ผี.. ไล่ออกพื้นที่
ขณะหลับ ก็เสียงปึงปังด้านช้างของรถ ทำให้พวกเราต้องตื่นจากที่นอน
ผู้เข้าชมรวม
61
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ผี ไล่ที่. กลางดึก
เป็นเหตุการณ์จริง ที่ผมประสบกับตนเองเมื่อปี 2512 ตอนนั้นผมมีอายุได้ 13 ปี.. เรื่องราวมันบังเอิญตรง ที่มีคนอำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา ชื่อน้าเล้งได้มาเช่าบ้านอยู่ เยื้องๆหน้าบ้านผม น้าเล้งอายุตอนนั้นคงประมาณ 30 กว่าๆ แกมีอาชีพขับรถโดยสาร เส้นทางอรัญประเทศ - นิคม - ทหารผ่านศึก มีครอบครัวแล้ว แต่ภริยาจะอยู่ที่บางปะกง นอกจากจะขับรถโดยสารรับจ้างแล้ว อาชีพรองของแกคือค้าขายและรับส่งมะม่วง มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก่ กิ่งพันธุ์ผลไม้ชนิดต่างๆตลอดจน หมากและพลู ให้กับแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลตำบลอรัญฯ โดยแกจะกลับมาเอาผลผลิตที่บ้านเกิด ที่อำเภอบางปะกงเดือนละครั้ง น้าเล้ง ..เป็นคนไทยเชื่อสายจีน นิสัยร่าเริง ช่างคุย มีลูกน้องที่ช่วยเก็บเงินค่าโดยสารชื่อเหม็น
พี่เหม็นอายุแก่กว่าผมสัก 5 ปี แม้น้าเล้งจะเช่าบ้านอยู่คนเดียว แต่ในบ้านแกจะเต็มไปด้วยผลมะพร้าว หมาก ถ่านไม้บรรจุกระสอบเพิื่อเตรียมส่งให้ลูกค้าประจำ จนภายในบ้านเกือบไม่มีที่จะซุกหัวนอน พี่เหม็น จึงอาศัยกางมุ้งนอนในรถ ผมกับเพื่อนชื่อเล็ก (เสียชีวิตไปแล้ว) มักใช้เวลาว่าง มานั่งคุยเล่นกับพี่เหม็นเสมอ จนสนิทกันดี วันหนึ่งผม ได้ยินน้าเล้ง บอกพี่เหม็นว่า
“เหม็น ..เย็นวันศุกร์นี้ สักสี่โมงเย็น จะไปบางปะกงกันนะ” น้าเล้งพูดกับพี่เหม็น
ทั้งยังกระเซ้าเล่นกับพวกผมว่าสนใจไหมล่ะ สนุกนะ เดี๋ยวจะพาล่องแม่น้ำบางปะกงและแวะพานมัสการวัดพระพุทธโสธร เหตุผลที่น้าเล้งชวนพวกเรา เพราะแกหวังว่าจะได้แรงงานมาเพิ่มอีกสองแรง.. ผมกับเพื่อน ได้ยินถึงกับหูผึ่ง.. เพราะในชีวิต ได้ยินแต่คนกล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร.. ผมนอนคิดอยู่หลายคืนว่า ทำอย่างไรจึงจะได้ไป แปดริ้วกับน้าเล้ง ..และยิ่งใกล้วันที่จะถึงกำหนดเดินทางไป ผมก็ยิ่งคิดหนัก..จนเครียด
**********************************************************************************
ด้วยผมต้องช่วยแม่ทำขนมขาย ตั้งแต่ตีสี่จนแปดโมงจึงจะได้ไปโรงเรียน และช่วงเย็นหลังกลับจากโรงเรียนก็จะช่วยทำขนมกับแม่จนถึงหนึ่งทุ่ม หลายครั้งที่ผมแอบไปเล่นฟุตบอลกลับเข้าบ้านสาย โดนแม่บ่นจนน่ารำคาญ การคิดจะหนีไปเที่ยวอำเภอบางปะกง จึงปิดประตูตาย โอกาสหนีไปกับน้าเล้งเพื่อเที่ยวบางปะกง จึงเป็นเพียงแค่เพียงความคิด.. ไอ้เล็กเพื่อนบ้านที่เติบโตด้วยกันมาได้ขออนุญาตพี่ชายของเขา เพื่อขอไปเที่ยวที่บ้านน้าเล้ง พี่ชายไอ้เล็กไม่ขัดข้องทั้งยังได้ฝากฝังให้น้าเล้งช่วยดูแลให้ด้วย
“ไอ้เล็ก มันไม่ภาระเหมือนกับเรา มันจึงขออนุญาตพี่มันไปเที่ยวได้ ”ผมคิดและนึกอิจฉาเพื่อน
ผมละล้าละลัง อยากไปก็อยากไปแต่อีกใจคือภาระงาน ขืนแอบหนีไปโดยไม่ขออนุญาตแม่ ขากลับมามีโอกาสก้นลายแน่ๆ ผมนอนคิดแล้วคิดเล่าว่าระหว่างการได้ไปเที่ยวสัมผัสกับโลกใหม่ ที่เราไม่เคยได้สัมผัสกับการแลกกับไม่้เรียวหวดก้น ในที่สุดผมก็ยอม.ที่จะยอมโดนแม่หวดก้นด้วยไม้เรียว ผมเตรียมเสื้อผ้าสำรองเพิ่มอีกหนึ่งชุด พร้อมเงินติดกระเป๋า ที่แอบจิ๊กแม่เป็นกรณีพิเศษ ผมแอบเอาเสื้อผ้าไปฝากพี่เหม็นล่วงหน้า1 วัน
วันที่นัดหมายมาถึง.. ผมไปแอบรอขึ้นรถที่สี่แยกบูรพา ทางที่จะเข้าไปสู่จังหวัดต่างๆ ในรถมีสมาชิกครบถ้วน ผมมีความตระหนก ตื่นเต้นระคนความดีใจ นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมต้องหนีออกจากบ้านโดยไม่บอกกับพ่อแม่ว่าไปไหน. ใจหนึ่งคิดเกรงท่านเป็นห่วง อีกใจหนึ่ง ก็คิดว่า คงไม่เป็นไร. แค่วันสองวัน เดี๋ยวก็กับมาเจอกัน ระหว่างรอรถ..ที่น้าเล้งจะมารับ หัวใจผมเต้นดังมากจนรู้สึกได้
“นี่ถ้ามีใครรู้จักกับแม่ เห็นผมมายืนรอเก้ๆกังๆ แถวนี้ เขาคงต้องไปฟ้องแน่ๆ ” ผมคิดในใจ
“น้าเล้ง ทำไมไ ม่มาสักทีนะ นี่ถ้าเกิดแม่รู้อย่างกระหันหันขึ้นมา เราคงอดได้ไปเที่ยวแน่ๆ "ผมคิดต่อไป
ไม่กี่นาที่ต่อมา.รถน้าเล้งได้หยุดจอดชิดริมขอบถนนด้านซ้ายฝั่งโรงพยาบาล ผมมองบนหลังคารถมีของและสินค้าจากฝั่งเขมรวางไว้จนเต็ม
“ขึ้นรถเลย ” พี่เหม็นพูด
**********************************************************************
เมื่อมาถึงเมืองแปดริ้วแล้ว น้าเล้งได้พาพวกเรา แวะวัดพุทธโสธรเพื่อให้พี่เหม็น ผมและไอ้เล็ก ลงไปกราบนมัสการหลวงพ่อฯ นี่คือความจริง. ที่ไม่ใช่เป็นฝันกลางวันดังอดีตแล้ว เสร็จจากกราบไหว้พระ.. น้าเล้งซื้อขนมจากให้พวกผมกินกัน จากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกจากวัดโสธรใช้เวลาขับประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงบ้าน.. บ้านน้าเล้ง ซึ่งติดกับแม่น้ำบางปะกง ใกล้ริมน้ำมีต้นจากขึ้นมากมาย ทางเข้าบ้านเป็นที่แคบๆ หลังจากช่วยกันขนของลงจากรถ
“เดี๋ยวน้า จะพาพวกเอ็งนั่งเรือไปตัดมะพร้าวอ่อนมากิน ”น้าเล้งพูด
น้าเล้งพาพวกเราลงเรือ เขาพายเรืออย่างคล่องแคล่ว ครู่ต่อมาได้แวะเข้าสวนมะพร้าว ต้นมะพร้าวน้ำหอมต้นเตี้ยมาก จึงไม่ต้องปีนป่ายใดๆ น้าเล้งตัดมะพร้าวมาสองทะลาย
“เหม็น มายกมะพร้าวลงเรือ ”น้าเล้งพูด
น้าเล้ง..จัดการเฉาะมะพร้าวให้พวกเรา ผมยกมะพร้าวเพื่อดื่มน้ำ เมื่อดื่มหมดน้าเล้งจึงผ่ามะพร้าวให้กินเนื้อใน
“เป็นไงบ้าง”
“อร่อยครับ ”
หลังจากกลับสวนมะพร้าว หกโมงเย็น. พวกเราก็ร่วมวงกินข้าวกับญาติน้าเล้ง จนสองทุ่ม พี่เหม็นก็ขับรถ พาผมกับไอ้เล็กออกจากบ้านน้าเล้ง ซึ่งมีระยะห่างสัก 200 เมตร บริเวณฯ ที่พี่เหม็นนำรถมาจอดเป็นลานกว้าง ไม่ค่อยจะมีใครสัญจรผ่านไปมา
“ คืนนี้ พวกเราจะนอนในรถและกางมุ้งนอนนะ”พี่เหม็น พูด
ทุกคนเห็นด้วย เพราะหากนอนในบ้านน้าเล้ง คงจะเป็นภาระให้เขาต้องเตรียมที่นอนหมอนมุ้ง
ช่วงหัวค่ำที่ยังไม่ง่วง พวกเราก็นั่งในรถพูดคุยกันสนุกๆคุยไปทุกเรื่องทุกราวตามประสาเด็ก บางช่วงก็เล่าเรื่องผี. น่ากลัวๆ คืนนั้นเป็นคืนเดือนแรม ท้องฟ้ามืดสนิท ลมโกรกเย็นสบาย นานๆจะมีแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาสักครั้ง ทั้งสามคนนอนอัดกันบนรถเป็นปลากระป๋อง พวกเราอ่อนล้าจากการเดินทาง หลังงีบหลับไปได้สักสามชั่วโมง ช่วงเวลานั้นประมาณว่า คงน่าจะประมาณใกล้สองยามแล้ว.. จู่ๆ ก็มีเสียงมาเคาะข้างรถ..ก๊อกๆๆ ที่แรกผมนึกว่าน้าเล้ง คงห่วงพวกเรา แกคงจะเอาอะไรมาให้เพิ่มเติม
“มันเป็นไปไม่ได้นะ นี่ดึกมากแล้ว ” ผมคิด
แต่เมื่อรอจนแน่ใจว่าไม่ใช่น้าเล้ง พวกเราก็นอนงีบต่อไป..
เสียงเคาะข้างรถ คงยังดังเป็นช่วงๆจนผมนึกรำคาญ แรกๆเหมือนมีคนเดียวเพราะเสียงเคาะรถมันฟังออกแต่หลังๆ เสียงมันดังถี่ และรัวเสมือนว่ามีคนมากกว่าห้าคนมาเคาะ แม้ผมจะไม่ได้ลุกขึ้นมาดูให้เห็นกับตาตนเอง แต่ตาผมก็ยังลืม และเงี่ยหูฟังตลอด พี่เหม็น ได้ลุกขึ้นมา โดยหยิบไฟฉาย เพื่อส่องหาเสียงคนเคาะรถ
“ใครวะมาเคาะรถ คนจะหลับจะนอน ซะหน่อย “พี่เหม็นตะโกนออกไป และพยายามเดินสำรวจรอบๆบริเวณรถเพื่อหาตัวผู้กระทำการก่อกวน แม้ผมไม่ได้ลงจากรถมาหาต้นเสียงของคนเคาะรถ แต่ ..ผมก็เงี่ยหูฟัง อย่างตั้งใจ ว่าพี่เหม็นกำลังทำและพูดอะไร
“ แน่จริง . ออกมาปรากฎตัวสิวะ ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริง" พี่เหม็น พูดคนเดียว
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆลมพัดแรงวูบๆสักครู่ต่อมา พี่เหม็นก็กลับขึ้นมานอนบนรถอีกครั้ง ผมไม่ได้สอบถามอะไร คิดว่าพี่เหม็น คงคุยกับคนในพื้นที่ ที่มาแกล้งเราแล้ว. ครึ่งชั่วโมงต่อมา..เสียงก้อนหินที่ถูกกว้างปามาจากสองฝั่งด้านข้างรถ..เสียงดังโป้ก เป๊กๆ ปัง.ปัง ปังจนครั้งนี้สามคนเรา ต้องตื่นออกมาจากมุ้ง..พราะมันดังมาก จนไม่มีใครจะหลับได้ต่อไป.. พี่เหม็นลงจากรถ ผมกับเพื่อนปีนลงตาม
“.มาสิวะ มาคุยกัน ให้มันรู้เรื่องรู้ราว "พี่เหม็นสบถ
เราทั้งสามคน เดินรอบรถเพื่อสำรวจหาบุคคลที่เป็นต้นเหตุ ให่้เราต้องตื่นมาช่วงกลางดึก ในคืนแรมคืนนี้มองไปทางไหนก็มืดไปหมด. ช่วงนั้นไม่มีใครจะนึกถึงเรื่องผีเรื่องสางเลย คิดเพียงว่าหากจับมือคนเคาะรถได้คงจะต้องสั่งสอน..ให้ได้รับบทเรียนบ้าง พวกเราเดินสำรวจรอบรถ กี่รอบๆก็ไม่เจอใครสักคน แต่ขณะที่เรายืนพิงกับรถเพื่อรอดูสภานการณ์ก็ได้ยินกลุ่มคนประมาณเกือบ10 คนกำลังเดินเข้ามาหาเรา คนหนึ่งเดินนำหน้าจุดไต้..มีแสงสว่าง พอให้เห็นวับๆ แวมๆ พวกเขาเดินมาหาพวกเราอย่างช้าๆ . เราสามคนยืนตะลึง ขนลุกซู่ นะจังงัง..
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ “พี่เหม็นพึมพำ
ชายอาวุโสพร้อมสมาชิกอีก 9 คน ได้เดินมาหาพวกเรา แล้วหยุดนิ่ง..
" หลานชาย ..ช่วยขยับรถไปจอดที่อื่นด้วย ที่บริเวณนี้เป็นที่ที่พวกเราพักอาศัยหลับนอน กันรู่้มั้ย แล้วมาจอดรถบริเวณนี้ ได้ขออนุญาตใครหรือยัง ล่ะ นี่เห็นเป็น เด็กๆนะไม่อยากจะลงโทษ อะไรมากมาย “ หนึ่งในจำนวนนั้นพูด
เราสามคนยืนฟัง อย่างสงบ พยักหน้ารับทราบ และรู้โดยนัยแล้วว่า ผู้อาวุโสคนนั้น คงไม่ใช่คนแน่ๆ
“ไปเลื่อนรถซะ โน่นขยับไปข้างหน้าตรงโน้นฯ " ผู้อาวุโสในกลุ่มชี้
จากนั้นเขาและสมาชิกก็เดินผละจากพวกเราไป.ในความมืด ครั้นพวกเราตั้งสติได้ ก็บอกพี่เหม็นให้รีบเลื่อนรถ ไปข้างหน้าดังที่ผู้อาวุโสบอก.. พี่เหม็นเอากุญแจสตาร์ทรถและขับรถเคลื่อนตัวออกจากที่เราจอดเมื่อตอนหัวค่ำ เวลา จวนตีสอง ทุกอย่างไร้เสียงก่อกวนใดๆอีก เรายังคงนอนลืมตา แต่ไม่ได้คุยอะไรกัน จากนั้นจึงม่อยหลับเพราะความเพลีย จนฟ้าสาง น้าเล้งจึงมาปลุก
"เป็นไง นอนหลับสบายมั้ย ” น้าเล้งพูด มีสีหน้ายิ้มๆ
“สบายอะไร. โดนผีหลอกทั้งคืน" พี่เหม็นพูด เชิงตำหนิ น้าเล้ง
“ทำไม ตอนผมไปจอดรถ น้าเล้งไม่บอกว่า ตรงนั้นเป็นป่าช้าเก่า.พวกผมทั้งสามนี่โดนผีหลอกทั้งคืนเลย ผมนี่ โดนคนเดียวเต็มๆ" พี่เหม็นว่า ผมนิ่งเงียบจริงๆ แล้วผมได้รับรู้เรื่องราวมาตลอด
“จริงที่ตรงนี้ ดูเหมือนมันจะคล้ายๆ ป่าช้าเก่า นะพี่เหม็น แต่ผมก็ลืมทักพี่ไปน่ะ" “
“เป็นซะงั้น นะมึง" พี่เหม็น ต่อว่าผม
น้าเล้งยิ้มๆ… แต่พี่เหม็นหัวเสีย ผมกับไอ้เล็กเหวอ กับเหตุการณ์ เมื่อคืน
….หลังกลับถึงบ้าน รางวัลที่แม่ให้กับการไปท่องเที่ยวครั้งนี้ คือก้นลาย ดังที่คาดไว้ไม่ผิด
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๙ ตค ๖๕)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น