ไม่หล่อแต่ก็มีเสน่ห์ - ไม่หล่อแต่ก็มีเสน่ห์ นิยาย ไม่หล่อแต่ก็มีเสน่ห์ : Dek-D.com - Writer

    ไม่หล่อแต่ก็มีเสน่ห์

    หน้าตาเป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดด้วยตนเองมิได้ โรจนะ เด็กหนุ่ม ผู้มีปมด้อยไม่ต่างจากพ่อ... แต่ทั้งพ่อและตัวเขาเอง ก็ได้ฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ ด้วยความขยัน มุ่งมั่น จนมีครอบครัว

    ผู้เข้าชมรวม

    40

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    40

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ธ.ค. 66 / 14:36 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                                                       ไม่หล่อแต่..  ก็มีเสน่ห์

          ผมคุ้นเคยกับบุญชมซึ่งเป็นพ่อของโรจนะ ตั้งแต่ผมยังเพิ่งมารับราชการที่ลำปางใหม่ๆพ่อของโรจนะ  เป็นคนต่าง-หมู่บ้านที่มาเป็นลูกมือช่างก่อสร้างในหมู่บ้าน บ้านห้วยยางนา เขามาเช่าห้องเล็กๆ ปนๆอยู่กับนักศึกษา ในราคาไม่แพงมากนัก บุญชมมีบุคลิกคือผิวคล้ำและฟันเหยิินยื่นออกมาค่อนข้างมาก ซึ่งอาจเป็นปมด้อยส่วนตัวของเขาก็ได้   อายุของบุญชมในขณะนั้นประมาณ 19-20  ปี ซึ่งอ่อนกว่าผมประมาณ 5-6  ปี เขาเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ มีการศึกษาเพียงจบชั้น มัธยมต้น ในเวลานั้น ..เขาไปทำงานในเมืองกับหัวหน้าช่างไม้ ที่มีบ้านอยู่ใกล้เคียงกัน  

       ทุกๆค่ำ หลังจากเขากลับจากทำงานในเมืองแล้ว  นักศึกษาที่พักใกล้เคียงในกระท่อมที่เขาเช่า ต่างรวมตัวกันหุงหาอาหารมื้อเย็นและสิ่งที่ขาดไม่ได้คือพวกเขาจะต้องไปซื้อสุราเถื่อนจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน มาดื่มก่อนกินข้าว  

            “ชม.. แวะกรึี๊บเหล้าที่หอผมหน่อยดิ” ผจญ เรียกสมาชิกที่มีห้องเช่าใกล้เคียง

    สมาชิกในหอพัก (กระท่อม)ในกลุ่มนี้มีประมาณ 10 หลัง กระท่อมที่ปลูกสร้างเป็นการสร้างแบบง่ายๆ  ทุกหลังส่วนใหญ่ใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุก่อสร้างหลังคาใช้หญ้าคามุุงเพื่อทำให้ไม่ร้อนดังเช่น การมุงสังกะสี 

      “สักครู่นะ ผจญ ผมขออาบน้ำประเดี๋ยว” บุญชม  ตะโกนตอบกลับมา

      “ได้ครับ…เดี๋ยวพวกผมรอ ”ผจญพูด

      กลุ่มนักศึกษากลุ่มที่พักในหอพักแห่งนี้ เป็นเด็กที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายวิชาเอก เกษตรกรรม จากโรงเรียประจำอำเภอและโรงเรียนประจำจังหวัด ทั้งในภาคเหนือและจากหลากหลายทั่วประเทศที่ได้เข้ามาสอบ เพื่อเรียนต่อในระดับปวส. บุญชม มีอายุอยู่ในวัยเดียวกันกับนักศึกษาจึงสามารถเป็นเพื่อนกันได้ง่าย

       “มา เข้ามานั่งกรึ๊บเหล้ากัน วันนี้ ..ผมพล่าเนื้อกิน พวกเราเข้าหุ้นกันคนละสิบบาท” ผจญ พูด

      “นี่.เป็นกับแกล้ม ที่ผมชอบมากเลย ล่ะ”  บุญชม พูด

      “เต็มที่เลย กับแกล้มมีหลายอย่าง มีต้มส้มไก่พื้นเมืองหม้อนึงและผัดผักบุ้ง ” อุทัยเพื่อนร่วมรุ่น พูดเสริม  

       “ได้ไก่..มาจากไหน  ”บุญชม พูด

      “ไก่ชนของไอ้ชนกที่ไปตี(ชน)ที่บ่อนไก่บ้านห้วยน้ำเค็ม เมื่อวานมันชนแพ้ ไอ้นกเลยจัดการเชือดซะ ” อุทัยพูด

      ทุกคนนิ่ง.. เมื่อพูดถึงไก่ชน จริงๆแล้วไอ้เหลืองเคยเป็นไก่ชน ที่ชนกเคยโปรดปรานมากตัวหนึ่ง สมัยที่มันยังแกร่ง แข็งแรง มันไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลย นั่นก็เป็นธรรมดาที่การพนัน ย่อมมีแพ้ชนะ อายุขัยและกำลังวังชาชั้นเชิงมันคงถดถอยจึงสู้ไก่ที่หนุ่มกว่าไม่ได้การแพ้ของไอ้เหลือง ในระยะหลังๆทำให้ชนกขาดการทะนุถนอม แยแสดังแต่ก่อน ว่าไปชีวิตของไก่ตัวนี้ ก็น่าสงสาร พอมันไร้ค่ามันก็กลายเป็นอาหารของเจ้าของ  ในวันดังกล่าว.. ผมได้เข้าไปนั่งสมทบนั่งดื่มสุราหลังจากที่บุญชม หย่อนก้นลงในวงเหล้า ก่อนหน้าผมสักสิบนาที

       ชนก .เป็นนักศึกษาที่มาจากเมืองน้ำเค็มย่านภาคตะวันออก เขาเป็นหนุ่มหน้าตาดี ทางบ้านฐานะดีมากคนหนึ่ง การมาเล่าเรียนที่นี่ ดูเหมือนจะเป็นการมาหาประสบการณ์ชีวิตเสียมากกว่า นอกจากเขาไม่ค่อยตั้งใจเรียนแล้ว   ยังเป็นนักดื่มตัวยง  เวลาไปเรียนหนังสือจึงมักไปสายหรือขาดเรียนสอบครั้งใดๆก็ไม่ผ่านเกณฑ์ จึงได้เกรด D กับ F    

      “ดูมึง ไม่มีท่าทีที่จะเครียดกับเรื่องเกรดการเรียน บ้างเลยนะไอ้นก ” อุทัย พูด

       “เลิกคุยเรื่องการเรียนเลยโว้ย นั่งกินเหล้าดีกว่าว่ะ”ชนก บอกเพื่อนๆในวงเหล้าให้เปลี่ยนเรื่องคุย  

       “ได้ข่าวว่าจีบ..เพ็ญ เหรอไอ้ชม”อุทัย หยอกล้อเพื่อนที่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ แต่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน

      “จะลองดูสักยก  เผื่อฟลุ๊ค ” บุญชมพูด 

       “เพ็ญ..หน้าตาสวยนะ ยังไง พยายามติดตามหน่อย น้าแหวนแม่ของเพ็ญก็ใจดี เข้าหาได้ไม่ยาก อีกอย่างแกก็ไม่ได้กีดกัน”อุทัยพูด

      “ตอนนี้ เพ็ญ ยังเรียนอยู่ชั้นม.5 น่ะ คงเป็นเรื่องของอนาคต แต่ดูแล้วแนวโน้ม เธอก็มีใจให้กู น่ะ ”บุญชม พูดอย่างมั่นใจ

    บรรยากาศการดื่มสุราแบบชาวบ้านๆ ของนักศึกษาที่เรียนในสถานศึกษากับเพื่อนชาวบ้านในวัยเดียวกัน เป็นแบบง่ายๆ กินเหล้าไปคุยกันเรื่องการเรียนบ้าง เรื่องทั่วๆไป บางครั้งก็มีการร้องเพลงกัน ผมในฐานะผู้อาวุโสกว่าทุกคนก็เพียงแต่คอยเสริม และคอยแก้ปัญหาความขัดแย้งในการถกเถียงระหว่างบุคคลในวงสุราที่อาจเกิดขี้นบ้าง..ในบางครั้ง 

                                           **************************** 

     บุญชมเป็นคนขยันหนักเอาเบาสู้  เขาได้ใช้ความพยายามเอาใจทั้งน้าแหวนและเพ็ญคนที่หมายปอง  และหลังจากเพ็ญเรียนจบม.6จนได้เข้าทำงานเป็นแม่บ้านในเมือง ซึ่งพอจะมีรายได้ที่แน่นอนแล้ว ทั้งคู่จึงตกลงใจสมรสกันแบบเรียบง่าย คือผูกข้อมือและเชิญผู้ใหญ่ที่นับถือ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย เพื่อนๆมาร่วมเป็นสักขีพยาน  จากนั้นเพ็ญได้ตั้งครรภ์และได้บุตรชายคนแรกชื่อว่า“โรจนะ” ถัดมาอีกสองปี เธอก็ได้บุตรสาวชื่อฐานิษฐ์แม้ทั้งสองคนจะมีรายได้ไม่มากนัก แต่ด้วยที่คนทั้งสอง มองการณ์ไกลเกี่ยวกับอนาคตของบุตร จึงรู้จักการเก็บหอมรอมริบ ทั้งยังต้องรับงานพิเศษตามที่มีผู้ว่าจ้าง วันเสาร์ อาทิตย์ เพ็ญจะไปรับพืชผักจากตลาดในเมืองมาจำหน่ายในตลาดหมู่บ้าน 

     ผมเห็นโรจนะกับนิษฐ์ ตั้งแต่ยังแบเบาะ ทั้งสองคนฟูมฟักบุตรจนเข้าเรียนชั้นอนุบาลเรื่อยมา ….โรจนะ ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมจากพ่อ  โรจน์ผิวคล้ำและฟันเหยิน เหมือนพ่อไม่ผิดเพี้ยนไปเลยสักนิด แน่นอนว่า  เมื่อโรจน์เข้าเรียน จึงถูกเพื่อนล้อ เกี่ยวกับเรื่องฟันเหยินและเรียกเขาว่า"ไอ้เหยิน"  จนบ่อยๆ ครั้ง เมื่อโรจน์กลับจากโรงเรียน ต้องกลับมาร้องไห้ที่บ้านและฟ้องพ่อกับแม่ว่าเพื่อนๆล้อเขา

    “อย่าไปสนใจ พวกเขาเลยนะโรจน์  เรื่องนี้เป็นเรื่องของธรรมชาติ คนเราเลือกเกิดไม่ได้เลือกจะหล่อและจะเลือกเป็นคนหน้าตาดีไม่ได้  เราเกิดมามีสภาพร่างกายครบสามสิบสอง ก็เป็นบุญแล้วล่ะ โรจน์ลองดูพี่พันข้างบ้านเราสิ  เป็นใบ้ มาตั้งแต่กำเนิดพูดสื่อสารกับใครก็ไม่ได้ เรียนหนังสือก็ไม่ได้”ผมพูดปลอบใจโรจน์ ในบางโอกาสที่ได้ไปนั่งกินข้าวที่บ้านพ่อของเขา

    “มันล้อ ผมแทบทุกวันเลยครับอาจารย์ ” โรจน์ ฟ้อง

     “เราทำ ไม่รู้ไม่ชี้ นานๆเข้า หากเราไม่สนใจพวกเขา ก็ต้องเลิกล้อไปเอง ”ผมพูด

     “ครับ  ผมจะอดทน ”โรจน์ พูด

     “ตั้งใจเรียนมากๆ เราคือความหวังของพ่อแม่นะ” ผมพูด 

    โรจน์เป็นเด็กสุภาพเรียบร้อย ขยัน เด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านห้วยยางนาในวัยเดียวกันกับเขา หลายคนเกเร กินเหล้าเมายา เมากัญชา เป็นนักเลงหัวไม้ ผมไม่เคยเห็นแววว่าโรจน์ จะเข้าไปคลุกคลีกับเพื่อนๆในหมู่บ้านแม้เขาจะเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนๆในหมู่บ้านในฐานะเพื่อน แต่เขาก็ไม่ทำความเสื่อมเสียให้กับครอบครัว  โรจน์เชื่อฟังพ่อแม่ ที่จะไม่เข้าไปข้องแวะกับสิ่งไม่ดี 

    “ดีจังเลยนายชม เลี้ยงลูกได้สุดยอดมาก ขอชมเชยจากใจจริงนะ ”ผมพูด

     “ผมมองลูกชายผมห่างๆ ไม่ได้ห้ามโน่น ห้ามนี่เลย  เขาคงอาจเห็นแบบอย่างของผม ที่ไม่นอกลู่นอกทาง ขยันทำมาหากิน ”ชม พูด

     “นี่ถ้าโรจน์ เรียนจบ ม.หก.. หากไม่อยากเอ็นทรานซ์ เพื่อเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ให้เขาลองมาสมัครสอบที่สถาบันที่ผมสอนสิ ที่นี่เขามีหลักสูตรทั้งปวส.และปริญญาต่อเนื่อง 4 ปี เลย” ผมพูดแนะนำ

    “ปีนี้ลูกชายของผม เพิ่งเรียนอยู่แค่ชั้นม.6 เอง  คงรอไปอีกปีนึง น่ะครับอาจารย์ ยังไง ผมคงต้องพึ่งพาอาจารย์ น่ะครับ”

    “ยินดีครับ พร้อมเมื่อไหร่ ก็แวะหาผมที่บ้านได้   ” ผมพูด

    “ขอบคุณครับ ”ชม พูด 

                                          ****************************** 

    เมื่อลูกชายของบุญชมคือ โรจนะ เรียนจบมัธยมปลายที่โรงเรียนประจำตำบลแล้ว เขาได้นำบุตรชายไปสมัครเรียนต่อเอง โดยไม่ต้องให้ผมช่วยแต่ประการใด  เด็กวัยรุ่นในบ้านห้วยยางนา มีคนได้เข้าเรียนในสถาบันนี้ 3 คนและเลือกเรียน ในสาขาสัตวศาสตร์   ทุกคนเลือกเรียนหลักสูตร 4 ปี แน่นอนว่าการเรียนหลักสูตร 4 ปีติดต่อกัน ย่อมมีความเสี่ยงที่จะถูกรีไทร์มากกว่าเรียนหลักสูตรปวส. ที่เรียนเพียงแค่สองปีแล้วสอบเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตร ( 2 ปี ต่อเนื่อง) อีกครั้ง เป็นความโชคดีที่โรจนะ เป็นคนตั้งใจเรียน  ส่วนเพื่อนๆในรุ่นของเขาต้องใจหายใจคว่ำกับที่ต้องคอยลุ้นเกรดของตน ในแต่ละเทอม หลายคนโดนรีไทร์ตั้งแต่เทอมแรก แล้วสอบเข้ามาเรียนใหม่ในปีการศึกษาต่อไป โดยปกติในสาขาสัตว์ศาสตร์ ผมจะได้สอนพวกเขาในวิชาเลือกเสรี คือวิชาภาวะผู้นำ หรืออาจเปิดวิชาอื่นๆให้เป็นกรณีพิเศษสำหรับคนที่มีผลการเรียนที่เสี่ยงกับการถูกรีไทร์ 

            การเปิดสอนวิชาเพิ่มขึ้นในยุคหลังๆของผม ถือเป็นปริมาณงานที่สามารถให้คุณเพื่อคิดเป็นคะแนนเพื่อการประเมินการขึ้นเงินเดือนของอาจารย์  แต่สำหรับผม  ..คงไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะสถาบันที่ผมทำงาน  เล่นพรรคเล่นพวกมากกว่า ที่จะคำนึงถึงปริมาณและคุณภาพ ผมจึงทำใจ … คิดอย่างเดียวว่า การได้สอนนักศึกษามากๆก็เท่ากับได้ถ่ายทอด ความรู้ ให้นักศึกษาได้นำเอาไปใช้ในการทำงานในอนาคต พูดได้ว่าทุกๆเทอม ผมไม่ได้ดิ้นรนหรือไปบังคับให้นักศึกษาต้องมาเรียนวิชาที่ผมเปิดสอน 

         จากที่ภายหลังที่กระทรวงศึกษา มีกติกาการประเมินผลงาน โดยบังคับให้ทุกคนต้องมีการทำแฟ้มผลงานส่งไปยังคณะกรรมการกลางนี่จึงยิ่งทำให้เกิดการแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตายแม้จะเป็นสิ่งที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนแต่.ในความเป็นจริง.มันกลับเป็นสิ่งที่ทำให้คณาจารย์ ต้องทุ่มเทกับการสร้างภาพและหลอกตัวเอง ทั้งยังเอารัดเอาเปรียบเพื่อนร่วมวิชาชีพเดียวกัน

     “อาจารย์ครับ ผมมาขอปรึกษา เพื่อที่จะขอให้อาจารย์ได้กรุณาเปิดสอนวิชาเลือกเสรี ให้พวกผมเรียน น่ะครับ ”โรจนะ มากับหัวหน้าชั้น  เหตุที่เขามาหาผมเป็นเพราะมีความคุ้นเคยกันในฐานะคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและบิดาของโรจนะคงเคยเล่าเรื่องราวต่างๆของผมให้เขาฟัง 

                                                 *****************************

       วิชาเลือกเสรี ที่ผมเปิดสอนได้ทุกๆเทอม คือวิชาภาวะผู้นำ วัตถุประสงค์ที่ผมเปิดสอน คือเพื่อต้องการถ่ายทอดความรู้ และต้องการให้ลูกศิษย์มีภาวะความเป็นผู้นำ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวตายตัวแทนคนรุ่นเก่า ทำหน้าที่ของการเป็นผู้นำที่ดี มีคุณธรรม ความคาดหวังนี้ อาจจะเป็นจริงได้บ้างซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากแต่นั่นคือหน้าที ที่ผมคิดว่าจะต้องสร้างทรัพยา-กรมนุษย์   

        "เพื่อนๆ ผมลงชื่อเรียน กับอาจารย์เกือบร้อยคนเลยครับ” โรจนะพูด

       “งั้นอาจารย์ จะจัดห้องเรียนรวมห้องใหญ่ให้เลย ยังไงเดี๋ยว จะจัดตารางเรียนให้”  ผมพูด

        การเรียนวิชาภาวะผู้นำจึงเริ่มขึ้นและหลังสอบปลายภาคแล้ว ผมได้ตัดเกรดเพียงสามเกรดคือ A   B + และ B ข้อสอบที่ออกเป็นแบบอัตนัย ผมให้นักศึกษาได้แสดงความคิดเห็นโดยอิสระ นักศึกษาที่ได้เกรด B  ส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่มักท่องจำมาตอบ โรจนะได้เกรด A ในวิชาภาวะผู้นำ ทุกครั้งที่ตรวจข้อสอบแล้ว ผมจะนำคำตอบของนักศึกษาที่ตอบดีๆ มาอ่านให้นักศึกษาทุกคนฟัง และให้ทุกคนได้ปรับปรุงแนวทางการเขียนตอบ  ระหว่างการเรียน โรจนะ ได้ทุ่มเทการเรียนทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติอย่างจริงจัง  กิจกรรมในชมรมและกิจกรรมต่างๆภายในสถาบันเขาได้ให้ความร่วมมือด้วยดี  โรจนะ กับน้องสาวของเขาคือฐานิษฐ์ มีความแตกต่างกันทางสติปัญญา ฐานิษฐ์เรียนระดับปวส. สาขาการจัดการได้เพียงปีเดียว ก็รู้สึกท้อ ผมในฐานะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาได้พยายามช่วยเธอ อย่างเต็มที่ขนาดว่าผมได้รับปากกับบุญชมว่าจะช่วยเหลือ อย่างเต็มที่

      “ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไง ผมจะวางแผนให้ลูกสาวของชม จบให้ได้” ผมพูด

       “ลูกสาวของผม บอกยอมแพ้แล้ว เธอสู้ไม่ไหว เพราะยังมีวิชาคำนวณอีกในเทอมหน้า  ผมยังบอกว่าอาจารย์ขลุ่ยรับปากว่าจะช่วยเหลือแต่เธอก็ไม่ยอมท่าเดียว”นายชมพูด

        สรุปว่าฐานิษฐ์ ไม่ได้เรียนต่อ. บุญชมจึงฝากให้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การเงินของหมู่บ้าน เมื่อโรจนะเรียนจบหลักสูตรแล้ว เขาได้ไปทำงานเป็นลูกจ้างที่สำนักงานปศุสัตว์ ในอัตราจ้างรายวัน ด้วยความขยันและทุ่มเท ต่อมาจึงได้กินเงินเดือนในอัตราจ้างรายเดือน  

     “ โรจน์ ..วันเสาร์นี้ ช่วยไปฉีดวัคซีน โรคกลัวน้ำให้อาจารย์ที่บ้านด้วยนะ ” ผมบอกลูกศิษย์   

       ที่บ้านของผมมีแมว 11 ตัว เนื่องจากมีคนตั้งใจมาปล่อยบริเวณหน้าบ้าน มันจึงเข้ามาอาศัยอยู่ แม้จะขับไล่อย่างไร มันก็ไม่หนีไปไหนจึงจำยอมต้องเลี้ยงไว้ 

      “ได้ครับ ..”โรจนะ พูด

       วันนัดหมายมาถึง โรจนะ ขี่จักรยานยนต์ที่พ่อเขาซื้อไว้ให้ไปทำงานในเมือง ก็ได้มาจอดที่บ้านของผม เขาเตรียมอุปกรณ์การทำวัคซีนไว้ครบถ้วน  จากนั้นจึงฉีดวัคซีนแมวจนครบทุกตัว

     “คิดราคาอย่างไร หรือ”

    “ตัวละ 30 บาทครับ ผมลดราคาให้ตัวนึง ขอคิดแค่สามร้อบบาทถ้วนๆ ครับ”

                                     ผมจ่ายเงินให้โรจนะ  พลางกระเซ้าเล่น

     “เมื่อไหร่จะหาคู่ เสียที โรจน์ ” ผมพูด

     “อาจารย์ก็ทราบนี่ครับ สาวไหนจะสนใจคนขี้เหร่อย่างผมทั้งยังดำอีก” โรจนะพูด ทำนองน้อยใจในรูปลักษณ์ของตนเอง

      “เฮ้ย..  ผู้หญิงทุกคน เขาไม่ได้มองที่หน้าตาของคนเสมอไปหรอกโว้ย โรจน์  สักวันหนึ่งไม่แน่หรอก ต้องมีคนงาม น้ำใจงาม อาจชื่นชอบความดีของนายก็ได้”ผมพูดให้กำลังใจ

      “ฝันไปเถอะครับอาจารย์เพื่อนๆผมมันยังบอกว่าวันไหน มึงมีแฟนเป็นตัวเป็นตน วันมึงแต่งงานกูจะให้เบียร์มึงสองลัง ” โรจน์พูด

                                        *************************************************

                                                  โรจน์ทำงานที่สำนักงานปศุสัตว์  เมื่อขึ้นปีที่สี่ ..

        วันหนึ่ง เขาออกท้องที่ไปทำวัคซีนในเขตอำเภอรอบนอก ร่วมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ครั้งนี้ได้พบกับพยาบาลสาวสวย ที่ทำงานในโรงพยาบาลประจำอำเภอนั้น เพียงครั้งแรกที่หนุ่มสาวคู่นี้พบกันก็เกิดถูกใจกัน  จากนั้นทั้งคู่จึงสานสัมพันธ์กันนานกว่าหนี่งปี ที่สุดทั้งคู่ จึงได้ตกลงร่วมเป็นคู่ชีวิต  

      “ อาจารย์ครับ ขอเชิญไปร่วมงานแต่งงาน ลูกชายผมด้วยนะครับ”บุญชม พูด

        “ได้สิ  ”

        บุญชม นำการ์ดงานแต่งงานของลูกชาย มาเชิญให้ไปร่วมงาน งานแต่งเป็นไปแบบเรียบง่ายที่บ้านของเจ้าสาว  แขกส่วนใหญ่เป็นญาติสนิทและมิตรสหายที่เคยร่วมเรียนในสถาบันด้วยกัน  คนทั้งหมู่บ้านชื่นชมยินดี กับชายหนุ่มฟันเหยิน  โรจนะ อาจมีปมที่ซ่อนในใจไม่ต่างกับบิดา บุญชมขี้เหร่แต่ก็ได้ภริยาสวย ทั้งหน้าตาดีและน้ำใจงาม แต่โรจนะแน่กว่าบิดาของเขา คือเรียนจบปริญญาตรี มีงานทำที่มั่นคงกว่าทั้งยังได้ภริยาที่เป็นสาวงาม ทำงานโรงพยาบาลอำเภอ ปมที่สะสมเก็บกดมาแต่เด็กเล็กจางหายไป   แม้ผมไม่ได้เป็นญาติกับโรจนะเลยสักนิด เป็นเพียงอาจารย์ที่เคยสอน ที่เคยเห็นเขาเมื่อครั้งเยาว์วัย  เมื่อเห็นลูกศิษย์เห็นหลานชาย.  มีครอบครัวมีหน้าที่การงาน ก็อดจะชื่นชมในความมุ่งมั่น ความเพียร  ความอดทน จนมีวันนี้ สิ่งที่เขารอคอย. คือการมีภริยาและหน้าที่การงาน ตามความฝันได้เป็นจริงแล้ว

          ทุกครั้งที่โรจนะขับรถจักรยานยนต์ซ้อนภริยาพบผมครั้งใด  เขาอดที่อวดภริยาคนงามของเขาเสียไม่ได้

       “เจ๋งว่ะ ไอ้โรจน์ เอ็ง. ไม่หล่อ แต่เอ็ง ก็มีเสน่ห์ในความงามด้านจิตใจ จนมีนางฟ้าในชุดขาวที่สวย เป็นคู่ชีวิต  ”ผมกระซิบกับลูกศิษย์เบาๆ   

                                                           ขลุ่ย   บ้านข่อย 

                                                          (๒๗  ธันวาคม ๖๖)

      

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×