ชีวิตพลิกผัน - ชีวิตพลิกผัน นิยาย ชีวิตพลิกผัน : Dek-D.com - Writer

    ชีวิตพลิกผัน

    จากวัยรุ่นที่เกเร ผ่านการเกณฑ์ทหาร ไปทำงานจนมีครอบครัว ถูกภริยาทิ้ง ความอย่างมั่งมีจึงใช้ธนบัตรปลอม จนถูกจับติดคุก ว่าไปชีวิตเขาก็น่าสงสารไม่น้อย

    ผู้เข้าชมรวม

    30

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    30

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ม.ค. 67 / 08:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                                                        ชีวิตที่พลิกผัน

         ในหมู่บ้านที่ใกล้สถาบันที่ผมทำงานที่สุดมีสองหมู่บ้าน  ด้านทิศเหนือคือหมู่บ้านบ้านห้วยยางนา ส่วนทางทิศใต้คือบ้านมิ่งมงคล   บ้านมิ่งมงคลเป็นหมู่บ้านเล็กมาก มีหลังคาเรือนปลูกอาศัยไม่น่าจะเกิน 50 หลังคาเรือน คนที่อยู่ในหมู่บ้านเป็นคนในท้องถิ่นตั้งแต่เกิด คนเก่าแก่ที่ผมรู้จักคือแม่คุ่ย  ที่เป็นพี่สาวของหลวงพ่อ ในวันนี้มีอายุครบร้อยพอดี ท่านเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานมานี้นี่เอง สถาบันที่ผมมาทำงาน ณ ขณะนั้นสังกัดกรมอาชีวศึกษา เป็นสายวิชาชีพเกษตรกรรม พื้นที่จึงต้องมีมากมากกว่าสถาบันการศึกษาในสังกัดกรมสามัญหรือสายวิชาชีพอื่นๆ  เพราะวิชาชีพเกษตรกรรม จะต้องเป็นที่เพาะปลูกพืชชนิดต่างๆ อาทิ ข้าวจ้าว ข้าวเหนียว ข้าวโพด  ยาสูบ  พืชผักชนิดต่างๆ ตั้งแต่ผักกาดขาว  คะน้า กวางตุ้ง กะหล่ำปลี  กะหล่ำดอก แตงกวา ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตาฯลฯทั้งยังมีการปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ผล เช่น มะม่วง  ลำใย หากเป็นด้านปศุสัตว์ก็จะต้องมีพื้นที่สร้างคอกสัตว์อาทิ สร้างคอกไก่เนื้อ ไก่ไข่ สุกร วัวนม  บ่อปลานิล ฯลฯสรุปว่าที่สถาบันแห่งนี้มีพื้นที่เกือบ 800 ไร่ เพื่อเป็นที่ฝึกวิชาชีพให้กับนักศึกษาได้จริงๆ

       ในอดีตโรงอาหารของสถาบันฯยังไม่มีการร้านจำหน่ายอาหารประเภท ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว  ให้คณาจารย์และนักศึกษาเพื่อบริโภค ผมจึงต้องออกไปหาของกินภายนอก ร้านที่มีในเวลานั้น มีเพียงร้านนายน้อยกับป้าย้าย  ส่วนบ้านเจ๊เพ็ญจะรับทำอาหารประเภทผูกปิ่นโต ร้านที่ผมมาบ่อยที่สุดคือร้านนายน้อย ที่อยู่ติดกับวัด ร้านนี้จะมีนักศึกษาที่พักอยู่ในละแวกนี้มาอุดหนุนกันคับคั่ง นอกจากจะมีอาหารตามสั่งจำหน่ายยังมี บุหรี่ สุรา ตู้เพลงไว้ให้ลูกค้าสามารถหยอดเพลง ทั้งเพลงสากล ลูกทุ่ง ลูกกรุง ได้ตามความชอบ  

    “ทานอะไร หรือพ่อหนุ่ม  ” ลุงเจ้าของร้าน ถาม

    “มีอะไรบ้าง ครับ  ”

    “อ่านที่กระดาน บอกรายการอาหารเลย” ลุงพูด 

    เขาพูด..พร้อมมองมาที่ผม  เขาคงสังเกตเห็นคนหนุ่มแปลกหน้า ที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก   ผมอ่านเมนูที่ติดข้างฝาห้องซึ่งบริษัทผลิตน้ำอัดลมทำให้ 

    “ข้าวผัดหมู กับไข่ดาวฟองนึง  กาแฟเย็น.แก้ว ” ผมพูด

    หลังจากผมสั่งแล้ว ได้สอบถามลุง ซึ่งเป็นพ่อของเจ้าของร้านค้าร้านนี้  

    “ลุงมีหนังสือพิมพ์ มั้ยครับ ”

    “มีครับ แต่เป็นฉบับ เมื่อวานนี้ นะ  ”

    "ได้ครับ "

     โดยปกติ  ผมจะไปอ่านหนังสือพิมพ์ที่ห้องสมุดอย่างน้อยวันละหนึ่งชั่วโมง  ที่ห้องสมุดมีหนังสือ พิมพ์ ที่รับเป็นประจำถึง 6ฉบับคือสยามรัฐ มติชนไทยรัฐ เดลินิวส์ บ้านเมืองและพาณิชย์ ผมจะต้องอ่านทุกฉบับ การมาอ่านที่ร้านนี้ก็เเพียงอ่านฆ่าเวลา เพราะบางทีบางครั้งที่ผมหยิบจับอ่านที่ห้องสมุดก็มิได้อ่านทุกคอลัมน์  

    “ได้แล้วครับ”

       ผมขยับจานข้าวเข้ามาใกล้ตัว แล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำปลาพริก ใช้ช้อนเล็กที่อยู่ในแก้วจ้วงเอาเฉพาะพริกขี้หนูโรยลงบนข้าว แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นจึงตักเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ตามองหนังสือพิมพ์ไปพลาง  นักศึกษาที่เข้ามาในร้าน บางคนไม่รู้จักกับผม ก็ได้แต่มองๆ  ผมยิ้มๆให้ทุกคนเพื่อผูกมิตร    อีกร้านหนึ่งที่อยู่หลังวัดคือร้านขายข้าวแกงป้าย้าย ร้านนี้ใช้พื้นที่ของบ้านเป็นที่จำหน่าย นอกจากจะขายข้าวแกงแล้วยังขายของเครื่องใช้ เครื่องเขียน ของกินเล็กน้อยๆ อย่างลูกอม ข้าวเกรียบ  ร้านนี้ มีนักศึกษามากกว่าร้านนายน้อย เพราะกับข้าวเป็นแบบง่ายๆที่คนทางเหนือนิยมรับประทาน เช่น แกงวิญญาณไก่ใส่มะเขือ ต้มฟัก  ต้มผักกาดดอง  ผักถั่วงอก ผัดพริกถั่วฝักยาว ส่วนใหญ่นักศึกษาที่มาอุดหนุนจะเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ กินอิ่มเป็นหลัก  ผมมาลองกินครั้งเดียวก็เริ่มรู้สึกว่าน่าจะต้องมาเป็นลูกค้าประจำ เพราะราคาถูกมาก  ยิ่งโดยส่วนตัวไม่ได้เป็นคนมีรสนิยมสูงอะไรมากนัก 

    “ขอโทษ ..เจ้า เป็นอาจารย์ มาใหม่หรือ ” เจ้าของร้านที่เป็นผู้หญิงสอบถาม 

    “ครับ ” ผมตอบสั้นๆ 

    “ดูไม่ออกเลย  ทีแรก ข้าเจ้า..นึกว่าเป็นนักศึกษา เสียอีก"

      การที่ผมเคยเป็นเด็กกิจกรรม ตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งยังมีประสบการณ์ผ่านการทำงานสหกรณ์ และยังมีประสบการณ์ เคยเป็นเซลแมน ทำให้ต้องประสบพบเจอกับสังคมทุกรูปแบบตั้ งแต่สังคมชนบท สังคมเมืองหลวง จึงทำให้ผมปรับตัวได้ทุกรูปแบบโดยไม่ยากนี่จึงทำให้ผมเข้ามาในหมู่บ้านมิ่งมงคลได้อย่างกลมกลืนในเวลาที่รวดเร็ว มากกว่าอาจารย์ที่เคยอยู่มาก่อน 

    “ผมอยากขอรบกวนให้อาจารย์ มาช่วยเหลืองานทอดผ้าป่า ที่วัดซึ่งจะจัดในเดือนพฤศจิกายนนี้ ”  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน พูด

    “ได้ครับ”

    “ผมจะพาอาจารย์   ให้ไปรู้จักกับพระคุณเจ้าหลวงพ่อพระครูสุธรรม  เจ้าอาวาสวัด ”

    “ดีครับ”

                                  **********************

      หลังจากที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้พาผมไปพบกับหลวงพ่อนับแต่วันแรก และได้คุ้นเคยกันมาตามลำดับ และช่วงหนึ่งที่มีการจัดผ้าป่าที่วัด  ผมจึงได้ประสานงานไปที่รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าแผนกโสตฯศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนภาคเหนือ ที่เคเรียนร่วมสถาบันเดียวกันมาก่อน ได้อนุเคราะห์จัดพนักงานและนำภาพยนตร์มาฉายเพื่อสมโภชน์งานบุญผ้าป่า  และนี่คือครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมเป็นผู้ริเริ่มทำ ทำให้ประชาชนและนักศึกษา มีความสุขกับการชมภาพยนตร์จนสว่างคาตา เวลานั้นเด็กวัยรุ่นที่อยู่รอบๆวัด ที่ผมรู้จักมี 5- 6 คนคืออดิศร นิวัฒน์ บุญล้ำ เสาร์คำและสุรเดช  เวลานั้นพวกเขามีอายุได้ประมาณ17 ปี พวกเขามักจะมาคลุกคลีกับพี่ๆที่เป็นนักศึกษาที่มาเช่าพักในหมู่บ้าน  วัยรุ่นทั้ง 5 คนนี้ คนที่มีแววเกเรที่สุดคือ บุญล้ำ  เขามักจะแสดงพฤติกรรมใจถึงพึ่งได้ โดยการกระทำให้เห็นเสมอๆ  

     บุญล้ำเป็นลูกชายคนเดียวของป้าหอม คนเก่าแก่ของหมู่บ้านแห่งนี้ ป้าหอมเป็นม่ายตั้งแต่บุญล้ำอายุเพียง 5 ขวบ เท่านั้น สามีป้าหอมเคยเป็นคนขับรถยนต์โดยสารประจำทางลำปาง- เชียงราย บุญล้ำ เคยบวชเรียนเป็นสามเณรและได้ลาสิกขามาเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิคจนจบชั้นปวช.แผนกช่างไฟฟ้า ในกลุ่มเพื่อนๆของเขาเท่าที่ผมมองเขาเป็นคนหน้าตา ดีและฐานะทางบ้านของเขาจะดีกว่าเพื่อนๆทุกคนแม่ของบุญล้ำค่อนข้างจะเอาใจและตามใจลูกชายคนเดียวของเธอมาก เมื่ออายุ 21 ปี เพื่อนๆรุ่นเดียวกันต้องไปเกณฑ์ทหารที่ในเมือง ในพื้นที่ของหมู่บ้านมีเขากับสาร์คำเท่านั้นที่จับใบแดงได้และต้องเข้าไปประจำการเพื่อฝึกทหาร และรับใช้ชาติถึงสองปีเต็ม

    “สวัสดีครับอาจารย์  ” ชายหนุ่มผมเกรียน หน้าตาหล่อเหลา ร่างบึกบึน ความสูงประมาณ 165 เซนติเมตร เอ่ย. ทักทาย ในขณะที่ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ร้านขายข้าวแกงป้าย้าย  ผมเงยหน้าตามเสียง

     “หวัดดีครับ บุญล้ำ ”ผมพูด

     “ทานข้าว หรือครับ” บุญล้ำ พูด

    “ครับ.ใช่  มากินด้วยกินสิ”

    “ตามสบายครับ ผมกินเรียบร้อยมาจากบ้านแล้ว ผมจะมาหาไอ้ศร ครับ” บุญล้ำ พูด

       ศรหรืออดิศร เป็นลูกคนชายของป้าย้าย  เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ไปเกณฑ์ทหารรุ่นเดียวกันกับบุญล้ำ อดิศร นิวัฒน์และเสาร์คำ แต่ที่จับใบแดงได้มีเพียงสองคนคือ บุญล้ำกับเสาร์คำ    หลังจากเข้าประจำการจนครบกำหนดสองปีแล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองคนจึงชวนกันไปทำงานต่างจังหวัด  บุญล้ำไปทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ  ที่ห้องอาหารแห่งหนึ่ง เขาได้พบรักกับพนักงานแคชเชียร์สาวสวยแห่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นคนภาคเหนือด้วยกัน  และทั้งคู่ได้ตกลงเป็นคู่ชีวิต ครองรักด้วยความหวานชื่น ผมไม่พบกับบุญล้ำกว่า 5 ปี แต่หลังจากช่วงสงกรานต์ของปีหนึ่ง เขากับภริยาได้ตกลงใจลาออกจากการทำงานเพื่อกลับมาตายที่บ้านเกิด เนื่องจากมีบุตรชายที่ต้องดูแลเลี้ยงดุู

       บุญล้ำกับภริยา ได้เงินก้อนหนึ่ง ที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ขณะที่ทำงานในต่างจังหวัด ทั้งสองคงได้ตกลงใจที่เปิดห้องอาหาร ภายในบ้านข้างวัดที่มีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควร  ด้วยประสบการณ์ของคนทั้งสองที่เคยทำงานในห้องอาหารมาก่อนจึงช่วยกันออกแบบห้องอาหาร เพื่อจะสนองตอบความต้องการของลูกค้า  และสามเดือนต่อมาห้องอาหารของบุญล้ำกับภริยา ก็ได้สร้างจนเสร็จ ค่าใช้จ่ายและค่าซื้ออุปกรณ์งานครัว ต่างๆ อาทิตู้แช่  เตาแก๊ส  กระทะ ถ้วย ชาม ฯลฯไม่ต่ำกว่าสามแสนบาท 

       บุญล้ำ ได้ใช้กลยุทธ์ การตลาดเบื้องต้น ด้วยการเชิญชาวบ้านในหมู่บ้าน ที่สนิทๆ มาร่วมทำบุญร้านอาหารของเขาที่เปิดขึ้นมาใหม่  พร้อมมีวงดนตรีมาสร้างบรรยากาศ  และหลังจากนั้นอีกสามวันเขาได้ติดใบประกาศในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงให้มาชิมอาหารฟรีสามวัน  

      “อาจารย์ ขลุ่ย  ผมกำลังจะทำบุญห้องอาหาร ที่จะเปิดในเร็วๆนี้  ยังไงอาจารย์ต้องมาร่วมงานของผมให้ได้  คนอื่นๆไม่มา ผมไม่ว่า แต่อาจารย์ไม่มาไม่ได้  นะครับ  ผมไหว้จริงๆ ” บุญล้ำ พูด 

      บุญล้ำกับภริยาสาวสวยไม่แพ้นางงามที่ประกวดในงานฤดูหนาวของจังหวัดลำปาง  เดินทางมาหาผมที่บ้านพัก ด้วยรถจักรยานยนต์  

      “ได้  ยังไงจะลองเช็กตารางเดินสายเข้าเมือง ประเดี๋ยวก่อนนะ”

     “ผมขออาจารย์สักวัน นึงน่า.. ”บุญล้ำ พูดอ้อนวอน

     “เค  ตกลง” ผมพูด

       สองสามี โล่งอกที่ผมตอบรับออกไป จากนั้นเขาก็ได้ขี่รถ ออกจากบ้านผมไปหาอาจารย์ประชัน คนที่คุ้นเคยอีกคน ที่มักจะพบเจอกันที่ตลาด 

                                             **************************

       วันทำบุญที่ร้านอาหารจีรพรรณ  เพื่อนฝูงของบุญล้ำ ญาติๆ และคนสนิทกว่า 50 คนมาพร้อมหน้า ช่วงเช้ามีการทำบุญตักบาตรเลี้ยงอาหารเพล และช่วงเย็นที่เป็นไฮไลท์ของงานก็เริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็น การจัดเลี้ยงอาหารเป็นฝีมือของบุญล้ำ ที่ได้เตรียมทำตั้ งแต่วันก่อนงานหนึ่งวัน  สองสามีให้การต้อนรับ แขกเป็นอย่างดี วงดนตรีที่จ้างก็เป็นกลุ่มเพื่อนๆที่รู้จักกัน

      “ขอบคุณครับอาจารย์  เดี๋ยวมานั่งโต๊ะผม จะได้คุยกันสักหน่อย” บุญล้ำ พูด

      บุญล้ำ เดินนำผมมายังโต๊ะเพื่อนๆทั้ง 5 คนที่สนิทกัน  วัยรุ่นกลุ่มนี้ รู้จักกับผมดี เพราะมีอาจารย์ในสถาบันเพียงคนเดียวเท่านั้น ทีมาคลุกคลีตีโมงกับนักศึกษาที่พักในหมู่บ้านนี้   โต๊ะที่บุญล้ำจัดไว้ให้แขกมีประมาณ 4 โต๊ะๆ ละ 8 คน ส่วนที่เหลือที่เป็นญาติก็ใช้วิธีการนั่งลงที่พื้นบ้าน แบบง่ายๆ  ถัดจากนั้นมาอีกสามวัน ร้านอาหารของบุญล้ำใช้วิธีการจูงใจให้นักศึกษามากินฟรีสามวันแรก นับว่าเป็นการจูงใจที่ได้ผล  จากนั้นลูกค้าที่เป็นนักศึกษาก็ได้มาอุดหนุนร้านของเขาอย่างอุดหนาฝาคั่่ง  ทำให้ร้านที่เปิดก่อนมาก่อนเงียบเหงา  การที่ลูกค้าเนืองแน่นส่วนหนึ่งมาจากรสชาติจากฝีมือของเชฟทั้ง ราคาอาหารตามสั่งที่ไม่แพง  ทั้งภริยาของบุญล้ำ ซึ่งมีความสวย สุภาพ มารยาทดีจึงเรียกลูกค้าได้มาก

     บุญล้ำกับภริยามีบุตรชายเพียงคนเดียว ชื่อเอกพงษ์   เอก เป็นเด็กชายที่ค่อนข้างเรียบร้อย  ในวัยเด็กที่ผมเห็นเขาไม่มีแววเลยสักนิด ที่จะมีกิริยาอาการเอนเอียงมาทางสตรีเพศ สภาพแวดล้อมของเด็กๆ ในบริเวณนี้ ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง 80 เปอร์เซ็นต์ เอกเข้าเรียนชั้นประถม-มัธยม มาตามลำดับ ช่วงเรียนชั้นมัธยมต้น กิริยาท่าทางเขาค่อนข้างจะกระเดียดในทางตุ้งติ้งมากขึ้น จนชัดเจนเกินที่บุญล้ำจะดัดนิสัยให้มาเป็นสุภาพบุรุษได้ดังพ่อ  เขาจึงปล่อยให้ลูกชายเป็นไปดังจิตใจที่อยากเป็น ระยะต่อมา.ภริยาของบุญล้ำ ปันใจไปมีคนรักใหม่ และละทิ้งจากบุญล้ำมาจนถึงปัจจุบัน  เขาได้อยู่กับลูกชายเพียงสองคน ห้องอาหารจึงต้องปิดตัวลง 

    “แย่เลยครับ อาจารย์  ภริยาผมทิ้ง ไปมีคนรักใหม่  ผมอยู่กินกับเขามาตั้งแต่เป็นแฟน จนมีลูกชายอายุได้14 ปี  เขาไม่น่าจะทำกับผมเลย”  บุญล้ำ ระบายความในใจให้ผมฟัง ขณะเขาไปเที่ยวบ้านเพื่อนซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน

    “คิดว่า เราคงทำบุญร่วมกันมาแค่นี้  นะ”

     “นี่ ผู้ใหญ่เสาร์คำ  มันชวนให้ลงสมัคร สมาชิก อบต.  ในหมู่บ้าน มันรับปากว่าจะช่วยสนับสนุนให้ผมมีโอกาสได้เป็นสมาชิกให้ได้”

    “ดี ผมสนับสนุนอีกคน ยังไงผู้ใหญ่ ช่วยบุญล้ำด้วยนะ”ผมพูด

    “ครับ อาจารย์ เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อนครับ” ผู้ใหญ่เสาร์คำพูด 

     เมื่อมีการเลือกสมาชิก อบต. ในพื้นที่บุญล้ำก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกของหมู่บ้าน  เขาได้สวมเครื่องแบบตามความฝัน ที่เคยตั้งใจ  สองปีแรกที่เขาทำหน้าที่ตัวแทนของชาวบ้านได้ทุ่มเท เสียสละอย่างเต็มความสามารถ  การที่เขาได้รับเพียงเงินเดือนที่ไม่มากนัก จึงทำให้ต้องพยายามหารายได้เสริมเพื่อชดเชยกับรายจ่าย ค่าภาษีสังคม ที่มากขึ้นจากการต้องจ่ายค่าซองที่ได้รับเชิญจากชาวบ้านในหมู่บ้าน อาทิ .งานบวช งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานศพฯลฯ 

       บุญล้ำต้องรับงานเป็นช่างทาสีเพิ่มขึ้นมาอีกงาน เพื่อเพิ่มรายได้ แต่งานด้านช่างสี นานๆจึงจะมีให้ทำสักครั้ง  ความคิดชั่ววูบกับปัญหาครอบครัว และส่วนตัว ทำให้บุญล้ำคิดตื้นๆ เพื่อความอยู่รอดและความสุขสบายโดยไม่ต้องเหนื่อยมาก  เขาได้ลงทุนด้วยเงินน้อยนิด ไปซื้อธนบัตรปลอมจากแหล่งผลิตแห่งหนึ่ง  ที่ทำธนบัตรปลอมเหมือนของจริงอย่างไม่ผิดเพี้ยน  เขาได้เริ่มทดลองนำไปใช้ ในอำเภอใกล้เคียงและไม่มีแม่ค้ารายใดจับพิรุธได้เลยสักราย เขาใช้วิธีการซื้อบุหรี่และสุราและได้ให้ธนบัตรใบละ 500  เขาได้รับสิ่งของพร้อมเงินทอน แต่ก็ต้องเสี่ยงกับสักวัน ที่อาจจะมีผู้ค้าที่เห็นความพิรุธ จับธนบัตรปลอมที่เขาใช้        

       บุญล้ำมีความสุขกับการใช้ธนบัตรปลอมอย่างเพลิดเพลิน เขาไม่ได้ชะล่าใจเลยว่ากำ ลังถูกตำรวจตามล่าตัวการใช้ธนบัตรปลอม  ข่าวลือเรื่องธนบัตรในต่างอำเภอเริ่มหนาหู  แต่ผู้กระทำยังไม่หยุดยั้ง

     “บุหรี่ซองนึง บะหมี่สำเร็จรูป 5 ซอง”  บุญล้ำสั่งให้แม่หยิบสินค้า  เธอยื่นส่งสินค้าให้พร้อมรับธนบัตรใบละห้าร้อยบาท  จากที่มีข่าวลือธนบัตรปลอมทำให้แม่ค้าต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ขณะบุญล้ำกำลังรอเงินทอน

    “ช่วยจับ คนใช้แบงค์ปลอมด้วย” แม่ค้า ตะโกนเสียงดัง บอกให้คนมาเที่ยวในงานประเพณีได้รับรู้  บุญล้ำตกใจ จึงรีบหนีทันที  เขารอดจากการถูกจับกุมและหลบไปต่างจังหวัด เมื่อข่าวคราวซาๆ  เขาจึงได้กลับมาบ้าน และถูกตำรวจจับกุมได้ในที่สุด จากนั้นจึงถูกศาลสั่งจำคุก 10 ปีฐานมีและใช้ธนบัตรปลอม เขาขาดอิสรภาพ 5 ปี และได้รับการพ้นโทษออกมา

      หลังจากพ้นโทษ  เขาเข้าหน้ากับเพื่อนบ้านไม่ติด เพราะมีแต่คนรังเกียจที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหมู่บ้าน  เขาได้ออกจากบ้านกลับไปยังอยุธยา เพื่อกลับไปเป็นเชฟอีกครั้ง จนได้ภริยาคนใหม่ และได้ลูกสาว  เวลาผ่านไปเมื่อข่าวต่างๆ ซาลงเขาได้พาครอบครัวกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง   แรกๆ เขาไม่กล้าทักทายผม และผมก็ไม่ชอบกับคนที่เอาเปรียบสังคม  แต่เมื่อช่วงหลังเขาสำนึกและกลับมาเป็นคนดีของสังคม ผมจึงยินยอมเปิดโอกาสให้เขากลับตัวกลับใจ

     “ลูกสาว เรียนชั้นไหนแล้ว ” ผมถาม บุญล้ำ ช่วงยามเช้าที่พบเขาพาลูกสาวมารอขึ้นรถโดยสาร

     “ ป.6 แล้ว ครับ”

      ผมยืนคุยกับบุญล้ำ วันละเล็กละน้อย มองดูว่า อดีตที่เขาเคยผิดพลาด คงทำให้เขาเกิดความรู้สึกผิดและคงไม่กลับไปทำซ้ำอีก 

     “สมัยหน้า ผมจะลงสมัครลง สมาชิกอบต. อีกครั้งครับ ” บุญล้ำพูด

     “โอเค  ลืมเรื่องราวในอดีต และทำวันนี้ให้ดี ทุกคนคงให้โอกาส”

     “ลูกคนโต ไปอยู่ไหนแล้ว”

     “เขามีครอบครัวแล้ว  ทำงานอยู่ที่พัทยา  ” บุญล้ำพูด 

         ว่าไปแล้ว ชีวิตของบุญล้ำก็น่าเห็นใจ มีภริยาก็ถูกละทิ้ง ลูกชายที่เป็นความหวัง ก็เปลี่ยนเพศสภาพเป็นหญิง ห่างไกลกัน ตัวเขาเองก็ต้องผ่านคุกผ่านตาราง  ชีวิตที่พลิกผันเพียงแค่หวังความสุขสบาย กลายเป็นตราบาปที่สร้างแผลเป็น ติดตัวชั่วชีวิต  

      “มีอะไรให้ผมช่วยได้  ยินดีจะช่วยให้  นะ สู้ๆนะ  บุญล้ำ”  ผมพูดให้กำลังใจ

                             เขายิ้ม.. เศร้าๆ   บาดแผลนี้  ลึกเกินที่เขาจะเข้าหน้าผมติด   

                                                ขลุ่ย   บ้านข่อย 

                                             (๒๕  มกราคม  ๒๕๖๗)

           

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×