พันธุกรรมที่แย่ - พันธุกรรมที่แย่ นิยาย พันธุกรรมที่แย่ : Dek-D.com - Writer

    พันธุกรรมที่แย่

    จากที่เคยเป็นคนมีมารยาท มีน้ำใจกลับเปลี่ยนแปลงไป แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ผมแทบจะไม่อยากเชื่อเลยว่า ทั้งคนที่เป็นตา บุตรสาวและ หลานของเขา จะมีพฤติกรรมที่ละม้ายคล้ายกันตามยีนพันธุกรรม ที่ถ่ายทอดออกมา

    ผู้เข้าชมรวม

    53

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    53

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.ย. 66 / 04:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                                                    พันธุกรรมที่แย่..

             ยาใจ เป็นลูกศิษย์ที่ผมเคยเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา  เคยสอนมา และทั้งยังเคยช่วยเหลือให้เธอรอดพ้นจากการถูกรีไทร์ช่วงสมัยเรียน ปวช. สาขาบริหารธุรกิจ   ยาใจ เป็นลูกสาวคนโตของนายสวัสดิ์ พนักงานขับรถ อีกหน่วยงานหนึ่งที่สังกัดกรมในกรมเดียวกันกับที่ผมทำงาน ผมกับนายสวัสดิ์รู้จักกันเพียงผิวเผิน  ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หน่วยงานพี่หน่วยงานน้องจะจัดงานเลี้ยง ผมกับเขาจึงได้มีโอกาสได้นั่งสังสรรค์พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน

             ผมเห็นยาใจ ตั้งแต่เธอเรียนชั้นประถม 3 จนเรียนจบชั้นมัธยมตอนต้น หลังจากที่เธอจบชั้น ม.ต้นแล้ว นายสวัสดิ์ จึงฝากบุตรสาวให้เข้าเรียนที่สถาบันแห่งนี้  ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการทดลองเปิดสอนในระดับปวช.  ผมได้ถูกมอบหมายให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษากลุ่มนี้เพียงแค่เทอมแรก ปีแรกที่เพิ่งมีการเปิดสอนมีนักศึกษาที่อยู่ในเกณฑ์จะถุูกรีไทร์เกือบ 20 คน   หนึ่งในจำนวนดังกล่าวคือ ยาใจนั่นเอง และในเทอมเดียวกันนี้ มีนักศึกษาถูกรีไทร์ไป 10 คน

             นศ.ที่อยู่ในเกณฑ์ที่ถูกรีไทร์ ณ เวลานั้น เริ่มมีอาการเสียขวัญ ยาใจ จากที่เคยเป็นคนร่าเริงกับซึมเซาอย่างผิดสังเกต ในฐานะที่ผมเป็นอาจารยที่ปรึกษา จึงได้เรียกนักศึกษาที่มีเกรดต่ำกว่า 2.00 เข้าพบ เพื่อวางแผนการลงทะเบียนเรียนให้ ยาใจ สามารถเรียนจบชั้นปวช.  ปวส..และสามารถสอบเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ในสถาบันอีกแห่ง ในจังหวัด จากนั้นบิดาของเธอได้วิ่งเต้นฝากให้เข้าทำงานในที่เดียวกัน  แรกๆที่เธอพบกับผม ในร้านค้าสวัสดิการของสถาบัน เธอจะเป็นฝ่ายทักทายก่อนเสมอ 

                                              **********************************

            ครั้งที่ผมยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของยาใจ  ได้เห็นภาพเด็กสาวหน้าตาดี  ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นคนดีมีน้ำใจให้เพื่อนๆ และครูบาอาจารย์ เวลามีปัญหาเรื่องการเรียน หรือปัญหาส่วนตัว เธอมักจะมาขอคำแนะนำปรึกษาเสมอๆ  ยาใจเป็นคนสุภาพ นอบน้อม ผมยังนึกชมเชยและเคยเปรียบเทียบกับลูกพนักงาน ในหน่วยงานแห่งว่า  เด็กสาวคนนี้ .ช่างแสนดีจริงๆ วันหนึ่ง ผมได้ขี่จักรยานยนต์ขึ้นไปยังที่ทำงานซึ่งสังกัดกรมเดียวกันแต่ต่างบทบาทหน้าที่กัน วันนี้ผมตั้งใจจะมาหาอาจารย์ธำรงค์ซึ่งมาบรรจุพร้อมกัน ขณะที่ผมเดินผ่านห้องธุรการ .ได้ยินเสียงทักทายออกมา

    “อาจารย์มาหาใครคะ  ”  ยาใจทักทาย 

    “อาจารย์ธำรงค์ น่ะ  ครับ”

    “อาจารย์ เข้าไปในเมืองค่ะ เพิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ นี่เองค่ะ มีอะไรจะให้หนูช่วย หรือฝากบอกถึงอาจารย์ บ้างคะ  ”

     “ไม่มีหรอก  ผมแวะมาคุยธุระ เล็กน้อยเอง  ”

       ผมเกิดความรู้สึกประทับใจ กับลูกศิษย์คนนี้ ที่มีน้ำใจดีงาม  เวลาผ่านไปอีก  2  ปี …ผมพบยาใจที่ห้องเดิมในที่ทำงานของเธอ ที่ร้านค้าสวัสดิการ ตลาดของหมู่บ้านและทุกๆที่ ที่พบกัน ยาใจเมินเฉยทำเหมือนคนไม่รู้จัก  ผมพยายามคิดในทางบวก 

    “เธอคงอายคน จึงไม่กล้ายกมือไหว้ กระมัง   นี่ขนาดเดินสวนกันไปมาตั้งหลายรอบแล้ว  ”ผมคิด

    “ช่างเถอะ  เวลาเปลี่ยน คนอาจเปลี่ยน อย่าไปฟุ้งซ่าน  ” ผมคิด เพื่อความสบายใจ 

          ผมพยายามหาคำคอบ..ว่าทำไม ???? ยาใจ จึงเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคนไปได้  เธอเกลียด หรือเธอโกรธเราด้วยเรื่องอันใดหรือ ผมพยายามนึกๆๆว่า.. ผมไปทำอะไรให้เธอถึงกับจงเกลียดจงชังถึงขั้นผีไม่เผากัน  ปรากฎว่า หาคำตอบไม่ได้จริงๆ แต่…พอจะ สันนิษฐานของต้นตอของปัญหานี้ได้ คือ….

         ช่วงหนึ่ง..ที่ผมกำลังสร้างบ้าน ซึ่งกำลังใกล้จะเสร็จ  ขณะที่ผมได้ร่วมวงดื่มสุรากับผู้รับเหมากับลูกน้องอีก 4 คน จู่ๆ พี่สวัสดิ์ พ่อของยาใจซึ่งขี่จักรยานผ่านหน้าบ้านที่พวกเรานั่ง ก็แวะลงมานั่ง แม้เขาไม่ได้ถูกเชิญ.. แต่โดยมารยาทในฐานะที่ผมเป็นเจ้าบ้้านจึงเรียกเขามานั่งล้อมวงด้วย

       “เชิญครับพี่ ไปไหนมาหรือครับ” ผมพูด

      “ไปตลาดพอดีเห็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เลยแวะมาหา ครับ ”

      “สักแก้วครับ พี่หวัด  ” ผู้รับเหมา พูด พร้อมเทเหล้าพื้นบ้านส่งให้ เขายื่นมือมารับพร้อมกระดกเข้าปาก พร้อมยื่นมือไปตักกับแกล้มเข้าปาก  มันเป็นเรื่องที่แปลก ที่ร้อยวันพันปี เขาไม่เคยที่จะแวะคุยกับผม แต่วันนี้ ลมเพลมพัดหอบเขามาถึงถิ่นที่ผมอยู่ได้อย่างไร ผมก็ยังสงสัย  ผมพยายามรักษามารยาทเจ้าบ้านที่ดี เขาเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงกันข้ามกับที่ผมนัั่ง บรรยากาศการดื่มเหล้ากำลังเพลิดเพลิน มีการร้องรำทำเพลง มีเพียงพี่สวัสดิ์เพียงคนเดียว ที่ลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปเด็ดสมุนไพรที่ผมปลูกอย่างเช่นพริก ใบมะกรูด ใบย่านาง ใบตำลึง โดยมิได้ขออนุญาตเจ้าบ้านเลย ผมมองเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิ พยายามข่มใจ  เขาเด็ดพืชชนิดต่างๆได้หอบใหญ่  จากนั้นยังถือวิสาสะ เดินรอบบ้านของผมเพื่อหาหนังสือพิมพ์เก่ามาห่อพืชที่เขาเก็บมา 

       “มันช่างไร้มารยาท จริงนายคนนี้  ” ผมคิดในใจ

       ทุกคนในวงเหล้ามองพฤติกรรมที่นายสวัสดิ์ กระทำ ต่างมองว่าพี่สวัสดิ์ละเมิดสิทธิส่วนุคคลจนน่าเกลียด เมื่อผมหมดความอดทนจึงได้ถามออกไป

       “พี่ครับ ผมขอถามหน่อยว่า ผักพวกนี้ พี่มาปลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงๆ ถ้าต้องการจะนำไปกิน ก็ควรจะขอกันก่อน  ผมไม่ได้หวงอะไรเลย ถามช่างพวกนี้ดูก็ได้ เขาก็เคยขอผมเอาไปกิน" ผมพูด

       เขานิ่งไม่ตอบอะไร .. หนำซ้ำยังมานั่งดื่มเหล้าในวง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งยังเสียมารยาทในการนำเหล้ามาเทดื่มกินหน้าตาเฉย  ผมเห็นกิริยาของเขาเช่นนี้ จึงเกิดความรู้สึก ..ที่รู้สึกจะไม่มีความสุขอีกแล้ว

       “เดี๋ยวเราดื่มกันอีกคนละหนึ่งรอบ แล้วปิดวงนะ  ” ผมพูด  ทุกคนเห็นด้วย หลังจากดื่มกันครบรอบแล้ว พวกเราทุกคนจึงทยอยกันกลับบ้าน เขาจูงจักรยานไปที่ถนนแล้วขี่กลับบ้าน  ในใจเขาคิดอะไรกับผม  ผมเดาไม่ถูก….??

        นี่คือประเด็นเดียว ที่ผมคิดว่าเรื่องนี้  พี่สวัสดิ์คงอาจนำเรื่องราวดังกล่า วไปเล่าให้ยาใจฟัง และนี่จึงเป็นสาเหตุให้ยาใจเกลียดผมก็อาจเป็นได้ ระยะหลังๆเวลาที่ผมพบพี่สวัสดิ์ในงานสังคม เช่นงานขึ้นบ้านใหม่ งานบวช   เขาจะมึนตึงเรียบเฉยอาจมีทักทายกันบ้าง ก็เป็นไปโดยมารยาทเท่านั้น  และหากจะต้องนั่งกินเลี้ยงในโต๊ะเดียวกัน ผมกับเขาต่างก็ไม่ได้ปริปากพูดคุยกัน ท่ามกลางความสงสัยของคนอื่นๆ โดยปกติผมจะไม่เอาเรื่องไร้สาระมาคิดให้เปลืองสมอง แต่สำหรับพี่สว้สดิ์ มันกับเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะเขาเป็นฝ่ายแสดงออกถึงความยะโส เนื่องจากเขามีความใกล้ชิดกับผู้บริหารเป็นการส่วนตัว ดังกรณีที่ยาใจได้เข้าทำงาน เพราะใช้ระบบเส้นสายและมีประโยชน์ต่างตอบแทนกันและกัน   นับแต่ยาใจ เคยทำดีกับผม เพียงครั้งเดียว.. ครั้งที่พบกันที่หน้าห้องธุรการในที่ทำงานของเธอแล้ว  ต่อจากนั้นเธอกลับมึนตึง เฉยเมย แกล้งทำเป็นไม่รู้จักผมเรื่อยมา  นับเป็นความเจ็บปวดไม่น้อยสิ่งที่เคยมองว่า เด็กคนนี้ เป็นคนดีมีน้ำใจ  วันนี้….มันไม่ใช่แล้ว  ยาใจคนนี้ ไม่ใช่คนเดิมที่เพื่อนๆและครูอาจารย์เคยชื่นชมเมื่อครั้งอดีต

      “ปล่อยเขาไปเถอะ  กรรมใดใครด่อ กรรมนั้นคืนสอง  ” ผมคิดในใจ

        คิดได้ดังนี้..ผมจึงรู้สึกสบายใจมากขึ้น จากนี้..ขอให้นึกเถิดว่า ยาใจคนนี้  ผมไม่เคยรู้จัก  ผมไม่เคยสอนหนังสือเธอ  ผมไม่เคยช่วยเหลือเธอ  จิตใจจึงสงบและรู้สึกสบายใจ

                                               ***************************************

            ที่ร้านสะดวกซื้อ ปากทางเข้าสถาบันการศึกษา ผมเข้าไปหาซื้อหนังสือพิมพ์ ซื้อขนม รวมของเบ็ดเตล็ดต่างๆเพื่อนำมาใช้กินกับกาแฟและปรุงอาหาร  เมื่อเลือกซื้อได้แล้วจึงเตรียมนำเอาสิ่งของไปให้แคชเชียร์คิดเงิน  ผมยืนต่อแถว ท่ามกลางลูกค้าคนอื่นๆ  ผมได้พบยาใจกับลูกสาวของเธอซึ่งกำลังเดินผ่านประตูเข้ามาในร้านและไล่ๆกันมานั้น มีลูกศิษย์ รุ่นแรกๆ ที่ผมเคยสอนได้เดินมาทักทายด้วยการยกมือไหว้  ผมรับไหว้เขา

       “อาจารย์ มาซื้ออะไรหรือครับ  ”นิวัฒน์  ทักทาย 

        นิวัฒน์ เป็นศิษย์รุ่นแรกๆ ที่ผมสอนเขา  วันนี้อายุของเขาเข้าเลข 5 แล้ว สำหรับยาใจเพิ่งจะมีอายุใกล้ 30 ปี

      “มาซื้อหนังสือพิมพ์กับซาลาเปา จะเอาไปกินกับกาแฟ น่ะ  ” ผมพูด

      “ เดี๋ยวนี้ วัฒน์ ยังทำงานอยู่่ที่เดิมหรือเปล่า   ”

      “บริษัท..ให้ผมไปทำงานที่จังหวัดแพร่ครับ  ” 

      “ลูกๆล่ะ ทำงานกันหรือยัง  ”

      “ ทำงานกับผมครับ พอดีบริษัทต้องการช่างไฟฟ้าพอดี ลูกผมเรียนจบวิทยาลัยเทคนิค แผนกไฟฟ้าครับ”

       “ดีเลย  พ่อลูก ทำงานด้วยกัน  ”

       ระหว่างที่ผมยืนคุยกับนิวัฒน์ลูกศิษย์รุ่นอาวุโส..แม้ยาใจจะเห็นผม เธอกลับนิ่ง.เมินเฉย เหมืิอนคนไม่รู้จักกันผมค่อนข้าง งงงวยกับพฤติกรรมของเด็กรุ่นหลังที่เป็นศิษย์ที่ผมเคยช่วยเหลือเกื้อกูลให้อนาคตเธอจนมีหน้ามีตา แต่กลับมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทั้งปัจจุบันเธอก็มีบุตรแล้วควรน่าจะเป็นแบบอย่างที่ดี  วันนี้เด็กหญิงวัย 4 ขวบ    ซึ่งไร้เดียงสา กลับถูกพ่อแม่รังแกฉัน ในการบ่มเพาะ สิ่งที่เป็นความหยาบกระด้าง  เรื่องอย่างนี้..ผมคงไม่โทษเด็ก  โดยปกติที่ผมเคยพบลูกศิษย์ที่มีลูก พวกเธอมักจะบอกลูกๆ ว่า

       “สวัสดีคุณครู ของแม่สิลูก”และเด็กๆ เหล่านั้นก็จะปฎิบัติิตาม  จากที่ดูกิริยาของแม่ลูกคู่นี้ ดูจะเป็นคนแข็งกร้าว  ไม่มีมารยาท พันธุกรรมของพ่อสู่ยาใจ  จากยาใจ สู่บุตรสาวของเธอ บอกตรงๆ ว่าผมสงสารเด็กหญิงคนนี้ที่มีแม่เช่นนั้น..เธอสามารถฆ่าลูกได้  โดยการปลูกฝังสิ่งไม่ดีงาม อย่างเลือดเย็น ลูกของเธอคงซึมซับความไม่ดีไม่งามเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

       นี่ขนาดผม เคยมีบุญคุณกับเธออย่างมาก เธอยังทำกับผมได้ขนาดนี้ นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ เธอจะไม่มึนตึงและ ยะโส -โอหัง  ผมไม่ได้ใส่ใจกับศิษย์คนนี้  หลังจากผมจ่ายเงินให้กับพนักงานแล้ว ผมจึงเดินออกมาจากร้านเพื่อจะกลับมาบ้าน ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ มีป้าที่ขายกล้วยทอดซึ่งเห็นผมยืนคุยกับนิวัฒน์ครู่ใหญ่ จึงทำให้เธออดสงสัยไม่ได้

     “อาจารย์รู้จักกับคุณนิวัฒน์ ด้วยหรือ”ป้าขายของ ถาม

     “อ๋อ ..รู้จักสิครับ เขาเป็นเหมือนทั้งน้องทั้งลูกศิษย์ ผมเคยสอนเขามาเมื่อ ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ” ผมพูด

     “ไม่น่าเชื่อเลย  ” ป้าพูด

     “ป้ายังดูว่า คุณนิวัฒน์ยังจะแก่กว่าอาจารย์เสียอีก   ”

      “ใกล้เคียงกันน่ะป้า  เขาอ่อนกว่าผม สักสามปีเอง “  

     "แต่ เอ๊ะ…แล้วยาใจ ไม่เคยเรียนกับอาจารย์หรือ   เท่าที่ฉันทราบ เขาจบจากสถาบันนี้นี่  ”

       “ผมไม่รู้จักและไม่เคยสอนเธอมา ครับ ”

      “ถึงว่า ..ไม่เห็นเธอทักทายกับอาจารย์ เลย ..แต่ว่า เธอเคยเล่าให้ป้าฟังว่า เธอเรียบจบระดับชั้นปวส.บริหารธุรกิจมานี่ ” ป้าพูด

     “เอ ผมว่า .ผมไม่เคยสอนลูกศิษย์ ที่มีนิสัยแย่ๆเช่นนี้นะ  ตลอดเวลาที่ผมสอน ผมเน้นเรื่องคุณงามความดี  ความมีน้ำใจและคุณธรรมกับลูกศิษย์ ถ้าเธอเคยเรียนที่นี่ ต้องรู้จักผม อย่างแน่นอน   ”

    “ช่างเถอะ ไม่ได้สอนก็ไม่ได้สอน " ป้าพูดพร้อมมีสีหน่้า งงๆ 

    “เท่าที่ป้า รู้จักกับยาใจ ผมอยากทราบว่า เธอเป็นคนอย่างไร ”  ผมถาม

     “ที่บ้านนี้มีนิสัย เหมือนกันทั้งบ้าน ”  ป้าพูด

      “ไม่เข้าใจ  ”

      “บ้านนี้ เขาชอบทำบุญ ทุกเช้าพวกเขาจะมาซื้อขนมที่ป้าทำขายไปใส่บาตรเ ขามักจะทำบุญเอาหน้า แต่มีนิสัยหยิ่ง ไม่เคย ให้ความร่วมมือช่วยเหลือสังคมเลย”

        ผมขอตัวจากป้าที่ขายของหน้าร้านสะดวกซื้อ  วันนี้สมองผมสับสนมากกว่าทุกคร้ั้ง    เพราะนึกถึงเด็กเล็กไร้เดียงสาลูกสาวของยาใจที่เป็นผ้าขาว เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมและในสังคมครอบครัวเช่นนี้ เธอคงจะมีรอยด่างเป็นตำหนิ กลายเป็นเด็กที่ป่วยทางจิตใจ ไม่นอบน้อม ไม่มีมารยาท ก้าวร้าว เห็นแก่ตัว ดังตัวอย่างที่แม่ และตาของเธอถ่ายทอดพันธุกรรมให้รับรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อม 

          ผมหวังว่า…ลูกไม้ช่วงรุ่นหลาน  คงอาจเป็นลูกไม้หล่นห่างต้น  และ อย่าได้รับเอายีนพันธุกรรมจากตาและแม่ ที่ไม่ดีติดตัวเธอมาเลย     

                                                             เพี้ยง……

                                                      (ขลุ่ย    บ้านข่อย)

                                                           ๕ กย ๖๖

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×