หมดประโยชน์ก็หมดเสน่หา
จากเด็กสาวที่ช่วยส่งหนังสือพิมพ์ ค่อยเพียรเรียนรู้จนจบ ปวส.ได้เข้าทำงานเพราะโชคช่วย จากนั้นได้เรียนเพิ่มจนจบ ป.ตรี วันเวลาเปลี่ยน...ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ผู้เข้าชมรวม
67
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
หมดประโยชน์.. ก็หมดเสน่หา
ผมเริ่มรู้สึกว่าบางทีบางครั้ง การไปนั่งรอคิวรอแบ่งหน้าหนังสือพิมพ์มาอ่าน มันช่างน่าเบื่อเสียเหลือเกิน จริงๆแล้วที่ห้องสมุดของสถาบันก็มีหนังสือพิมพ์ให้ผมสามารถนั่งอ่านได้วันละหลายฉบับรวมถึงนิตยสารทางการเมือง อย่างเช่น มติชนสุดสัปดาห์ สยามรัฐสุดสัปดาห์แต่ด้วยภาระงานสอนและงานประจำที่ผมต้องทำมีมาก บางที บางครั้งผมจึงมิอาจเข้าไปนั่งอ่านหนังสืือพิมพ์ได้ ผมจึงตัดสินใจบอกรับหนังสือพิมพ์กับคนขับรถส่งอุปกรณ์ทำก๋วยเตี๋ยวจำหน่าย ซึ่งชื่อว่านายชาญ ที่วิ่งส่งอุปกรณ์ทำก๋วยเตี๋ยวให้กับแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้านต่างๆนายชาญจะขับรถเปล่าจากบ้าน แถวสถา บันราชภัฎ - มายังตลาดสดเทศบาลในเมืองลำปาง ตั้งแต่ตีสี่ เพื่อมารับเส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ บะหมี่ เส้นใหญ่ แป้งเกี๊ยวถั่วงอก ต้นหอม ผักชีรวมลูกชิ้นเนื้อวัว หมู ตลอดจนเครื่องปรุง ตั้งแต่น้ำปลา ซอส พริกป่น พริกดอง เกี๋ยมฉ่าย พริกไทยกระป๋อง ฯลฯ หนังสือพิมพ์ อีกทั้งน้ำแข็ง ที่แม่ค้าไดัสั่งไว้
นายชาญชายร่างสูงผอม ไว้ผมทรงเป๋ ผิวดำแดงได้ประกอบวิชาชีพ รับส่งอุปกรณ์ทำก๋วยเตี๋ยวเป็นเจ้าแรกของเส้น ทางเส้นนี้ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่สีน้ำเงินเข้ม อยู่ในสภาพค่อนข้างดีเขาจะเริ่มวางสินค้าให้ลูกค้าตามออเดอร์ที่ได้สั่งซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จากที่ผมเคยคุยกับนายชาญที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งที่ผมไปนั่งรับประทาน
“ขอโทษครับพี่ ผมอยากทราบว่า.พี่ได้เริ่มต้น เอาเส้นก๋วยเตี๋ยวและสินค้าที่ลูกค้าสั่ง ลง ตั้งแต่ บริเวณไหน ”ผมสอบถาม
“ผมเอาเส้นก๋วยเตี๋ยว-ถั่วงอกและสินค้าตามสั่งลง ตั้งแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดป่ารวกเรื่อยมาจนผ่านค่ายทหาร บ้านสา -มัคคี จากนั้น ผมก็แวะมารับน้ำแข็งที่โรงน้ำแข็ง เพื่อส่งให้ลูกค้าตามสั่ง ผมจะแวะส่งร้านค้าตามทางถนนลำปาง- งาว ทั้งสองฝั่งวิ่งสลับกันไปมา จนไปสุดปลายทางกิ่วลม เกือบร้อยเจ้าเชียว มีตั้งแต่ร้่านเล็กๆ ขนาดกลาง จนถึงร้านขนาดใหญ่ที่ตั้งในอาคารพาณิชย์”นายชาญพูด
“ตื่นเช้าๆอย่างนี้ แล้วไม่ง่วงหรือ ”ผมพูด
“ง่วง สิครับ ผมก็แวะงีบ ตามร่มไม้ มีลมเย็นๆพัดผ่าน” นายชาญ ตอบ
ผมจะพบนายชาญ ช่วงระหว่างเวลา 9.30 น .-10.30 น.ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้านบ้่านห้วยยางนา จากที่ได้สัมผัสกับชายคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขามีเสน่ห์ไม่น้อย เพราะเป็นคนแต่งกายดี สุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใส มีมนุษยสัมพันธ์ดีและเป็นกันเอง วันเสาร์และวันอาทิตย์ช่วงเวลาก่่อนสิบนาฬิกา ผมจะมานั่งรอซื้อหนังสือพิมพ์ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว
“มีหนังสือพิมพ์มั้ย ขอซื้อ สักฉบับครับ” ผมพูด
“วันนี้ หนังสือพิมพ์ หมดแล้วครับ เพราะก่อนหน้าจะมาถึงอาจารย์ มีคนขอซื้อไปก่อน ผมรับเผื่อมาไม่มาก ครับ”นายชาญ พูด
“ไม่เป็นไรครับพี่ เอางี้ ได้มั้ย ตั้งแต่ต้นเดือนหน้า ผมขอบอกรับหนังสือพิมพ์วันละสองฉบับเลย พี่เอามาฝากไว้ที่ร้านนี้ เที่ยงๆผมจะขี่รถมารับเอง สิ้นเดือนที ค่อยจ่ายตังค์ โอเคมั้ย..” ผมพูด
“ได้ครับ งั้นเริ่มต้นเดือนหน้าเลย นะ” นายชาญพูด
*********************
จากนั้นผมจึงเป็นลูกค้าประจำรับหนังสือพิมพ์ของนายชาญ ระยะหลังดูเหมือนนายชาญ จะไม่ซื่อตรงกับผมนัก บางวันมี -บางวันไม่มีหนังสือพิมพ์มาส่งให้อ่าน ทั้งๆที่ผมเป็นลูกค้าประจำ เขาไม่น่าจะกระทำโดยขายหนังสือพิมพ์ที่ลูกค้ารับประจำแบบไม่รับผิดชอบในที่สุดผมจึงบอกเลิกรับและเข้าไปในเมืองติดต่อขอเป็นสมาชิกรับประจำแทน
“คุณป้า ครับ ผมจะขอบอกรับหนังสือพิมพ์เป็นประจำ โดยผมจะให้คนขับรถที่สถาบันของผม มาเป็นคนรับพร้อมกับหนังสือที่ห้องสมุดรับอยู่แล้ว”ผมพูด
“ได้สิ อาจารย์ ว่าแต่จะรับหนังสือพิมพ์ ฉบับใดบ้าง”คุณป้าเจ้าของร้านพูด
“เอาไทยรัฐ มติชน ข่าวพาณฺิชย์ และสยามรัฐรายปักษ์ ครับ” ผมพูด
“งั้นจะเริ่มส่งให้ตั้งแต่ ฉบับวันพรุ่งนี้ เลยค่ะ ” คุณป้าเจ้าของร้านพูด
ผมรับหนังสือพิมพ์ที่ร้านแห่งนี้ ติดต่อมายาวนาน จนช่วงหลัง มีคนจากหมู่บ้านใกล้ๆสถาบันไปเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์เจ้าของร้าน จึงให้เขามาส่งให้ผมในช่วงเย็น หลังจากที่เขาทำการส่งหนังสือพิมพ์ในเมืองเสร็จแล้ว
“หนังสือพิมพ์ครับอาจารย์” สุวิทย์คนส่งหนังสือพิมพ์ ที่ร้านในเมือง ตะโกนบอก พลางโยนหนังสือพิมพ์ที่เขาเตรียมส่งให้ผมโดยเฉพาะเข้ามาในบ้าน
“โอเค ขอบใจมากวิทย์ ” ผมพูด
สุวิทย์ เป็นคนบ้านลุ่มซึ่งห่างจากสถาบันไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร น้องสาวของสุวิทย์มาเรียนในสถาบันฯแห่งนี้ ในสาขาที่ผมสอน บางครั้งสุวิทย์ไม่ได้มาส่งหนังสือพิมพ์เขามักจะให้วิไลที่เป็นน้องสาวมาส่งแทน ให้
“หนังสือพิมพ์ค่ะ อาจารย์”วิไล ยื่นหนังสือพิมพ์ให้ ผมรับมาและวางไว้ที่โต๊ะหวาย
**************************
ระยะหลังๆ สุวิทย์จะให้น้องสาวมาส่งแทนเป็นเพราะช่วงเย็นๆในหมู่บ้านของเขา มักจะเอาไก่มาปล้ำชนไก่กัน สุวิทย์เลี้ยงไก่ชนไว้หลายตัว เขาชอบการพนันไก่ชนเป็นชีวิตจิตใจ
“หนังสือพิมพ์ วันนี้ขาดไป ฉบับนึงค่ะอาจารย์ อาจารย์ช่วยจดให้ด้วยนะคะ เวลาคิดเงินตอนสิ้นเดือน จะได้หักลบออกไปด้วย”วิไล พูด
“พักหลัง พี่ชายเราไม่ค่อยมาส่งเลยนะ” ผมพูด
“ติด ไก่ชนงอมแงมเลยพี่ของหนู อาทิตย์หน้า คงเหมารถไปตีไก่ที่เกาะคา มีท้าเดิมพันเงินหลายพันบาทเลยค่ะ” วิไลพูด
“นานาจิตตัง เขาชอบ ก็คงไปห้ามไม่ได้ ว่าแต่เด็กผู้หญิงที่ติดรถมาส่งหนังสือพิมพ์ด้วยกับวิไลบางครั้ง เป็นใคร?? ”ผมพูด
“รุ่นน้อง อยู่หมู่บ้านเดียวกัน บ้านอยู่ใกล้ๆกันค่ะ”วิไลพูด
“อ้อ หน้าตาดี.. นี่” ผมพูด
“คิดว่าเรียนจบม.หกแล้ว คงมาสอบเรียนต่อที่นี่ค่ะ”
ผมเป็นลูกค้ารับหนังสือพิมพ์ประจำกับร้านค้าในเมืองเกือบสิบปี แต่ก็ยังไม่วาย ต้องเข้าไปอ่านที่ห้องสมุดไม่หยุดหย่อน พูดได้ว่าตลอดชีวิตที่ผมรับราชการที่ี่นี่ ผมคือขาประจำที่มาใช้บริการมากที่สุด หากมีการบันทึกคนเข้ามาอ่านหนังสือ เมื่อวิไลเรียนจบปวส.แล้ว รุ่นน้องของเธอ ที่เคยมาส่งหนังสือพิมพ์ที่บ้านของผม ก็ได้มาสอบเรียนในสาขาวิชา การจัดการที่ผมสอน แม้ผมจะคุ้นหน้าและได้พูดซักถามกับเธอบ้าง บางครั้งในช่วงที่เธอมาส่งหนังสือพิมพ์ แต่ก็หาได้มีความสนิทสนมกันไม่ ผมมาทราบชื่อภายหลังเมื่อได้มาทำการสอนว่าเธอชื่อปรางทอง
“พ่อเธอ ..ทำงานอะไรและชื่ออะไร หรือ ”ผมถาม เพราะอยากทราบ เนื่องจากมีชาวบ้านแถวๆบ้านลุ่ม ที่ทำงานในสถาบันหลายคนที่ผมสนิทอย่างเช่นนายอนันต์ นายเจริญและนายประเดิม
“พ่อหนู ชื่อน้อย ค่ะ ทำงานรับจ้างทั่วไป” ปรางทองพูด
“อาจารย์ เคยไปเที่ยวที่บ้านลุ่มหลายครั้งแล้ว อาจจะรู้จักพ่อของเธอก็ได้ ” ผมพูด
“หนูก็คิดว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น” ปรางทอง พูด
“บุคลิกของพ่อ เป็นคนอย่างไร ”
“สูงพอๆ กับอาจารย์ พูดน้อย ใบหน้ายิ้มๆ มีไฝเหนือคิ้ว ”
ผมพยายามนึกดูว่าบุคคลที่ปรางทองพูดขึ้นมาในหมู่บ้านบ้านลุ่ม จะมีใครที่มีบุคลิกเข้าเคล้ากับคนที่เธอกล่าวมาบ้าง
“อ้อ.รู้แล้ว คนๆนี้.นี่เอง เราเคยนั่งดื่มสุรา ด้วยหลายครั้งที่หน้าป้อมยาม ช่วงโพล้เพล้ๆ เวลาที่เขาขี่จักรยานลักลอบขนไม้เถื่อนลงมาจากดอย”ผมพูด
“ค่ะ ..พ่อหนู ขนไม้จากป่า ผ่านหน้าป้อมยามในสถาบัน เกือบทุกวัน” ปรางทองพูด
“จริงๆ แล้ว พ่อของเรายังหนุ่มแน่น ไม่น่าจะมาทำอาชีพนี้เลย ป่าไม้ในจังหวัดเรา ร่อยหรอๆ เพราะพวกเราตัดกันไม่เว้นแต่ละวัน ดูบนดอยสิหัวโกร๋น เป็นหย่อมๆ พอหน้าแล้งก็เผาป่ากันอีกแล้วงี้ มันจะโตทันใช้ หรือเนี่ยะ ” ผมพูด
“พ่อหนูบอกว่า จะทำอีกปีเดียว ก็วางมือแล้ว ”ปรางทองพูด
“ดี และเห็นด้วย ไว้มีโอกาส จะพูดคุยกัน” ผมพูด
ปรางทองเรียนสาขาการจัดการ 2 ปี ก็จบหลักสูตรเป็นจังหวะที่ตำแหน่งงานประกันคุณภาพของสถาบัน ต้องการเจ้าหน้าที่มาทำงาน เธอจึงถูกฝากให้เข้ามาทำงานโดยเส้นสาย มิอาจปฎิเสธได้เลยว่า หน่วยงานของผมมือใครยาวสาวได้สาวเอา ลูกๆของอาจารย์ ลูกๆของคนงานที่ทำงานแห่งนี้ ต่างมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าลูกชาวบ้านที่ไร้เส้นสาย ลูกอาจารย์บางคนไปสมัครสอบตามกรมกองต่างๆ แต่สอบไม่ติด จึงฝากให้เข้ามาทำงานให้เข้ามานั่ง มาเดิน มาเล่นเกมส์ ไปวันๆ พอสิ้นเดือนมาก็รับเงินเดือนกินแบบไม่ต้องเหนื่อยอะไร เมื่อปรางทอง มาทำงานได้ไม่นาน เธอก็ได้แต่งงานกับวิโรจน์ คนบ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกของนายประเดิม คนงานแผนกพืชผัก
*******************************
“อาจ๋าน ผมอยากรบกวน ฮื้อจ้วย..ผมตวยคือลูกจายผม จะแต่งงานกับลูกนายน้อยเร็วๆนี้” พี่ประเดิมพูด
“ชื่ออะไรหรือ เจ้าสาว ” ผมถาม
“ ปรางทอง” พี่ประเดิมพูด
“ใช่ปราง ลูกนายน้อยที่ทำงานในห้องประกันคุณภาพ หรือเปล่า”
“ใช่ครับ ”
“อีกนานมั้ย..ครับ จึงจะถึงวันแต่งงาน ผมจะได้ช่วย ตกแต่งเวทีให้ ”ผมพูด
“อีกสองอาทิตย์ ข้างหน้าน่ะครับ ”พี่ประเดิมพูด
ก่อนวันงานสมรสของคู่บ่าวสาว จะถึงสามวัน ผมกับลุงหนานเสาร์แก้ว ซึ่งเป็นมัคนายกของหมู่บ้านได้มาหารือเพื่อจัดลำดับขั้นตอนที่จะเชิญแขกผู้เกียรติ มาเป็นเกียรติในงานตั้งแต่ช่วงการผูกข้อมือจนถึงช่วงเวลาค่ำ ที่มีพิธีฉลองมงคลสมรส ของคู่บ่าวสาว
*********************
พิธีการในช่วงเช้า ผมมิได้มาร่วมงาน เพราะมีภาระงานที่สถาบันฯจึงมาร่วมงานเฉพาะช่วงค่ำเท่่านั้น การจัดงานมงคลสมรสแบบชาวบ้านๆจริงๆแล้วพิธีรีตรองมิได้ยุ่งยากนักแต่ค่ำวันดังกล่าวญาติทางฝ่ายเจ้าสาวได้เรียนเชิญนายอำเภอให้มาร่วมเป็นเกียรติ พิธีกรที่นัดว่าจะมาดำเนินการให้ ก็เงียบ ..พ่อแม่ของฝ่ายเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ชักใจคอไม่ดี ชะเง้อชะแง้ และรอจนโต๊ะจีนเสิร์ฟอาหารไปสองอย่างแล้ว
“สงสัย.. พิธีกร คงไม่มาแล้วล่ะ ยังไง.อาจารย์ ต้องช่วยขี้นไปเป็นมวยแทนให้หน่อยแล้ว”หนานเสารฺแก้ว พูด
“ได้ไง ?? น้าหนาน ผมไม่เคยทำหน้าพิธีกรงานแต่ง เลยสักครั้ง”
“เอาน่า เดี๋ยวจะจดคำพูด ว่าจะพูดอะไรให้ ”หนานเสาร์แก้ว พูด
“ก็น้าหนาน ขึ้นไปเองเลยสิ ”
“ฮึ ..มันสั่นน่ะสิ นายอำเภอ มาในงานด้วย ”
“โถ่ แล้วผมล่ะ ทำผิดไป เขามิหัวร่อ ผมแย่เลยหรือ”
“ผมไหว้ล่ะ อาจารย์ช่วยขัดตาทัพหน่อย ” พ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าว รบเร้า
“ก็ได้ ”
จังหวะนั้น ผมต้องรีบซด สุราเข้าปากติดๆกัน ถึง 5 แก้ว ดับความกลัวและเพิ่มความกล้า
“มาวะ.. เอาไง เอากัน ” ผมนึกในใจ
ผมเดินขึ้นเวทีด้วยความนิ่งที่สุด เสียงปรบมือต้อนรับพิธีกรหน้าใหม่ ผมไม่รู้สึกเขินอาย ผมโค้งคำนับให้แขกผู้มีเกียรติ แล้วไปยิืนตรงกลางเวที ที่มีไมโครโฟนตั้งอยู่
“สวัสดี แขกผู้มีเกียรติที่เคารพรัก ลำดับต่อจากนี้ ผมใคร่ขอเวลาทุกท่านที่จะเข้าสู่พิธีการสำคัญ ..ขอเชิญ. คู่บ่าวสาวขี้นเวทีปรากฎตัวเพื่อรับพวงมาลัยจากแขกผู้มาเกียรติและรับโอวาทคำอวยพรจากท่านนายอำเภอ” ผมพูดและรอให้คู่บ่าวสาวมาปรากฎตัวบนเวที
“ลำดับ ..จากนี้ไป ขอเชิญท่านนายอำเภอ มามอบพวมาลัย และให้พรคู่บ่าวสาว”
ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยความราบรื่น สิ่งท่ี่หวั่นวิตกว่าจะทำไม่ได้ ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เสียงชมเชยจากด้านล่างเวทีกล่าวขาน เมื่อผมลงไปนั่งสัมผัสกับพวกเขา
“เยี่ยมเลยครับ..อาจารย์ นี่หากอาจารย์ไม่ขึ้นเวทีไปช่วยแก้ไขสถานการณ์ งานนี้เจ้าภาพ คงแย่แน่” ชาวบ้านพูด
“ก็อย่างว่า มันไม่มีใครแล้วนี่ ผมจึงต้องไปเป็นมวยแทนทำหน้าที่ เค..ผ่านมาได้ ก็ถือเป็นประสบการณ์”ผมพูด
****************************
เวลาผ่านไป อีกสามปี ...สามีของปรางทอง คือวิโรจน์ ก็ได้เข้าทำงานในองค์กรแห่งนี้ในตำแหน่งช่างไฟฟ้า ทั้งสองคนสามีภริยาได้มีบุตรสาวหนึ่งคน ครอบครัวของเขาดูอบอุ่น และมีความสุข มีความมั่นคงพอสมควร แม้รายได้ไม่มาก แต่อยู่ใกล้บ้านและมีรายได้ทั้งคู่ การที่ปรางทองมีวุฒิเพียงปวส.และเพื่อนๆร่วมงานส่วนใหญ่จบปริญญาตรี ทำให้เธอต้องขวนชวายเพิ่มวุฒิ เธอจึงต้องเรียนเพิ่มวุฒิ ในสถาบันที่เคยเรียนและทำงานด้วย ในภาคเรียนภาคสมทบคือเรียนวันศุกร์ ตอนค่ำ-วันอาทิตย์ เพียงสองปีเศษ เธอก็จบหลักสูตรได้วุฒิปริญญาตรี สมใจ ระหว่างการเรียนและทำงาน ผมกับปรางทองค่อนข้างสนิท เธอดูจะเป็นคนมีน้ำใจ บ่อยๆครั้ง ผมไหว้วานให้เธอทำอะไร เธอยินดีและรับช่วยทำโดยไม่เกี่ยงงอน แต่เมื่อเวลาผ่านไป… ผมเริ่มสังเกตเห็นว่าเธอไม่ใช่คนเดิม ที่เคยเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่มีน้ำใจ วิโรจน์ก็เช่นกัน เขามักเมินหน้าทำเป็นคนไม่รู้จัก ทั้งๆที่ผมกับพ่อของเขาก็สนิทกัน แรกๆที่วิโรจน์ มาทำงานที่นี่ใหม่ๆ เขาเป็นคนขยันมาก มักทักทายผมเสมอเมื่อพบกัน แต่เมื่อเขารู้งานและรู้ว่าใครสามารถให้คุณให้โทษได้ เขาจึงเต็มใจและยินดีรับใช้คนๆนั้นเป็นกรณีพิเศษผัวเมียคู่นี้.. นิสัยใจคอเปลี่ยนไปมาก ใครๆ ในที่ทำงานแห่งนี้ก็ทราบว่า ทั้งคู่คอยแต่เงี่ยหูฟังแต่สิ่งที่ตนจะได้ประโยชน์ คราใดมีงานสังสรรค์กินเลี้ยง เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนร่วมทำงาน ่ร่วมช่วยกันหุงหาอาหาร เขาทั้งคู่จะเลี่ยงไม่มาช่วยทำ แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพ และถึงเวลารับประทาน คู่ผัวเมียก็จะมาพร้อมหน้าที่จะเข้าร่วม โดยไร้ความละอาย เขามักแก้ต้วว่ามีภารกิจตลอด เท่านั้นยังไม่พอทั้งคู่ยังเตรียมถุงพลาสติกไว้ใส่อาหารกลับไปกินที่บ้านพร้อมฝากญาติอีกต่างหาก ศิษย์คนนี้ช่างหน้าด้านหน้าทนเกินกว่าที่ผมจะรับได้จริงๆ
“ลูกพี่ ..ของคุณนี่ ได้รับรางวัลของสถาบัน ทั้งยังได้รับการประเมินผลทำงานดีเยี่ยม ติดต่อกันนับสิบๆปี ดูสิ .นี่ก็เวลาสิบโมงกว่าแล้ว เพิ่งจะโผล่มาทำงาน” ผมพูด ให้ปรางทองได้ยิน พลางชี้ให้เขาเห็นภาพจริงๆ
อาจารย์จันทราคือผู้บังคับบัญชาของปรางทอง เธอรับผิดชอบงานด้านการประกันคุณภาพของสถาบัน แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า แม้เธอจะมาสายเกือบทุกวัน จะขาดงาน แต่ด้วยความใกล้ชิดกับนายระดับสูง ก็ทำให้เธอมีความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว การที่ผมตำหนิหัวหน้าของเธอ ย่อมทำให้ปรางทองรู้สึกเจ็บแค้นแทนหัวหน้า พฤติกรรมของปรางทองที่แสดงออกมาตั้งแต่บัดนั้น ทำให้ผมและเธอเริ่มเป็นเส้นคู่ขนาน นานวันเข้า .ผมได้เห็นความจริงใจของสองสามีภริยาคู่นี้ เห็นธาตุแท้ของคนที่รอคอยจะเอาประโยชน์จากผู้อื่นเนืองๆ
คนหน้าตาดี จิตใจทราม อย่างปรางทองก็เป็นบุคคลที่เห็นกันได้ทั่วๆไปในสังคม ผมไม่นึกเลยว่า ลูกศิษย์คนที่ผมเคยมองว่าเป็นคนดี เสมอต้นเสมอปลาย จะกลายเป็นคนเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตน อย่างไม่น่าจะเป็น. เสียดายความผูกพันที่เคยดีต่อกัน ในฐานะครูกับศิษย์ ไม่รู้คุณ...ครูบาอาจารย์ ผมคงไม่ว่าอะไรกัน
แต่.. ทำอะไร…กับใครไว้ ...??พึงระวังว่า
สักวัน .. กรรมมันคง ย้อนหาตัวบ้าง...ไม่เร็วก็ช้า ..
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น