คู่ชีวิต ที่เลือกผิด
ช่วงที่เขาชอบฝ่ายหญิง พยายามตามตื้อ อดทน นั่งรอครั้งละหลายๆชั่วโมง ฝ่ายชายเป็นคนเรียนเก่ง และได้ทำงานจนมีตำแหน่ง เขากับเธอได้แต่งงานร่วมชีวิต แต่....อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้
ผู้เข้าชมรวม
27
ผู้เข้าชมเดือนนี้
15
ผู้เข้าชมรวม
คู่ชีวิต ที่เลือกผิด
สุภาษิตเก่ากล่าวไว้ว่า “มีผัวผิด คิดจนวันตาย” นี่คงหมายถึง การที่คู่บ่าวสาว ชาย - หญิง ที่มีความพออกพอใจซึ่งกันและกันประสงค์และปรารถนาจะใช้ชีวิตคู่ โดยเมื่อแต่งงานกันแล้ว ก็อาจทำให้ชีวิตคู่ สมรส ล้มครืนหรือต้องผิดหวังลงได้
เรื่องราวชีวิตคู่ของรุ่นน้องของผม ที่เรียนที่เดียวกันมาที่ลาดกระบังที่ตรงกับสุภาษิตว่าไว้ไม่มีผิด สมโภชน์เป็นรุ่นน้องของผมเพียงหนึ่งรุ่น จริงๆแล้วอายุของเขากับผมอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน สมัยนั้น ฃสถานศึกษาที่พวกเราเรียน เป็นเพียงแค่วิทยาลัย ตั้งแต่รุ่นแรกถึงรุ่นของผมเพิ่งเปิดมาได้เพียง 5 รุ่น นักศึกษาที่มาเรียนในยุคนั้นก็เป็นสุภาพบุรุษล้วนๆและยุคนั้นผู้เข้าศึกษาจะต้องพักภายในหอพักของวิทยาลัยเท่านั้น เนื่องจากเราต้องมีการฝึกงานทั้งภาคเช้าและเย็น จากที่พวกเราเคยพักหอพักและต้องถูกให้ออกมาพักภายนอกมันมีอรรถรสที่แตกต่างกันมาก ว่าไปแล้ว.การพักหอพักภายใน พวกเรามีความสะดวกสบายทุกอย่าง นับแต่มีที่นอนหมอน มุ้ง(ลวด) มีที่เก็บเสื้อผ้า สบู่ ขันน้ำ แปรง ยาสีฟัน แปรงซักผ้า ผงซักฟอก ฯลฯ
อาหารมีให้รับประทานทั้งสามมื้อคือ มื้อเช้า ,มื้อกลางวันและมื้อเย็น รสชาติของอาหารที่ปรุงจากฝีมือนักการภารโรงไม่ได้ด้อยไปจากร้านค้าที่ขายในละแวกนั้นเลยสักนิด ทุกๆวันพฤหัสฯทางแม่ครัวพ่อครัวจะมีขนมหวานให้กินอีกต่างหาก หลังจากที่พวกเราลงงานประจำหมวดงานต่างๆ เสร็จแล้ว อาหารมื้อเช้าทุกวัน(มีข้าวต้มกุ๊ยกับ กับข้าวยืนพื้นทุกวันคือถั่วลิสงคั่วบวกกับข้าวอีกหนึ่งอย่างอาทิ ผัดผักกาดดองใส่ไข่ หัวไชโป๊ผัดใส่ไข่ ผักดอง ไข่เค็ม กุนเชียงทอด ปลาเค็มทอด ยำกุ้งแห้งฯลฯ ) เวลาที่เรากินข้าวต้มมื้อเช้าคือเวลา 08.00 น. สัญญาณที่เคาะจากด้ามจอบที่แขวนแทนระฆังก็จะถูกตี จากโรงอาหาร ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างทยอยเดินออกจากหอพักมายังโรงอาหาร แล้วเข้าไปนั่งประจำที่ที่เคยนั่ง สิ่งที่ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต้องมีติดตัวไว้เสมอคือช้อนตักข้าว
ม้ายาว เพื่อไว้สำหรับนั่งกินข้าวจะนั่งได้ฝั่งละสี่คนโรงอาหาร.จะกำหนดให้รุ่นพี่-รุ่นน้องแยกนั่งจากกันสำหรับนักศึกษา ใหม่ จะนั่งตามเลขที่ ตามห้องเรียน ผมเรียนชั้นปี 1 ห้อง3 ทุกคนจะนั่งเรียงตามลำดับจากอักษร ก -ฮ สำหรับกลุ่มของผมมี 8 คน เริ่มจากสมนึก สมโภชน์ สัมพันธ์ สุธี สุรินทร์ สุรพล สุรชัย หัตถชัยและอนุชา พวกเรามีโอกาสได้พักหอพักของสถาบันเพียงสองปีเท่านั้น เนื่องจากอาคารเรียนไม่เพียงพอ ทางสถาบันจึงต้องยุบหอพัก เพื่อมาปรับปรุงเป็นอาคารเรียนแทน และ…นักศึกษาที่เป็นรุ่นน้องของผม ตั้งแต่รุ่นถัดมานี้ จึงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศการได้พักหอพักประจำ ที่มีอรรถรสมากมายเกินจะบรรยาย
*****************************
รุ่นน้องของผมหนึ่งรุ่น ที่เป็นเด็กจากจังหวัดสุพรรณบุรีที่มาเรียนที่เกษตรเจ้าคุณทหาร มีเกือบ 10 คน ทุกคนมาเช่าบ้านริมน้ำเยื้องคณะสถาปัตยกรรมระหว่างการรับน้องใหม่ ในฐานะที่ผมเป็นรุ่นพี่ จึงไปเยี่ยมรุ่นน้องๆ และถือโอกาสทำ ความรู้จักเพื่อสร้างคุ้นเคยสนิทสนม จากที่สอบถามทุกคนมาจากอำเภอต่างๆในจังหวัดสุพรรณบุรีอาทิ อำเภอสามชุก ดอนเจดีย์ บางปลาม้าและ ศรีประจันต์ สี่คนที่มาจากจังหวัดสุพรรณ ที่มีความกล้าและสามารถโต้ตอบกับรุ่นพี่ได้ มีสมบูรณ์ สมโภชน์ ปรีชา และศักดา สมโภชน์มีบุคลิกที่สะดุดตากว่าใครๆ เพราะเป็นคนผิวคล้ำ เตี้ย ใบหน้ามีสิวมาก เขาเป็นเด็กขยันเรียนและหัวดีกว่าเพื่อนๆทุกคน โดยเรียนได้เกรดมากกว่า 3.5 ทุกเทอม ******************* ***********
ช่วงที่ผมเรียนปวช.จบแล้ว ได้สมัครสอบเข้าเรียนในระดับปวส. แต่ไม่มีรายชื่อว่าสอบเข้าเรียนในระดับ ปวส.ได้ ซึ่งทำให้ผมค่อนข้างผิดหวังทั้งๆที่ผมไม่ได้มีความประพฤติเกเร นี่จึงทำให้ผมต้องเสียเวลาไปหนึ่งปีเพื่อไปทำงานสหกรณ์ฯ จึงเป็นที่มาว่า ผมต้องมาเรียนกับรุ่น(น้อง) รุ่นของสมบูรณ์และสมโภชน์ ในปีแรกที่นักศึกษาเรียนในระดับปวส. จะยังไม่มีการแยกสาขาเป็นสาขาพืชศาสตร์และสัตวศาสตร์ จนกว่าจะขึ้นปี 2 จึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาเลือกเรียนตามความสมัครใจ ระหว่างการเรียนปีแรก ผมจำต้องพึ่งพารุ่นน้องทั้งสองคนคือ สมบูรณ์กับสมโภชน์โดยเวลามีการสอบเก็บคะแนนย่อย เวลาสอบกลางภาค ปลายภาค ผมจะนั่งกลางโดยมีรุ่นน้องทั้งสองคนนั่งทั้งด้านซ้ายและขวามือของผม หลังจากที่ผมได้รับบทเรียนที่โดนอาจารย์ประจำวิชาใช้กลลวงหลอกผม จากนั้นมา..ผมจึงต้องพึ่งพาตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งรุ่นน้องอีกต่อไป
ช่วงหลังที่กระทรวงศึกษามีนโยบายที่จะงดรับสมัครนักศึกษาระดับปวช. แต่มาเพิ่มการเปิดรับระดับปวส. ให้มีจำนวนมากขึ้นอีกเท่าตัวนักศึกษาในรุ่นที่ผมมาเรียนกับน้องๆจึงมีจำนวนเกือบ 200 คน นักศึกษาหญิงในรุ่นนี้มีประมาณ 30 คนที่เหลือเป็นชา อัตราส่วนชาย15 คนต่อสตรี 1 คนด้วยที่พวกเราอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่ต้องมีความสนใจและมีความเสน่หากับเพศตรงข้ามจึงทำให้เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันหลายสิบคู่เทียวไปเทียวมาเพื่อตามจีบกัน ดังเช่นคู่ของ สมโภชน์ กับวารี
วารี เป็นรุ่นน้องที่จบปวช. มาจากวิทยาลัยเกษตรกรรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดภาคกลางใกล้กับกรุงเทพมหานคร เธอมีรูปร่างสมส่วน เพรียวดังกับนางแบบ ตาคมเข้มเหมือนคนจากปักษ์ใต้ แต่มิได้มีถิ่นฐานที่นั่นแต่ประการใด ในปีแรกที่ผมเรียนกับรุ่นน้องกลุ่มนี้ ในฐานะที่เป็นทั้งรุ่นพี่ และเพื่อนร่วมรุ่นในการเรียนด้วย จึงมีความสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว วารี เป็นคนสุภาพ เรียบร้อย ยิ้มง่ายพักที่หอพักสตรีที่ได้มาตรฐานที่อยู่ใกล้สถาบัน เธอมีจักรยานประจำตัว เพื่อขี่มาเรียนที่อาคารเรียนที่มีระยะทางห่างจากหอพัก 350 เมตร
ระหว่างที่ผมเป็นผู้ริเริ่มเปิดชมรมดนตรีไทย ได้ประกาศรับสมัครผู้สนใจและรับสมัครสมาชิกที่จะเล่นดนตรีไทย วารีเป็นหนึ่งในสามสิบคนที่ได้มาสมัครเข้าเป็นสมาชิกชมรมดนตรีไทย
“หมดเขตรับสมัคร สมาชิกแล้วหรือยังคะ พี่ ” วารีถาม
ณ เวลานั้นวารี ได้เดินมาหาผมที่ห้องเรียนรวม ซึ่งเธอก็ต้องเข้ามานั่งเรียนด้วย
“สิ้นเดือน น่ะ ” ผมตอบ
“หนูขอร่วมลงชื่อและสมัครเป็นสมาชิกด้วยคนนึง นะคะ” วารีพูด
“ไว้เดี๋ยว พี่เอาใบสมัครมาให้วันพรุ่งนี้นะ ”
“ค่ะ พี่”
“ดีเลย ปกติทุกวันอังคารและวันศุกร์ คณะอาจารย์จะมาร่วมซ้อมดนตรีที่ห้องชมรม หากวารีจะมาร่วมเล่นด้วยกันเลยก็ได้”
“พี่ขลุ่ยเล่น ดนตรี ชิ้นไหนหรือคะ”
“จะเข้ น่ะ ช่วงที่ทำงาน แปดริ้ว ได้ไปเรียนเล่นจะเข้ หกเดือนกว่า พอเล่นได้ สักประมาณสิบกว่า เพลงเอง
”หนูก็ประมาณนั้น ค่ะ"
******************
ทุกวันอังคารและวันศุกร์ เมื่อมีการซ้อมเล่นดนตรีไทย ผมจะเห็นสมโภชน์ มายืนรอชมการฝึกซ้อมของวารี เป็นเพราะเขามีชื่นชอบเพื่อนร่วมรุ่นนั่นเอง การฝึกซ้อมดนตรีไทยมีอาจารย์ พนักงานและนักการภารโรงที่ชื่นชอบดนตรีแนวนี้มาร่วมฝีกซ้อมร่วมวงอย่างจริงจัง ตั้งแต่เวลา 18.00 น.จนถึงสามทุ่ม
“วารี มีคนมาให้กำลังใจทุกวันเลย เหรอเนี่ย ” ผมหยอกเอิน ผู้ร่วมซ้อมดนตรีที่เป็นรุ่นน้อง
“หนูไม่ทราบ เข้าใจว่า เขาคงมาดูอาจารย์ ฝึกซ้อมดนตรีมากกว่านะ ” สารีตอบ
“สายตา เขาจ้องมอง มาที่วารีตลอดเวลา เลยนี่ ”ผมพูด
วารี เขินๆ พร้อมก้มหน้าลง พร้อมขยับมือกดที่เส้นซอให้เป็นเพลง หลังจากฝึกซ้อมจนจบเพลงสุดท้าย ผมเก็บเครื่องเล่นดนตรีเข้าตู้เหล็ก พลางสังเกต หนุ่มผิวคล้ำ ศีรษะเถิก ร่างเตี้ยคนนี้ กำลังคุยกับวารี ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ผมคาดเดาน่าจะเป็นความจริง สมโภชน์คงต้องชอบวารีอย่างแน่นอน หากจะเปรียบเทียบคนทั้งสอง คงไม่ต่างจากจรกากับบุษบาไม่มีผิด
“เดี๋ยวเราเดินไปส่งเธอที่หอพักนะ ” สมโภชน์ พูด
“ไม่เป็นไร เรากลับเองได้” วารีพูด
คนทั้งสอง พูดไม่ห่างจากผมมากนัก จึงได้ยินทุกถ้อยคำ เดิมทีเดียวแล้ววารีก็อยู่ในสายตาของผมเช่นกัน เพราะผมชอบนิสัยคนที่เรียบร้อย และยิ่งมามีรสนิยมตรงกันในการเล่นดนตรีไทยอีก แต่เมื่อเห็นสมโภชน์ ซึ่งรุ่นน้อง ที่เคยมีน้ำใจแก่ผมในช่วงระหว่างการสอบ จึงไม่อยากให้เขาต้องมาเป็นทุกข์ใจที่จะต้องมีคู่แข่งขันในสนามความรัก ในใจจึงอยากสนับสนุนให้คนทั้งสองมีความรักกันอย่างแท้จริง
“ไม่รู้ไอ้โภชน์ จะเป็นเสมือนหมาเห่าเครื่องบินหรือเปล่าก็ไม่รู้ สิ ” เสียงซุบซิบจากเพื่อนๆ ร่วมรุ่น
“ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก โว้ยไอ้โภชน์ ” เพื่อนสนิท ให้ข้อแนะนำ
ทั้งคู่เริ่มมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น ทุกครั้งที่วารีมาฝึกซ้อมดนตรี สมโภชน์จะไปนั่งเฝ้าตลอด จนใครๆ ก็ทราบว่าคู่นี้เริ่มจะมีแนวโน้มที่จะเป็นคู่รักกันแล้ว ผมได้คุยกับวารีว่าจะลองทดสอบว่าสมโภชน์มีความชื่นชอบมีความรักกับวารีมากน้อยแค่ไหน ค่ำวันหนึ่งก่อนที่สมโภชน์จะมารับ ผมได้เดินมาส่งวารีที่หอ แต่เดินมาได้ไม่ถึง 30 เมตร สมโภชน์ก็มาพบผมกับวารี ที่กำลังคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุขทำให้สมโภชน์แสดงอาการหึงอย่างชัดเจน
“พี่ขลุ่ย ทำอย่างนี้ได้ไง วารีกับผมเป็นแฟนกัน พี่ก็ทราบอยู่นี่” สมโภชน์พูด
“ไม่มีอะไรกัน นะ ก็นึกว่าโภชน์ไม่ว่างวันนี้ ก็เลยชวนวารีเดินมาพลางๆก่อนไง”
“ผมรู้หน้าที่ผม น่ะพี่ บังเอิญรถยางแบน ผมมัวเติมลมอยู่ เลยมาช้า” สมโภชน์ พูด
คำพูดของเขาขึงขึงและเอาจริงเอาจังจนวารีก็งุนงงไปเช่นกัน
“ขึ้นรถ เร็ว” สมโภชน์ พูดดัง เขาเรียกให้วารีขั้นรถจักรยาน ครู่ต่อมา รถจักรยานคันนั้นก็บึ่งลับตาไป
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา สมโภชน์ ค่อนข้างจะเคืองและไม่ชอบขี้หน้าผม สิ่งที่เขาเคยช่วยเหลือผมเรื่องการติว เรื่องการให้ดูข้อสอบในห้องสอบ จึงต้องถูกตัดสิทธิลงอย่างถาวร ผมกับเขาจึงเป็นขมิ้นกับปูนและเดินไปในแนวทางเส้นขนานตลอดมา
*******************************
หลังจากวารีเรียนจบปวส.แล้ว เธอโชคดีที่สถาบันฯเปิดรับสมัครงานในตำแหน่ง ครู และอาจารย์ที่เป็นกรรมการ รับสมัครสอบซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักดนตรีไทยยินดีรับเธอเข้ามาเป็นครู สำหรับสมโภชน์ได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรีหลักสูตรสองปี เมื่อเรียบจบได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ก็ได้เป็นอาจารย์สอนที่เดียวกันกับวารี ต่อมาทั้งคู่จึงสมรสและมีบุตรด้วยกันสองคน คือเป็นชายหนึ่ง และหญิงหนึ่ง ทั้งคู่เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่นในระยะแรกๆ หลังจากเขาบรรจุเป็นอาจารย์สอนได้ในระยะหนึ่ง ก็ได้ลาไปศึกษาต่อจนจบปริญญาโทและเอก
ช่วงที่ผมมาบรรจุเป็นอาจารย์สอนที่ลำปาง ได้ติดตามข่าวสาร ของสมโภชน์ ทราบข่าวว่า เขาเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่มีอาจารย์ในคณะหนุนและสนับสนุนให้เขาได้รับโอกาสเป็นคณบดี ในฐานะผมเป็นรุ่นพี่และเป็นศิษย์เก่าที่เคยเรียนร่วมกับเขามา ย่อมต้องการเห็นเขามีโอกาสมีตำแหน่งทางการบริหารในคณะที่เขาเคยร่ำเรียนมาตั้งแต่ปีแรกจนจบปริญญาตรี ซึ่งเขาน่าจะเห็นข้อดี -ข้อด้อย ที่จะนำมาใช้วางแผนและพัฒนาสถานศึกษาของเขาเองให้พัฒนาทัดเทียมกับคณะต่างๆ ของสถาบัน
ครั้งที่ผมลงไปเยี่ยมบ้านที่กรุงเทพ ได้พบกับเพื่อนโดยบังเอิญที่สถานีรถไฟหัวลำโพง จึงได้คุยกันถึงเรื่องความเคลื่อนไหวของสถานศึกษาที่เคยเรียน
“ครั้งนี้ไอ้โภชน์ มันสมัครตำแหน่งคณบดี ลงแข่งกับอาจารย์สุนทร ด้วย” ไอ้ม้า พูด
ม้า เรียนรุ่นเดียวกับผมและเป็นรุ่นพี่ของสมโภชน์หนึ่งปี ทั้งคู่จบได้เกียรตินิยม จึงได้รับโอกาสเป็นอาจารย์สอนที่นี่ เมื่อทั้งคู่เป็นข้าราชการในที่เดียวกัน จึงต้องกลายมาเป็นคู่แข่งขันช่วงชิงตำแหน่งบริหารของคณะ เวลานั้นไอ้ม้า อยู่ในทีมผู้ลงสมัครแข่งขันในทีมของอาจารย์สุนทร และหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ทีมของสมโภชน์ก็ชนะทีมของอาจารย์สุนทร ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ที่เคยสอนเขามา
นี่คือการเริ่มต้นของนักบริหารของคนรุ่นใหม่ ที่ชื่อรองศาสตราจารย์สมโภชน์ เมื่อเขารับตำแหน่งคณบดีแล้ว หัวโขนที่สวมลงบนศีรษะก็ทำให้เขาเหลิงในอำนาจ จากที่เคยเป็นคนสุภาพก็เปลี่ยนเป็นคนลุแก่อำนาจ พูดจาก้าวร้าวกับเพื่อนร่วมงานกับอาจารย์ที่เคยสอนเขามา ภายในคณะมีความขัดแย้งและตกต่ำอย่างที่ไม่เคยปรากฎ ผมทราบข่าวนี้จากอาจารย์ท่านหนึ่งที่มาตรวจเยี่ยมการฝึกงานของนักศึกษาที่จังหวัดลำปาง
“ไม่ไหวเลย รุ่นน้องของเธอ ช่างบ้าอำนาจ ไม่เห็นหัวเห็นเงา ครูบาอาจารย์ที่เคยสอนมา” อาจารย์ มยุรี พูด
“ผมพอจะทราบข่าวจากไอ้ม้า ครับ เขาเคยพูดให้ผมฟัง” ผมพูด
อาจารย์มยุรี เป็นอาจารย์สอนผมและสมโภชน์ ในวิชาภาษาไทย ท่านเป็นคนธรรมะธรรมโม และใฝ่ทางด้านศาสนาอย่างจริงจัง ท่านคงน่าจะเหลืออดที่จะเห็นลูกศิษย์กระทำเช่นนั้นไม่ได้
“นี่เขายังเที่ยวหึงหวง ถึงกับเตะต่อยทุบตีภริยา จนเป็นแผลไปทั้งกาย ครูรู้สึกสงสารวารีมาก ” อาจารย์มยุรี พูด
“สมโภชน์ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนันนี่ครับ เขาเป็นคนดี ที่ผมเคยชื่นชมอย่างมาก สมัยเรียน”
“ใช่ แต่ครูก็ไม่ทราบว่า เขาหึงหวงภริยาได้อย่างไร นี่ไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียวนะ คราใด ที่เขาหงุดหงิดจากงาน แล้ววารีพูดไม่เข้าหู วารีก็จะกลายเป็นกระสอบทรายเสมอ” อาจารย์มยุรีพูด
“ผมสงสารรุ่นน้อง คนนี้มากเลย ” ผมพูด
“เมื่อก่อนตอนซ้อมดนตรีไทยที่ ครูไปซ้อมด้วย เห็นขลุ่ยมองๆ วารีนี่”
“ครับ ผมชอบที่วารีเป็นคนเรียบร้อย แต่พอเห็นสมโภชน์ตามจีบ ผมจึงยอมสละสิทธิ เพราะมองเห็นว่าคู่นี้เขามีความเหมาะสมกว่าผมมาก ผมครบเครื่องเรื่องอบายมุข รู้ตัวดีครับ”
“แต่เธอก็ไม่ได้เลวร้าย เกเร กับใครนี่ ทั้งยังช่วยงานร้านสวัสดิการ งานส่วนรวมของสถาบัน ครูก็เห็นมาตลอด”
“ผมรับไม่ได้เลยครับ อาจารย์นายสมโภชน์ ว่าไป..ก็สงสารวารีครับ ผมไม่คิดเลยว่า ไอ้โภชน์จะเป็นคนสันดานดิบเช่นนี้”
“จะเอาแน่อะไรล่ะ กับคน”
หลังจากคุยกับอาจารย์ มยุรี ในการพบปะทานอาหารมิ้อเย็นในคืนนั้น ผมจึงได้รับข้อมูลจริง ที่สอดคล้องกับลูกศิษย์ของผมที่เคยเรียนกับสมโภชน์มาก่อน
“ไม่อยากเชื่อเลย ว่าไอ้โภชน์ จะเป็นคนเช่นนี้ ”ผมคิด
*****************************
งานสถาปนาคณะเทคโนโลยี ในอดีต. ผมมีโอกาสกลับไปร่วมพบปะกับรุ่นพี่ เพื่อนๆและรุ่นน้อง ผมพบสมโภชน์กับวารี ที่เดินมาร่วมงานวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์
“สวัสดีค่ะพี่ขลุ่ย ”วารียกมือไหว้ ทักทายผมแต่สมโภชน์กลับนิ่งเงียบ ไม่พูดจาใดๆ เขามองผมดังกับคนไม่รู้จักกัน เวลานั้น เขาไม่มีตำแหน่งใดๆแล้ว เพราะพฤติกรรมที่เขาเคยกระทำกับเพื่อนร่วมงานไว้
วารีที่เคยมีใบหน้า ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ครั้งนี้เธอมีสีหน้าแผงความเศร้า รอยยิ้มที่เห็น ที่มีอยู่เป็นการกลบเกลื่อนอะไรในใจอย่างแน่นอน ในสมองผมครุ่นคิดภาพเก่าๆที่สมโภชน์ มารอมานั่งเฝ้าการซ้อมดนตรีอย่างอดทน จนอาจารย์ที่เห็นเขา เห็นใจและอยากให้ลูกศิษย์ทั้งคู่ เป็นคู่รักกันชั่วนิรันดร์ ผมมิได้โกรธสมโภชน์ ในใจยังนึกว่า สักวันเขาคงสำนึกในความดีของภริยาที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดเวลา ไม่ว่ายามเหนื่อย ยามทุกข์ใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอสองสามีภริยา หลังจากที่เราต่างมีหน้าที่การงานแล้ว
“ไอ้โภชน์ นิสัย เปลี่ยนแปลง จากหน้ามือเป็นหลังมือเลย ”
เสียงลือ จากเพื่อนๆ และรุ่นน้องๆของผมที่กล่าวถึงเขา
********************************
หลังจากที่ สมโภชน์ได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศจนมีวุฒิ Ph.D และได้มีโอกาสลงสมัครแข่งขันตำแหน่งคณบดีอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้คะแนนการหยั่งเสียงเหนือกว่าคู่แข่งมากมายแต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรเมื่อนายกฯสภาและคณะกรรมการ สภากลับมิได้นำชื่อเขาพิจารณาเป็นคณบดี จึงเกิดการฟ้องร้องไปยังศาลไม่ทันที่จะได้ทราบผล เขาก็มาล้มป่วยด้วยเส้นโลหิตในสมอง ต้องทำการรักษา วารีได้ดูแล สามีอย่างดียิ่ง จนเธอผ่ายผอม สมโภชน์ คงทราบชะตากรรมของตนดี ว่าคงจะอยู่มีชีวิตได้อีกไม่นาน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พวกเราศิษย์เก่าได้จัดงานมุทิตาจิตให้อาจารย์ที่มีอายุสูงวัยที่สวนอาหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดนครราชสีมา ผมได้พบกับสมโภชน์ วันนี้ เขามาในสภาพต้องนั่งรถล้อเข็น มีเพื่อนร่วมรุ่นช่วยกันเข็นล้อให้ มีภริยาเคียงข้างไม่ห่าง
“สวัสดีครับพี่ขลุ่ย ” สมโภชน์ ทักทายผมเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้ผมงุนงงอยู่บ้าง จริงๆ แล้วผมมิเคยเคืองโกรธเขาเลย ยิ่งมาเห็นเขาอยู่ในสภาพเจ็บป่วยเช่นนี้ จึงนึกเห็นใจ ที่เขายังอุตส่าห์ เดินทางมาร่วมงานครั้งนี้
“ดีขึ้นบ้าง แล้วนะ ” ผมสอบถามอาการ
“ครับพี่ พี่ทำงานที่ไหนเหรอ ”
“อยุู่ลำปาง มีโอกาสมาเที่ยวทางเหนือ บ้างนะ พี่ยินดีต้อนรับเสมอ ”
“ขอบคุณครับพี่ คงมีโอกาสครับ”
ผมยืนคุยกับเขา สักห้านาทีแล้วขอตัวมาเป็นช่างภาพ ช่วงงานภาคค่ำ ตั้งใจจะไปนั่งคุยกับเขาเพื่อปรับความเข้าใจกันในบางเรื่องที่มีมาแต่ครั้งในอดีต แต่ด้วยต้องมีภาระหน้าที่เป็นพิธีกรและจัดคิวการแสดงบนเวที โอกาสที่จะไปนั่งคุยกับเขาจึงพลาดโอกาสไป หลังจากเสร็จจากงานมุทิตาผ่านพ้นไปสามเดือน จึงทราบข่าวว่าสมโภชน์ได้เสียชีวิตลงแล้ว
“พี่ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ วารี หมดเวรหมดกรรมเสียที ” ผมพูดทางโทรศัพท์ บอกวารี
“ค่ะ”
“พี่คงไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ เป็นเพราะระยะทาง และการเดินทางค่อนข้างยากลำบาก” ผมพูด
“ ไม่เป็นไร ค่ะ พี่”
“สู้ๆ นะ ”
ผมนึกภาพ อีกครั้ง…สาวสวยตาคม ที่มีจิตใจเยือกเย็น ที่ต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ ในเวลาต่อมา …คิดว่าคงไม่ยากเกินความสามารถของเธอไปได้ ภาพที่ผมจินตนาการที่วารี ถูกสามีซ้อม มันช่างเป็นภาพที่บาดตา บาดใจยิ่ง
“ เสียดาย คนอย่างมึงว่ะไอ้โภชน์ ที่มีความรู้ มีตำแหน่ง แต่ใจมึงนี่ แม่ง ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด” ผมพูดคนเดียว
ผลจากการเลือกคู่ชีวิตผิด มันทำให้วารี ต้องทนทุกข์ทรมานไปจนกว่าอีกฝ่ายต้องจากไป
สิ้นเคราะห์ เสียที น้องสาวร่วมสถาบัน
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๒๒-๓-๖๗ )
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น