Becuase of love - Becuase of love นิยาย Becuase of love : Dek-D.com - Writer

    Becuase of love

    นิยายเรื่องแรกที่เขียนขึ้นมาจากความรู้สึกเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่ง ฝากคอมเม้นท์กันด้วยนะคะ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    52

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    52

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 มิ.ย. 55 / 19:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    คำนำ
    ฉันเขียนเรื่องนี้ขึ้นจากคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียว
    คุณอาจเป็นแค่คนหนึ่งคนบนโลกใบนี้ แต่สำหรับใครคนหนึ่ง คุณอาจเป็นโลกทั้งใบของเขา
    ฉันเลือกมุกเป็นตัวแทนของความรักในมุมเล็กๆนี้ สำหรับคนที่มีเติบโตมาอย่างอบอุ่นอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกของมุกเท่าไหร่นัก เด็กสาวที่ขาดๆเกินๆมาตลอดชีวิต ไม่แปลกนักที่เมื่อเธอพบใครบางคนที่เติมเต็มในส่วนที่เธอต้องการเธอจะมองเขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตและยอมทุกอย่างเพียงเพื่อไม่ให้สูญเสียเขาไป
    ก่อนที่คุณจะอ่านเรื่องราวต่อไปนี้ สามสิ่งที่คุณต้องทำ ลบอคติ เปิดใจ และรับฟัง ไม่แน่นักว่าความรักเช่นนี้อาจจะกำลังเกิดขึ้น ณ มุมเล็กๆที่ไหนสักแห่งรอบๆตัวคุณก็เป็นได้
                                                                ขอให้ความรักที่สวยงามสถิตอยู่กับคุณทุกคนค่ะ
                                                                                                    With Love
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “เราเลิกกันเถอะมุก”
      คำพูดง่ายๆ แต่กลับยากเย็นในความรู้สึกของคนที่ได้ฟัง น้ำตาเม็ดโตร่วงลงบนตัก ‘มุก’ทำได้เพียงก้มหน้ามองสองมือตัวเองที่บีบกันแน่นเล็บเรียวยาวจิกฝังลงบนผิวสีเปลือกไข่สร้างรอยแดงลึกไว้เด่นชัด แต่ความเจ็บปวดคงเทียบกันไม่ได้กับสิ่งที่ใจเธอกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้แม้แต่น้อย
      “มันสายไปแล้วหรือเปล่าคะพี่เต้” เสียงแผ่วรอดริมฝีปากบางดังขาดๆหายๆ เต้ทำเสียงรำคาญในลำคอ เขาไม่ชอบเลยกับท่าทีเหมือนลูกนกบาดเจ็บของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนผิดอยู่แต่เพียงผู้เดียว
      “แล้วมุกจะให้พี่ทำยังไง เรื่องของเรามันผิดมุกก็รู้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่พยายามทำดีที่สุดแล้วทั้งกับมุกแล้วก็กับเขาคนนั้น แต่กับมุกพี่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ มุกก็รู้” ยิ่งพูดไหล่เล็กของหญิงสาวกลับยิ่งสั่นเธอเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้โดยไร้เสียง สร้างความหงุดหงิดให้คนอารมณ์ร้อนอย่างเขามากขึ้น ข้างนอกฝนก็ตกหนัก มันยากไม่ใช่น้อยเลยกับการต้องประคองอารมณ์ และควบคุมสติให้ขับรถฝ่าฝนในยามค่ำคืนไปได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน
      “มันสายไปแล้วค่ะ พี่เต้ มันสายไปแล้ว มุกเลิกกับพี่ไม่ได้ ถ้าพี่อยากให้มุกไปจากชีวิตพี่ มีทางเดียว พี่ฆ่ามุกเถอะ ไม่มีพี่ชีวิตมุกก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมอีกแล้ว” งี่เง่า ทำไมผู้หญิงคนนี้มันงี่เง่าขนาดนี้ เขาไม่น่าหลวมตัวไปยุ่งกับเธอเลยจริงๆ ความหงุดหงิดทำให้เต้ไม่อาจมีสมาธิพอขับรถต่อไปได้ เขาหักรถลงจอดข้างทางอย่างหัวเสีย มุกเบิ่งตาโตด้วยความตกใจ เขาจอดรถข้างทางคิดเพียงอย่างเดียวคือต้องหาทางจบเรื่องนี้ให้ได้ ชายหนุ่มกำลังจะแต่งงานกับแฟนที่คบกันมากว่า3ปี ผู้หญิงที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ตัวคั่นเวลาที่เป็นเพียงลูกกำพร้าไร้อนาคตอย่างเด็กสาวชื่อมุกที่กำลังร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตายในขณะนี้
      “มุกจะให้พี่ทำยังไง” เขาถามเสียงเรียบ
      “ไม่ต้องทำยังไง เราก็แค่เป็นเหมือนเดิม มุกไม่ได้ต้องการครอบครองพี่ มุกแค่อยากอยู่ข้างๆพี่ในฐานะอะไรก็ได้ แต่อย่าให้มุกออกจากชีวิตพี่เลยนะคะ นะคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอนเขา แต่คนที่หมดรักแล้ว ต่อให้เอาเทวดาหน้าไหนมารั้ง สุดท้ายเขาก็จะไป
      “แต่พี่กำลังจะแต่งงาน มุกเข้าใจไหม พี่กำลังจะแต่งงานกับเขามุกได้ยินไหม ถ้ามุกรักพี่จริงๆมุกต้องปล่อยพี่ไปสิ ถ้ามุกบอกว่าจะทำในสิ่งที่เป็นความสุขของพี่ เราต้องจบมุกเข้าใจไหม”เขาขึ้นเสียงอย่างเหลืออด หญิงสาวกรีดร้องอย่างคนเสียสติ
      “ม่ายยยยยยย พี่เต้นั่นแหล่ะที่ไม่เข้าใจ ทำไมล่ะ วันที่มุกต้องการจบและเดินออกไปจากชีวิตพี่แล้ว พี่เต้กลับมาทำไม พี่กลับมาหามุกอีกทำไม พี่ทำไมไม่ปล่อยให้มุกไปตั้งแต่ตอนนั้น พี่ขอร้องให้มุกอยู่กับพี่แล้วพอตอนนี้พี่จะมาไล่มุกไป พี่เต้ใจร้าย พี่เต้ใจร้าย” พูดจบมุกปล่อยโฮลั่นรถ ใช่สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง มันทำให้เขาเถียงไม่ออก ชายหนุ่มกำหมัดกระแทกพวงมาลัย แตรรถส่งเสียงกรีดร้อง ฝนฟ้าก็โหมกระหน่ำราวกับร้องไห้ไปพร้อมๆกับหญิงสาวผู้น่าสงสาร
      เนิ่นนาน เต้เงียบฟังร่างบางร้องไห้สะอื้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คนกำลังจะมีความสุขคงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังจะสูญเสียสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปหรอก หงุดหงิดเป็นบ้า ชายหนุ่มคิด เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับความผิดที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นอีกแล้ว เต้เปิดประตูลงจากรถทั้งๆที่เม็ดฝนยังพรั่งพรูลงมา
      มุกเห็นดังนั้น ความกลัวสูญเสียและเป็นห่วงคนรักทำให้เธอลงจากรถตามเขาไป หญิงสาวตะโกนเรียกชื่อเขาแข่งกับสายฝน แต่เต้ไม่หันกลับไปมอง เธอวิ่งอย่างยากลำบากพยายามฉุดแขนเขาเอาไว้
      “ฝนยังตกอยู่เลย พี่เต้จะไปไหนคะ”
      “เบื่อ รำคาญคนพูดไม่รู้เรื่อง พี่จะไปปล่อย”
      “พี่เต้ แต่ฝนมันตกอยู่นะคะกลับไปที่รถเถอะอันตราย มุกจะไม่ร้องไห้แล้วนะคะนะคะ มุกสัญญา”
      “ปล่อย” เขาแกะมือหญิงสาวออก พลางเดินต่อไปโดยไม่สนใจมือเล็กๆที่พยายามฉุดรั้งเขาไว้ด้วยความห่วงใย เขาในตอนนี้ไม่มีสติพอจะมองเห็นรถบรรทุกคันใหญ่ที่แล่นฝ่าฝนมาด้วยความเร็วสูงและกำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของคนทั้งคู่
      เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเสี้ยววินาที ชายหนุ่มรู้เพียงร่างของเขาถูกผลักกลิ้งตกลงบนไหล่ทาง ท่ามกลางเสียงฝน เขาได้ยินเสียงของหญิงที่เคยรักตะโกนเรียกชื่อเขาก่อนจะกลายเป็นเสียงโครมใหญ่เสียงอะไรหนักๆตกกระทบพื้น ตามมาด้วยเสียงรถใหญ่เบรก แล้วจบลงที่เสียงรถขับออกไปด้วยความรีบร้อน
      เขาตั้งสติ พาร่างตัวเองตะเกียกตะกายปีนขึ้นมาบนท้องถนนแต่ทำไม่ได้ง่ายนัก เพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้พื้นดินทั้งลื่นและเฉอะแฉะไปด้วยโคลนทั้งหมด แต่เขาไม่สนใจแล้ว แม้จะอยากจบความสัมพันธ์ครั้งนี้แค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการให้มันจบแบบที่มุกบอกจริงๆ ในใจเขาหวังว่าจะเห็นมุกนั่งกอดเข่าร้องไห้ด้วยความตกใจอยู่ริมถนน ใช่ถ้ามันเป็นแบบนั้นเขาจะกอดและปลอบโยนเธอเหมือนเช่นทุกๆครั้งที่เขาทำ
      แต่ทว่า สิ่งที่รอเขาอยู่ตรงหน้า กลับเป็นเพียงร่างกายแหลกละเอียดของหญิงสาวผู้โชคร้าย ร่างบางนอนจมกองเลือดสีจางท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย เจ็บ แค่หายใจก็ร้าวไปหมดทั้งตัว แต่หญิงสาวก็ยังพยายามร้องเรียกหาชายคนรัก เธอได้เพียงลิ้มรสคาวเค็มของเลือดเท่านั้น มุกพยายามจะยันตัวขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล สิ่งเดียวที่เธอทำได้ คือภาวนาขอแค่ให้เขาปลอดภัยเท่านั้นพอ บางทีเป็นแบบนี้อาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะพี่เต้จะได้แต่งงานอย่างมีความสุข และเธอเองก็ไม่ต้องทนแบกรับความเจ็บปวดในวันที่ไม่มีเขาอีกต่อไป
      “มุก” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอ สองมือโอบประคองช้อนร่างที่หายใจรวยรินราวกับจะหยุดลงในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาเรียกชื่อเธอซ้ำๆ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาแม้เพียงน้อย เขาเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่จะต้องสูญเสียมันเป็นยังไง
      “มุก มุกต้องไม่เป็นอะไรนะครับ พี่จะพามุกไปหาหมอนะ อย่าไปจากพี่นะมุก พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มร้องไห้ เขาแนบหน้าที่มีแต่บาดแผลลงกับอก มันจะต้องไม่เป็นแบบนี้ เขาไม่ต้องการสูญเสียเธอไปแบบนี้
      “มุกครับ กลับมานะ พี่จะไม่ทิ้งมุกไปแล้วนะ กลับมาอยู่กับพี่นะคนดี เราจะเริ่มกันใหม่นะมุก มันต้องไม่เป็นแบบนี้ พี่ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ มุกต้องไม่เป็นอะไรได้ยินไหม” หญิงสาวอยากจะตะโกนบอกเขาเหลือเกินว่าเธอได้ยินและเธอเองก็ไม่ได้ต้องการจะจากเขาไปตลอดกาลเช่นกัน
       “มุก ทำใจดีๆไว้นะ พี่จะพามุกไปรพ.นะ พี่รู้มุกเจ็บแต่อดทนไว้นะครับ เดี๋ยวก็หายแล้วนะ” เขาพยายามประคองร่างของมุกไปที่รถ ปากร้องเรียกชื่อของเธอใจก็ได้แต่สวดภาวนาให้เธอไม่ทิ้งเขาไป
      เขาค่อยๆวางร่างเธอที่เบาะหลังอย่างแผ่วเบา รู้เพียงอย่างเดียวต้องพาเธอไปรพ.ให้เร็วที่สุด ด้วยความรีบร้อนทำให้เขามองไม่เห็นรถกะบะที่วิ่งผิดเลนและพุ่งตรงใส่ร่างของเขาด้วยความเร็วสูงเช่นกัน

      “หนังเรื่องนี้ซึ้งมากเลยนะเต้ เกดร้องไห้เลย” ปากอวบอิ่มได้รูปพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย แต่เต้กลับไม่มีสมาธิพอที่จะฟัง ใจเขาจดจ่อกับโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงไม่ยอมหยุดมาได้สักพักแล้ว จนมันหยุดไปเองนั่นแหล่ะเขาถึงได้มีกะจิตกะใจพอลิ้มรสไอศกรีมรัมเรซิ่นและพูดคุยถึงหนังเรื่องที่เพิ่งดูจบไปกับคนตรงหน้า
      กลับถึงบ้านเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอฟ้องชื่อ‘มุก’โทรหาเขาถึงสี่สายและอีกหนึ่งข้อความ
      ‘ทำไมพี่ถึงไม่รับโทรศัพท์มุกเลยคะมุกทำอะไรผิดเหรอ หรือเบื่อกันแล้วบอกมุกดีๆสักคำได้ไหมคะ’
      เต้ปิดโทรศัพท์แล้วโยนมันลงบนเตียงก่อนทิ้งตัวตามลงไป สองสัปดาห์แล้วที่เขาไม่คุยกับมุกอีกเลย ไม่ใช่เพราะเธอทำอะไรผิดหรอก แต่เพราะเขาเองต่างหากที่กำลังรู้สึกผิดอย่างรุนแรง เขาเปิดอ่านข้อความของสองวันก่อนที่หญิงสาวส่งมาแล้วถอนใจ เธอเอาแต่เฝ้าขอให้เขาเอ่ยคำลาที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงให้เธอไม่ได้ทั้งๆที่เขาคิดว่าเขาไม่ได้รักเธอเลย
      เขาเป็นแฟนกับเกดมาได้สามปีแล้ว ส่วนมุก เธอก้าวเข้ามาในชีวิตเขาในฐานะของเพื่อนรุ่นน้องในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แต่ไม่รู้เพราะอะไรที่มันทำให้เธอกลายมาเป็นมากกว่าเพื่อน หรืออย่างน้อยๆก็ในความคิดของเธอ ว่าเขาเป็นมากกว่าเพื่อนรุ่นพี่ธรรมดา
      ไม่รู้ทำไม ทั้งๆที่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่เขาก็ตัดเด็กสาวที่เอาแต่ร้องไห้และนิสัยไม่ดีคนนี้ออกจากชีวิตไม่ได้สักที อาจจะเพราะสงสาร หรือไม่ก็แค่เสียดาย แต่ผู้หญิงอย่างมุกไม่มีค่าพอให้เขาเสียดายด้วยซ้ำไป คนอย่างเขามีผู้หญิงดีๆเข้ามาให้เลือกได้ไม่เว้นแต่ละวัน จะไปเสียดายอะไรกับแค่เด็กสาวไร้อนาคตคนหนึ่ง
      มุกเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก มีเพียงยายที่เลี้ยงดูเธอ เด็กสาวโตมาอย่างแร้นแค้น เธอขาดทุกอย่างทั้งทรัพย์สินและความรัก แต่เป็นเรื่องน่าแปลกที่เธอมีความรักให้กับคนและสิ่งรอบข้างตัวเธอได้เสมอ อาจเป็นเพราะแบบนี้ก็ได้ที่ทำให้เขาสนใจเด็กสาวขาดๆคนนี้
      มุกเรียนจบและทำงานในบริษัทเอกชนเล็กๆแห่งหนึ่ง เธอเป็นเพียงฟันเฟืองตัวเล็กๆเท่านั้นบนโลกใบนี้ ไม่ได้โดดเด่นและเป็นคนพิเศษอะไร เด็กสาวเพียงทำงานหาเลี้ยงตัวเองและยายไปวันๆ ข้อดีของมุกคือเป็นคนอดทนเก่งเพียงเท่านั้น หญิงสาวไม่มีอะไรดีสักอย่างและแน่นอน เต้ยังคงยืนยันว่าเขาไม่ได้รักเธอ แต่จะจบความสัมพันธ์นี้ได้ยังไงเขาเองก็ยังหาทางออกไม่ได้อยู่ดี

      มือเล็กๆปล่อยโทรศัพท์หล่นลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวใช้สองมือปิดหน้ากลั้นเสียงร้องไห้ไม่ให้ดังลอดผนังห้องบางๆออกไปให้ยายที่อยู่อีกห้องได้ยิน
      สองอาทิตย์แล้วที่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์เธอเลย ไม่รู้เพราะอะไร จะบอกว่าไม่รู้เลยก็ไม่ได้ ลึกๆแล้วมุกรู้ดี เต้ไม่มีใจเหลือให้เธออีกแล้วแม้แต่น้อย แต่สิ่งเดียวที่เธออยากได้คือคำร่ำลาจากปากของชายอันเป็นที่รักสักครั้ง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยเลยที่เขาจะพูดอะไรออกมาให้ชัดเจน
      เกือบสามปีแล้วที่เป็นแบบนี้ เธอรู้ว่ามันผิด แต่มุกก็รักพี่เต้มากกว่าที่จะยอมจากไปเอง แค่สักครั้งเธออยากให้เขาบอกความจริงกับเธอสักครั้ง ว่าไม่ได้รักเธอและต้องการให้เธอจากไป
      ‘ทำไมพี่ถึงไม่รับโทรศัพท์มุกเลยคะมุกทำอะไรผิดเหรอ หรือเบื่อกันแล้วบอกมุกดีๆสักคำได้ไหมคะ’
      หญิงสาวพิมพ์ข้อความด้วยมือที่สั่นเทา กดส่งและทิ้งตัวนอนร้องไห้ไปอีกทั้งคืน

      ‘อรุณสวัสดิ์ค่ะคนดี เช้านี้ทานอะไรบ้างยังคะ’ เต้แทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งทันทีที่ตื่นมาในตอนเช้า เมื่อนานมาแล้วเขาเคยมีความสุขกับความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆของมุก แต่ทุกวันนี้เขาอึดอัดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่หญิงสาวได้ทำ อย่างว่าแรกรักบอระเพ็ดยังว่าหวาน พอหมดรักแม้แต่น้ำตาลก็ยังขมมันเป็นความจริงที่ยิ่งกว่าจริงเสียอีก
      “ครับเกด ใช่ๆ รออยู่ที่เดิมแหล่ะ หน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วนะ ได้ครับแล้วเจอกันครับที่รัก” เต้เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงพลางเดินฮัมเพลงดูนู่นนี่อย่างสบายอารมณ์ ช่วงนี้ช่างมีความสุข เขากับเกดเจอกันทุกวันดูหนังกินข้าวอย่างที่คู่รักคนอื่นเขาทำกัน แต่แล้วความสุขก็สะดุด เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่คุ้นตา เขาแทบอยากจะวิ่งหนีเธอไปให้ไกล เพราะเมื่อตอนสายมุกส่งข้อความมาชวนเขาไปกินข้าว แต่เขาปฏิเสธโดยอ้างว่ามีงาน แต่มันก็ช้าไปเสียแล้วเพราะเธอเห็นเขาแล้วและกำลังเดินเข้ามาเสียด้วย
      “พี่เต้” หญิงสาวตะโกนเรียกเขาอย่างดีใจ เธอวิ่งเข้ามาเหมือนเด็กๆ ซึ่งใครหลายคนอาจจะมองว่าเป็นความร่าเริงสดใส แต่สำหรับเขาแล้วมุกเป็นเหมือนเด็กสาวที่ไม่ยอมโต เธอทำทุกอย่างเหมือนเด็กที่ไร้การอบรมซะมากกว่า
      “พี่เต้มาที่นี่ได้ไงคะ ทำงานเสร็จแล้วเหรอ” รอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้เขานั้นไม่รู้ทำไมมันช่างเสียดแทงราวกับมีดนับร้อยเล่มพุ่งเข้าปักหัวใจ
      “อือ งานเสร็จแล้ว แล้วมุกล่ะมาได้ไง มากับใคร” มุกยิ้มให้อย่างร่าเริงเธอชูสองมือที่หิ้วข้าวของพะรุงพะรังให้เขาดู เขามองตามและถามกลับด้วยสายตา
      “มาซื้อของให้พี่เต้ค่ะ ผ้าตัดเสื้อของขวัญวันเกิดพี่ไง” เต้พูดไม่ออกเขาได้แต่มองหน้าเธอสลับกับของที่อยู่ในมือ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่น เกดโทรเข้ามาพอดี เธอคงมาถึงแล้ว เขาได้แต่อึกอักกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ถ้าเกดเจอมุกเรื่องคงไม่จบลงง่ายๆเป็นแน่
      “พี่เต้คงไม่สะดวก งั้นมุกไปก่อนนะคะ เอาไว้พี่พอมีเวลาแล้วไปกินข้าวกับมุกบ้างนะ” พูดจบเธอหันหลังเดินจากไปแทบจะในทันที เต้เหมือนยกภูเขาสิบลูกออกจากอก ซึ่งหากเขาสังเกตสักนิดน่าจะได้เห็นน้ำตาที่ร่วงลงจากสองตาใสคู่นั้น

      ‘อรุณสวัสดิ์ค่ะคนดี เช้านี้ทานอะไรบ้างยังคะ’ มุกส่งข้อความไปทักทายเต้เหมือนเช่นที่เคยทำมาตลอดสามปี เธอรู้ดีว่าตอนนี้ มันมีแต่จะสร้างความรำคาญให้กับเขามากขึ้นๆ แต่เธอก็ยังคงทำเหมือนเช่นเคยที่ผ่านมา
      เพราะนี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำได้ เธอทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ได้อีกแล้ว
      สายๆส่งข้อความชวนเขาไปกินข้าวตอนเย็นด้วย ทั้งๆที่เธอรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจแล้ว แต่ก็ยังคงอยากชวนเพราะเศษตะกอนความหวังเล็กๆ แต่แล้วปาฏิหาริย์มันก็ไม่มี คำตอบที่ได้มันไม่ต่างกับที่ใจเธอรู้อยู่แล้ว
      ตอนเย็น มุกไปเดินเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้เต้แม้รู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการมันแต่เธอก็อยากที่จะให้อยู่ดี เต้คงไม่เข้าใจหรอกว่าเธอดีใจแค่ไหนที่เจอเขา แม้รู้แก่ใจว่าเขามาทำไมและมากับใครก็ตาม
      ตอนแรกมุกตั้งใจเพียงอยากยืนมองเขาอยู่ไกลๆตรงนี้ แต่เขากลับหันมาเห็นเธอซะก่อน แค่เห็นแววตาเขามุกก็รู้แล้วล่ะว่าเขาไม่ต้องการให้เธอเข้าไป แต่มุกก็ยังคงเป็นมุก เธอพยายามยิ้มอย่างร่าเริงวิ่งเข้าไปทักทาย แม้ในใจเจ็บปวดราวเข็มนับหมื่นนับพันทิ่มแทงก็ตาม

      เต้ยอมรับเลยว่าวันนี้เขาไม่มีสมาธิเพียงพอกับการทำอะไรทั้งนั้น การเจอมุกโดยบังเอิญทำให้เขากระวนกระวาย ไม่มีใครรู้ว่าวันไหนที่โลกจะหมุนให้เขาทั้งสามคนได้เจอกัน เขาต้องรีบจบความสัมพันธ์นี้ให้ได้โดยเร็วก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

      ‘เสาร์อาทิตย์นี้พี่ว่าง มุกยังอยากไปเที่ยวน้ำตกอยู่ไหม?’ มุกแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อตื่นมาพบข้อความที่เต้ส่งมาในเช้าวันที่ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตา หญิงสาวตอบกลับในทันที ไม่ต้องคิดไม่ต้องรออะไรทั้งนั้น พี่เต้เคยบอกว่าจะพามุกไปค้างที่น้ำตกมานานมากแล้ว จนเธอถอดใจคิดว่ามันคงจะไม่มีวันนั้นเสียแล้วด้วยซ้ำไป
      หญิงสาวลิงโลด เธอเก็บกระเป๋าตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อราวกับเด็กเล็กๆ ภาวนาว่าอย่าได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้จะชาชินกับความผิดหวังแต่เธอก็ไม่เคยทำใจยอมรับมันได้สักครั้ง

      เต้ขับรถมารับเธอในยามเช้าของวันเสาร์ อากาศสดใสเหมือนจะเป็นใจให้เธอเหลือเกิน
      “ยายจ๋า มุกไปก่อนนะ มุกไม่อยู่เดี๋ยวน้าแพรวจะมาอยู่กับยายแทนนะ มุกรักยายนะคะ”
      หญิงชรากอดหลานสาวด้วยความไม่สบายใจ สังหรณ์ใจว่าหลานรักคนนี้คงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก ใจอยากจะออกปากห้ามไม่ให้ไป แต่พอเห็นสีหน้าดีใจของผู้เป็นหลานนางก็ทำได้แต่เก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ
      “เราจะไปไหนกันดีคะพี่เต้”
      “ไปทุกที่ๆมุกอยากไปไง สองวันนี้พี่ให้เวลามุกเต็มที่เลย จะตามใจมุกทุกอย่างดีไหม มุกอยากไปที่ไหนก่อนล่ะ บอกพี่มาได้เลย”
      “มุกไปได้ทุกที่ ที่มีพี่เต้ไปกับมุกค่ะ” พูดจบหญิงสาวคล้องแขนตัวเองกับชายคนรัก เธอซบหน้าแนบต้นแขนเขาภาวนาว่าให้นี่เป็นความจริงไม่ใช่เพียงความฝัน
      เต้พามุกมาค้างที่น้ำตกแห่งหนึ่งแถวเมืองกาญจนบุรี เพราะเคยคุยกันไว้เมือนานมากแล้ว หญิงสาวสนุกกับการได้กางเต็นท์นอนกลางป่า แต่เต้ไม่ชอบ เขาไม่ชอบความลำบากทุกชนิดผิดกับมุกที่ชื่นชอบการผจญภัยทุกรูปแบบราวกับเด็กๆ
      มุกใช้เวลาทั้งวันไปกับการเดินป่า เล่นน้ำตกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หญิงสาวเลือกซื้อปลาสดจากชาวบ้านละแวกนั้นทำอาหารง่ายๆอย่างต้มยำปลาเป็นอาหารเย็นให้เต้ เธอตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่เอาใจเขาสารพัด แม้จะอึดอัดแต่เต้ก็ยังทำเป็นมีความสุขไปกับการเอาใจนั้น
      “พี่เต้ไม่อาบน้ำเหรอคะ เดี๋ยวดึกแล้วอากาศเย็นจะไม่สบายเอานะ”
      “ไม่ล่ะ ขี้เกียจ อาบเช้าทีเดียวดีกว่า”
      “เหม็นแย่ เดี๋ยวน้องก็เน่าหรอกค่ะ”
      “คืนเดียว ไม่เน่าหรอก เหม็นก็อย่ามาใกล้สิ ไม่ได้บอกให้มานอนด้วยซะหน่อย” มุกหัวเราะเล็กๆ นี่ต่อปากต่อคำเก่งแบบนี้นี่ต่างหากพี่เต้ที่เธอรู้จักและหลงรักเสมอมา หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้เขา เธอทิ้งตัวลงนอนซบแผ่นอกกว้างอย่างไม่มีทีท่ารังเกียจใดๆ
      “ไม่ให้นอนก็จะนอนค่ะ” หญิงสาวทำจมูกฟุดฟิดราวกระต่าย
      “ว้า เหม็นจัง แต่ไม่เป็นไรหรอกเหม็นยังไงก็รัก จะนอนกอดทั้งคืนให้ดู” เต้หัวเราะ มุกเองก็หัวเราะ เธอรู้สึกราวกับเวลาได้หมุนย้อนคืนกลับมา ช่วงเวลาที่เคยอบอวลไปด้วยความสุขได้หวนคืนกลับมาแล้ว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่คนทั้งคู่ไม่ได้หัวเราะร่วมกันแบบนี้
      เต้เอื้อมมือลูบไล้เรือนผมนุ่มเบาๆ บางทีเขาอาจจะหลงรักมุกที่เธอเป็นแบบนี้ แต่เพราะความรู้สึกผิดหรืออะไรหลายๆอย่างก็ตามทำให้เขาปฏิเสธมันมาตลอด บางทีหากเขาเจอมุกก่อนเกด หรือหากเขาไม่มีเกด เขาอาจจะกล้ายอมรับกับหัวใจตัวเองก็ได้ว่าเขารักมุกแม้เธอไม่ดีพอ และคนทั้งคู่ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยก็ตาม
      “ถามจริงๆ เหม็นไหม พี่จะไปอาบน้ำก็ได้”
      “ไม่หรอกค่ะ แต่ไปอาบก็ดีนะ น้องชายพี่เต้จะได้ไม่เน่า” พูดจบหญิงสาวหัวเราะคิก เต้ลุกขึ้นมองเธอด้วยความหมั่นไส้
      “ปากดีนักนะเรา” พูดไม่พูดเปล่า เต้ใช้สองมือจี้เอวบางจนมุกหัวเราะลั่น เขาเองก็หัวเราะสนุกที่ได้แกล้งคนตรงหน้า มุกหัวเราะจนเหนื่อยแต่เต้ก็ยังไม่ยอมหยุด เธอจึงหยุดเขาด้วยการกอดเอวหนานั้นไว้
      “มุกรักพี่เต้นะ”

       เต้หลับไปแล้ว ผิดกับมุก เธอจ้องมองรูปหน้าคมของชายหนุ่มอย่างไม่อาจละสายตา มือบางลูบไล้ใบหน้านั้นแผ่วเบาหญิงสาวไม่อาจข่มตาหลับลงได้ มุกกลัวเหลือเกินว่านี่มันจะเป็นเพียงแค่ภาพฝัน เธอกลัวว่าพอตื่นมาอ้อมแขนแข็งแรงนี้จะหายไปเหลือไว้เพียงตัวเธอกับคราบน้ำตาที่เปียกปอนเต็มสองแก้มเหมือนเช่นทุกคืน
      เวลาก็เหมือนสายน้ำ มันไหลไปอย่างไม่อาจหยุดยั้ง เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้ามาเยือนภาพที่ราวกับความฝันนั้นก็จบลง ฝนตกหนักแต่เช้า เหมือนสะท้อนความรู้สึกในใจของมุก คนทั้งคู่ต่างเก็บข้าวของกันอย่างเงียบๆ
      รถเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา มุกมองภาพเต็นท์ที่เคยได้นอนกอดชายคนรักไว้แนบกายอย่างเจ็บปวด เธอฝังภาพทุกภาพลงในความทรงจำเพราะรู้สึกราวกับว่านี่จะเป็นเพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะได้มาเยือนมัน
      เต้ใช้เวลาที่เหลือทั้งวันพามุกขับรถตระเวนแวะเที่ยวไปเรื่อยๆจนมืดค่ำ แม้ฝนจะตกตลอดทางแต่เขาก็สนุกที่ได้เห็นผู้หญิงตรงหน้าหัวเราะแล้ววิ่งเล่นตากฝนไปทั่ว แต่แล้วการโทรเข้าของเกดก็ดึงเขาให้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง และรู้ว่าตัวเองควรจะต้องทำอะไร
      “เราจะได้มาเที่ยวด้วยกันแบบนี้อีกไหมคะพี่เต้” เธอถาม ทั้งๆที่ใจตอบคำถามนั้นไว้แล้ว แต่ก็ยังคงภาวนากับเศษเสี้ยวความหวังเล็กๆนั้น
      “เราคงไม่ได้มาอีกแล้วล่ะมุก” เขาตอบ มุกเงียบรอฟังสิ่งที่เต้จะพูดต่อไป เต้ยื่นมือมาบีบมือบางนั้นอย่างแน่นหนัก แม้จะบอกว่าตัวเองไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้ แม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าเขาจะพูดอะไร แต่มันกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลานี้จริงๆ แต่เขาต้องทำ
      “พี่กำลังจะแต่งงานกับเกด” เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางใจดวงเล็กๆ มุกดึงมือตัวเองกลับมาประสานกันแน่นไว้ตรงหน้าตัก เธอก้มหน้านิ่ง มันชาไปหมดทั้งตัวหัวใจและความรู้สึก
      “เราเลิกกันเถอะมุก”
      คำพูดง่ายๆ แต่กลับยากเย็นในความรู้สึกของคนที่ได้ฟัง น้ำตาเม็ดโตร่วงลงบนตัก มุกทำได้เพียงก้มหน้ามองสองมือตัวเองที่บีบกันแน่นเล็บเรียวยาวจิกฝังลงบนผิวสีเปลือกไข่สร้างรอยแดงลึกไว้เด่นชัด แต่ความเจ็บปวดคงเทียบกันไม่ได้กับสิ่งที่ใจเธอกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้แม้แต่น้อย
      “มันสายไปแล้วหรือเปล่าคะพี่เต้” เสียงแผ่วรอดริมฝีปากบางดังขาดๆหายๆ เต้ทำเสียงรำคาญในลำคอ เขาไม่ชอบเลยกับท่าทีเหมือนลูกนกบาดเจ็บของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนผิดอยู่แต่เพียงผู้เดียว
      “แล้วมุกจะให้พี่ทำยังไง เรื่องของเรามันผิดมุกก็รู้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่พยายามทำดีที่สุดแล้วทั้งกับมุกแล้วก็กับเขาคนนั้น แต่กับมุกพี่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ มุกก็รู้” ยิ่งพูดไหล่เล็กของหญิงสาวกลับยิ่งสั่นเธอเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้โดยไร้เสียง สร้างความหงุดหงิดให้คนอารมณ์ร้อนอย่างเขามากขึ้น ข้างนอกฝนก็ตกหนัก มันยากไม่ใช่น้อยเลยกับการต้องประคองอารมณ์ และควบคุมสติให้ขับรถฝ่าฝนในยามค่ำคืนไปได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน
      “มันสายไปแล้วค่ะ พี่เต้ มันสายไปแล้ว มุกเลิกกับพี่ไม่ได้ ถ้าพี่อยากให้มุกไปจากชีวิตพี่ มีทางเดียว พี่ฆ่ามุกเถอะ ไม่มีพี่ชีวิตมุกก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมอีกแล้ว”
      “มุกจะให้พี่ทำยังไง” เขาถามเสียงเรียบ
      “ไม่ต้องทำยังไง เราก็แค่เป็นเหมือนเดิม มุกไม่ได้ต้องการครอบครองพี่ มุกแค่อยากอยู่ข้างๆพี่ในฐานะอะไรก็ได้ แต่อย่าให้มุกออกจากชีวิตพี่เลยนะคะ นะคะ” หญิงสาวพยายามอ้อนวอนเขา แต่คนที่หมดรักแล้ว ต่อให้เอาเทวดาหน้าไหนมารั้ง สุดท้ายเขาก็จะไป
      “แต่พี่กำลังจะแต่งงาน มุกเข้าใจไหม พี่กำลังจะแต่งงานกับเขามุกได้ยินไหม ถ้ามุกรักพี่จริงๆมุกต้องปล่อยพี่ไปสิ ถ้ามุกบอกว่าจะทำในสิ่งที่เป็นความสุขของพี่ เราต้องจบมุกเข้าใจไหม”เขาขึ้นเสียงอย่างเหลืออด หญิงสาวกรีดร้องอย่างคนเสียสติ
      “ม่ายยยยยยย พี่เต้นั่นแหล่ะที่ไม่เข้าใจ ทำไมล่ะ วันที่มุกต้องการจบและเดินออกไปจากชีวิตพี่แล้ว พี่เต้กลับมาทำไม พี่กลับมาหามุกอีกทำไม พี่ทำไมไม่ปล่อยให้มุกไปตั้งแต่ตอนนั้น พี่ขอร้องให้มุกอยู่กับพี่แล้วพอตอนนี้พี่จะมาไล่มุกไป พี่เต้ใจร้าย พี่เต้ใจร้าย” พูดจบมุกปล่อยโฮลั่นรถ ใช่สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง มันทำให้เขาเถียงไม่ออก ชายหนุ่มกำหมัดกระแทกพวงมาลัย แตรรถส่งเสียงกรีดร้อง ฝนฟ้าก็โหมกระหน่ำราวกับร้องไห้ไปพร้อมๆกับหญิงสาวผู้น่าสงสาร
      เนิ่นนาน เต้เงียบฟังร่างบางร้องไห้สะอื้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คนกำลังจะมีความสุขคงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของคนที่กำลังจะสูญเสียสิ่งที่เธอคิดว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไปหรอก หงุดหงิดเป็นบ้า ชายหนุ่มคิด เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับความผิดที่ตัวเองเป็นคนก่อขึ้นอีกแล้ว เต้เปิดประตูลงจากรถทั้งๆที่เม็ดฝนยังพรั่งพรูลงมา
      มุกเห็นดังนั้น ความกลัวสูญเสียและเป็นห่วงคนรักทำให้เธอลงจากรถตามเขาไป หญิงสาวตะโกนเรียกชื่อเขาแข่งกับสายฝน แต่เต้ไม่หันกลับไปมอง เธอวิ่งอย่างยากลำบากพยายามฉุดแขนเขาเอาไว้
      “ฝนยังตกอยู่เลย พี่เต้จะไปไหนคะ”
      “เบื่อ รำคาญคนพูดไม่รู้เรื่อง พี่จะไปปล่อย”
      “พี่เต้ แต่ฝนมันตกอยู่นะคะกลับไปที่รถเถอะอันตราย มุกจะไม่ร้องไห้แล้วนะคะนะคะ มุกสัญญา”
      “ปล่อย” เขาแกะมือหญิงสาวออก พลางเดินต่อไปโดยไม่สนใจมือเล็กๆที่พยายามฉุดรั้งเขาไว้ด้วยความห่วงใย เขาในตอนนี้ไม่มีสติพอจะมองเห็นรถบรรทุกคันใหญ่ที่แล่นฝ่าฝนมาด้วยความเร็วสูงและกำลังพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของคนทั้งคู่
      เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเสี้ยววินาที ชายหนุ่มรู้เพียงร่างของเขาถูกผลักกลิ้งตกลงบนไหล่ทาง ท่ามกลางเสียงฝน เขาได้ยินเสียงของหญิงที่เคยรักตะโกนเรียกชื่อเขาก่อนจะกลายเป็นเสียงโครมใหญ่เสียงอะไรหนักๆตกกระทบพื้น ตามมาด้วยเสียงรถใหญ่เบรก แล้วจบลงที่เสียงรถขับออกไปด้วยความรีบร้อน
      เขาตั้งสติ พาร่างตัวเองตะเกียกตะกายปีนขึ้นมาบนท้องถนนแต่ทำไม่ได้ง่ายนัก เพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้พื้นดินทั้งลื่นและเฉอะแฉะไปด้วยโคลนทั้งหมด แต่เขาไม่สนใจแล้ว แม้จะอยากจบความสัมพันธ์ครั้งนี้แค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการให้มันจบแบบที่มุกบอกจริงๆ ในใจเขาหวังว่าจะเห็นมุกนั่งกอดเข่าร้องไห้ด้วยความตกใจอยู่ริมถนน ใช่ถ้ามันเป็นแบบนั้นเขาจะกอดและปลอบโยนเธอเหมือนเช่นทุกๆครั้งที่เขาทำ
      แต่ทว่า สิ่งที่รอเขาอยู่ตรงหน้า กลับเป็นเพียงร่างกายแหลกละเอียดของหญิงสาวผู้โชคร้าย ร่างบางนอนจมกองเลือดสีจางท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย เจ็บ แค่หายใจก็ร้าวไปหมดทั้งตัว แต่หญิงสาวก็ยังพยายามร้องเรียกหาชายคนรัก เธอได้เพียงลิ้มรสคาวเค็มของเลือดเท่านั้น มุกพยายามจะยันตัวขึ้นแต่ก็ไม่เป็นผล สิ่งเดียวที่เธอทำได้ คือภาวนาขอแค่ให้เขาปลอดภัยเท่านั้นพอ บางทีเป็นแบบนี้อาจจะดีแล้วก็ได้ เพราะพี่เต้จะได้แต่งงานอย่างมีความสุข และเธอเองก็ไม่ต้องทนแบกรับความเจ็บปวดในวันที่ไม่มีเขาอีกต่อไป
      “มุก” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอ สองมือโอบประคองช้อนร่างที่หายใจรวยรินราวกับจะหยุดลงในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาเรียกชื่อเธอซ้ำๆ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาแม้เพียงน้อย เขาเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกที่จะต้องสูญเสียมันเป็นยังไง
      “มุก มุกต้องไม่เป็นอะไรนะครับ พี่จะพามุกไปหาหมอนะ อย่าไปจากพี่นะมุก พี่ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มร้องไห้ เขาแนบหน้าที่มีแต่บาดแผลลงกับอก มันจะต้องไม่เป็นแบบนี้ เขาไม่ต้องการสูญเสียเธอไปแบบนี้
      “มุกครับ กลับมานะ พี่จะไม่ทิ้งมุกไปแล้วนะ กลับมาอยู่กับพี่นะคนดี เราจะเริ่มกันใหม่นะมุก มันต้องไม่เป็นแบบนี้ พี่ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ มุกต้องไม่เป็นอะไรได้ยินไหม” หญิงสาวอยากจะตะโกนบอกเขาเหลือเกินว่าเธอได้ยินและเธอเองก็ไม่ได้ต้องการจะจากเขาไปตลอดกาลเช่นกัน
       “มุก ทำใจดีๆไว้นะ พี่จะพามุกไปรพ.นะ พี่รู้มุกเจ็บแต่อดทนไว้นะครับ เดี๋ยวก็หายแล้วนะ” เขาพยายามประคองร่างของมุกไปที่รถ ปากร้องเรียกชื่อของเธอใจก็ได้แต่สวดภาวนาให้เธอไม่ทิ้งเขาไป
      เขาค่อยๆวางร่างเธอที่เบาะหลังอย่างแผ่วเบา รู้เพียงอย่างเดียวต้องพาเธอไปรพ.ให้เร็วที่สุด ด้วยความรีบร้อนทำให้เขามองไม่เห็นรถกระบะที่วิ่งผิดเลนและพุ่งตรงใส่ร่างของเขาด้วยความเร็วสูงเช่นกัน

      “เต้ เต้ ได้ยินเกดไหม เต้”  ชายหนุ่มลืมตาช้าๆ เขามึน งงไปหมด เกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว จริงสิก็เขากำลังจะพามุกไปโรงพยาบาลนี่นะ แล้วมุกล่ะ
      “เต้ ได้ยินเกดไหม นี่เต้จะไปไหนน่ะ เต้ หมอคะ” เสียงแหลมๆของใครสักคนกำลังตะโกนเรียกชื่อเขาอยู่ ใครกันนะ แต่ช่างเถอะแล้วมุกล่ะ มุกอยู่ที่ไหน เขาอยากรู้แค่ว่าเธอปลอดภัยดีเท่านั้นเอง เต้พยายามเหลือเกินที่จะลุกเดินออกไปตามหามุก แต่ร่างกายเขากลับขยับไม่ได้อย่างใจ แล้วใครอีกหลายคนก็พยายามห้ามไม่ให้เขาทำอย่างนั้น สุดท้ายเต้ก็หลับใหลเพราะฤทธิ์ยาสลบที่หมอฉีดให้

      1 เดือนผ่านไป
      ชายหนุ่มก้มกราบเท้าหญิงชราตรงหน้าทั้งน้ำตา นางใช้สองมือสั่นเทาประคองร่างหนานั้นขึ้นมานั่งข้างๆทั้งน้ำตาเช่นกัน
      “ยายครับผมขอโทษ”
      “ไม่เป็นไรหรอกพ่อเต้ ยายเข้าใจมันเป็นอุบัติเหตุ แม่มุกเขาทำบุญมาแค่นี้ แต่แกช่างน่าสงสารเกิดมาพ่อแม่ก็ชิงตายจาก ขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เด็ก พอโตเป็นสาวยังไม่ทันจะรู้จักความสุขเสียด้วยซ้ำก็มาด่วนจากไปเสียก่อน”
      “ผม...”
      “ยายไม่ได้โกรธพ่อเต้ ไม่มีใครโทษใครทั้งนั้นแหล่ะลูก อย่าโทษตัวเองเลย จะไปดูห้องแม่มุกไหม ยายเก็บทุกอย่างไว้เหมือนเดิม ยายว่าคงมีหลายๆอย่างที่แม่มุกเขาอยากให้พ่อเต้นะ ทำตามใจชอบเลยจะเอาอะไรก็เอาไป แม่มุกคงมีความสุขมากหากรู้ว่าพ่อเต้มาหาเขา” พูดจบหญิงชราเดินนำชายหนุ่มไปยังห้องเล็กๆ ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไป เขาแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
      ‘โลกของมุกมีแต่พี่เต้นะคะ’
      ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกเขาไว้แบบนั้น ซึ่งเขาเคยหัวเราะและเหยียดหยามมันในใจว่ามันก็แค่เรื่องเพ้อฝันของเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งวินาทีที่เขายืนอยู่ตรงนี้ มันไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด
      ผนังห้องแทบทั้งหมด มีแต่ภาพของเขาที่เธอแอบถ่ายไว้บางภาพเขาก็เคยเห็นบางภาพเขาก็ไม่เคยเห็น บางส่วนก็เป็นภาพของเธอที่เขาถ่ายให้ ทุกๆภาพมีลายมือเล็กๆเป็นระเบียบเขียนกำกับเรื่องราวเอาไว้ เขามองภาพตัวเองที่กำลังหลับคอพับอยู่กับโต๊ะ
      ‘แอบถ่ายตอนพี่เต้หลับ ตื่นเต้นแทบตายกลัวเขาจะตื่นมาเห็น’ ภาพที่อยู่ข้างๆกันเป็นภาพเธอกำลังหัวเราะเต็มที่
      ‘ภาพแรกที่พี่เต้ถ่ายให้ หัวเราะจนหมดสวยเลยแต่ก็มีความสุขที่สุด’ ชายหนุ่มไล่นิ้วไปทีละภาพๆน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่อาจกลั้น กวาดตามองจนทั่วห้องสายตากลับไปหยุดที่กล่องของขวัญกล่องเล็กๆบนโต๊ะจักรเย็บผ้า เขาหยิบมันขึ้นมามีการ์ดใบเล็กๆแนบไว้ เขาอ่านลายมือที่คุ้นตานั้น
      ‘สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่เต้ นี่คงเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายแล้วที่มุกจะให้พี่ มันก็เป็นเสื้อที่มุกตัดเอง ของห่วยๆคงสู้เสื้อมีแบรนด์แบบที่พี่ใส่ไม่ได้หรอก แต่มุกอยากให้พี่เก็บไว้ เผื่อสักวันหนึ่งพี่เห็นมันแล้วจะนึกถึงมุกขึ้นมาบ้าง ส่วนของขวัญอีกชิ้นที่มุกจะให้พี่ มุกจะไปจากชีวิตพี่ตลอดกาลค่ะ มุกถือโอกาสนี้อวยพรให้พี่มีความสุขกับอนาคตของพี่นะคะ มุกรักพี่เต้นะคะ และจะรักตลอดไป ขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ให้กับมุก ลาก่อนนะคะมุกจะไม่อยู่รบกวนพี่อีกแล้ว’
      เต้กอดกล่องของขวัญแนบอก เขาร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร อีกสามเดือนจะถึงวันเกิดของเขา มุกเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว เธอตั้งใจจะถือโอกาสนั้นไปจากชีวิตเขาแม้เขาจะไม่ร้องขอก็ตาม เขาไม่เข้าใจเลย แล้วทำไมวันนั้นเธอถึงยังทำตัวงี่เง่าเหมือนคนไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง มันทำให้เขาต้องทำร้ายเธอ มันทำให้เขากลายเป็นคนจบชีวิตเธอด้วยตัวของเขาเองทำไม
      ตุ๊บ เสียงบางอย่างหนักๆตกลงกระทบพื้น เต้มองตามเสียงนั้น เขาพบหนังสือเล่มหนาหนักสีสวยหวานหล่นลงบนพื้น เต้หยิบมันขึ้นมาจึงพบว่าเป็นไดอารี่ของมุก เขาเปิดมันออกช้าๆ
      ในช่วงแรก ไม่มีอะไรมากกว่าความเพ้อฝันของเด็กสาวคนหนึ่ง เขาเปิดอ่านมันไปทีละหน้าๆอย่างไม่รีบร้อน
      เรื่องราวชีวิตของเด็กสาวในมุมที่เขาไม่เคยได้รู้ บนความเพ้อฝันของมุก มันกลับเต็มไปด้วยความตั้งใจจริงและเธอพยายามทำทุกอย่างให้เป็นอย่างที่เธอฝันมาตลอด ยิ่งอ่านไปน้ำตากลับยิ่งไหล มุกเขียนทุกอย่างไว้ทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกับเขา เรื่องราวของเขาทั้งสองคนแม้จะเล็กน้อยแค่ไหนเธอก็บันทึกไว้ไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่นิดเดียว
      ‘เพิ่งรู้ว่าพี่เต้กลัวแมลงสาป ผู้ชายตัวโตกลัวแมลงสาปน่ารักชะมัด แต่มุกไม่กลัว เอาไว้มุกจะเป็นฮีโร่ปกป้องพี่เต้จากแมลงสาปเองเนอะ’
      ‘ได้ยินเสียงพี่เต้ร้องเพลงเป็นครั้งแรก เสียงเพราะจัง มุกรักพี่เต้ที่สุด’
      ‘วันนี้ทำซูชิเป็นแล้ว พี่เต้บอกว่าว่างๆจะไปปิกนิกกัน มุกอยากทำไปให้พี่เต้ชิมจัง เขาจะชอบไหมนะ’
      ‘พี่เต้หายไปซะหลายวัน เพิ่งรู้ว่าพี่เต้ไม่สบาย พี่เต้คงไม่รู้หรอกเนอะว่ามุกเจ็บพอๆกับที่พี่เจ็บนั่นแหล่ะ ทำยังไงดี อยากไปหาพี่เต้เดี๋ยวนี้เลย อยากไปอยู่ข้างๆอยากดูแลพี่เต้ แต่มุกกลับทำอะไรไม่ได้เลยเจ็บใจตัวเองที่สุด’
      ‘วันนี้มุกเป็นเด็กไม่ดีเลย มุกทำให้พี่เต้โกรธ พี่เต้บอกจะไม่คุยกับมุกอีกแล้ว จำไว้นะมุกอย่าทำตัวแบบนี้อีกเข้าใจไหม’
      ‘เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้คุยกับพี่เต้แล้ว พี่เต้คงเบื่อที่มุกเป็นเด็กไม่ยอมโตสักที ตั้งแต่วันนี้มุกจะไม่งอแงแล้ว มุกจะเป็นเด็กดี มุกจะทำทุกอย่างขอแค่ให้พี่เต้ยังอยู่กับมุกก็พอ’
      ‘มันคงหมดเวลาของมุกแล้วใช่ไหม พี่เต้ไม่รับโทรศัพท์มุกเลย เขาคงไม่ต้องการเราอีกต่อไปแล้วใช่ไหม แววตาที่มองมุกก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทำไมกันคะ’
      ‘วันนี้ไปซื้อผ้าตัดเสื้อจะให้เป็นของขวัญวันเกิดพี่เต้ มุกเจอพี่เต้ด้วยนะ พี่เต้มากับพี่เกด อีกไม่นานเขาคงแต่งงานกันแล้วสินะ มุกจะทำยังไงดี มุกรักพี่เต้ พี่เต้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของมุก ถ้าพี่เต้ไม่อยู่แล้วมุกจะอยู่ยังไงกันนะ’
      ‘ปาฏิหาริย์มันมีจริงใช่ไหมคะ พี่เต้จะพามุกไปเที่ยวล่ะ ดีใจที่สุด นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ที่มุกจะได้ไปเที่ยวกับพี่เต้อีก มุกตัดสินใจแล้ว วันเกิดพี่เต้มุกจะให้ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเขา มุกจะไปจากชีวิตของพี่เต้ นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ผู้หญิงอย่างมุกจะทำให้กับคนที่มุกรักที่สุดคนนี้ แต่ว่า ช่วงเวลาที่เหลือ
      ต่อจากนี้ ขอมันให้มุกนะคะ ขอให้มุกได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลาที่ดีที่สุดเอาไว้ อย่างน้อยๆก็ให้มุกได้คิดถึงในวันที่มุกต้องเดินต่อไปเพียงลำพังบนโลกใบนี้’

      เพี๊ยะ สิ้นเสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าของชายหนุ่ม เกดทิ้งตัวลงนั่งอย่างคนหมดเรี่ยวแรง
      “ขอโทษนะเกด” เต้พูดได้เพียงเท่านั้น เขาก้มหน้านิ่งไม่กล้าพอที่จะมองสบตาแข็งกร้าวคู่นั้น
      “เต้พูดออกมาได้ยังไง จะไม่แต่งงานกับเกด เต้พูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า เต้รู้ตัวไหม” หญิงสาวกรีดร้องอย่างขัดใจ
      “เต้รู้ เต้ผิดเอง”
      “มันไม่ใช่แค่ผิด เต้บ้าหรือเปล่า อีกแค่ไม่กี่เดือนเองนะ งานก็เตรียมหมดแล้ว การ์ดก็แจกหมดแล้ว จู่ๆเต้มาล้มงานแต่งแบบนี้ เต้คิดถึงเกดบ้างไหม คนอื่นเขาจะมองเกดยังไง เต้คิดบ้างสิ คิดบ้าง”
      “เต้...”
      “ขอโทษนะเกด ขอโทษจริงๆ เต้ยินดีชดใช้ทุกอย่าง แต่เต้แต่งงานกับเกดไม่ได้จริงๆ” พูดจบชายหนุ่มลุกขึ้นเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
      เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าหากวันนี้มุกยังคงอยู่ เธอจะเป็นยังไง เด็กสาวอาจจะเดินก้มหน้าร้องไห้อยู่ลำพังที่ไหนสักแห่งในเมืองที่สับสนวุ่นวายแห่งนี้ ในขณะที่ตัวเขาหัวเราะกินข้าวดูหนังอย่างมีความสุขกับหญิงสาวที่เขาเรียกอย่างเต็มปากว่าแฟน
      การจากไปของมุก ทิ้งอะไรเอาไว้มากมายเกินกว่าที่เขาจะลืมเลือนมันแล้วก้าวเท้าเข้าสู่พิธีวิวาห์ได้อย่างหน้าชื่นตาบาน แม้จะไม่มีใครโทษว่าการตายของมุกเป็นความผิดของเขา แต่ตัวเขานั่นแหล่ะที่ไม่อาจจะยกโทษให้ตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย เขาผิดที่มองข้ามบางสิ่งบางอย่าง เขาผิดที่ไม่ยอมเปิดใจรับความรู้สึกทั้งของตัวเองและของมุก เมื่อสูญเสียจึงได้เข้าใจ แต่มันก็สายเกินกว่าจะแก้ไขอะไรๆได้อีก
      มันอาจจะเป็นบทลงโทษที่เขาทอดทิ้งเธอ ตอนนี้เขาเองสูญเสียทุกสิ่งไปหมดแล้วเช่นกัน ทั้งหญิงสาวที่รักเขาจนหมดหัวใจ และคนที่เขารัก งานแต่งงานแสนหวานที่เขาเคยต้องการก็ไม่มีอีกแล้ว บางทีมุกเองก็อาจจะเคยรู้สึกแบบนี้ มืดมนแล้วเคว้งคว้าง เต้เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนมองไม่เห็นสัญญาณไปจราจรที่เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว พร้อมกับรถสปอร์ตสีดำที่เหยียบคันเร่งพุ่งเข้าใส่เขาอย่างจัง
      มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่า...กว่าจะรู้ว่าอะไรสำคัญก็ต่อเมื่อเราสูญเสียสิ่งนั้นไป
      มีใครบางคนเคยบอกไว้ว่า...เรามักเรียนรู้ว่าเราได้ผิดพลั้งก็ในวันที่สายเกินไป
      และอีกหลายๆคำกล่าว...
      สายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ เวลาไม่เคยคอยใคร นาฬิกาไม่เคยเดินกลับหลัง
      เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเราจะสามารถอยู่ร่วมกับคนที่เรารักได้จนถึงเมื่อไหร่
      อย่ารอให้ทุกอย่างมันสายจนเกินไป...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×