ชีวิตที่จบอย่างน่าสงสาร - ชีวิตที่จบอย่างน่าสงสาร นิยาย ชีวิตที่จบอย่างน่าสงสาร : Dek-D.com - Writer

    ชีวิตที่จบอย่างน่าสงสาร

    ผู้เข้าชมรวม

    95

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    95

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ก.ค. 65 / 14:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

                                                            ชีวิต..ที่ จบอย่างน่าสงสาร 

           พี่เก่ง เป็นเพื่อนร่วมงาน  ที่ผมสนิทมากคนหนึ่ง เมื่อทบทวน ความทรงจำ ครั้งแรกๆ ที่มาทำงาน ร่วมกันใหม่ๆ พอนึกได้ว่าเขาทำงานที่สาขาพืชสวน    บุคลิกของเขาที่เด่น คือ  ผอมเพียว  ผมหยักศก ไว้หนวดจุ๋มจิ๋ม  สูงประมาณ175เซนติเมตร ช่วงที่ผมได้รับมอบหมายให้เป็นคนนำผลิตผล    การเกษตรไปจำหน่ายในที่ต่างๆ  ผมจะได้รับดอกไม้ชนิดต่างๆเช่นกุหลาบ  ดอกกล้วยไม้ เบญจมาศ   หน้าวัว เยอร์บีร่า  ที่พี่แก้ว ใส่กระป๋องพลาสติคนำมาส่งให้ผม   ที่หน้าตึกอำนวยการ ช่วงสามโมงเย็น(ซึ่งผมจะออกเดิน สาย ออกไปขายสินค้า) ตามที่ต่างๆ  ในเมือง และอำเภอรอบนอก   

      “อาจารย์  วันไหน ว่างๆ แวะไปเที่ยวที่บ้านผมหน่อยครับ  “

     “ได้สิ .งั้น ค่ำนี้เลย หลังจากผมจากกลับไปขายของ มา “

     “ดีครับ  ผมจะได้เตรียมเหล้า  พร้อมกับแกล้มไว้  “

     “โอ  ไม่ต้องหรอก   เดี๋ยวผมนำไปเอง  “

                 หลังจากผมตระเวน ขายของจนหกโมงเศษ จึงแวะตลาดอัศวิน เพื่อหาซื้อกับข้าว เพื่อนำมาสมทบบ้านพี่แก้ว   

     “แม่ค้า ขอซื้อหอยแครง โลนึง  ตัวใหญ่ๆ  “

         หลังจากแม่ค้าจัดการชั่งให้เสร็จ ก็ใส่ถุงหิ้วให้ ผมชำระเงินแล้วรับหอยแครงมา จากนั้นก็มาขึ้นรถกลับ  ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถขายผลผลิตก็มาถึงห้องเก็บวัสดุที่เหลือจำหน่าย มันไม่ได้ยุ่งยากอะไร สำหรับคนโสดที่ไม่มีพันธะ  ผมค่อยๆ เดินมาในบ้านพี่เก่ง พร้อมหิ้วถุงหอบแครงตั้งใจ จะลวกไว้เป็นกับแกล้มในมื้อค่ำนี้

      “โอ ..อาจารย์  หิ้วอะไรมาด้วย  น่ะ “

     “ หอยแครง..ไง  ผมว่ามันไม่ยุ่งอะไรเลย .. เดี๋ยวต้มน้ำให้เดือด แล้วลวกสัก 20 วิ นาที ก็ได้กินแล้ว  “

     “เชิญ ..นั่งก่อน  ครับ อาจารย์ “ เจ้าของบ้านพูด 

                                 

       ภายในบ้านพี่เก่ง  ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น ในสภาพที่สร้าง ยังเสร็จไม่สมบูรณ์ดีนัก   ผมมองไปทั่วห้อง.เห็นภาพปฎิทินดารา ติดข้างฝาห้อง   อีกมุม..เห็นเด็กชายวัยเจ็ดขวบ กำลังนั่งทำการบ้าน  อย่างมุ่งมั่น   แสงไฟในบ้านดูจะค่อนข้างมืด   

         “ราม..  สวัสดี อาจารย์  เร็ว “ พี่เก่งบอกลูก     เด็กชาย วางมือ จากการทำการบ้าน แล้วหันมายกมือไหว้ผม  ผมรับไหว้..ตอบ

      “เรียนชั้นไหนแล้วครับ .  หนู” 

      “ป. 1 ครับ “

        เสื่อได้ถูกปู พร้อมนำกับข้าว ที่เจ้าบ้านเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ในขวดสีชาชา มีจุกที่ทำจากใบตองอุดบนคอขวดสุราพื้นถิ่น ที่ตัวแทนของหมู่บ้านคือเจ๊มูล ลูกลุงมา จำหน่าย   เราสองคนนั่งลงบนเสื่อเก่าๆ  ที่สานจากไม้ไผ่  .เจ้าบ้าน ให้เกียรติผม โดยเขาเทสุราเถื่อน ในแก้วเหล้าแก้วเล็ก  ยื่นส่งมาให้ ด้านบนเสื่อ  มีกับแกล้มแบบง่ายๆ  คือต้มส้มปลา  ผัดผักบุ้ง   แค้ปหมูและหอยแครงลวก ที่ผมนำมาสมทบ 

      “จารย์  ดื่มก่อนเลย  “  พี่เก่งพูด

     “เจ้าบ้านอาวุโสกว่า  ต้องดื่มก่อนสิ  “ผมว่า

      “ไม่นะ  ..ผมให้เกียรติ..อาจารย์  “

      “ก็ได้ ..” ผมตอบ

      หลังจากผมยกดื่มเหล้า จนหมดแก้วแล้ว เจ้าบ้านบอกให้ผม ตักกับแกล้มตบท้าย   ผมเล็งไปที่น้ำต้มปลาส้มร้อนๆ   

      “อืม  .อร่อย น่ะพี่  “

      “ตักปลา..หลิมด้วยสิครับ  “

     “ไว้ก่อน  อยากชิม น้ำแกงก่อน   “

     “ผมไปทอดแห ที่ริมเหมือง  เมื่อเย็นนี้เองครับ ได้ปลาตัวเล็กๆ  พอมาทำกินได้มื้อ สองมื้อ  “

     

      “ดีครับ ได้ประหยัดค่าใช้จ่าย   แม่บ้านพี่เก่ง ทำอาชีพอะไร เหรอ “

     “เอาผัก จากสวนไปขาย  อย่างตะไคร้ ขิง ข่า  ใบมะกรูด มะนาว  ผักพื้นบ้าน “

     “เป็นไง คุ้มค่ารถไปกลับ มั้ยล่ะ “

     “หักลบ แล้วก็ยังพอเก็บ ได้บ้าง  “ 

        ภริยาพี่เก่ง เป็นคนขยัน   ทำมาหาเก็บ  ..ผมเคยเห็นเธอมาค้าขา ยที่ตลาดในเมือง    แต่ไม่ทราบว่าเป็นภริยาของพี่เก่ง   สองคนผัวเมียคู่นี้  จริงๆ แล้วก็เป็นญาติห่างๆกัน      คืนนั้น..ผมนั่งคุยกับพี่เก่ง อย่างถูกคอ  บุคลิกที่มองได้คือ  เขาจะมีบุคลิกออกแนวนักเลงลูกทุ่งๆ  คือชอบเล่น  ชอบเที่ยวและชอบดื่ม ออกแนวบู๊  มักจะมีเรื่องมีราว ในบ่อนการพนันที่ไปเล่นเสมอๆ       เขาต้องถูกย้ายงานจากแผนกหนึ่ง พราะไปเถียงกับอาจารย์  เรื่องงานที่ได้รับมอบหมาย จนเกิดความเสียหายขึ้น 

     “ อาจารย์ เขาว่า. ผมอู้งาน มาทำงานสาย และขาดงานบ่อย “ พี่เก่ง  บรรยายฟ้อง

     “มันจริง ดังที่เขาว่า หรือเปล่า  ล่ะ“

     “ก็จริงบ้าง..ครับ  “ เขาตอบ

     “งั้นควรยอมรับและต้องปรับปรุงตัวหน่อยนะ..พี่    เรามาทำงานใหม่ ในแผนกขับรถไถ ก็ดีนี่  ไม่ต้องยุ่งและข้องเกี่ยวกับใคร เขาให้เราทำงาน  ทำเสร็จก็ได้พักผ่อน ”  ผมพูดด้วยความห่วงใย  ซึ่งเขาได้รับฟังด้วยความเต็มใจ    จริงๆ แล้ว การที่ผมจะพูดอะไรกับใคร   ต้องศึกษา ...ถึงวิธีการ และนิสัยของแต่ละคน    จึงรู้ว่าช่วงใดควรพูดไม่ควรพูด  

      “  ครับ มาทำงานขับรถก็ดีไม่หยุมหยิมกับเหล่าบรรดาอาจารย์ผู้หญิง”

             ผมยังข้องแวะไปเที่ยวบ้านพี่เก่ง      ระยะหลังมา ผมไปที่บ้านเขา  แต่... มักไม่ค่อยจะพบ เป็น เพราเขากำลังติดการพนันงอมแงม จนมีปากมีเสียงกับภริยา  และต้องหย่าขาด เลิกกันอย่างถาวร  ...จากนั้น เขาจึงทำเรื่องขอบ้านพักคนงาน  ที่มีห้องว่างข้างศาลเจ้าพ่อ     ที่ห้องพักบ้านคนงานมีสี่ห้อง  คนอยู่ดั้งเดิมคือนายชาติ  นายดำ และนายทวน      

       “คิงไปพักแล้ว   อย่าไปเอะอะ โวยวาย รวมหัวกันกินเหล้ากับนายชาติ  ส่งเสียงรบกวนบ้านอาจารย์ นะ “  ผช. ผู้อำนวยการที่เป็นคนเหนือ พูด

     “ครับ “

      ที่บ้านพักคนงาน  ข้างศาลเจ้าพ่อ .....ในอดีต..ผมมักจะแวะไปกินเหล้ากับพี่ชาติ เป็นเพราะ การกินเหล้ากับคนงาน มันได้ความจริงใจ และไม่ต้องมาเสแสร้งใดๆ   ครอบครัวของนายชาติ ดูจะมีปัญหามากกว่าใครๆ ในคนงานทั้งหมด  ถึงแม้ครอบครัวนี้จะไม่ได้เป็นครอบครัว สาแหรกขาด   แต่ครอบครัว  เขา ก็มีสภาพใกล้เคียง  เพราะตกเย็นมาผัวเมียก็ มานั่ง ช่องสุมกินเหล้า ปล่อยลูกอยู่กินกันเองตามยถากรรม  

       พี่ชาติต้องทำงานหาเลี้ยงชีพคนเดียว  เมียและลูกอีกสา มคือภาระที่หนักไม่น้อย   หากหน่วยงานแห่งนี้ ไม่มีสหกรณ์บริการ  ครอบครัวนี้ตจะต้องตกระกำ ลำบากอย่างแน่แนอน     อาจารย์ในที่ทำงานแห่งนี้  คงมีผมคนเดียว ที่มักจะมาดื่มเหล้ากับคนงาน   เมื่อพี่เก่ง  ได้เข้ามาพักในบ้านพักคนงาน  สมาชิกในวงเหล้า จึงมีเพิ่มขึ้นมาอีกคน   ที่หน้าบ้านพี่ชาติ  ซึ่งมีม้านั่งและมีโต๊ะไม้ที่ทำจากเศษไม้ ที่เหลือจากแผนกช่าง จึงได้ถูกเนรมิต ขึ้น   เพื่อเป็นที่รองรับ สมาคมคนชอบเมา(เหล้า)  ให้มารวมตัว    ปกติสมาชิกขาประจำมี พี่ชาติ  พี่จุล  รปภ   นายดำ  เท่านั้น เมื่อพี่เก่ง  เข้ามาอยู่ในบ้านพักคนงานอีกคน  จึงได้สมาชิกประจำเพิ่ม   ผมมักจะแวะไปนั่งดื่ม กับคนงานที่บ้านหลังนี้ ทุกคนให้เกียรติผมตลอด หากมีอะไรที่จะพอแนะนำในการทำงาน การดำรงชีพได้  ก็จะคอยแนะนำ ให้ 

         ในจำนวนคนงานทั้งหมด  ดูจะมี พี่ชาติเพียงคนเดียว ที่ถูกผู้บริหารเรียกไปตักเตือน และขู่ จะตัดเงินเดือน   แต่เขาก็จะอยู่กับร่องกับรอยได้ไม่นาน  และก็กลับมาทำซ้ำดังเดิม   คนงาน..ที่พักในกลุ่มนี้  มีเพียงนายดำ คนเดียว ที่มีความทะเยอทยานสูง    เขากับภริยา ขยันทำมาหากินวันหยุดนายดำ  ก็ไปรับจ้างขับรถไถ   เขาได้กู้เงิน และนำเงินที่ได้  มาเปิดร้านค้า เพื่อขายของกินของใช้  และเจริญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบัน  

          ปัญหาทีผมประสบอยู่บ่อยๆ  คือเรื่องการขอใช้รถหลวง เพื่อเข้าเมืองนำลูกไปหาหมอ    เนื่องจากคนขับรถพักอยู่ภายนอกและค่อนข้างงอแง ที่ไม่อยากไป   ผมจึงต้องอาศัยพี่เก่ง  และพี่ชาติ ช่วยเป็นโชเฟอร์ขับให้  หากขอใช้รถยนต์ ของราชการ เพื่อเข้าเมือง  แน่นอนว่า  การใช้หลักน้ำพึ่งเรือ และการมีน้ำใจ  เป็นสิ่งจูงใจที่สำคัญ   ดังนั้น.  . เมื่อผมต้องการพึ่งพาให้พี่เก่งหรือ พี่ชาติ ช่วยขับรถให้  ผมต้องมีเงินหรือเหล้า จ่ายเป็นสินน้ำใจให้ผู้ขับรถไปส่งผมในเมือง

     “พี่เก่ง  ช่วยขับรถให้ผมด้วยนะ  ผมขอใช้รถ เพื่อไปคลินิกหมอเด็ก น่ะพอดีลูก  ผมไม่สบาย “

     “ได้ครับอาจารย์   “ พี่เก่งตอบ

          ระยะนี้ ผมกับพี่เก่ง สนิทสนมกันด้วยดี  เขายินดีที่จะขับรถไปส่งให้ที่คลินิค   ก่อนหน้านี้ ผมจะอาศัยให้พี่ชาติ ขับรถให้   แต่..ระยะหลัง ผมเห็นว่า..เขามักจะงอแง และห่วงที่จะตั้งวงเหล้ากับเพื่อนร่วมงาน จนไม่อยาก จะขับ แม้ผมจะไหว้ขอร้องแล้วก็ตาม 

     “พี่ชาติ ผมขอร้องนะ  ลูกผมป่วยน่ะ ขอพึ่งพาหน่อย  ผมตอบแทนค่าเสียเวลา ด้วย  ไม่ใช่ขับรถให้ฟรีๆ นะ “ 

         จริงๆงานนี้เป็นหน้าที่  ที่เขาจะบ่ายเบี่ยงไม่ได้     เพราะถือเป็นงานตามคำสั่งของทางราชการ ที่ได้มอบหมาย  ครั้งหนึ่งที่ผมโกรธเขามากและตัดไมตรี อย่างถาวร คือ เมื่อเขาขับรถไปส่งผมและลูกไปคลินิก  ในขณะที่ฝนตกอย่างรุนแรง  หลังจากเขาส่งผมลงไปหาหมอแล้ว   เขาก็กลับมาดื่มเหล้ากับเพื่อน และทิ้งผมไว้  จนผมต้องเหมารถสองแถวจากในเมืองกลับบ้านพัก 

                              ............................................................................................................................

      “ไอ้ชาติ..นี่แย่มาก  ทำไม ..เขาถึงทำกับอาจารย์ ได้  “ พี่เก่งพูด

     “นั่นสิ  ผมก็จ่ายค่าตอบแทน บวกเหล้าให้ด้วยทุกครั้งเลย  ทำไมเขาทำกับผมได้ก็ไม่รู้ “ผมพูด

                     ระหว่างนั้น..ผมกับพี่เก่ง ไปมาหาสู่ ระหว่างบ้านพัก ของกันและกัน  . ช่วงนี้ ..เขาได้ซื้อรถมือสอง มาขับสองแถว ระหว่างในเวียง   - กิ่วลม  ถือเป็นการหารายได้เสริมอีกทาง เพื่อใช้จ่าย แม้เขาจะหย่าขาดจากภริยาแล้ว ..   แต่เขาก็ยังรับผิดชอบที่จะช่วยส่งเสียลูกชายคนโต ให้ได้รับการศึกษาจนจบระดับชั้นปริญญาตรี    พี่เก่งใช้เวลาช่วงวันหยุด และหลังเวลาราชการขับรถโดยสาร.  เพื่อเสริมรายได้พิเศษ.การที่เขา ชอบกิน เที่ยวเล่น  จึงได้พบสาวม่าย โดยบังเอิญ  สาวม่ายคนนี้ เป็นคนในเมือง ทั้งคู่ได้อยู่ร่วมทุกข์มานานกว่า  5 ปี ..ทั้งคู่ ปักหลักพักที่บ้านพักหลวงหลังนั้น  ฝ่ายหญิง ดูจะเป็นคนขยันทำมาหากิน ทั้งคู่ช่วยหลือกันและ มีความสุข ตามอัตภาพ    ทั้งสองคน เป็นเสมือนเงาของกันและกัน  หลังเลิกงาน พี่เก่งจะช่วยภริยาคนใหม่ ไปขายของประเภทปิ้งย่าง ที่ริมถนน ใกล้ร้านสะดวกซื้อ น้ำจิ้มที่มีรสอร่อย และแปลก ทำให้ของที่ทำขาย ได้กำไรวันละสาม-ห้าร้อยบาท  ที่ไหน มีงานศพพี่เก่งจะตระเวน ไปเล่นการพนัน ส่วนเมียก็จะเอาของไปขาย ได้บ้าง  .เสียบ้าง ตามประสา คอการพนัน 

             ผมเคยไปนั่งดื่มเหล้าที่บ้านพี่เก่ง  ช่วงที่เขาข้าวใหม่ปลามัน   ฝ่ายหญิงดูจะเป็นคนสงบเสงี่ยม  เอาอกเอาใจ ปรนเปรอสามี  ดีเยี่ยม “

      “  เป็นไง. .อาจารย์  เมียผม  “พี่เก่ง ถาม

     “โชคดี แล้วพี่ ยังไงก็ดูแลกัน ไปจนเฒ่าจนแก่ นะ”

     “ครับ  ผมจะดูแล และจะไม่นอกใจเขา “

          ภริยาใหม่ของพี่เก่ง   เป็นคนพูดน้อย ขณะที่ผมนั่งดื่ม เขาก็จะคอยช่วยบริการ และอำนวยความสะดวกให้อย่างดี   ผมคิดว่าคนทั้งสอง คงจะสามารถอยู่ร่วมชีวิตกันไปยาวนาน ทราบว่าทั้งสอง ไม่ค่อยจะมีปากเสียง ทะเลาะกันอย่างคู่พี่ชาติ พี่แช่ม 

       “ดีนะพี่เก่ง ภริยาคนนี้ ไม่ดื่มเหล้า   ไม่เล่นการพนัน ทั้งยังขยันทำมาหากิน  “ ผมพูดกับพี่เก่ง 

             นับแต่ที่พี่เก่ง ได้ภริยาคนนี้   บางสิ่งบางอย่าง เขาก็ได้ปรับตัวดีขึ้น อย่างเช่นการเที่ยวเตร่กลางคืน   แต่...ความเคยชินที่ยังพยายามแก้ไข คือ การเล่นการพนัน   งานราชการที่พี่เก่ง เคยขับรถไถ ก็ถูกให้มารับผิดชอบขับรถ ส่งเจ้าหน้าที่การเงิน ไปประสานงานภายในจังหวัด เนื่องจาก พนักงานขับรถประจำต้องขับออกเดินทางไปต่างจังหวัด บ่อยๆ  เนื่องจากพี่เก่ง เป็นคนตรง เมื่อเจ้าหน้าที่การเงิน ทำอะไรล่าช้า เขาจึงติง และบ่อยครั้ง ที่เหล่าบรรดาอาจารย์ผู้หญิง ขอรถไปเดินซื้อของใช้ส่วนตัว แต่อ้างว่า ขอรถไปราชการ  เมื่อพี่เก่ง เห็นพฤติกรรมเช่นนี้ เขาจึงต่อว่า เหล่าอาจารย์ ที่ชอบดัดจริต. เอาเวลามาเดินกินลมชมวิว    

      “น่ารำคาญจริงๆ นะอาจารย์  “ พี่เก่ง พูด

     “ช่างเขาเถอะ  ไหนๆ   เราเข้ามาในเมือง แล้ว  ก็ให้พวกเขาได้ติดสอยห้อยตาม  ไม่ได้เสียหายอะไร “ผมพูด

      “ไม่รู้..พวกอาจารย์  พวกนี้  ว่างมากหรือไง อาทิตย์นึง ก็จะเข้าเมืองมาซื้อผ้า ซื้อรองเท้า อะไรกันนักกันหนา ดีแต่แต่งตัวอวดโฉม  งานการ งานสอนไม่ต้องสอนกัน “พี่เก่งพูด

                               ที่พี่เก่ง พูดมานั้น..ผมเห็นคล้อยด้วยว่า เป็นจริงทุกประการ      ....  

                           ........................................................................................................

                                                      ขณะผมกับพี่เก่ง  มาทำธุระ ในเมือง 

     “อาจารย์ .ผมขอยืมเงิน สักร้อย..นะ พอดี จะต้องซื้อกับข้าวไปฝากเมีย “  พี่เก่งพูด ขณะเขาขับรถมาส่งผมมาประสานงานราชการในเมือง 

     “เอาสิ...”   ผมตอบ พลางล้วงกระเป๋าเงิน แล้วหยิบธนบัตรใบละร้อยให้

     แม้ผมจะมิได้มีฐานะดี เทียบเท่าอาจารย์คนอื่นๆ  แต่ก็พอจะแบ่งปัน เจียดเงิน ส่วนนี้ให้เขาได้บ้าง 

     “สิ้นเดือน จ่ายให้นะ..”ผมพูด

     “ ครับ”

       สัจจะ.. เป็นเรื่อง ที่จะทำให้ความสัมพันธ์สืบเนื่องต่อไปได้.. หากพี่เก่งพูดตามสัญญาไว้    หลังจากที่เขายืมเงิน ผมไปแล้ว  ระยะหลัง ดูเขาจะ เหินห่างไม่อยากจะพบกับผมอีก  เงินเพียงร้อยเดียว  หากเขาขอผมตรงๆ เสีย  ในวันนั้น มันคงไม่ทำลายความรู้สึกที่เราเคยดีต่อกันเลย 

     “พี่เก่ง  ว่าไง  สิ้นเดือนที่สามแล้ว  “ ผมพูดกับเขา

     “ผมไม่มีจริงๆ “เขาตอบ

     “ทำไมไม่พูดตรงๆ  กับผมล่ะ”ผมพูดทักท้วงกับเขา

               คำตอบคือเขานิ่ง และเดินหนี...จากไป   

     “อย่างนี้ก็มี  เอางี้  พี่บอกตรงๆเลยว่าไม่ใช้คืน  “ผมพูด ด้วยความฉุนเฉียว

     “ใช้. แต่ให้ ผมมีก่อนนะ” เขาตอบ

               ผมคิดแล้วว่า  ..หนี้ครั้งนี้ต้องสูญแน่ๆ    แม้เงินที่ให้ยืมจะไม่มากมาย ....... จึงเริ่มทำใจ 

     “ช่างมัน   เงินแค่นี้ ซื้อใจคน  ยกให้เขาไปเถอะ  หากเจอแล้วทวงถาม  มันคงทำให้เรามองหน้ากันไม่คิด “ ( ผมคิด และเริ่มทำใจ)

     ....................................................................................................

           พี่เก่ง .กับภริยาใหม่ เริ่มไม่เข้าใจกัน  พี่เก่ง..ต้องขายรถสองแถว  จึงไม่มีรายได้เสริม  แม้ภริยาใหม่ที่อยู่ด้วยกันจะไม่มีบุตร  แต่การพนัน ทำให้เขาต้องเป็นคนชักหน้าไม่ถึงหลัง  ผมทราบว่า บางวัน  เมียเขา ต้องไปขอซื้อน้ำซุป จากร้านก๋วยเตี๋ยว และขอถั่วงอกมากินแทนกับข้าว สองผัวเมียเริ่มระหองระแหง  ความรักที่เคยดูดดื่ม กลับเย็นชา จนภริยา ต้องเลิกกับเขาและกลับไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่

     พี่เก่ง .ได้ถูกเปลี่ยนงานจากพนักงานขับรถให้ไปอยู่ประจำ ที่สนามกีฬา   เขาได้รับมอบหมายให้ดูลทำความสะอาด สนามหญ้า เปิดปิดไฟ สนามทุกวัน   แรกๆ  ก็รับผิดชอบ ผู้บริหารเริ่มเบื่อกับการจ้ำจี้จำไชเขา ด้วยเห็นเป็นคนงานเก่าแก่คนหนึ่ง    ได้แต่ตักเตือนๆๆๆๆ 

     “พี่เก่ง   ..หากยัง ทำงานแบบนี้  ผมจะทำบันทึก ให้ออกจากงานนะ “ อาจารย์ คำล้วนบอกเขา

     “ก็ลองทำบันทึกสิ “  พี่เก่ง พูด

     “ทำแน่”อาจารย์คนนั้นตอบ

      “วันไหนผมถูกออกจากงาน  ผมจะกลับมาฆ่า”พี่เก่งพูด

       คำขู่เขาได้ผล ...อาจารย์ที่เอ่ยปาก ว่าจะทำบันทึก ต้องเก็บเรื่องที่จะทำ เข้าลิ้นชักถาวร

      ...................................................................................................

             ในคืนวันหนึ่ง ..เวลาสองทุ่มเศษ   ขณะผมนอนดูข่าวในห้องนอนเวร    “ก่อกๆ “  เสียงเค้าะประตู ดังขึ้น   ผมแง้มประตูออกมา ก็พบพี่เก่ง  ยืนที่เค้าเตอร์ ด้านนอก 

     “มีอะไรครับพี่ “ผมถาม

     “ผมจะขอใช้โทรศัพท์ หน่อย “พี่เก่งตอบ 

     “ได้” 

        ผมเปิดล๊อกโทรศัพท์ ให้เขาใช้  .. จากที่ได้ยินเขาพูดคุย ดูเหมือนเขาสื่อสารถึงภริยา ที่พยายามของ้อคืนดี หลังจากเขาพูดเสร็จ  ดูเหมือนเขาไม่ประสบความสำเร็จ  ในการง้อคืนดี ผมยังคงดูข่าว...ต่อไป

     “อาจารย์  ออกมาคุยกับผมหน่อย “  พี่เก่ง ตะโกน ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ   ผมสันนิษฐานว่าเขาคงจะเมามาก

     “มีธุระอะไรเหรอ  “ผมถาม

     “ผมข้องใจ ว่าทำไม  จารย์ ต้องทวงหนี้ผมด้วย” พี่เก่งพูด

     “จบไปแล้ว   ผมไม่ติดใจอะไรแล้ว  เงินนั้น ผมยกให้พี่ไปแล้ว  ไม่ต้องพูดถึงอีก”

     “ผมยังคาใจ  “

     “เมาแล้ว  กลับไปบ้านเถอะ”

     “ว่าผมเมาเหรอ  อยากมีเรื่องหรือไง  “

     “อ้าว..พาลนี่ ขอร้องนะ  พี่ .. กับอาจารย์คนอื่นพี่ทำได้ แต่อย่ามาทำกับผม นะ  “ผมพูดกับเขา

                                               ผมเดินออกจากห้อง พร้อมเข้าไปหาเขา... 

     “ ผมขอร้อง ให้กลับไปเสียดีๆ อย่าคิดว่า ผมจะกลัวพี่นะ   ผมก็มีมือมีตีนเหมือนพี่  .. พี่ก็รู้นี่   ผมก็พอตัว อย่ามายุ่งกับผม  ขอร้อง  “ผมพูดกับเขา 

         เมื่อผมพูดจบ ..เขาจึงเดินเบี่ยง และกลับไป แต่ยังมีท่าทีฮึดฮัด   ทำท่าจะเอาเรื่อง  ผมพร้อมที่จะรับมือกับเขา  งานนี้ หากมีเรื่อง เขาคงจบอนาคต. .แน่ๆ   

                           ........................................................................................................

             ในโอกาสต่อมา หลังจากเขาพบผมได้เข้ามาขอโทษ   ผมได้ให้อภัยและเตือนเขาไปด้วยความหวังดี 

     “นี่เป็นคนอื่น  พี่แก่ง ต้องถูกรายงานแน่ๆ  อนาคต พี่ต้องดับวูบ” ผมพูด

     “ขอบคุณครับ จากนี้ ผมจะไม่ทำอะไรให้อาจารย์ต้องไม่สบายใจอีก  ผมสำนึกผิดครับ  “เขาพูด

     “ไม่เป็นไร  ผมไม่เคยโกรธพี่  และยังห่วงใยเสมอ  “

         จากนั้นมา เมื่อเขาเจอผม ก็ทักทาย พูดคุยกันปกติ เหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน  และวันหนึ่งที่ผมจัดงานผ้าป้าที่โรงเรียนบ้านาไหม้   พี่เก่ง ได้เดินเข้ามาหาผม  ด้วยใบหน้าสดใส

     “อาจารย์  ผมมา   ขอร่วมทำบุญด้วยสองร้อย “  พี่เก่งพูด

     “พี่เก่ง อย่าทำบุญให้เกินกำลังของตนสิ”ผมพูด

     “  ผมถูกหวย น่ะ  ร้อยบาทนี้  ผมเคยเป็นหนี้อาจารย์ และอีกร้อย   ที่ผมตั้งใจทำบุญ   ผมฝากด้วย ”เขาพูด

      “เอาไปให้ประธานชมรม ก็แล้วกัน “ผมพูด

       “ครับ “

           ข่าวเรื่อง พี่แก้วถูกหวย ทุกคนภายในที่ทำงาน รู้กันทั่ว ดูเขาจะมีความสุข จากนั้นภริยาเขาก็กลับมาคืนดีดังเดิม พี่เก่งยังคงหมกมุ่นกับ การพนัน และเล่นการพนันจนหมดตัว เป็นหนี้ เป็นสิน เขาเริ่มลักเล็กขโมยน้อย ฝาท่อน้ำ รอบโรงอาหาร เริ่มหายไปทีละอันสองอันและจนเกือบหมด   สายเคเบิล สายไฟชนิดพิเศษ  ราคา แพง ถูกลักตัด ไปขาย  จนในที่สุด เขาถูกให้ออกจากงานก่อนเกษียณ เพียงสองปี     ด้วยความสงสาร..จากหน่วยงาน  จึงให้เขาสมัครลาออกดีกว่า จะมีคำสั่งปลดออก เพราะเป็นความผิดวินัยร้ายแรง   ผมไม่ทราบข่าวเรื่องของเขาอีกเลย จนมาทราบภายหลังว่า       

       “อาจารย์ ไม่รู้หรอกหรือว่าพี่แก้ว ตายไปเมื่อ ปีที่แล้วนี่เอง  “เพื่อนร่วมงานพูด

      “เป็นอะไรตายหรือ “  ผมซักต่อ

     “ แกติดคุก   เพราะมีเรื่อง เกี่ยวกับคดี ลักทรัพย์ ไง”

       “อ้าว แล้วทำไม  ตายล่ะ “  ผมถาม

     “ก็ถูกนักโทษด้วยกัน  รุมกระทืบ จนตายน่ะสิ “

      “น่า สงสาร..นะ  “ผมพูด

     “ใช่  แก เสียคน  เพราะการพนันจริง ๆ...  จริงๆ แกก็เป็นคนดี  ใจสปอตนะ  ศพแก ไม่มีใครมาดูแล  เรือนจำ จึงต้องทำพิธีกรรม ตลอดงานให้ 

     ”ผมไม่รู้ข่าวแกเลยจริงๆ  หากรู้ ..ผมคงไปร่วมส่งดว วิญญาญแก “

     “แกไปดีแล้ว  ล่ะอาจารย์  “ คนงานพูด

     

                                                (๑๔ เม.ย  ๒๕๖๕)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×