เงียบหายไปไหนวะ เพื่อน - เงียบหายไปไหนวะ เพื่อน นิยาย เงียบหายไปไหนวะ เพื่อน : Dek-D.com - Writer

    เงียบหายไปไหนวะ เพื่อน

    รักแรกน้ำคกผักว่าหวาน ชีวิต..ความไม่แน่นอน และเขาต้องเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

    ผู้เข้าชมรวม

    91

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    91

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ธ.ค. 65 / 09:45 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                 เงียบหายไปไหนวะ  เพื่อน

          นิรันดร์ เป็นเพื่อนสนิทของผมมาตั้งแต่ เรียนชั้นประถมปลาย- ชั้นมัธยมต้น  บ้านของเขาอยู่นอกเขตเทศบาล บ้านของนิรันดร์ เป็นเขตชนบทอย่างแท้จริง  พ่อของเขาเป็นครูสังกัดครูประชาบาล พร้อมทั้งอาชีพทำนา  ผมจะอาศัยรถจักรยานของเขาเพื่อเดินทางไปโรงเรียนเกือบทุกวัน  นี่เอง..จึงเป็นความผูกพันกันอย่างมากจนยากจะลืม 

         ช่วงเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3  นิรันดร์ มักจะชวนผมให้ไปเป็นเพื่อน เพื่อจีบรุ่นน้องคือ  ติ๋ม  ที่เป็นลูกพนักงานการไฟฟ้า และเรียนรุ่นหลังพวกเราไป 1 ปี

      “กูจะไปที่บ้าน(ไอ้) ติ๋ม   มึงช่วย ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ  “นิรัดร์พูด

      “อ้าว มึงจะไปจีบเขา แล้วให้กูไปด้วยทำไม   มันจะดีเหรอ  “ผมพูด

     “เอาเถอะน่า   กูวางแผนให้วรรณา ชวนให้ติ๋ม ข้ามฟากจากบ้านเขา มาทำอะไรกิน ที่บ้านวรรณา  ขณะทำอะไรกินกัน มึงก็ชวนวรรณาคุย ส่วนกูก็แยกตัว มานั่งคุยกับติ๋มต่างหากไง “นิรันดร์  พูด

       นิรันดร์เทียวไปเทียวมาที่บ้านของติ๋มอย่างสม่ำเสมอ แม้พ่อของติ๋ม จะไม่ชอบและคอยกีดกันลูกสาว  แต่นิรันดร์ ก็พยายามเข้าตีสนิทกับทางแม่(ของติ๋ม) และชนะใจทางฝ่ายว่าที่แม่ยายโดยง่ายดาย

     “เด็กมันรัก ชอบพอกัน  จะไปกีดกันเขาทำไม  “  แม่ของติ๋มพูด

    “ฉันไม่ชอบน้ำหน้า เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ สักเท่าไหร่เลย  มันไม่ถูกชะตากับฉัน เลยสักนิด  “ พ่อของติ๋ม พูด

                                ***********************************************

        เยาวภา (ติ๋ม)เป็นรุ่นน้อง ที่มีหุ่นดีและสวยที่สุดในรุ่นของเธอ  นิรันดร์ตามจีบจนประสบความสำเร็จ  จึงเป็นคู่รักในวัยเรียนที่น่าอิจฉา   ผมได้เห็นการเติบโตการพัฒนาการ ของความรัก ที่ทั้งคู่เริ่มปลูกความรักเรื่อยมา รวมทั้งอุปสรรคต่างๆ   นิรันดร์เรียนจบมัธยมต้นแล้ว มาเรียนวิชาชีพด้านการศึกษา จากวิทยาลัยครูแห่งหนึ่ง เมื่อเรียนจบระดับ ปกศ.ต้นแล้ว จึงมาสอบบรรจุเป็นครูประชาบาล ส่วนติ๋ม เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมต้น ได้ไปเรียนวิชาชีพสายพาณิชยการ  ระหว่างการ เรียนทั้งสองคน ยังมีการติดต่อกันทางจดหมายมิได้ขาดและสานสัมพันธ์ จนวาดฝันเป็นคู่สมรส

                                          .........................................................

     

                    ระหว่างปิดเทอม  เมื่อผมมีโอกาสได้พบกับนิรันดร์ ที่บ้านของเขา

      “กูตั้งใจว่า เมื่อกูทำงานแล้ว จะเก็บเงินทอง ไปสู่ขอติ๋ม  น่ะ”นิรันดร์ เอ่ยปากบอกผม ในฐานะเพื่อนสนิท

     “ทางฝ่ายเขา  ว่ายังไง  “ผมพูด

     “เขาบอกให้ติ๋มเรียนจบและทำงานก่อน ค่อยมาคุยกัน “ นิรันดร์พูด

     เมื่อทั้งคู่เรียนจบด้วยกันแล้ว นิรันดร์ได่้บรรจุเป็นครูในพื้นที่ ส่วนเยาวภา บรรจุ เป็นพนักงานการเงินของเขตเทศ บาล ในอำเภอเดียวกันทั้งคู่ได้สมรสและอยู่กินด้วยกัน ที่บ้านพักของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคู่รักคู่นี้หวานชื่นทั้งคู่รอมชอม  ไม่มีปัญหาใดๆเลยแม้แต่น้อยทุกครั้ง ช่วงปิด(เทอม)เรียน ผมจะแวะมาหา มาเยี่ยมเพื่อนคือนิรันดร์และรุ่นน้องคือเยาวภา เสมอ ทั้งคู่ทำงานแล้ว แต่ผมยังเรียนไม่จบ  ถัดมาอีกปี ..ทั้งสองคนได้บุตรชาย และมีบุตรเพียงคนเดียวเท่านั้น  

        “โอ้โห มึงนี่ มีลูกทันใช้เลยนะ. “  ผมสัพยอก เพื่อน ต่อหน้าภริยาของเขา

       “แน่นอน เวลา วารีไม่คอยใคร ว่าแต่มึง เมื่อไหร่จะแต่งงาน”

      “ยังเรียนไม่จบ  ยังหาคู่ไม่เจอเลย”

      “ก็ วรรณา ไง  สวยก็สวย แม่บ้านแม่เรือนด้วยนะมึง  กูสังเกตว่า เขาชอบมึงนะ  “นิรันดร์พูด

     “จริงด้วย  เค้าก็ว่างั้น    “  เยาวภาพูดเสริมต่อจากสามีของเธอ

      เยาวภา กับวรรณา มีบ้านใกล้กันและเป็นเพื่อนสนิท เธอจึงรู้ถึงความเคลื่อนไหว และจิตใจของเพื่อนได้

     “จริงๆ วรรณา กูก็สนใจเขานะ  แต่...”  ผมพูด  และเว้นช่วง

     “แต่ใจไม่ถึง ไม่กล้าจีบเธอ  ล่ะสิ  “ นิรันดร์พูด

     “ อืม  คงงั้นแหละ   “ ผมตอบ

      ช่วง 10  ปีแรก ของการครองรัก ครองเรือน ทั้งคู่มิได้มีปัญหา แม้แต่น้อยนิดเลย  ลูกที่เป็นสายใย เป็นโซ่ทองคล้องใจของคู่รัก ที่เป็นพ่อและแม่ของเด็กน้อย ผมรู้สึกพลอยยินดี ที่ปัญหาต่างๆ ของนิรันดร์ หมดจางไปกับพ่อตาของเขา แต่ช่วงหลัง ผมทราบข่าวว่านิรันดร์  เริ่มหึงหวงภริยาอย่างไร้เหตุผล เป็นเพราะเธอต้องทำงานในสำนักงานและเป็นคนสวย ทั้งคู่จึงมีปากมีเสียงกันบ่อยๆ

       “ขลุ่ย ลองคิดดูนะ ว่านิรันดร์ คอยแต่จะหึงหวง  ทั้งๆที่ติ๋ม ไม่ได้คิดอะไรกับใครๆ ในที่ทำงานเลยสักนิด  “ เยาวภา พูด

     *******************************************************************************

       ช่วงที่ผมมาทำงานที่ลำปาง มีโอกาสกลับไปเยี่ยม มารดา จึงถือโอกาสไปเยี่ยมนิรันดร์  ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทมาก และติ๋ม ในฐานะภริยาของเพื่อน

      “อืม . มันไม่น่าจะหึงหวง อะไรกันมากมาย ขนาดนี้เลย “  ผมพูด

     “นั่นน่ะสิ  น่ารำคาญจะตายไป เลิกงานเข้ามาในบ้าน ก็ต้องมามีปากมีเสียงกัน “ เยาวภาพูด

      “ไว้ จะพูดกับมันให้เข้าใจ “ผมพูด

       ปัญหาของครอบครัวนี้  เริ่มหนักมากขึ้นๆ  ถึงกับเยาวภาต้องทำเรื่องขอย้ายสถานที่ทำงานไปอยู่ในตัวจังหวัดเพื่อตัดปัญหาการทะเลาะกัน   เธอได้นำบุตรชายไปอยู่ด้วย จึงปล่อยให้สามีอยู่ไปตามประสา  นิรันดร์เริ่มดื่มเหล้า และทำตัวสำมะเลเทเมา  และต่อมาจึงต้องหย่าขาดจากกัน ช่วงที่ทั้งคู่หย่าขาดจากกันใหม่ๆ  ผมมีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดและได้ถือโอกาสกลับไปเยี่ยมเพื่อนเก่า ที่เคยเรียนร่วมชั้นเรียนครั้งประถม- มัธยม

      “ทุกวันนี้  ไอ้นิรันดร์ เอาแต่กินเหล้า ทำไม..เรื่องของไอ้ติ๋ม มันผ่านเลยมากว่า 20 ปี แล้ว ทำไม มันจึงตัดไม่ขาด เสียที ไอ้ติ๋มมันก็มีสามีใหม่ และมีลูกด้วยกันใหม่แล้ว ยังหลงรักเขาจนหัวปักหัวปำ”  พินิจ พูด (พินิจ คือเพื่อนในกลุ่มที่ผมสนิทมากด้วยคนหนึ่ง)

     “ไว้กู มีโอกาสจะไปนั่งคุยกับมัน ให้ลืมเรื่องราวเก่าๆนี้เสีย” ผมพูดกับพินิจ 

                        *************************************************************

     ก่อนจะกลับมาจังหวัดลำปาง   ผมมีโอกาสแวะหานิรันดร์ ที่บ้านของเขา ที่เพิ่งปลูกสร้าง ด้วยเงินกู้จากสหกรณ์ ออมทรัพย์ครู กว่าล้านบาท

      “ขอบใจโว้ยเพื่อน ที่มาเยี่ยมกู   “นิรันดร์ พูด 

     “เป็นไง สบายดีนะมึง  เพลาๆ เรื่องเหล้าเรื่องยาบ้าง นะ กูเป็นห่วงน่ะ”

     “กินเหล้า เป็นเพื่อนกู หน่อยวะ”

     “ตามสบาย  กูมาเยี่ยมแม่ ไม่อยากให้ท่านเห็นพฤติกรรมที่ไม่ดีของกู “

     “ไอ้ห่า  ทำเป็นคนดี     “ 

     “อยากว่า อยากด่ากู เอาเลย  กูขอนั่งคุยเป็น เพื่อนดีกว่า  “

     “ก็ได้  “

     บ้านของนิรนดร์ ยังมีกลิ่นของสี ที่ยังไม่จางหายไป  พินิจ บอกผมว่า นิรันดร์ เพิ่งมีภริยาใหม่ ที่มีอายุห่างกันเกือบ 20 ปี 

     “เมียมึงไปไหน  เหรอ อยากเห็นหน้าสักหน่อยว่ะ  “ ผมพูด

     “คงออกไปกินเหล้า กับเพื่อนๆ  แถวๆ บ้านนี้แหละ  “

     “เจริญ ๆ จริง  สภาพมึงนี่ เป็นคนละคนไปเลยนะ  ความหล่อไม่เหลือเลย สักนิด ”

     “ช่างแม่ง มัน สังขารไม่เที่ยง น่ะมนุษย์  “

     “มึงทำลาย ตัวมึงเอง  “

    “มึงมาเยี่ยมหากู หรือมึงจะมาด่ากูวะ ถ้ามาด่ากู  รีบไสหัวกลับลำปางไปเลย “ นิรันดร์  พูด ทั้งมีกิริยาหงุดหงิด

      ผมเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย หาเรื่องสนุกๆ ในบรรยากาศ ครั้งยังเด็กมาเล่าเพื่อย้อนรำลึกความหลังสิบนาทีต่อมา ที่เขาเริ่มมีความเมา ก็โพล่งคำพูดถึงภริยาคนเก่าที่เคยมีความสัมพันธ์ครั้งยามรักใหม่ๆ ที่น้ำตกผักยังว่าหวาน

     “อย่าคิดมาก ขอให้มึงคิดว่า มึงกับเขาทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ “ ผมพูดปลอบใจไปเขาพยักหน้า พร้อมกระดกเหล้า เพียวๆ ลงคอ จากนั้นเขาจะมาหยิบขวดเหล้าเพื่อชงกินต่อไปอีก ผมจึงยื้อแย่งจากมือของนิรันดร์ มาเก็บไว้

      “พอแล้ว ไอ้ห่า  มึงเมาแล้ว วันหน้าค่อยกินใหม่  “ ผมพูด พร้อมยึดขวดเหล้ามาถือไว้ในมือ 

     “ไปอาบน้ำ เถอะวะ  กูขอร้อง  เดี๋ยวไปหาอะไรกิน ข้างนอกบ้าน  กูเป็นเจ้ามือเอง “ผมพูดบอกเขาด้วยความเป็นห่วง

     “เออ แม่งสั่งการ ยิ่งกว่าเมียกูเสียอีก  “ เขาบ่นพึมพำ จากนั้นได้เดินไปยังห้องส่วนตัว นุ่งผ้าขาวม้า เข้าห้องน้ำชำระร่างกาย  แล้วแต่งตัว ผมพาเพื่อนไปนั่งกินข้าว แล้วมาส่งเขาเข้าบ้านพักผ่อน

                         *****************************************************************

     ปีถัดมา ..ที่ผมกลับมาเยี่ยมมารดา ที่อรัญประเทศ ไม่เคยขาดเลยสักครั้ง ที่จะไปเยี่ยมเพื่อนสนิท  ที่มีปัญหาครอบครัวมาโดยตลอด

    “มันเลิกกับเมียใหม่แล้ว  “ พินิจ พูด ขณะเขาขับรถยนต์ พาผมมาเยี่ยมนิรันดร์ 

    “เกิดอะไรขึ้น เหรอเพื่อน  “ ผมพูด 

    “จะมีอะไรล่ะ  เมียใหม่มัน แต่งงานกับมัน เพื่อหวังสมบัติของมันน่ะสิ  “ พินิจพูด

    “ว่าแล้ว เรื่องมันต้องเป็นแบบนี้”

     อึดใจต่อมา พินิจได้ขับรถมาถึงบ้านนิรันดร์  เมื่อรถจอดสนิทดีแล้ว ผมได้ลงจากรถ และถือวิสาสะ ผลักประตูบานเล็กเข้าไปในบ้านของเขา

     “ไอ้รันดร์ ๆๆๆ  อยู่มั้ย “ ผมเรียกชื่อเขาเป็นสิบๆครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบเลย  จึงเดินเข้าไปประชิดหน้าต่าง เพื่อมองเข้าไปในห้องที่เขานอนประจำ   ผมได้พบภาพเพื่อนนอนคุดคู้  หลับเป็นตาย  ขณะที่เครื่องปรับอากาศยังทำงาน  ผมยืนมอง พิจารณาเพื่อนด้วยความสมเพทเวทนา แกมสงสาร

      “นี่..ถ้าหากเกิดอัคคีภัย เพราะไฟฟ้าลัดวงจร ไอ้บ้านี่คงตายในกองเพลิงอย่างแน่นอน “  ผมคิด  เมื่อปลุกเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมตื่น ผมกับพินิจ จึงผละจากบ้านของเขา. ครั้งนี้ผมมาหาเพื่อน ..แม้จะพบ  แต่เขาก็อยู่ในสภาพ คนเมาเหล้าที่ปลุกไม่ตื่น   ผมทราบจากพินิจว่า  เขามักจะออกจากบ้านไปดื่มเหล้ากับเพื่อนร่วมวงสุรา และทำตัวเหลวไหล   ติดเหล้าอย่างหนักและเพิ่งหย่าขาดจากภริยาสาวคนใหม่อย่างถาวร  วันนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว ลำพัง

     “ไม่น่าเชื่อเลยว่า ไอ้รันดร์ จะเป็นคนเช่นนี้ “ ผมคิด

    การมาเยี่ยมเขาในครั้งนี้  ผมไม่มีโอกาส ได้นั่งคุยกับเขา เหมือนเช่นครั้งที่ผ่านๆ มา  ปกติ...ผมจะมาเยี่ยมมารดาปีละครั้ง และต้องไปเยี่ยมเขาด้วยทุกครั้งไป

                                ****************************************************

                              ปีถัดมา ที่ผมกลับมาเยี่ยมมารดา และต้องแวะหาเพื่อนสนิทคนนี้

     “ไอ้รันดร์ๆๆๆ โว้ย  “ ผมตะโกนเรียกชื่อ  สายตาของผมมองบริเวณรอบบ้านของเขา   ที๋ศาลาที่เขาสร้างไว้สำหรับรับแขกมีหญ้าขึ้นคลุมรกทึบ จนเกือบมิดศีรษะ ในใจเริ่มนึกสังหรณ์ ว่ามันคงจะมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ  กับเพื่อน

    “ไอ้รันดร์ ๆ อยู่มั้ย  “ผมตะโกนเรียกเขา อย่างที่เคยกระทำ  ผมยืนรอฟังคำตอบ ที่จะได้รับคำตอบกลับมา  แต่ก็เงียบ รออยู่พักใหญ่…  เมื่อมั่นใจว่าเจ้าขอบ้าน น่าจะไม่อยู่บ้าน จึงเดินทางกลับบ้าน ก่อนกลับมาลำปาง    ผมยังแวะหาเขาอีกรอบ แต่ก็ไร้วี่แวว ที่เจ้าของบ้านจะออกมาต้อนรับเหมือนแต่ก่อน

                      **************************************************************************

     ช่วงเข้าพรรษา ของปีล่าสุด  บังเอิญว่า อาจารย์ ธเนศ ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์สอนผม ที่คณะเกษตร ซึ่งมีพระคุณกับผม ได้เสียชีวิต ผมจึงลงมาร่วมงานฌาปนกิจของท่าน และถือโอกาสแวะกลับมาเยี่ยมมารดาและต้องมาเยี่ยมนิรันดร์

    ผมได้ยืมจักรยานยนต์น้องชาย ขับมายังบ้านนิรันดร์ เมื่อถึงบ้านเขาแล้ว  ได้จอดรถไว้ที่หน้าบ้าน แล้วเปิดประตูบานเล็กเข้าไป

     “ไอ้รันดร์โว้ยๆๆๆอยู่มั้ย” ผมเรียกชื่อเขา อย่างเป็นกันเอง และเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ที่ไปหาเขา

     “เฮ้ย. เจ้าของบ้านหายหัว ไปไหนวะ  ปล่อยให้หมา เห่าแขกอยู่ได้มึง. แม่งเมา ….เหมือนเดิม ไอ้ห่านี่”  ผมพูด คนเดียว

     สุนัขสองตัว ที่ผูกไว้ที่ศาลาเห่ากรรโชกผม เสียงดังลั่นบ้าน จนผมต้องมาผูกมิตรกับมัน

    “จุ๊ ๆๆๆ นายเอ็งหลับเป็นตายเลยนี่ “ ผมคุยกับสุนับพันธุ์ไซบีเรียน  ในใจยังนึกถึงเพื่อนว่า  

    “ไอ้หมอนี่ มีรสนิยมเลี้ยงสุนัขเสียด้วย”

     สุนัขยังเห่าบ้าง หยุดบ้าง ภายในบ้านยังเงียบเชียบ  ผมชะเง้อชะแง้ มองในห้องที่เขาเคยนอน ก็ไม่เห็นใครอยู่เลยสักคน  รออีกสักพัก  จนแน่ใจว่า คงไม่มีใครอยู่แน่ๆ  ไหนๆ จะกลับลำปางแล้ว ลองแวะถามคนข้างๆบ้านของนิรันดร์ดูทีว่า เพื่อนเราคนนี้ มันหายหัว ไปไหนกันแน่

     “พี่ครับ ๆ พอจะทราบมั้ยว่า ครูนิรันดร์ ไปไหน คราวก่อนผมมาหา เขาก็ไม่อยู่ คราวนี้มาหาเขา ก็ยังเงียบอีก ไม่เจอตัว  ”ผมพูด

     “ครูนิรันดร์  ตายไปเกือบสองปีแล้ว ล่ะค่ะ  มีธุระอะไรกับเขาหรือเปล่า  “ เพื่อนบ้านพูด

    “ไม่มีหรอกครับ ผมเป็นเพื่อนครูรันดร์ทำงานที่ลำปาง พอดีมาเยี่ยมแม่ เลยถือโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนครับ ครูนิรันดร์ ตายด้วยสาเหตุใด หรือครับ” ผมถามด้วยความอยากรู้ 

    “นอนหลับไป แล้วไม่ฟื้น  ช่วงเย็น เขาไปนั่งกินเหล้ากับคนขี่สามล้อข้างวัด  พอเมาได้ที่ ก็กลับมาบ้านนอน เช้ามาก็ไม่ฟิ้น ”

     “แสดงว่าปีที่แล้ว ที่ผมมาหาเขา  เขาได้เสียไปแล้ว  “

    “ใช่ค่ะ”

        ผมได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านของ นิรันดร์ อีกสักครู่.. จึงขอบคุณเธอ และขอตัวกลับ

      “กู.. คิดอยู่แล้ว ว่ามึงต้องจบชีวิตลงเพราะเหล้า  สิ้นเวร สิ้นกรรมเสียทีวะ  เพื่อน  ชีวิตคนเรา เอาแน่เอานอนไม่ได้  มึงจะดีเลวอย่างไ รก็เป็นเพื่อนกู หวังว่ามึงคงรับรู้นะ ว่ากูเป็นห่วงมึงเสมอ  “ผมคิดในใจ

      ภาพความหลัง...ที่นิรันดร์นั่งจีบเยาวภา  ทั้งคู่ยิ้มแย้มแจ่มใส  โดยมีผมนั่งมองห่างๆ ผุดขึ้นในสมอง 

      คิดไปแล้วรู้สึกเสียดายแทน คนรักทั้งสอง...ที่ประคับประคองความรักกันมายาวนาน จนมีโซ่คล้องใจ   แต่ต้องมาร้างลากัน แบบไม่น่าจะเป็นไปเช่นนั้น.. 

                                                   ขลุ่ย  บ้านข่อย

                                               (๒๗   ธันวาคม   ๒๕๖๕   )

                                                         

     

     

     

      “

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×