ลูกเลี้ยง - ลูกเลี้ยง นิยาย ลูกเลี้ยง : Dek-D.com - Writer

    ลูกเลี้ยง

    ผู้เข้าชมรวม

    70

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    70

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ต.ค. 66 / 17:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                    ลูกเลี้ยง

      ชีวิตในห้องแถวในวัยเด็กของผมบนถนนสายสัมพันธ์ ในเขตเทศบาลตำบลเมื่อ 60 กว่าปีก่อน พูดได้ว่าความเจริญยังน้อยนัก ในเขตเทศบาลตำบลอรัญประเทศมีถนนสายหลักเพียงไม่กี่สายสายหลักสายแรกคือถนนเจ้าพระยาบดินทร์ ถนนสายนี้มีห้องแถวตั้งเรียงรายทั้งสองฟากฝั่ง  มีร้านค้าประเภทต่างๆหลากหลายนับแต่มีร้านจำหน่ายเสื้อผ้า  ร้านขายยา ขายอะไหล่รถยนต์  รองเท้า เครื่องเขียน ร้านขายหนังสือพิมพ์  วัสดุก่อสร้าง ร้านถ่ายรูป ร้านขายอาหาร ร้านตัดผมฯลฯ ถือเป็นถนนสายเศรษฐกิจของเมืองอรัญ 

     เพื่อนในห้องแถวที่เติบโตมาด้วยกัน ที่ผมสนิทสนมกันมามีไอ้เล็ก ไอ้เลี้ยง ไอ้พล ไอ้แกละ ไอ้แหลม ไอ้โด๊ด ไอ้เจี๊ยงในวัยเด็กขณะที่พวกเรามีอายุเพียง 4 -10 ขวบ จะรวมตัวกันเล่นกันตามประสาเด็ก อย่างเช่น ไม้หึ่ง ทอยหลุม  เล่นเตย ตี่จับ  ตากะเตะ  รีรีข้่าวสาร ขี่ม้าส่งเมือง ปลาหมอตกคลักฯลฯ   อย่างเก่งพวกเราก็เล่นไกลสุดแค่ที่ท้ายบ้าน ปลัดเจริญ หัวมุมบริเวณนี้ มีทางระบายน้ำ ฝั่งตรงข้ามของบ้านปลัดคือบ้านป้าไล้  ช่วงน้ำหลากในฤดูฝน พวกเราเด็กๆจะหาสวิง หาผ้าบางๆ ผ้าขาวม้า จับคู่กัน เพื่อลากช้อนเอาปลาซิว ปลากล้วย ปลากระดี่ ปลากริม  ปลาสัง ปลาหมอ กุ้ง ปู   ตามขอบถนนที่มีหญ้าปกคลุมมักมีปลามักแอบซ่อนหลบตัว แต่ละคนจะมีถังน้ำติดตัวไว้ใส่ปลาบางครั้งเด็กๆเจอปลิง ตะขาบ เจองู  ก็มีอาการหวาดกลัวไปตามประสา ส่วนตัวของผมเองไม่ค่อยกลัวปลิง ทั้งยังเคยถูกปลิงควายเกาะบริเวณน่องบ่อยๆ ครั้ง  แม่ได้แนะนำให้ยาฉุน หรือปูนกินหมากหยอดไปที่ตรงที่ปลิงดูดเลือด  ครู่ต่อมาเมื่อมันโดนความเผ็ดของยาฉุน (ยาตั้ง) หรือปูนแดง มันก็จะคายปากออกจากส่วนที่เกาะอยู่

     เมื่อก่อนเทศบาลยังไม่มีการวางท่อคอนกรีต แต่เขาจะทำคอกไม้สี่เหลี่ยมกั้น ให้น้ำลอดตามแนวยาวเป็นทางให้น้ำสามารถระบายจากตลาดสดออกไปยังทางวัดหลวงที่มีลำห้วย  พอช่วงหน้าแล้งรุ่นพี่ชื่อหนูเล็กและน้องชายของเขา จะมาวิดน้ำที่ท่อระบายน้ำตรงจุดนี้ สองคนพี่น้องจะทุบเอาโลติ๊น(หางไหล) ใส่ลงในน้ำที่เกือบแห้ง เพื่อทำให้ปลามึนเมา จะได้จับปลาตัวเป็นๆ มาทำเป็นอาหาร แต่ละครั้งที่สองพี่น้องคู่นี้วิดปลาจะได้ปลาตัวโตๆอย่างเช่น ปลาช่อน ปลาดุก ปลาไหล ปลาหมอเทศ ปลากระดี่  ซึ่งก็๋นับว่าคุ้มค่าเหนื่อยกับการลงทุนในแต่ละครั้ง  เด็กๆในห้องแถวก็เพียงมายืนดูและเอาใจช่วยเขา

                                         ************************************** 

           ไอ้เฮี้ยงหรืออาย้งมีชื่อจริงว่า สมคิด เป็นลูกเลี้ยงหรือเรียกอย่างเป็นทางการว่าลูกบุญธรรมของแป๊ะโค้ว  จริงๆแล้วอายุของเขาอ่อนกว่าผมปีเศษ แต่เขาเข้าเรียนก่อนผมหนึ่งปี เป็นเพราะฐานะทางบ้านของเขาดีกว่าบ้านของผม ส่วนใหญ่ผมจะสนิทและ ไปมาหาสู่เพื่อนๆที่เช่าอยู่ในฝั่งห้องแถวเดียวกัน  บ้านไอ้เล็กลูกแป๊ะก่วย-ป้าเช็งอยู่ห่างจากบ้านผมแค่ห้องเดียว  ส่วนบ้านไอ้เฮี้ยงห่างจากบ้านผมไป7 ห้อง ซึ่งว่าไปแล้ว ก็ไม่ได้ไกลเลย ผมกับไอ้เล็กมักจะมาเล่นที่บ้านแป๊ะโค้วเตี่ยไอ้เฮี้ยง น้อยครั้ง ที่พวกเราจะโดนแป๊ะโค้วดุ  

       ตั้งแต่ผมรู้จักกับแป๊ะโค้ว ก็เห็นแกอยู่กับลูกสาว คือเจ๊หมวยกับไอ้เฮี้ยงเท่านั้น  สำหรับภริยาของอาแปะ ผมไม่เคยพบเลยสักครั้ง นับแต่จำความได้  นิสัยของอาแปะดูไม่ค่อยออก อารมณ์ของแกอาจมีแปรปวนบ้าง เท่าที่เคยสังเกตหลายๆครั้ง เวลาเจ๊หมวยทำอะไรไม่ถูกใจแก มักจะถูกลงโทษด้วยไม้เรียว ไม้กวาดหรืออาจเป็นไม้พายทำขนม  ในทุกๆวันแป๊ะโค้วและเจ๊หมวยจะทำขนมหูช้างถั่วตัด ข้าวพอง ตังกวยแฉะจำหน่ายผมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันกับไอ้เฮี้ยงสามารถ เข้าบ้านแป๊ะโค้วได้ทุกโอกาส เพื่อเล่นของเล่น     จริงๆแล้วไอ้เฮี้ยงเพียงเป็นแค่ลูกเลี้ยงที่อาแปะไปขอคนอื่นมาดูแลแลอุปการะตั้งแต่ยังแบเบาะ    เจ๊หมวยเลี้ยงดูไอ้เฮี้ยงดังกับไข่ในหิน ผมเห็นภาพการดูแลฟูมฟักของเจ๊หมวยกับน้องชายบุญธรรม ยิ่งกว่ามารดาที่ตั้งครรภ์เองเสียอีก   ไอ้เฮี้ยงแทบไม่ได้ช่วยเหลือตนเองเลยสักนิด ผมต้องช่วยตัวเองนับแต่กินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว เดินไปโรงเรียนเอง ส่วนไอ้เฮี้ยงทุกๆอย่างต้องมีเจ๊หมวยคอยช่วยเหลือ บ่อยๆครั้งผมต้องเป็นตัวหลอกล่อที่เจ๊หมวยกระทำ

    “เอ้า อ้าปากหม่ำข้าว  ”เจ๊หมวยบอกผมกับไอ้เล็ก  

    ผมกับไอ้เล็กปฎิบัติตามซื่อด้วยความไร้เดียงสา เจ๊หมวยจึงจำใจป้อนข้าวเข้าปากพวกเราด้วยเอ็นดูเหมือนลูกหลาน  นี่จึงทำให้ไอ้เฮี้ยงยอมทำตามพวกเราเสร็จแล้ว เจ๊หมวยก็เยินยอน้องชาย

      “อาย้ง  เก่..งง  จัง พวกเราปรบมือให้เร็วๆ ” เจ๊หมวยพูด ผมกับไอ้เล็กช่วยกันปรบมือชื่นชมเพื่อน การเรียกชื่อเพื่อนของผมคนนี้ เจ๊หมวยมักเรียกชื่อไอ้เฮี้ยงเป็นอาย้ง   

     ไอ้เล็กกับไอ้เฮี้ยงเข้าโรงเรียนใกล้บ้านคือโรงเรียนแสงจิตต์พิทยา โรงเรียนนี้มีเพียงอาคารหลังเดียว มีสองชั้น  ด้านล่างมีห้องเรียนสองห้องชั้นบนมี 6 ห้อง  ตั้งแต่พวกเราเรียนโรงเรียนเดียวกัน  ทั้งสามคนต่างอยู่กันคนละห้องตามการเข้าชั้นเรียนก่อน-หลัง  เมื่อเลิกเรียนแล้ว ศูนย์รวมการทำการบ้านคือที่บ้านไอ้เฮี้ยง บ้านผมกับไอ้เล็กบ้านใกล้กันมากที่สุดใครพร้อมก่อนก็มาเรียก เพื่อจะได้ไปบ้านไอ้เฮี้ยงด้วยกัน เราต่างพกสมุด ดินสอไม้บรรทัด ไปยังปลายทางเพื่อทำการบ้าน เตี่ยไอ้เฮี้ยงซื้อชุดโต๊ะเครื่องเขียนแบบพับเก็บได้ให้ลูกชายคนโปรด บนโต๊ะมีอักษรพยัญชนะ สระ พร้อมภาพสีสวย งาม ผมกับไอ้เล็กได้แต่แอบนึกอยากได้บ้าง ต่อมาไอ้เล็กก็ได้สมหวัง เพราะคะยั้นคะยอขอเตี่ยซื้อให้ โดยอ้างว่าอาเฮี้ยงมีโต๊ะเขียนหนังสือแล้ว

       ผมไปทำการบ้าน ที่บ้านไอ้เฮี้ยงโดยนอนราบไปกับพื้น เพื่อเขียนอักษรตามที่ครูเขียนเป็นตัวอย่างให้  หลังทำการบ้านเสร็จ เพื่อนๆก็จะเล่นกันตามประสาลิงประสาค่าง  โต๊ะทำงานของเตี่ยไอ้เฮี้ยง เป็นที่ๆพวกเราจะต้องปีนขึ้นไปแล้วกระโดดลงมาแสดงอิทธิ์เป็นหงอคง ยอดมนุษย์  ซูเปอร์แมนและมนุษย์ค้างคาว  เสียงโครมครม ตึงตังลั่นบ้านโชคดีที่ส่วนใหญ่ช่วงเวลาตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป แป๊ะโค้วมักจะเอาจักรยานคันใหญ่แบบโบราณขี่ออกจากบ้านไปเล่นเลี๊ยบตุ่ย  เล่นไพ่นกกระจอก ที่บ้านเพื่อนๆ จริงๆ แล้วที่โต๊ะทำงานของเตี่ยไอ้เฮี้ยง ยังเป็นที่นัดเพื่อนๆมาเล่นไพ่ เล่นเลีี๊ยบตุ่ย  เพื่อการพนันขันต่อ  ผมเห็นบ่อยๆโดยก่อนการเล่นอาแปะ จะเอาผ้าผวยมาปูคลุมโต๊ะเพื่อการหยิบไพ่ได้ง่าย  ไพ่นกกระจอกที่ไม่ใช้แล้วพวกเราจะมาพับเป็นเครื่องบินและทำกังหันใบพัด โดยใช้ไม้ไผ่เป็นแกนหลักมีลวด มียาง หลอด เป็นอุปกรณ์เสริม   สำหรับเลี๊ยบตุ่ย ที่เก่าและมีรอยชำรุด ซึ่งอาแปะไม่เล่นแล้ว พวกเราก็เอามาเล่นกัน การที่พวกเราเล่นเป็น เพราะ อาแปะเคยสอนไว้ ที่พอจะจำได้ในการเล่นหมากเลี๊ยบตุ่ย มีอั้งตี่ (ราชา)ที่มีศักดิ์เหนือกว่า ช้าง เสือ ม้า เรือ เบี้ย  หลายครั้งที่เตี่ยไอ้เฮี่ยงและเพื่อนเล่นไพ่นกกระจอกและเลี๊ยบตุ่ย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปโรงพัก เตี่ยไอ้เฮี้ยงจึงถูกสวมกุญแจมือพร้อมพวกอีกสามสี่คน  

      “เตี่ยไอ้เฮี้ยง ถูกตำรวจจับว่ะ  ”  ไอ้เล็กบอก

      “ใช่  ” ผมตอบ 

         เพียงสองวัน ที่เตี่ยไอ้เฮี้ยงที่ถูกขุมขัง ก็ได้ออกมาเป็นอิสระ เพราะโทษการเล่นการพนัน มิได้มีความผิดร้ายแรงมากนัก  เพียงแค่ขึ้นศาลถูกปรับก็สิ้นสุดทางคดีแล้ว 

                                              *************************

      ใครๆในห้องแถวต่างก็ทราบดีว่า แป๊ะโค้วทั้งรักทั้งหลงลูกเลี้ยงคนนี้อย่างมาก ไอ้เฮี้ยงเป็นเด็กที่ค่อนข้างสมบูรณ์  เขามีอาหารการกินที่บริบูรณ์ ไอ้เฮี้ยงอยากได้รถ อยากได้ของเล่นประเภทไหน เป็นต้องได้อย่างเช่นเรือสังกะสีที่ใช้ไขลานแล้วให้วิ่งลงน้ำ อยากได้ปืนที่ยิงแล้วเกิดเสียงดัง  อยากได้มีดดาบ ไอ้เฮี้ยง ไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้งเดียว เพื่อนทั้งสองคน มีของเล่นกันส่วนผมได้เพียงแต่ขอยืมของเล่น เมื่อเพื่อนทั้งสองเบื่อจากการเล่นแล้ว เช่นกันรถสามล้อของเด็กเพื่อนสองคนมีเป็นสมบัติของตนได้ ผมจำต้องเป็นคนเข็นให้เพื่อน และนานๆเพื่อนจะเป็นคนเข็นให้ผมได้นั่งบ้าง    

       พูดได้ว่าช่วงวัยเด็ก ผมเสมือนต้องยืมจมูกเพื่อนหายใจ ยางลบ กบเหลาดินสอ  ไม้บรรทัด  ผมต้องหยิบยืมของเขามาใช้ สมุดที่ผมเอาไปเขียนที่โรงเรียน แม่ต้องรวบรวมจากสมุดเก่าๆที่คนอื่นเอามาให้  เพราะที่บ้านขายขนม ชาวบ้านที่เขาไม่ใช้สมุดจึงตั้งใจจะเอามาให้แม่ได้พับถุงไว้ห่อขนม แม่จึงเลือกเอากระดาษสมุดที่พอจะรวมเย็บเล่มได้ มาให้ผมใช้  จริงๆแล้ว ผมก็รู้สึกอับอายบเพื่อนๆเหมือนกันแต่นานเข้ามันก็กลายเป็นความเคยชินที่ไม่หวั่นว่าเพื่อนๆจะล้อ  

      บริเวณหลังบ้านแป๊ะโค้วตรงที่ทำขนมจะมีอุปกรณ์เช่น ถังแป้ง น้ำตาล แบะแซ น้ำมันหมู  เตา  ฟืน กระทะขนาดใหญ่ ฝาครอบ โต๊ะยาว ถาดไม้ มีด ไม้บรรทัดยาว  สำหรับทำถั่วตัด ข้าวพอง สิ่งที่ผมเห็นเจ๊หมวยทำบ่อยๆ คือการคั่วถั่วลิสง งา ข้าว เพื่อทำขนมถั่วตัด ข้าวพอง ขนมที่แป๊ะโค้วทำทุกอย่างอร่อยมาก เศษขนมที่ไม่สวยแตกหัก เศษๆซึ่งจริงๆยังขายได้ เจ๊หมวยก็มักจะนำมาแบ่งให้เด็กๆกิน

       “มาเด็กๆเอาถั่วตัด ถั่วเคลือบสี ที่เคลือบไม่สวยไปกินกัน  ” เจ๊หมวยพูด 

       เธอเอาจานใส่ขนมวางลงบนโต๊ะ พวกเราไปหยิบกินกันด้วยความเอร็ดอร่อย  ความซนของพวกเรายามวันหยุดเสาร์อาทิตย์ คือจะมีทะโมน 5-6 คน จะรวมหัวเล่นโป้งแปะ ภายในรัศมีหน้าบ้านถึงหลังบ้าน โดยเฉพาะที่หลังบ้านที่มีป่ากล้วย มีโอ่งมังกรว่าง  หลายคนมักจะใช้เป็นที่หลบซ่อน ผมคิดว่าที่ตรงนี้พวกเราเคยใช้หลบซ่อนจนจำเจแล้ว ผมจึงเข้าไปแอบในห้องสุขา แต่เมื่อผมเข้าไปแทนที่ห้องสุขาบ้านนี้จะเหมือนทั่วๆ ไป แต่นี่มันกลับยังกัับห้องนอน  เพราะมันสะอาด มีชั้นที่ยกพื้นทำขึ้นแบบเตียงนอน  เมื่อผมเข้าไปแล้วก็เริ่มสำรวจดู จะเห็นว่ามีเสื่อปูพื้นเหนือเสื่อคือฟูกบางๆด้านข้างๆที่ติดผนังห้องมีกระบอกไม้ไผ่ยาวพอประมาณ ตรงปลายกระบอกไม้ มีขวดหมึกเชื่อมต่อ  ข้างบ้อง(กระบอกอันนี้) มีแผ่นสีดำคล้ายยางมะตอย มีไม้ขีดกล่องใหญ่วางข้างๆ แต่ผมก็ยังไม่ทราบว่าเจ้าสิ่งนั้น..มันคืออะไร

        วันหนึ่งขณะเล่นโป้งแปะ เตี่ยไอ้เฮี้ยงพบเห็นเด็กๆ เข้าไปวุ่นวายในห้องสุขา ทำให้แกรู้สึกโกรธเจ๊หมวยที่ไม่ยอมห้ามพวกเราเข้าไป ถึงขั้นแกดุด่าเจ๊อย่างสาดเสียเทเสีย ซ้ำยังตะเพิดพวกเราไปกันคนละทิศละทาง  ผมมาทราบภายหลังว่าสถานที่นี่คือเขตหวงห้ามและลับเฉพาะกิจ

      “อาเหล็กๆพวกลี้.. ลื้อเข้าไปทามมัยไปให้พ้งๆเลย เหลียวนี้  อา..เก๋าเจ้ง”อาแปะดุ ทั้งสบถคำด่าภาษาจีน ซึ่งผมได้ยินบ่อยๆ ผมมาทราบภายหลังว่าเขตหวงห้ามของเตี่ยไอ้เฮี้ยงคือก๊วนการดูดฝิ่น  วัตถุเหนียวๆ ดำๆที่เหมือนยางมะตอยคือฝิ่นนั่นเองในยุคนั้นถือเป็นยาเสพติดที่ห้ามเสพและผิดกฎหมาย  

    บ่อยๆครั้งสมาชิกในกลุ่มผู้ดูดฝิ่นในกลุ่มของแป๊ะโค้ว มาเสพฝิ่น ใครเสพเสร็จก่อนก็จะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงปล่อยอารมณ์ไปตามความสามสุนทรีย์ที่เคลิบเคลิ้มของแต่ละคน หลายครั้งที่พวกผมเล่นโป้งแปะ(ซ่อนแอบ)  เผลอเปิดประตูพลั่วเข้าไปเห็นอาแปะกำลังสูบฝิ่นอย่างเพลิดเพลิน ควันในห้องสุขาลอยละล่องไปทั่ว

    “เก้าเจ้ง//  อาเหล็กๆ พวกลี้ เอาอีก.เลี้ยว อั้วบอก อย่าเข้ามาเล่งในห้องนี้  ”อาแปะ ฉุนเฉียว พานทำให้เจ๊หมวยต้องซวยไปด้วย ขนาดถึงกับเจ๊ถูกอาแปะตีจนเลือดออกซิบๆ จึงต้องไปไปหลบซ่อนตัวบ้านลุงโม้ ซึ่งอยู่บ้านติดกัน   

                                              ****************************** 

           จริงๆ แล้วไอ้เล็กก็เคยถูกป้ากิม -ลุงวาฬ ขอให้ไปเป็นลูกเลี้ยงเพราะแกไม่มีลูกช่วงสามสี่ขวบ ผมกับไอ้เล็กไปอยู่ที่บ้านป้ากิมตลอดวันที่บ้านเยื้องโรงไฟฟ้าพูดถึงความรักของป้ากิมกับลุงวาฬทั้งสองคนรักไอ้เล็กดังลูกในไส้ มากกว่าเตี่ย(พ่อ)แท้ๆเสียอีก ลุงวาฬมารับไอ้เล็กผมก็ต้องติดตามไปด้วย ป้ากิมจึงต้องเลี้ยงเด็กทั้งสองไว้  ไอ้เฮี้ยงเป็นลูกเลี้ยงโดยชอบธรรมตามกฎหมาย เพราะได้มีการทำหนังสือยินยอมจากพ่อแม่ของไอ้เฮี้ยงไว้ 

         นับแต่ไอ้เฮี้ยงอยู่ในวัยเด็กจนวัยเข้าเรียน จนจบชั้นประถมต้น- ประถมปลาย แป๊ะโค้วได้ส่งเสียให้เรียนให้ความรักความอบอุ่นอย่างดียิ่งและอาจดีกว่าลูกในสายโลหิตของครอบครัวจำนวนมากอีกด้วย   บางครั้งผมยังนึกน้อยใจตัวผมเอง ที่มีพ่อและแม่ขาดการดูแลเอาใจดังไอ้เฮี้ยง ที่สุขสบายไม่ต้องทำงานใดๆเลย  เสื้อผ้าของผมก็เก่า สมุด ดินสอ ก็เอาของเก่าๆจากคนอื่นๆให้มาใช้  โดยเฉพาะครูทองล้วนที่สนิทกับแม่มักจะเอาสมุด ดินสอมาให้ผมใช้บ้าง เรื่องเหล่านี้เพื่อนๆไม่มีใครทราบ   ตอนช่วงไอ้เฮี้ยงจะเข้าเรียนมัธยม พี่ชายไอ้เฮี้ยงซึ่งเป็นพ่อค้าขายผลไม้ที่ตลาดอ่อนนุช เห็นว่าหากให้น้องบุญธรรมอยู่กับเตี่ย อาจเสียคนได้ จึงรับไปอยู่ด้วย   นับแต่นั้นมาไอ้เฮี้ยง จึงเป็นเด็กกรุงเทพไปโดยปริยาย นานๆครั้งผมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันจึงจะได้พบกับไอ้เฮี้ยง   

    เฮี้ยงดูภูมิฐาน เขาเรียนหนังสือเก่งตั้งแต่อยู่ชั้นประถม 5 เป็นเพราะเขามีเวลาที่จะดูหนังสือและทบทวนการบ้านอย่างสม่ำเสมอ ผลการเรียนจึงดี เฮี้ยงไปอยู่กับพี่ชายแม้จะไม่ใช่พี่ชายที่คลานตามกันมา .แต่พี่ของเขาก็ให้ความรักไม่แพ้แป๊ะโค้วเช่นกัน  นับแแต่ผมกับเขาห่างเหินตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมต้นผมก็ไม่ได้ทราบข่าวเขาอีกเลย   ต่อมาภายหลังลูกชาย คนโตของแป๊ะโค้วได้มารับเตี่ยกับน้องสาวไปอยู่ด้วย ทั้งๆที่ไอ้เฮี้ยงเรียนเก่ง แต่เขาปฎิเสธที่จะเรียนมหาวิทยาลัย แต่กลับมุ่งมาช่วยพี่ชายทำธุรกิจค้าผลไม้อย่างเดียว เขาทุ่มเท จนมีฐานะร่ำรวย ยังไม่ทันได้แต่งงานก็มาล้มป่วยและเสียชีวิตลง แฟนสาวจึงกลายเป็นหม้าย แป๊ะโค้วรู้สึกเสียใจ ที่ลูกเลี้ยงมาด่วนจากไป ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี

    เพื่อนสนิทในวัยเด็ก…ที่เคยถูกเจ้หมวยป้อนข้าวมาด้วยกัน เคยเรียนเล่น ทำการบ้าน มาด้วยกัน น้อยครั้งที่ผมกับเขาจะทะเลาะกัน   

           “ ชีวิตของเอ็ง อยู่บนโลกใบนี้สั้นนักว่ะ .. ไอ้เฮี้ยง   เอ็งนี่โชคดีที่สุดเลย ที่ได้เตี่ยที่สุดประเสริฐ ” ผมคิดในใจ                                    

          …ผมเพิ่งได้ยิน เพื่อนร่วมรุ่นแจ้งในไลน์ ให้ทราบเมื่อสองวันก่อน เพื่อนเล่นที่สนิททั้งไอ้เล็ก ไอ้เฮี้ยงจากไปกันหมด 

                                              อนิจจังสังขารไม่เที่ยง      

                                                    ขลุ่ย  บ้านข่อย

                                                     (๒๒-๑๐ ๖๖)

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×