ไอ้เจน ผู้ทระนง
เจนจบ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ตั้งแต่สมัยยังเรียน ได้ทำงานทำตั้งแต่ชวงไปฝึกงาน เขาได้ภริยาเป็นชาวบ้านตั้งแต่ย้งเรียนอยู่ ได้รับผิดชอบอย่างดี จะอย่างไร เขาก็เป็นคนชัดเจน
ผู้เข้าชมรวม
189
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ไอ้เจน ผู้ทระนง
บุรุษผิวคล้ำ จากจังหวัดที่คนทางเหนือมักล้อเลียนว่าเป็นเมืองที่มีการแห่ระเบิด ซึ่งผมได้ยินนักศึกษาในสถาบัน มักล้อเลียนกับเจนจบ ช่วงที่มีการรับน้องใหม่ในปีนี้ถือว่าเป็นการรับน้องใหม่ที่รุนแรงมาก ครั้งหนึ่ง รุ่นพี่ๆ ที่เป็นผู้รับผิดชอบเตรียมการที่จะจัดหนักรุ่นน้องๆ อย่างเต็มกำลัง จริงๆแล้ว วัตถุประสงค์ของการรับน้องใหม่ของสถาบันต่างๆ มีความใกล้เคียงกันคือเพื่อต้องการละลายพฤติกรรมของนักศึกษาใหม่ให้หล่อหลอมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในรุ่นนั้นๆ ให้มีความรักสามัคคีในรุ่นของตนและสถาบันที่เรียน แต่ที่มักปรากฎข่าวในทางที่ไม่สู้ดีนักคือการรับน้องใหม่ที่ใช้วิธีการที่รุนแรงโดยเฉพาะนักศึกษาที่สังกัดกรมอาชีวศึกษา ที่มีข่าวการรับน้องถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิตก็มี
เจนจบและเพื่อนๆ ร่วมรุ่นของเขา ต้องถูกรับน้องใหม่อย่างรุนแรง ในเวลาประมาณตีสี่ของเช้าวันใหม่ของวันหนึ่ง เวลานั้นผมเพิ่งมาบรรจุเป็นอาจารย์ ได้เพียง 8 เดือน แม้ผมเองจะเคยผ่านการถูกรับน้องใหม่มาก่อน เป็นทั้งรุ่นพี่ที่จะต้องรับน้องใหม่ แต่เมื่อมาพบเจอการรับน้องใหม่ในสถาบันการศึกษาแห่งนี้ ต้องบอกว่า “มันหนักและเกินกว่าจะรับได้”เพราะมันรุนแรงและเสมือนว่ารุ่นพี่กระทำการเกินกว่าที่ควรจะเป็น เสมือนเขาแก้แค้น อาฆาตมาดร้ายและมาระบายความแค้นกับรุ่นน้องๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ในคืนวันรับน้องใหม่ ผมทราบข่าวทุกระยะว่า รุ่นพี่ๆ กำลังทำอะไร และพอถึงเวลายามดึกหลังจากรุ่นน้องได้พักผ่อนไปไม่ถึงสองชั่วโมงดี พวกรุ่นพี่ก็ได้ปลุกน้องๆ ให้ตื่นขึ้นมา ไฟฟ้าทุกดวงในสถาบันถูกปิดลง คงเหลือแต่ความมืด คบเพลิงจากกระป๋องนมใส่น้ำมันก๊าดที่ออกแบบไว้โดยมีไส้โผล่ขึ้นมาให้สามารถจุดไฟให้แสงสว่างได้ ถูกจุดไว้ตามทางตั้งแต่บริเวณที่พักของรุ่นน้อง เสียงประทัด เสียงพลุ ถูกจุดยามวิกาลที่เงียบสงัด มันเสมือนประหนึ่งเกิดสงคราม จนคนที่กำลังหลับต้องสะดุ้งและตกใจ จนทำอะไรไม่ถูก
“ตื่นๆ ลุกขึ้นๆ เร็วๆ” เสียงรุ่นพี่ที่ตะโกน ส่งเสียงเอะอะโวยวาย เคล้าเสียงประทัดดังเป็นระยะๆตลอดเส้นทางที่รุ่นพี่จะพารุ่นน้องวิ่งมาตามทางที่พวกเขากำหนด รุ่นพี่ที่อยู่ตามเส้นทางนี้จะยืนเว้นระยะห่างพอประมาณ ข้างๆตัวเขาจะมีวัสดุ (ก้านกล้วย)ไว้ข้างตัวมากมาย เมื่อรุ่นน้องผ่านมารุ่นพี่ก็จะใช้ก้านกล้วยฟาดที่บริเวณหลัง หรือไม่ก็ใช้ก้านกล้วยตีเสยเข้าที่หน้าท้อง
“เพลี่ยะ ๆๆๆๆ” เสียงกระหน่ำฟาดแล้วฟาดอีก แน่นอนว่า น้อยคนนักที่อดทนกับความเจ็บปวด ขนาดว่าสมัยที่ผมเคยผ่านการถูกรับน้องมาหนักหนาสาหัสแล้ว พอมาเจอมาเห็นกับการรับน้องใหม่ของสถาบันแห่งนี้ต้องยอมรับว่า"หนักเอาการ " และในบางครั้งที่ผมเห็นรุ่นน้องต้องหน้าคว่ำลงบนพื้นถนน ผมต้องเอาตัวไปขวางเพื่อจะไม่ให้เขาถูกซ้ำเติมอีก
“พอแล้ว ผมขอร้อง” ผมพูดกับลูกศิษย์ที่เป็นรุ่นพี่ เขามองหน้าผมในท่ามกลางความสลัวของเปลวไฟที่ถูกจุดข้างทาง
เส้นทางการรับน้อง มีนักศึกษาทั้งชาย-หญิง ได้ถูกหิ้วออกมาจากแถวเพื่อทำการรักษาพยาบาล ผมหิ้วนายจรัล นักศึกษาที่มาจากจังหวัดปัตตานี มายังห้องรักษาพยาบาล
“เป็นไงบ้าง ”ผมถาม
“จุกและเจ็บ ครับ อาจารย์ ”
ในห้องรักษาพยาบาล มีอาจารย์ที่จบจากพยาบาลมาโดยตรง คืออาจารย์ จริยา ที่เป็นภริยาผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ เธอกำลังสั่งการบอกเพื่อนๆอาจารย์ด้วยกันให้ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นกับนักศึกษา รถยนต์ของสถาบันได้เตรียมความพร้อมที่จะจัดส่งคนเจ็บอาการหนักๆ เพื่อไปส่งที่โรงพยาบาลตลอดเวลา
“เอาแอมโมเนียให้เด็กๆได้ดม และช่วยกันคลายรัดเข็มขัดให้ทุกคนจะได้หายใจได้สะดวกขึ้น ”อาจารย์จริยาพูด
คนเจ็บได้ถูกทยอยเพิ่มขึ้นๆ จากหลักหน่วยเป็นหลักสิบ และเพิ่มจนเกือบถึงร้อยคน ส่วนที่บาดเจ็บหนัก ได้ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลในเมืองอย่างเร่งด่วน ผู้อำนวยการและผู้ช่วยผู้อำนวยการและกรรมการบริหารของสถาบัน ส่วนใหญ่รู้สึกใจไม่ค่อยดีเพราะที่ผ่านๆมาการรับน้องใหม่ ไม่เคยมีนักศึกษาล้มเจ็บมากมายขนาดนี้ จะยับยั้งหรือให้หยุดการทำกิจกรรมย่อมเป็นไปไม่ได้เลย จึงเพียงแต่ไปบอกนายกสโมสรนักศึกษา ให้ผ่อนคลายและเข้ามาควบคุมห้ามปรามเพื่อนๆ ไม่ให้ใช้ความรุนแรงอีก
เรื่องเหล่านี้หนีไม่พ้นที่นักข่าวในจังหวัดจะตีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ส่วนกลางอย่างเช่นหนังสือพิมพ์หัวสีเขียว -หัวสีบานเย็น และอื่น ๆ นั่นจึงทำให้อธิการบดีที่มีอำนาจจากส่วนกลาง ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการในพื้นที่ที่บริหารได้สั่งปิดสถาบันการศึกษา เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น นี่คือปัญหาครั้งใหญ่ครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผู้อำนวยการต้องขอย้ายตนเอง ไปอยู่วิทยาเขตอื่นๆ ปัญหาการประท้วงมีขึ้นประปรายอาจารย์กับลูกศิษย์เกิดรอยร้าวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเพราะอาจารย์ไม่เห็นด้วยกับการที่รุ่นพี่รับน้องใหม่ที่รุนแรงเกินไป กว่าทุกอย่างจะเป็นปกติได้ ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน รุ่นพี่กับรุ่นน้องมีการแบ่งขั้วแบ่งข้างอย่างชัดเจน ต่างฝ่ายต่างระมัด ระวังตัวทุกคนต้องพกพาอาวุธไว้ป้องกันตัวเอง ฝ่ายปกครองต้องทำงานอย่างหนักแต่จะกล้าทำได้แต่เฉพาะภายในสถาบัน เท่านั้น หากพ้นนอกรั้วไปแล้ว อาจารย์ฝ่ายปกครองเองก็ต้องระวังตัว เพราะถูกหมายหัวจากนักศึกษาหัวโจกที่จ้องเอาคืน เพราะพวกเขาถูกขึ้นบัญชีดำจากฝ่ายปกครอง ที่จะตัดคะแนนความประพฤติ และถูกตั้งคณะกรรมการพิจารณาสั่งให้พักการเรียน
*********************************
เจนจบหรือไอ้เจน ก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกรับน้องใหม่ ขนาดต้องหยอดน้ำข้าวต้ม เพราะรูปร่างเขาสูงใหญ่ จนเป็นจุดเด่น และอีกอย่างคือบุคลิกเขาเป็นคนห่ามๆ ไม่ค่อยจะเกรงกลัวรุ่นพี่ จึงทำตัวต่อต้านไม่ให้ความเคารพ
“เวลารับน้องต้องจัดมันให้หนักๆหน่อย ไอ้นี่ ” รุ่นพี่กระซิบและสื่อสารบอกต่อๆ กัน
กว่าทุกอย่างจะสงบเงียบและเกือบเป็นปกติได้ คือรุ่นพี่ที่เป็นคนรับน้องใหม่ได้จบการศึกษาไปแล้ว และรุ่นของเจนจบก็ได้มาเป็นรุ่นพี่ ช่วงนี้กิจกรรมต่าง ๆได้ถูกยกเลิกและห้ามการจัดกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภายในสถาบันหรือภายนอกสถาบัน ผู้อำนวยการคนใหม่ได้เข้ามาปฎิรูปและป้องปราบอย่างเด็ดขาด ผมได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือทั้งสายบู๊และบุ๋นเป็นเพราะรู้จักกับนักศึกษาทุกรุ่นและรู้จักการใช้จิตวิทยาในการพูดโน้มน้าว ไม่ตึงและไม่หย่อน อะไรที่จะช่วยสนับสนุนและเป็นกาวใจให้ลูกศิษย์คุยกับอาจารย์ได้ ผมยินดีรับเป็นคนกลางให้
กระท่อมที่นักศึกษาปลูกในพื้นที่ของสถาบัน ซึ่งมีอาจารย์กลุ่มหนึ่งอยากจะให้ขับไล่ให้ออกจากพื้นที่โดยเร็ว ได้ถูกเสนอขึ้นมาให้ผู้อำนวยการทราบและเร่งปฎิบัติ
“อาจารย์ขลุ่ย เด็กๆ ที่พักข้างบ้าน เป็นไงบ้าง” ผู้อำนวยการพูด
“ไม่มีปัญหาครับ เขาไม่เกเร อะไร เพียงพวกเขามาขอใช้น้ำเพื่ออาบน้ำเท่านั้น ” ผมพูด
“เห็นอาจารย์ กลุ่มหนึ่ง เขาอยากให้สถาบันขับออกให้พ้นพื้นที่ อาจารย์ขลุ่ย จะว่าอย่างไร”
“ไม่ได้นะครับ เด็กๆ เหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆ พวกเขาก็จะจบการศึกษาแล้ว หากขับไล่พวกเขาออกไป ดีไม่ดีจะกลายเป็นชนวนให้เกิดการประท้วงขึ้นมาอีกก็ได้ ”ผมพูด
“ใช่ ผมเห็นด้วย ยังไง. อาจารย์ขลุ่ยช่วยดูแลและจัดการแทนผมได้เลย สำหรับอาจารย์พวกนี้ ผมจะคุยและบอกเหตุผลเขาไปเอง” ผู้อำนวยการพูด
กระท่อมของนักศึกษาที่ปลูกสร้างอาศัยเป็นหลังเล็กๆ แบบชนบทหนึ่งคนต่อหนึ่งหลัง พวกเขาได้ลงทุนและช่วยกันสร้าง โดยใช้ไม้ไผ่เป็นโครงสร้างและมุงด้วยหญ้าคา ในห้องมีประตู หน้าต่างเป็นที่ระบายอากาศ ด้านหน้าเป็นชานบ้านเล็กๆไว้นั่งกินข้าว ส่วนใหญ่พวกเขาจะมีห้องครัวกลาสำหรับทำกับข้าวโดยเฉพาะ น้อยคนนักที่จะได้สัมผัสชีวิตของพวกเขา การเป็นคนเรียบง่าย จริงใจ และเป็นกันเองของผม จึงได้รับรู้สภาพชีวิตและรู้ถึงสภาพจิตใจที่พวกเขาว่า เป็นเช่นไร เมื่อใดที่เขามีทุกข์ และไม่สบายใจ ผมก็สามารถรับฟังเรื่องราวของเขา และได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน เศรษฐกิจ ปัญหาหัวใจ ปัญหาความผิดพลาดบางเรื่องที่เป็นความลับ ผมสามารถช่วยผ่อนคลายจากหนักเป็นเบาได้ ดังนั้นหอพักทุกแห่งผมสามารถเข้าไปเยี่ยมไปหาไปกินข้าว กินเหล้า หรือผ่อนคลายด้วยการเล่นไพ่ อย่างเป็นกันเอง
“ไปไหน มาครับ อาจารย์ ” เจนจบทักทาย
“มาหาข้าวกิน จะไปไหนหรือเจน” ผมถามลูกศิษย์
“ไปเที่ยวหอผมมั้ย วันนี้ผมไปยิงแย้ มาได้สองพวง ”
“เอาไปทำไรกิน ”
“ลาบแย้ ” เจนจบ ตอบห้วนๆ
“ก็ได้ แล้วเจนพักอยู่กับใคร”
“ไอ้วัตร ครับ”
เมื่อเช้านี้เจนจบกับภานุวัตร เพื่อนร่วมชั้นเรียนชวนกันไปบนดอยเพื่อยิงไก่ป่า แต่โชคไม่ดีนักยิงไม่เข้าเป้า เลยชวดไก่ป่ามาต้มยำทั้งคู่เลยถือโอกาสขุดแย้มาแทนและก็ได้มาเกือบ 50 ตัว
*******************
“ไอ้วัตร ฮาจวน อาจ๋านขลุ่ยมาตวย ” เจนจบบอกเพื่อน
ขณะวัตร กำลังนั่งยองๆ เผาแย้ตัวเป็นๆ ในกองฟืน
“คิง(มึง)เผาแย้ เสร็จแล้วถลกหนังมาให้ฮา(กู) เดี๋ยวฮาจะสับฮื้อมันละเอียด จะได้เคี้ยวทั้งกระดูกเลย” เจนจบพูด
ทั้งสองแบ่งหน้าที่กันทำ ผมมองเขา แม้อยากจะเอ่ยปากช่วยเหลือ แต่คิดว่าควรมองดู เพื่อศึกษาน่าจะดีกว่า
“อาจารย์ เคยกินแย้หรือเปล่า ” วัตร ถาม
“ไม่เคยเลย สักครั้ง ” ผมตอบ
“ลองดูครับ จะติดใจ”
“ว่าแต่สองคนมาอยู่ ค่าเช่าแพงมั้ย ”
“เดือนละสามร้อย ครับ น้ำไฟต่างหาก ” ทั้งสองคนพูดเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
“วางอนาคต กันอย่างไร ถ้่าจบ ปวส. แล้ว”
“ทำงานครับ ”เจนจบพูด
“ยังคิดอยู่ครับ บอกไม่ได้ครับ อาจารย์ อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ”วัตรพูด
“ผมกับไอ้วัตร แน่นอนอยู่อย่างคือ คงจะตั้งรกรากแถวๆ สถาบัน เราเนี่ยแน่ะครับ” เจนจบ พูดพลางหัวเราะชอบใจ
“ถึงว่าเห็นนายเจน ชอบขี่จักรยานมาทางบ้านห้วยยางนา ข้างโรงสีข้าวลุงมล ” ผมพูด
“ไอ้เจน มันจีบแม่ค้าขายผัก ตั้งแต่ตอนอยู่ปีหนึ่งแล้วครับ อาจารย์ ” วัตรพูด
“มันก็จีบสาวบ้านลุ่ม ข้างหมู่บ้านท่าส้มเปรี้ยว ” เจนพูดบ้าง
หลังจากทำลาบแย้เสร็จ คนทั้งสองก็เตรียมตักใส่ถ้วย เมื่อตักเสร็จแล้ว เขาก็เดินขึ้นไปบริเวณชานกระท่อม ซึ่งพอจะนั่งได้ครบทั้งสามคน สิ่งไม่เคยขาดคือสุราเถื่อนราคาเยาที่มีขายในทุกหมู่บ้าน
"ไอ้เจนเหล้าของฮา(กู) ที่อยู่ใต้เตียง น่ะ เอาออกมารินใส่ขวดเลย" วัตรบอกเพื่อน
เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพแล้ว ทุกคนจึงเริ่มลงมือกินเหล้าในแก้วพอดีคำ แล้วตักลาบแย้ เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย
“ลำขนาด ”ผมดัดจริต พูดภาษาเหนือ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ คนเมืองเหนือ
“วันหน้า หากผมเข้าไปป่าอีก ได้อะไรแปลกๆมา จะไปฮ้องอาจ๋าน ตี้บ้าน เน่อ ” เจนพูด
“ได้เลย " ผมพูด
หากจะพูดถึงความสนิทกับลูกศิษย์ ผมค่อนข้างจะสนิทไปหมด นั่นเป็นเพราะว่าผมต้องทำงานด้านสวัสดิการจดหมาย ธนาณัติ พัสดุ และโทรเลข ที่พวกเขารอคอยด้วยใจจดจ่อที่ต้องผ่านมือของผมก่อนทุกราย จากนั้นผมจึงเขียนรายชื่อประกาศให้เขามารับ กรณีหากเป็นเรื่องขอขาดบาดตาย ผมจึงประกาศเสียงตามสายให้เขามารับโทรเลขด่วน
************************
หลังจากเจนจบจีบสาวชาวบ้านชื่อ เปีย ได้แล้ว เขาจึงไปมาหาสู่และอยู่กินกันฉันสามี ภริยา เปียเป็นสาวที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เป็นเพราะเธอไม่มีใจรักจึงต้องมาประกอบอาชีพเกษตรกรรม และขายผักที่พ่อแม่ปลูกที่ตลาด เจนสามารถ เข้าถึงพ่อแม่ของฝ่ายหญิงได้อย่างกลมกลืนปราศจากที่ติ เขาขยัน อดทน ไม่แคร์ที่เพื่อนๆที่เรียนร่วมกันสัพยอกว่าเขาไร้ความสามารถที่จะจีบหญิงที่มีการศึกษาดีกว่านี้แล้วหรือ
“ผมชอบนิสัย เปียครับอาจารย์ แม้เขาไม่สวยไร้การศึกษา แต่ผมพึงพอใจ และคิดว่าเขาจะเป็นเมียที่ดีและเป็นแม่ที่ดีของลูกผมอีกด้วย"เจน พูดให้ผมฟัง
”จะไปแคร์อะไร ใครอยากว่า อะไรก็ว่าไป ทุกอย่างมันอยู่ที่เราทั้งสิ้น" ผมพูด
นับแต่นั้นมาทั้งคู่ได้ช่วยกันทำมาหากิน เวลานั้นเจนจบ ใกล้จะจบการศึกษาแล้ว ช่วงที่เขามาฝึกงานที่เร่งรัดพัฒนาชนบท ซึ่งห่างจากสถาบันเกือบ 20 กิโลเมตร เจนจบต้องขี่จักรยานไปกลับวันละ 40 กม. เขามีความสามารถในการเชื่อมแก๊ส เชื่อมไฟฟ้าและงานไฟฟ้าและหลังจากฝึกงานครบกำหนดเต็มเวลา หัวหน้างานเห็นว่าเขาเป็นคนมีฝีมือ ขยัน อดทน มัธยัสถ์ และทราบว่าเจนจบมีครอบครัวแล้วจึงดึงเขามาทำงานในอัตราจ้างรายวัน
ขนาดว่าเจนจบยังไม่สอบช่วงปลายภาคปีสุดท้าย แต่เขาก็ได้งานทำก่อนเพื่อนๆร่วมรุ่น รายได้พิเศษในวันเสาร์- อาทิตย์ต่อวันในเวลานั้นคือวันละ 150 บาท นับว่าเป็นรายได้ที่ไม่เลวเลย เขาได้เงินมาสะสมซื้อไม้ที่ละเล็กละน้อยจนสามารถสร้างบ้านหลังเล็กๆอยู่กันตามอัตภาพ แต่ก็มีความสุขความอบอุ่น ผมมีโอกาสไปเที่ยวและเยี่ยมเจนจบบ่อยๆ เป็นเพราะมาทราบภายหลังว่าเปียเป็นญาติทางฝ่ายแม่บ้านของผม นับแต่วันแรกที่เจนจบเริ่มเข้าทำงานเรื่อยมากว่า 20 ปี เขาได้ใช้ยานพาหนะโดยจักรยานขี่ไปทำงานตลอด หน้าร้อน ฝน หนาว เขาไม่เคยปริปากบ่นได้สู้ชีวิตอย่างทรหดไม่ย่อท้อ เจนจบกับเปียมีบุตรชายสองคนคนโต เป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนดคือเพียง 6 เดือน แรกๆ ดูเขาจะทุกข์หนักเกี่ยวกับเรื่องบุตร แต่เขาและภริยาไม่เคยย่อท้อ กว่าลูกจะพูดได้และมีพัฒนาการเหมือนเด็กทั่วไปต้องใช้เวลาเกือบ 5 ปี ผมรู้สึกสงสารเปีย จึงช่วยออกทุนซื้ออุปกรณ์งานครัวให้เขาได้ทำขนมเส้นขายที่ตลาด แรกๆก็พอมีกำไร แต่เพราะไม่มีการศึกษา บางครั้งบางทีการทอนเงินผิดพลาดเนืองๆ เปียจึงเลิกขายของ มาทำหน้าที่เป็นแม่บ้านเลี้ยงดูอย่างบุตรอย่างเดียว เจนจบต้องขยันเพิ่มเป็นสองเท่าจากแต่ก่อน
“สู้ๆ โว้ยเจน ดีแล้วที่ลูกชายเป็นปกติแล้ว เรียนช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ” ผมพูดให้กำลังใจ ขณะนั่งดื่มสุราที่บ้านของเขา
“ขอบคุณครับลูกพี่ ตอนนี้อาจารย์มีศักดิ์เป็นญาติกับผมแล้ว ฮ่าๆๆ ” เจนจบ พูดพลางหัวเราะ
***********************************
เวลาผ่านไปอีก 8 ปี เจนจบ ได้บุตรเพิ่มขึ้นมาอีกคน สองคนสามี- ภริยาบอกกับผมว่าไม่ได้ตั้งใจให้มี ช่วงนี้สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท ถูกยุบหน่วยงาน เจนจบจึงต้องออกจากงานและไปทำงานของบริษัทเอกชน แม้รายได้จะดีแต่ด้วยวัยและสังขารทำให้การทำงานช้าลง ปริมาณงานที่ทำจึงลดลงด้วย แต่จะอย่างไร เขาก็ยังคงทำงานต่อไปเพื่อเลี้ยงตนและครอบครัว ลูกคนโตมีครอบครัวแล้ว คนเล็กสมัครเป็นทหารติดยศสิบตรี ภาระเลี้ยงดูบุตรจึงหมดลง ปัจจุบันเจนจบกับภริยา ได้อุทิศตนเพื่อทำงานให้กับสังคมโดยอาสาเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขและเป็นกรรมการวัด ให้กับวัดในชุมชนที่เขาอาศัย
แม้เขาจะไม่ร่ำรวย ไม่มียศตำแหน่ง เหมือนเพื่อนๆ ร่วมรุ่นที่มีตำแหน่งเป็นถึงอธิบดีของกรมหนึ่ง ในสังกัดกระทรวงเกษตร ไม่มีตำแหน่งได้เป็นพัฒนาการจังหวัด เกษตรอำเภอ เป็นครูบาอาจารย์ .เหมือนเพื่อนๆ แต่ผมอดชื่นชมในหัวใจของศิษย์คนนี้ไม่ได้ ในฐานะที่ผมคลุกคลีกับลูกศิษย์มาอย่างต่อเนื่อง ผมจึงทราบว่า ...ศิษย์คนใด เป็นคนจริง . ศิษย์คนใด.เป็นคนหลอกลวง .“กาลเวลา ”ย่อม .จะบอกเราได้เอง ...
***************************
ช่วงงานศพน้าของเปีย เจนจบได้พาลูกเมียมางานศพกันครบถ้วน วันนี้ เขามีรถกระบะมือสอง ขับมาจากอำเภอแม่เมาะเพื่อมาช่วยงาน หลังเสร็จงาน ผมมีโอกาสนั่งดื่มกับเขาอีกครั้ง หลังจากที่เคยดื่มร่วมกันมาเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
“นายนี่ นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยวะ เจน ”ผมพูด
“แน่นอน ครับ จารย์ขลุ่ย ยังจำบทกลอน ที่ผมเคยพูดไว้ ตั้งแต่สมัยเรียนได้มั้ย ”
“ได้บ้าง ไหนลองท่อง อีกครั้ง ซิ”
“ถึงจะจน เราก็เป็นคนขยัน ถึงจะรั้น เราก็รั้น มีเหตุผล
ถึงจะร้าย เราก็ร้ายกับ บางคน ตัวและตน. .เราเป็นคนที่ ชัดเจน...”
“ใช่เลยว่ะ ไอ้เจน เราภูมิใจในตัวตนของนายมาก แม้นายจะไม่มียศตำแหน่ง แต่นายสามารถเลี้ยงตน เลี้ยงครอบครัว ด้วยหยาดเหยื่อของตน รักลูกรักเมีย อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีที่ตำหนิได้เลยสักนิด นายไม่เคยบ่น ไม่เคยย่อท้อ ไม่เคยแบมือ ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครๆ คนอย่างนี้แหละ คือฮีโร่ของเรา ว่ะ ”ผมพูด
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๓๐ มกราคม ๒๕๖๗))
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น