ความหลังที่วังตะไคร้ - ความหลังที่วังตะไคร้ นิยาย ความหลังที่วังตะไคร้ : Dek-D.com - Writer

    ความหลังที่วังตะไคร้

    ครั้งแรก ในชีวิตที่ไปช่วยกิจกรรมด้านการปรับภูมิทัศน์ที่อุทยานวังตะไคร้ ได้พบกับสาว โดยบังเอิญ จนเป็นเพื่อนที่ดี ถึงขั้นยกระดับเป็นแฟน จุดจบเกิดขึ้นจนได้...

    ผู้เข้าชมรวม

    56

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    56

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.ค. 66 / 04:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                    ความหลัง  ที่วังตะไคร้ 

             กลางเดือนมิถุนายน ณ. ห้องเรียนรวม ของวิทยาลัยฯ  ขณะที่พวกเรากำลัง เรียนวิชาพืชกรรม 1 ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐาน ผู้สอนวิชานี้คือผู้อำนวยการคนแรกของสถาบันแห่งนี้ บุรุษร่างสูงใหญ่ ผิวเข้ม  ผมหยักศก หน้าคม ดังคนเปอร์เชีย ท่านผอ เป็นหลานแท้ๆของท่านเจ้าคุณทหาร(วร บุนนาค) 

      “  ครู ตั้งใจจะพาพวกเธอทุกคน ได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติและไปช่วยกันปรับปรุงภูมิทัศน์ ที่วังตะไคร้ โดยจะให้เดินทางจากวิทยาลัยตั้งแต่เช้าวันพุธที่ 3 กรกฎาคม และจะกลับมาวิทยาลัยในช่วงบ่ายๆวันอาทิตย์ ที่ 7  “ผอ .พูด 

         พูดได้เพียงแค่นี้.  เสียงใชโย โห่.ฮิ้ว จากพวกเราดังขี้น ด้วยความดีใจ  ในเวลานั้นวิทยาลัย ที่ผมเรียน  มีแต่นักศึกษาชายล้วนๆ ช่วงเวลานั้นรุ่นผมเพิ่งผ่านการรับน้องเสร็จใหม่ๆ ความสัมพันธ์ ระหว่างผู้อำนวยการกับเจ้าของวังตะไคร้คุ้นเคยเสมือนญาติ  เวลานั้นผู้อำนวยการดำรงตำแหน่งในกรมอาชีวศึกษาอีกตำแหน่งคือผู้อำนวยการกองวิทยาลัย ท่านจะมาสอนพวกเราสัปดาห์ละครั้งๆละ สามชั่วโมง ลูกเล่นการสอน ของท่านเป็นที่ชื่นชอบของลูกศิษย์ทุกๆรุ่น   วิชาการไม่มีตกหล่น ระคนความตลก และสัปดนนิดๆ เรียกเสียงเฮได้เหมือนฟังและดูจำอวด 

         ช่วงเวลานั้นวังตะไคร้ เพิ่งเริ่มเปิดกิจการได้ไม่ถึง 5 ปี อุทยานของเอกชน ที่เป็นธรรมชาติสวยงาม โดยมีเอกชนเป็นเจ้าของเจ้าแรกในจังหวัดนครนายก ผมเคยมีความฝันจะมาเที่ยวที่นี่ สักครั้ง

        “ครูต้องการ ให้พวกเรา ซึ่งเรียนวิชาชีพการเกษตร ควรต้องรู้จักธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง  เวลาที่พวกเราจะไปพัก  - กิน   ทำงานและนอนพักค้างคืน จะมีเวลา 4 คืน 5 วัน นี่เป็นเวลาที่กำลังดีเลย ครูมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาจึงมีวันหยุดเพิ่มจึงกำหนดเวลาในช่วงนี้ “ผอ. พูด

       “มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้างหรือ ครับ “ชัชชัย หัวโจก เด็กกรุงเทพ ที่เพิ่งสอบตกจากชั้นม.ปลายจากเซนคาเบียลยกมือขี้น ถาม ผอ.ร่างยักษ์ ..  

       “ฟรี ทุกอย่าง ไม่เสียเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว เราจะเดินทางออกจากวิทยาลัย ด้วยรถบัสที่เช่ากับรถบุเรงนอง ของวิทยาลัยของเรา อาหารมื้อกลางวัน ครูจะให้โรงครัวหุงใส่ถุงให้ไปกินที่น้ำตกสาริกาจากนั้นให้พวกเราสัมผัสกับบรรยากาศของที่นี่สักหนึ่งชั่วโมง แล้วจึงเข้าไปที่วังตะไคร้กัน  “

                                            ************************************* 

          ยามเช้า ของวันที่พวกเราจะเดินทางไปทัศนศึกษาผนวกกับการไปช่วยปรับปรุงภูมิทัศน์ที่วังตะไคร้   หลังจากกินข้าวมื้อเช้าในโรงอาหารแล้ว ทางแม่ครัวได้แจกอาหารถุงให้ทุกคนเพื่อเป็นเสบียงไว้กินช่วงมื้อกลางวันที่น้ำตกสาริกา   

     “โอ้โห ถุงเบ้อเริ่มเลย โว้ย..วันนี้เป็นข้าวผัดแถม ไข่ดาวบวกไข่ต้มให้อีกอย่างละฟอง“ ไอ้แดง พูด

     “กูเตรียมเสื้อผ้าไป 5 ชุด พร้อมเตรียมเสื้อยีนแรงเลอร์ ไว้ใส่อวดสาวๆ  “ ไอ้ชัย พูด

      “ไอ้อ๊อก แม่งแต่งตัวสุดหล่อเลย  วันนี้" แดงหยอกล้อเพื่อนร่วมห้องพักและร่วมหอพักเดียวกัน

       เพื่อนๆส่วนใหญ่ มีท่าที่ตื่นเต้น หลายคนเมื่อคืนนอนไม่หลับ 

        อ๊อกเป็นคนเมืองอุทัยธานี เคยเรียนชั้นมศ. 4 ที่รร.ของรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพแต่สอบตก จนต้องมาเริ่มเรียนชั้น มศ.4 สายอาชีพร่วมกับผมพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆที่สอบตกชั้นมศ..4 อีก15 คน 

          หอพักนักศึกษาชั้นปี1(น้องใหม่สุด)วิทยาลัยได้กำหนดให้พักที่หอหนึ่ง ในวิทยาลัยมีหอพักสามหอ  แต่ละหอพักมีสองชั้น ในหอพักแต่ละหอมี 5 ห้องใหญ่ๆ ในห้องพักแต่ละห้อง จะมีตู้เก็บเสื้อผ้าสิ่งให้ ซึ่งวิทยาลัยจะจัดไว้บริเวณกลางห้องและแยกฝั่งเป็นสองฝั่ง ในห้องที่พวกผมพักคือห้องพักชั้นล่าง ผมนอนเตียงล่างคู่กับไอ้อ๊อก ไอ้ลิตรนอนคู่กับไอ้แดง    ช่วงรับน้องใหม่ไอ้อ๊อกเคยปรารภและร้องไห้เกือบทุกวัน เพราะถูกรุ่นพี่กดดันจนทนไม่ได้

          “กูอยากจะลาออกแล้วล่ะ กูทนไม่ไหวแล้ว  พ่อกับแม่กู ไม่เคยดุด่าว่ากล่าว ข่มขู่กูแบบนี้เลย ฮือๆๆๆ “ อ๊อกพูดทั้งร่ำไห้ 

          “อดทนอีกหน่อย ..เดี๋ยวก็ผ่านพ้นไปแล้ว “แดงให้กำลังใจ 

                                        ***************** ************************* 

            ที่หน้าเสาธงพวกเรามายืนเคารพธงชาติ  จากนั้นอาจารย์ที่ดูแลได้เช็คชื่อพวกเราที่จะไปทัศนศึกษาที่วังตะไคร้ รถบุเรงนอง ซึ่งเป็นรถบรรทุก 6 ล้อขนาดกลาง และอีก 2 คันเป็นรถเมล์ที่ติดต่อจากอู่รถสายพระโขนง  เหล่าบรรดาพวกชอบสนุกจะอาสามาขึ้นรถคันนี้ แม้อากาศจะร้อนบ้างแต่ลมพัดพาช่วยการระบายคลายร้อนได้ไม่น้อยเลย หลังจากที่ทุกคนขึ้นรถ ก็ได้จับจองที่นั่ง รถบุเรงนองได้ขับนำหน้าเป็นคันแรกตามด้วยรถที่จ้างเหมาเพื่อไปส่งและรับกลับ 2 คัน  รถออกตัวมุ่งหน้าไปบนถนนร่มเกล้า มุ่งสู่มีนบุรี สู่เส้นหินกอง และเข้าสู่ตัวเมืองนครนายก ใช้เวลาประมาณ 2.30   ถึงบริเวณลานน้ำตกสาริกาเวลาประมาณ 11.15 น  ทุกคนลงจากรถเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ

       “พวกเราจะกินข้าวมื้อเที่ยงที่น้ำตกนี่นะ  รถจะออกจากนี่ ในเวลาบ่ายโมงตรง  ขอให้ทุกคนรักษาเวลาด้วย” อาจารย์เฉลียวพูด

         ในช่วงวันหยุดยาวมีนักทัศนาจรจากจังหวัดต่างๆจัดทัวร์มาเที่ยวที่จังหวัดนี้กว่า 50 คันรถ เป้าหมายส่วนใหญ่ที่ทุกคนทุ่งหน้าในเวลานั้นคืออุทยานวังตะไคร้   เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสวนธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายของป่าเขา ลำเนาไพร เกาะแก่ง น้ำตกรวมทั้งมีพืชพรรณต่างๆ ที่ทางเจ้าของสวนได้มีจัดการวางผังและจัดภูมิทัศน์สวยงามกลมกลืนกับสถานที่

         ระหว่างอยู่ที่น้ำตก ผมกับเพื่อนๆได้เดินไต่โขดหิน ลัดเลาะไปยังธารน้ำตก ซึ่งมีน้ำไหลค่อนข้างแรง เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน แม้แดดจะร้อน แต่เมื่ออยู่ในร่มไม้ มีลมพัดตลอดเวลา ก็ทำให้ทุกคนไม่ร้อน เสียงน้ำตกที่ไหลกระทบกับผาตามชั้นต่างๆจนเกิดละอองน้ำเป็นฝอยทำให้ผมตื่นตา 

     “นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ของกูเลยนะมึง “  ผมพูดกับเพื่อนๆ 

     “เหมือนกันว่ะ “ไอ้แดง พูด

       ก่อนหน้านี้หนึ่งปีผมเกือบจะสิ้นชีวิต หากแม่ไม่ตื่นขึ้นมาห้าม.เพราะผมได้นัดกับไอ้เล็กว่าจะเอารถจักรยานยนต์ของพ่อ หนีมาเที่ยวที่น้ำตกสาริกา(อ่านเรื่องผีไอ้เล็ก) 

      “เดี๋ยวเราถ่ายภาพหมู่กัน ระหว่างล้อมวงกินข้าวกันนะ “ผมพูด

      “ไอ้แว่น ช่วยเป็นช่างภาพให้ด้วย “แดง บอกไอ้แว่น 

        เกือบชั่วโมงที่บริเวณลานน้ำตกสาริกา  จนได้เวลาที่พวกเราจะต้องขึ้นรถมายังอุทยานวังตะไคร้   สามสิบนาที.. ต่อมารถทั้งสามคันก็มาถึงจุดหมาย ผู้จัดการซึ่งมีความสนิทสนมกับผู้อำนวยการได้เชิญพวกเราไปยังห้องประชุมและได้กล่าวต้อนรับ

      “ในนาม .อุทยานวังตะไคร้ ขอต้อนรับนักศึกษาเจ้าคุณทหาร   ว่าไปแล่้วเกษตรเจ้าคุณกับวังตะไคร้เสมือนญาติสนิท  เพราะท่านเจ้าคุณทหารและเชื้อสายบริพัตร มีความแนบแน่น ตั้งแต่รัชการที่ 5  บริเวณที่พักของน้องๆเป็นห้องรวม ห้องน้ำจะอยู่ด้านล่างเป็นห้องน้ำรวม  ถัดจากห้องประชุมจะมีโรงครัวและโรงอาหาร  ยังไงหาก .มีปัญหาใดๆให้แจ้งพี่เลี้ยงซึ่งทำงานที่นี่ทั้งยังเป็นรุ่นพี่รุ่น1 ของพวกเราด้วย มีใครสงสัยอะไรมั้ย ครับ  “

         ทุกคนเงียบ..  จากนั้นเจ้าของพื้นที่  ได้ให้พวกเรานำกระเป๋าไปเก็บและเลือกที่นอนตามอัธยาศัย

     เมื่อทุกคนเก็บข้าวของแล้ว จึงได้ออกจากที่พักเดินสำรวจสถานที่ ซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวาง ป่าเขาลำเนาไพรที่นี่สวยงาม  ลำธารมีน้ำไหลค่อนข้างเขี่ยวมีโขดหินกลางลำธารใหญ่น้อยมากมาย เวลาขณะนั้นใกล้เวลา 4 โมงเย็น     นักทัศนาจร เตรียมตัวเรียกพรรคพวกขึ้นรถ  เราทักทายหนุ่มสาวที่มาเที่ยวด้วยรอยยิ้ม  ทุกคนเคร่งครัดกับคำสอนของผู้อำนวยการ

      “พวกเราทุกคน  เป็นเสมือนเป็นเจ้าบ้าน มีหน้าที่จะต้องให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้ม ต้องสร้างมิตรภาพที่ดี เพื่อเขาจะได้มาเที่ยวอีก “ผู้อำนวยการอบรมพวกเราก่อนมาที่นี่ 

      เมื่อถึงเวลา 17.45 นของทุกวัน เป็นเวลาที่ทุกคนต้องมากินข้าว อาหารทุกมื้อวังตะไคร้รับเป็นเจ้าภาพเอง   5 วันที่เราจะต้องออกแรงกาย ในการปรับสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงามมากยิ่งขึ้น นักศึกษาจำนวนกว่าร้อยคน ได้จัดแบ่งกลุ่มเป็นโซนในการทำงาน 

                                                       *******************************

       ยามเช้า..06.00 ผมกับไอ้แดงและเพื่อนๆคนอื่นเดินมายังริมสระบัว ซึ่งอยู่หลังห้องประชุม  มีดอกบัวหลากสี บานสะพรั่ง พวกเราเดินสำรวจพื้นที่ ที่ยังไม่ได้ไป ไกลลิบๆบริเวณภูเขาสูง มีน้ำตกไหลย้อยลงจนเกิดละอองน้ำสีขาวชัดเจน

      “ที่มึงเห็นนั้นน่ะ  เขาเรียกน้ำตกแม่ปล้อง“ ไอ้อู๊ด เจ้าบ้านพูด

     “คงไกลน่าดูเลย นะไอ้อู๊ด  “ แดง พูด

     “อย่างน้อย 5 กิโลน่ะมึง” อู๊ด พูด 

       “โห กูว่า .จะลองเดินไปดู ตอนนี้ ..กูขอเปลี่ยนความคิดแล้ว ล่ะ  “ แดงพูด 

        ระหว่างทางที่เดินสำรวจกับพื้นที่ต่างๆ จุดใดที่มีความสวยงาม พวกเราก็เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ทุกๆคนที่มาเตรียมชุดหล่อมากันเพียบ ยกเว้นผมที่มีข้อจำกัดเรื่องเสื้อผ้าสวยๆทันสมัย หลายคนที่มีแว่นเรย์แบนด์ก็สวมเพื่อเสริมเสน่ห์ ให้ดูเท่ห์ หลังอาหารมื้อเช้า ผู้อำนวยการได้มากล่าวให้กำลังใจและให้ทุกคนยึดมั่นในกติกาและระเบียบอย่างเคร่งครัด 

         เราจะเริ่มทำงานกันตั้งแต่ 08.30 จนถึง17.00 น แล้วจึงพักผ่อน พวกเราจะมาเล่นน้ำและล่องแก่งโดยมีห่วงยางของอุทยานที่พวกเราสามารถหยิบยืมมาใช้ได้   

         ช่วงวันหยุดยาวมีคนเข้ามาเที่ยวทุกเพศทุกวัย  หนุ่มสาว เดินเคียงคู่จู๋จี๋  ชมนก ชมไม้ ในอาณาบริเวณที่กว้างขวาง  บรรยากาศยามสายที่วังตะไคร้คนเริ่มหนาตา พวกเราแบ่งกลุ่มทำงานด้วยการตัดแต่งกิ่งไม้ ปลูกต้นไม้เพิ่ม  พรวนดิน  ใส่ปุ๋ย ปรับแต่งภูมิทัศน์เพิ่มเติมให้สอดรับกับมุมต่างๆ    

      “วันนี้ ต้นไม้ที่พวกเธอปลูกไป อีกไม่กี่ปีข้างหน้าต้นไม้เหล่านี้ จะเจริญงอกงามใหญ่ขี้นเป็นร่มเงาให้ทุกคนได้หลบพักผ่อนอย่าลืมว่าสักวันหนึ่ง ที่พวกเธอมีโอกาสกลับมาเยือนที่นี่  อย่าลืมมาดูผลงานที่เคยช่วยกันทำไว้ “ ผอ . พูด

                                                    *******************************

        ทุกคนมีความสุขและสนุกสนานกับการอยู่ร่วมกันทั้งยังได้ช่วยกันบำเพ็ญประโยชน์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติด้วย อาหารอร่อย ที่พักฟรีโอกาสดีๆอย่างนี้หายากและเมื่อวันสุดท้ายก่อนจะกลับวิทยาลัย ผู้จัดการอนุญาตให้พวกเราทุกคนไม่ต้องทำงาน  ทุกคนจึงถือโอกาสเดินจีบสาวๆที่มากับคณะทัศนาจรคณะต่างๆ  วันนี้.คือวันออกพรรษาพอดี   ผมกับกลุ่มเพื่อนร่วมห้องพักถือโอกาสล่องแก่งกันหลายรอบ น้ำเชี่ยวและเย็นมาก ทุกคนนุ่งกางเกงในตัวเดียว  ผมนุ่งกางเกงสีเนื้อเมื่อลงน้ำแล้ว หากขึ้นฝั่งเที่ยวเดินไปมาต้องอุจาดตาแก่ผู้พบเห็น  ส่วนใหญ่จึงไม่ได้ขึ้นฝั่ง ตรงที่มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำ 

      “น้ำแม่ง โคตรเย็นและเชี่ยวมาก พวกเรา ระวังตะคริว นะ  “อ๊อก พูด 

     “.จริงด้วย “แดงตอบ

     “ไอ้แดงเราข้ามไปฝั่งโน้นกันมั้ย “ผมชวนเพื่อนให้ว่ายน้ำลัดไปอีกฝั่งหนึ่ง  

        การว่ายน้ำบางช่วงต้องว่ายทวนน้ำ น้ำที่ไหลเชี่ยว เล่นเอาพวกเราที่แม้จะว่ายน้ำแข็งทุกคน หมดแรงจนต้องหาโขดหินหยุดพักก่อน ผมต้องนำกล้องถ่ายรูปติดมือไปพร้อมว่ายน้ำข้ามฟากจึงเหนื่อยกว่าปกติ  ช่วงหนึ่งผมได้เกิดอาการตะคริวที่น่อง 

     “เฮ้ย ไอ้แดง กูเป็นตะคริว  “ผมบอกเพื่อน

        กล้องถ่ายภาพ ที่ผมต้องชูเหนือน้ำ ทำท่าจะถือไม่ไหวแล้ว จึงส่งให้ไอ้แดงนำไปวางตรงโขดหินก่อนและตัวเขาได้เอื้อมมือมาดึงตัวผมให้ไปพักตรงโขดหินเพื่อบีบนวดให้  ระหว่างนั้นผู้ทัศนาจร ได้เห็นเหตุการณ์ของผมและเพื่อนบางคนได้กระโดดลงมาเพื่อพาผมข้ามมายังฝั่งโรงอาหาร  หลังจากผมข้ามมาได้ จำต้องนอนคว่ำหน้าเพราะกางเกงชั้นในบางมาก นักท่องเที่ยวสาวได้เข้าดูแล ด้วยการทายาตรงบริเวณน่องพร้อมช่วยบีบนวดให้กล้ามเนื้อคลายตัว

      “ไอ้แดง มึงไปเอาผ่้าขาวม้ามา ให้กูนุ่งที วางตรงม้าหินอ่อนข้างต้นลั่นทม “ผมบอกเพื่อน

      เมื่อได้ผ้าขาวม้ามาแล้ว จึงนุ่งผ้าและหันมาขอบใจสาวที่มาช่วยเหลือ

      “ดีขึ้นแล้ว นะคะ“สาวหนึ่งในสอง พูด

      “ครับ ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณมาก  “ ผมพูด

        สายตาของผมได้พบกับสาวผิวเข้ม เพรียวสมส่วน ผมยาว  เธอเป็นคนที่คอยช่วยเหลือผมตลอด แม้คนๆนี้อาจจะไม่ใช่คนที่ผมชอบและสวยถูกใจ  แต่.ผมต้อง ตอบรับความมีไมตรีของเธอที่ยื่นมาให้ก่อน จริงๆ แล้วผมค่อนข้างถูกใจกับสาวอีกคนที่มีผิวขาว ตาคม ที่มาด้วยกัน  ยังไม่ทันได้สื่อสารอะไร มากกว่านี้ 

         เสียงนกหวีดจากผู้ช่วยโชเฟอร์เป่าเพื่อเป็นสัญญาณว่า รถคันนั้น กำลังจะออก เพื่อไปเที่ยวยังปลายทางอีกแห่งแล้ว   

      “ต้องขอตัวแล้ว ล่ะค่ะ รถกำลังจะออกแล้ว “สาวคนนั้น พูด

      “ขอชื่อและที่อยู่ ก่อนครับ “ผมพูด

     “เดี๋ยวไปเอาที่ข้างหน้าต่าง นะคะ  พอดีกระดาษและปากกาอยู่ในรถ  “  เธอพูด

      ผมเดินตามเธอไป..แม้ในใจของผมชื่นชอบเพื่อนของเธอที่สวยมากกว่า   

      “ช่างเถอะ ไม่เป็นไร ฟ้าส่งเธอมาให้ ดีกว่าไม่มีน่ะ” ผมคิด 

     “นี่ค่ะ แล้วยังไง เราจะติดต่อกันทางจดหมาย นะคะ“ เธอพูด

      ผมยืนรอที่จะโบกมืออำลา นาที ..ต่อมา  รถบัส จึงเคลื่อนตัวออกจากวังตะไคร้

     “ขอให้โชคดีครับ “ ผมพูด  

          คนทั้งสองโบกมือตอบ พร้อมรอยยิ้ม 

                                                  *******************************

             ผมเดินกลับมา.ยังกลุ่มเพื่อนๆเสียงตะโกนแซว จนผมหน้าชา 

     “ไอ้ขลุ่ย แม่งเจ๋ง เล่นละครเก่งแกล้ง เป็นตะคริวหน่อย สาวรุมล้อมช่วยเหลือตรึม“ชัชชัย หัวโจกแซวมีเสียงโห่ฮา เป็นที่สนุกสนาน

        หลังจากเดินทางกลับจากวังตะไคร้..แล้วนับแต่วันนั้นมา ผมจึงได้เขียนจดหมายถึงสาวชื่อนัยนา(เล็ก)   สถิตยานานันท์ ทันที  สัปดาห์ต่อมา ผมได้รับจดหมายตอบกลับ ผมแอบอ่านจดหมายไม่ให้เพื่อนในหอพักเห็น ต้องอ่านวันละหลายๆ รอบ อ่านเสร็จ ดูมีความสุข แอบยิ้ม จนเพื่อนเห็น

       ผมกับเล็กติดต่อทางจดหมายจนสนิทสนมจากเพื่อนสู่ระดับการเป็นคนรัก จนวันหนึ่ง เรานัดหมายที่จะพบกันตัวเป็นๆ  ณ โรงภาพยนตร์ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ข้อความที่นัดหมายกันไว้คือเวลา11.น  ตรงบริเวณป้ายรถเมล์ฝั่งโรงพยาบาล ราชวิถี เธอบอกทางจดหมายว่าจะมากับเพื่อนสนิท คือวรรณา สาวที่ผมแอบชื่นชอบครั้งที่พบกันที่วังตะไคร้  วันนัดหมายผมได้ชวนไอ้อ๊อกมาด้วย 

      “กูมาพักกับน้า ตั้งแต่เรียนม.ปลาย แถวนี้ทุกตรอกซอกซอย กูเดินวิจัยฝุ่นจนทั่วแล้ว”  อ๊อก  พูด

      “มึงต้องมาเป็นเพื่อนกู ด้วยนะ เพื่อแยกคู่ ช่วงดูหนัง มึงก็คุยเป็นเพื่อนวรรณา ส่วนกูก็จะคุยกับเล็ก เคนะ” ผมพูด

                                       *******************************************

        วันนัดหมายเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาว ที่พบกันโดยบังเอิญ ที่อุทยานวังตะไคร้ ผมกับอ๊อก มานั่งรอที่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่ 10.00 น รอจน11.45 น. เล็กกับวรรณจึงมาถึง  เมื่อพบกันแล้ว ผมได้ชวนเธอมานั่งทานข้าวบริเวณร้านแห่งหนึ่ง หน้าโรงภาพยนตร์  

      “ช่วงใกล้เที่ยงคนมากเลยนะ จะทานอะไรดีล่ะ ”ผมถาม เล็ก

      “ อะไรก็ได้.  ค่ะ” เล็กตอบ

         ร้านนี้.คนไม่หนาตา จนเกินไป ผมกับอ๊อก จึงชวนเธอเข้าไปร้านขายข้าวขาหมู    

       “ทานอะไรดี ล่ะ  ”

      “อะไร  ก็ได้ ”เล็กตอบ

      “ข้าวขาหมู 4 ที่ น้ำอ้อย 4 ขวด  ” ผมสั่ง 

       ครู่ต่อมา… ข้าวขาหมูก็ถูกนำมาเสริฟ ผมบอกเล็กกับวรรณให้ทานข้าวพร้อมๆกัน  เธอมองมายังจานข้าว พร้อมดูดน้ำอ้อยในแก้วซึ่งมีน้ำแข็งหลอดเล็กที่ผมช่วยบริการ ขณะนั่งกินข้าวได้คุยเรื่องต่างๆ ฆ่าเวลา  ผมกับอ๊อก กำลังหิวเลยจัดการกับอาหารจนเรียบวุธ เมื่อมองมายังคนทั้งสอง ปรากฎว่าทั้งสองไม่ได้แตะ หรือขยับจานข้าวเลยสักนิด

      “อ้าว เล็กกับวรรณ ไม่ทานล่ะ ข้าวก็เย็น หมดสิ  ” ผมพูด

      “อิ่มแล้ว..ล่ะ   ” เล็กพูด

      “อ้าว..”

      “ช่วยทานข้าว ที่สั่งมาด้วย ” เล็กพูด

       “มีก๋วยเตี๋ยว ด้วยเอามั้ย  ”

       “ไม่หรอก ดิื่มน้ำอย่างเดียว ก็พอแล้ว  ”  เล็กตอบ

      “ถามหน่อย ทำไมไม่ทานล่ะ ข้าวขาหมู อร่อยจะตาย ”

      “ก็เล็กกับวรรณ นับถือศาสนาอิสลาม น่ะ ” เล็กตอบ

      “แล้วไม่บอกกันก่อนนี่ ใครจะไปรู้เล่า .. ”  ผมคิด

        ผมกับไอ้อ๊อกจึงจัดการกับข้าวขาหมูจนอิ่มแปร้ จากนั้นจึงจ่ายค่าอาหารแล้วเเข้าไปชมภาพยนต์สองเรื่องควบ  ก่อนเข้าไปชมได้แวะซื้อหมากฝรั่ง  ข้าวโพดอบเนยเพื่อไว้ทานเล่น แอร์ในโรงภาพยนต์เย็นชุ่มฉ่ำ  ผมนั่งเคียงข้างเล็ก ระหว่างชม เราพูดคุยอย่างมีความสุขตามประสา  อีกคู่นั่งแยกออกจากผมไปสามเก้าอี้  แรกๆคู่ของอ๊อกกับวรรณ ดูราบรื่น เวลาผ่านไป 20 นาที หลังจากภาพยนต์เรื่องแรกเริ่มฉาย วรรณ. ได้เดินมาหาเล็ก

      “เล็ก เค้าจะกลับก่อนนะ ไอ้นายคนนี้ มันแย่มาก..มือยังกับหนวดปลาหมึก อะไรกัน ยังไม่ทันรู้จักมักคุ้น ก็จู่โจม ไม่ให้เกียรติกันเลย”วรรณ ฟ้องกับเพื่อน

      “ฉิบหายแล้ว ไอ้อ๊อก มึงทำกูหน้าแหกเลย ไอ้เวร  ” ผมพูดเบาๆ 

                การชวนเพื่อนมาผิดคน วันนี้  ทำให้เกิดอุบัติภัย ..ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ไอ้อ๊อกนะ  ไอ้อ๊อก 

                                                       ขลุ่ย   บ้านข่อย

                                                   (๒๘ กรกฎาคม   ๒๕๖๖ )

             

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×