เรื่องแบบนี้ มันไม่แน่หรอก (ตอนจบ) - เรื่องแบบนี้ มันไม่แน่หรอก (ตอนจบ) นิยาย เรื่องแบบนี้ มันไม่แน่หรอก (ตอนจบ) : Dek-D.com - Writer

    เรื่องแบบนี้ มันไม่แน่หรอก (ตอนจบ)

    การใช้เทคนิค ไหวพริบ ปฎิภาณ จำเป็นต้องใช้บางสถานการณ์ กรณีผม ได้กระทำ ในการสอบคัดเลือกเข้ารับราชการ

    ผู้เข้าชมรวม

    104

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    104

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ย. 65 / 06:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                เรื่องแบบนี้ มันไม่แน่หรอก  (ตอนจบ)

    (ความเดิม )หลังจากผมออกจากห้องสอบแล้ว ผมมานั่งรอปรีชาที่หน้าห้อง มองไปยังผู้กำลังทำข้อสอบพร้อมรอยยิ้ม หน้าที่การสอบของผมสิ้นสุดลงแล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรอีก..ผลการสอบได้..หรือไม่ได้  เป็นหน้าที่ของกรรมการตรวจข้อสอบที่จะพิจารณาเท่านั้น 

                                                            ************************** 

      “อีกละมึง ไอ้ชา.. อืดอาด เหมืนเดิมเป็นไงบ้าง ..ทำข้อสอบภาคบ่าย  ได้มั้ย ” ผมถามเพื่อน ด้วยความห่วงใย 

      “กูทำข้อสอบ ไม่ค่อยได้เลยว่ะ  แล้วมึงล่ะ  “ ปรีชาพูด 

      “ ก็พอได้บ้างแหละ โม้แหลก. เข้าทางกูเลย ข้อสอบแบบอัตนัยกูชอบอยู่แล้ว  ยิ่งเป็นเรื่องความคิดเห็น เรื่องการ บ้าน การเมือง กูนี่ถนัดเลย" ผมพูดกับเพื่อน

      “พรุ่งนี้..สอบสัมภาษณ์ ที่เกษตรปทุมธานีช่วงบ่าย เราออกเดินทาง ตั้งแต่เช้าเลยดีมั้ยจะได้มาเตรียมตัวและหาทางข่มชวัญคู่ต่อสู้ของเรา” ผมพูด 

      “ก็ได้   ”

      “นี่..ไอ้กาญจนา มันคงโมโห น่าดู  ที่กูไปคุยทับถมมันว่า พี่ชายกู เป็นเพื่อนกับอธิบดีกรมฯ”

    “น่าตาอย่างมึง นี่นะ .มีพี่ชายเป็นเพื่อนของอธิบดี โถ..ไอ้..กร๊วก ใครเขาจะไปเชื่อมึง”

     “เชื่อไม่เชื่อ กูเห็นสีหน้าน้อง มันวิตกกังวล อย่างเห็นได้ชัดเลย  ”

     “จิตวิทยาสูง นี่มึง ”ปรีชาพูด

     “จำเป็นต้องข่มขวัญให้มันปอดแหก กูคิดว่าได้ผลนะ คู่แข่งที่สอบแข่งขันกับกู ดูท่าทีมันฝ่อ ที่เห็นกูทำข้อสอบเสร็จก่อนใครๆทั้งภาคเช้าภาคบ่าย ” ผมพูดเสร็จ พลางหัวเราะชอบใจ

      “ไอ้เหี้ย..ทรามได้จริงๆ  ”ปรีชาพูด

      “จำเป็นโว้ย เพื่อน เพื่อให้ได้งานทำ ไง”

     “ถามจริง มึงทำข้อสอบได้เหรอ  ”ปรีชาถาม

     “ไม่หรอก กาข้อสอบ แม่งไปงั้นๆน่ะ กะ..ว่า เผื่อฟลุ๊ค กูแค่พกความกล้า ความมั่นใจมาอย่างเดียว   ”

     “กูไม่มีความมั่นใจ เลยสักนิด สงสัย.. ปิ๋ว แน่  ”

     “ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขากลับ .ซื้อเมรัยกินดับทุกข์ สักแบน เคมั้ย  มึงออกเงินไปก่อน ถ้าวันประกาศผลสอบหากกูสอบติดตัวสำรอง กูเลี้ยงไอสครีมแก้วนึง ข้าวมื้อนึง เคมั้ย " ผมพูด

      “ไม่หวังตัวจริงเหรอ ไอ้ห่า”

      “เจอก้างชิ้นเบ้อเร่อ ก็ไอ้กาญจนา ไง” ผมพูด

     “กูข่มขวัญมัน ไม่รู้จะได้ผลหรือเปล่า  แค่ดูแล้ว พวกมันก็คงหวั่นๆ ว่ากูทำข้อสอบได้จริงๆ ในห้องสอบที่กูสังเกต ดูแต่ละคนที่นั่งเขียน น่านิ่วคิ้วขมวดกันเป็นแถว มีกูเพียงคนเดียวชิลๆ ไม่ทุกข์ร้อน” ผมพูด

    “กูยอมรับ เรื่องไหวพริบมึงจริงๆ ว่ะ  อาจารย์หมอถ่ายทอด กลยุทธ์ให้ลูกศิษย์ก้นกุฎิ คนนี้อย่างดีเลย”

    “ใช่. กูได้รับมาแบบซึมซับ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวจริงๆ   ”ผมพูด

    “ตำแหน่งสอบครั้งนี้ อัตราของงานที่ทำ ระบุเป็นจังหวัดลำปางด้วย ไอ้กาญจน์ คงได้เปรียบมึงแน่ๆ  เพราะมันเป็นคนจังหวัดลำปาง  ”ปรีชาพูด

    “ใช่ .จากประสบการณ์กู ที่เคยผ่านมา ตอนทำงานที่แปดริ้ว กรรมการสัมภาษณ์เคยบอกว่า ใครที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้น มักจะได้สิทธิพิจารณามากกว่า. เพราะเขาอยากได้คนที่มีความคุ้นเคย เข้าใจภาษา วัฒนธรรมท้องถิ่นไง ”

     “อาจไม่แน่เสมอไปนะ  กูว่า”

     “ก็ดีน่ะสิ  ขอให้เป็นเช่นนั้น กูก็หวั่นๆ ในข้อนี้เหมือนกัน  ”ผมพูด

        ผมกับปรีชา เดินมาขึ้นรถเมล์ เมื่อมาถึงปลายทางและเข้าใกล้ที่พักแล้ว จึงแวะซื้อสุรามานั่งดื่มดับทุกข์ ใจจริงการสอบที่ผ่านมา ผมก็มิได้มั่นใจมากนัก แต่ประเมินแล้วคงน่าจะมีสิทธิ์ได้เข้ารอบตัดเชือกกับรุ่นน้องและผู้เข้าสอบคนอื่นๆ วันพรุ่งนี้สอบสัมภาษณ์ จึงจะชี้ชะตากรรมได้

        “ไอ้ขลุ่ย มึงยังมีโอกาสได้ลุ่้น มากกว่ากูเสียอีก ” ปรีชาพูด

        “คงงั้น มั๊งเพื่อน ”ผมตอบไป ตามน้ำ

                                ****************************************************

                                           แฟลต .หลังบริษัทเยาวราช  คลองตัน   

       "เดี๋ยวมึงถือของให้กูก่อน  กูจะเปิดประตูห้อง" ปรีชาพูด  

       ผมรับสิ่งของ จากปรีชาที่ส่วนใหญ่เป็นอาหารการกิน - มาถือในมือ  เมื่อปรีชาเปิดประตูห้องแแล้ว  เราได้ล้างหน้าล้างตา แล้วจัดเตรียมอุปกรณ์ดับทุกข์เพื่อดื่มและนั่งวางแผนการเดินทางไปสอบสัมภาษณ์  เมื่อดื่มไปได้คนละสองแก้วแล้ว

      “ที่สอบสัมภาษณ์ที่ปทุมธานี นี่ มันต้องนั่งรถเมล์สายอะไรไป กูก็ไม่คุ้นเสียด้วย” ปรีชาพูดขึ้นมา

      “กูเคยมาครั้งหนึ่งกับไอ้นิจ (พระพินิจ) สมัยมาสอบเรียนต่อระดับปวส.เมื่อ 5 - 6 ปีที่แล้ว”ผมพูด

      “แล้วมึงนั่งรถเมล์ สายอะไร ”

     “จำไม่ได้ว่ะ..เพราะกูไมใช่คน กรุงเทพ"

     “งั้น เดี๋ยวกูจะลองถามญาติกูดู  ”

      “แก้วรั่ว ว่ะ ไอ้ชา เทเหล้าให้กูใหม่  ”

      “ไอ้ห่า มีแค่นี้นะ เหล้า  อย่ารีบกินสิวะ ”

      “ก็ได้ งั้นรินเหล้าให้กูใหม่”

      “พรุ่งนี้ เดาไม่ถูกว่ากรรมการสอบสัมภาษณ์ จะถามไงบ้าง”

      “คงพื้นๆแหละ เช่น ถามว่า ชื่ออะไร …ครอบครัวทำอะไร มีพี่น้องกี่คน จบจากไหน  ได้เกรดเท่าไหร่  เหตุผลของการมาสมัครสอบครั้งนี้” ผมพูด

       “ถามพื้นๆกูไม่กลัวหรอก กลัวถามทางวิชาการ น่ะสิ  กูกลัวตอบไม่ได้”

      “กูก็คิดเช่นนั้นแหละ  คราวก่อนที่สอบของกรมอาชีวศึกษา เล่นถามวิชาการล้วนๆ ทั้งยังให้กูไปยืนสอนหนังสือหน้าชั้น เล่นเอาใบ้แดกเลย แต่กูก็ใช้ความกล้าตอบมั่วๆไป ครั้งนี้กูคิดว่าคงแนวๆ เดิม  กูเตรียมพร้อมกับคำตอบไว้แล้ว ”

    ผมกับเพื่อนนั่งดื่มต่อไปจนหมดแบน แล้วนั่งฟังเพลงต่อ จนห้าทุ่มจึงพักผ่อน ครั้นตีห้าของวันใหม่จึงรีบลุกล้างหน้าแต่งตัวออกจากที่พัก เพื่อต่อรถมายังวิทยาเขตปทุมธานี  สถานที่แห่งนี้ผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง บรรยากาศของสถานศึกษา แห่งนี้ยังคงเดิม เมื่อมาถึง..อาคารอำนวยการแล้วผมกับปรีชามาดูบอร์ด เพื่ออ่านประกาศว่า สาขาใด สอบอาคารใด

    “ของกู สอบที่ห้องปฎิบัติการ สาขาสัตว์ปีก  ”ผมพูด

    “ของกู สอบที่อาคารสามัญฯ ว่ะ ถ้าใครสอบเสร็จก่อน ให้มารอตรงจุดนี้นะ”

    เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ผมกับปรีชา จึงเดินแยกทางกันไปหาห้องสอบสัมภาษณ์ ตามที่บอร์ดประกาศ

    ผมมาถึงห้องสอบสัมภาษณ์เห็นผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ทยอยมารอ ผมจำหน้าพวกเขาได้ดี เพราะเคยเข้าสอบข้อเขียนในวันเดียวกัน ห้องเดียวกันมาก่อน ทั้งภาคเช้าและบ่าย  ผมเป็นคนลำดับที่ 14  ที่จะถูกเรียกเข้าสัมภาษณ์  จากรายชื่อ ทั้งหมด 16 คน  ผมไม่สามารถคาดเดาว่าข้อเขียนที่ผมสอบที่ผ่านมา จะมีผลคะแนนเป็นอย่างไร แต่ในส่วนลึกๆ ยังแอบมั่นใจในตนเองอยู่บ้าง  เรื่องความรู้รอบตัวที่ผมมี ทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การมือง เศรษฐกิจและสังคม  ผมได้ติดตามโดยตลอดไม่เคยขาดมีข้อสอบข้อหนึ่งที่ผมเก็งว่าน่าจะออกสอบคือ  แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 5   

    “นี่ถ้าหากเราไม่เชื่ออาจารย์ที่เคยสอนวิชาบริหารธุรกิจเกษตร ที่ท่านเน้นย้ำตลอดเวลาว่า หากไปสอบเข้าทำงาน ต้องอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาเรื่องนี้ให้มากๆเราคงทำข้อสอบข้อนี้ ไม่ได้แน่ๆ เลย ” ผมคิด

      ผมมองเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ พยายามสังเกตดูโต๊ะ คณะกรรมการสัมภาษณ์ ว่ามีกี่คน รูปแบบการจัดเก้าอี้ให้นั่ง เป็นอย่างไร เพื่อจะได้วางตนและปรับบุคลิกภาพให้ดีที่สุด  

       “ลำดับที่ 1  ขอเชิญเข้ารับการสัมภาษณ์ ” เจ้าหน้าที่ขานลำดับ เรียกเข้าไปในห้อง  

       คนแรกเป็นชาย แต่งกายสุภาพ หวีผมเรียบ  เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยอาการประหม่า เพราะสังเกตุว่า ช่วงเขานั่ง เกิดอาการไถล จนมีเสียงดัง เขาเข้าไปคนแรก กรรมการสัมภาษณ์สอบถามเขานานกว่า 30 นาที  เมื่อเขาเดินออกจากห้องสอบสัมภาษณ์ กาญจนา รุ่นน้องท่ี่เคยเรียนกับผม ก็ได้เข้าไปสอบถาม

      “เธอ… อาจารย์ได้สอบถามอะไรบ้างเหรอ”กาญจนา ถาม

      “มากมายเลย น่ะ . เราตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ” ผู้เข้าสอบคนแรกพูด

      “ทางด้านวิชาการ ถามอะไรบ้าง  ”

      “ ถามว่า หากคุณเป็นนักธุรกิจ ให้บอกวิธีการ การขายไข่ไก่  ขายกล้วย  และอื่นๆ”  ผู้เข้าสอบคนแรกพูด

        ผมเข้าไปร่วมยืนฟัง เพื่อเก็บข้อมูล เพื่อพลิกแพลงการตอบให้ดีกว่าคนที่เข้าสอบก่อน คำถามส่วนใหญ่ จะมีความใกล้เคียงกัน ช่วงที่รอการสัมภาษณ์ระหว่างเจอกาญจนา ผมพยายามใช้จิตวิทยากระเซ้่าเย้าแหย่ ให้เธอโกรธจะได้ไม่มีสมาธิในการสอบ

         ในช่วงการสอบสัมภาษณ์ ..ผมทราบดีว่า ผู้ทีผลการเรียนดีอย่างกาญจนา คงจะได้เปรียบคนที่สอบได้คะแนนน้อยกว่า  ยิ่งเธอได้รับเกียรตินิยมประกันคุณภาพการเรียนด้วย  นี่..ยิ่งทำให้ผมหวั่นใจกว่าการสอบข้อเขียนเสียอีก ทุกคนที่ออกจากห้องสัมภาษณ์ หลายคนๆ รู้สึกวิตกกังวลกับคำถามที่เขาตอบไม่ได้   คนที่สอบสัมภาษณ์ลำดับที่หลังๆ จะเข้าไปสอบถามคนสอบก่อนทุกๆคนไป ผมได้นึกคำตอบไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ควรจะตอบอย่างไร 

        เมื่อถึ่งเวลา ที่ผมเข้าไปในห้องสอบ ผมได้ใช้ความสุภาพ ผสมกับความกล้า ให้คณะกรรมการได้เห็น  

       “สวัสดีครับ  ” ผมทักทาย และยืนรอ จนได้รับคำเชิญให้นั่งได้

      “ขอบคุณครับ” 

     “แนะนำตัว โดยละเอียดให้ ครูฟัง ”

       ผมทำหน้าที่ การเป็นผู้นำเสนอข้อมูลอย่างละเอียด โดยคณะกรรมการไปต้องสอบถามมากมาย

      “ช่วงเรียนทำกิจกรรมอะไรบ้าง ” กรรมการสอบถาม

      “เป็นนักร้อง นักดนตรี ทั้งวงดนตรีไทย สากล นักแต่วเพลง นักกลอน  ช่วยงานบรรณารักษ์ของสถาบัน  เป็นประธานชมรมดนตรีไทย  เคยออกรายการโทรทัศน์สถานีช่อง 9 อส.มท  เป็นนักกรีฑา  ช่วยงานสวัสดิการสหกรณ์สถาบัน”

      “พอๆ แค่นี้ แหละเอางี้ ครูอยากถามหน่อยว่า ที่คุณเห๋็นข้างหน้าคือไข่ไก่  หากคุณเป็นผู้ค้าขาย คุณจะแบ่งเกรดไข่และกำหนดราคาขายอย่างไร ที่จะทำให้ขายได้เร็ว” กรรมการตั้งคำถาม

      จริงๆ แล้วโจทย์นี้ ผมได้ยินคนสอบสัมภาษณ์ ที่เข้ามากันก่อน ได้กำหนดเกรดไข่ เพียง 3 เกรด คือ A  B  C เท่านั้น 

      “หากผมเป็นนักธุรกิจในฟาร์ม ผมจะดำเนินการคัดเกรดไข่เป็น 4 เกรดครับ เริ่มจากเกรดจัมโบ้  A  B  และ C ครับ ”ผมตอบ  ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆที่มาเข้าสอบ

      “งั้นคุณลองหยิบไข่ เพื่อแบ่งเกรดซิ”  กรรมการตั้งคำถามเพื่อดูเชาว์ไหวพริบของผม 

       จริงๆแล้ว ไข่ที่กรรมการนำมาให้เพื่อทดสอบ มีเพียงสาม (เกรด)ขนาดเท่านั้น คือ A B C เมื่อผมหยิบไข่ เพื่อนำมาบอกกรรมการ มันจึงไม่ครบตามเกณฑ์ที่ผมว่า มี 4 เกณฑ์ ผมจึงแก้ปัญหาด้วยวิธีการของผม

       “ผมต้องขออภัยครับ ในจำนวนไข่ที่จะบอกอาจารย์ในวันนี้ มีไม่ครบครับ ปกติที่ฟาร์มของผม จะต้องมีเกรดจัมโบ้ด้วย    แตจากในถาดไข่วันนี้ มันไม่มี ผมจึงไม่สามารถเอาให้อาจารย์ดูได้  ”ผมตอบ  

      อาจารย์กรรมการสัมภาษณ์ยิ้มพร้อมๆ กัน ผมเข้าใจว่า เขาคงพอใจกับการตอบที่ผมตอบไม่เหมือนใคร  ทั้งยังสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วย

      “โจทย์อีกข้อที่จะุถามคุณคือ จากกล้วยที่วางบนโต๊ะนี้ หากจะให้คุณขายกล้วย 100 ลูก  คุณจะมีวิธีการขายอย่างไรให้ได้เร็วที่สุด  ”

     จากโจทย์ข้อนี้.. ที่ผมได้เข้าฟังคนแรกๆตอบ เขาจะใช้วิธีการนับกล้วยครั้งละ 5 ผล จนครบ 100 แล้วขาย ผม พยายามนั่งคิด พลิกแพลงที่จะตอบไม่ให้เหมือนคนอื่นๆ   

              ******************************************************************

     ผมได้หยิบกล้วยขึ้นมาหนึ่งหวี หวีแรกผมนับทุกผล และชี้ให้กรรมการดูว่า ในหนึ่งหวีจะมีกล้วย15 ผล  จากนั้นผมหยิบกล้วยมา 7 หวี แล้วคำนวนเฉลี่ยให้กรรมการรับทราบว่า ในกล้วย 7 หวี จะมีผลกล้วย 105 ลูก  ผมเดินไปหยิบกล้วย มากองไว้ที่ด้านหน้าของกรรมการ 

      “นี่ครับ วิธีการขายกล้วยของผม. ผมขะขายเป็นหวีๆครับ 7 หวี มี105 ผล ส่วนที่เกิน 5 ลูก ผมแถมให้ลูกค้าครับ”  ผมตอบ

      “โอเค . แค่นี้แหละ” กรรมการพูด พร้อมยิ้มๆ  

       หลังจากผมเดินออกจากห้องสอบ ได้ยินเสียงซุบซิบๆ ของกรรมการ ซึ่งมันสามารถคิดได้สองแง่  คือ แง่บวก อาจารย์น่าจะพึงพอใจกับคำตอบของผม ที่ผมนำไหวพริบมาแก้ปัญหาได้  แต่อีกแง่ คือแง่ลบ เขาอาจมองว่า ไอ้หมอนี่ กะล่อน..ตอบไม่เหมือนใครๆ หรือตอบแบบไม่มีหลักการเลย

       เมื่อผมเดินออกมาภายนอก ห้องสอบสัมภาษณ์แล้วมีผู้จะเข้าสอบอีกสองสามคน   เขาได้มาถามผมว่า ผมตอบอย่างไร ผมได้ปกปิดคำตอบไป  เพราะเกรงว่า เขาอาจจะนำความคิดที่ผมตอบ ไปต่อยอดความคิด ดีกว่าผมไปอีก

      “ผมก็ตอบเหมือนคนแรกๆ  ที่เขาตอบน่ะครับ” ผมพูด

          **************************************************************************

       ผมกับปรีชา เดินทางกลับมานอนที่หัวตะเข้ เพื่อรอวันประกาศผลสอบ  ซึ่งต้องรออีกสองสัปดาห์  ช่วงรอฟังผลสอบ ผมได้มาช่วยพี่เตี้ยขายของที่โรงเรียน 

       และเมื่อ.วันประกาศผลสอบมาถึง ผมกับปรีชามาถึง วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ก่อนแปดนาฬิกาเล็กน้อย

      “โห  ไอ้ชา ที่บอร์ดติดประกาศผลสอบ มีคนมามุงอ่านกันเพียบเลย ว่ะ” ผมพูด

      “เรารอให้คนน้อยกว่านี้ อีกหน่อย ก่อน แล้วค่อยเข้าไปดูดีกว่านะ “ ปรีชาพูด

      “กูว่า ขณะเรารอดูผลสอบ  ไปสั่งโอเลี้ยงกินกัน คนละแก้วก่อนดีกว่า  “

      “ดี เหมือนกัน  เราไม่ได้เร่งรีบอะไร” ปรีชาพูด

    “กูบอกตรงๆ นะ   กูตื่นเต้นมากเลยว่ะ เพื่อน”ผมพูด

    “ก็เหมือนกันแหละว่ะ”ปรีชาพูด

    “เอางี้มั้ย มึงดูให้กู กูดูให้มึง แลกเปลี่ยนกัน  “ผมพูด

    “ดี กูเห็นด้วย” 

       เมื่อคนเริ่มบางตา ลงบ้าง ผมจึงแทรกตัวเข้าไปที่บอร์ด สาขาสัตวบาลเพื่อดูให้ปรีชาก่อน   ส่วนปรีชารอลุ้นอยู่ข้างนอกก่อน 

      “ตื่นเต้นโว้ยไอ้ชา เพี้ยง .หากกูไม่ได้ ก็ขอให้มึงสอบได้เถอะ “ผมพูด

     “สมพรปาก  แต่กูว่ามึงน่าจะสอบได้มากกว่ากูอีก  “ ปรีชาพูด

       เมื่อเดินถึงบอร์ด สาขาสัตวบาล  ผมก็เริ่มอ่านเรียงลำดับจากรายชื่อผู้สอบได้สำรองลำดับสุดท้ายก่อน แล้วค่อยๆไล่เลียงไปจนถึงตัวจริง  พยายาภาวนาขอให้มี ป .ปลา ดูกี่รอบๆ ก็ไม่เจอ   

      “เสียใจด้วยโว้ย เพื่อน ดูกี่เที่ยวๆ ก็ไม่มีป. ปลาว่ะ (ปรีชา)  “ ผมพูด 

     “ไม่เป็นไรโว้ยเพื่อน ทีนี้ถึงคิวกู ไปดูให้มึงบ้างแล้ว” ปรีชาพูด

      ปรีชามุดแทรกตัวเข้าไป ดูผลสอบให้ผม  หัวใจผมเต้น ตุ๊มๆ ต้อมๆ 

      “เพี้ยง ขอให้ลูกช้าง ติดตัวสำรองก็ยังดี  " ผมพูดกับตัวเอง 

     ผมคงไม่อาจฝันว่า จะเป็นตัวจริงได้    ในการสอบคัดเลือกทุกครั้งที่คุยกับใครๆ ผมก็บอกว่าขอแค่เป็นตัวสำรองเท่านั้น   5 นาทีต่อมา  …ปรีชาก็โผล่ออกมาในท่ามกลางคนที่ยังยืนห้อมล้อมบอดร์ดประกาศผลสอบ หน้าตาเขาดังกับถูกผีหลอก

    “ดีใจด้วยโว้ย  ไอ้ขลุ่ย มึงต้องเลี้ยงข้าวเย็น กับไอสครีมกูแล้ว ล่ะ”

    “ว่าไงนะ  อำกูแล้ว ไอ้สันดาน ”

    “จริง มึงสอบได้ว่ะ   ไม่เชื่อมึงไปดูด้วยตาตนเอง”

    ผมได้ฟังเพื่อนพูดเท่านี้ ..หัวใจนี่ยิ่งเต้นเร็วและแรงขึ้น  หน้าผมเริ่มวูบวาบ ด้วยเลือดสูบฉีดอย่างแรง ผมมุดศรีษะและแทรกตัวเข้าไป แล้วใช้นิ้วชี้ลงที่กระดาษที่พิมพ์ชื่อผู้สอบได้ ค่อยๆไล่จากตัวลำดับสำรองขึ้นไปหาตัวจริง จนต้องมาสะดุดกับอักษรส. เสือ เพี้ยงขอให้มี สระ. อุ   ผมค่อยๆ ลุ่นจนตัวโก่ง 

     “เฮ้ย  มีสระอุจริงๆ ด้วย คงใช่วะ  ”ผมพูดเบาๆ และผมก็ต้องตะลึง เพราะมันเป็นชื่อของผมจริงๆ  แต่ก็ยังไม่ชัวร์ เพราะอาจจะไม่ใช่นามสกุลผมก็ได้  ผมดูอีกครั้ง  คราวนี้อยากตะโกนดังๆ ออกมา

    “ไชโย กูสอบได้ตัวจริงๆ ” ผมคิด  แม้อยากจะตะโกนเพื่อความสะใจ ว่าผมทำสำเร็จแล้ว แต่ก็ต้องระงับยับยั้ง  แม้จะมั่นใจว่าเป็นชื่อตนเอง  แต่ก็ยังหวั่นๆว่า ตาผมฝาดไป จึงมุดเข้าไปดูผลสอบอีกหลายครั้ง ท่ามกลางผู้สมัครสอบคนอื่นๆ ที่มองว่า

     “ไอ้ตัวประหลาดนี่  ทั้งๆที่เอ็งสอบได้แล้ว  ยังจะมุดเข้ามุดออกมาดูอีกทำไม  วะ”

    ยอมรับว่ าตื่นเต้นมากที่สุด   ผมกับปรีชานั่งอยู่บริเวณนั้น…จน 4 โมงเย็น ก่อนกลับหัวตะเข้ ผมชวนเขาเดินข้ามฟากจากวิทยาลัยฯ เพื่อมานั่งกินข้าว พร้อมไอสครีม ตามสัญญาที่ร้านค้า

    “เปลี่ยนจากไอสครีม เป็นเบียร์ ได้มั้ยไอ้ขลุ่ย   ”

    “ไว้ก่อน กูงบน้อย ขอแปะไว้ก่อน ว่ะ ”

           *************************************************************************

    “ข้าวขาหมู 2 จาน ไอสครีม 2 ถ้วย ครับ  ” ผมสั่ง กับร้านขายอาหาร

      ผมทำตามสัญญาที่บอกกับเพื่อน …วันนี้ผมมีความสุข ที่สุดในโลก  การต่อสู้ในสนามสอบ สิ้นสุดลงแล้ว ครั้งนี้ผมภูมิใจที่เอาชนะกาญจนารุ่นน้องผู้หญิงได้แบบขาดลอย  เชาว์ ไหวพริบ และปฎิภาณ ถูกนำมาใช้ล้วนๆเกียรตินิยมของเธอแม้จะข่มขวัญผมได้ในระยะแรกๆ  ก็ถูกผมข่มกลับไป ในชั้นเชิงทางจิตวิทยาและทำได้สำเร็จตามกุศโลบายที่ผมวางไว้ทุกประการ

     “ขอโทษด้วยนะ น้องสาวร่วมสถาบัน และเพื่อนๆในสนามสงครามสอบ  …หากผมไม่ฆ่าคุณ คุณก็ต้องฆ่าผม"

               สงครามย่อม  ไม่มีใคร. ปราณีใคร เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ที่ผมต้องกระทำเช่นนั้น

                                                   ขลุ่ย    บ้านข่อย

                                                   (๘ - ๑๑ -   ๖๕)

                                             

     

     

     

       

     

     

     บันทึกการเปลี่ยนแปลงแล้ว

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×