ความฝัน ที่เอื้อมไม่ถึง - ความฝัน ที่เอื้อมไม่ถึง นิยาย ความฝัน ที่เอื้อมไม่ถึง : Dek-D.com - Writer

    ความฝัน ที่เอื้อมไม่ถึง

    สาวผู้ใฝฝัน..จะได้มีโอกาสเรียนชั้นปริญญาตรี และได้รับปริญญาบัตร บ้าง

    ผู้เข้าชมรวม

    114

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    114

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ต.ค. 65 / 06:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                                                  ความฝัน..ที่เอื้อมไม่ถึง

      ผมได้ข่าวว่าแก้วตา อดีตลูกศิษย์ ที่ผมเคยสอนเขา.ได้เสียชีวิตลง ที่โรงพยาบาล โดยปกติผมมักจะเห็นเธอช่วยแม่ขายของที่หน้าร้าน  แต่ระยะหลังกว่าสามเดือนมานี้ ผมไม่เคยเห็นเธอเลย .ความจริงผมตั้งใจจะเขียนเรื่องของเธอมาช้านานแล้วแต่ก็ยังหาโอกาสและจังหวะที่จะเขียนไม่ได้เสียที. วันนี้หลังจากที่ทราบข่าวของเธอ ..ผมจึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะเขียนเรื่องราวโดยทันที  

      แก้วตาเป็นลูกคนเล็กของครอบครัว ในบ้านของเธอในอดีต เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างอบอุ่นอย่างมาก เมื่อสิบกว่าปีก่อนพี่สาวของเธอล้มป่วยและเสียชีวิตลง.หลังจากนั้นมาอีก1 ปี  พ่อของเธอก็ได้มาเสียชีวิตด้วยความเครียด  กับปัญหา ครอบครัวจึงใช้วิธีการฆ่าตัวตาย  ผมยังจำได้ว่าตอนที่ผมมาทำงานใหม่ๆ พ่อของแก้วตาคือ สมานเคยชวนผมไปเที่ยวที่บ้านพักของเขา เพื่อทำลาบและอาหารพื้นบ้านทางเหนือให้ผมทดลองชิม ในละแวกที่ทำงานทั้งบ้านพักคนงานและบ้านของชาวบ้าน ผมมีโอกาสได้ไปสัมผัส และได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาเสมอๆ 

     พ่อของแก้วตาเป็นคนขยัน.หนักเอาเบาสู้  อายุของเขาอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับผม วันทำงานปกติ  .เขาได้รับมอบหมาย จากแผนกยานพาหนะให้ไปขับรถแทรคเตอร์ ไถพรวนดินแปลงพืชไร่ และแปลงผัก  ในวันเสาร์ -อาทิตย์ เขาจะไปเป็นลูกจ้างนายทุนเจ้าของรถแทรคเตอร์ รับจ้างไถที่ให้เกษตรกรโดยจะได้เงินค่าจ้างเพื่อเก็บออมสะสม เพื่อส่งเสียลูกสาวสองคนซึ่งกำลังอยู่ในวัยเเรียน  ส่วนแม่บ้านของเขาในเวลานั้น รับงานตัดเย็บเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆ   สองคนสามี -ภริยา ขยันขันแข็ง ผมมีความสนิทสนมกับเขามากขึ้นตามลำดับ  สมานมีที่ดินที่ได้มรดกจากบิดาของเขาจำนวน 3 งานเศษ   วันหนึ่งขณะนั่งสังสรรค์กันเขาได้หารือกับผม               

    "อาจารย์ครับ ..ผมอยากปรึกษากับอาจารย์สักหน่อย  “สมานพูด

    เอาสิ. เรื่องอะไรเหรอ สมาน “ผมพุูด

    “คือตอนนี้ ผมกำลังทำเรื่องขอกู้เงินจากสหกรณ์มาปลูกบ้าน สหกรณ์ได้อนุมัติเงินกู้ของของผมแล้ว ผมได้เงินมา 4 แสนบาท  หากสร้างบ้านเสร็จแล้ว อาจารย์คิดว่าหากผมจะทำธุรกิจ เราควรจะทำอะไรดี”สมานบอกเล่า พร้อมตั้งคำถามให้ผมช่วยตอบเขา   ผมนั่งนึกนานกว่าสิบนาที จึงได้ตอบ 

     “สมาน ใช้พื้นที่ด้านล่างเปิดขายของชำสิ ขายของกินของใช้ เหล้า บุหรี่ ผมคิดว่าแถวๆบริเวณวิทยาลัย  ร้านค้ายังมีไม่มากหากจัดการดีๆขายของไม่แพงจนเกินไป พูดจาดี ซื่อสัตย์กับลูกค้า ผมคิดว่าร้านของสมาน ไปไกลแน่ๆ “ ผมแนะนำพร้อมให้กำลังใจ

    “ครับ เดี๋ยวผมจะได้คุยกับเมียผมเลยวันนี้ “สมานพูด 

    หลังจากบ้านของสมานสร้างเสร็จแล้ว  เขาได้ไปซื้อวัสดุ ชั้นวางของพร้อมซื้อสินค้ามาจัดวางขายอย่างสวยงาม  วันขึ้นบ้านใหม่  ผมได้รับเกียรติเชิญไปร่วมงานด้วย ผมชื่นชมสมานกับความตั้งใจที่จริงจัง กับการวางแผนชีวิตที่ดีของครอบ ครัวของเขา

    “ผมขอชื่นชม.ด้วยความจริงใจนะสมาน ที่สามารถดำเนินการตามที่ผมแนะนำให้ ”ผมพูด

    “ยังไง ผมต้องขอบคุณอาจารย์อย่างมากเลย ร้านค้า เกิดขึ้นได้ เพราะอาจารย์เป็นคนแนะนำ  เดิมทีแรกผมตั้งใจจะเปิดร้านปะยางรถจักรยาน “ สมานพูด

     กิจการร้านของชำของสมานขายดีมาก ชาวบ้านในละแวกนั้นตลอดจนนักศึกษามาอุดหนุนร้านของเขา อย่างเนืองแน่น ผมเป็นลูกค้าประจำของเขาโดยขอเครดิตแปะสุรา- บุหรี่ พอถึงสิ้นเดือนก็นำเงินไปชำระให้เขา สำหรับผมกับสมาน  ยังคงเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่ต้องมากินแหนงแคลงใจกับเขา เมื่อวันหนึ่งผมมาจ่ายเงินกับเขา

    “เอ้ะ..หมาน  เดือนที่แล้วผมก็มาจ่ายเงินให้แล้วนี่.แล้วทำไม ในบัญชีของผมจึงยังมียอดเงินคงค้างอยู่ล่ะ “ 

    “อาจารย์จ่ายเงินให้กับใคร ครับ”

    "กับแม่บ้านสมานไง    “

    “เหรอครับงั้นผมจะเรียกแม่บ้าน มาสอบถาม” 

    เมื่อสมานเรียกภริยาเขา มาสอบถาม ภริยาของเขา ยืนยันว่าผมยังไม่ได้จ่ายเรื่องมันจึงบานปลาย เป็นเหตุให้ผมกับเขาต้องขัดแย้งกัน ในที่สุดผมจึงยอมต้องจ่ายหนี้ เพื่อตัดความรำคาญและผมได้สัญญากับตนเองว่าจากนี้ไป  ผมคงจะเลิกเป็นลูกค้าร้านของเขาอย่างถาวร  จากที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาน  จึงเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างอยู่ ผมยอมตัดใจ เสียค่าโง่เพราะไว้ใจคนมากเกินไป  ถือว่าเรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ต้องจดจำ   ฐานะทางครอบครัวของสมานดีขึ้นตามลำดับ  จากที่เคยลำบาก ก็สุขสบายมากขึ้นจนเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกันและอาจารย์ เรียกเขาว่าเสี่ยหมาน เมื่อนศ  มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เขาจึงขอกู้เงินจากธนาคารมาสร้างหอพัก ในหอพักของเขาที่สร้างขึ้นรุ่นแรกๆเต็มทุกห้อง   แม้เขาจะมีความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น แต่ด้วยบุตรสาวคนโต ต้องล้มเจ็บเนืองๆ เขาจึงต้องมีค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาด้วยเงินมากมาย และในที่สุดบุตรสาวคนโตก็ต้องจากไป.. 

      ชีวิตของเขาเริ่มเปลี่ยนไป..เนื่องจากมีสาวๆหน้าตาดีในละแวกนั้นมาตีสนิท จนเขาเหินห่างจากครอบครัวไปอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนวันหนึ่งเขามีปากเสียงและทะเลาะกับแม่บ้านอย่างรุนแรง   จนเกิดความเครียดสะสมกันมา ตั้งแต่ เรื่องบุตรคนโตที่เสียชีวิต เรื่องของตนเองที่เดินทางหลงผิดไปลุ่มหลงกับสาวๆ   

     ก่อนวันที่สมานจะเสียชีวิต   ผมได้เจอกับสมานที่สหกรณ์ร้านค้า 

    “อาจารย์ ดื่มเบียร์ครับ ผมเลี้ยง “เขาเอ่ยปากพูดกับผมทั้งๆที่ผมกับเขาไม่ได้พูดคุยกันมานานเกือบ 5 ปี

    “เอาเลยหมาน ขอบคุณมาก”ผมตอบ พลางนึกในใจว่าวันนี้สมานมาแปลกๆ

     สมานเปิดกระป๋องเบียร์เย็นๆที่ฝากแช่ไว้ที่ร้านสหกรณ์แล้วยื่นเบียร์ส่งมาให้ผม

    “เอานี่ ครับเบียร์เย็นๆผมตั้งใจจะกินกับอาจารย์ครับเรื่องที่ผ่านมาผมต้องขอโทษด้วย  ไง. ผมจะเอาเงินคืนให้อาจารย์ “ สมานพูด

    “เอาเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว.ผมลืมไปแล้วล่ะ ต้องขอโทษด้วย วันนี้ต้องมีธุระเข้าเมือง วันหน้าค่อยดื่มด้วยกันนะ” ผมพูด

    “ผมเปิดเบียร์แล้ว ดื่มหน่อยนะ..กำลังเย็นเลย เพื่อมิตรภาพนะครับ  ผมยอมรับผิดทุกอย่างเลยที่ผ่านมา” ผมจำใจ ต้องรับเบียร์มาดื่มเพื่อรักษามิตรภาพและมารยาทที่ดี

    “ขอตัวก่อนนะ วันหน้าค่อยว่ากันใหม่”ผมถือกระป๋องเบียร์ติดมือมาด้วย แล้ววางไว้ที่หน้ารถจักรยานยนต์  สมานคงยืนดื่มเบียร์กับเพื่อนๆร่วมงาน จากที่ผมเห็นพฤติกรรมของเขาในวันดังกล่าว ดูแล้ว.เขาไม่มีท่าทีจะมีความกดดัน  หรือแสดงอาการแห่งความทุกข์หรือเครียดแต่อย่างใดเลย

    เช้าวันรุ่งขึ้น .ข่าวคราวของสมานสะพัดไปทั่วหมู่บ้าน จนเข้ามาถึงที่ทำงาน   จากการได้สดับตับฟังจากคนใกล้ชิด เขา เล่าให้ฟังว่าหลังจากสมานดื่มเบียร์ที่ร้านค้าสหกรณ์แล้ว ก็กับเข้าบ้านได้เกิดปากเสียงกับแม่บ้านอีก..  เขาจึงตัดสินใจ ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัว ยิงตนเองจนเสียชีวิต

    ช่างเหลือเชื่อจริงๆทั้งๆที่เมื่อวานเขายังส่งเบียร์มาให้ผมดื่มอยู่เลย.. ทั้งๆที่เมื่อวาน เขาเพิ่งกล่าวคำขอโทษแก่ผม  ทุกสิ่งทุกอย่างมันปัจจุบันทันด่วน  จนผมช่วยอะไรเขาไม่ได้จริงๆ แม้ผมกับเขาจะเคยโกรธกัน แต่ทุกอย่างมันก็กำลังเห็นแสงสว่างอยู่รำไร  สมานจากไป.ทรัพย์สมบัติ ที่เขาสร้างมาด้วยหยาดเหงื่อจึงตกแก่ภริยาและบุตรคนเล็ก  แก้วตาอยู่ในภาวะลูกกำพร้า ตั้งแต่อายุ12  ปี   สามปีถัดมาภริยาของสมานก็มีครอบครัวใหม่เมื่อแก้วตาเรียนจบชั้นม.3 จึงลาออกจากโรงเรียนมาช่วยแม่ขายของที่หน้าร้านและดูแลหอพักชีวิตของสองแม่ลูกไม่ได้ลำบากลำบนเลยแม้แต่น้อยผมเจอแก้วตา..ที่ร้านค้าของเขาตลอดเวลา อุปนิสัยของเด็กคนนี้ คือเป็นคนรักแม่มาก แม้ร่างกายเขาจะไม่แข็งแรงเหมือนคนทั่วไป แต่พูดถึงจิตใจและหัวใจของเขาแล้ว.ต้องยอมยกนิ้วให้เลยว่า เขาเป็นคนใจเด็ด ใจสู้จริงๆ  บ่อยๆครั้งผมมักเห็นเขาขับรถสามล้อ พ่วงมาส่งแก๊สให้ชาวบ้าน พร้อมยังช่วยบริหารงานให้แม่   

    เมื่อ 4 ปีก่อน ขณะที่ผมกำลังจะขึ้นลิฟต์ เพื่อเข้าสอนหนังสือ ผมได้พบกับนศ.สาว คนหนึ่ง ซึ่งขับรถสามล้อพ่วง มาจอดบริเวณลานจอดรถแล้วค่อยเดินเขยกๆ ขึ้นบันไดอาคารเรียน ผมมองดูเขาอยู่ช่วงหนึ่ง จนพอจะเห็นแล้วว่า ..เขาคือใคร “ อ้อ.. แก้วตาลูกสาวของสมานนี่เอง ดีจริงนะ ที่เขามีจิตใจรักการศึกษา” ผมคิด   

    “สวัสดีค่ะอาจารย์ “เสียงทักทายจากนศ. ที่มีรูปร่างเล็กมากกว่าคนอื่นๆกล่าวขึ้นเมื่อเขาเจอผม    

    “อ้าว ..แก้วตา มาเรียนที่นี่ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ล่ะเนี่ยะ”

    “หนูมาเรียนได้เกือบเทอมหนึ่ง แล้วค่ะ “

    "เรียนสาขาอะไร เป็นไงบ้าง ยากมั้ยล่ะ “ผมถามเขาด้วยอยากรู้ถึงความรู้สึก เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือและให้กำลังใจเขา

    “เรียนสาขาการจัดการ ระดับปวส. ค่ะ หนูจะได้เรียนกับอาจารย์ มั้ยค่ะ”

    “ ได้เรียนสิ..แต่คงเป็นเทอมหน้า ครับ” ผมตอบเธอ

      เทอมแรกผ่านไปแก้วตา ได้เกรดพอที่จะได้เรียนต่อไป..  เธอได้มาเรียนกับผมในเทอมที่ 2.ตลอดระยะเวลาที่เธอเข้าชั้นเรียนจะต้องมานั่งด้านหน้าชั้นเรียนเสมอ เธอไม่เคยขาดเรียนเลยสักชั่วโมง  ยกเว้นในช่วงปีสุดท้ายที่เธอป่วยออดๆแอดๆจนต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งลำปางและเชียงใหม่ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างลำบากใจมากกับการที่จะต้องคอย ช่วยเหลือแก่เธอตลอดเวลา  ผลคะแนนที่เธอทำจากการสอบเกือบทุกวิชาคะแนน ออกมาไม่สู้ดีนัก ผมเข้าใจว่า.. อาจารย์ทุกคนเห็นใจและสงสารเธอและพยายามช่วยเหลือ  ช่วงที่เธอเรียนปวส.ผมจำได้ว่า ผมต้องให้เธอสอบซ่อมแล้วสอบซ่อมอีก ทั้งยังเคยไปนั่งรอเธอ ให้ทำข้อสอบที่บ้าน จนเธอทำเสร็จ..หากทำผิดก็แนะนำบอกแนวทางให้ตอบให้ถูกต้อง..

    ผมค่อนข้างจะเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ..เธอคือหนึ่งเดียวและเป็นความหวังที่จะทำให้แม่ภาคภูมิใจได้    นศ. ที่มาพักหอพักของเธอ รุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างก็จบปริญญาตรีออกไป และทุกครั้งช่วงมีการซ้อมรับปริญญา  ผมคิดว่าเธอคงนึกแอบอิจฉารุ่นน้องๆ ที่มาจากจังหวัดต่างๆ ซึ่งสามารถเรียนจนจบและนำใบปริญญา พร้อมรูปถ่ายไปประดับภายในบ้านของตน เธอก็คงมีความฝันไม่แตกต่างจากคนอื่นๆ  ช่วงที่เธอเรียนปวส .อายุของเธอขณะนั้น ก็มากกว่านศ ทุกๆคน อย่างน้อยก็5ปี ผมเคยคุยกับแก้วตาถึงเรื่องอนาคต..เธอบอกว่า เธออยากเรียนต่อให้จบชั้นสูงที่สุด

     “อาจารย์คะ..จะทำไง หนูจึงจะเรียนจบปริญญาตรี เพื่อรับปริญญาให้ได้ หัว(สติปัญญา)หนูไม่ค่อยดีเลย  ช่วงสอบ หนูอ่านหนังสือตั้งหลายเที่ยว น้องๆก็มาช่วยติวให้ แต่เวลาเข้าห้องสอบทีไร หนูก็ลืมไปหมดคะแนนที่ได้ในทุกๆ วิชา หากอาจารย์หลายท่านไม่ช่วยหนู หนูคงโดนรีไทร์ไปนานแล้ว” เธอมาปรึกษาและขอคำแนะนำกับผม

    “คนเราไม่มีใครแก่เกินเรียนหรอก หากหัวไม่ดี เราคงต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหน่อย งานที่บ้านที่เคยทำต้องลดลงบ้าง  เดี๋ยวอาจารย์จะไปคุยกับแม่ของเราให้”  ผมปลอบใจและอาสาจะเป็นธุระ สานความฝันให้เป็นจริงแก่เธอ

    เป็นความโชคดีที่ผมสอนนศกลุ่มนี้ทั้งหมด 7 วิชาอย่างแย่ๆที่สุดผมถัวๆให้แก้วตาได้เกรดB   แต่ส่วนใหญ่เธอได้เกรด B+   ผมเอาใจช่วยแก้วตา ตลอดเวลาที่เธอเรียน..แม้ผมจะไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโดยตรง แต่ผมก็จะคอยถามไถ่ ห่วงใยเรื่องการเรียนโดยตลอด สิ่งแรกที่ผมทำความฝันให้เธอได้สำเร็จคือสามารถที่จะทำให้เ ธอเรียนจบปวส.ได้ด้วยเกรด เฉลี่ย 2.10     ผมจะถามอาจารย์ผู้สอนแต่ละคนว่า แก้วตาได้เกรดในวิชานั้นๆอย่างไร  เพื่อจะได้ออกเกรดได้ถูกต้องและพอที่จะทำให้เธอจบได้อย่างแน่นอน ที่สุดเธอก็ได้วุฒิ ปวส. มาอวดแม่ก่อนเป็นลำดับแรก นี่คือความฝันของเด็กคนหนึ่ง ที่มุ่งมั่นและทุ่มเทการศึกษา   หลังจากแก้วตาเรียนจบปวสแล้วเธอได้นำกระเช้าผลไม้มาฝากผมที่บ้าน ในวันดังกล่าว ผมมีภาระที่ต้องออกนอกบ้านจึงไม่พบเธอ   

                                        เธอเขียน ข้อความฝากถึงผมว่า

     “เรียนอาจารย์ ที่เคารพ  หนูต้องขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยกรุณา ทำให้หนูสำเร็จการศึกษาจนได้  วันนี้หนูตั้งใจนำผลไม้มาฝากให้อาจารย์ค่ะ”

                                                                                                   แก้วตา

      ผมมาทราบภายหลังว่า เธอได้มาสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี (2ปีต่อเนื่อง) เมื่อเปิดเรียนในระยะแรก ดูเธอจะทุ่มเทมากกว่าตอนเรียนระดับปวส.  ผมเคยบอกกับแก้วตาว่าการเรียนในระดับปริญญาเนื้อหามันต้องเข้มและยากกว่าปวส. หากมีปัญหาอะไร ต้องรีบมาปรึกษาผมโดยเร็ว จะได้ช่วยเหลือให้.ระยะหลังเธอต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ และมีใบ รับรองแพทย์มายื่นให้อาจารย์ผู้สอนได้รับทราบว่าเธอ ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์  ผมยังจำได้ว่าสมัยเรียนปวส .เธอเข้าชั้นเรียนเกือบทุกวัน  ตั้งใจเรียนอย่างมากคะแนนที่สอบได้ในทุกๆวิชา เกือบจะไม่ผ่านเกณฑ์ อาจารย์ หลายคนขอร้องให้เธอหยุดเรียนเสีย เพราะมันมีผลต่อความยุติธรรมและเป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดการครหาว่าอาจารย์ผู้สอนเลือกปฎิบัติที่จะช่วยกับนศ.บางคน(เท่านั้น)

    ช่วงกลางเทอมที่มีการสอบ แก้วตา ได้เข้ามานั่งในห้องสอบที่ผมเป็นกรรมการคุมสอบ นับแต่นาทีแรก ที่เธอหยิบกระดาษคำถามมาอ่าน จนจะเกือบหนึ่งชั่วโมง เธอไม่สามารถจะตอบคำถามหรือเขียนคำตอบลงในสมุดได้เลย  ผมได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ เธอทำข้อสอบให้ได้บ้าง เมื่อครบสามชั่วโมง  ผมจึงมาเก็บกระดาษคำตอบจะวิชาอะไร ๆ เธอก็ตอบไม่ได้ทำไม่ได้  นี่จึงทำให้ผมรู้สึกเครียดมากกว่าคนเรียนเสียอีก เพราะเสียดายเงินที่เธอลงทะเบียนเรียน ที่มีราคาค่อนข้างแพง  ผมนึกในใจว่าเทอมนี้  แก้วตาคงน่าจะถูกรีไทร์ค่อนข้างแน่นอน.  .วิชาที่ผมสอน ทั้งๆที่ผมได้บอกแนวข้อสอบล่วงหน้ากับทุกคน ผลปรากฎว่าแก้วตาก็ตอบไม่ได้  ทั้งๆที่มันเป็นข้อสอบที่ให้แสดงความคิดเห็น ใ นแต่ละหน้าที่ผมตรวจในกระดาษคำตอบของเธอ จะมีเพียงแค่การลอกโจทย์เท่านั้น  ผมมาสะดุดลงในหน้าสุดท้ายที่มีข้อความเขียนว่า

     “อาจารย์ .ที่เคารพ นับถือ.หนูพยายาม ทำตามคำแนะนำของอาจารย์แล้ว..หนูอยากได้รับปริญญาไปฝากแม่  แต่หนูคงอาจทำไม่สำเร็จ อาจารย์ช่วยหนูด้วยนะคะ” 

    ผมยังเก็บข้อสอบที่แก้วตา เขียนไว้ในสมุดคำตอบและ.หากวันใดที่ผมค้นพบ   ก็อยากจะนำมาให้ชมลายมือ และความตั้งใจของเธอ.ที่พยายามอย่างเต็มที่แล้ว   แต่ด้วยสติปัญญาการจดจำจึงทำให้เขาเสียเปรียบน้องๆ       แก้วตาเรียนปริญญาตรีได้เทอมเดียวผลการเรียนคือได้เกรดเฉลี่ย1.3  ทั้งๆที่เธอยังมีสิทธิ์เรียนต่อในเทอมที่ 2..แต่ด้วยอาการความเจ็บป่วย  จึงทำให้เธอต้องถอดใจเพราะมองแล้วว่าหากเรียนต่อไปก็คงอาจจะไม่จบอย่างแน่นอน    แก้วตาลาออกจากสถานศึกษา  คงมาทำหน้าที่ช่วยแม่บริหารงานร้านค้าและหอพักดังเดิม..ดูเธอระยะหลังจะมีอาการซึมๆ เศร้าๆ ไปจากเมื่อก่อนมาก..เธอยังคงเข้าโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ เป็นระยะๆ 

    ความฝัน ความหวังที่จะเป็นบัณฑิตและได้ถ่ายภาพรับปริญญากับแม่ดับวูบลงสนิท   นี่คือสิ่งที่ผมทุกข์ใจมา จนวันนี้.เพราะไม่สามารถจะสานฝันให้เป็นจริงกับศิษย์ ที่ตั้งใจเรียนและทุ่มเทอย่างจริงจัง.วันที่ 2 พย.  ผมก็ต้องได้รับข่าวเศร้าว่าแก้วตาเสียชีวิตแล้ว หลับให้สบายนะแก้วตา เรา เหนื่อยมามากแล้ว ทุกชีวิตหนีไม่พ้น เรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย  อาจารย์เห็นใจเข้าใจกับสิ่งที่แก้วตา อยากจะทำเพื่อแม่..แต่อีกมุมหนึ่งล่ะ ทำไม.. แม่ของแก้วตาจึงไม่ห้ามให้แก้วตาหยุดทุ่มเท กับสิ่งที่มันทำให้แก้วตา ต้องอายุสั้นลง..อาจารย์ทุกๆคนเคยคุยกันกับเรื่องเหล่านี้ว่า หากแม่แก้วตาหยุดและขอร้องให้แก้วตา หยุดทุ่มเทการเรียนการงานในบ้าน  เธอน่าจะไม่ล้มป่วยจนทรุดลง ก็ได้ 

          จะอย่างไร อาจารย์ .ต้องขอโทษแก้วตา ที่ไม่สามารถสานฝันให้แก้วตาเป็นบัณฑิตได้

    ขอให้แก้วตาจงสู่สุขคติ และภพภูมิที่ดี ความทรงจำต่างๆที่ดี ที่แก้วตาเคยแสดงออกในเรื่องน้ำใจ ความเสียสละกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน อาจารย์จะจดจำไปตลอดกาล      

                                                  ขลุ่ย   บ้านข่อย

                                                 (๒ ตุลาคม ๒๕๖๕)

       

     

     

     

     

            

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×