ความหื่นพาซวย - ความหื่นพาซวย นิยาย ความหื่นพาซวย : Dek-D.com - Writer

    ความหื่นพาซวย

    ธนิต เป็นเพื่อนร่วมรุ่น เขาได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานหอ ช่วงเปิดเรียนใหม่ของชั้นปี 2 เขากับเพื่อนร่วมวงสุราด้วยบรรยากาศ และสถาพแวดล้อม เขาจึงกระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

    ผู้เข้าชมรวม

    128

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    128

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ส.ค. 66 / 16:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                    ความหื่น พาซวย

      ก่อนวันเปิดเทอมหนึ่งสัปดาห์  พวกเราซึ่งกำลังจะขึ้นชั้นเรียนเป็นนักศึกษาชั้นปวช.2 ได้เดินทางจากภูมิลำเนา เข้าสู่หอพักภายใน.  ซึ่งในปีนี้แผนกอาคารสถานที่ ได้เปิดเสรีให้นักศึกษาเข้าพัก  หอพักทั้งสามหอพักจึงมีการผสมผสานปนเปของนักศึกษาทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง  ผมเลือกที่จะเข้าพักกับรุ่นพี่ผมหนึ่งรุ่นที่ ห้องพัก301 (หอสาม)เพราะมีวัยไม่ห่างกัน ในห้องพักที่ห้องนี้มีรุ่นผมหกคน เพื่อนๆที่เข้าไปพักกับรุ่นพี่ทุกคน เคยพักด้วยกันมากับผม ตั้งแต่วันแรกที่พวกเราเข้ามาอยู่หอพักแล้ว

     ในห้องพักห้องนี้มีพี่แกะ พี่เงาะ พี่ตุ๊ พี่โรเบิร์ต  พี่เปี๊ยก  พี่เล็กและพี่เทพ  ทุกคนที่พักในห้องนี้ รักใคร่สามัคคีกันดีทุกคน การได้อยู่หอพักรวม พวกเราได้กินข้าวกระทะเดียวกัน อาบน้ำในอ่างเก็บน้ำเดียวกัน ทุกเช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาปฎิบัติกิจประจำวัน ช่วงเวลาประมาณสี่นาฬิกาเศษๆ  พวกเราจะนอนฟังเสียงนกกาหว่าจากบ้าน ผอ.  ซึ่งเลี้ยงไว้สองตัว   จะร้องปลุกทุกวัน หลังจากที่ทุกคนล้างหน้าแปรงฟัน เราจะแต่งชุดทำงานเพื่อลงฝึกงานในแต่ละหมวดงานซึ่งมีการหมุนเวียนเมื่อครบสองสัปดาห์แล้ว 

      การเรียนวิชาชีพเกษตรกรรม เราจำเป็นต้องฝึกหมวดงาน ทุกๆหมวดงานจนครบ  สำหรับหมวดงานที่ต้องฝึกมีหมวดงานหลักๆ สามหมวดงานคือ ด้านพืช  ด้านสัตว์และงานช่าง  อย่างหมวดงานพืช มีตั้งแต่ฝึกงานด้านการเพาะชำ พืชผัก พิืชไร่- นา ไม้ผล  ไม้ดอกไม้ประดับ  หมวดงานด้านสัตว์มีการฝึกงานในแผนกไก่กระทง- ไก่ไข่   สุกร วัว  ประมง  และงานช่าง ซึ่งได้แก่งานช่างไม้  ช่างไฟฟ้า   ช่างยนต์  ช่างชื่อม  งานฝึก..ในแต่ละหมวด หนีไม่พ้น จะต้องเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์เช่น จอบ เสียม มีดเป็นหลักยกเว้นสาขาช่างที่ต้องใช้ค้อน ขวาน สิ่ว เลื่อยและอุปกรณ์การเชื่อมวัสดุ

     พื้นที่ของวิทยาลัยในอดีต มีกว่าร้อยไร่ โดยเฉพาะพื้นที่เพื่อการทำนาข้าวมี 30 ไร่ หลักสูตรการเรียนของวิชาชีพเกษตรกรรมในจังหวัดพระนคร (เขตลาดกระบัง) เรามิได้มุ่งเน้นเพื่อเป็นนักวิชาการ ดังเช่นจาก ม.เกษตรบางเขน  แต่จะมุ่งผลิตนักเกษตรที่สามารถปฎิบัติและมีทักษะทำได้จริงอย่างชำนาญการ   ผมและเพื่อนๆ รวมทั้งรุ่นพี่ ที่เรียนในเวลานั้น ทุกคนต้องผ่านการฝึกทำงานอย่างจริงจัง แม้งานฝึกบางอย่างค่อนข้างจำเจ อย่างเช่นการจับจอบถากหญ้า การเกี่ยวหญ้า การช้อนจอกแหน ผักตบชวาขึ้นจากสระ เพื่อให้ปลากินและทำกองปุ๋ยหมักไว้ใช้ เป็นเพราะด้วยวืิทยาลัยของเรา มีพื้นที่กว้าง จึงมีหญ้าและวัชพืชขึ้นมากมายโดยเฉพาะหน้าฝน หญ้าจะเจริญเติบโตเร็วมาก  งานการกำจัดหญ้าและวัชชพืช จึงต้องทำกันไม่หยุดหย่อน เพียงปีเดียวที่เราอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในห้องเรียนและหอพักเดียวกันโดยเฉพาะระบบโซตัส ที่ปลูก  ฝังให้รุ่นพี่และรุ่นน้องรักใคร่ สามัคคี มีน้ำใจ เคารพในความอาวุโส ให้เกียรติกันและกันจึงทำให้พวกเราอยู่กันอย่างมีความสุข

       เมื่อใด..ที่ตลาดหัวตะเข้ โดยเฉพาะที่โรงเจ จัดงานกินเจ แจกทาน มีงานสมโภชน์เฉลิมฉลองมีมหรสพเช่น มีงิ้ว ภาพยนตร์ พวกเรามักจะใช้โอกาสนี้ไปผ่อนคลาย โดยไปหาซื้อของกิน จีบสาวๆตามประสาวัยรุ่น   แน่นอนว่า...นักศึกษาที่มาจากหลากหลายร้อยพ่อพันแม่ เมื่อมาเจอกับเจ้าถิ่น ย่อมเกิดการกระทบกระทั่ง  ฝ่ายหนึ่งในฐานะเจ้าถิ่น อีกฝ่าย คือขาจร คือมาเรียนจบหลักสูตรแล้วก็ต้องจากไป ทำหน้าที่การงาน คงพูดได้ว่างานโรงเจหรืองานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่เขตลาดกระบังจัดงานไม่เคยมีครั้งใดเลยที่จะมีความราบรื่น

    ผู้มาเที่ยวในงานมักเกรงจะเกิดลูกหลง  การมาเที่ยวงานแต่ละครั้ง    ผมจึงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ช่วงเข้ามาอยู่หอพักใหม่ๆพวกเราต้องมีการเลือกประธานหอ ในรุ่นของผมมองเห็นหน่วยก้านของธนิตว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำของรุ่น ในการดูแลคอยประสานงานกับรุ่นพี่และอาจารย์ฝ่ายปกครอง 

    “ผมนายธนิต ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ได้ไว้วางใจให้ผมเป็นประธานหอพักผมจะทำหน้าที่ให้ดี สมกับความไว้วางใจจากเพื่อนๆ  “ธนิตกล่าวขอบคุณ หลังจากที่พวกเรามีมติให้เขาเป็นประธานหอพัก โดยไร้คู่แข่งขัน

       ธนิต ..เป็นคนสุภาพ ขรึม เป็นชาวกรุงเทพ รูปร่างใหญ่  ผิวคล้ำ  เสียงดังฟังชัด  ในรุ่นของผมจะมีการคัดเลือกหน่วยกล้าตายประมาณ 25- คน  คนที่ได้รับการคัดเลือกส่วนใหญ่จะเป็นคนร่างใหญ่ ใจถึงพึ่งได้ ใจถึงในที่นี้คือออกแนวบู๊ เพราะสิ่งแวดล้อมของพวกเราคืออยู่ในที่สว่าง วัยรุ่นละแวกตั้งแต่ปากซอยอ่อนนุชเรื่อยมา   จนสิ้นสุดที่หัวตะเข้ และคลองหลวงแพ่งจะรู้ว่าพวกเราคือนักศึกษาที่มาเรียนที่เกษตรเจ้าคุณทหารแต่พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครและ กำลังคิดอะไร บ่อยๆครั้งที่พวกเรานั่งรถเมล์และรถไฟ จะต้องถูกของฝากจากวัยรุ่นในหมู่บ้านที่พวกเราผ่านอาทิเช่น กำปั้นดุ้นๆสนับมือ คมแฝก อาวุธขนาดปืนผาหน้าไม้และ ระเบิดพลาสติกจะเกิดและมีขึ้น เฉพาะงานเทศกาลและเกิดในยามวิกาลเท่านั้น ความสุขของพวกเรา จะมีก็ต่อเมื่อลงแปลงผัก กินข้าวมื้อเย็น และอาบน้ำเสร็จ ก็จะชวนกันไปเที่ยวตามโรงงานที่มีสาวโรงงานที่กำลังเปลี่ยนกะทำงาน ซึ่งในเวลานี้มีสาวๆที่กำลังเข้าทำงานและอีกกลุ่ม คือคนที่ออกจากโรงงาน กำลังเดินทางกลับบ้านพักผ่อน สาวๆกว่าพันคนเดินสวนทางกันขวักไขว่ ตลอดการเข้ามาเรียนในสถานศึกษา ผมไม่เคยแวะไปเที่ยวโรงงานแม้แต่ครั้งเดียว เป็นเพราะไม่อยากเสี่ยงกับการเจ็บตัวเพราะถูกลอบทำร้ายระหว่างทางกลับมาหอพัก        

                                        ************************

       ที่ร้านอาหารตามสั่งของป้าหนูซึ่งอยู่ปากทางเข้าวิทยาลัยเป็นเพลิงมุงสังกะสี  เวลานั้นถนนทางเข้าวิทยาลัยค่อนข้างเปลี่ยวเป็นดินลูกรังเวลาฝนตกจะเป็นหลุมเป็นบ่อและลื่น เสาไฟฟ้ามีระยะห่างกันเกือบสามร้อยเมตรต่อต้น  จากปากทางถนนใหญ่มาถึงหน้าประตูทางเข้าวิทยาลัยประมาณ 400 เมตร  ก่อนจะถึงปากประตูด้านหน้าวิทยาลัย ต้องเดินข้ามสะพานคลองประเวศซึ่งมีความยาวประมาณ 30 -40 เมตร สองฟากถนนมีบ้านของชาวบ้านเพียง5-  6  หลัง ด้านขวามือเป็นห้างหุ้นส่วนฟุตบอลไทยซึ่งเพิ่งเริ่มกิจการได้ไม่นานนัก     

       การที่พวกเราต้องมากินอาหารตามสั่งที่ร้านป้าหนู เพราะเรามาไม่ทันเวล าที่โรงอาหารจัดอาหารให้กิน เวลานั้นมีร้านอาหารตามสั่งเพียงสองเจ้าคือร้านป้าหนู กับร้านพี่จิ๊บ  ร้านป้าหนูจะมีอาหารให้สั่งให้เลือกได้หลากหลาย กว่าร้านพี่จิ๊บ แถมที่ร้านนี้ยังมีเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ บุหรี่ จำหน่ายและมีตู้ม้าให้ผ่อนคลายลูกค้ากว่า 95 เปอร์เซ็นต์เป็นนักศึกษาจากเกษตรเจ้าคุณฯ เวลานั้นสถาบันพระจอมเกล้าเพิ่งเริ่มมาเปิดทำการสอนเพียงสองคณะคือคณะวิศวกรรม ศาสตร์กับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์   

       ก่อนเปิดเรียนหนึ่งสัปดาห์  เพื่อนๆ ที่อยู่จังหวัดไกลๆ เริ่มเดินทางจากภูมิลำเนาเพื่อเข้าหอพัก   แน่นอนว่า การไม่ได้พบปะกันในช่วงสองเดือนเศษที่ผ่านมา ย่อมทำให้มีความระลึกนึกถึงกันไม่น้อย  และอีกอย่างในปีนี้พวกเราได้ขยับสถานะเป็นรุ่นพี่กับเขาบ้าง ก่อนปิดเทอมธนิต ได้นัดหมายพวกเราไว้ล่วงหน้าไว้แล้วว่า ขอให้เพื่อนๆ ในรุ่นต้องมาประชุมล่วงหน้าเพื่อรับหน้าที่เป็นแม่งานในการรับน้องใหม่

      “อย่าลืมนะเพื่อนๆ ขอให้พวกเรามากันล่วงหน้า เพื่อเตรียมการและมอบหมายงานให้แต่ละคน แต่ละกลุ่มรับผิดชอบงานใหญ่ในครั้งนี้  “ ธนิต  พูด

        เพื่อนๆของผมส่วนใหญ่จะมาวิทยาลัยกันก่อนเปิดการเรียนการสอน  แม้ทุกคนจะสามารถเข้าที่พักในหอพักได้ แต่โรงครัวก็จะยังงดบริการด้านอาหารให้นักศึกษา พวกเราจึงต้องไปฝากท้องไว้กับร้านค้าที่อยู่ใกล้วิทยาลัย 

      “ไอ้หมี ไอ้แหลม ไอ้เปี๊ยก ไอ้กบ  ไอ้วี  เดี๋ยวพวกมึงตามกูไปที่ร้านป้าหนู เปิดเรียนมาใหม่ๆ กินกันไม่อั้นเลยโว้ย   กูเลี้ยงเอง “ธนิต บอกเพื่อนๆ 

      “โอเค.. โว้ย สักครู่พวกกูจะตามไป  “ทุกคนตอบรับคำ 

      ระยะทางจากหอพักเมื่อเดินผ่านประตูวิทยาลัย ก็ต้องใช้พลังงานในการเดินข้ามสะพานที่มีความลาดชันพอประมาณ พวกเราส่วนใหญ่เมื่อเดินขึ้นมาถึงด้านบนสะพานมักจะมองทอดสายตาลงในคลองประเวศ  ด้านซ้ายมือขณะเดินเห็นหลังคาลิบๆ คือสถานีตำรวจนครบาลจระเข้น้อยซึ่งมีที่ตั้งใกล้ริมคลอง เมื่อลงจากสะพานไปอีก150 เมตร ก็จะถึงร้านป้าหนูซึ่งเป็นร้านขายอาหารเพียงร้านเดียวในบริเวณนั้น  แสงไฟจากหลอดนีออนส่องแสงเด่นชัด ลุงศักดิ์ กับป้าหนู ได้ขอเช่าที่ดินจากกำนัน เพื่อมาปลูกสร้างร้านขายอาหาร ร้านอาหารร้านนี้ จะเนืองแน่น ถึงกับต้องรอคิวกินอาหาร 

      “ผัดกะเพรา ต้มยำ ครับป้า  โขงกลม น้ำแข็ง แก้ว 6 ครับ  “ ธนิตสั่งอาหารและเครื่องดื่ม

      อีกสองคิวนะ “ป้าหนุู พูด

      “ครับ สั่งไว้ก่อน เดี๋ยวเพื่อนตามมา ครับป้า” ธนิต พูด

      ระหว่างรออาหารและเครื่องดื่ม ธนิตแวะดูรุ่นพี่เล่นตู้ม้า  ในร้านมีหนังสือพิมพ์ที่ถูกแบ่งกระจายไปให้คนที่สนใจข่าวสารได้อ่าน สภาพหนังสือพิมพ์ยุ่ย ยับยู่ยี่ แต่ไม่ถึงกับขาดแยกจากกัน เพราะผ่านมือคนอ่านเป็นร้อยๆคนถือว่าคุ้มค่ากับราคาเพียง5 บาท

       สักครู่..กลุ่มของธนิตที่นัดกันไว้ก็ครบถ้วนพร้อมหน้าพร้อมตา  เวลาในขณะนั้นเกือบทุ่ม .  ทุกคนเริ่มดื่มและพูดคุยกันตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน ฝนเริ่มลงเม็ดปรอยๆรถเมล์สายพระโขนง -หัวตะเข้ ค่อยๆลำเลียงผู้โดย สารสู่ปลายทางตลาดหัวตะเข้  นักศึกษาที่เรียนเกษตรเจ้าคุณทหารจะลงที่ป้ายเยื้องสวนพระนคร  บางคนที่ไม่ได้กินข้าวมาก็จะแวะสั่งร้านป้าหนูกิน ก่อนเข้าหอพัก

                                        ***************************************

      รถเที่ยวสุดท้ายจากอู่ที่ปากซอยอ่อนนุช คือสองทุ่มครึ่ง  .หลังจากที่ร้านป้าหนูปิดแล้ว ธนิตกับเพื่อนๆได้ซื้อเหล้ามานั่งดื่มกันต่อที่บ้านพักข้าราชการที่กำลังปลูกสร้าง

      “เฮ้ย..พวกเราแวะที่บ้านหลังนี้กันเลย เดี๋ยวกินกันต่ออีกนิดนึงก่อนจะเข้าหอพัก  “ธนิต พูด

      “ดีเหมือนกัน  ว่ะ  กบ พูด“

      “ฝนพรำๆอย่างนี้ แม่ง.อยากไปโรงน้ำชา หาอีหนูกกสักคืน  ”หมี พูด

      “เป็นความคิดที่ดี กูเตรียมเงินมาเพียบ โกหกแม่ว่า. จะต้องจ่ายค่าอุปกรณ์ทำแลปเคมีอีก 200  บาท” แหลมพูด อวดถึงความสามารถของตน ในการโป้ปดมดเท็จทางบ้านได้

      “เหมาแทกซี่ ดีมั้ย  ”กบพูด

      “หายากว่ะ  แม่งเป็นชั่วโมงๆกว่าจะส่งคนเข้ามาที่หัวตะเข้ ”ธนิต พูด

     “งั้นรอเหยื่อที่ผ่านมา อาจมีฟลุ๊ค ก็ได้  ”แหลม พูด

     เพียงเริ่มต้นคุยถึงเรื่องโรงน้ำชา ที่พวกเรามักจะแวะไปใช้บริการที่ปากซอยอ่อนนุช ก็ทำให้ทุกคนในวง เหล้าเริ่มรู้สึกกลัดมันตามประสาคนวัยหนุ่ม  ฝนลงเมํ็ดไม่ขาดสาย เวลาล่วงเลยจนเกือบสามทุ่มครึ่ง. ขณะที่ธนิตเกิดปวดปัสสาวะ เขาจึงขอตัวเพื่อนๆลงจากบนบ้านที่เป็นบ้านของทางราชการ ที่ได้รับงบประมาณให้ก่อสร้างเป็นบ้านพักซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง 

                        *************************************************** 

      เสียงฝีเท้าจากสตรีร่างเล็กผมยาว ในมือหนึ่งถือร่ม และอีกมือหนึ่งยังหอบหนังสือเล่มหนาสามเล่ม กำลังจะเดินลงจากสะพาน เพื่อเดินเลี้ยวซ่้ายตรงหัวมุมที่เป็นป่าหญ้า  เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า วันนี้.. จะเป็นวันที่มีอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเธอ 

      “เฮ้ย..พวกเรา มีเหยื่อ กำลังเดินลงจากสะพานแล้ว  ”ธนิต ตะโกนบอกเพื่อน ที่นั่งดื่มข้างบนบ้านพัก

      ทุกคนลงมาแล้ว…ธนิต ได้บอกกับเพื่อนให้ทำหน้าที่ต่างๆ ตามที่ได้วางแผน

      “ไอ้เปี๋ยก  ไอ้หมี  มึงคอยเดินสะกดตาม เมื่อได้โอกาสแล้ว ล็อคคอ ปิดปากแล้วฉุดลงข้างทางลากเข้าป่าหญ้า  ไอ้กบคอยเป็นต้นทาง ดูสถานการณ์หากมีปัญหาอะไรต้องรีบส่งสัญญาญแจ้งโดยด่วน กูเป็นคนพบเหยื่อรายแรก ดังนั้นกูจึงขอเป็นคนเบิกปฐมฤกษ์ ”ธนิต พูด

      ทุกคนอยู่ในภาวะความเมากันแล้ว สติสมปชัญญะแทบจะไม่เหลือให้ทบทวนไตร่ตรอง ความผิดชอบ-ชั่วดี  ขณะที่ฝนยังลงเม็ด บริเวณใกล้เคียงของวิทยาลัยในเวลานั้นไม่มีบ้านของชาวบ้านเลยสักหลังเดียว เพราะเป็นพื้นที่ราชการ ถัดจากนี้ไปอีก 700 เมตร จึงจะถึงทางเข้าทีี่ทำการของคณะหนึ่งของสถานศึกษาสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย  (ในขณะนั้น)   เปี๊ยกกับหมีซุ่มในที่เปลี่ยว ครั้นสตรีคนนั้นเดินผ่าน .ทั้งสองจึงจัดการปิดปาก เพื่อไม่ให้เธอส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ปกติ.ชุมชนแถวนี้ แค่สองทุ่มต่างก็เข้านอนหลับพักผ่อนกันหมดแล้ว  เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้ พยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถสู้แรงของบุรุษได้ จึงต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม ที่ต้องเป็นเหยื่อความหื่น ของอารมณ์ชั่ววูบของฤทธิ์สุรา 

      “ไอ้นิต  จัดการเลย โดนกูตุ้ยท้องจนแน่นิ่งไป  ”ไอ้หมีพูด

     ระหว่างที่ธนิต กำลังจะดำเนินการเหยื่อฝ่ายสตรีนิรนาม ที่กลุ่มชายโฉดกำลังจะจู๋โจม ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์มาแต่ไกลจากฝั่งวัดมอญ  เธอทำแกล้งนิ่ง .จนคนขี่จักรยานยนต์ใกล้จะถึงจุดนั้น เธอรวมพลังดิ้น พร้อมจะโกนสุดเสียง

      “ช่วยด้วยๆๆๆๆ  ”  สตรีนิรนาม ตะโกนขอความช่วยเหลือ

       มอเตอร์ไซด์ เจ้ากรรมคันนี้ พวกเราคุ้นหู และชินกันดี เพราะคนขับรถคืออาจารย์ที่สอนพวกเรานั่นเอง  

      “เฮ้ย.  จารย์ ตันโจ.  หนีโว้ย  ” ธนิต บอก เพื่อนๆ 

     เวลานั้นทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เมามากต่างสร่างเมาในชั่วพริบตา ..อาจารย์ ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงจอดรถลงไปดู เธอจัดการสวมใส่อาภรณ์ให้มิดชิด อาการตระหนกของเธอยังไม่จางไป สายฝนที่พรำลงตลอดเวลา ทำให้ชุดที่สวมมาเปียกปอนทั่วเรือนร่าง 

      “ขอบพระคุณค่ะ ที่ช่วยเหลือ ” สตรีนิรนาม พูด

     ไม่เกิน 5 นาที รถยนต์จากสถานีตำรวจซึ่งได้รับแจ้งจากอาจารย์ตันโจ ก็ไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บวัตถุพยาน หลักฐานต่างๆ ความตกใจของพวกเขา เป็นเหตุให้ทิ้งร่องรอยหลักฐานไว้ตั้งแต่ทำกระเป๋าเงินหล่นในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีหลักฐานสำคัญ คือบัตรประจำตัวนักศึกษา และ รองเท้าแตะ   

                                            *********************************

         เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาพบกับอาจารย์ฝ่ายปกครอง และในที่สุดกลุ่มเพื่อนๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ได้ยอมจำนนมอบตัวเพราะจำนนจากผู้เสียหายชี้ตัวและวัตถุพยาน เป็นเรื่องที่ทุกคนในเหตุการณ์ต้องตะลึงกับการกระทำ ของตน  เพราะ…..คนที่เป็นผู้เสียหาย ซึ่งถูกล่วงละเมือทางเพศในคนนั้น เป็นอาจารย์ที่เพิ่งมาบรรจุใหม่ ที่เพิ่งทำงานได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนเท่านั้น 

          ผลของการกระทำ…ของเพื่อนทั้งหกคน ได้ถูกวิทยาลัยสั่งลงโทษให้ออก  ส่วนโทษทางอาญา ฝ่ายสตรี ยินยอมยกโทษ เพราะเห็นแก่อนาคตพวกเขา  

     ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้เรียนปี 2 เพื่อนๆของพวกเรา ก็ถูกให้ออก.พวกเขายอมรับชะตากรรม ที่ได้กระทำ   ตราบาปนี้…คงติดตัวไปทั้งชีวิต ของทั้งสองฝ่าย ..ที่ไม่มีวันหมดอายุ

                                                  ขลุ่ย  บ้านข่อย

                                               (๑๘  สิงหาคม  ๒๕๖๖  )

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×