คำตอบที่อยากรู้ - คำตอบที่อยากรู้ นิยาย คำตอบที่อยากรู้ : Dek-D.com - Writer

    คำตอบที่อยากรู้

    เขาเป็นลูกชายและกำพร้าแม่ ต้องอยู่กับพ่อที่ทำกินด้วยการเก็บกระดาษ ขวดน้ำ เขาได้รับการอุ้มชูให้ความรู้ ที่พัก จนได้ดิบได้ดี แค่ครั้นอาจารย์ผู้มีอุปการะตกทุกข์ เขากลับเมินเฉย

    ผู้เข้าชมรวม

    28

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    28

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 มี.ค. 67 / 07:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                                                   คำตอบ ที่ผมอยากรู้

            เมื่อนึกย้อนกลับไป เมื่อเรียนชั้นปวส.ที่ขณะนั้นผมพักที่บ้านเช่าในสวนมะพร้าวสภาพโทรมๆโยกเยกไปมา หากเมื่อใดมีลมพัดแรงขณะอยู่ในบ้านย่อมสามารถรับรู้ถึงความสั่นไหว ค่าเช่าบ้านในเวลานั้น มีราคาเพียง 250 บาทต่อเดือน พักร่วมกันห้าคน เราจะเก็บเงินกองกลางคนละ 200 บาทต่อคน เหรัญญิกของบ้านคือไอ้ชาย เขาจะรับผิดชอบด้านการเงิน ค่าเช่าที่ต้องจ่ายให้เจ้าของบ้านคือ 250 บาทที่เหลือ750 บาท เราจะมาใช้ซื้อข้าวสาร  วัตถุดิบในการปรุงอาหารประจำวัน ทุกคนได้ทำหน้าที่ตามความถนัด ส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนรับผิดชอบไปจ่ายตลาด ซื้อผัก เนื้อสัตว์ สุรา ฯลฯ

             จากบ้านเช่ามาที่สถาบันมีระยะทางประมาณ 400 เมตร หลังอาหารมื้อเช้าแล้วจวนใกล้เวลาแปดนาฬิกา พวกเราก็จะเดินมาเรียนกันเป็นกลุ่ม หยอกล้อแซวกัน อำกันตามประสา ส่วนใหญ่ผมจะถูกอำมากว่าใคร เป็นเพราะเวลานั้น ผมกำลังจีบสาวเหนือที่มาเรียนที่สถาบันแห่งนี้

      “เฮ้ย ไอ้ขลุ่ย  กูว่าไอ้ติ๋ม มันชอบมึง แน่เลย เห็นมันถามหาถึงมึงบ่อยๆ ”สมชายพูด

      “ใช่ / มันก็พูดกับกู อย่างนี้เลย ”เพื่อนๆในบ้านพัก พูดไปในทิศทางเดียวกัน

      “จริงอ่ะ  ..มึง” ผมถามกลับ

      “จริงสิวะ  กูจะโกหก ไปทำเหี้ย อะไร?? ” สมชายพูด

         ติ๋ม  เป็นนักศึกษาที่จบชั้น ปวช. จากวิทยาลัยเกษตรกรรมแห่งหนึ่งของจังหวัดภาคเหนือ  เธอเป็นสาวทีมีนิสัยดี หน้าตาสวย อารมณ์ดี  มีน้ำใจตรงกับสเป๊กของผม หนึ่งปีเต็มๆที่ผมกับเธอคุ้นเคยและสนิทกัน คนอื่นๆในสถาบันมองกันว่าผมกับเธอคือแฟนกัน  แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราเป็นเพียงเพื่อนที่สนิทกัน

                                            *****************************

       เย็นวันหนึ่ง…ขณะที่สมาชิกในบ้านกำลังเริ่มตั้งวงร่ำสุรา ได้มีรุ่นน้องของผมชื่อสมาน ซึ่งประจำอยู่ที่คอกวัวนม ได้พาบุรุษร่างท้วม ไว้ผมบ๊อบ หนวดเข้มเหนือริมฝีปาก ในมือของเขาหนีบกระเป๋าเอกสารสีน้ำตาลไว้เหนือเอวด้านขวา เขาพยายามทรงตัวให้สมดุล ซึ่งเป็นร่องสวนแคบๆทั้งยังมีต้นมะพร้าวขวางกั้นบ้างเป็นบางต้น  

    “จะถึงแล้ว ครับ อาจารย์ ” สมานพูดกับบุรุษคนนั้น

    “ทางเดินลื่น เหมือนกันนะ ” บุรุษคนนั้น พูด

     “ใช่ครับ  มีตะไคร่น้ำเกาะติดกับรากต้นมะพร้าว น่ะครับ” สมานพูด

                                    *******************************

     “พี่ๆครับผมพาอาจารย์ มาทำความรู้จักพี่ๆครับ”สมานพูด

     “เชิญเข้ามานั่งข้างใน เลยครับ อาจารย์ ” สมชายเอ่ยปาก บอกด้วยความสุภาพ   

      ผมมองเขา ด้วยความงุนงง บุคลิกของอาจารย์คนนี้แต่งตัวดี นุ่งกางเกงสีเข้ม ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว  ผูกไทสีกรมท่า รองเท้าหนังสีดำ เขามองมายังกลุ่มของพวกเราเช่นกัน ความรู้สึกส่วนตัวของผมในเวลานั้น

        " อาจารย์..คนนี้ มาไม้ไหนกันแน่  ใช่.เขาคงคงมีเจตนาแอบแฝง อาจจะมาจับผิดพวกเราก็ได้"  ผมคิด

        พวกเราลุกและขยับตัว เพื่อให้มีที่นั่งเพิ่มขึ้นอีกสองที่ ทั้งยังเอ่ยปากเชิญให้สมานและอาจารย์ที่มาเยี่ยมเยียนได้นั่งด้วย หลังจากที่เขานั่งร่วมวงแล้ว ได้แนะนำตนเองและบอกถึงจุดประสงค์ที่มาหาพวกเราในวันนี้  

      “ผมชื่อธเนศ เป็นอาจารย์มาบรรจุใหม่ จบจากคณะสัตว์แพทย์ มาสอนในสังกัดคณะสัตว์ศาสตร์  ยังไง…ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย ”อาจารย์ธเนศพูด อย่างถ่อมตัว

       “ในกลุ่มที่นั่งอยู่นี้  คนไหนชื่อขลุ่ย ผมอยากรู้จักเป็นพิเศษ” อาจารย์ธเนศ พูด

      “โน่นครับ ไอ้ตัวผอมที่สุด”สมชายพูด

                                         ผมยกมือขึ้น เพื่อบอกเขาแทนการตอบด้วยวาจา 

     “ได้ข่าวว่าเรา ชอบเพลงเก่าๆเหรอ เห็นรุ่นน้องๆที่ผมไปเจอบอกมา ไว้มีโอกาสคราวหน้า ผมอยากจะมาแลกเปลี่ยนและร่วมประชันเพลงกันจะโอเค. มั้ย” อาจารย์ธเนศ พูด

    “ยินดีครับ อาจารย์  ” ผมตอบ  

          ในใจยังคิดดูแคลนเขาว่า คนเขาอย่างเขาหรือ จะฟังและร้องเพลงเก่าๆ ได้มากเท่าผม เหตุที่ผมมั่นใจอย่างนั้นเป็นเพราะผมรับฟังเพลงทุกแนวมาแต่เด็ก พ่อของผมชอบฟังข่าว แม่ผมชอบฟังละครวิทยุจากคณะต่างๆ นับแต่คณะแก้วพ้า บุษะเกษ กันตนา ฯลฯ ละครวิทยุทุกเรื่องมีเพลงประกอบด้วยเสมอ นี่เอง ผมจึงคิดว่าผมได้เปรียบ้เขา อย่างแน่นอน  

                                                     ******************************

            สองสัปดาห์ถัดมา สมานซึ่งอยู่ประจำฟาร์มวัวนม ได้ขี่จักรยานที่ใช้ส่งนมชาวบ้านได้แวะมาหาผม และบอกว่าเย็นวันศุกร์นี้ อาจารย์หมอธเนศจะแวะมาหาเพื่อมานั่่งดื่มสังสรรค์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันและกัน พวกเราเมื่อทราบว่าอาจารย์ที่มีอายุคราวพี่ จะมาเยี่ยมจึงเตรียมสุราที่คนทั่วไปนิยมดื่มกิน  ผมต้องใช้เครดิตส่วนตัวไปแปะเหล้าที่ร้านเบตงที่อยู่ด้านหลังโรงภาพยนต์วันนี้ เราปูเสื่อที่ซื้อใหม่ เพื่อไว้ต้อนรับแขกที่เป็นอาจารยรุ่นใหม่ไฟแรง พวกเราเพิ่งทราบว่า เขาเป็นคณะทำงานฝ่ายปกครองของคณะฯ  พวกเราสบายใจยิ่งเพราะทุกคนไม่มีแผล ไม่สันหลังหวะ เป็นเด็กกิจกรรมและมีผลการเรียนระดับปานกลางถึงขั้นการเรียนดี สมชายเป็นตัวแทนคณะฯและตัวแทนสถาบันเล่นกีฬาเซปักตะกร้อ ส่วนผมเป็นนักวิ่งระยะปานกลาง ทั้งยังเล่นดนตรีไทยให้กับคณะฯและสถาบันอีกด้วย

          เมื่อถึงวันนัดหมายอาจารย์ธเนศได้ชวนสมานเด็กฟาร์มวัวนมมาเป็นเพื่อน บรรยากาศของวันนั้น พวกเราได้สัมผัสบรรยากาศอีกรูปแบบ ที่เราไม่เคยเจอ คือเราได้รับประสบการณ์ของอาจารย์ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ในวัยเด็ก วัยรุ่นและช่วงสมัยที่เขาเรียนที่คณะสัตวแพทย์ให้เราฟัง 

       “ช่วงที่ผมอยู่หอพักใน นี่ก็ไม่ต่างจากพวกเราเลย คือมีการแอบเล่นไพ่ พี้กัญชา แอบหนีเที่ยว หากถูกอาจารย์ประจำหอพักจับได้ก็จะโดนซ่อม วิดพิ้น  สกอตจั๊ม ปั่นจิ้งหรีดและตัดคะแนนความประพฤติ ”อ.ธเนศ เล่า ความหลัง

        จากหนึ่งแก้ว- จนหมดขวดกลม  สองขวด  จนสุราที่ผมเตรียมมาจะหมดแล้ว อาจารย์ธเนศ จึงสั่งให้สมานออกไปซื้อมาอีกหนึ่งขวด  บรรยากาศเริ่มสนุกมากขึ้น เพียงสาม-สี่ชั่วโมงเท่านั้น ก็ทำให้ทุกคนเป็นเนื้อนาเดียวกัน พวกเราให้เกียรติอาจารย์และอาจารย์ก็วางตนได้ดีเยี่ยม ผมประชันเพลงกับอาจารย์เพลงต่อเพลงจนเกือบห้าทุ่มจึงขอตัวกลับไปนอนในฟาร์มที่เป็นห้องพักครู  

                                                ***********************

       ระหว่างอาจารย์ธเนศ มาสอนในสังกัดภาคสัตวศาสตร์ อาจารย์ต้องสอนวิชาเกี่ยวกับการสุขาภิบาลสัตว์  โรคสัตว์และ สรีรวิทยาและกายวิภาคสัตว์  จากที่ผมได้รับทราบจากเพื่อนๆและรุ่นน้อง ทุกคนมีความเห็นพ้องว่า อาจารย์ธเนศเป็นคนสอนสนุกแทรกประสบการณ์ชีวิตให้พวกเราได้มากมาย ก่อนที่อาจารย์ธเนศจะมาสอบเป็นข้าราขการ เคยทำงานธนาคารของเอกชนและหลังจากเลิกงานแล้ว ก็จะเปิดคลินิครักษาสัตว์อีกทาง แถวย่านบางกอกใหญ่ ด้วยภาระงานสอนที่มากและยังต้องเปิดคลินิครักษาสัตว์ ทั้งอาจารย์ต้องการสอนให้ลูกศิษย์ให้สามารถปฎิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรมได้ จึงทุ่มเทการสอนและฝึกให้ทุกคนต้องฉีดยา ตอนสัตว์และวินิจฉัยอาการโรคสัตว์ได้จริง  

      “ใครสนใจ จะฝึกงานที่คลินิค จะรับสมัครเพียงสามคน โดยต้องมีเงื่อนไขว่าต้องพักบริเวณใกล้คลินิค ” อาจารย์ธเนศ พูดในชั้นที่สอน 

        คลินิครักษาสัตว์ของอาจารย์ธเนศ อยู่ในเขตบางกอกน้อย ใกล้กับวัดครุฑนักศึกษารุ่นแรกที่อาจารย์ธเนศ รับไว้ให้ช่วยงานในคลินิคมีสามคนคือสันติ ทินกรและสนธิ สองคนแรกฝึกงานได้เพียงสามเดือนก็ต้องออกเพราะไม่มีเวลา เนื่องจากต้องเรียนหนัก เกรงว่าตนเองอาจต้องถูกรีไทร์จึงเหลืิอสนธิเพียงคนเดียว   สนธิเป็นนักศึกษารุ่นน้องผมสามปี เขาเป็นลูกชายคนเดียวคนไทยเชื้อสายจีน กำพร้าแม่มาตั้งแต่เล็ก เตี่ยของสนธิมีอาชีพเก็บกระดาษ ขวดน้ำ ขายย่านตลาดพลูและพักที่อาคารหลังเก่าๆ

                                                  *********************

          สนธิมีบุคลิกผอม ขาว-สูงเกือบ 180 เซนติเมตร หน้าตาไม่แย้มยิ้ม ออกบึ้งไม่รับแขก แต่เป็นคนขยัน อาจเป็นเพราะมีปมด้อยส่วนตัว เป็นเพราะเตี่ยอยากให้ลูกมีการศึกษาจึงพยายามส่งเสียให้เขาได้รับการศึกษาตามกำลังสติปัญญาที่มี หลังจากสนธิได้มาอยู่ที่คลินิคสัตวแพทย์จึงได้รับการฝึกฝนในทุกๆด้าน นับแต่เรื่องการรับแขกกิริยามารยาท จิตวิทยาในการทำให้ลูกค้าประทับใจ ฝึกตั้งแต่การทำความสะอาดที่ทำการรักษาสัตว์ การใช้เข็มฉีดยา เครื่องมือผ่าตัด การจ่ายยา เรียกเก็บเงินค่ารักษา ดูแลการเงินในคลีนิค หนึ่งปีผ่านมา สนธิสามารถดำเนินการแทนอาจารย์ได้ในระดับหนึ่ง ยกเว้นงานผ่าตัดที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถและต้องมีผู้ช่วยคอยช่วยเหลือ 

        หลังจากอาจารย์ฝึกลูกศิษย์จนสามารถรับมือและแก้ปัญหาภายในคลินิคได้ ในช่วงหลังจึงปล่อยให้สนธิเผชิญหน้ากับการรักษาสัตว์แทนกับเคสที่ทำได้

       “เจ้าสนธิ มันเก่งแล้ว ผมเชื่อมือเขา ”อาจารย์ธเนศ พูด ขณะที่วันหนึ่ง เขาได้มาเจอผมที่สถานีรถไฟหัวตะเข้  เพื่อรอขึ้นรถไฟมาลงหัวลำโพง 

     “น้องคนนี้ ดูเขาเงียบๆเศร้าๆ ยังไงชอบกล นะครับ” ผมพูด

     “ใช่ .เอางี้มั้ย ผมอยากให้ขลุ่ยไปฝึก และสอนเจ้าน้องคนนี้ให้รู้จักการรับแขกสักหน่อย  เคมั้ย..วันศุกร์หน้าเอาเสื้อผ้าไปเผื่อนอนค้างและกินเหล้าด้วยกัน หลังปิดคลินิค ” อาจารย์หมอพูด

    “ครับ ผมยังไม่เคยไปคลินิคของอาจารย์เลย สักครั้ง  ”ผมพูด

     ผมกับอาจารย์ได้รู้จักกันเพียงหนึ่งเทอม แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ท่านถูกโฉลกกับผมได้อย่างไร หลังจากวันแรกที่ผมมีโอกาสได้ไปคลีนิคและนั่งดื่มสังสรรค์  จากนั้นมาผมก็ต้องได้รับคำเชิญให้ไปคลินิคอีก  จากครั้งที่สองเป็นสามและเป็นสิบๆครั้ง จากที่แค่ไปที่คลินิคได้ขยับไปที่บ้านของครอบครัวอาจารย์ซึ่งเป็นครอบครัวคนรวยและเป็นผู้ดีมีสกุล  ในจำนวนลูกศิษย์ที่ได้รับเกียรติให้ไปที่บ้านย่านบางขุนนนท์มีน้อยคนนัก  มีผมคนเดียวที่ไปบ่อยที่สุด เพราะผมมีไหวพริบที่จะตอบคำถาม หากภริยา -แม่ภริยาของอาจารย์จะสอบถามเรื่องต่างๆในสถาบัน โดยที่ผมกับอาจารย์ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้ล่วงหน้า

     “ขลุ่ย. ไปไหนมากับอาจารย์ เหรอ ”ภริยาอาจารย์หมอถาม  ขณะที่เขากำลังอาบน้ำ 

     “ไปทานเลี้ยงกับกลุ่มเพื่อนๆอาจารย์หมอ ที่สโมสรราชนาวีครับ” ผมตอบ  ครั้งนี้เรามีการเตี๊ยมคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้วและทุกอย่างก็ไร้ข้อกังขา นี่จึงทำให้ครอบครัวของของอาจารย์ ไว้ใจในตัวผมที่ตอบแบบซื่อๆและไร้พิรุธ

    “ยอดเยี่ยมเลยโว้ย ไอ้ขลุ่ย  เมียผมและแม่ยาย นี่เขาชื่นชอบนายมากเลย  ”อาจารย์หมอพูด

    “นี่หากพลาดสักวัน ผมแย่แน่  เครดิตหมดกันเลยครับ ” ผมตอบ

    “ผมไว้ใจขลุ่ยเสมอ  มันต้องอย่างนี่สิ  มองตาเป็นรู้ใจกัน ยังไงช่วยสอนเทคนิคให้เจ้าธิ มันด้วย” อาจารย์หมอพูดชม ทั้งยังบอกให้ผมช่วยแนะนำรุ่นน้องที่อยู่ช่วยทำงานในคลินิคด้วย

                                                  *******************

      สนธิ จะมาเรียนที่สถาบันฯโดยเขา จะออกจากคลินิคตั้งแต่หกโมงเช้า เพื่อมาขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง  และเมื่อมาถึงสถานีหัวตะเข้แล้ว เขามักแวะมาหาของกินรองท้องอาทินมสดจากฟาร์มกับขนมปัง เวลานั้นผมได้มาช่วยขายของให้ร้านค้าสหกรณ์ เวลาเจอสนธิจะพูดคุยกัน มีอะไรแนะนำได้ก็ช่วยแนะนำให้  ระยะหลังเมื่ออาจารย์หมอชวนผมไปดิื่มสุราที่คลินิกผมจึงจำเป็นต้องนอนที่คลินิก  ก่อนหน้านี้สนธิดื่มสุราไม่เป็น เพียงแค่เขาจิบเหล้าเข้าปาก หน้าต้องแดงยังกับกวนอู ผมจึงแนะวิธีการให้จนในที่สุดเขาก็พอจะดื่มเหล้าเข้าสังคมได้ และสามารถเข้ามานั่งร่วมวงกับหมอธเนศและคนอื่นๆ และนานเข้าเขาก็สามารถดื่มสุราและรู้จักการเข้าสังคม    ที่คลินิคแห่งนี้ทำให้ผมกับสนธิ สนิทกันมาก ครั้งหนึ่งที่เตี่ยสนธิป่วย ผมจึงเอ่ยปากอยากจะแวะไปเยี่ยมเตี่ยของเขา

    “ขลุ่ยไปเยี่ยม ควรต้องค้างที่บ้านของสนธิ สักคืนนึง เพื่อจะได้รับรู้ถึง วิถีความเป็นอยู่ของครบครัวของน้องบ้าง ”อาจารย์หมอพูด

    “ครับ  ผมตั้งใจจะไปค้างสักคืนครับ อาจารย์”  ผมพูด

    อาจารย์หมอให้เงินมาสองร้อยบาทก่อนจะถึงบ้านพัก  ผมกับสนธิแวะได้ซื้ออาหารและผลไม้มาฝากเตี่ยของเขา เวลานั้นเกือบสามทุ่ม  ห้องแคบๆ เล็กๆในสลัมย่านตลาดพลู ที่เต็มไปด้วยลังและกล่องกระดาษ  เราต้องขึ้นไปบนชั้นสอง จึงจะเป็นที่พัก สภาพที่เห็นเกินกว่าจะบรรยาย ผมนึกเห็นใจครอบครัวของสนธิ นี่ถ้าไม่ได้เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อ  ผมคิดว่าสนธิคงไม่กล้าที่จะชวนใครมาที่บ้านพักของเขาอย่างแน่นอน นี่เป็นเพราะเขาไว้วางใจและเคารพผม จึงกล้าเอ่ยปากชวนผมมาพักค้าง

    “ไม่ต้องคิดอะไร  ทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด  บ้านจะใหญ่เล็กไม่สำคัญ ขอให้สนธิ จงภูมิใจ ที่เราได้เรียนมาจนถึงขนาดนี้ โชคดีที่อาจารย์หมอท่านให้โอกาสเรานะ ยังไงทำหน้าที่งานในคลินิค ด้วยความซื่อสัตย์  มีอะไรให้พี่ช่วยได้บอกมาเลย ไม่ต้องเกรงใจ”

    “เตี่ยผมเป็นโรคร้ายแรง ที่สังคมรังเกียจ พี่ขลุ่ยไม่กลัวเหรอ ”

    “ไม่หรอก  ตอนเด็กพี่ก็คลุกคลีกับตา ใกล้ชิดกันมากกว่านี้อีก ก็ยังไม่กลัวเลย” ผมพูด 

    โรควัณโรค เป็นโรคที่ในอดีตผู้คนมักไม่อยากเข้าใกล้ เพราะอาจติดต่อได้ ในวัยเด็กผมต้องดูแลตา  นับแต่ต้องคอยนำกระโถนไปชำระล้างและนำไปตากแดด บ่อยครั้งที่ตาไอ ดังลั่นจนได้ยินไปแปดบ้านชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ไม่อยากเข้าใกล้   เตี่ยของสนธิซูบมาก ขนาดสนธิว่าผอมแล้ว เตี่ยของเขาผอมยิ่งกว่ามาก ว่าไปแล้ว เตี่ยของสนธิอาการหนักกว่าคนทั่วไปที่เคยพบ ผมค้างคืนที่นี่หนึ่งคืน ตาจะข่มให้หลับนี่สุดจะยากได้ เพราะจะหลับๆ ก็ให้นึกถึงเรื่องอัคคีภัยเนื่องจากสภาพแวดล้อม  

    “เป็นไงขลุ่ย  นอนที่บ้านของสนธิ” อาจารย์หมอถาม

    “ครับ หวิวๆ หวั่นๆ ครับ” ผมตอบ

    “หมายความว่า?? ไง”

    “นอนไม่หลับครับ  ผมได้ข่าวว่าย่านตลาดพลู มีเรื่องไฟไหม้บ่อยๆ  จะหลับตาลงไปได้อย่างไร ครับ”

    “อาการเตี่ย ของสนธิเป็นไง”

    “คงทรงๆไปอย่างนี้ ครับ”

     หลายๆ ครั้งที่อาจารย์หมอไปราชการต่างจังหวัด  อาจารย์หมอจะให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนสนธิ และช่วยงานด้านจิตวิทยาเรียกลูกค้า และที่คลินิคแห่งนี้ ทำให้พบผมกับลูกค้าสาวสวยถึงสองคนซ้อน สนธิได้คอยช่วยสับรางรถไฟให้ผมอยู่บ่อยครั้ง 

    เกือบสองปีที่ผมเทียวไปเทียวมาที่คลินิคกระทั่งผมเรียนจบปริญญาตรี  สนธิอยู่กับหมอธเนศจนจบปริญญาตรี  เขาได้รับความเอื้อเฟื้อด้านที่พัก เงินทอง  ความรู้ในการประกอบอาชีพ ความรู้ด้านการครองตนและประสบการณ์ชีวิตที่หาเรียนที่ไหนไม่ได้ หากเทียบกันระหว่างผมกับสนธิ  เขาจะได้รับประโยชน์มากกว่าผมมากมาย ว่าไปแล้วสนธิ เป็นศิษย์ก้นกุฎิที่อาจารย์ธเนศถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างให้  

                                              *************************** 

    เมื่อผมมาสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ ในสามปีแรกๆ ผมยังมาเยี่ยมหาอาจารย์ธเนศยังพบสนธิและได้ฟังสนธิร้องเพลงรุ่นเก่าๆ ที่ผมเคยฝึกฝนให้เขาร้อง  

    “ขลุ่ย มันสอนให้น้องร้องเพลงได้ โอ…สุดยอดเลย ทำไม ตอนอยู่ที่คลินิคเคยนั่งดื่มเหล้ากับผม สนธิไม่เคยบอกเลยว่าร้องเพลงเป็น” อาจารย์หมอพูด

    “คงไม่ไกล้า กระมังครับ  นอกจากผมจะสอนร้องเพลง ผมยังสอนให้น้องจีบสาวด้วยสิครับ”ผมพูด

     สนธิได้ฟังถึงกับทำหน้าเขินๆ ขวนอาย แม้วันนี้. เขาจะมีความกล้ามากขึ้นกว่าแต่ก่อน   หลังจากสนธิเรียนจบได้รับการบรรจุเป็นนักวิชาการด้านปศุสัตว์ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตอนจบใหม่ๆเขายังแวะเวียนมาหาอาจารย์หมออยู่บ้าง ผมกับเขาไม่พบกันอีกเลยนับแต่นั้น

                          *************************************** 

                                       *สิบปีต่อมา  ….

    “ลูกศิษย์ ผมหายหัวไปไหนกันหมด ไม่รู้ คิดถึงทุกคนว่ะ” อาจารย์หมอ บ่นให้ฟัง

     “นี่ผมไม่เจอ ขลุ่ยสิบกว่าปีมาแล้ว  ตอนนี้ผมหย่ากับเมียแล้วนะ ไอ้ห่า..นึกถึงบรรยากาศเก่าๆว่ะ  ผมเคยพาขลุ่ยเที่ยวทุกหัวเห็ดเจ็ดย่านน้ำ นึกถึงนายขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีที่โรงแรมอีสเทิร์นว่ะ  ” อาจารย์หมอพูด

    “จำได้ครับ พี่หมอชำนาญ ยุผม ให้ขึ้นไปน่ะสิครับ เมามากเลยน่ะครับ คืนนั้น” ผมพูด

    “ลูกศิษย์ที่มาหา นอกจากขลุ่ย ก็มีไอ้ผู้พันยุทธ ไอ้เอส ไอ้ติ ไอ้โย่ง”อาจารย์หมอพูด

    “ผมอยู่ไกล ครับ หากอยู่ใกล้ คงมาเยี่ยมได้ อย่างน้อยก็เดือนละครั้ง”

    “เข้าใจนายว่ะ ขลุ่ย น้ำใจนาย นี่น่านับถือ มองคนไม่ผิดว่ะ” อาจารย์หมอพูด

     “สนธิมา หาบ้างมั้ย ครับ”

    “แรกๆก็มา แต่ช่วงหลังหายไปเลย รู้สึกน้อยใจเขาเหมือนกัน ที่เขาเปลี่ยนแปลงไป ทราบว่าเดี๋ยวนี้เขาเป็นถึงรองปศุสัตว์จังหวัด ทั้งได้เมียรวย ”อาจารย์หมอพูด 

    “ผมไม่ได้ข่าว เขาเลย”

    “สนธิ เปลี่ยนแปลงไปมากเลยว่ะ ขลุ่ย ช่วงที่ผมกับภริยาหย่าขาดเพราะฤทธิ์ต้มยำกุ้ง ผมโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาด นึกถึงเจ้าสนธิได้เลยติดต่อไปหาเขาเพื่อจะหยิบยืมเงินมาใช้สู้คดี  เขากลับนิ่งเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆที่ฐานะเขาดีมาก ” อาจารย์หมอพูด อย่างน้อยใจ

    “แล้วไง ต่อครับ  ”ผมถาม

    “เขาทำเป็นไม่รับรู้ ผมได้เพื่อนๆที่รักใคร่กันได้ช่วยเหลือคนละนิดละหน่อย เพื่อไปเปิดคลินิคใหม่  ช่วงนั้นเครียดมาก "

     ผมได้ยินอาจารย์หมอเล่าเรื่อง ถึงกับรู้สึกโกรธน้องคนนี้อย่างมากไม่นึกเลยว่าเขา จะเป็นคนแล้งน้ำใจ  อีกใจหนึ่งก็อยากจะฟังเรื่องราวที่ออกจากปากเขาว่ าเรื่องมันเป็นเช่นไร ในโอกาสพบกันในวันนี้  เราดื่มด่ำกับบรรยากาศเก่าๆฟังเพลงนั่งคุยเรื่องราวเก่าๆ ที่มีทั้งทุกข์สุขคละเคล้ากันไป บางครั้งเราก็เศร้า ถึงกับต้องอาบน้ำตา น้อยคนนักที่จะรู้ถึงเรื่องราวชีวิตที่ผมกับอาจารย์ใกล้ชิดกันมาก

                                             ************************* 

          ผมทราบข่าวจากรุ่นน้อง ที่เคยไปเที่ยวหาอาจารย์หมอที่คลินิคแห่งใหม่ ย่านพุทธมณฑล ทราบว่าอาจารย์ป่วยเป็นมะเร็งที่ลำคอ กำลังอยู่ในระหว่างการรักษาตัว ได้เคยโทรสอบถามอาการของท่าน ทราบว่ามีอาการดีขึ้นจึงสบายใจและรับปากว่าจะไปเยี่ยม แต่ไม่ทันที่จะได้ไปหา ก็มาทราบว่าอาการท่านทรุดและเสียชีวิตลง  งานนี้ผมไม่พลาดที่จะลงไปร่วมงานฌาปนกิจและแสดงน้ำใจต่อครอบครัวของท่าน ผมได้พบกับสนธิ ได้นั่งคุยถามไถ่สภาพการทำงาน ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

      “ผมโอนงานมาเป็นอาจารย์สอน ที่มหาวิทยาลัยทักษิณแล้วครับ  ”สนธิบอก

       ในงานนี้มีศิษย์เก่าจำนวนสามร้อยคนมาร่วมงาน รวมทั้งเพื่อนร่วมรุ่นของอาจารย์หมอที่สำเร็จการศึกษาอีกร้อยกว่าคน ผมสังเกตดู บุคลิกภายนอกของสนธิอยู่นาน ไม่เห็นว่าเขาจะเป็นหยิ่งยะโส เป็นคนไร้คุณธรรม เขายังคงเป็นคนพูดน้อย ถามคำตอบคำสภาพแวดล้อม ณ. เวลานั้นมันไม่สามารถจะเค้นหาคำตอบที่ผมอยากรู้ได้เลย ….

      คงต้องรอคำตอบไปอีกสักระยะ  ….คิดว่า หากมีโอกาสในปีหน้า หากเจอเขา ในงานพบปะสังสรรค์ 

                     วันนั้นผมอาจจะทราบคำตอบที่ถูกต้อง และเป็นข้อเท็จจริงก็ได้ (ผมคิด

                                                  ขลุ่ย  บ้านข่อย 

                                                  (๒๘ -๓ ๖๗ )

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×