บั้นปลายของคนลืมตัว - บั้นปลายของคนลืมตัว นิยาย บั้นปลายของคนลืมตัว : Dek-D.com - Writer

    บั้นปลายของคนลืมตัว

    เขาไต่เต้าชีวิคราชการจากตำแหน่งครู จนขึ้นมาสู่คำแหน่งรองคณบดี โดยการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่เคยเป็นอาจารย์สอนมาก่อน ปัจจุบัน .เสมือนคนไร้คุณค่า

    ผู้เข้าชมรวม

    162

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    162

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ก.พ. 67 / 04:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                บั้นปลายของคนลืมตัว

                 บทบาทของตัวละครแห่งชีวิตจริง  บางที.บางครั้งของ เอาแน่…เอานอนไม่ได้  ดังกรณีของอาจารย์ไชยา อาจารย์สาขาช่างยนต์ที่มาบรรจุเป็นข้าราชการตั้งแต่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ  เขาเพิ่งเรียบจบเพียงแค่ระดับ ปวส.เท่านั้น แต่จังหวะและโอกาสของเขามีมากกว่าเพื่อนๆร่วมรุ่นที่เรียนด้วยกันมาหลังจากที่อาจารย์ไชยา ได้รายงานตัวเป็นข้าราช -การแล้ว  แผนกอาคารสถานที่ได้ให้เขามาพักกับผม จากนั้นอาจารย์ไชยาจึงเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ภายในบ้านเดียวกันกับผมสองปี  

        อีกสองเดือนต่อมา  แสงหล้า ซึ่งเป็นแฟนของอาจารย์.ไชยา ถือโอกาสมาเที่ยวจังหวัดลำปาง เธอได้มาปักหลักพักค้างที่บ้านที่ผมอยู่หลายเดือนๆ หลังจากที่แสงหล้าเรียนจบแล้ว เธอจึงได้กินอยู่กับอาจารย์ไชยาแบบครอบครัว  ทั้งได้เข้ามาพักที่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ก่อน ตัวเธอได้แสดงตนเป็นเจ้าของบ้านอย่างชัดแจ้ง จากการที่ผมเป็นเจ้าบ้านตัวจริง โดยมี ชื่อในทะเบียนบ้านอย่างถูกต้องและมีหลักฐานยืนยัน เพราะต้องถูกหักค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาจากแผนกการเงิน  ทุกเดือน แต่ตนเองต้องกลับมามีสถานะเป็นผู้อาศัยอยู่ จึงจำเป็นต้องรักษาสิทธิ  ผมจึงต้องแสดงสิทธิตนอย่างเป็นทางการโดยอ้างว่า ผมกำลังจะมีครอบครัว และจะขอใช้สิทธิ์เข้าพักบ้านหลังนี้แบบครอบครัว  ในที่สุด อาจารย์ไชยาและแสงหล้าจึงต้องเป็นฝ่ายย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปอยู่ที่แห่งใหม่

       ช่วงที่เขามาพักกับผมในระยะแรก ผมได้อำนวยความสะดวกให้กับอาจารย์.ไชยาเกือบทุกอย่าง อาทิ ให้ใช้เครื่องครัว ผมต้องจ่ายค่าไฟฟ้าน้ำประปาให้ เกือบปีที่อาจารย์ไชยาได้พักร่วมบ้านเดียวกันกับผมไม่เคยมีปัญหาใดๆเลย แต่พอแสงหล้า ภริยาของเขาได้เข้ามาพักด้วย ท่าทีของไชยาก็เปลี่ยนแปลงไป โดยหลงภริยาเสียจนหัวปักหัวปำ  ความเป็นคนอ่อนน้อมกลายเป็นแข็งข้อ  

                                 ********************************

        ณ. เวลานั้น มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพอดี อ.ไชยาซึ่งมีบ้านพักติดกับผู้บริหาร ได้อาสาตัวเข้าไปรับใช้เจ้านาย  นับแต่การล้างรถให้ ขับรถไปรับบุตรและภริยาของผู้บริหารในเมือง ยินยอมที่จะรับซื้อรถมือสองจากผู้บริหาร เนื่องจากผู้บริหารต้องการเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ไว้ใช้งาน

        “ผมขายให้คุณแค่เจ็ดหมื่นบาท ในราคามิตรภาพ นี่รถจากยุโรปเชียวนะ  ”  ผู้อำนวยการพูด

      “ห้าหมื่นก็แล้วกัน ครับ ผมเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย  นี่เพราะเป็นเจ้านายผมหรอก  ผมจึงซื้อ  จริงๆ ผมกำลังจะไปหารถมือสองในเมืองอยู่เหมือนกัน ” อาจารย์ไชยาพูดต่อรอง โดยมีภริยาของเขายืนอยู่ด้วย

      “ห้าหมื่น ก็แล้วกันนะคุณนาย” แสงหล้าพูดอ้อนภริยาผู้อำนวยการ 

      “ว่าไง..คุณ  ” ภริยาผู้อำนวยการพูดถามสามีของเธอ

     “ก็ได้ … ห้าหมื่น ก็ห้าหมื่น   นี่เห็นเป็นลูกน้องและยังมีบ้านใกล้กันอีกด้วย แล้วค่อยคุยกันในรายละเอียดว่า จะจ่ายเงินรายเดือนให้ผม เดือนละเท่าไร”  ผู้อำนวยการ พูด

     “ขอบคุณค่ะ ”  แสงหล้าพูด  

      สองสามี-ภริยา ดีใจจนเนื้อเต้น เขาใฝ่ฝันจะได้รถยนต์จากยุโรปเป็นของตนเองมานานแล้ว เป็นเพราะว่าการมียานพาหนะเป็นของตนเอง จะทำให้สะดวกในการเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามความต้องการ

                                       **************************

              หลังการสมรส เธอยังไม่มีงานทำ เป็นแค่เพียงแม่บ้านดูแลให้สามี-และลูก  แสงหล้า ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ของตน เป็นวรรณวิษา  ครอบครัวนี้ มีความใกล้ชิดกับผู้บริหารที่มีอำนาจในขณะนั้นมาก  วรรณวิษาจึงได้มีโอกาสทำงานในอัตราลูกจ้างชั่วคราวในตำแหน่งเจ้าหน้าที่เดินเอกสาร (อ่านเรื่องปลาร้าไม่ใส่ ประกอบ)อาจารย์ ไชยาได้ทำหน้าที่รับใช้ผู้บริหารอย่างแข็งขัน อย่างออกหน้าออกตาไม่แคร์ว่าอาจารย์คนใดจะมองจะนินทาเขา เป็นคนอย่างไร     

           อาจารย์ไชยากับวรรณวิษามีบุตรด้วยกันสองคน คนทั้งสองแทบจะไม่ได้ห่างหายจากกันเลย ทั้งคู่มักไปไหนมาไหนพร้อมบุตรด้วยกันตลอดเวลา อาจารย์ไชยาจัดเป็นคนหนุ่มที่แทบจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับโลกมายาในช่วงครั้งยังเป็นวัยรุ่นมากนัก เขาพบรักกับแสงหล้านักศึกษารุ่นน้องที่เรียนสายช่างมาด้วยกันก็เกิดถูกชะตานำพาสู่ความรักจนมีบุตร ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงวัยเบญจเพส อาจารย์ที่ทำงานในสถาบันแห่งนี้ ซึ่งมีวัยสูงกว่าเขาส่วนใหญ่ยังครองสถานะโสดเกิน  70 เปอร์ เซ็นต์   หากจะว่าไป เขากับภริยาเสมือนชิงสุกก่อนห่าม. การมารับราชการแม้รายได้จะไม่สูงมากนัก แต่ดีที่ยังมีสวัสดิการที่ดี คือคนใดที่มีครอบครัวแล้วจะได้สิทธิครอบครองได้อยู่บ้านพักเป็นหลัง  ต่างกับอาจารย์ที่มีสถานะโสด จะได้พักอยู่รวมๆกันอย่างน้อยสองคนต่อบ้านหนึ่งหลัง 

        เพื่อความก้าวหน้าของบุคลากรในที่ทำงาน และทางสาขาช่างยนต์ กำลังมีโครงการที่จะเปิดสอนในระดับปริญญาตรีขึ้น ดังนั้นอาจารย์ที่มีวุฒิยังไม่ถึงระดับปริญญาตรี จึงจำเป็นต้องลาไปศึกษาต่อเพื่อเพิ่มคุณวุฒิ  อาจารย์ไชยาได้สิทธิลาศึกษาต่อ เขาได้กลับไปเรียนที่สถาบันเดิมที่เคยเรียนจบมาก่อน ณ. ที่จังหวัดใหญ่แห่งหนึ่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เวลาในการศึกษาตามเกณฑ์ที่กำหนดของหลักสูตรคือสองปี ระหว่างการศึกษาที่ต่างจังหวัด ในภาคอิสาน ต้องไปๆมาๆเฉลี่ยอย่างน้อยเดือนละครั้ง การที่แสงหล้ามีงานทำแล้ว จึงช่วยแบ่งเบาภาระได้มาก เขาพยายามผ่อนส่ง รถยนต์ที่ซื้อจากผู้อำนวยการ จนปลอดหนี้ได้ในที่สุด

       “เหลืออีกปีเดียว ก็จะใช้หนี้ครบแล้ว  ”อาจารย์ไชยา พูดกับภริยา  

      ส่วนใหญ่คนจากภาคอิสาน จะมีชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่าย  สองสามี-ภรยาคู่นี้ ช่วยกันปลูกผักสวนครัวรอบๆบ้าน  มีมะละกอ กล้วย ผักบุ้ง คะน้า  พริก ข่า  กะเพรา ตะไคร้  มะนาว  ก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อวัตถุดิบเพื่อมาทำอาหารได้ไม่น้อย วรรณวิษา เป็นคนที่เข้ากับคนง่าย เธอเป็นคนปากหวาน ช่างเอาอกเอาใจเพื่อนๆ ร่วมงานของสามี จนเป็นที่รักของคณาจารย์ในสถาบัน   

      “ฝาก…ขนม ไปให้หลานด้วย นะ” อาจารย์ภายในที่ทำงานด้วยกันเอ่ยปาก  

      เวลานั้นอาจารย์ที่มีวุฒิเพียงระดับชั้นปวส.มีเพียง 5 คน ถือว่าเป็นอาจารย์ที่มีคุณวุฒิต่ำที่สุดของข้าราชการครู ผู้บริหาร พยายามผลักดันให้บุคคลเหล่านั้นได้ไปศึกษาต่อ ระหว่างที่อาจารย์ไชยาลาศึกษาต่อ  เขาได้เรียนวิชาหนึ่งกับผู้อำนวยการที่ชื่อยงยุทธ จนมีความสนิทสนมและเป็นที่รักของผู้อำนวยการคนนั้น   

      “เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ทำเรื่องขอเรียนต่อปริญญาโทเลยสิ เดี๋ยวผมจะวิ่งเต้นช่วยเหลือให้ ” ผู้อำนวยการยงยุทธพูด

      "ครับ ผมก็อยากเรียนต่อรวดเดียวไปเลยแต่เกรงว่า ผอ.ประชัน เจ้านายในที่ทำงานที่ลำปางของผมเขาอาจจะไม่ยินยอมอนุญาตให้น่ะครับ เพราะผมยังไม่ได้ทำงานชดใช้การลามาเรียนต่อระดับปริญญาตรีเลย"  อาจารย์ไชยาพูด

      “เอาน่า ผมกับ ผอ.ประชัน สนิทกันดี เรื่องนี้ เดี๋ยวผมจะคุยและเป็นธุระให้เอง” ผอ .ยงยุทธ พูด

     เป็นความโชคดีที่ผู้ใหญ่ระดับผู้อำนวยการในสังกัดกรมเดียวกัน คุยกัน ทำให้อาจารย์ไชยา ได้เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ขอนแก่นในสาขาอุตสาหการ ระหว่างการเรียนที่มหาวิทยาลัย เขากับภริยา เริ่มห่างเหินกันมากขึ้น  ช่วงหนึ่งที่เขากลับมาเยี่ยมภริยาในช่วงปิดเทอมของเทอมแรกของการเรียนระดับปริญญาโท  ผมได้ยินสองสามี-ภริยาคุยกันที่ห้องธุรการ เป็นเพราะเขามีเรื่องต้องมาติดต่องานเรื่องการทำสัญญาเพิ่มเติมในการลาศึกษาต่อ 

    “ผมต้องเรียนหนักนะ ยังไง นานๆ จึงจะได้กลับมาเยี่ยมลูก-เมียสักครั้ง”อาจารย์ไชยาพูด

    “ฉันเข้าใจ ยังไง.. ก็ตั้งใจเล่าเรียนให้จบมาก็แล้วกัน ฉันจะเป็นกำลังใจให้เธอเสมอ”  วรรณวิษา พูด พร้อมยิ้มให้สามี

            ทั้งคู่ยังไม่มีท่าทีว่าจะเหินห่าง ความหวานในความรักยังเหมือนเดิม ทั้งคู่ยังเดินควงแขน ยังกับวัยรุ่นทั้งๆที่ลูกชายของเขากำลังเรียนชั้นมัธยมแล้ว  

     “ฉันคิดว่า ช่วงที่คุณไปเรียน อยากจะชวนแม่ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย” วรรณวิษา บอกกับสามี

     “ก็ดี นี่ จะได้ไม่เหงาไง ”อาจารย์ไชยาพูด

         วรรณวิษา เป็นคนที่รักสวยรักงาม เมื่อมีอาจารย์ผู้หญิงภายในสถาบันที่ชอบการแต่งเนื้อแต่งตัว ทำให้เธอต้องเป็นคนล้ำยุค ในด้านแฟชั่นตั้งแต่เรือนผม เสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับต่างๆตามไปด้วย   ทุกๆเช้าผมและเพื่อนๆร่วมงานมักจะ เห็นสตรีสี่ห้าคน มายืนคุยมาอวดชุดที่เธอไปตัด ไปซื้อมาใหม่ๆซึ่งว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้แปลกอะไรกับสตรีทั่วไป

    “ไงจ๊ะ ษา ระยะหลังมานี้ สามี ไม่ได้กับมาเยี่ยมลูกเมียบ้างเลยหรือ” เพื่อนร่วมงานทักทาย 

    “ตั้งแต่มา ตอนช่วงปิดเทอมที่แล้ว ระยะหลังก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย จ้ะ” วรรณวิษา พูด

    “ระวังเถอะ อาจารย์ไชยาห่างเมีย  ได้กลิ่นใหม่อาจหลงเสน่ห์มายาหญฺิงก็ได้” เพื่อนร่วมงานพูด

    “ไม่มีทาง ฉันรู้นิสัยของสามี ..ดี  ” วรรณวิษา พูด

    “เธอมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ ” เพื่อนร่วมงานพูด

    “มั่นใจสิจ๊ะ”  วรรณวิษาพูด 

                                              ***********************************

      หลังจากที่อาจารย์ ไชยา สำเร็จการศึกษาระดับมหาบัณฑิตแล้ว  เมื่อเขากลับเข้ามาทำงานในสาขา …ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกยานพาหนะ เพื่อควบคุมการใช้รถยนต์ของทางราชการ ที่มีทั้งหมด 5 คัน รถแทรคเตอร์อีกสองคัน   ข้าราชการในที่ทำงาน หากต้องการจะใช้รถเพื่อไปติดต่อราชการในเมือและต่างจังหวัด ต้องได้รับการอนุญาตจากเขาก่อน จึงจะสามารถใช้รถยนต์ได้ จากการลาไปศึกษาเกือบ 6 ปีต่อเนื่อง ทำให้เงินเดือนของเขาไม่ขึ้น กอรปกับลูกที่ต้องเรียนในระดับชั้นที่สูงขึ้น ทั้งในช่วงหลังเขาเริ่มเที่ยวเตร่ในยามวิกาลกับเพื่อนๆ ในที่ทำงาน หนทางที่จะมีเงินทองจับจ่ายได้อีกทางคือการทุจริตต่อหน้าที่คือการซิกแซกในการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุอุปกรณ์ที่เขารับผิดชอบรวมทั้งค่า(น้ำมัน)เชื้อเพลิงเขากับผู้บริหารทำงานแบบเข้าขากัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ปันประโยชน์กันและกัน  จากนั้นเขาก็ได้ตำแหน่งทีีดีขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกพัสดุ และเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริการการศึกษา  ยุคนี้ โครงสร้างของสถาบันเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัย… เต็มตัว แน่นอนว่าตำแหน่งที่เขาได้สูงขึ้นๆเป็นเพราะอดีตผู้อำนวยการที่เคยขายรถยนต์ให้เขา รักเมตตา ในความซื่อสัตย์ ในความทุ่มเทการเอาใจของเขา 

             ช่วงที่ผู้อำนวยการ(ประชัน)ขึ้นมาเป็นรองอธิการบดีที่ส่วนกลาง กรุงเทพฯและอดีตผู้อำนวยยงยุทธ ที่เป็นอาจารย์เก่าของเขา ที่เคยสอนมา ได้ก้าวมาสู่ตำแหน่งอธิการบดีที่จังหวัดเชียงใหม่  ด้วยระบบการสรรหาจากสภามหาวิทยาลัยโซนภาคเหนือจึงได้ดึงตัวอาจารย์ไชยาเข้าไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ในตำแหน่งรองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ อาจารย์ไชยา อยู่ในภาวะก้าวกระโดดแบบส้มหล่น บุญพาวาสนาส่งให้เจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ ช่วงนี้ถือเป็นยุคทองของเขาจริงๆ จากที่เขาคนเงียบๆไม่ค่อยจะมีสังคมกับเพื่อนฝูงกลับเปลี่ยนเป็นคนละคน

    “สวัสดีครับพี่ขลุ่ย  สบายดีนะครับ” อาจารย์ไชยา ทักทายผม

    “สวัสดีครับ อาจารย์ไชยา กลับมาทำงานที่ลำปางแล้วหรือครับ ”ผมตอบกลับ 

    “ใช่ ..อยู่เชียงใหม่ค่าครองชีพสูง เลยขอกลับมาอยู่ที่เดิมดีกว่า จะได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัว” อาจารย์ไชยา ตอบ

           บุคลิกของเขาเปลี่ยนแปลงไป การแต่งเนื้อแต่งตัวภูมิฐานขึ้น    คำพูดของเขาที่เคยสุภาพดูกระด้างและแข็งกร้ากับอาจารย์รุ่นน้องๆที่เพิ่งมาบรรจุใหม่ แต่กับผมเขาอ่อนน้อมและให้เกียรติหรืออาจจะเป็นเพราะสมัยที่เขามาทำงานใหม่ๆเขาเคยพึ่งพาและพักในบ้านเดียวกันกับผม  จากที่เขาเคยใช้รถมือสองที่ซื้อมาจากอดีตผู้อำนวยการก็ได้ขายไป และได้ซื้อรถยนต์มือสองของญี่ปุ่นในสภาพดีมาใช้ เขาสามารถจะหยิบจับและเอารถยนต์ของทางราชการไปใช้ได้ ทั้งในและนอกเวลาราชการตลอดเวลา เป็นที่จับตามองของคนที่ไม่ชื่นชอบ ในความเหลิงในอำนาจของเขา 

    “ดู…อาจารย์ไชยา มันทำ สิ ตั้งแต่มีตำแหน่งเป็นรองคณบดีและสนิทสนมกับท่านอธิการบดี มันแอคอาร์ตเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน สอนหนังสือก็ไม่สอน มาสายก็มาสาย ขาดงาน..ก็มาขอเซ็นชื่อทีหลัง บุคคลากรก็ต้องยอมให้เซ็น เมาเหล้าทั้งวันทั้งคืน  งานการก็ไม่ต้องทำกัน” อาจารย์ดิเรก พูดกับเพื่อนร่วมงานอีกคน ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ 

    “ได้ข่าวว่า  เขาทะเลาะกับภริยา จะขอหย่าขาด จากกันแล้วล่ะ” อาจารย์ ผู้ร่วมสนทนาพูด

                                                  ****************************************

        อาจารย์ไชยา เที่ยวเตร่ดื่มสุราเมรัยทุกค่ำคืน เป็นนักเที่ยวราตรี มีนารี รอบกาย เขาใช้เงินดังกระดาษ เพราะได้ค่าตำแหน่ง ทั้งยังหาเงินจากลาภที่มิควรได้ (เงินจากการฉ้อฉล ) เขาต้องหย่าขาดกับภริยาและต้องแยกกันอยู่อย่างถาวร โชคดีที่ลูกๆเข้าใจพ่อกับแม่ และไม่มีปมปัญหาใดๆ 

        ต่อมา วรรณวิษา ได้สามีเป็นนายตำรวจสูงวัย อยู่ด้วยกันได้เพียงสามปี ก็ต้องหย่ากันเพราะฝ่ายหญิงฟุ่มเฟือย เธอได้สามีอีกคนเป็นทหารแต่ก็ต้องหย่าจากกันอีก. เพราะฝ่ายหญิงไม่ทำหน้าที่แม่บ้านที่ดี  ภาพในอดีตที่เพื่อนร่วมงานเคยเห็นสองสามี -ภริยาคู่นี้มีความรักหวานซึ้งที่เด่นชัดกว่าใครๆก็ว่าได้ . มัน. คงเป็นไปไม่ได้ว่าคู่รักคู่นี้ จะเป็นรักขมในช่วงเวลาต่อมา  ตลอดเวลาที่อาจารย์ไชยามีอำนาจ เขาแทบจะไม่ได้มาทำงานเลย กระทั่งรองอธิการบดี ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเขาโดยตรงก็ไม่กล้าแตะต้องหรือว่ากล่าวตักเตือน เนื่องจากเขามีอธิการบดี ที่เป็นทั้งอาจารย์เก่าและคนที่สนับสนุนให้เขามีตำแหน่งเป็นแบล็กอัพ

         ทุก เช้า ช่วงที่ผมยังจัดรายการสถานีวิทยุมหาวิทยาลัย อาจารย์ไชยาเคยพรวดพราด เปิดประตูเข้าไปในห้องโดยพละการ โดยผมต้องทำสัญญาญบอกให้เขาได้ทราบว่า ผมกำลังพูดออกอากาศอยู่ กลิ่นเหล้าในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ฟุ้งไปทั่ว

    “ขอโทษครับพี่  ผมจะมาขอเพลงสักหน่อย พี่จัดเพลงได้ไพเราะมาก”  อาจารย์ไชยาพูด

    “ได้สิ ”ผมพูด

         ผมต้องปิดไมค์ออกอากาศ  และออกมาคุยกับเขาภายนอก มองสภาพอาจารย์รุ่นน้อง ที่เคยพักอาศัยมาด้วยกัน  รู้สึกสมเพชและสงสารคนที่เคยมีผมดกดำ ปัจจุบันเหี้ยนเตียนไม่เหลือหลอ ครอบครัวที่เคยอบอุ่น เสมือนแพแตก ...วันนี้.ไชยาดังกับหมาหัวเน่า เขาต้องกลายเป็นคนที่ขาดเหล้าไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาในปัจจุบัน ที่เคยเป็นลูกน้องเขา เคยเรียกเขามาเตือนเนืองๆ แต่เขาหาสนใจไม่ 

               บั้นปลายชีวิตของอาจารย์ ไชยา ผู้เคยรุ่งเรือง มิเหลือ..ความเป็นผู้บริหารเลยแม้แต่น้อย

                                      ซ้ำร้ายยังมีบุคลิกยิ่งกว่าไอ้กุ๊ยข้างถนน  บางคน....เสียอีก

                                                      ชีวิต………..มิใช่นวนิยาย   

                                                              ขลุ่ย บ้านข่อย 

                                                        (๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) 

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×