค์การบริหารส่วนตำบลประจำปี และอีกเรื่องคือเรื่องการจัดหาสถานที่ เพื่อสร้างที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลของเราอย่างถาวร” ประธานสภาพูดเกริ่นก่อนและจากนั้น จึงเริ่มพูดเรียงตามลำดับหัวข้อที่ได้กำหนดไว้
ในการประชุมของสมาชิกในวันนี้ ในช่วงหนึ่งประธานสภาได้พูดถึงเรื่องการจัดการแข่งขันกีฬาอบต.ประจำตำบล เขาได้เชิญให้นายกฯ ขึ้นพูดชี้แจงถึงโครงการดังกล่าว
"ขอบคุณท่านประธานสภาและสมาชิกองค์การทุกท่านก่อนอื่นผมใคร่ขอแนะนำท่านผู้ที่มานั่งใกล้กับผมว่า เขาเป็นใคร?
ขณะที่เขายืนขึ้นพูด ได้กระซิบกับผมเบาๆว่า
“อาจารย์ กรุณาลุกขึ้นยืน แนะนำตัวให้สมาชิกได้รู้จักสักหน่อย” นายกฯพูด
เมื่อเขาพูดจบ ผมได้ลุกขึ้นยืนพร้อมยกมือไหว้ไปที่ประธานสภาก่อน จากนั้นก็ยกมือไหว้ไปยังสมาชิกที่นั่งล่้อมรอบประธาน ในรูปเกือกม้า
“ผมชื่ออาจารย์ เป็นอาจารย์สอนที่สถาบัน … เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้ไปที่โรงเรียนบ้านไทรเหนือบังเอิญได้พบกับนายกฯ ผู้อำนวยการฯจึงได้แนะนำให้รู้จัก เนื่องจากผมเคยมีประสบการณ์ในการจัดกีฬาให้สถาบันและองค์การบริหารส่วนตำบลหลายแห่ง ทั้งยังคุ้นเคยกับอาจารย์ที่วิทยาลัยพลศึกษา นี่จึงเป็นทีี่มาว่า วันนี้นายกฯได้ขอเชิญให้ผมมาเข้าประชุม เพื่อจะได้ช่วยเสนอแนะการจัดงานกีฬาในครั้งนี้” ผมพูด
หลังจากผมพูดจบ นายกฯองค์การ ก็ได้พูดถึงโครงการจัดงานกีฬาอบต. ครั้งที่ 1 จนจบ
*****************************
เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลวังเลียบพัฒนา อยู่ห่างจากเมืองกว่ายี่สิบกิโลเมตร อุปกรณ์ในการจัดกีฬาจึงมีไม่ครบ การที่ผมมาประชุมในวันนี้ทำให้กรรมการทุกคนต่างเบาใจ เพราะผมได้ขันอาสาที่จะช่วยเหลือให้กิจกรรมดังกล่าวสามารถบรรลุเป้าหมาย ดังที่ทุกคนคาดหวัง
“สำหรับสิ่งที่ขาดเหลือ อาทิ แท่นกล่าวรายงาน 2 อัน ผมรับปากจะหยิบยืมให้ครับ” ผมพูด กับสมาชิกในที่ประชุม
“อาจารย์ พอจะหยิบยืมธงชาติ ได้หรือไม่ครับ พวกเราต้องการได้สัก 50 ผืน ” สมาชิกคนหนึ่งพูด
“ไม่มีปัญหา ครับ ผมได้ซื้อตุนไว้ เพื่อให้บริการสังคมอยู่แล้ว ” ผมพูด
“ดีเลยครับที่ อบต. ของเรามีเพียงสิบกว่าผืนเท่านั้น ” สมาชิก อบต. คนเดิมพูด
เพียงแค่การประชุมผ่านไปไม่นาน ทำให้ผมมีเพื่อนต่างหน่วยงานเพิ่มขึ้นอีกสามสิบกว่าคน ที่ตำบลวังเลียบพัฒนา มี 13 หมู่บ้าน ตัวแทนของประชาชนมีหมู่บ้านละสองคน การประชุมวันนี้ นอกจากสมาชิกอบต. แล้ว ยังมีผู้นำของหมู่บ้านคือกำนันและผู้ใหญ่บ้านอีก 13 คน รวมแล้วมีผู้เข้าประชุม 39 คน
การจัดกีฬาอบต. ที่จะมีขึ้นครั้งนี้ ทางฝ่ายบริหารและสมาชิกองค์การได้กำหนดประเภทกีฬาไว้เพียง 5 ประเภท คือ เปตอง ตะกร้อ ฟุตบอล กีฬาพื้นบ้านอีกสองประเภท คือวิ่งเปรี้ยวกับชักคะเย่อ ก่อนการจัดงานหนึ่งสัปดาห์ผมได้เตรียมอุปกรณ์และประสานหาตัวผู้ตัดสินฟุตบอลจากวิทยาลัยพลศึกษามาให้สี่คน
“รบกวน อาจารย์ศักดิ์ชาย ได้ช่วยจัดบุคลากรให้ผมหนึ่งชุด เพื่อมาเป็นกรรมการตัดสินฟุตบอล ที่โรงเรียนบ้านหมากเขียว ระหว่างเวลา 16 .00 น- 18.00 น ” ผมพูด
“ได้ครับ ที่วิทยาลัยของผม มีชุดกรรมการตัดสินฟุตบอลที่ทำหน้าช่วยเหลือองค์กรต่างๆอยู่แล้ว ยังไงผมจะจัดให้ สำหรับค่าใช้จ่ายมีเพียงช่วยค่าน้ำมันรถให้เท่านั้น”อาจารย์ศักดิ์ชาย พูด
ผมรู้จักกับอาจารย์ศักดิ์ชาย ครั้งที่ผมได้เข้าไปประสานงานจัดกีฬาของสถาบันของผมเอง ที่วิทยาลัยพลศึกษาที่เขาทำงาน และเป็นความบังเอิญที่เขาเป็นลูกเขยของอาจารย์อัสนัยซึ่งเป็นอดีตอาจารยใหญ่ของโรงเรียนบ้านห้วยยางนา ซึ่งผมได้เคยเข้าไปช่วยพัฒนาโรงเรียนมาแล้ว
“พ่อตาผม เป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนบ้านห้วยยางนา รู้จักเขามั้ยครับ” อาจารย์ศักดิ์ชาย พูด
“รู้จักสิครับ ผมยังเคยพานักศึกษาไปช่วยสอนหนังสือและพัฒนาโรงเรียน หลายครั้งเลย ” ผมพูด
ก่อนจะมีพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาอบต.วังเลียบพัฒนา ผมต้องเทียวไปเทียวมาที่องค์การบริหารฯกับสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาทุกประเภทที่โรงเรียนบ้านหมากเขียว เพื่อดูแลความพร้อมการจัดการแข่งขันกีฬา
**********************
ที่ห้องทำงาน ของนายกฯ องค์การบริหารส่วนตำบล
ผมได้เข้าไปในห้องทำงานของนายกฯโดยมีเลขาฯนายกฯได้นำพาไปพบ เพื่อคุยธุระเรื่องการเตรียมการจัดงานพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาอบต.
“เชิญนั่งครับ อาจารย์ ” นายกฯพูด
“ขอบคุณครับ ท่านนายกฯ” ผมพูด
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับ อาจารย์ ”
“ครับ ไม่มีปัญหา ว่าแต่ในวันเปิดกีฬา ใครจะมาเป็นประธานเปืด หรือครับ?? ” ผมพูด
“ผมเป็นเองครับ ” นายกฯพูด
“อ้อ ครับ..เย็นนี้ ผมอยากได้คน มาช่วยประดับธงชาติ และช่วยจัดตั้งโพเดียม” ผมพูด
“เดี๋ยวผม จะให้นักการภารโรง ไปช่วยครับ ” นายกพูด
“งั้นตอนสี่โมงเย็น ผมจะไปรอที่โรงเรียนบ้านหมากเขียวเลย ” ผมพูด
“ครับ”
เมื่อคุยธุระเสร็จแล้ว ผมจึงขอตัวกลับไปทำงาน จนใกล้เวลาสี่โมงเย็นจึงไปรอนักการภารโรงที่โรงเรียน ช่วงที่รอก็เดินสำรวจบริเวณสนามกีฬา เพื่อจะหามุมการตกแต่งให้สวยงาม
“สวัสดีครับ อาจารย์ มารอผมนานแล้วหรือครับ” บุรุษคนที่ผมพบเขา ในที่ทำการ อบต.ทักทาย
“น้องมาทำอะไร หรือ .ครับ ”ผมถามเขา
“นายกฯให้ผมมาช่วย อาจารย์ครับ” เขาตอบ
“น้องชื่ออะไร หรือครับ จะได้เรียกชื่อถูก” ผมพูด
“ผมชื่อบรรจบ เป็นนักการภารโรงของที่นี่.ครับ”บรรจบพูด ด้วยท่าทีเหนียมๆ
เมื่อเขาตอบแล้ว ผมทราบโดยทันทีว่า เขาคงอาย ที่ได้เคยปิดบังตัวตนมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“มาช่วยผมประดับธงชาติ บริเวณริมรั้วทางเข้าโรงเรียน ระยะห่างกันสิบเมตร นะครับ” ผมพูด
“ครับ ”บรรจบ ตอบ
เมื่อเขาช่วยจัดการประดับธงชาติ ตามริมรั้วโรงเรียนเสร็จแล้ว ผมจึงให้เขามาช่วยตกแต่งโพเดียมและมาทำการทดลองเครื่องเสียงที่จะต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ เมื่องานเสร็จแล้วเขาจึงขอตัวกลับบ้าน และนี่คือครั้งแรกที่เรามีโอกาสทำงานร่วมกัน
“ไม่อยากเชื่อเลยว่า เขาเป็นเพียงนักการภารโรงบุคลิก เขาน่าจะเป็นปลัดองค์การ เสียมากกว่าการเป็นนักการเสียอีก ” ผมคิด
งานกีฬา อบต.ที่จัดขึ้น ประมาณเดือนเศษ ได้ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย งานนี้ผมได้เข้ามาดูแลเกือบทุกวัน การได้มาบ่อยๆทำให้ผมได้คุ้นเคยกับผู้นำท้องถิ่นมากขึ้น บางวันที่พวกเขานำเยาวชนมาแข่งกีฬาเมื่อเลิกแข่งขันแล้ว ผู้นำของแต่ละหมู่บ้านก็จะมานั่งสังสรรค์ เมื่อพวกเขาพบผมก็จะเรียกให้เข่้าไปนั่งร่วมวงด้วย เพียงสัปดาห์เดียวที่ได้รู้จักกัน และได้เริ่มแนบแน่นกันมากขึ้นตามลำดับ พวกเขาได้ให้เกียรติผมอย่างมาก เสมือนว่าผมเป็นสมาชิกในองค์กรของเขาเลย นี่เองที่ทำให้ผมมองว่า สถานที่แห่งนี้ ผมควรจะทุ่มเทและสร้างผลงานให้กับพวกเขา
********************************
ผลงานที่เป็นที่ประจักษ์ครั้งนี้ ทำให้ทั้งนายกฯประธานสภาและกำนันตลอดจนผู้ใหญ่บ้านทุกคนได้มีฉันทามติ ที่จะเชิญผมมาเป็นที่ปรึกษาทั้งงานอบต.และส่วนงานของกำนัน นี่จึงทำให้ผมมาสำนักงานองค์การเกือบทุกวัน นอกจากตัวนายกฯแล้ว ผมยังมีความสัมพันธ์กับข้าราชการส่วนท้องถิ่น คือปลัดองค์การ หัวหน้างานฝ่ายคลัง ฝ่ายโยธาและเจ้าหน้าที่ทุกคน “รับกาแฟ หรืออะไรดีครับ”บรรจบ เข้ามาทักทายทุกครั้ง ที่ผมเข้าไปในสำนักงานปลัด
“กาแฟ ดีกว่าครับ ” ผมตอบ
บรรจบ เป็นคนที่มีความขยัน หลังจากที่เขาทำงานเสร็จแล้ว มักจะมาซุ่มอ่านหนังสือ ตรงบริเวณโรงอาหาร เมื่อผมคุยธุระเสร็จกับนายกฯ ผมมักจะแวะมาคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขา
“เป็นไงบ้างเรียน มสธ. ปีอะไรแล้วครับ”
“ปีสองครับ ผมเพิ่งเก็บหน่วยกิตได้ สามสิบกว่าหน่วย เองครับ ”
“เรียนคณะอะไรหรือ ”
“รัฐศาสตร์ครับ อาจารย์ ”
“ผมก็เคยเรียนคณะนี้ที่รามคำแหงเก็บได้ เก้าสิบกว่าหน่วยกิต บังเอิญสอบบรรจุมาเป็นข้าราชการได้ มันลำบากที่จะต้องลาไปสอบครั้งละหลายวัน เลยเลิกเรียนไปเลย”ผมพูด
“บรรจบ ไม่ต้องคิด อะไรมาก คนเราจะมีสถานะ อย่างไร ไม่ต้องคิด ความขยัน อดทน ฝันแล้วต้องไปให้ถึง ” ผมพูดให้กำลังใจ
“ครับอาจารย์ ผมจะต้องพยายาม และไปให้ถึงความฝัน ที่ผมอยากเป็น” บรรจบพูด
“เป็นปลัด เหรอ” ผมพูดสั้นๆ
“ครับ ” บรรจบพูด
“ ผมขอเป็นโหรทำนายว่า บรรจบต้องทำได้ และผมจะยินดีอย่างยิ่ง เมื่อถึงวันนั้น ” ผมพูด
ทุกครั้งที่ผมมาองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งนี้ ไม่เคยพบว่าบรรจบจะ ละทิ้งจากหนังสือเลย เขายังคงมุมานะตั้งใจอ่านและไปสอบ ทุกวิชาที่เขาสอบผ่านไปได้ไม่ยากเย็น งานหลวงไม่เสียหาย งานราษฎร์ก็ได้ช่วยเหลือ ทำให้เขาเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ผมพลอยยินดีและให้กำลังใจเขาตลอดเวลา เขามักจะมาขอคำแนะนำและบางครั้ง ก็จะมาปรับทุกข์ที่ถูกเจ้าหน้าที่บางคนตำหนิ
“ทุกองค์กร มันก็เป็นแบบนี้แหละ ”ผมพูด
ผมช่วยงานที่ตำบลแห่งนี้ จนได้รับรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นตำบลแรกที่ปลอดจากยาเสพติด และยังถูกเสนอชื่อเพื่อเข้าแข่งขันในระดับประเทศ จนได้รับรางวัลชมเชย นี่จึงเป็นเครดิต ที่ทำให้สภาตำบลยกย่องให้ผมเป็นคนดีของตำบลวังเลียบพัฒนา ผมสนิทกับบรรจบมากขึ้นๆเสมือนเขาเป็นน้องชาย บรรจบมีครอบครัวแล้ว ภริยาเขาเป็นแม่บ้านที่ดี เวลานั้นเขาเพิ่งได้บุตรคนแรกเพศชาย
*****************************
หลังจากที่นายกฯ วางมือทางการเมืองไป เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯคนใหม่ ผมจึงมิได้เข้าไปช่วยเหลืองานในองค์การนั้นอีก ผมกับบรรจบจึงห่างเหินกัน …5 ปีต่อมา ขณะผมมางานศพของชาวบ้านตำบลวังเลียบพัฒนา ได้เห็นชาย คุ้นๆหน้า แต่งเครื่องแบบชุดข้าราชการ ผมมั่นใจว่า เขาคนนี้ต้องเป็นบรรจบอดีตนักการภารโรง คนที่ผมเคยสนิทสนมเมื่อครั้งอดีตอย่างแน่นอน
“เอ๊ะ จะทักทายเขาก่อน ดีมั้ย หรือว่าอาจจะเป็นคนหน้าคล้ายเขาก็ได้มั๊ง” ผมคิดในใจ
ผมตัดสินใจว่านิ่งเสียดีกว่า ไว้รอสอบถามชาวบ้านให้แน่ชัดก่อน ขณะที่ผมนั่ง สมควร…สมาชิกอบต ที่ได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่อีกสมัยหนึ่งได้เข้ามาทักทายผมด้วยความดีใจที่เราไม่ได้พบกันมานานพอสมควร
“เป็นไงครับ อาจารย์ ไม่เข้ามาเที่ยวที่ อบต.เหมือนเมื่อก่อนเลย ล่ะครับ”สมควร พูด
“ก็ท่านนายกคนเก่า วางมือไปแล้ว ส่วนนายกฯคนใหม่ แม้ผมจะคุ้นเคย แต่เขาไม่ได้เชิญให้ผมมาช่วยงาน แล้วผมจะเข้ามาทำไม?? ล่ะครับ” ผมพูด
“ครับ. นายกฯคนใหม่ ก็เคยสนิทกับอาจารย์นี่”สมควร พูด
“ช่างเขาเถอะครับ ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไปช่วยงานที่อื่นบ้าง ว่าแต่คนที่แต่งชุดกากี เป็นใคร ดูเหมือนผม จะรู้จักนะ” ผมพูด
“ก็คุณบรรจบ นักการภารโรงของอบต.คนเก่าไง เดี๋ยวนี้เขาเป็นปลัดไปแล้วนะ ”สมควร พูด
“สงสัย เขาคงจำผมไม่ได้มั๊ง ”
“เขาเรียบจบ มสธ. แล้ว จังหวะดี ที่กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น ประกาศรับสมัครเขาได้ลาไปสอบ จนสอบได้”
“โชคดีมากเลย ความพายาม อยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ผมพูด
“เขาเปลี่ยนไปมากเลยนะ อาจารย์ พอเป็นปลัด นี่วางตนเหมือนคนลืมตีน ลืมกำพืดของตน”สมควร พูด
งานศพ ในวันนั้น ผมมิได้เข้าไปทักทายบรรจบ แต่ยังเก็บความสงสัย ในบุคลิกท่าทีของเขา ว่าจะเปลี่ยนไปดังที่สมควร พูดหรือไม่
“เราคงรอ การพิสูจน์อีกสักสองสามครั้ง” ผมคิด
* ***************************
ที่ตลาดข้างวัดประจำตำบล บ้านสำเร็จ ทุกๆวันพุธ ผมกับแม่บ้าน ได้มาหาเดินซื้อของกินปรุงสุก ครั้งหนึ่ง.เคยพบเห็นท่านปลัดบรรจบขับรถเก๋งสีขาวกลับมาจากในเมืองพร้อมภริยาและลูก เนื่องจากเส้นทางเส้นนี้เป็นเส้นทางที่จะไปตำบลวังเลียบพัฒนา การขับรถบนเส้นทางเส้นนี้จึงต้องขับอย่างช้าๆ ผมพบกับเขาจังๆสองครั้งแล้ว ไม่มีปฎิกิริยาใดๆที่เกิดขึ้นกับตัวเขาและจนอีกหลายๆครั้ง ที่ผมไปตลาดแห่งนี้ที่เราเดินสวนทางกันจังๆ เขาก็ไม่เคยทักทาย
“บรรจบ เปลี่ยนไปมากจริงๆ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างเขา ที่เคยสนิทกัน สมัยที่ยังเป็นนักการภารโรง กับบรรจบคนที่มาเป็นปลัดอบต.เป็นคนละคนกัน” ผมเดินคิดอย่างคนเหม่อลอย
ตำแหน่งหัวโขน ทำให้เขาเป็นคนอหังการไปได้ อย่างไม่น่าเชื่อ ความสุภาพ ความดีของเขาถูกลบเลือนไปจากใจของผมและเพื่อนร่วมงานของเขา
คนที่ได้ดีแล้ว..ลืมกำพืดตน, ลืมตัวตน กรรมย่อมเป็นเครื่องชี้
"จังหวะชีวิต"เป็นของ"ไม่แน่นอน" มี "รุ่งเรือง" ก็ย่อมมี "ตกอับ" คละเคล้ากันไป เขาจะต้องได้บทเรียนอย่างแน่นอนไม่ช้า ก็เร็ว
ขอให้โชคดีนะ…บรรจบ.
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๑๐-๙-๖๗)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น