ประกาศิตจากภริยา
เขาเป็นคนที่มีบุคลิกสองหน้า หน้าไหว้หลังหลอก แต่ก็ไต่เต้าจนขึ้นมามีอำนาจ ใครๆ ก็ทราบกันดีว่าเขาเป็นคนกลัวเมีย กลัว..มากขนาดไหน ???? (โปรดติดตาม)
ผู้เข้าชมรวม
21
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ประกาศิตจากภริยา
ช่วงที่ผมมารับราชการใหม่ๆได้เห็นชายร่างใหญ่ เสียงดังฟังชัด ผิวขาว ศีรษะเริ่มมีแนวโน้มที่จะล้านได้เข้ามาในห้องที่ผมนั่งทำงาน เขามักจะมาพูดคุยเรื่องงานกับหัวหน้าแผนกพัสดุที่เป็นผู้บังคับบัญชาของผมบ่อยๆ เนื่องจากมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เวลานั้นเขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสาขาพืชศาสตร์เป็นเพราะมีความอาวุโสมากกว่าใครๆ ทั้งหมดนั่นเอง
อาจารย์ดำรง มีภริยาทำงานที่โรงพยาบาลเขาพักที่หมู่บ้านกลุ่มสาม สำหรับหมู่บ้านกลุ่มนี้ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านปากหมา (พวกเขาตั้งชื่อกันเอง) เป็นเพราะอาจารย์ทั้งผู้ชายหรือหญิงที่พักอยู่ในกลุ่มนี้ มักชอบนินทาผู้อื่น ช่วงแรกที่ผมมาบรรจุสามเดือนแรก ผมได้พักที่หมู่บ้านกลุ่มที่สอง แต่เนื่องจากผู้อำนวยการได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ผู้หญิงว่า มีอาจารย์หนุ่มๆมักส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน
“อยากรบกวนให้อาจารย์ขลุ่ย มาพักกับอาจารย์ไกรสรนะครับ พอดีที่บ้านหลังนี้ มีห้องว่าง” ผู้อำนวยการพูด
“ผมอยากทราบเหตุผลหน่อยครับ ว่าทำไมต้องเจาะจงที่ตัวผม”
“พอดีมีเจ้าหน้าที่ธุรการมาฟ้องว่า ช่วงค่ำๆ มีอาจารย์ผู้ชายนั่งกินเหล้าและชอบส่งเสียงดังรบกวนเกือบทุกวัน ซึ่งพวกเธอแทบจะไม่ได้หลับได้นอน ”ผู้อำนวยการตอบ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย หรือครับ”
“ผมคิดว่า อาจารย์พูดง่ายกว่า อาจารย์คนอื่นๆ ไง ”
ผมจำใจต้องย้ายมาพักกับอาจารย์ไกรสร ซึ่งเป็นคนอยู่ในวัยเดียวกัน แต่ความคิดของเราค่อนข้างมีความแตกต่างกันอย่างมาก เขามาบรรจุก่อนผมเพียงสองปี แต่สามารถมีสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านครบครันนับแต่มีโทรทัศน์ ตู้เย็นอุปกรณ์งานครัว รถจักรยานยนต์ ที่บ้านพักที่ผมพักร่วมกับอาจารย์ไกรสร ห่างจากตึกอำนวยการเพียง 350 เมตร ช่วงเข้าไปพักในบ้านหลังนี้มีความรู้สึกเกร็งๆ เพราะเรามาอยู่ร่วมบ้านเสมือนเป็นผู้มาอาศัยมากกว่าการเป็นสมาชิกร่วมด้วยกัน
“ช่างมันเถอะ เรามีห้องเล็กๆ เพียงแค่ใช้เป็นที่นอนไปวันๆ เพื่อไปทำงาน ก็โอเคแล้ว ในอดีตสมัยที่เราเรียนหนังสือกับตอนที่เป็นเซลล์แมน มันยากลำบากกว่านี้หลายร้อยเท่า เราก็ยังอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก //อะไร” ผมคิด
นับแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่กับอาจารย์ไกรสร ต้องบอกว่าผมค่อนข้างลำบากในการวางตน สมบัติส่วนตัวที่มีในเวลานั้นคือวิทยุเทปเก่าๆที่แม่ให้มาไว้ฟังเพลง เสื้อที่พี่ชายให้มาสามตัวกับกางเกงที่พอใช้ได้อีกสามตัว น้าเขยได้ให้เสื้อมาอีกสองตัวขนาดของเสื้อที่พี่ชายให้มานั้นพอดีกับตัว แต่ของน้าเขยมันหลวมจนใส่ไม่ได้ ช่วงผู้อำนวยการคนแรก ที่ผมเข้ามาทำงานได้กำหนดให้อาจารย์ทุกคน จะต้องสวมชุดสีกากีทุกๆ วันจันทร์ ชุดพระราชทานวันอังคาร วันพุธกับวันศุกร์ให้สุภาพสุภาพบุรุษต้องผูกเนกไท วันพฤหัสเป็นเสื้อของวิทยาลัยฯ ดังนั้นเสื้อเชิ้ตที่ผมจะใส่ทำงานจึงมีเพียงสองวัน
เวลานั้น ..ผมยังคงติดต่อกับคนรักเก่าสองคนคือแอ๋วกับนิดในทางจดหมาย หากจะให้ผมเลือกคนรักเพียงหนึ่งเดียว ผมคงไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน แอ๋วเป็นคนพูดน้อยยิ้มเก่ง ที่บ้านของเธอมีฐานะค่อนข้างดี เธอมาเรียนสายวิชาชีพ ที่โรงเรียนพณิชยการ มาเช่าหอพักอยู่ใกล้ๆกับคลินิคของหมอธเนศที่ผมไปเที่ยวหาเฉลี่ยสองสัปดาห์ต่อครั้ง ส่วนนิด เป็นคนในซอยวัดครุฑซึ่งอยู่ห่างจากคลินิคไปประมาณ400 เมตร จริงๆแล้วเวลานั้นอาจารย์หมอก็มองคนทั้งสองและพยายาม ตีสนิทอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะทั้งแอ๋วกับนิด น่าจะพอทราบว่าอาจารย์มีครอบครัวแล้ว เธอจึงไม่ยอมทอดสายสัมพันธ์ ให้ นี่จึงเป็นโอกาสดีให้ผมกับคนทั้งสองได้แอบนัดพบกันบ้าง 6 เดือนที่ผมคบหากับสาวสวยทั้งสองคน จนเกิดเป็นความรัก
“พี่กับแอ๋ว. คงยากที่ได้พบกันอีกแล้วนะ ก่อนที่เราจะไม่ได้พบกันอีก เราควรจะหาความสุข ความประทับใจกันสักครั้งนะพี่” แอ๋วพูด ด้วยนัยตาที่เศร้า จนผมรู้สึกเห็นใจ
“เอางี้ พี่จะไปรับแอ๋วที่หอพัก แล้วนั่งตุ๊กๆมาพร้อมกันที่ห้องอาหาร สวนฤดีทิพย์ นะ” ผมเสนอความเห็นกับคนรัก
และคืนนั้น..เราได้ดื่มด่ำกับการพูดคุยกันกว่าสี่ชั่วโมง พร้อมลิ้มรสกับอาหารสองสามอย่างคือ ห่อหมกทะเล เนื้อสวรรค์ ต้มยำปลาช่อนที่ผมยังจำได้ดี ผมจิบเบียร์ไปเรื่อยๆส่วนแอ๋วจิบน้ำอัดลม
“เกือบห้าทุ่มแล้ว หอพักคงปิด สงสัยแอ๋วต้องปีนเข้าแล้วล่ะ”แอ๋วพูด
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง รอจนกว่าแอ๋ว จะเข้าหอพักได้ก่อน ”
“สายๆพรุ่งนี้ พ่อจะมารับแอ๋วและมาขนของกลับเมืองกาญจน์ แอ๋วคงไม่ได้มากรุงเทพอีกแล้ว”แอ๋วพูด
คำพูดนี้มันเสียดแทงเข้าในใจของผม จนจุกอก นับจากนี้เราคงไม่ได้พบกับแอ๋วอีกแล้ว จะอย่างไร??คืนนี้คงเป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน
*****************************
ขณะนั่งทำงานที่ห้องแผนกพัสดุ เจ้าหน้าที่ธุรการได้ให้นักการภารโรงนำเอาพัสดุ มาให้ผมที่ห้อง
“อาจารย์ครับ มีพัสดุจากเมืองกาญจน์ครับ” นักการ พูด
“ขอบคุณครับพี่ ” ผมพูด
เมื่อรับพัสดุแล้วจึงทราบว่าผู้ส่งมาคือแอ๋ว ผมจึงค่อยๆแกะพัสดุอย่างบรรจงเพื่อนในห้องที่ทำงานพูดหยอกเอินขึ้นมา
“สงสัย แฟนส่งมาให้มั๊ง เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะคะ”เจ้าหน้าที่สาว พูด
“ครับ ” ผมตอบสั้นๆ
สิ่งแรกที่ผมทำก่อน คือหยิบจดหมายในกล่องคลี่ขึ้นอ่าน (ความว่า)
" ที่บ้าน อ.ท่ามะกา เมืองกาญจน์
ถึงพี่ขลุ่ย ที่รักและคิดถึง
แอ๋วกลับมาอยู่ที่เมืองกาญจน์ ต้องช่วยพ่อกับแม่ทำขนมขาย ใจจริงอยากจะเรียนต่อให้ถึงปริญญาตรี แต่พ่อบอกว่า เป็นลูกผู้หญิงไม่จำเป็นจะต้องเรียนสูง เพราะอีกหน่อยพอออกเรือนไปอยู่กับสามี ก็จะต้องเป็นแม่บ้าน ความรู้ที่เรียนมาก็ไม่ได้ใช้ เสียเงินเสียทองไปโดยเปล่าประโยชน์บ้านแอ๋วมีเชื้อสายคนจีนแบบคนหัวโบราณ นับแต่มาอยู่ที่บ้านค่อนข้างเครียดกับพ่อที่เอาแต่ใจตนเอง แอ๋วไม่อยากจะอยู่บ้านเลยอยากจะหนีออกจากบ้านก็ให้คิดทบทวนว่าพ่อกับแม่ต้องเสียใจ เพราะความกตัญญู จึงต้องอดทนอยู่ แอ๋วไม่มีใครที่จะเป็นที่ปรึกษาและเพื่อนได้ นอกจากพี่ ช่วงที่แอ๋วอยู่กรุงเทพ ได้แวะห้างซื้อเสื้อเชิิตยี่ห้องเอสแฟร์สีฟ้า พร้อมเนกไท ผ่านมาตรงจุดขายน้ำหอมได้แวะซื้อน้ำหอม จึงตั้งใจส่งมาให้พี่เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจและเป็นที่ระลึกสิ่งของนี้แอ๋วตั้งใจซื้อฝากพี่จริงๆ ฉบับนี้ขอเขียนสั้นๆนะคะพี่ ยังไงพี่ได้รับพัสดุแล้ว ตอบให้แอ๋วให้ทราบด้วย
รัก พี่เสมอ
แอ๋ว
เมื่อผมอ่านจดหมายจบแล้ว ทำให้นึกเห็นใจและสงสารแอ๋ว อย่างบอกไม่ถูก แม้เราจะคบหากัน ได้ยังไม่ถึงปี แต่ดูแล้เธอเป็นคนดีน่ารัก จะอย่างไร เราจะต้องคบหากับเธอต่อไป เพื่อให้กำลังใจยามที่เธอทุกข์ทรมานกับครอบครัว
*******************************
“คิดอะไร หรือครับ อาจารย์ ” อาจารย์ดำรง เอ่ยปากถาม ทั้งๆที่เขาไม่ค่อยจะได้พูดคุยกับผมมากนัก
“ อ้อ.. พอดีอ่านจดหมายของเพื่อน เลยกำลังคิดว่า จะทำอย่างไร เพื่อช่วยทำให้เขาสบายใจ น่ะครับ”
“เป็นไงบ้าง มาทำงานที่เมืองเหนือ ”
“ดีครับ ผมชอบอากาศ และวัฒนธรรมทางนี้ ”
เราพูดคุยกันอีกสักประเดี๋ยว .เขาก็ออกจากห้องแผนกพัสดุ เพื่อไปห้องทำงานส่วนตัวอาจารย์คนนี้ ผมดูบุคลิกของเขไม่ออกว่าเป็นคนอย่างไร ช่วงที่เปลี่ยนผู้อำนวยการใหม่ๆ คนในกลุ่มสามพากันแอนตี้ ผู้อำนวยการฤทธา แต่อาจารย์ดำรงกลับวางตัวแบบแทงกั๊กทำนองนกมีหูหนูมีปีก
“อาจารย์ดำรง มันคนสองหน้า พออยู่ต่อหน้ากับผู้อำนวยการ มันก็ทำตนเป็นคนประจบสอพลอ แต่พอลับหลังไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ ในหมู่บ้านมันก็นินทาด่าผู้อำนวยการว่า ไอ้เสี่ยวหัวล้าน ” อาจารย์ประชันพูด
ผมเห็นด้วยกับคำพูดของอาจารย์ประชัน เพราะผมเห็นกับตาและได้ยินกับหู เนื่องจากหลายๆครั้ง ที่อาจารย์ในหมู่บ้านกลุ่มสามนัดกินข้าว- ดื่มสุรา มักจะจับกลุ่มนินทาและพยายามรวมหัวที่จะไม่ให้ความร่วมมือในการทำงาน พวกเขาพยายามดึงตัวผมให้เข้าไปเป็นสมัรพรรคพวก แต่ผมก็ทำนิ่งเฉยยึดความถูกต้องและยิ่งผู้อำนวยการไว้วางใจให้ผมทำงาน อาจารย์ในหมู่บ้านกลุ่มนี้ ก็ยิ่งไม่ชอบในตัวผมมากเท่านั้น
บ่ายๆ วันหนึ่ง ที่ห้องทำงานผู้อำนวยการ
“ผมอยากจะขอย้ายบ้าน ครับ ผอ. ” ผมพูดกับผู้อำนวยการ
“ไม่สบายใจ เรื่องอะไรหรืออาจารย์ขลุ่ย ”
“ผมอีดอัดใจครับ ที่ผมต้องอยู่ในกลุ่มบ้านพักของอาจารย์กลุ่มนี้ เขาพยายามดึงให้ผมเป็นพวกด้วย แต่ผมปฎิเสธไม่ยอมเข้าร่วม เขาจึงไม่พอใจและมักจะค่อนแคะผมเสมอ” ผมพูด
ผมมีโอกาสได้เข้ามาห้องผู้อำนวยการ ค่อนข้างบ่อยเป็นเพราะช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่กำลังจะสลายกิจกรรมการรับน้องใหม่อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
“ผู้อำนวยการ ขอเชิญให้ไปพบที่ห้องของท่านครับ ” นักการภารโรงประจำตึกอำนวยการพูด
ครู่ต่อมา ผมจึงเข้าพบผู้อำนวยการที่ห้องทำงาน
“นั่งก่อนครับ ” ผู้อำนวยการพูด
“ขอบคุณครับ”
“ผมจะทำหนังสือยกเลิกคำสั่งเดิมที่อาจารย์ขลุ่ย เคยทำหน้าที่แผนกพัสดุและจะแต่งตั้งให้ทำหน้าที่การงานใหม่ สองแผนกควบกัน คือทำงานในแผนกสวัสดิการนักศึกษาและแผนกนันทนาการและชมรม” ผู้อำนวยการพูด
เวลานั้นตำแหน่งต่างๆที่อาจารย์เคยมี ได้ถูกล้างไพ่ทั้งหมด อาจารย์ดำรง ได้รับความไว้วางใจให้ขึึ้นเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการแทนคนเก่า อาจารย์ชาญชัยได้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา อาจารย์อง-อาจได้เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริการการศึกษาเพราะอาจารย์ชาญชัยสนับสนุน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายธุรการคงเป็นคนเก่าเช่นเดิม เมื่ออาจารย์ดำรง ขึ้นรับตำแหน่งผู้ช่วยฯฝ่ายวิชาการบุคลิกของเขาก็เปลี่ยนไปจากที่เป็นคนเฉื่อยชากลับมีความกระฉับกระเฉง เอาจริงเอาจัง เพื่อสร้างคะแนนนิยมให้กับอาจารย์และผู้อำนวยการ แม้เขาจะมาทำงานให้ผู้อำนวยการฤทธาก็จริงแต่พออยู่ลับหลังผู้อำนวยการเขาก็กัดและจิกผู้อำนวยการในวงสุราในกลุ่มเพื่อนๆ ที่พักในหมู่บ้านกลุ่มสาม
“นายคนนี้มันไม่ได้จริงใจกับผู้อำนวยการเลยทั้งๆที่เขาก็แต่งตั้งให้มีตำแหน่ง ต่อหน้าทำตัวอย่าง ลับหลังทำตัวอีกอย่าง" ผมคิด
ใครๆ ก็ทราบดีว่าอาจารย์ดำรง เป็นคนกลัวเมีย ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันทั้งสถาบัน
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะคุณ”พี่อ้อยภริยาของอาจารย์ดำรง เรียกสามี ขณะที่สมาชิกในวงสุรากำลังนั่งดื่มกินกันที่บ้านพักหลังหนึ่ง
“แป๊บนึง ”อาจารย์ดำรงตอบกลับ
“จะกลับ หรือไม่กลับ ถ้าไม่กลับ เดี๋ยวจะเอาที่นอนหมอนมุ้งมาให้ ”ภริยาอาจารย์ดำรงพูดซ้ำด้วยเสียงอันดังพอจบคำพูด เธอก็เดินกลับบ้าน ที่อยู่ห่างออกไปเพียงสิบห้าเมตร แก้วเหล้าที่เพื่อนร่วมวงเทให้ ถูกยกกระดกเข้าปากทันควัน
“กูกลับบ้านละ เดี๋ยวนางยักษ์ อาละวาด ”อาจารยฺ์ดำรง พูดท่าทางแหยงๆ
“ตามสบาย โว้ย ” เพื่อนร่วมวงพูด
อาจารย์ดำรง ต้องรีบจ้ำ ตามภริยาอย่างเร่งรีบ
“งานบ้าน เรียบร้อยหรือยัง ถึงไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆ ว่างมากนักหรือ” พี่อ้อย พูด
“เสร็จแล้ว.. ถึงไปจ่ะที่รัก ” อาจารย์ดำรงพูด
“อย่ามาแสร้ง ทำปากหวาน ฉันรู้ทันย่ะ" พี่อ้อยพูด
อาจารย์ดำรง ทำหน้าเจื่อน จากนั้นจึงไปเตรียมสำรับอาหารมากินพร้อมกับลูกๆและภริยา
*************************
พี่อ้อยเป็นพยาบาลในโรงพยาบาล เป็นเพราะมีสามีเป็นอาจารย์สอนในสถาบันการศึกษาด้านการเกษตร จึงมีเนื้อนมไข่ พืชผักและผลไม้จำหน่าย เธอจึงหาลำไพ่พิเศษอีกทางด้วยการจองไข่ไก่ นมสดในฟาร์มของวิทยาลัยไปจำหน่ายให้เพื่อนๆที่ทำงานในโรงพยาบาล ได้กำไรในแต่ละวันเล็กๆน้อยๆ เป็นค่าน้ำมันรถไปทำงาน แม้วันนี้สามีจะมีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร แต่เธอก็ยังเข้มงวดกับสามีตลอดเวลา จนทำให้บุคลิกของอาจารย์ดำรงลดความน่าเกรงกลัวและเกรงใจ เพราะกิตติศัพการกลัวภริยาอย่างที่สุด ตลอดเวลาที่ผมสัมผัสกับอาจารย์ดำรงไม่เคยยอมรับในฝีมือการทำงานของเขามากนัก เพราะผลงานโดดเด่นที่ฝากไว้คือเพียงน้ำลาย เขามักจะคิดโครงการโน่นนี่นั่น แต่ไม่เคยทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งสำเร็จ ความปลิ้นปล้อนกะล่อนของเขาทำให้้สามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้อำนวยการคนแล้วคนเล่าได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ผู้ใหญ่ในกรมมาเยี่ยมและมาตรวจงาน เขาต้องสร้างภาพด้วยการทุ่มเทมาคอยต้อนรับ ให้บริการนำพาผู้นำระดับสูงเข้าที่พักในระดับห้าดาว ทั้งๆที่เขาเป็นคนขี้เหนียวมาก เป็นความบังเอิญที่ผู้บริหารของกรมในเวลานั้นเป็นคนจังหวัดเดียวกันกับเขา จึงสามารถพูดสื่อสารกันได้โดยง่าย ให้หลังมาจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เป็นผู้อำนวยการดังที่มีข่าวลือก่อนหน้ามาสองเดือน
“ได้ข่าวว่า อธิการบดีได้แต่งตั้งให้อาจารย์ดำรง เป็นผู้อำนวยการนะ” ข่าวลือกันภายในที่ทำงาน
*****************************
ช่วงที่ผมลาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท อาจารย์ดำรงก็ได้มาเข้าเรียนที่คณะเดียวกันกับผม ดังนั้นเวลามีการทำกิจกรรมของสถาบันเราจึงมักพบกันและได้พบปะสังสรรค์ตามโอกาส จากที่เขามาศึกษาในครั้งนี้ จึงได้พบกับเพื่อนใหม่ๆ ที่มาจากหลายสถาบัน หลายวิชาชีพ บุคลิกเดิมที่เขาเคยเป็นเช่นการเป็นคนชอบโวยวาย การส่งเจี๊ยวจ๊าว การไม่รู้จักกาล เทศะ ก็ดีขึ้นเป็นคนละคน ผมเริ่มคุยและสนิทกับเขามากกว่าแต่ก่อน
“ไม่น่าเชื่อ ว่าคนอย่างพี่ดำรง จะเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกได้ ”ผมคิดในใจ
หลายครั้งก่อนหน้าที่ผมไม่ชอบอาจารย์ดำรงในหลายเรื่องคือการเอารัดเอาเปรียบประชาชน โดยการปล่อยเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด การทุจริตโดยการเอาปุ๋ย สารเคมีไปใช้ในสวนของตน เอาเวลาราชการไปรับจัดสวนให้ห้างร้าน บริษัทในเมือง นำเอาคนงานในสังกัดไปทำงานในสวนในเวลาราชการ และที่ผมไม่ชอบอย่างมากคือการเป็นสองหน้าที่เขาทำกับผู้บริหารที่ให้โอกาสเขามีตำแหน่ง
***************************
เขาได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการป้ายแดงที่จังหวัดน่าน เป็นครั้งแรกในชีวิตเพื่อนๆในที่ทำงานได้ให้กำลังใจ และเวลานั้นเขาก็ได้สำเร็จการศึกษาพอดี ทุกอย่างจึงสมบูรณ์ด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิและประสบการณ์
“ยินดีด้วยครับพี่ ”ผมกล่าวกับเขาในวันเลี้ยงส่งและแสดงความยินดี
“ขอบใจมากน้อง” อาจารย์ดำรงพูด
เวลานั้นลูกๆของอาจารย์ดำรงและพี่อ้อย ต่างเรียบจบระดับอุดมศุกษากันแล้ว ภาระต่างๆ ที่เคยมีก็เบาบางลง มีเพียงอย่างเดียวคือพี่อ้อยไม่อยากจะทำคือเรื่องย้ายติดตามสามีไปทำงานที่แห่งใหม่
“คุณไปทำงานที่น่าน ไกลอย่างนี้ ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวได้อย่างไร ”พี่อ้อยพูด
“มันเป็นโอกาสที่ผมจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ในการบริหารองค์กร นะ” อาจารย์ดำรงพูด
ในความเป็นจริงในเรื่องการบริหารการจัดองค์กร หากคนที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ตรง อาจนึกว่าเป็นเรื่องง่ายช่วงแรกที่อาจารย์ดำรงมาบริหารองค์กร เขาพยายามศึกษาวัฒนธรรมขององค์กรแห่งนี้ และพยายามปรับตัวถึง 8 เดือนแรกๆ ไม่สู้จะมีปัญหาเพราะเขายินยอมผ่อนโอนกับอาจารย์เจ้าถิ่นที่เขี้ยวลากดิน จนเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยกายและใจอย่างมาก
“อยู่ดี ไม่ว่าดี อยากหาเหาใส่หัวเอง” พี่อ้อยพูดตำหนิสามี
“มันเป็นโอกาสของชีวิต ก็ที่ลำปาง ไม่ปัญหานี่" อาจารย์ดำรงพูด
“แล้วจะทำไงอีก”
“จะอดทนไปอีก สักระยะ กลัวท่านอธิการบดีจะตำหนิสิ รับปากกับท่านว่าสามารถบริหารได้” อาจารย์ดำรงพูด
“ฉันจะให้คุณทำอีก 6 เดือน ครบกำหนดแล้ว เลือกเอาว่าจะอยู่กับเมียหรือจะอยู่กับตำแหน่งผู้อำนวยการ”
“โอเค ตามนั้น”
หลังจากที่ประกาศิตที่พี่อ้อย แจ้งผ่านแก่สามีแล้ว อีกสามเดือนต่อมา …อาจารย์ดำรงได้ทำเรื่องขอลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เขาได้รับการอนุมัติ กลับมาเป็นอาจารย์ธรรมดาๆไร้ราคา ไร้ศักดิ์ศรี ยอมที่จะมาอยู่กับภริยาที่เป็นนักปกครองมืออาชีพ
“ว่าไปพี่ดำรง แกก็น่าสงสารนะ สมัยเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ ที่นี่ เขาทำตัวเป็นเจ้ากี้เจ้าการ เจ้าความคิด มึงมาพาโวย พอเปลี่ยนที่่เปลี่ยนจังหวัดหน่อยเดียว .หงอตัวลีบดังกับสุนัขเชื่องๆ ตัวหนึ่งเลย ” ผมคิด …
โธ่เอ๋ย..ทำโอหัง อวดเก่งกับคนอื่นๆ เจอเมียใช้คำประกาศิตหน่อย กลับหัวหดเป็นเต่าเลย
ขลุ่ย บ้านข่อย
๑๑-๖๗)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น