ผี.. ไล่ออกพื้นที่ - ผี.. ไล่ออกพื้นที่ นิยาย ผี.. ไล่ออกพื้นที่ : Dek-D.com - Writer

    ผี.. ไล่ออกพื้นที่

    ขณะหลับ ก็เสียงปึงปังด้านช้างของรถ ทำให้พวกเราต้องตื่นจากที่นอน

    ผู้เข้าชมรวม

    61

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    61

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ต.ค. 65 / 06:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                ผี  ไล่ที่. กลางดึก

     เป็นเหตุการณ์จริง ที่ผมประสบกับตนเองเมื่อปี 2512  ตอนนั้นผมมีอายุได้ 13  ปี.. เรื่องราวมันบังเอิญตรง  ที่มีคนอำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ชื่อน้าเล้งได้มาเช่าบ้านอยู่ เยื้องๆหน้าบ้านผม น้าเล้งอายุตอนนั้นคงประมาณ 30 กว่าๆ แกมีอาชีพขับรถโดยสาร เส้นทางอรัญประเทศ - นิคม - ทหารผ่านศึก มีครอบครัวแล้ว แต่ภริยาจะอยู่ที่บางปะกง นอกจากจะขับรถโดยสารรับจ้างแล้ว  อาชีพรองของแกคือค้าขายและรับส่งมะม่วง มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก่  กิ่งพันธุ์ผลไม้ชนิดต่างๆตลอดจน หมากและพลู ให้กับแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลตำบลอรัญฯ  โดยแกจะกลับมาเอาผลผลิตที่บ้านเกิด ที่อำเภอบางปะกงเดือนละครั้ง  น้าเล้ง ..เป็นคนไทยเชื่อสายจีน นิสัยร่าเริง ช่างคุย  มีลูกน้องที่ช่วยเก็บเงินค่าโดยสารชื่อเหม็น   

    พี่เหม็นอายุแก่กว่าผมสัก 5 ปี แม้น้าเล้งจะเช่าบ้านอยู่คนเดียว แต่ในบ้านแกจะเต็มไปด้วยผลมะพร้าว หมาก ถ่านไม้บรรจุกระสอบเพิื่อเตรียมส่งให้ลูกค้าประจำ จนภายในบ้านเกือบไม่มีที่จะซุกหัวนอน พี่เหม็น จึงอาศัยกางมุ้งนอนในรถ ผมกับเพื่อนชื่อเล็ก (เสียชีวิตไปแล้ว) มักใช้เวลาว่าง มานั่งคุยเล่นกับพี่เหม็นเสมอ จนสนิทกันดี    วันหนึ่งผม ได้ยินน้าเล้ง บอกพี่เหม็นว่า 

    “เหม็น ..เย็นวันศุกร์นี้ สักสี่โมงเย็น จะไปบางปะกงกันนะ”  น้าเล้งพูดกับพี่เหม็น

    ทั้งยังกระเซ้าเล่นกับพวกผมว่าสนใจไหมล่ะ สนุกนะ เดี๋ยวจะพาล่องแม่น้ำบางปะกงและแวะพานมัสการวัดพระพุทธโสธร  เหตุผลที่น้าเล้งชวนพวกเรา  เพราะแกหวังว่าจะได้แรงงานมาเพิ่มอีกสองแรง..  ผมกับเพื่อน ได้ยินถึงกับหูผึ่ง.. เพราะในชีวิต ได้ยินแต่คนกล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร.. ผมนอนคิดอยู่หลายคืนว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ไป แปดริ้วกับน้าเล้ง ..และยิ่งใกล้วันที่จะถึงกำหนดเดินทางไป ผมก็ยิ่งคิดหนัก..จนเครียด   

     **********************************************************************************    

    ด้วยผมต้องช่วยแม่ทำขนมขาย ตั้งแต่ตีสี่จนแปดโมงจึงจะได้ไปโรงเรียน  และช่วงเย็นหลังกลับจากโรงเรียนก็จะช่วยทำขนมกับแม่จนถึงหนึ่งทุ่ม  หลายครั้งที่ผมแอบไปเล่นฟุตบอลกลับเข้าบ้านสาย โดนแม่บ่นจนน่ารำคาญ   การคิดจะหนีไปเที่ยวอำเภอบางปะกง จึงปิดประตูตาย  โอกาสหนีไปกับน้าเล้งเพื่อเที่ยวบางปะกง  จึงเป็นเพียงแค่เพียงความคิด..  ไอ้เล็กเพื่อนบ้านที่เติบโตด้วยกันมาได้ขออนุญาตพี่ชายของเขา เพื่อขอไปเที่ยวที่บ้านน้าเล้ง พี่ชายไอ้เล็กไม่ขัดข้องทั้งยังได้ฝากฝังให้น้าเล้งช่วยดูแลให้ด้วย 

    “ไอ้เล็ก มันไม่ภาระเหมือนกับเรา  มันจึงขออนุญาตพี่มันไปเที่ยวได้ ”ผมคิดและนึกอิจฉาเพื่อน

    ผมละล้าละลัง อยากไปก็อยากไปแต่อีกใจคือภาระงาน ขืนแอบหนีไปโดยไม่ขออนุญาตแม่  ขากลับมามีโอกาสก้นลายแน่ๆ  ผมนอนคิดแล้วคิดเล่าว่าระหว่างการได้ไปเที่ยวสัมผัสกับโลกใหม่ ที่เราไม่เคยได้สัมผัสกับการแลกกับไม่้เรียวหวดก้น ในที่สุดผมก็ยอม.ที่จะยอมโดนแม่หวดก้นด้วยไม้เรียว ผมเตรียมเสื้อผ้าสำรองเพิ่มอีกหนึ่งชุด พร้อมเงินติดกระเป๋า ที่แอบจิ๊กแม่เป็นกรณีพิเศษ  ผมแอบเอาเสื้อผ้าไปฝากพี่เหม็นล่วงหน้า1 วัน 

    วันที่นัดหมายมาถึง..  ผมไปแอบรอขึ้นรถที่สี่แยกบูรพา ทางที่จะเข้าไปสู่จังหวัดต่างๆ  ในรถมีสมาชิกครบถ้วน ผมมีความตระหนก ตื่นเต้นระคนความดีใจ นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมต้องหนีออกจากบ้านโดยไม่บอกกับพ่อแม่ว่าไปไหน.  ใจหนึ่งคิดเกรงท่านเป็นห่วง อีกใจหนึ่ง ก็คิดว่า คงไม่เป็นไร. แค่วันสองวัน เดี๋ยวก็กับมาเจอกัน  ระหว่างรอรถ..ที่น้าเล้งจะมารับ หัวใจผมเต้นดังมากจนรู้สึกได้

    “นี่ถ้ามีใครรู้จักกับแม่ เห็นผมมายืนรอเก้ๆกังๆ   แถวนี้ เขาคงต้องไปฟ้องแน่ๆ  ” ผมคิดในใจ

    “น้าเล้ง ทำไมไ ม่มาสักทีนะ นี่ถ้าเกิดแม่รู้อย่างกระหันหันขึ้นมา  เราคงอดได้ไปเที่ยวแน่ๆ "ผมคิดต่อไป

    ไม่กี่นาที่ต่อมา.รถน้าเล้งได้หยุดจอดชิดริมขอบถนนด้านซ้ายฝั่งโรงพยาบาล  ผมมองบนหลังคารถมีของและสินค้าจากฝั่งเขมรวางไว้จนเต็ม

     “ขึ้นรถเลย ” พี่เหม็นพูด

        **********************************************************************

    เมื่อมาถึงเมืองแปดริ้วแล้ว น้าเล้งได้พาพวกเรา แวะวัดพุทธโสธรเพื่อให้พี่เหม็น ผมและไอ้เล็ก ลงไปกราบนมัสการหลวงพ่อฯ   นี่คือความจริง. ที่ไม่ใช่เป็นฝันกลางวันดังอดีตแล้ว เสร็จจากกราบไหว้พระ..  น้าเล้งซื้อขนมจากให้พวกผมกินกัน  จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกจากวัดโสธรใช้เวลาขับประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงบ้าน..  บ้านน้าเล้ง ซึ่งติดกับแม่น้ำบางปะกง  ใกล้ริมน้ำมีต้นจากขึ้นมากมาย ทางเข้าบ้านเป็นที่แคบๆ หลังจากช่วยกันขนของลงจากรถ

     “เดี๋ยวน้า จะพาพวกเอ็งนั่งเรือไปตัดมะพร้าวอ่อนมากิน  ”น้าเล้งพูด

     น้าเล้งพาพวกเราลงเรือ เขาพายเรืออย่างคล่องแคล่ว  ครู่ต่อมาได้แวะเข้าสวนมะพร้าว ต้นมะพร้าวน้ำหอมต้นเตี้ยมาก จึงไม่ต้องปีนป่ายใดๆ น้าเล้งตัดมะพร้าวมาสองทะลาย

    “เหม็น มายกมะพร้าวลงเรือ  ”น้าเล้งพูด

     น้าเล้ง..จัดการเฉาะมะพร้าวให้พวกเรา ผมยกมะพร้าวเพื่อดื่มน้ำ  เมื่อดื่มหมดน้าเล้งจึงผ่ามะพร้าวให้กินเนื้อใน

    “เป็นไงบ้าง”

    “อร่อยครับ ”

     หลังจากกลับสวนมะพร้าว หกโมงเย็น. พวกเราก็ร่วมวงกินข้าวกับญาติน้าเล้ง  จนสองทุ่ม พี่เหม็นก็ขับรถ พาผมกับไอ้เล็กออกจากบ้านน้าเล้ง ซึ่งมีระยะห่างสัก 200 เมตร บริเวณฯ ที่พี่เหม็นนำรถมาจอดเป็นลานกว้าง ไม่ค่อยจะมีใครสัญจรผ่านไปมา     

    “ คืนนี้ พวกเราจะนอนในรถและกางมุ้งนอนนะ”พี่เหม็น พูด

     ทุกคนเห็นด้วย เพราะหากนอนในบ้านน้าเล้ง คงจะเป็นภาระให้เขาต้องเตรียมที่นอนหมอนมุ้ง     

    ช่วงหัวค่ำที่ยังไม่ง่วง  พวกเราก็นั่งในรถพูดคุยกันสนุกๆคุยไปทุกเรื่องทุกราวตามประสาเด็ก บางช่วงก็เล่าเรื่องผี.  น่ากลัวๆ  คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม ท้องฟ้ามืดสนิท   ลมโกรกเย็นสบาย นานๆจะมีแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาสักครั้ง  ทั้งสามคนนอนอัดกันบนรถเป็นปลากระป๋อง  พวกเราอ่อนล้าจากการเดินทาง หลังงีบหลับไปได้สักสามชั่วโมง  ช่วงเวลานั้นประมาณว่า คงน่าจะประมาณใกล้สองยามแล้ว.. จู่ๆ ก็มีเสียงมาเคาะข้างรถ..ก๊อกๆๆ   ที่แรกผมนึกว่าน้าเล้ง  คงห่วงพวกเรา แกคงจะเอาอะไรมาให้เพิ่มเติม  

    “มันเป็นไปไม่ได้นะ  นี่ดึกมากแล้ว  ” ผมคิด

     แต่เมื่อรอจนแน่ใจว่าไม่ใช่น้าเล้ง   พวกเราก็นอนงีบต่อไป.. 

    เสียงเคาะข้างรถ คงยังดังเป็นช่วงๆจนผมนึกรำคาญ แรกๆเหมือนมีคนเดียวเพราะเสียงเคาะรถมันฟังออกแต่หลังๆ  เสียงมันดังถี่ และรัวเสมือนว่ามีคนมากกว่าห้าคนมาเคาะ แม้ผมจะไม่ได้ลุกขึ้นมาดูให้เห็นกับตาตนเอง   แต่ตาผมก็ยังลืม และเงี่ยหูฟังตลอด  พี่เหม็น ได้ลุกขึ้นมา โดยหยิบไฟฉาย  เพื่อส่องหาเสียงคนเคาะรถ 

    ใครวะมาเคาะรถ คนจะหลับจะนอน ซะหน่อย “พี่เหม็นตะโกนออกไป และพยายามเดินสำรวจรอบๆบริเวณรถเพื่อหาตัวผู้กระทำการก่อกวน แม้ผมไม่ได้ลงจากรถมาหาต้นเสียงของคนเคาะรถ แต่ ..ผมก็เงี่ยหูฟัง อย่างตั้งใจ ว่าพี่เหม็นกำลังทำและพูดอะไร 

     “ แน่จริง . ออกมาปรากฎตัวสิวะ ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริง" พี่เหม็น พูดคนเดียว    

    ไม่มีเสียงตอบรับใดๆลมพัดแรงวูบๆสักครู่ต่อมา พี่เหม็นก็กลับขึ้นมานอนบนรถอีกครั้ง  ผมไม่ได้สอบถามอะไร     คิดว่าพี่เหม็น คงคุยกับคนในพื้นที่ ที่มาแกล้งเราแล้ว. ครึ่งชั่วโมงต่อมา..เสียงก้อนหินที่ถูกกว้างปามาจากสองฝั่งด้านข้างรถ..เสียงดังโป้ก เป๊กๆ  ปัง.ปัง ปังจนครั้งนี้สามคนเรา ต้องตื่นออกมาจากมุ้ง..พราะมันดังมาก จนไม่มีใครจะหลับได้ต่อไป..  พี่เหม็นลงจากรถ ผมกับเพื่อนปีนลงตาม     

    “.มาสิวะ  มาคุยกัน ให้มันรู้เรื่องรู้ราว "พี่เหม็นสบถ   

     เราทั้งสามคน เดินรอบรถเพื่อสำรวจหาบุคคลที่เป็นต้นเหตุ ให่้เราต้องตื่นมาช่วงกลางดึก ในคืนแรมคืนนี้มองไปทางไหนก็มืดไปหมด. ช่วงนั้นไม่มีใครจะนึกถึงเรื่องผีเรื่องสางเลย คิดเพียงว่าหากจับมือคนเคาะรถได้คงจะต้องสั่งสอน..ให้ได้รับบทเรียนบ้าง พวกเราเดินสำรวจรอบรถ   กี่รอบๆก็ไม่เจอใครสักคน   แต่ขณะที่เรายืนพิงกับรถเพื่อรอดูสภานการณ์ก็ได้ยินกลุ่มคนประมาณเกือบ10 คนกำลังเดินเข้ามาหาเรา  คนหนึ่งเดินนำหน้าจุดไต้..มีแสงสว่าง พอให้เห็นวับๆ แวมๆ  พวกเขาเดินมาหาพวกเราอย่างช้าๆ  . เราสามคนยืนตะลึง  ขนลุกซู่  นะจังงัง..

     “เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ “พี่เหม็นพึมพำ  

    ชายอาวุโสพร้อมสมาชิกอีก 9 คน ได้เดินมาหาพวกเรา  แล้วหยุดนิ่ง..  

    " หลานชาย ..ช่วยขยับรถไปจอดที่อื่นด้วย  ที่บริเวณนี้เป็นที่ที่พวกเราพักอาศัยหลับนอน กันรู่้มั้ย แล้วมาจอดรถบริเวณนี้ ได้ขออนุญาตใครหรือยัง ล่ะ นี่เห็นเป็น เด็กๆนะไม่อยากจะลงโทษ อะไรมากมาย “ หนึ่งในจำนวนนั้นพูด   

    เราสามคนยืนฟัง อย่างสงบ พยักหน้ารับทราบ และรู้โดยนัยแล้วว่า ผู้อาวุโสคนนั้น คงไม่ใช่คนแน่ๆ

    “ไปเลื่อนรถซะ โน่นขยับไปข้างหน้าตรงโน้นฯ  " ผู้อาวุโสในกลุ่มชี้   

    จากนั้นเขาและสมาชิกก็เดินผละจากพวกเราไป.ในความมืด   ครั้นพวกเราตั้งสติได้ ก็บอกพี่เหม็นให้รีบเลื่อนรถ  ไปข้างหน้าดังที่ผู้อาวุโสบอก..  พี่เหม็นเอากุญแจสตาร์ทรถและขับรถเคลื่อนตัวออกจากที่เราจอดเมื่อตอนหัวค่ำ  เวลา จวนตีสอง ทุกอย่างไร้เสียงก่อกวนใดๆอีก เรายังคงนอนลืมตา แต่ไม่ได้คุยอะไรกัน จากนั้นจึงม่อยหลับเพราะความเพลีย  จนฟ้าสาง  น้าเล้งจึงมาปลุก    

     "เป็นไง นอนหลับสบายมั้ย ” น้าเล้งพูด มีสีหน้ายิ้มๆ   

    สบายอะไร. โดนผีหลอกทั้งคืน"   พี่เหม็นพูด เชิงตำหนิ น้าเล้ง  

    “ทำไม ตอนผมไปจอดรถ น้าเล้งไม่บอกว่า ตรงนั้นเป็นป่ช้าเก่า.พวกผมทั้งสามนี่โดนผีหลอกทั้งคืนเลย ผมนี่ โดนคนเดียวเต็มๆ" พี่เหม็นว่า  ผมนิ่งเงียบจริงๆ แล้วผมได้รับรู้เรื่องราวมาตลอด 

    “จริงที่ตรงนี้ ดูเหมือนมันจะคล้ายๆ ป่าช้าเก่า นะพี่เหม็น แต่ผมก็ลืมทักพี่ไปน่ะ"          “  

      “เป็นซะงั้น นะมึง"  พี่เหม็น ต่อว่าผม 

     น้าเล้งยิ้มๆ… แต่พี่เหม็นหัวเสีย   ผมกับไอ้เล็กเหวอ กับเหตุการณ์ เมื่อคืน  

           ….หลังกลับถึงบ้าน  รางวัลที่แม่ให้กับการไปท่องเที่ยวครั้งนี้  คือก้นลาย ดังที่คาดไว้ไม่ผิด

                                          ขลุ่ย      บ้านข่อย

                                           (๙   ตค  ๖๕)

                                         

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×