ชีวิตเสเพล - ชีวิตเสเพล นิยาย ชีวิตเสเพล : Dek-D.com - Writer

    ชีวิตเสเพล

    เธอเป็นความหวังของครอบครัว การที่พ่อกับแม่ตามใจทุกอย่าง ทำให้เธอเหลิง จนยากที่จะแก้ไขตัวตนได้วุฒิสูงสุดของเธอทำได้เพียงอนุปริญญา เท่านั้น แม้เธอพยายามจะต่อยอดการศึกษาให้สูงขึนแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

    ผู้เข้าชมรวม

    42

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    42

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ส.ค. 67 / 14:39 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                             ชีวิตเสเพล

               ผมเห็น(กบ)วิชุดาตั้งแต่เธอ ยังเพิ่งเริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาล เวลานั้นอายุของเธอคงน่าจะมีอายุเพียง 3 ขวบ กบเป็นลูกของพนักงานขับรถของวิทยาลัยที่ผมทำงาน  สงวนพ่อของกบมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม ช่วงแรกเขายังทำหน้าที่เป็นผู้ขับรถให้เฉพาะแผนกการเงินกับคอยรับ-ส่งให้ผมเข้าไปรับเงินที่สำนักงานไปรษณีย์วันเว้นวัน คือวันจันทร์ พุธและ ศุกร์ การที่ผมทำงานในแผนกสวัสดิการนักศึกษา จำต้องรวบรวมใบมอบฉันทะธนาณัติกับตั๋วแลกเงินจากนักศึก -ษาที่ผู้ปกครองส่งมาให้  ชีวิตของนักศึกษาที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ใช่เป็นคนท้องถิ่นนี้ แต่เป็นคนต่างภูมิลำเนาที่มาจากทุกภาค และเกือบทุกจังหวัดของประเทศ เมื่อได้เห็นลูกศิษย์ที่มาจากแดนไกลมาเรียน ผมจึงรู้สึกเห็นใจพวกเขา  

                                          ******************************

       ช่วงแรกๆนักการภารโรงประจำอาคารเรียนของวิชาสามัญชื่อลุงแก้ว มักจะชวนให้ผมไปเที่ยวที่บ้านของเขา

    “อาจารย์ ไปเที่ยวที่บ้านของผมบ้างสิ หากเหงาๆที่ไม่ได้ไปไหน ”ลุงแก้วพูดชักชวน เวลานั้นลุงแก้วมีอายุประมาณ 40 ปี ชายร่างผอมผู้มีความสามารถในกิจกรรมเกี่ยวกับการศาสนาของหมู่บ้าน จากที่ผมทราบข้อมูลจากคนงานที่เป็นคน ในหมู่บ้านเดียวกันกับเขา เล่าให้ฟังว่า

    “ลุงแก้ว เคยบวชเรียน ตั้งแต่ยังด็กจนเป็นพระ จึงสึกออกมาเกณฑ์ทหาร แล้วจึงมาสมัครทำงานเป็นภารโรงให้วิทยาลัย”ชาวบ้านพูด

      คนงานในวิทยาลัยที่ผมสนิทมากที่สุดคือลุงแก้ว เป็นเพราะเขาเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์และเข้ากับอาจารย์ทุกคนง่าย สามารถเรียกใช้ได้ง่ายกว่าใครๆ ทั้งตัวเขายังเป็นคนชอบประจบเพื่อหวังความก้าวหน้าในขั้นเงินเดือนที่จะได้ในแต่ละปี  ช่วงใกล้อาหารมื้อเที่ยงผมจะเห็นน้าแก้วหรือหนานแก้ว มายืนรอรับคำสั่งจากอาจารย์ในห้องทำงาน ที่ตนเองสังกัด

    “มีใคร?? ยังไม่ได้จดรายชื่ออาหาร ให้ผมบ้างครับ  ”  ลุงแก้วพูด

    โดยปกติช่วงสิบเอ็ดนาฬิกา ลุงแก้ว จะมารอรับใบสั่งซื้ออาหาร เพื่อเขาจะขี่จักรยานไปซื้ออาหาร ที่ร้านอาหารตามสั่งมาให้ 

      “อาจารย์ขลุ่ย แวะมาเที่ยวที่ห้องพอดี  อยากจะสั่งอาหาร บ้างมั้ย ”  หัวหน้าคณะวิชาพูด

     “ ขอฝากซื้อกาแฟเย็น อย่างเดียวครับ  พี่ ” ผมพูด 

      ระหว่างที่ผมมาเที่ยวที่คณะวิชาสามัญสัมพันธ์ จึงได้รู้จักกับอาจารย์ในสังกัดคณะวิชานี้  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาจารย์สุภาพสตรีที่จะสอนวิชาพื้นฐานอย่างเช่น วิชาชีววิทยา สัตววิทยา คณิตศาสตร์ สถิติ เคมี  ภาษาอังกฤษ  สังคม การเขียนรายงานฯลฯ ทุกคนมีท่าทีเป็นมิตรกับน้องใหม่ในที่ทำงานแห่งนี้

    “ว่างๆ ก็แวะมาเที่ยวได้นะ”อาจารย์ปวีณาพูด

     ครู่ต่อมา  ลุงแก้วก็นำอาหารที่ออกไปซื้อที่ร้านค้าอีกหมู่บ้านหนึ่งนำมาให้อาจารย์ ผมรับกาแฟเย็นแล้ว ได้กล่าวขอบคุณเขาไป แล้วกลับเข้ามาที่ห้องทำงาน

    “ขอบคุณมากครับ ลุงแก้ว” ผมพูด

    “มีโอกาสไปเที่ยวที่บ้านผมบ้าง นะครับ”

    “ได้ครับ” ผมพูด

                                         *****************************

      เมื่อคุ้นเคยกับลุงแก้วแล้ว วันหนึ่งผมจึงไปที่บ้านเขา เพื่อนั่งดื่มเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ขณะนั่งดื่มไปได้สักครู่ ก็มีเพื่อนบ้านได้มาตะโกนร้องเรียก

      “หนานๆๆผมขอมานั่งร่วมวง ด้วยคนนะ”เสียงพูด ที่ผมเหมือนจะคุ้นๆหู และเมื่อเขาเดินก้าวสู่บนเรือนแล้ว ผมจึงทราบว่าเป็นสงวน เพื่อนร่วมงานในที่เดียวกัน 

      “เชิญนั่งครับ สงวน  ”ผมเอ่ยปาก ตามมารยาท

       “ขอบคุณครับ อาจารย์ ”

      ""ไปไง..มาไง หรือครับ เนี่ยะ"  

      “มาตามนัด  ลุงหนานชวนให้มาเที่ยวหา  หลายครั้งแล้ว  ”ผมพูด

     “บ้านนายสงวนอยู่เยื้องๆ บ้านของลุง แค่มีทางเดินผ่านเล็กๆ คั่นระหว่างบ้านของเราเอง” ลุงแก้วพูด

      “ไปมาหาสู่กันบ่อยมั้ยครับ  ”ผมถามนายสงวน

      “นานๆครั้งครับอาจารย์ บังเอิญผมต้องช่วยแม่บ้านเลี้ยงลูกสาวและลูกชาย ”สงวน พูด

      “กี่ขวบแล้ว หรือครับ .ลูกสาว” 

     “คนโตเป็นผู้หญิงอายุเพิ่งได้สามขวบ คนเล็กอายุยังเพิ่งอายุเพียง 10 เดือนเอง ”  สงวนตอบ

      “อายุสามขวบ คงเข้าเรียนแล้ว”

     “ครับ เรียนอนุบาล  ”

          วันนี้  ผมกับสมาชิกอีกสองคน นั่งดื่มกันไม่นานนัก เพียงแค่ได้สร้างความคุ้นเคยกันไว้  การอยู่ในสังคมชนบทการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างกันไม่ใช่เป็นเรื่องที่เสียหายอะไร 

                                             ************************** 

     หลังจากที่คนขับรถนักเรียนของวิทยาลัยเสียชีวิต เนื่องจากถูกกระแสไฟฟ้าลัดวงจรขณะที่ฝนตก  วิทยาลัยจึงมอบหมายให้สงวนมาเป็นพนักงานขับรถแทนคนเดิม  ดังนั้นทุกๆเช้า ผมจึงต้องเอาใบมอบฉันทะการรับเงินของนักศึกษา ไปฝากเขาที่โรงจอดรถของวิทยาลัย

    “วันนี้ มีทั้งหมด 20 คน นะครับ”  ผมบอกกับพนักงานขับรถรับส่งนักเรียนคนใหม่

    “ครับ  ” สงวนตอบ 

      รถบัสรับส่งเด็กนักเรียน จะจอดไว้ที่โรงรถ เพื่อรอรับเด็กนักเรียนที่เข้าไปเรียนโรงเรียนในเมือง ซึ่งมีระยะทาง 16 กิโลเมตร เด็กนักเรียนมีตั้งแต่เรียนระดับชั้นอนุบาล-ชั้นมัธยม ลูกๆของอาจารย์ พนักงานทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับสวัสดิการโดยเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริงอาจมิใช่เช่นนั้น เพราะลูกๆของยาม คนงาน และนักการภารโรง จะได้ที่นั่งที่อยู่ด้านหลังๆที่ห่างไกลจากการดูแลของพนักงานขับรถ หลายๆครั้ง ช่วงที่ผมมีโอกาสติดรถที่นายสงวนขับเข้าไปในเมืองเพื่อไปติดต่องานที่ไปรษณีย์เอง ได้เห็นบรรยากาศที่เด็กๆในรถมีความสุขกันตามประสาด้วยการหยอกล้อกันและกัน 

    ความไร้เดียงสาของเด็กไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นใดๆพวกเขาแสดงออกมาจากความจริงใจมีการแบ่งปันขนม ของกินของเล่นให้กันและกันซึ่งผมมองดูแล้ว รู้สึกเป็นสุข  ลูกของนายสมานจะนั่งอยู่ด้านหน้าข้างๆพ่อ เวลานั้นกบ เพิ่งเรียนชั้นอนุบาลสองเท่านั้น กบเป็นเด็กหญิงน่าตาดี ผิวขาว เหมือนแม่ ดูเหมือนเวลาที่มีกิจกรรมในโรงเรียน เธอมักจะมีโอกาสได้เป็นตัวแทนห้องเรียนในการถือพานไหว้ครู ฟ้อนรำ เป็นดรัมเมเยอร์ สมานมีอายุในวัยเดียวกันกับผมแต่เขามีครอบครัว ก่อนผมหลายปี ขณะที่ผมเพิ่งมาทำงานใหม่ๆเขามีลูกแล้วถึงสองคนซึ่งอยู่ในวัยกำลังน่ารัก  ต้องยอมรับว่ากบ เป็นเด็กที่สวยมาก ขนาดอาจารย์สาวๆที่ยังไม่มีครอบครัวยังชอบที่จะให้สมานพากบมาเที่ยวในวิทยาลัย เพื่อจะช่วยดูแลและเล่นกับเด็กหญิงน่ารักและช่างคุย

     “ปิดเทอมแล้ว เอาน้องกบ มาเที่ยวที่ห้องพักครู ด้วยนะสมาน ”อาจารย์ละอองพูด

     “ได้ครับ  ” สมานตอบ 

       กบเป็นเด็กไม่ซน ไม่ดื้อ ช่างพูดจา ทุกครั้งที่สมานพาลูกสาวเข้ามาที่ตึกอำนวยการ ต้องมีอาจารย์ ต่างพากันเข้ามาทักทายหอมแก้ม หยิกแก้มเบาๆอย่างทะนุถนอม คนที่เป็นพ่อยืนภูมิใจในตัวลูกสาวของตน  ซึ่งผมมองแล้ว นึกอยากจะมีครอบครัวขึ้นมากับเขาโดยทันที  ช่วงงานวัยเด็กทุกๆปี สมานจะพาลูกสาวแต่งตัวอย่างสวยงามมาร่วมแสดงบนเวที กบจะได้รับเสียงปรบมือและได้รับรางวัลกลับติดไม้ติดมือไปไม่น้อย

                                             *************************** 

          กบ เรียนในโรงเรียนของเอกชน ตั้งแต่อนุบาลจนจบม.3  การเรียนของเธออยู่ในระดับปานกลาง เมื่อเรียนจบม.3 แล้ว  เพื่อนร่วมโรงเรียนเก่าได้ชักชวนให้เธอเข้าเรียนในสาขาบัญชี ระดับ ปวช . การเป็นเด็กที่ถูกพ่อกับแม่รักมากและตามใจมากจึงกลายเป็นวัยรุ่นใจแตก มักมิค่อยได้เข้าเรียน ผลการเรียนการสอบ จึงไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินจึงถูกรีไทร์ในที่สุด สมานมองว่าสถาบันที่ตนทำงานอยู่ กำลังเปิดรับนักศึกษาระดับปวช. สาขาบริหารธุรกิจเป็นรุ่นแรกพอดี เขาจึงบังคับให้กบมาสมัครเรียน นักศึกษารุ่นนี้เป็นรุ่นแรกและรุ่นสุดท้ายที่วิทยาลัยได้ทดลองเปิดหลักสูตรการสอน จากนั้นก็ได้หยุดดำเนินการรับสมัครให้นักศึกษาเข้าเรียนอีก  

    “ผมขอฝากช่วยดูแลลูกสาว ด้วยนะครับ  ”  สมานพูด

     “นึกไง ให้มาเรียนที่นี่”

    “ไม่ไหวเลย ลูกสาวผมเข้าไปเรียนในเมือง เอาแต่เที่ยวเตร่ เข้าโรงหนัง เข้าห้าง ไม่ค่อยจะเข้าเรียนหนังสือ สอบก็ทำไม่ได้ จนถูกให้ออกจากวิทยาลัย ผมก็เลยขอร้องให้เธอมาเรียนใกล้ๆบ้านดีกว่า” สมานพูด

    “ผมดูว่ากบ เป็นเด็กเรียบร้อยนะ  ”  ผมพูด

    “ต่อหน้าพ่อกับแม่ เป็นเด็กน่ารักเชื่อฟัง เธอไม่มีเค้าลาง เป็นเด็กเกเรเลยสักนิด”สมานพูด

    “มาเข้าเรียนที่นี่ ก็ดีไปอย่าง เผื่อไงผมจะช่วยขัดเกลา สั่งสอนให้เขากลับเนื้อกลับตัว” 

    “ขอบคุณครับ  ”สมานพูด

         เมื่อกบได้เข้าเรียนแล้ว อายุของเธอจะมากกว่าเพื่อนร่วมรุ่น เป็นเพราะเธอต้องมาเริ่มตั้งต้นเรียนใหม่กับเด็กรุ่นน้องตั้งแต่ผมได้สอนกบกับเพื่อนๆร่วมชั้น ดูแล้วเธอจะมีความตั้งใจเรียนดี แต่ผลคะแนนการสอบส่วนใหญ่ค่อนข้างจะไม่ดีนัก

      “เป็นไง บ้าง??ผลการเรียนของลูกสาว ” ผมสอบถาม นายสงวน  

      “ไม่ดีเลยครับ  เห็นบ่นว่าเรียนยาก อาจารย์สอนเร็วจนตามไม่ทัน”  สงวนพูด

       จริงดังที่นายสงวนพูดทุกอย่าง เพราะจากที่ผมเคยสังเกต เห็นอาจารย์เหล่านั้นสอนนักศึกษา พวกเธอมักจะสอนแบบรีบเร่งไม่รอนักศึกษากลุ่มที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อน จึงทำให้นักศึกษาตามไม่ทัน เพียงแค่ปีแรกที่นักศึกษาสอบเสร็จแล้ว ได้ถูกรีไทร์ไปสิบกว่าคน นี่เอง..จึงทำให้นักศึกษาที่เหลืออยู่ต่างเครียด หลายคนมองว่าหากเรียนต่อไปคงถูกรีไทร์แน่ๆ จึงมาลาออกไปเรียนต่อสถาบันอื่น

        “ไม่ต้องห่วงครับ ผมรับปากว่า ลูกของท่าน ต้องเรียนจบชั้นปวช. ทุกคน” ผมพูดกับผู้ปกครองที่มาพบ

          และทุกคนก็ได้สำเร็จการศึกษาทุกคน ยกเว้นพลชัยเพียงคนเดียวที่ถอดใจและวิตกจริต จึงลาออกไปเสียก่อน สำหรับกบก็ผ่านวิกฤตไปได้เช่นกัน ต่อมาเธอสอบเรียนต่อในระดับปวส.และสามารถสำเร็จการศึกษาแม้จะกระท่อนกระแท่นไป ตลอดเวลาของการเรียนในระดับปวส.ทั้งสมานและภริยาของเขา พยายามจะตีสนิทและเอาอกเอาใจกับผม นั่นเพราะหวังเพียงเพื่อให้ลูกสาวเรียนจบ  แม้กบจะไม่เกเรต่อหน้าอาจารย์ผู้สอนทุกคน แต่เธอก็เป็นนักเที่ยวยามราตรี ที่ใช้จ่ายเงินเก่ง เธอมักจะต่อรองกับพ่อและแม่เสมอๆ 

     “หากพ่อกับแม่ไม่ให้เงินหนู  หนูจะเลิกเรียนแล้ว ”

          การต่อรองของกบด้วยประโยคดังกลาว นับว่ามีอานุภาพที่สมานกับภริยาต้องอยู่ในภาวะจำยอม  เพราะเขาคาดหวังอยากให้ลูกได้เรียนจบชั้นปริญญาตรี  และเวลาดังกล่าวที่สถาบันได้ยกระดับเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว คนเป็นพ่อและแม่จึงยอมเป็นเบี้ยให้ลูกเป็นฝ่ายเดินเกม 

    “หนูอยากได้รถยนต์ เพื่อขับมาเรียน นะพ่อ”

           สามวันต่อมา…. รถเก๋งคันหรูป้ายแดง ก็เป็นสมบัติของกบ เธอฝึกหัดขับไม่กี่วัน ก็สามารถขับรถได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะสมานผู้เป็นพ่อเป็นพนักงานขับรถที่เชี่ยวชาญที่สามารถสอนวิธีการขับรถให้ลูกสาวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการเอาใจพ่อกับแม่   กบได้สร้างภาพว่า จากนี้ไปเธอจะตั้งใจเรียนและจะนำใบปริญญามามอบให้กับพ่อแม่ให้ได้ ความโชคดีของกบอยู่ที่ ผมได้มาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ ตั้งแต่ชั้นปวช.และปวส. ดังนั้นเวลาที่ผมแนะนำและขอให้เธอทำอะไร เธอจึงเชื่อฟัง 

    “ความสำเร็จในการเรียน ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวของเธอเองนะ  สงสารพ่อกับแม่เราน่ะ ดูสิ เขาอุตส่าห์ทุ่มเททุกอย่างให้กบ แล้วอย่างนี้ จะไม่ทำให้ท่านสมหวังบ้างเลยเชียวหรือ ”ผมพูด

    “ค่ะ  ” เธอตอบสั้นๆพลางคิดไปกับคำพูดที่ผมชี้แนะ

                 และ..กบก็สามารถผ่านการเรียนระดับปวส. มาได้อีกระดับหนึ่ง ท่ามกลางความยินดีของพ่อกับแม่

                                               *************************

      จังหวะเดียวกันที่กบจบระดับปวส. มหาวิทยาลัยได้ยกระดับการเปิดหลักสูตรระดับปริญญาตรี .สมานได้ฝากผู้บริหารของมหาวิทยาลัยเพื่อให้กบเข้าเรียนระดับปริญญาตรีิ  เพียงเข้าเรียนได้ไม่ถึงเทอม กบก็เริ่มถอดใจเพราะอาจารย์ผู้สอนเข้มงวดเอาจริงเอาจัง ผลคะแนนการสอบทุกวิชาของเธอไม่ผ่านเกือบทุกวิชา

      “หนูคงไม่เรียนแล้ว ละพ่อ  ฝากให้หนูเข้าทำงานที่มหาวิทยาลัยนะ ” กบบอกพ่อ 

      หนึ่งเดือนต่อมา  กบได้เข้ามานั่งทำงานในห้องธุรการแบบชิวๆจากเครื่องแบบนักศึกษาก็กลายมาเป็นเครื่องแบบพนักงานของมหาวิทยาลัย ไม่แปลกอะไรเลย สำหรับองค์กรแห่งนี้ ที่ลูกคนงานที่มีเส้นสาย (อาจ)ซื้อตำแหน่งกับคนมีอำนาจให้ลูกหลานของตนเข้าทำงานได้อย่างมิยากเย็นหากเงินถึง

             กบเข้ามาทำงานอย่างมีความสุข  5 ปีแรก…เธอทำงานด้วยความขยัน จึงเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน  สมานดูจะค่อนข้างเบาใจที่ลูกสาวสามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยตนเอง ถัดมาอีกไม่นาน แอนลูกพนักงาน ซึ่งจบปริญญาตรี ของวิทยาลัยของเอกชน ได้ถูกฝากให้เข้าทำงานที่นี่อีกคน ทั้งคู่มีรสนิยมด้านความรักในเพศเดียวกัน จึงขอบ้านเพื่อเข้าพักอาศัยร่วมกันฉันสามีภริยา สองสาวซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว พ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่าย จึงปล่อยให้เป็นอิสระ ทุกๆค่ำทั้งสองมักจะนั่งดื่มสุราและชวนกันเข้าไปเที่ยวหาความสำราญในเมือง พร้อมอาจารย์หนุ่มๆ ที่มีวัยใกล้เคียงกัน   

           เมื่อกบมีชั่วโมงบินในการทำงานมากขึ้น การเป็นคนมือเติบมีรสนิยมสูงทำให้เงินเดือนที่ใช้จับจ่ายไม่เพียงพอ จึงต้อง หยิบยืมเพื่อนๆในห้องทำงานด้วยกันสิบกว่าราย  แรกๆก็ใช้หนี้คืนตรงเวลา ต่อมาก็ไม่สามารถชดใช้คืนให้ได้  ในที่สุดเธอจึงจำต้องลาออกจากงาน มาเปิดร้านกาแฟที่หน้าบ้านของตนเอง กิจการทำท่าว่าจะไปได้ดีพ่อกับแม่ของเธอจึงเบาใจ   ต่อมาแอนคู่รักของกบ ได้บินไปทำงานที่ประเทศญึ่ปุ่น จึงทำให้คนทั้งสองห่างเหินกันในที่สุด  อายุของกบในเวลานั้นเริ่มเข้าเลข 4 แล้ว เวลามันช่่างเดินเร็วเสียเหลือเกิน  

            ในจำนวนลูกศิษย์ที่ผมเคยสอน ผมมองว่ากบ เป็นคนดี ที่มีความเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เหมือนกับลูกศิษย์คนอื่นๆในที่ทำงานที่ส่วนมากเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ทุกครั้งที่เธอพบเจอผม ไม่ว่าจะเป็นภายในที่ทำงานหรือภายนอก เธอจะมีสัมมาคารวะซึ่งสามารถมองเห็นได้จากความจริงใจที่เธอแสดงออก ว่าไปแล้ว..ช่วงที่เธอลาออกจากงานมา ผมรู้สึกเสีย ดายแทน เพราะตำแหน่งานไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆ แม้เธอจะลาออกจากงานแล้ว แต่ด้วยเพราะการที่เธอเป็นคนชอบดิ่มเมรัยกบจึงมักจะเข้ามาร่วมสังสรรค์กับอาจารย์หนุ่มๆที่เคยคุ้นสนิทสนมกันมาก่อน

      “นี่ เธอ ฉันขอยืมรถเข้าในเมือง สักครู่นะ  “ กบพูดกับอาจารย์ กนก 

       กนกเป็นอาจารย์ ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกได้นานเมื่อเขาเรียนจบแล้ว จึงซื้อรถเก๋งคันใหม่เพื่อเป็นรางวัลกับตนเอง แต่ด้วยที่เขากับกบอยู่ในวัยเดียวกัน จึงใกล้ชิดเหมือนเพื่อน

    “จะดี เร้อ ?? กบ เธอมึนแล้วนะ  “  กนกพูด

    “น่า  เชื่อมือ เราสิ “ กบพูด

         ด้วยความเกรงใจกนก จึงยินยอมให้กบยืมรถเก๋งขับออกไปในเมืองเพียงลำพัง  แม้จะรู้สึกรักรถและหวง แต่ด้วยความเกรงใจ จึงยินยอมอย่างมิสู้ จะเต็มใจ  กบเข้ารถเข้าไปในเมืองและแวะเที่ยวเตร่จนขากลับเวลาประมาณ 4. นาฬิกาของวันใหม่เธอจึงขับรถเพื่อจะมาคืน กนก  แต่ด้วยยังมีอาการเมาค้าง ทำให้เธอขับรถตกลงในสระทางเข้ามหาวิทยาลัย จมมิดทั้งคัน ก่อนที่รถจะจมลงใต้บาดาล เจ้าหน้าที่ยาม ได้เข้าช่วยเหลือชีวิตได้ทันเวลา

                                                    *****************************

           ..กนกได้รับทราบรู้ถึงเรื่องราว จึงรุดมาดูเหตุการณ์ ฝ่ายยานพาหนะของสถาบันได้ช่วยกันกู้รถที่จมน้ำ เพื่อนำเข้าไปซ่อม แม้เขาจะทำประกันรถยนต์ชั้นหนึ่ง แต่ผู้ทำประกันไม่ยินยอมชดใช้ เพราะผิดเงื่อนไขสัญญา  เขาจึงต้องแบกรับภาระกับหนี้ที่ยังผ่อนชำระรถยังไม่หมดต่อไปแม้เขาจะเรียกร้องให้กบรับผิดชอบ แต่กบ อ้างว่าไม่มี 

    “เราไม่มีเงินหรอก เธอก็ทราบดีนี่  ” กบพูด

          ความเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวด้วยกัน ทำให้กนกพูดอะไรไม่ออก จำต้องยอมรับสภาพหนี้ ที่ต้องผ่อนค่ารถอีก4 ปีเศษ  ความเสเพลของกบยังมีต่อเนื่อง นับวันอายุของเธอก็มากขึ้นๆ เพื่อนๆและรุ่นน้อง ของเธอเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาตามลำดับ วันนี้กบยังแบมือของเงินพ่อกับแม่ ที่นับวันอายุก็ล่วงสู่คนชราภาพ  วันนี้..ผมมองเห็นเธอในยามเช้าที่อุตส่าห์จะพึ่งตนเอง ด้วยการทำอาหารกล่องขายให้เด็กนักเรียนที่หน้าบ้าน ซึ่งบางวันต้องขาดทุนเพราะเด็กยุคใหม่เข้าไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อกันหมด 

          ความเสเพลของศิษย์คนนี้ จะจบลงได้แน่นอน… หากเธอลองหวนกลับ ไปทบทวนในอดีต ..ว่าสิ่งที่กระทำ มันไม่ได้ทำให้เธอมีชีวิตที่ดีเลยสักนิด

          สายน้ำไหลทวนขึ้นเหนือน้ำไม่ได้ แต่พฤติกรรมที่เคยทำพลาดไป สามารถทวนแก้ไขได้  ขึ้นอยู่กับตนเองทั้งสิ้นว่า

                               “จะแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาดมา แต่อดีตหรือไม่  ”

      น่าสงสารสงวนและภริยา ที่คาดหวังจะให้ลูกรับปริญญา แต่ลูกทั้งสอง ก็มิอาจทำให้พ่อกับแม่ได้เลยสักคนเดียว

                                                             ขลุ่ย  บ้านข่อย

                                                              (๓๑-๘ -๖๗)

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×