คุณเย็น เปลี่ยนไป
เวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน สัจธรรม ที่มิได้เกินความจริงในตัวตนของมนุษย์
ผู้เข้าชมรวม
72
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
คุณเย็น..เปลี่ยนไป
ผมเห็นเย็นใจ ตั้งแต่เธอมีอายุเพียง 9 ขวบ ช่วงที่ผมมาเป็นทีปรึกษาพ่อหลวงที่บ้านห้วยนายาง ผมได้คุ้นเคยกับช่างไม้ชื่อสล่าอ้นที่มีบ้านไม่ห่างจากบ้านพ่อของเย็นใจเท่าไหร่ ในสังคมชนบทที่บ้านห้วยนายาง ที่ผมเข้ามาสัมผัสชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม รับจ้างและหาของป่า ลุงหนานทองพ่อของเย็นใจ มีอาชีพตัดไม้ในป่า มาชายให้กับสล่าอ้น ซึ่งเป็นช่างสร้างบ้านประจำหมู่บ้าน การที่ผมได้เข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ ทำให้ผมได้รู้จักกับชาวบ้านเกือบทุกหลังคาเรือน สล่าอ้น มีอายุแก่กว่าผมประมาณสามปี เขาเป็นคนต่างหมู่บ้านมาได้ภริยาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ทุกๆเย็นที่บ้านสล่าอ้น จะมีสมาชิกคอสุราขาประจำหก-เจ็ดคน มานั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างถูกคอ
ในจำนวนสมาชิกดังกล่าว มีลุงหนานทอง ลุงคำ ลุงแก้ว ลุงหมอก ลุงเย็นและลุงระ ณ. วันนี้ สมาชิกในวงเหล้าที่ผมเคยร่วมพบปะสังสรรค์ ได้เสยชีวิตไปแล้วทุกคน ยกเว้นเหลือเพียงสล่าอ้นเพียงคนเดียวที่ได้เปลี่ยนอาชีพ จากช่างก่อสร้าง มาเป็นชาวไร่ปลูกสัปปะรด
**************************************************************************
ยามเช้า เวลา 07.00 น ผมได้พบกับเย็นใจ ที่ตึกอาคารเรียนรวมของคณะบริหารธุรกิจที่ผมนั่งทำงานอยู่
"สวัสดีเจ้า..อาจ๋าน" เสียงทักทายจากสาวลูกสี่ ที่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับผม ซึ่งผมกับเธอรู้จักกันเพียงผิวเผิน ด้วยอาจเป็นเพราะวัยที่แตกต่างกันพอควร
“อ้าวเย็น..มาทำงานที่นี่ ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอเนี่ยะ”ผมพูด
"สองอาทิตย์แล้วค่ะ..อาจารย์ พอดีมีคนบอกว่ามีตำแหน่งว่างหนึ่งตำแหน่ง หนูก็เลยลองมาสมัครดู "เย็นพูด
"ดีแล้วล่ะ จะได้มีรายได้ช่วยกับพ่อบ้านอีกแรง" ผมพูดให้กำลังใจเธอด้วยรู้ถึงความยากลำบาก และปัญหาภายในครอบครัวของเธอเป็นอย่างดี ก่อนหน้าที่เย็นจะมาทำงานในตำแหน่งแม่บ้าน เธอมีอาชีพรับจ้างทั่วไป การที่เธอมีลูกสาวถึงสี่คนจึงเป็นภาระอันหนักไม่น้อย ทูนซึงเป็นสามีของเธอซึ่งผมรู้จักเขาตั้งแต่อายุสิบขวบเศษๆ ทูนเป็นลูกลุงคำ หนึ่งในสมาชิกที่เป็นขาประจำสมาคมคนขี้เมาประจำหมู่บ้านที่ผมได้พบปะกับเขาทุกๆเย็นที่บ้านสลาอ้น ทูนและเย็นเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันเขาและเธอ มีอายุห่างกันเพียงสามปีทั้งสองคนชอบพอกันและแต่งงานตั้งแต่อายุยังไม่มาก การครองรักครองเรือนจึงกระท่อนกระแท่น มีการทะเลาะเบาะแว้งกันไมเว้นแต่ละวัน ผมได้แต่เห็นใจและมองดูครอบครัวนี้อยู่ห่างๆ
"บ่าทูนลูกของผม ตั้งแต่ได้ลูก ก็เอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งกับเมียมัน ลุงไม่รู้จะสอนมันอย่างไร" ลุงคำชายร่างผอม ผิวคล้ำเล่าเรื่องภายในครอบครัวให้ผมฟังในวงเหล้า
"แล้วทูน. ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว อย่างไรครับ "ผมถาม
"รับจ้างเป็นลูกมือสล่าอ้น ครับ" ลุงคำตอบ
ช่วงที่ทูนยังเด็ก.ผมมองว่าเขา.เป็นเด็กสุภาพ เรียบร้อย ทูนมีครอบครัวค่อนข้างเร็ว ณ.เวลานั้นเขามีลูกสาวสองคนที่มีอายุห่างกันพียงปีเศษๆ ผมเคยเห็นลูกของทูนและเย็นบ่อยๆ เพราะลุงแก้วพ่อของเย็นมักอุ้มหลานมาเดินเล่น และมาเดินซื้อขนมที่ตลาดของหมู่บ้าน การที่สองผัวเมียคู่นี้ มีการศึกษาน้อย ทำให้อาชีพของเขาที่ทำ เป็นได้แค่เพียงผู้รับจ้าง เท่านั้น ทุกๆเช้าสองผัวเมียจะไปรอรถเพื่อเข้าไปทำงานในเมือง ลูกๆ จึงต้องฝากให้ยายเลี้ยงและดูแล ผมมาทราบว่าลูกคนโตของเย็นต้องตาพิการไปหนึ่งข้าง เป็นเพราะยายปล่อยปละละเลยให้เด็กเล่นสาดทรายกันไปมาจนทรายเข้าตาถึงขั้น อักเสบรุนแรงและไปพบแพทย์ล่าช้าจึงทำให้แจน ลูกสาวคนโตของเย็นต้องตาบอดถาวรไปหนึ่งข้าง
ทั้งทูนและเย็นมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งมิเคยขาด ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันทั้งสิ้นสี่คน เป็นลูกผู้หญิงทั้งหมด หลังจากเย็น ได้เข้ามาทำงานเป็นแม่บ้านภายในที่ทำงานที่ผมทำแล้ว รายได้ของครอบครัวของเธอจึงมั่นคงกว่าแต่ก่อน นอกจากเงินเดือนที่เธอจะได้รับทุกๆเดือนๆละประมาณ 7500 บาท .เธอยังมีอาชีพเสริมพิเศษจากการรับเย็บเสื้อผ้า ขณะทำงานในมหาวิทยาลัยเธอยังเก็บกระดาษ ขวดพลาสติค ไว้ขาย ในครั้งหนึ่งๆที่เธอขายวัสดุจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าครั้งละพันบาท
“ดีแล้วล่ะเย็นที่เก็บเศษกระดาษ ขวดสะสมไว้ขาย ดีกว่าทิ้งลงถังขยะแล้วรถอบต. ขนไปคัดแยกแล้วขายเอง”ผมพูด
แม่บ้านประจำอาคารต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะทำในลักษณะนี้เหมือนกันหมด และเกินกว่าครึ่งหนึ่งจะห่วงกับการเก็บขยะเพื่อการรวบรวมไว้ขายมากกว่าที่จะทำความสะอาดห้องเรียน
ในช่วงนี้ทูนก็คงทำงานเป็นลูกมือสล่าอ้น เมื่องานรับเหมาสร้างบ้านกับเจ้าของบ้านคนหนึ่งเสร็จแล้ว ทูนก็ตกงาน ด้วยที่เขาเป็นคนดื่มเหล้าและขาดความรับผิดชอบ ขาดงานบ่อยๆ เมื่อสล่าอ้นรับงานใหม่ เขาจึงไม่ยอมชักชวนให้ทูนมาทำงานอีก ในความโชคร้ายของเย็นที่มีสามีขี้เมาขาดความรับผิดชอบ แต่เธอก็ยังโชคดีที่ลูกสาวทั้งสี่เป็นคนตั้งใจเรียน และสองในสี่คนมีผลการเรียนติดหนึ่งในสิบของระดับจังหวัด ทำให้โรงเรียนสนับสนุนและให้ทุนการเรียน
"อาจารย์จ๊าว ข้าเจ้า.อยากขอคำแนะนำหน่อยว่า แจนเขาจะไปสอบเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย พอดีเขาเลือกเรียนศึกษาศาสตร์อาจารย์คิดว่าดีมั้ย "เย็นใจ มาขอคำปรึกษา
"เด็ก.เขาชอบมั้ยล่ะ ถ้าเขาสนใจสมัครใจและเลือกที่จะเรียน ก็สนับสนุนให้เขาเรียนเลย ผมว่าคณะนี้ก็ดีนะ"ผมพูด
หลังจากเย็นใจ ได้มาขอคำแนะนำแล้ว เธอก็อนุญาตให้แจนเรียน จนจบหลักสูตรหกปี แม้แจนจะได้รับสิทธิกู้ยืมเงินกองทุนเพื่อการศึกษา แต่ด้วยในครอบครัวมีบุตรมาก เกินกว่าที่สองสามีภริยาจะหารายได้จะส่งเสีย เขาจึงจำต้องกู้หนี้ยืมสินจากนายทุนในอัตราดอกเบี้ยสูง สองปีหลังจากที่เย็นได้เข้าทำงาน เธอจึงมีลู่ทางที่จะหาทางนำสามีให้เข้ามาทำงานด้วยอีกคนและนับเป็นจังหวะชีวิตที่ดี เมื่อคนงานคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุจึงมีตำแหน่งว่างลง เย็นซึ่งทราบดีว่าหัวหน้าของเขาเป็นคนเช่นไรจึงได้ดำเนินการจัดซื้อกระเช้าของขวัญมามอบให้ เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนให้สามีของตนได้เข้าทำงาน ที่สุด ทูนก็ได้มาทำงานในแผนกอาคารสถานที่เพราะเขาเคยเป็นลูกมือของช่างไม้มาก่อน จึงสามารถทำงานด้านช่างไม้ได้เป็นอย่างดี การที่สองคนได้ทำงานในมหาวิทยาลัย ทำให้รายได้ของทั้งคู่ดีขึ้น..ลูกๆที่เคยลำบากก็ดูจะมีความสุข เครื่องเขียน อาทิสมุด ปากกา ดินสอและอื่นๆ ที่ใช้เกี่ยวกับการเรียน ลูกๆของเย็นและทูนแทบไม่ต้องซื้อ เนื่องจากอาจารย์บางคน ทราบข้อมูลของชีวิตครอบครัวของเขา ต่างสงสารและเห็นใจจึงหาซื้อให้
“อาจารย์ในคณะฯ ของเรา ช่วยกันสมทบทุนเงิน คนละเล็กละน้อย เพื่อซื้ออุปกรณ์การเรียนให้เย็นนะ รับไว้เถอะ”อาจารย์ ที่เป็นตัวแทนพูดทั้งมอบอุปกรณ์การเรียนให้
“ขอบคุณค่ะ”เย็น พูด
ทูนได้เข้ามาทำงานในช่วงแรกๆเป็นคนขยัน มือไม้อ่อน พูดจาไพเราะทำงานรวดเร็ว จนอาจารย์ส่วนใหญ่ต่างชื่น ชมในความฉับไวและเป็นคนสุภาพ ผมอดที่จะดีใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ทูนเปลี่ยนแปลงมาในทางที่ดี เขางด ดื่มสุราแล้ว ได้หันกลับมาปรองดองและไม่ตบดีภริยาดังอดีตลูกๆในบ้านทุกคนรู้สึกอบอุ่นที่พ่อแม่ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันอีกแล้ว ทุกๆกลางเดือนและต้นเดือน ผมเคยแอบสังเกตว่าเย็นจะมาทำงานสายสืบทราบมาว่าเธอจะแวะไปซื้อหวยใต้ดินที่หัวหน้างาน เย็น.คงอาจมีความฝันกับการเสี่ยงโชคเพราะอย่างน้อยหากโชคดี เธอคงมีเงินรางวัลจากการถูกหวย ไว้เป็นทุนการศึกษาให้ลูกๆ ผมได้ยินคนงานด้วยกันพูดว่าในแต่ละช่วงที่หวยออกเย็นจะแทงหวยงวดละกว่าพันบาท เดือนหนึ่งหมดไปเกือบสามพันเงินเดือนเธอได้รับ7500 บาท มีค่าใช้จ่ายค่ากิน ค่ารถ ค่าวัสดุการเรียนให้ลูกๆ คงไม่พอแน่นอน
แรกๆ ที่ทูนมาทำงานใหม่ๆ เขาสัญญากับหัวหน้างานว่าจะไม่ดื่มเหล้า.แต่ต่อมา เขาก็หวนกลับมาดื่มเหล้าดังเดิม งานการที่เคยรับผิดชอบก็เริ่มเสื่อมถอย .งานที่ทำในช่วงหลังหากไม่มีน้ำมันหล่อลื่น (ให้รางวัล) เขาจะไม่สนใจและจะไปทำงานล่าช้า จนอาจารย์ ส่วนใหญ่ เริ่มเอือมระอา บ่อยครั้งที่เย็นมาบอกเล่าและบ่นถึง ความทุกข์ใจ และอยากลาออกจากงานเพราะถูกอาจารย์หลายๆคนตำหนิว่าทำงานไม่ดีและทำงานไม่สะอาด
"หนูอยากจะลาออกแล้วค่ะ อาจารย์ …หนูถูกอาจารย์เศรษฐพงษ์ตำหนิว่าไม่มาเช็ดทำความสะอาดโต๊ะทำงาน ไม่มาเอาน้ำไปแช่ในตู้เย็น ลำพังหนูเปิดปิดห้อง -หน้าต่าง เช็ดถูห้องเรียนก็เกือบจะไม่ทันอยู่แล้ว " เย็น พูด
"เอาน่า.รับฟังปัญหาเขาและทำให้เขาซะ แล้วดูต่อไปสิว่า เขาจะว่าอะไรมั้ย "ผมพูด ผมบอกให้เย็นลองทำตามนี้ แม้จะมีเสียงตำหนิบ้างแต่ก็ลดลง จริงๆแล้วก็น่าเห็นใจเย็นใจที่เธอต้องมารับผิดชอบดูแลห้องเรียนถึงสี่ชั้น (แบ่งกันคนละฝั่งกับแม่บ้านอีกคน) ฝั่งที่เย็นรับผิดชอบมีห้องพักครูถึงสองห้องจึงต้องเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น
“หนูโดนอาจารย์เศรษฐพงษ์ ด่าอีกแล้วว่า ไม่ทำความสะอาดห้องน้ำห้องพักครู”เย็น มาปรับทุกข์
"หนูทำแล้ว แต่ไม่มีน้ำยาล้าง เนื่องจากรอซื้อ " เธอบอกเล่า ในลักษณะการฟ้อง
ด้วยนิสัยของผม ที่ไม่ชอบการได้เห็นที่ผู้น้อยถูกรังแก จำต้องไปพูด เพื่อบอกให้อาจารย์คนดังกล่าว ได้เข้าใจถึงหัวอกคนงานบ้าง เรื่องนี้ได้ยินไปถึงหัวหน้างานแผนกอาคารฯ จึงมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ โดยย้าย เย็นใจให้ไปทำงานอีกแห่ง และเช่นเดิมเย็นก็ถูกอาจารย์ประจำตึกใหม่ตำหนิการทำงานของเธออีก ผมก็ได้แต่ปลอบใจและบอกให้อดทนเพื่ออนาคตของลูกที่ยังเล่าเรียน
"เย็นต้องอดทน อาจารย์แต่ละคนไม่เหมือนกัน ลองพิจารณาดูว่า สิ่งที่เขาตำหนิ เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า แล้วแก้ไขซะ. หากมีโอกาสจะช่วยพูดให้นะ" ผมพูดด้วยความเห็นใจ และคิดหาแนวทางช่วยเหลือเธอ
"วันเสาร์ -อาทิตย์ ให้ทูนไปดูต้นไม้ในสวน ของผมหน่อยนะ จะให้เหมางาน เพื่อตัดไม้เป็นท่อนๆจะได้ไว้ทำฟืน"ผมบอกกับเย็นเพื่อให้ทูนมีรายได้อีกทางหนึ่ง ผมจึงได้นัดหมาย และให้เขาไปดูงานในสวน
"ค่ะ" เย็นตอบ
หลังพบกับทูนแล้ว เราได้ตกลงราคาเหมาจ่ายเพื่อตัดต้นไม้
"สามพันบาทนะครับ.อาจารย์ "ทูนพูด
"โอเคสามพัน ก็สามพัน"ผมตอบตกลง
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป....
" งานเสร็จแล้วครับ ผมมาขอเบิกตังค์ "ทูนพูด
ทูนมาขอเบิกเงินจากการทำงานเหมาตัดไม้(กระถินยักษ์)ในสวนด้วยความเชื่อใจเขาผมจึงจ่ายเงินไป แต่หลังจากนั้นไม่นานเมื่อผมไปดูงานที่เขาทำปรากฎว่าเขาทำงานสำเร็จไปเพียงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้ผมเกิดความรู้สึกผิดหวังและเจ็บใจในความเสียรู้คนทีเคยไว้วางใจและน่าสงสาร ตลอดระยะเวลาในการทำงานก่อนเกษียณอายุ ผมได้ช่วยแนะนำและช่วยประคับประคองครอบครัวของคนทั้งสอง เพราะรู้สึกเห็นใจและสงสารของครอบครัวของเขา ทุกครั้งที่ได้ผ่านบ้านเย็น ได้เห็นลูกๆของเขานั่งทำการบ้านมีพ่อแม่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกดีใจพ่อที่เคยขี้เหล้า ก็จะพูดจาดีกับแม่ ..บ้านที่เคยเป็นสนามมือเท้าของพ่อก็สงบลง
"ตั้งแต่ทำงานมา คงมีนายทูนนี่แหละ ที่ผมประทับใจเขามากๆ ทูนเป็นคนสุภาพ ช่างเอาอกเอาใจ กับใครๆ ทุกคน เป็นคนว่านอนสอนง่าย ใครเรียกใช้ไม่เคยปริปากบ่น " อาจารย์คนหนึ่งพูด
ผมได้ยินคำพูดด้วยหูตนเอง จึงรู้สึกดีใจแทนทูน…
*********************************************************************************
"น้ำผึ้ง..ครับหัวหน้า ผมเข้าป่าเลยตีผึ้งเอาน้ำผึ้งมาฝากครับ "ทูนพูดกับหัวหน้า ในวันทำงาน ทูนนำน้ำผึ้งที่เขาเพิ่งไปตีมาจากในป่าช่วงวันหยุด หัวหน้าของเขารับไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทูนมักมีอะไรติดมือติดไม้มาฝากหัวหน้าของเขาเสมอ จนกลายเป็นคนโปรดปราน ในจังหวะเดียวกัน ทูนก็ได้ถือโอกาสที่จะขอยืมเงินจากหัวหน้ามาใช้จ่ายในครอบครัว ก่อนหน้านี้ครอบครัวของเย็นและทูนชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่หลังจากที่ทูนเข้ามาทำงานและลูกคนโตเรียนจบ และสมัครสอบบรรจุเป็นครูได้ ชีวิต ครอบครัวเขา จึงลดความเครียดลงได้มาก
***********************************************************
ขณะที่ผมกับเพื่อนมีโอกาสไปงานศพของชาวบ้านในหมู่บ้านในวันนี้ จะมีแขกต่างจังหวัด มารวมงานค่อนข้างมาก ขณะเดินผ่านหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน สายตาได้พบกับชายผู้หนึ่ง ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะเป็นรู้จัก นอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยอาการเมาขาดสติ
"บ่าทูน แหมแล้ว(ไอ้ทูนอีกแล้ว) "ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะเดินผ่าน
"มา. เรามาช่วยกันหามเข้าไปในบ้านผู้ใหญ่ดีกว่า นี่มันนอนกลิ้งจนกางเกงหลุดไปกองกับพื้นน่าอับอายคนต่างบ้านนะ " ผมพูดกับชาวบ้าน พลางช่วยกันประคองร่างเขาเข้าที่ร่มใต้ต้นมะขาม
"ทูนนะทูนนิสัยไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ทำไม ถึงทำใกล้บ้านอย่างนี้ ไม่สงสารลูกๆเลยบ้างหรือ" ผมพูดกับตัวเองเบาๆ พลางมองเขาด้วยความสมเพท
**************************************
เมื่อผมเข้าไปนั่งฟังพระสวดพระอภิธรรมในใจผมก็ครุ่นคิดและนึกภาพถึงทูนและลูกสาวของเขา
.."กรรมเวรแท้ ๆครอบครัวนี้ ทำไมคนเป็นพ่อมันถึงทำได้เยี่ยงนี้" สมาธิที่จะรับฟังพระสวดแทบจะไม่เหลือ..ห้วงเวลาหนึ่ง ผมยังนึกไปถึงลุงคำพ่อของทูนซึ่งผมสนิทค่อนข้างมาก ภาพชายผิวคล้ำ ผอมสูง ลอยขึ้นมา ผมเห็นอิริยาบทของเขาที่แม้จะเป็นคนชอบดื่ม แต่บุคลิกของเขาดูสุภาพ ไม่เอะอะโวยวายเหมือนทูน ที่เมื่อเมาหนักๆก็มักจะโวยวายเที่ยวด่าชาวบ้าน หลายครั้งที่ลุงคำกลับบ้านไม่ไหว ผมกับสล่าอ้นก็จะประคองแกไปส่งจนถึงประตูบ้าน
ช่วงที่ผมเกษียณราชการใหม่ๆได้พบเจอเย็น ที่อาคารอำนวยการ เธอได้ทักทายผม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สอบถามสารทุกข์สุกดิบ ผมสอบถามเธอถึงเรื่อง ความสบายใจในการทำงาน เพราะอดเป็นห่วงเธอที่เคยถูกอาจารย์บางคนรายงานว่ามาทำงานสายและทำงานไม่มีคุณภาพ อันจะส่งผลต่อการถูกประเมินผลให้ออกจากงาน
"หนูปรับตัวได้แล้วค่ะ ใครจะพูดอะไร หนูก็รับฟัง"
บ้านที่ผมพักกับบ้านของเย็นอยู่กันคนละซอย โอกาสพบปะกันแทบจะไม่มี ช่วงเกษียณอายุราชการ ผมจะพบเย็นขี่จักยานยนต์ไปทำงาน แต่หลังจากทูนลาออกจากงานภายในมหาวิทยาลัย เขาก็ได้กลับไปเป็นลูกมือช่างก่อสร้างในเมือง แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าสองคนสามี ภริยาที่ผมเคยคุ้นเคยสนิทสนม เคยช่วยแนะนำเคยช่วยเหลือบ้าง บางเรื่อง กับทำหมางเมิน ทำเป็นคนไม่รู้จักกันมาก่อน ทั้งๆที่เมื่อก่อนทั้งเย็นและทูนเวลาเจอผมเขาจะทักทายพูดคุยกับผมอย่างเป็นกันเอง แต่ระยะหลังเมื่อผมพบกับเธอขณะขับรถสวนทางกัน ..
เย็นทำนิ่งเฉย ..หมางเมิน..จาก หนึ่งครั้ง สองครั้ง สิบครั้ง และทุกวันที่พบ
มันเกิดอะไรขึ้น.. ผมยังหาคำตอบไม่ได้ และคงไม่อยากหาคำตอบ..
ขลุ่ย บ้านข่อย
๒๕/ ๙ / ๖๕
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น