หยาดเหงื่อของนายดำ - หยาดเหงื่อของนายดำ นิยาย หยาดเหงื่อของนายดำ : Dek-D.com - Writer

    หยาดเหงื่อของนายดำ

    เขาประกอบอาชีพพ่อค้าเร่ ตั้งแต่.ยังหนุ่ม ด้วยความขยัน สู้ชีวิต..สามารถ เลี้ยงตนและครอบครัว จนมีฐานะดีขึ้น ทั้งยังได้ลูกที่ตั้งใจเรียน จนประสบความสำเร็จ แต่..น่าเสียดายที่ภริยาต้องมาจากไป

    ผู้เข้าชมรวม

    53

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    12

    ผู้เข้าชมรวม


    53

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ม.ค. 67 / 15:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                                               หยาดเหงื่อ. ของไอ้ดำ

          คงไม่ต้องบอกที่มาของชื่อ ของบุรุษคนนี้  ไอ้ดำหรือคุณดำ บุรุษผิวเข้ม ฟันขาว อารมณ์ดี ผู้มีมนุษยสัมพันธ์เยี่ยม เขาเป็นคนต่างถิ่นที่่ย้ายมาจากจังหวัดนครสวรรค์.เพื่อมาทำมาหากินงานค้าขายในจังหวัดลำปางตั้งแต่ยังหนุ่ม ผมรู้จักกับนายดำเพราะเขาเป็นพ่อค้าเร่คนแรกๆที่มาขายของที่ตลาดบ้านห้วยยางนา ตั้งแต่ยังเป็นตลาดที่มุงหญ้าคา  เวลานั้นดำมีอายุเพิ่งพ้นจากการเกณฑ์ทหาร  เขาติดตามลุงกับป้าซึ่งเป็นกรรมกรก่อสร้างมาอยู่ที่นี่ และช่วงแรกๆเขาต้องช่วยลุงทำงานเพื่อความอยู่รอด ความฝันของดำในเวลานั้นคืออยากจะเป็นนักร้องประจำวงดนตรี บ่อยๆครั้งท่ี่วงดนตรีลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงมาเปิดทำการแสดงทั้งในตัวจังหวัดและอำเภอใกล้ตัวจังหวัด ดำจะต้องชวนลุงให้มาเป็นเพื่อนเพื่อเข้ามาสมัครประกวดร้องเพลง แต่โชคไม่เข้าข้างเขาเลยสักครั้ง แม้น้ำเสียงเขาจะดีเพียงใด แต่การที่เขามีหน้าตาดุ ดังกับผู้ร้ายทั้งยังดำยังกับนิโกรจึงทำให้เสน่ห์ในตัวเขาลดลง  

       ช่วงที่ผมมาทำงานใหม่ๆตลาดบ้านห้วยยางนา คือแหล่งที่ทำให้ผมคลายเหงาได้ เพราะอย่างน้อยมีร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งมีแม่ค้าม่ายทรงเครื่องสวยดังกับนางงามวัยเดียวกันกับผมจำหน่ายของหวานและเครื่องดื่มให้สั่งกินได้  ที่ร้านของแม่ค้าคนนี้ยังมีหนังสือพิมพ์ให้อ่านเพื่อติดตามข่าวคราวได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเลิกงานแล้ว. ผมจึงเดินมาตลาดหรือบางครั้งก็หยิบยืมจักรยานของนักศึกษามาตลาดบ้านห้วยยางนา แรกๆที่ี่ตลาดนี้ จะมีร้านค้าเพียง 3- 4  เจ้า คือร้านขายกับข้าวปรุงสุกแล้วกับขายขนมหวานของพี่อนงค์ ร้านพี่หล้าขายผักชนิดต่างๆ  ร้านลุงแก้ว จำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ  จนเวลาสายๆสักสิบโมงเช้าจึงมีแม่ค้าเนื้อวัว คนบ้านท่าส้มเปรี้ยวมาขายเนื้อวัว-ควาย เพื่อให้คนในชุมชนและขาจรท่ี่ผ่านไปมาแถวนี้ได้ซื้อเนื้อไปทำลาบ ทำแกงอ่อม รับประทาน  

     ตลาดบ้านห้วยยางนาจะเริ่มคึกคักในช่วงเวลาตั้งแต่สี่โมงเย็น เป็นเพราะเวลานั้นนักศึกษาเริ่มว่าง จึงทยอยออกจากสถาบันมาจับจ่ายซื้อวัตถุดิบกับข้าวที่ปรุงเสร็จแล้ว ขนม ไว้เป็นอาหารมื้อค่ำ  ผมเริ่มจะคุ้นเคยกับการกินขนมเส้น (ขนมจีนน้ำเงี้ยว)ที่ร้านป้าวรรณที่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้านของเธอเอง ผมคิดว่าผมและนักศึกษาที่มาจากจังหวัดอื่นๆ แรกๆเมื่อกินขนมจีนน้ำเงี้ยว รสชาติของมันดูออกจะแปลกๆ ปูเล่ี่ยนๆอย่างไรชอบกล กว่าจะรู้สึกรับได้และพอจะกินได้แบบไม่ฝืนก็ใช้เวลากว่าสามเดือนเลยเทียว  

    “เป็นไงหรืออาจารย์ ทำหน้าตาแปลกๆ  ” ป้าวรรณ  พูด เพราะเธอสังเกตุ อากัปกิริยาท่ี่ผมตักขนมเส้นเข้าปากไป

    “รสชาติ แปลกๆ ครับป้า  ผมยังไม่คุ้นชิน เลยน่ะ”

     "กินไม่หมด ก็ไม่เป็นไร ป้าเข้าใจน่ะ  สักพักอาจารย์ก็อาจจะชินก็ได้"  ป้าวรรณ พูด(ภาษาท้องถิ่นเหนือ)

      หากพูดถึงความคุ้มค่ากับการกินขนมจีนน้ำเงี้ยวในราคาเพียง5 บาท นับว่าเป็นราคาที่ไม่แพงเลยสักนิด  มื้อเย็นกินเพีียงชามเดียวก็เสมืิอนกินข้าวหนึ่งจานแล้ว 

                       ******************************************* 

    บริเวณ..ใต้ต้นมะม่วงป่า เยื้องๆแขวงหมวดทางหลวง  มีชาวบ้านกำลังยืนมุงพ่อค้าที่กำลังส่งเสียงโหวกเหวก ดังลั่น ทำให้ผมที่กำลังสนใจอ่านข่าวกีฬาต้องหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    “เร่เข้ามาครับ เร่เข้ามา เลือกรองเท้ารุ่นใหม่ไฟกระพริบ มีทุกรูปแบบ ทั้งเด็กเล็ก ผู้หญิง  ผู้ชาย ไม่ซื้อไม่หา ไม่ว่าอะไร เชิญได้ตามใจเข้ามาๆ ครับ.เข้ามา  ”พ่อค้าส่งเสียงร้องเรียก กึ่งตะโกน   

    นี่คือกลยุทธ์ของชายผิวคล้ำ อารมณ์ดีที่เป็นพ่อค้าเร่ คนแรกที่นำเอารองเท้ามาขายให้กับชาวบ้านละแวกนี้  เขามีผ้าใบปูรองพื้นแล้วนำรองเท้าทุกรูปแบบมาจัดวางเรียง  พร้อมเปิดเพลงลูกทุ่งเก่าๆพร้อมมีไมโครโฟนพูดจูงใจให้ลูกค้ามาอุดหนุน  

    ผมจ่ายเงินค่าชาเย็นให้แม่ค้าม่ายคนสวยแล้ว เดินไปยังต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นรองเท้า จึงสนใจทีี่จะเลือกหาซื้อไว้ใส่สักคู่

    “พี่คนนี้ สนใจคู่ไหน เชิญเลือกตามใจชอบ  นะครับ”  พ่อค้าพูด

    “ขอเลือกก่อนนะ  .พ่อค้า  ” ผมพูด

    “ตามสบายเลยครับ ” พ่อค้าพูด พร้อมมีรอยยิ้ม  

    ผมสังเกตเทคนิคการขายของเขาว่า มีพรสวรรค์ในการจูงใจกับชาวบ้านได้อย่างดีเยี่ยม  เมื่อดูรองเท้าคู่ที่ถูกใจได้แล้วจึงต่อรองราคากัน

    “ได้ครับ หยวนๆ นี่ผมกำลังจะกลับบ้านพอดี  ”พ่อค้าตอบ

    นี่ถือเป็นครั้งแรก ที่ผมกับพ่อค้าคนนี้ได้รู้จักกันในฐานะผู้ขายกับผู้ซื้อ  ซึ่งมิได้มีีความลึกซึ้งอะไรกันเลย  ผมได้ยินเจ้าของตลาดเรียกชื่อพ่อค้าว่านายดำ   ผมจึงจำชื่อของเขาได้โดยมิยากนัก เป็นเพราะตัวเขาดำเหมือนชื่อ  ดำ.. จะนำรถ จักรยานยนต์พ่วงบรรทุกรองเท้า ซึ่งใสในถุงพลาสติกไว้หลายสิบถุง  เขาจะมาทำการค้าขายที่หมู่บ้านแห่งนี้ เดือนละครั้ง โดยจะหมุนเวียนเปลี่ยนสถานท่ี่ไปยังหมู่บ้านต่างๆทุกแห่งหนท่ี่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย  หากบางครั้งในบางหมู่บ้าน วัดบางแห่งมีการจัดงานประเพณี 5 คืน 7 คืน เขาก็จะปักหลักพักค้าง ณ. ที่เขาเช่าพื้นที่นั้นๆ ส่วนใหญ่นายดำจะมาขายรองเท้าที่หมู่บ้าน บ้านห้วยยางนาเดือนละครั้ง เขากับผมเริ่มคุ้นเคยกัน เพราะทุกครั้งท่ี่เขามาเตรียมจัดรองเท้าและยังไม่ถึงเวลาขาย เขาจะมาสั่งก๋วยเตี๋ยวพร้อมสั่งโอเลี้ยงกิน 

      “อาจารย์เจ้า ..วันนี้มีกล้วยบวชชี จะกินบ๋อ”แม่ค้าถามผม ขณะผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ .นี่จึงทำให้ดำได้ยิน และทำให้เขาทราบถึงสถานะของผมว่า มีอาชีพอะไร  

     ผมกับดำได้นั่งที่โตะยาว โต๊ะเดียวกัน ผมกินขนมหวานเขากินก๋วยเตี๋ยว เรามีโอกาสได้คุยกันตามประสาชาวบ้าน แม้จะยังไม่คุ้นเคยก็จะคุยเรื่องสัพเพเหระ เรื่องทำมาค้าขาย เศรษฐกิจ- การเมือง  

    “ผมนี่ ชอบน้าชาติ นายกรัฐมนตรีคนนี้มากเลย” ดำพูด

    “ชอบเขา เรื่องอะไร เหรอ”

    “แกเป็นนายกฯ ที่เพลย์บอย เป็นกันเอง ง่ายๆ  หนำซ้ำแกยังมีนโนบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้าเสียอีก”ดำพูด

    เมื่อดำพูดมาถึงตรงนี้ ทำให้ผมมองและคิดไปว่าพ่อค้าคนนี้ ช่างมีความสนใจการบ้าน การเมือง ดีกว่าอาจารย์ในท่ี่ทำงานของผมบางคนเสียอีก   

       "ที่ดำพูดมา.ก็ตรงกับความคิดของเราทุกอย่าง นี่ถ้าทำความรู้จักกับเขามากกว่านี้ คงได้พึ่งพากันได้ ในอนาคต "  ผมคิด 

      สองปีต่อมา.ดำได้พบรักกับสาว คนอยู่ในหมู่บ้าน-บ้านฟ่อน ชื่ออำภา ที่เป็นลูกจ้างร้านค้าแห่งหนึ่ง  ทั้งสองตกลงร่วมเป็นคู่ชีวิต จนได้ลูกสองคนคนโตเป็นชาย คนเล็กเป็นหญิง  หลังจากดำแต่งงานกับอำภาช่วงท่ี่ยังไม่มีบุตร ทั้งคู่จะใช้รถจักรยานยนต์พ่วงเร่ขายรองเท้าดังเดิม ทั้งสองมีความขยันขันแข็ง ผมพบคนทั้งสองที่ตลาดในหมู่บ้าน ที่เขาเคยมาขายรองเท้าทั้งคู่ดูจะมีความรักใคร่กันมาก เวลาผ่านไป อีกหนึ่งปี. ดำกับภริยา ได้เปลี่ยนพาหนะในการขนสินค้าไปจำหน่ายในที่ต่างๆด้วยรถยนต์สภาพกลางเก่ากลางใหม่ 

     “ผมกับเมีย ได้ตัดสินใจที่จะซื้อรถยนต์มือสอง เพราะเวลาเดินทาง สามารถไปไหนมาไหนได้ไกลๆทั้งยังสามารถหลบแดดหลบฝนได้ด้วย  ”ดำบอก  

    “ดีเลยดำ มีรถยนต์เราก็สะดวกและมีความปลอดภัยกว่ารถจักรยานยนต์มากมาย ขี่จักรยานยนต์เหมือนเนื้อหุ้มเหล็ก แต่ขับรถยนต์เหมือนเหล็กหุ้มเนื้อ แม้จะเป็นมือสอง มันก็ดีกว่ามอเตอร์ไซด์เป็นไหนๆ ”

    “ใช่ครับ ”

    “เป็นไงบ้างดำ ค้าขายช่วงนี้  ”  ผมถาม

    “ก็ดีบ้าง ช่วงขายดี มักจะเป็นช่วงเทศกาลน่ะครับ อย่างช่วงสิ้นปีี ตรุษจีน สงกรานต์  ช่วงเข้าพรรษา ออกพรรษา  ลอยกระทง ” ดำตอบ

     “ตั้งแต่มีครอบครัว เราต้องออกมาขายด้วยกันทุกวันเลย หรือเปล่า  ”

    “ครับ  ส่วนใหญ่มาด้วยกัน เว้นแต่เธอมีภาระอื่นๆที่มาด้วยไม่ได้  ผมจึงต้องมาขายคนเดียว ”

                                   ***************************************

    ในทุกๆปีที่สถาบันฯที่ผมทำงาน จัดงานวันเด็กแห่งชาติ เพื่อให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชา การ งานด้านกีฬา งานดนตรี ผมจะได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการ ให้เป็นแม่งานในส่วนของกิจกรรมของนักศึกษา กอรปกับในขณะนั้นผมยังเป็นหัวหน้าแผนกการจำหน่ายผลผลิต ในปีนี้ก่อนจะถึงงานวันเด็ก ผมจึงได้ประสานกับเจ้าของกิจการสวนสนุกที่เคยออกงานฤดูหนาว เช่น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน รถไต่ถัง ให้มาร่วมให้ความสนุกสนานกับเด็กๆ เพื่อให้บรรยากาศในงานคึกคักเหมือนงานเกษตรแฟร์ที่บางเขน  นอกจากนั้น…ผมจึงคิดว่าหากติดต่อนายดำให้เอารองเท้ามาขายในงานวันเด็กที่สถาบัน และให้เขาชวนเพื่อนๆที่เป็นพ่อค้าเร่ นำสินค้านนานาชนิดมาขายด้วย คงจะทำให้ผู้ปกครองและเด็กๆ ที่มาเที่ยวงาน จะได้ซื้อของในราคาไม่แพงกลับไปบ้าน

                                                     ***********************

      ที่ตลาด บ้านห้วยยางนา เวลา 15.00 น. ขณะที่ดำและภริยาของเขา กำลังจัดวางรองเท้าเพื่อความสวยงามก่อนจำหน่ายช่วงสิ้นปีเก่า ผมได้ขี่จักรยานยนต์ของราชการ ออกจากสถาบันเพื่อต้องการมาพูดเรื่องธุระกับเขาโดยตรง  

      “สวัสดี .ดำ มาถึงตลาด นานแล้วเหรอ  ”

       “สวัสดีครับ อาจารย์ขลุ่ย  วันนี้มาตลาด ..แต่หัววันเลยเนี่ยะ  ”

      “อยากจะมาคุยธุระ กับดำ…น่ะ”

      “ เรื่องอะไร .หรือครับ  ”

      “พอดี.งานวันเด็กปีนี้  ผมเป็นแม่งานในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ให้เข้ามาร่วมกิจกรรม ตอนนี้ผมได้ไปประสานงานที่วิทยาลัยพยาบาล ค่ายประตูผา  ตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษ  พัฒนาชุมชน และอีกหลายแห่งแล้ว ทีนี้ยังเห็นว่า ทุกๆปีที่ผ่านมาในงานมีแต่แม่ค้าขายของกินอย่างเดียว จึงคิดว่าหากมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของใช้เบ็ดเตล็ดมาจำหน่ายบ้างก็คงจะช่วยทำให้บรรยากาศคึกคักมากขึ้น”

       “จะมาชวนผมไปขายรองเท้าในงาน แล้วสถาบัน เขาไม่คิดค่าเช่าพื้นท่ี่หรือ ”

      “ผมคุยกับผู้อำนวยการแล้ว บอกเหตุผลกับท่านว่า เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศ จึงไม่ขอคิดค่าเช่า แต่ผมมีเงื่อนไขที่จะบอกกับผู้มาค้าว่าจะต้องไม่แสวงหาผลกำไรจนมากเกินไป ดำ..ลองไปชวนเพื่อนๆผู้ค้า แล้วนำรายชื่อมาให้ผม ผมจะได้นัดคุยในช่วงเช้าวันงาน” ผมพูด

      “ครับ เดี๋ยวผมเป็นธุระให้”

      “ขอบคุณมาก ผมขอตัวกลับแล้วนะ อย่าลืมจัดการให้ผมด้วยล่ะ จะได้เตรียมสถานท่ี่ไว้ให้"

                                     *************************************

      งานวันเด็กในปีนี้  บรรยากาศเปล่ี่ยนแปลงไปกว่าทุกปี ชาวบ้าน-ประชาชน ใกล้ไกลที่เคยพาบุตรหลานมาเท่ี่ยวชมงานสนุกสนานกับการการได้ชมการฝึกสุนัขจับผู้ร้าย การดมกลิ่นหายาเสพติดฯลฯจากหน่วยปฎิบัติการพิเศษ  ได้เล่นการไต่บันไดลิง การกระโดดหอคอย  การชมอาวุธและรถถัง จากค่ายทหารฯ  มีการตรวจสุขภาพฟรีโดยวิทยาลัยพยาบาล มีสินค้าชนิดต่างๆประเภทเสิ้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า ของใช้ประเภทกระทะ หม้อ ไห จาน ชาม และของเล่นชนิดต่างๆ มากมาย ผมรู้สึกยินดี.และภูมิใจกับผลงานที่ได้กระทำมา  เด็กเล็ก -ประชาชนที่มาเที่ี่ยวมีความสุข ผู้ค้าขายขายของดีิมีกำไร ผลพลอยได้คือคำชื่นชมว่า“ปีนี้สถาบันจัดงานได้ดีเยี่ยม” แต่แน่นอนว่า มีอาจารย์ผู้มือไม่พายกลุ่มหนึ่งต่างริษยากับผลงานที่ผมริเริ่มไว้

    หลังจากที่ผมมีปัญหากับผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา ผมจึงถอนตัวในการทำงานในทุกแผนกแต่ได้รับมอบหมายให้ทำงานเพียงด้านการประชาสัมพันธ์เท่านั้น  นั่นเท่ากับว่างานต่างๆที่ผมเคยวางรากฐานที่ดีแล้วขาดคนที่จะประสานงานกับหน่วยงานภายนอก จึงทำให้ปีต่อๆมา.งานจึงด้อยและถดถอย และผมได้วางมือกับการช่วยเหลือโดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นๆอย่างถาวร 

    “ผมชวนพรรคพวก มาขายของในงานวันเด็ก ในปีหลังๆแต่่อาจารย์ฝ่ายสถานที่เขาเก็บค่าพื้นที่และค่าเช่าแพงมากวันละตั้งสองร้อยบาท กว่าผมจะขายให้ได้เป็นค่าเช่า นีี่.. เหงื่อตกเลยนะอาจารย์ สงสัยปีต่อๆไป พวกผมคงไม่มาขายแล้วล่ะครับ”ดำ  ปรารถให้ผมฟัง  

    “ผมไม่เห็นด้วย นะ กับท่ี่เขาเรียกเก็บค่าเช่าในอัตราแพงเกินไป สักร้อยนึง พวกผมยังพอรับได้ครับ แต่เขายืนยันว่า ทางสถาบันต้องการรายได้เพื่อการพัฒนา”ดำพูดต่อ

    “มันเป็นเพียงข้ออ้างของพวกเขา   เงินที่เก็บพวกนี้ ผมไม่แน่ใจว่า เขาเอา.เข้ากระเป๋าใคร  ”  ผมพูด

    และในปีต่อๆมา กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเร่ก็ไม่ได้เข้ามาร่วมค้าขายในงานวันเด็กอีก และผมก็ไม่พบกับดำอีกเลย

                                ****************************************

     10 ปีผ่านไปผมมาพบกับดำอีกครั้ง..เมื่อเขามาเช่าสถานที่ขายรองเท้า ที่ี่ตลาดสดแห่งหนึ่งอย่างถาวรที่ห่างจากบ้านที่ผมพักประมาณ 5 กิโลเมตร ตลาดแห่งนี้. ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ติดถนนทางหลวงเส้นลำปาง-เชียงรายมีลูกค้าหนาแน่นเนื่องจากมีทำเลดี  

    “สวัสดีครับ.  อาจารย์  โอ.. ไม่เจอกันนานเลย สงสัยเกิน 5 ปีแล้ว”ดำทักทาย พร้อมรอยยิ้มจนเห็นฟันขาวชัดเจน

    “10 ปี แล้วล่ะ ดำ”

     “แป๊บเดียวนะ อาจารย์  อาจารย์ คงมีตำแหน่งใหญ๋โตแล้วสิ”

    “งั้นๆล่ะดำ  คนอย่างผม ไม่ถูกไล่ออกก็บุญแล้ว ”ผมพูด

    “อาจารย์ ไม่ประจบเจ้านาย.นี่”

    “ไม่เคย แม้แต่จะคิด  ”

    “ผมดู อาจารย์ออก  ดีแล้วครับ .เราทำงานด้วยความรู้ ความสามารถของเรา แค่ไหนก็แค่นั้น”

    “ดำก็เป็นคนขยัน รู้จักทำกิน แล้วปัจจุบันลูกเมียของดำ ล่ะ”

     “ภริยาผม เพิ่งเสียได้ไม่ถึงหกเดิอน ท่ี่ผ่านมานี้ เป็นมะเร็งครับ “ เพีียงพูดออกมาเท่านี้ ตาของเขาก็แดง ทำให้ผมเข้าใจถึงความรู้สึกว่า ดำรักภริยาคนนี้อย่างมาก ลูกสาวผมเมื่อจบ ม.6 ก็สอบชิงทุนไปเรียนที่ออสเตรเลียได้ เขาทำงานและมีครอบครัวแล้ว  ส่วนใหญ่โตสมัครเรียนนายสิบแต่โชคดีที่เขาสอบได้ที่ดีๆจึงได้โควต้าไปเรียนโรงเรียนนายร้อย ผมจึงหมดห่วง ทุกคนมีอนาคต ผมก็หมดห่วง .แต่เสียดายที่เมียผมไม่ทันเห็นลูกสาวของเธอเรียนจบปริญญาตรีจากเมืองนอก” ดำพูด ด้วยท่าทีภูมิใจ

    “อ้าว..ลูกๆ ก็มีหน้าที่ การงานกันแล้ว ทำไม ?? ดำยังต้องมาขายรองเท้าอีก ”

    “ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ครับอาจารย์ "

     ไม่คิดหา เพื่อนร่วมชีวิตใหม่ เหรอ”

    “ไม่มีทาง ปิดประตู. ผมสัญญากับตัวเองว่า  จะไม่มีใหม่ อีกเด็ดขาด ทั้งๆที่ลูกๆสนับสนุน กลัวพ่อจะเหงา”

    “แน่ใจนะ  ”

    “แน่ยิ่ง ..กว่าแน่อีก  ”

     เมื่อใดที่ผมแวะมาตลาดแห่งนี้  ผมมักจะแวะไปหาดำเพื่อนเก่า ที่ไม่ได้ทำงานร่วมกันเลย แต่ผมมองว่า เขาเป็นคนนิสัยดี จริงใจ เสมอต้นเสมอปลาย กว่าเพื่อนๆร่วมทำงานในองค์กรเสียอีก หลายครั้งที่ผมย่องเงียบๆมาหาเขา  เขาจะดีใจที่ได้พบกับผม การศึกษา ชั้นยศ ตำแหน่งไม่ได้เป็นอุปสรรคให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน  ท่ามกลางความงุนงงของคนทั่วไปว่าคนหนึ่งเป็นข้าราชการได้คบหากับพ่อค้าอย่างสนิทสนม  สามสิบกว่าปีที่ผมรู้จักกับดำ.ชายผิวคล้ำ มนุษยสัมพันธ์ดี ขยัน อดทน จริงใจ ซึ่งเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง

         ในวันนี้ …เขายังเป็นไอ้ดำ ผู้ไม่ลืมตัวดังกับคนอื่นๆที่ผมเคยรู้จัก

    สุดยอดว่ะ ไอ้ดำ เอ็งต่อสู้ ด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน. แม้ฐานะจะดีขึ้นมากมาย แต่เอ็งก็ไม่ทิ้งวิชาชีพ ที่เคยทำ"

                                                     ขลุ่ย   บ้านข่อย

                                                  ๑๑ มกราคม ๒๕๖๗)

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×